ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO]What is missing one? (laychen)

    ลำดับตอนที่ #2 : ☂- second talk

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 57


    Minor!




    .second talk.

     

      ปลายนิ้วทั้งสิบกดตามตัวอักษรต่างๆบนแป้นพิมพ์อย่างชำนาญมือ ดวงตากลมภายใต้แว่นกรอบหนาสีดำยังคงให้ความ
    สนอกสนใจกับเจ้าหน้าจอสี่เหลี่ยมที่ส่องแสงสว่างอยู่ตรงหน้าของตน  เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นานนักเสียงการกดแป้นพิมพ์ที่
    ดังขึ้นเป็นจังหวะก็เงียบหายไป ก่อนที่เจ้าของมือขาวคู่นั้นจะละความสนใจกับงานที่อยู่ตรงหน้าแล้วตัดสินใจชะโงกหน้าออก
    จากเจ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อมองใครบางคนที่วุ่นอยู่กับการตามหาอะไรบางอย่างอยู่เนิ่นนานราวครึ่งค่อนวันแทน


      คิม จุนมยอนขมวดคิ้ววุ่นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังก้มๆเงยๆอยู่กับลังกระดาษขนาดใหญ่ที่เจ้าตัววานขอให้เขายกออกมาจาก
    คลังเก็บหนังสือเมื่อประมาณสามชั่วโมงที่แล้ว และเขาเองก็เพิ่งจำได้ด้วยว่าตั้งแต่ยกเจ้าลังนั่นออกมา เขาเองก็ไม่เห็นจงแด
    จะเดินทั่วห้องสมุดเพื่อหาหนังสืออ่านฆ่าเวลาเล่นเหมือนเช่นที่เคยทำ


     และยังไม่นับรวมจุดที่น่าประหลาดใจอีกจุดหนึ่งที่ว่าอีกฝ่ายขอให้เขายกมาเฉพาะลังเก็บหนังสือที่เกี่ยวกับนวนิยายจีนเพียง
    เท่านั้น  เขาค่อนข้างมั่นใจว่าจงแดเป็นเด็กน้อยผู้หลงใหลในตัวอักษรบนกระดาษทุกประเภท จึงไม่เป็นเรื่องแปลกที่จะเห็น
    อีกฝ่ายเดินเข้าออกในหมวดหนังสือต่างๆอยู่บ่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่จุนมยอนยังไม่เคยเห็นตั้งแต่เข้ามาทำงานที่นี่ก็คือการที่จงแด
    เดินเข้าไปในหนังสือหมวดวรรณกรรมนวนิยายจากประเทศจีนที่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบฉบับที่ผ่านการแปลมาแล้วก็ตามที


     

      “หาอะไรอยู่หรือเปล่าจงแด? พี่เห็นเราค้นมันมาสามชั่วโมงแล้วนะ”


     เมื่อความอยากรู้มันสุมอยู่เต็มปอดเต็มอก คนเป็นพี่ที่อดสงสัยในพฤติกรรมแปลกๆของคนอายุน้อยกว่าไม่ได้จึงเอ่ยไถ่ถาม
    ไปด้วยความเป็นห่วง ฝ่ายแบคฮยอนที่กำลังเรียงใบยื่นขอเข้าใช้บริการของสมาชิกประจำห้องสมุดก็เงยหน้ามามองอีกคนที่
    นั่งอยู่ท่ามกลางกองหนังสือกองพะเนินที่วางขนาบทั้งด้านหน้า ด้านข้าง และด้านหลังของตนด้วยเช่นกัน จนจุนมยอนแอบ
    คิดว่าถ้าอีกฝ่ายยังคงตะบี้ตะบันหา
    อะไรบางอย่างอยู่อย่างนี้ คงมีหวังได้เห็นจงแดจมหายไปในกองหนังสือนับร้อยนับพันนี่
    แน่ๆ

     


      “นั่นน่ะสิ ฉันไม่คิดว่านายจะพิศวาสพวกหนังสือประเภทนี้เท่าไหร่นักหรอกนะ”


     แบคฮยอนที่วางกองเอกสารลงกับเคาน์เตอร์เดินไปช่วยเก็บหนังสือที่ดูท่าทางว่าจะไม่ใช่สิ่งที่อีกคนกำลังตามหาวางเรียงลง
    ในลังเปล่าที่ถูกยกออกมาดังเดิม ฝ่ายจงแดก็คว้าสมุดคู่ใจเล่มเดิมพร้อมกับกระดาษที่ใครคนนั้นได้ให้เขาไว้เมื่อสามชั่วโมง
    ก่อน เด็กหนุ่มท่ามกลางกองหนังสือก้มลงจดอะไรบางอย่างอยู่กับกระดาษสักพักก่อนจะหันหน้าสมุดที่เขียนพร้อมกับแนบ
    หน้ากระดาษที่ได้รับมาให้กับแบคฮยอนเพื่อต้องการจะส่งสารขอความช่วยเหลือที่นานๆครั้งแบคฮยอนจะได้พบเจอ
    สถานการณ์อะไรแบบนี้

     


    遇見一片微笑的,雪


    หิมะที่อมยิ้ม

    ฉันกำลังตามหาเจ้าหนังสือเล่มนี้อยู่พอดี นายพอจะคุ้นชื่อบ้างไหม?

     

      แบคฮยอนเอื้อมมือไปรับเจ้าสมุดและกระดาษสีขาวนั่นมาพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากเขาเป็นคนรับหน้าที่ตรวจเช็คหนังสือ
    ในหมวดนวนิยายต่างประเทศ จึงไม่แปลกถ้าหากจะมีรายชื่อหนังสือนับพันที่ผ่านตาเขามาอยู่เรื่อยๆ แต่ดูเหมือนว่าจะยิ่งนึก
    เท่าไหร่คนความจำเป็นเลิศอย่างแบคฮยอนก็นึกไม่ออกเสียทีว่าเคยพบเคยเจอหนังสือเล่มนี้บ้างหรือเปล่า


     

     

      “ขอโทษจริงๆนะจงแด ... แต่เท่าที่ฉันจำได้ ฉันไม่คุ้นกับชื่อเจ้านี่เลยอ่ะ”


     จงแดที่พยักหน้าขึ้นลงเป็นเชิงรับรู้ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความหวังในการตามหาเจ้าหนังสือเล่มนี้ของเขาชักจะ
    ติดลบ ขนาดแบคฮยอนที้ใช้ชีวิตกับเจ้าหนังสือหมวดนี้ยังไม่คุ้นเคยเลย แล้วคนที่เอาแต่อ่านหนังสือเด็กน้อยอย่างคิมจงแด
    จะไปหาเจอได้ยังไงกัน

     


     ยิ่งคิดก็ยิ่งเหนื่อยใจ เฮ้อ

     


      “พี่จุนมยอนครับ พี่พอจะคุ้นชื่อนี้บ้างไหม?”


     คนเป็นเพื่อนที่ดูเหมือนต้องการจะช่วยจึงหันไปขอความช่วยเหลือคนเป็นพี่ที่น่าจะมีประสบการณ์มากกว่าเขาด้วยทั้งอายุ
    ทางการทำงานและอายุส่วนตัว ฝ่ายจุนมยอนที่เงยหน้ามามองคนทั้งคู่อีกครั้งก็ขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก เพราะหน้าที่เขาก็มี
    เพียงแค่ตรวจเช็คความเรียบร้อยโดยทั่วไป ซึ่งถ้าหากไม่มีเจ้าหนังสือเล่มไหนหาย สิ่งที่เรียกว่าชื่อหนังสือก็ไม่มีทางผ่านหน้า
    ผ่านตาเขาเป็นแน่แท้

     


      “ชื่อว่าอะไรหรอ?”


      “เจอหิมะที่อมยิ้มครับ”


      “ไม่คุ้นเลยแฮะ...เอางี้ เดี๋ยวพี่จะลองค้นดูในรายชื่อหนังสือที่ถูกยืมในช่วงนี้ให้ล่ะกัน เผื่อจะมีคนยืมไป”


     เมื่อเห็นว่าคนอายุน้อยกว่าตอบรับความช่วยเหลือของเขาด้วยการยิ้มหวานตบท้ายด้วยการพยักหน้าขึ้นลงรัวๆเป็นการยืนยัน
    อีกทีจุนมยอนก็อดยกยิ้มกว้างตามไม่ได้ มือทั้งสองของเขากดลงบนแป้นพิมพ์เดิมอีกครั้งเพื่อค้นหารายชื่อหนังสือที่ถูกยืมทั้ง
    ในช่วงเดือนนี้และช่วงสองสามเดือนก่อน คิมจุนมยอนไม่นึกใคร่สงสัยหรอกว่าทำไมจงแดถึงต้องลงทุนตามหาหนังสือเล่ม
    นั้นมากขนาดนี้ แค่เพียงเห็นรุ่นน้องมีความสุขจนยิ้มกว้างมากขนาดนั้นเขาก็พอใจที่จะช่วยเหลือทุกเมื่ออยู่แล้ว


     

      “อ๋า~ ทำไมหนังสือเล่มเดียวมันถึงได้หายากหาเย็นขนาดนี้กันนะ”


     จงแดมองเพื่อนร่วมงานที่มัวแต่เอากำปั้นมือทุบลงตรงไหล่ทั้งสองข้างสลับกันไปมาพร้อมกับโอดโอยถึงความเมื่อยล้าและ
    ความยุ่งยากในการทำภารกิจครั้งนี้ ตัวแบคฮยอนที่ตอนนี้กำลังไถลจนแทบจะนอนลงไปกับพื้นก็กระเด้งขึ้นมาก่อนจะยืดเส้น
    ยืดสายอีกครั้งด้วยการบิดลำตัวไปมา


     เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงที่ตัวเขา แบคฮยอนและพี่จุนมยอนต่างก็ทุ่มเทให้กับเจ้าหนังสือเล่มเดียวที่ดูเหมือนจะกลายเป็นเพียง
    การสูญเสียเวลาเปล่าๆ เพราะนอกจากจะไม่เห็นแม้แต่ผงฝุ่นของหนังสือที่ว่า จงแดเองก็มองไม่เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของกราฟ
    ความหวังในการตามหาหนังสือของคุณจางผู้ใจดีเลยแม้แต่สักนิด แถมยังมีทีท่าเหมือนว่าจะกราฟเส้นนั้นถดถอยจนจวนจะ
    ใกล้คำว่าติดลบมากเข้าไปทุกที

     

     


    คุณจางครับ จงแดต้องขอโทษจริงๆนะครับ

     


      แรงสะกิดที่ข้างหลังทำให้แบคฮยอนที่กำลังตรวจสอบชื่อปกหนังสือชนิดระดับใกล้ชิดจนแทบจะหลอมเหลวรวมกันเป็น
    หนึ่งเดียวกันไปเสียแล้วเงยหน้าขึ้นมา กระดาษสมุดที่แสนคุ้นถูกเขียนด้วยลายมือเป็นระเบียบยกขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าของ
    คนเขียนที่โผล่ออกมาจากด้านข้าง เขากวาดสายตาอ่านเพียงครู่ก่อนจะยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวแทบจะครบสามสิบสองซี่


     

    นี่ก็เย็นแล้ว กลับบ้านกันเถอะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาลองหากันใหม่นะ ^^’

     

      

     



     

    แกร๊ก

     

      กล่องนมรสจืดขนาดเล็กถูกเทลงบนชามข้าวสีมอมที่ผ่านร้อนผ่านฝนมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ หลังจากที่เทของเหลวลง
    ชามเสร็จมือทั้งสองข้างก็ปรบประกอบเป็นจังหวะ และไม่เพียงกี่อึดใจพุ่มไม้ขนาดเตี้ยที่อยู่ข้างลำตัวของเด็กหนุ่มก็สั่นไหวไป
    มาก่อนจะปรากฏร่างผอมที่มีขนแนบไปกับลำตัวสีเทาอ่อนได้ออกมาจากที่ซ่อนให้อีกฝ่ายได้เชยชม ลิ้นเล็กๆของเจ้าแมวตัว
    นั้นเลียลิ้มรสความหอมและกลมกล่อมของนมสดก่อนจะส่งเสียงครางอือในลำคออย่างพึงพอใจ มือเล็กๆของจงแดลูบหัว
    แมวน้อยอย่างเอ็นดู ริมฝีปากที่ยกยิ้มตลอดเวลาก็ดูเหมือนจะยกยิ้มกว้างตามโดยไม่รู้ตัว


     

      ลิ้นเล็กๆของเจ้ามอมกำลังเลียปลายนิ้วเขาอย่างออดอ้อน อุ้งเท้าเล็กๆทั้งสองข้างยกขึ้นตะปบมือของเด็กหนุ่มโดยหมายจะ
    เป็นที่ยึดเกาะให้แน่น ตามด้วยปากเล็กๆที่จะอ้าออกและงับปลายนิ้วของเขาเข้าไปเต็มๆ จงแดที่ได้แต่ยื่นมือข้างขวาให้เจ้า
    พันธมิตรตัวจ้อยเลียก็ใช้มืออีกข้างล้วงเข้าไปหยิบลูกบอลไหมพรมขนาดเล็กสีส้มในถุงกระดาษของร้านสัตว์เลี้ยงที่เขาเพิ่ง
    จะแวะเข้าไปเมื่อช่วงเย็น ลูกกลมสีสันสดใสถูกวางไว้ข้างตัวแมวน้อย และมันก็เหมือนสิ่งที่จงแดคิดไว้ไม่มีผิดเมื่อเวลาเจ้า
    มอมเห็นของที่มีสีสนสดใสและกลมฟู่ฟ่อง พนันหนึ่งพันวอนเลยว่ายังไงตัวจ้อยก็คงให้ความสนใจกับของเล่นนั้นมากกว่า
    เขาแน่ๆ


     มือที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระยกขยี้ตัวเล็กๆนั่นอย่างเอ็นดู ก่อนจะใช้แขนทั้งสองข้างพยุงตัวเองลุกขึ้นและปัดเศษดินเศษไม้ที่
    ติดตามตัวออกไป โดยมือข้างซ้ายก็อุ้มเอาถุงกระดาษขนาดใหญ่แนบลำตัว จงแดยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะพบว่าเข็มสั้น
    จวนจะใกล้เลขสิบสองเข้าไปทุกที เขาจึงไม่รีรอที่จะเดินไปตามเส้นทางที่คุ้นเคยก่อนจะหยุดตรงหน้าบ้านหลังหนึ่ง รั้วไม้สี
    ขาวถูกผลักออกไปตามแรงตามมาด้วยร่างเล็กที่เดินผ่านรั้วเข้ามาในบริเวณบ้าน

     

     




     เมี๊ยวววววววววววววววววววววว~

     เสียงเล็กๆพร้อมกับก้อนกลมๆสีส้มวิ่งออกมาจากด้านหลังของบ้านกระโดดตะครุบขาของเขาอย่างรวดเร็วจนเด็กหนุ่มเซ
    หลังไปเล็กน้อย หัวเล็กๆของมันถูไปมากับขาของเขาราวกับออดอ้อนออเซาะ จงแดก้มลงลูบหัวมันอย่างเอ็นดู เจ้าแมวตัว
    น้อยเงยหน้ารับสัมผัสเขาอย่างน่าหมั่นเขี้ยวก่อนจะผละออกแล้วเดินเตาะแตะนำหน้าเขาตรงไปที่ประตูไม้หน้าบ้าน แมวตัว
    ส้มมุดเข้าทางเข้าสำหรับเลี้ยงสัตว์นำหน้าเขาไป คนเป็นเจ้าของบ้านได้แต่ส่ายหัวให้เบาๆในความเอาแต่ใจของสัตว์เลี้ยงตน
    มือเล็กๆคว้านเอากุญแจในกระเป๋าสะพายข้างก่อนจะไขกลอน แล้วเปิดประตูเดินเข้าบ้านที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็กๆ

     

      ถุงกระดาษที่บรรจุของถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ไม้กลางห้องครัว ของมากมายถูกจัดออกเรียงให้อยู่ในที่ที่ควรอยู่ของมัน ชาม
    สีฟ้าอ่อนขนาดเล็กถูกยกออกมาจากใต้โต๊ะกินข้าว ก่อนที่ความว่างเปล่าของมันจะถูกแทนที่ด้วยของเหลวสีขุ่นกลิ่นหอมอีก
    ครั้ง

     



     เมี้ยววววววววววววววว~

     เสียงแหลมๆพร้อมเจ้ากลุ่มก้อนตัวกลมสีส้มที่เดินเตาะแตะเข้ามาในห้องครัวทำให้จงแดต้องเบ้ปากใส่อย่างอดไม่ได้ ร่าง
    เล็กๆของเจ้านั่นปีนขึ้นเก้าอี้อย่างชำนาญก่อนจะส่งเสียงร้องเรียกจงแดอีกครั้งเป็นสัญญาณเชิงบอกว่าให้ยกตัวแมวน้อยขึ้น
    ไปวางบนโต๊ะไม้เสียที เด็กหนุ่มทำได้เพียงแค่ส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอาปนเอ็นดูก่อนจะยกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาวางบนโต๊ะ
    อย่างโดยดี

     



     ครืน......ครืน


    ซ่า

     


      เสียงกระทบกันของหยดน้ำจำนวนมากทางด้านนอกของตัวบ้านทำให้จงแดที่อดสงสัยไม่ได้จึงเดินไปแง้มปลายผ้าม่านออก
    ไป หยาดน้ำจำนวนมากที่เกาะบนหน้าต่างไหลลงตามแรงโน้มถ่วง เด็กหนุ่มกระพริบตาปรับสภาพแวดล้อมเพียงครู่ก่อนจะ
    เข้าใจแจ่มแจ้งถึงสภาพภูมิอากาศในปัจจุบัน


      ข่าวเมื่อเช้าให้ข้อมูลไว้ว่าช่วงสองสัปดาห์นี่ฝนจะตกเพียงเบาบางเท่านั้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกลุ่มพายุขนาดใหญ่ที่จะ
    พัดผ่านเมืองแห่งนี้ในอีกสองสัปดาห์ถัดไป การที่เห็นว่าฝนตกในเวลานี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นักสำหรับจงแด เขาจึงเดิน
    ละออกจากชายผ้าม่านก่อนจะเดินกลับไปตรงโต๊ะกินข้าวดังเดิม มือของจงแดลูบขนสีส้มของเจ้าแมวอย่างเบามือ เสียง
    ครางฮือในลำคอของเจ้าแมวถูกส่งมาให้ได้ยินเป็นระยะๆ และก็คงจะเป็นรอบที่สามของวันที่จงแดสามารถยิ้มได้กว้างขนาด
    นี้

     


      เขาที่ต้องอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กหลังจากที่เจอกับเหตุการณ์นั้น บ้านหลังที่เคยเล็กเกินไปของคุณหนูจงแดในอดีต กลับ
    กลายเป็นบ้านหลังที่ใหญ่เกินไปที่จะอยู่คนเดียวของเด็กหนุ่มจงแด เฟอร์นิเจอร์บางส่วนถูกเก็บรักษาไว้ในสภาพที่ราวกับ
    สิ่งของล้ำค่าที่ไม่สามารถแตะต้องได้ รวมไปถึงเปียโนหลังใหญ่สีขาวแสนสวยของคุณแม่ที่ถูกคลุมไว้ตรงกลางห้องรับแขก
    ตั้งแต่ใช้ชีวิตคนเดียวในบ้านหลังนี้ นอกจากส่วนของที่ต้องใช้ในทุกวัน คิม จงแดก็ไม่เคยแตะต้องอะไรอีก ราวกับว่าเขาไม่
    อยากให้แม้แต่ฝุ่นในบ้านหลังนี้ขยับย้ายออกจากที่ที่เดิมที่เคยเป็น


     


     บางทีเขาเองก็คงจะลืมไป .. ว่าไม่มีใครสามารถห้ามการเปลี่ยนแปลงได้

     

      แต่เพราะบ่ายวันหนึ่งในฤดูหนาวสมัยสองปีที่แล้ว กลับส่งผลถึงปัจจุบันที่ทำให้คิมจงแดไม่รู้สึกเหงาโดดเดี่ยวอีกต่อไป เจ้า
    แมวตัวเล็กสีส้มนั้นส่งเสียงร้องเรียกความสนใจจากเขาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด เจ้าส้มที่ยืนอยู่บนระเบียงบ้านกระโดดเดินกราย
    มาดเข้ามาในห้องของเขาอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะใช้ความคล่องแคล่ว(ที่จงแดคิดว่าน่าจะได้มาจากการอาศัยอยู่กับต้นไม้มา
    ก่อนหน้านี้สักพัก)ปีนขึ้นมานอนแหมะอยู่ข้างๆใบหน้าของเขาได้สำเร็จ มือเล็กของเจ้าส้มตะปบลงบนใบหน้าของเขาด้วย
    แรงที่ไม่เบานักก่อนจะเขย่าไปมา พร้อมเสียงซาวด์ประกอบง้องแง้งที่ข้างหูร่วมสิบนาที

     



     สุดท้ายจงแดก็ยอมใจอ่อนให้กับความขี้อ้อนของเจ้าแมวน้อยไปจนได้

     

     

      หลังจากนั้นมานับสองปี เจ้าแมวส้มตัวนี้ก็กลายเป็นสมาชิกคนที่สองของครอบครัวเขาไปโดยปริยาย พอมารู้ตัวอีกทีถึงทีมา
    ทีไปของเจ้าสัตว์ตัวน้อย ก็ทำให้จงแดอดไม่คิดถึงตัวเองไม่ได้ หากจะไล่ให้ออกจากบ้านก็ทำไม่ลง ความสัมพันธ์ของเขากับ
    เจ้าส้มมันมากกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ๆ

     


    ซ่า ซ่า ซ่า

      เสียงน้ำที่กระทบกับหน้าต่างเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ จงแดที่ทิ้งตัวลงเอนพร้อมกับซบเจ้าขนสีส้มบนอกเริ่มจะคล้อยตามไปกับ
    บรรยากาศ ดวงตากลมเริ่มจะกระพริบถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนเขาเองรู้สึกได้ว่าเปลือกตาชักจะมีความหนักมากเกินที่จะ
    –…


     


      ก๊อก ก๊อก!

     

      จากที่เกือบจะกึ่งหลับกึ่งตื่น ดวงตาคู่สวยก็เบิกโพลงขึ้นมาท่ามกลางเสียงสายฝนพรำและเสียงโอดโอยของเจ้าตัวเล็ก
    ความหวาดกลัวเริ่มเข้าแทรกซึมทุกอณูผิว เสียงเคาะประตูยังคงดังอยู่อย่างนั้น ซึ่งจงแดค่อนข้างมั่นใจว่าในบริเวณนี้
    นอกจากบ้านของเขาแล้วก็แทบจะไม่มีบ้านหลังไหนอาศัยอยู่อีก เพราะฉะนั้นการที่จะมีเสียงเคาะประตูกลางดึกจึงไม่ใช่เรื่อง
    ดีแน่ๆ


     เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดซึมตามไรผม ริมฝีปากสวยสั่นระริก ดวงตากลมโตกวาดมองรอบตัวบ้านอย่างหวาดกลัว หูของจงแดยัง
    คงได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกรอบ สมองของเขาพาลนึกถึงแต่สิ่งที่เป็นแง่ลบ ไม่ว่าจะเป็นฆาตกรโรคจิตบ้างล่ะ โจรกรรม
    บ้างล่ะ จนมาคิดได้ตอนนี้เขาก็อยากจะตีตัวเองแรงๆซักทีโทษฐานที่เข้ามาแล้วไม่ยอมล็อคประตูรั้วบ้านอย่างที่เคยชิน

     


     มันน่าจับมาตีให้ตายจริงๆเลยนะคิมจงแด!

     

      เด็กหนุ่มค่อยๆขยับตัวตามพื้นผนังบ้านสีขาว เขาแนบตัวไปกับกำแพงอย่างที่เคยเห็นตามฉากในหนังหรือละครที่เคยผ่าน
    ตามา และไม่เพียงกี่อึดใจก่อนถึงหน้าประตูไม้ จงแดก็คว้าร่มสีเทาขนาดใหญ่ที่วางอยู่ในตะกร้าข้างประตู มือทั้งสองข้าง
    ของเขาจับด้ามร่มไว้ให้มั่นคล้ายกับกำลังถืออาวุธคู่ใจในสนามรบ เพราะอย่างน้อยเจ้าร่มคันนี้ก็สร้างความอุ่นใจให้จงแด
    เพิ่มขึ้นจากเดิมสิบห้าเปอร์เซนต์ มือเล็กๆที่สั่นไม่ต่างกับร่างกายของเจ้าตัวค่อยๆหมุนลูกบิดอย่างช้าๆ เสียงยามประตูเปิดป้า
    ออกนั้นช่างยาวนานสำหรับคิมจงแดเหลือเกิน และในขณะที่กำลังจะง้างด้ามร่มฟาดบุคคลปริศนา ใบหน้าที่คิมจงแดคิดว่า
    สะดุดตาและยากที่จะลืมก็ยืนอยู่หลังประตูไม้นั่น..

     




    คุณจางผู้ใจดีของคิมจงแด

     


      ในสภาพชุดเมื่อตอนกลางวันไม่มีผิดเพี้ยน แต่จะแปลกไปจากเดิมก็ตรงที่เสื้อผ้าของคุณจางกลับเปียกน้ำไปหมด ร่วมถึง
    กลุ่มผมสีน้ำตาลนั่นด้วย ใบหน้าที่เคยขาวบัดนี้กับขาวซีดกว่าเก่า ริมฝีปากสีแดงสดที่เคยเอ่ยประโยคทีทำให้จงแดใจกระตุก
    ก็กลับซีดและยังสั่นระริก แต่ทว่าริมฝีปากคู่นั้นยังคงยกยิ้มกว้างโชว์รอยลักยิ้มที่ขึ้นมาข้างแก้มอย่างเห็นได้ชัด



     

      จงแดกำลังใจสั่นเป็นรอบที่สองของวัน


     


      ใจสั่นกับคนเดิมที่เคยทำให้เขาเกิดอาการแบบนี้ไปแล้วเมื่อตอนกลางวันหมาดๆ

     


       ผ่านไปเพียงครู่ริมฝีปากนั้นก็เอ่ยประโยคเสียงนุ่มลื่นหูอีกครั้ง ทำเอาจงแดแทบลืมหายใจ

     

     

      “คุณคิมจงแดครับ .. ขอผมเข้าไปอยู่ข้างในก่อนได้ไหม? ผมเพิ่งวิ่งตากฝนมาหน่ะครับ แหะๆ”

     

     

     แล้วจงแดก็เดินถอยหลังให้อีกฝ่ายเข้ามา โดยไม่มีการไถ่ถามอะไรให้มากความ











     

     






    #wims1

    จงแดน่ารักชรุงงงงงง แต่งเองเพ้อเอง 55555555555
    แต่เรารู้สึกภาษามันแปร่งๆไงไม่รู้ ขอโทษนะฮะ พอดีไม่ค่อยถนัดบรรยาย T_T #น้ำตาจะไหล
    พรากเนื้อพรากเลือดเรากว่าบทที่ 1 อ่ะพูดเลย 555555555555
    ต้องขอขอบคุณพี่เกิ้นนะฮะที่คอยขู่เข็ญเขาด้วยกระทะและการฟาดทุกวัน ซึ้งใจจริงๆ เขิน ////////////////
    แต่ตอนนี้พี่อี้ไม่ค่อยโผล่ ไว้ตอนหน้าเรามาชมความช่างพูดของพี่อี้ดีกว่าค่ะ XD

     

    See ya~ 
    jun9chop & น้องแพรคนกาก 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×