คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1st Camera : (Lodae)
Camera
Pairing : junhong/daehyun (Lodae)
Rated : pg 13
Note : เราอยากให้คนอ่านซึมซับทุกตัวอัพษร ค่อยๆอ่านนะ อยากให้ทุกคนรับรู้ความรู้สึกของแดฮยอนจริงๆ TT
ถ้าไม่เป็นการรบกวน เราอยากให้ฟังเพลงนี้คลอไปช้าๆด้วยนะคะ :)
คนเราต่อให้รู้สึกตัวแค่ไหน พอขึ้นชื่อว่าสายเกินไปก็สายเกินไปแล้วอยู่ดี
แดฮยอนนั่งมองรูปของใครบางคนที่ถูกถ่ายเอาไว้ยามที่เจ้าตัวเผลอ เขาไม่รู้ว่าตัวเองนั่งจ้องอย่างนี้มานานเท่าไหร่แล้ว รู้แค่
เพียงว่าเขานั่งจ้องมันมาตลอดตั้งแต่เปิดกล้องไปเจอรูปนี้เข้าจนกระทั่งหน้าจอของกล้องมืดดับลง ถ้าหากเป็นแต่ก่อน สมอง
ของเขาคงเลือกที่จะลบภาพรูปนี้ไปซะ ทำเหมือนว่าเขาไม่เคยมีเจ้าภาพนี้อยู่ในเครื่องมาตั้งแต่แรกๆ เพียงแต่ทว่าในเวลานี้
แค่ทำใจจะกดให้หน้าจอปรากฏรูปใครคนนั้นอีกครั้งเขายังแทบจะไม่มีแรงเลย ..
โกหกตัวเองไม่ได้แล้วสิว่าจองแดฮยอนเผลอรักชเวจุนฮงเข้าให้แล้ว
เขาเป็นเพียงนักศึกษาธรรมดาๆคนหนึ่งในรั้วมหาวิทยาลัย ใช้ชีวิตตามประสาลูกชายที่ถูกส่งให้มาเรียนในเมืองทั้งๆที่บ้าน
เกิดของตัวเองนั้นอยู่ต่างจังหวัด เป็นลูกคนเล็กที่ไม่ค่อยจะถูกตามใจเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับครอบครัวอื่นๆ เป็นคนที่ไม่ค่อย
สุงสิงกับใคร มีขีดระดับสัมพันธไมตรีกับผู้อื่นถึงขั้นติดลบ เรียกง่ายๆว่า ไม่มีใครเขาอยากจะคบ
แต่ก็นั่นแหละ แดฮยอนไม่เคยมีความรู้สึกกับเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว เพราะถึงยังไงพอเขาเรียนจบปีการศึกษา เขาต้องกลับบ้าน
ต่างจังหวัดไปทำงานและดูแลครอบครัวที่นั่นอยู่ดี มันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต้องไปทำความรู้จักกับใครถึงขั้นสนิทชิดเชื้อ
เพราะถึงยังไงก็ต้องจากกันจนแทบไมได้เจอกันอยู่ดี แถมพ่วงด้วยคำสอนง่ายๆที่แม่เขาให้ก่อนจากมา คนในเมืองเชื่อถืออะไร
ไม่ได้
ก็เพราะเป็นแบบนั้น รายชื่อในลิสต์เพื่อนของแดฮยอนจึงไม่มีใครอยู่ในนั้นสักคน เวลาเสาร์อาทิตย์ที่มีก็มักจะหมดไปกับการ
ทำการบ้าน วันเวลาไหนว่างก็อาจจะไปดูหนัง เลือกซื้อของใช้ที่จำเป็นกลับมาที่ห้อง หรือไม่ก็เลือกที่จะออกไปสถานที่ท่อง
เที่ยวต่างๆ เก็บภาพประสบการณ์ทั้งหมดอยู่ในกล้องตัวเก่ง และบางครั้งก็อาจจะถ่ายทอดมันออกมาด้วยการวาดรูปลงผืน
กระดาษร้อยปอนด์สีขาว ระบายทุกความรู้สึกด้วยสีน้ำที่มักจะพกติดตัวพร้อมกับกระดานวาดภาพ ..
จนกระทั่งวันหนึ่ง ในขณะที่แดฮยอนกำลังจะไขกุญแจเพื่อล็อกประตูห้อง เสียงดังโหวกเหวกโวยวายที่มาจากบันไดใกล้ๆกัน
ทำให้เขาต้องหันไปมอง ใครบางคนคนนั้นกำลังหอบข้าวของพะรุงพะรังพร้อมกับรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้า เด็กชายตัวสูง ผิว
ขาว ผมสีเทาควันบุหรี่เดินขึ้นมาพร้อมกับใครอีกคนที่หอบข้าวของมามากมายไม่แพ้กัน ดูจากท่าทางแล้วอาจจะเป็นคนย้าย
เข้ามาใหม่ .. แต่ก็นั่นแหละ แดฮยอนไม่สนอยู่แล้ว เขารีบล็อคประตูห้อง ลองจับลูกบิดแล้วหมุนเพื่อตรวจเช็คความเรียบร้อย
เขาทำท่าจะหันเดินไปทางประตูอีกทางแต่ก็ต้องชะงักเมื่อจู่ๆ มือขาวๆของใครหน้าไหนก็ไม่รู้ดันคว้าหมับเข้าที่แขนข้างขวา
ของเขา
นี่มันไม่ตลกนะ!!
แดฮยอนตวัดสายตามองอีกฝ่ายทันที แต่ก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อสิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้มกว้างแสนอบอุ่น มันก็อบอุ่นกับ
แค่คนอื่นเท่านั้นแหละ สำหรับแดฮยอนมันก็แค่รอยยิ้มจอมปลอมชัดๆ คิดว่าเขาดูไม่ออกหรือยังไงกัน อีกอย่างแดฮยอนไม่
ชอบการแตะเนื้อต้องตัวใดๆทั้งสิ้น
“โอะ แค่นี้ถึงกับขู่เลยหรอเนี่ย”
น้ำเสียงร่าเริงบวกกับใบหน้าขาวๆที่ดูยังไงก็ยียวนกวนประสาทชะมัด ถ้าไม่ติดที่ว่ามือแขนข้างขวาถูกจับส่วนมือข้างซ้ายถือ
กระเป๋าอยู่นะ พ่อจะต่อยเอาสักหมัดไม่ให้มาแหยมกันเลยคอยดู!!
“ปล่อย”
แดฮยอนพูดเสียงลอดไรฟัน เขารู้นะว่าอีกฝ่ายได้ยินชัดเต็มสองหู แถมยังได้ยินเต็มๆด้วยว่าเขาต้องการอะไร ให้ตายสิ ทำไม
การสื่อสารกับเจ้าตัวโย่งผิวขาวมันถึงได้ยากเย็นแสนเข็ญกันนักหนานะ
“จุนฮงมาเปิดประตูห้องดิวะ เต๊าะสาวอยู่ได้”
แดฮยอนหันไปมองคนอีกคนที่เดินมากับเจ้าตัวสูงนี่ตั้งแต่อยู่ที่บันได เขาไม่รู้หรอกนะว่ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาแบบไหน แต่ที่รู้ๆคือหงุดหงิดมากถึงมากที่สุด พอเจ้าเด็กนี่เดินมาถึงที่ๆเขาสองคนยืนกันอยู่และเห็นสายตาที่เขามองไป เจ้าเด็กคนนั้นก็
สะดุ้งตัวและชักมือคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของตัวเองให้ปล่อยจากแขนข้างขวาของแดฮยอนทันที
“เอ่อ ขอโทษครับ จุนฮงอย่าไปแกล้งพี่เขาดิว่ะ มานี่เลยมึง”
ก้มหัวขอโทษขอโพยเสร็จก็รีบลากเพื่อนตัวเองไปห้องใกล้ๆกันที่ของวางเต็มหน้าห้องไปหมดทันที เจ้าเด็กตัวสูงโย่งกลับไม่
ยี่หระต่อสายตาของเขาอะไรทั้งสิ้น หนำซ้ำมันยังตะโกนกลับมาด้วยอีกว่า
“ผมชื่อ ชเว จุนฮงนะ จำไว้ด้วย”
ฆ่าฉันให้ตายยังไงก็ไม่มีวันจำหรอก!!
สุดท้าย การสลัดเจ้าเด็กตัวโย่งนั่นก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด ขนาดแดฮยอนกลับจากห้องอีกทีก็ตอนเที่ยงคืนกว่าๆยัง
สามารถได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นมาจากในห้องของเด็กสองตัวนั่น .. ถามว่าหงุดหงิดมากมั้ยกับการที่กลับ
ห้องมาเหนื่อยๆ แล้วได้ยินเสียงรบกวนสนั่นหูขนาดนั้น โกรธก็โกรธ หงุดหงิดก็หงุดหงิดโคตร แต่แค่ไม่อยากให้ไอ่เด็กนั่นต้อง
มีส่วนมาพัวพันในชีวิตอีก ปล่อยๆไปสะก็ดี คนเขาจะมีความสุขแดฮยอนเองก็ไม่อยากยุ่ง หนำซ้ำท่าทางจะจัดปาร์ตี้ขนาด
ใหญ่ ถึงไม่มีคนคบก็ยังไม่อยากมีเรื่องกับใครหน้าไหนทั้งนั้นหรอกนะ
ครั้นพอกำลังจะผลักประตูห้องเข้าไปข้างใน กลิ่นแอลกอฮอล์ก็โฉยลอยมาแตะจมูก ทั้งเสียงปิดประตูที่ดังขึ้นใกล้ๆ แดฮยอนก็
แค่อยากจะเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูปิดการรับรู้อะไรนี่ให้หมดสะ แต่เขาไม่สามารถขยับขาจะก้าวเข้าไปข้างในห้องได้เลย
“สวัสดีครับ”
น้ำเสียงขี้เล่นที่แดฮยอนไม่อยากจะได้ยินก็ทักขึ้น ถ้าจะให้คิดเข้าข้างตัวเองเพื่อให้ตัวเองมีความสุข แดฮยอนขอคิดเอาว่า
คนที่ทักเขาอยู่นี่เป็นคนอื่นคนไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ไอ่เด็กตัวโย่ง ไม่หรอก วันนี้แดฮยอนต้องไม่โชคร้ายขนาดนั้น
“ผมชเว จุนฮงไงครับ แค่นี้ลืมกันแล้วหรอ แย่จังนะครับ”
พอได้ยินเสียงทักทายอย่างนั้นเข้า แดฮยอนเลยตัดสินใจผลักประตูห้องแล้วก้าวเข้าไปโดยไม่ลืมที่จะล็อคประตู เป็นการสร้าง
กำแพงสร้างระยะห่างระหว่างเขากับเจ้าเด็กนั่นไปในตัว
แต่เขาก็ยังแอบได้ยินนะ เสียงตะโกนไล่หลังนั่นน่ะ
“ผมจะทำให้พี่ต้องคิดถึงผมแทบตายเลยคอยดู”
แล้วฉันจะคอยดู ไอ่โย่ง
ความทรงจำอาจจะสร้างขึ้นมาง่ายๆ แต่พอคิดจะลบออกไปก็ไม่เห็นมันจะง่ายเหมือนตอนสร้าง
แดฮยอนไม่รู้หรอกนะว่าไอ่เจ้าเด็กโย่งนั่นไปรู้จักชื่อเขามาจากใคร หรือไปสืบมาจากประวัตินักศึกษาที่ไหนมา แต่มั่นใจว่าข้อ
หลังนี่ต้องไม่ใช่แน่ๆ เพราะไอ่เจ้าเด็กนี่ยังเรียนอยู่แค่ชั้นมัธยมปลายปีสามอยู่เลย ให้ตายเถอะ แก่แดดชะมัด!
แก่แดดยังไงหน่ะหรอ? อยากให้แดฮยอนเล่าให้ฟังมั้ยละ? .. อยู่แค่มอปลายปีสามยังริอ่านทำตัวใหญ่ กินเหล้ากิน
แอลกอฮอล์กับรุ่นพี่หน้าไหนก็ไม่รู้เป็นแก็งค์กันแทบทุกวัน ส่งเสียงดังมาให้แดฮยอนฟิวส์ขาดและด่ามันอยู่เงียบๆคนเดียวใน
ห้องนี่แหละ แดฮยอนไม่ได้ป๊อดหรอกแค่ไม่อยากมีเรื่องให้ปวดหัว ไม่อยากจะทำความรู้จักมักจี่เพิ่มญาติเข้ามาในสาระบบ
เท่าไหร่นัก ไม่อยากอะไรทั้งนั้นเวลาเห็นหน้ากวนๆนั่น ยกเว้นอยู่อย่างเดียวคือฟาดหมัดลงไปสักตั้ง เอาให้หน้าขาวๆมีรอย
ฟกช้ำก็คงจะดี น่าจะมีความสุข แต่ที่ไม่เลือกทเพราะไม่อยากต้องมานั่งรับผิดชอบอะไรไร้สาระแบบนั้น ฮึ่ย ถ้าไม่ติดว่าเผลอ
ไปทำร้ายใครเขาเข้าแล้วต้องกลับบ้านทันทีนะ แดฮยอนจะไม่ให้ไอ่เด็กนี่ได้มีหน้ามีตาไปแซวสาวแบบนี้ตั้งแต่รู้จักกันแล้ว!
“พี่ครับ จะพังประตูห้องเอาให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย?”
แดฮยอนที่มัวแต่พะวงคิดถึงเรื่องอื่นจนเผลอทุบประตูห้องไปหลายรอบโดยไม่รู้ตัวก็ต้องสะดุ้งเมื่อจู่ๆ เจ้าของเสียงที่ว่าไม่ได้
โผล่มาแค่เสียง กลับมีมือขาวๆนั่นที่เคยจับแขนเขาเมื่อวันก่อนมากุมหมับที่มือของเขาเข้าให้ แทบยังใช้ปลายนิ้วลูบรอยแดงๆ
ที่เกิดจากการทุบประตูโดยไม่รู้ตัวนั่นเบาๆ แดฮยอนจ้องอีกฝ่ายตาเขม็งเมื่อเห็นสีหน้าระรื่นนั่น
คิดว่าจะมาลวนลามกันได้ง่ายๆหรือไง ไอ่เด็กบ้า!
แดฮยอนรีบยกขาข้างขวาแล้วเหยียบเน้นๆไปที่เท้าเจ้าเด็กนั่นทันที จุนฮงที่จู่ๆก็โดนเหยียบเท้ากระทันหันพร้อมโดนย้ำซ้ำๆ
ไปสามสี่รอบ ต้องรีบปล่อยมือคู่นั้นออกแล้วถอยหลังทันที แดฮยอนที่เห็นอย่างนั้นก็แอบสะใจเลยแถมของรางวัลให้เป็นการ
เตะเข้าไปตรงกลางเป้าของอีกฝ่าย รอจนจุนฮงทรุดลงไปนั่งข้างล่างกับพื้นนั่นแหละถึงวิ่งแจ้นเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไปทันที
โดยไม่ลืมที่จะล็อคประตูโดยอัตโนมัติ
แต่ก็ยังได้ยินเสียงตะโกนไล่หลังมาอยู่ดี
“แค่นี้ผมไม่ยอมแพ้พี่ง่ายๆหรอก!”
แล้วนายจะต้องยอมแพ้ฉัน..
บางทีความหวังดีของใครบางคนในอดีต อาจกลายเป็นเครื่องมือทำลายหัวใจชิ้นดีที่สุดในปัจจุบัน
แดฮยอนรู้สึกไม่สบายตั้งแต่เช้าๆ อากาศวันนี้แลดูหนาวกว่าที่เคย ลมที่พัดมาธรรมดาก็เอาแทบต้องห่อไหล่เดิน แถมยังรู้สึก
คันคอมาตลอดทางที่เดินกลับจากทะเลมาที่หอพักหลังจากไปถ่ายรูปมา พอเดินขึ้นมาถึงชั้นห้องแล้วก็ต้องแปลกใจกับสิ่งไม่มี
ชีวิตที่ถูกห้อยไว้อยู่ที่ลูกบิดประตู
‘พี่ไอตั้งดังแหน่ะเมื่อเช้า ผมเลยเอามาฝาก เอาไว้กินแก้ไอนะครับ’
ลายมือหวัดๆที่ถูกเขียนลงบนโพสท์อิทที่แปะอยู่บนขวดยาแก้ไอสำหรับเด็กทำเอาแดฮยอนขมวดคิ้ววุ่น ไม่มีใครเคยจับเจ้า
เด็กนี่คัดลายมือหรือยังไงกัน เหอะ ไม่เอาหรอก ยาก็ยาเด็กอะไรก็ไม่รู้ไร้สาระ
พอคิดจะไม่เอาแดฮยอนเลยคิดจะหยิบถุงนี่ไปวางคืนที่ลูกบิดประตูของเจ้าของถุงยา พอเดิไปถึงและกำลังจะวาง เจ้าของ
ห้องก็ดันเปิดประตูชิงตัดหน้าเสียก่อน เจ้าเด็กนั่นคงดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขามายืนอยู่หน้าห้องในเวลานี้
“เอาคืนไป ฉันไม่ต้องการของของนาย”
พูดแค่นั้นก่อนจะจับถุงยายัดลงใส่มืออีกคน แล้วค่อยเดินหนีออกมา ก็เป็นจริงอย่างที่พูด เขาไมได้ต้องการอะไรของจุนฮง
เลยสักนิด ไม่ได้อยากทำความรู้จักด้วยทำไมต้องมาทำกันแบบนี้ คิดว่าความสนิทของแดฮยอนคนนี้เป็นของเล่นกันหรือยังไง
มากเกินไปแล้ว
สุดท้ายสิ่งที่จุนฮงตะโกนกลับมาได้ก็แค่...
“หายป่วยไวๆนะครับ”
คนใจร้าย .. ที่ใครๆเขาก็ไม่รัก
ใครๆก็บอกว่าแดฮยอนเป็นคนใจร้าย ไม่มีใครเขาอยากจะเข้ามาคุยด้วยถ้าไม่ใช่เรื่องงาน แดฮยอนไม่ใช่คนสำคัญที่ใครๆเขา
จะต้องมาใส่ใจ แดฮยอนก็คิดอย่างนั้น เขาเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสงสารถึงแม้จะตกตระกำลำบากเท่าไหร่
แดฮยอนไม่เลือกเอามาใส่ใจหรอก เพราะยังไงสักวันเขาก็ไมได้ลงเอยชีวิตที่นี่อยู่แล้ว
แต่ไม่ใช่กับจุนฮง เจ้าเด็กนั่นคอยกวนประสาทเขาทุกครั้งที่เห็นหน้ากันเวลาเขาออกจากห้อง น่าแปลก เจ้าเด็กนั่นกับเขาก็
กวนประสาทกันมาตั้งเกือบจะปีแล้ว นอกจากเวลาออกจากห้องแล้วแดฮยอนก็ไม่เห็นจุนฮงที่ไหนอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ถึงเลือกเจอเฉพาะตอนเวลาที่เขาล็อกห้อง หรือเวลาที่เขาอยู่ในห้อง ทีตอนเดินผ่านโรงเรียนมัธยมปลายที่เห็นใครๆก็ใส่ชุด
ยูนิฟอร์มแบบจุนฮงไม่เห็นยักจะมีเจ้านั่นอยู่ในฝูงชนสักนิด
แต่ก็นั่นแหละ จุนฮงขึ้นชื่อว่าเป็นแค่เด็กนักเรียนมัธยมปลาย บางครั้งแดฮยอนก็เห็นเจ้านี่ทำตัวแก่เกินวัยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น
เรื่องนัดเพื่อน นัดพี่ นัดใครหน้าไหนก็ไม่รู้จัดปาร์ตี้จนเลยไปอีกวัน ถามว่าแดฮยอนสนไหมก็ไม่อยากจะสนนนกหรอกถ้าเสียง
ปาร์ตี้ของเด็กพวกนั้นจะไม่ดังเข้าโสตประสาททำเอานอนไม่หลับขนาดนี้ ก็ยังดี ดีที่ไม่มีเรื่องชู้สาวมาให้ได้ด่ากันอีกระลอก
แต่แดฮยอนคิดผิด.. ผิดมากๆเลยด้วย
พอเขาออกไปถ่ายรูปวาดภาพนู่นภาพนี่แปบเดียว ขากลับมาทำไมถึงมีชเวจุนฮงกับสาวสวยในชุดมหาลัยยืนกอดจูบนัวเนีย
อยู่หน้าห้องก็ไม่รู้ แต่ไม่รู้อะไรดลใจ จู่ๆปากที่เคยคิดไว้ว่าจะเงียบกริบเสมอเวลาเจอหน้าเจ้าเด็กนี่ถึงได้ขยับเป็นคำพูดที่ฟังดู
แล้ว .. ไร้หัวใจที่สุด
“น่ารังเกียจ”
พูดอะไรช้าไปนิดเดียว สิ่งที่เสียอาจจะไม่ใช่แค่เวลาอาจจะรวมไปถึงทุกโอกาสที่มี
เสียงเคาะประตูทำเอาหนวกหูตั้งแต่เช้าจนแดฮยอนต้องลุกขึ้นมาเปิดประตูเพื่อเจอกับคนที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยสบอารมณ์กับ
เขาตั้งแต่เมื่อคืน เจ้าเด็กนั่นที่อยู่ในชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนหลุดลุ่ยจ้องเขม็งมาทางเขาราวกับจะเผาไปทั้งตัว แดฮยอนไม่โกรธ
หรอก เพราะเขารู้ตัวดีว่าคำพูดเมื่อคืนเขาใจร้ายกับจุนฮงมากขนาดไหน
“เลิกเคาะประตูห้องฉันสักที รำคาญ”
“พี่ก็เลิกทำตัวแบบนี้สักทีดิ ผมรำคาญเหมือนกัน”
“ไปเรียนไป ฉันไม่อยากจะให้คนมากวนประสาทแต่เช้าหรอกนะ”
แดฮยอนผลักอีกคนให้ออกไอจากเขตห้องเมื่อเห็นจุนองทำท่าจะล่วงล้ำเข้ามาในกรอบประตู
“ผมมันน่ารังเกียจมากขนาดนั้นหรือไง? แค่ประตูห้องพี่ก็ยังไม่เคยจะให้ผมแตะ”
“....”
“ทำไมล่ะ? แค่นี้ก็ตอบไม่ได้? เออดี ตลอดเวลาปีนึงนี่ไม่ได้ช่วยอะไรเลยใช่ป่ะ?”
“....”
“ผมเคยคิดว่าพี่อาจจะไม่ค่อยเปิดใจรับคนอื่นง่ายๆ สุดท้ายพี่แม่งก็เห็นแก่ตัว”
“....”
“ถ้ารังเกียจผมนัก ผมไม่ยุ่งกับพี่ก็ได้ ให้มันจบกันที่ตรงนี้แม่งนี่แหละ สนุกดี!!”
จุนฮงจับลูกบิดประตูห้องของแดฮยอนก่อนจะดึงเข้ามาปิดเสียงดังสนั่น .. ต่อให้ดังแค่ไหนแดฮยอนก็ยังได้ยินคำพูดคำ
สุดท้ายของจุนฮงอยู่ดีนั่นแหละ
“เสียดายเวลาชิบหาย”
คนเห็นแก่ตัวอย่างเขามีสิทธิ์รักใครได้ด้วยหรือไง?
เวลาที่คิดว่าพอ กลับไม่พอให้พูดคำลา
แดฮยอนเกลียดการโกหกไม่ว่าจะโกหกใครยังไงเพื่อความสุขของใครก็ตาม โดยเฉพาะการโกหกตัวเอง เป็นสิ่งที่แดฮยอนไม่
คิดจะทำและไม่มีวันทำ หากทว่าจุนฮงไม่ก้าวเข้ามาในชีวิต แดฮญอนก็คงไม่คิดที่จะหลอกตัวเอง..
ใช่ แดฮยอนโกหกตัวเองตั้งแต่ได้เจอกับจุนฮง
ทุกคำตะโกนส่งท้ายก่อนแดฮยอนจะปิดและล็อคประตูห้องตัวที่เองแดฮยอนได้ยินตลอดมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ .. แดฮยอน
เป็นคนเอาหูตัวเองแนบกับบานประตูนั้น รอจนเสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายเดินลิบลับหายไป
แดฮยอนตกหลุมรักจุนฮงตั้งแต่แรกแล้วล่ะ
แต่แค่แดฮยอนไม่กล้ายอมรับตัวเอง ไม่กล้าให้ความหวังกับจุนฮงเพราะรู้ว่ายังไงสุดท้ายแล้วชีวิตของเขาก็ไม่ได้ทำงานอยู่ที่
นี่ เขาต้องกลับไปต่างจังหวัด ไม่มีวันได้เจอกับจุนฮงอีกแล้วอยู่ดี มันแลดูเป็นเหตุผลที่ไร้สาระ แต่ถ้าหากเขาต้องยอมเห็นแก่
ตัวตนเองแล้วให้โอกาสและความหวังกับจุนฮงในวันนี้ สุดท้ายแล้วไม่กี่ปีเขาเองก็ไม่ได้อยู่อยู่แล้ว แบบนั้นจะไม่ยิ่งทรมาณ
จิตใจของจุนฮงมากกว่านี้หรือยังไง?
แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาเองก็คงยอมไม่ได้เหมือนกัน
แดฮยอนก้มมองรูปในกล้องคู่ใจตัวเองที่พกติดตัวไปไหนมาไหนแทบจะตลอด .. มันมีรูปชเวจุนฮงอยู่ในนั้น เป็นรูปที่ถูกถ่าย
ตอนที่อีกฝ่ายเผลอ เป็นรูปอีกฝ่ายยิ้มบ้างล่ะ เป็นรูปที่อีกฝ่ายโวยวายเพื่อนร่วมห้องบ้างล่ะ แต่ละรูปล้วนเป็นรูปที่แดฮยอน
แอบถ่ายทั้งนั้น รูปแต่ละรูปล้วนมีค่า.. แดฮยอนไม่สามารถปฏิเสธคำๆนั้นได้เลย
ถ้าหากลบก็จะถือว่าความทรงจำระหว่างเขากับจุนฮงไม่มีความหมาย
ถ้าหากปล่อยเอาไว้ ก็จะถือว่าเขาตัดใจจากจุนฮงไม่ได้สักที..
นิ้วชี้ข้างขวาคลิกไล่เลือกรูปทีละรูปอย่างช้าๆ เขาพยายามจะซึมซับทุกรายละเอียดที่อยู่ในรูปภาพนั่นให้หมดไม่ว่าจะเป็นจุน
ฮงมีสีหน้ายังไง ใส่ชุดสีอะไร ต่อให้ขอบตาของเขาร้อนผ่าวขนาดไหนเขาก็ยังจะดันทุรังจดจำมันอยู่อย่างนั้น ไม่ว่าหยาดน้ำตา
ของเขาจะหยดร่วงลงบนหน้าจอของกล้องไปแล้วกี่หยด ไม่ว่าความรู้สึกจุกๆในอกของเขาจะยังไม่หายไป แต่ในเมื่อเขาตัดสิน
ใจไปแล้วยังไงก็ต้องทำ
นิ้วชี้ของเขากดไล่ดูรูปไปเรื่อยๆจนกระทั่งพบกับรูปรูปหนึ่ง ถ้าหากดวงตาของเขาไม่ได้พร่ามัวหรือว่าฝาดไป เขาเห็นดวงตา
ของอีกฝ่ายจากในหน้าจอของกล้องกำลังมองมาที่เลนส์กล้องอย่างมีความหมาย .. พร้อมกับรอยยิ้ม รอยยิ้มที่ดูสดใสจนเสีย
แสบตา จู่ๆความรู้สึกที่สะกดกลั้นเอาไว้ก็ขึ้นมาตีกันอยู่ที่อก.. ทรมานเหลือเกิน
จุนฮงหันมายิ้มให้กล้องเขาขนาดนี้ก็คงจะเห็นเข้าแล้วสินะ?
แดฮยอนเลือกที่จะกดข้ามภาพนี้ไปราวกับไม่เคยเห็นมันมาก่อน ชายหนุ่มกดเลือกรูปภาพอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถึงรูป
สุดท้ายของกล้อง แดฮยอนหลับตาชั่งใจสักพักแล้วเอื้อมนิ้วชี้ไปกดที่ปุ่มสีแดง
‘คุณต้องการยืนยันจะลบภาพเหล่านี้?’
คำถามอัตโนมัติที่เขาเคยเห็นมาเป็นร้อยๆครั้งนับไม่ถ้วน แต่พอมาเป็นในเวลานี้ทำให้แดฮยอนรู้สึกเจ็บปวดใจมากอย่าง
บอกไม่ถูก ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวอีกแล้ว แดฮยอนต้องสะกดกลั้นอารมณ์ข่มความรู้สึกเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจกดปุ่ม
ตกลง
จบกันแล้วสินะเรื่องระหว่างเราน่ะ ชเว จุนฮง
ชายหนุ่มเดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางสีดำที่นอนแน่นิ่งอยู่ตั้งแต่เมื่อคืน ใช่แล้ว ตั้งแต่เขารู้จักกับจุนฮงตอนนั้นเขาก็เรียนอยู่
มหาลัยปีที่สามพอดี และเมื่อนับรวมเวลาที่เขารู้จักกับจุนฮงมาปีกว่าๆ นั่นก็หมายความว่าตอนนี้จองแดฮยอนคนนี้ได้จบการ
ศึกษาที่มหาวิทยาลัยแล้ว และก็กำลังจะเดินทางกลับต่างจังหวัดเพื่อไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตอยู่ที่นั่น
ประตูไม้สีน้ำตาลถูกเปิดอ้าออก ถ้าแดฮยอนไม่ได้รู้สึกทรมาณจนปวดหัวใจ เขาก็กำลังมองเห็นตัวเองที่นั่งแอบมองใครบาง
คนลอดระหว่างช่องหว่างของประตู เห็นตัวเองที่นั่งยกกล้องมาถ่ายรูปใครบางคนจนเหมือนคนบ้า มองเห็นตัวเองยิ้มและ
หัวเราะให้กับคำพูดของใครบางคนตะโกนไล่หลัง เห็นตัวเองที่นั่งทรุดร้องไห้กับประตูเมื่อเห็นฉากจูบร้อนแรงระหว่างชเวจุน
ฮงกับสาวสวยมหาวิทยาลัย เห็นตัวเองนั่งคิดเหม่อลอยอยู่ตรงนั้นวันที่จุนฮงคิดจะจากไปแล้วไม่มีทางกลับมา
แดฮยอนยืนยิ้มให้กับความบ้าบิ่นของตัวเองอยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาฝาผนังที่ตอนนี้ใกล้จวนจะถึงสาม
โมงแล้ว แดฮยอนยิ้มให้กับกระจกที่เขาชอบมานั่งมองรูปของจุนฮงอยู่ตรงนั้น เขายิ้มให้กับเก้าอี้ในห้องทำงานที่เขาชอบนั่งดู
รูปจุนฮงเวลาเอาลงคอมพ์อยู่บ่อยๆ เขายิ้มให้กับมุมเล็กๆที่เคยติดรูปที่เขาวาดจุนฮงอยุ่ตรงนั้น เขายิ้มให้กับกระจกโต๊ะเครื่อง
แป้งที่แดฮยอนเคยทำท่าเลียนแบบจุนฮงในกล้อง เขายิ้มให้ที่ว่างข้างๆโคมไฟที่เขาเคยนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้นตลอดทั้งคืนเมื่อ
เห็นภาพบาดใจ เขายิ้มให้เตียงหนอน หมอน ผ้าปูที่นอน และผ้าห่ม ที่คอยเป็นที่ซับน้ำตา ซึมซับเสียงหัวเราะ และคอยเป็น
เพื่อนเวลาเขาเหงาให้กับเขาตลอดสี่ปี
คิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นน่าดู
แดฮยอนผลักบานประตูสีน้ำตาลเก่าๆที่ดูคุ้นตานั่น ก่อนจะย้ายข้าวของที่ต้องใช้ออกมา ก็มีเพียงกระเป๋าเป้และกระเป๋าเดิน
ทาง ชายหนุ่มยิ้มให้กับกุญแจที่ถูกล้วงเอามาใช้ล็อคประตูอย่างคุ้นเคย เขายืนบรรจงล็อคมันอย่างนั้น อยากจะซึมซับเวลานี้
ให้ได้มากที่สุด แต่คงเป็นเพราะคอนโดแห่งนี้เงียบเชียบเกินไป..
เขายังได้ยินเสียงของจุนฮงตะโกนบอกชื่อเหมือนวันแรกที่เราได้รู้จักกันอยู่เลย
แดฮยอนเอื้อมมือไปแขวนถุงพลาสติกสีขาวที่ภายในบรรจุทั้งยาแก้ไอชนิดเด็กที่จุนฮงเคยให้เขาในวันที่เขาไม่สบาย ยาทา
แผล อะไรต่างๆมากมาย รวมไปถึงกุญแจห้องของแดฮยอน และกระดาษโพสท์อิทสีพาสเทลที่แดฮยอนเลือกจะใช้แปะมันไว้
บนขวดยาแก้ไอขวดนั้นไว้บนลูกบิดประตูห้องของชเว จุนฮง
‘ขอบคุณเวลาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมานะชเวจุนฮง
พี่จำชื่อนายได้ แต่นายก็อย่าลืมชื่อพี่เหมือนกันนะ จอง แดฮยอน น่ะ
สุดท้ายนี่ ตลอดเวลามันมีค่ามากๆเลยนะ พี่ไม่เคยลืม
คนที่เห็นแก่ตัวและน่ารังเกียจที่สุดก็คือฉัน ไม่ใช่นาย
จองแดฮยอน’
ที่ให้กุญแจห้องของเขากับจุนฮงไป เพราะเขาคิดว่ายังไงสักวันหนึ่งถ้าหากจุนฮงยังเคยนับถือเขาอยู่ในสายตา เจ้าเด็กนั่น
อาจจะใช้มันไขเข้ามาในห้องของเขา .. และเห็นความทรงจำของเขาอยู่ในนั้น
ภาพของจุนฮงที่ถูกอัดมาไว้แปะตรงกระจกโต๊ะเครื่องแป้ง
ภาพของจุนฮงที่ถูกอัดมาไว้แปะข้างๆหน้าจอคอมพ์
ภาพของจุนฮงที่ถูกอัดมาไว้แปะหน้าต่าง
ภาพของจุนฮงที่ถูกอัดมาไว้แปะข้างๆโคมไฟ
ภาพของจุนฮงที่ถูกอัดมาไว้แปะตรงมุมเล็กที่เขาใช้วาดภาพ
ภาพของจุนฮงที่ถูกอัดมาไว้แปะบนหัวเตียงของเขา..
สุดท้ายคนที่รู้ตัวสายเกินไปก็ไมได้อะไรกลับไปอยู่ดี
โชคดีนะ ชเวจุนฮง
END
มันป่วงอ่า ซอรี่น้า ;A;
คริๆ หน่วงๆกันหมดล่ะสิ พโถ่ โอ๋ๆมาเรากอด
อ่านจบแล้วอย่าเพิ่งตบเรานะ .. 5555555 555+
ความคิดเห็น