ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ( B.A.P) Memories . | SF&OS

    ลำดับตอนที่ #3 : 3rd Wedding : (Himdae)

    • อัปเดตล่าสุด 18 พ.ค. 56


     

     

    Wedding

    Pairing : Himchan X  Daehyun

    Rated :เท่าไหร่ดี? ฮ่า

    Note : มันไม่ใช่ฟิคแฮปปี้เอนดิ้งค่ะ ... คือมันเป็นฟิคดราม่า .. คือพี่เค้กอยากได้ฟิคดราม่าแพรเลยเขียนค่ะ ถ้าว่างจากการเรียนเมื่อไหร่จะเขียนฮิมแดใสๆให้นะคะ .. (โปรดอย่าขอฉากรักไรท์เตอร์มันเขียนไม่เป็นค่ะ LOL) เขียนเสร็จตอน 1:11 พอดี มึนๆง่วงๆไปหน่อยขอโทษนะคะ <3 จะหวังอะไรกับการบรรยายกากๆของอีคนเขียนกากๆคะ .... ทรอบ OTL

     

     



     

     

    เพียงเล็กน้อยที่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลริน

    แต่...ฟังสิ เสียงหัวใจของฉัน

               

     

     

     

     

                    หากก้าวพลาดไปอีกทางเพียงแค่หนึ่งก้าว ... เรื่องราวมันจะเป็นยังไงนะ?

     

                จะเป็นอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้หรือเปล่า?

     

                แดฮยอนแค่อยากรู้ ... เพราะรู้ทั้งรู้ว่ายังไงก็ถอยหลังกลับไปไม่ทันแล้ว

     

     

                 

                เสียงบรรเลงเพลงเปียโนดังคลอเฉื่อยเพื่อเพิ่มบรรยากาศภายในงานให้น่าภิรมย์ยิ่งขึ้น เบื้องหน้าของชายหนุ่มนั้น
    เป็นสถานที่จัดงานเล็กๆภายในสวนหย่อม พื้นดินที่ถูกปกคลุมด้วยต้นหญ้าเขียวชอุ่มถูกโรยประดับด้วยกลีบกุหลาบสีขาว
    บริสุทธิ์ที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี และกลีบสีขาวเหล่านั้นก็ถูกจัดระเบียบให้กระจัดกระจายอยู่เพียงแค่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมที่เป็น
    ทางเดินยาวเท่านั้น  เปรียบเสมือนกลีบดอกไม้บริสุทธิ์เป็นพื้นพรมแดงหรูในแบบฉบับของธรรมชาติ เก้าอี้ไม้พับสีขาวถูก
    เรียงรายให้เป็นแถวแนบขนาบทั้งสองข้างทางเดินพรมกลีบดอกกุหลาบ ลมพัดโชยเอื่อยทำให้ต้นไม้ที่โอบล้อมรอบสถานที่
    ขยับสั่นไหวไปมาราวกับว่า พวกมันกำลังร่วมแสดงความยินดีให้กับเจ้าของงานในวันนี้

                โต๊ะไม้โอ๊กสีขาวเนื้อดีถูกปกคลุมทับด้วยผ้าผืนกว้างสีขาวอีกชั้นถูกจัดวางไว้ตรงกลางและสุดปลายทางเดินพรม
    กลีบกุหลาบ แสงแดดทองอมส้มร่วมใจกันสาดแสงเน้นให้โต๊ะไม้โอ๊กตรงใจกลางสถานที่แห่งนี้นั้นเด่นชัดมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม
    เสียงผู้คนพูดคุยจ้อกแจ้กจอแจคละเคล้ารวมกับเสียงนกตัวเล็กตัวน้อยที่กำลังขับขานบทเพลงอันแสนไพเราะประกอบ
    จังหวะรับทำนองกับบทเพลงบรรเลงเปียโน

                ชายหนุ่มในชุดสูทสีกรมท่าเข้มที่ปิดคลุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตนยกยิ้มกว้างให้กับภาพแห่งความทรงจำเบื้องหน้าของ
    ตน  ทุกสิ่งทุกอย่างในงานวันนี้ออกมาสวยงามมากกว่าภาพในฝันที่จองแดฮยอนคาดคิด ทั้งท้องฟ้าที่โปร่งใส แสงแดด
    อ่อนๆ อุณหภูมิและสภาพอากาศที่อยู่ในระดับอบอุ่น ธรรมชาติที่เขียวขจี อุปกรณ์ตกแต่งสถานที่สว่างใส ผู้คนที่มีความสุข
    ราวกับทุกอย่างกำลังร่วมแสดงความยินดีกับเจ้าของงาน อาจด้วยเพราะงานในวันนี้เป็นพิธีกรรมที่สำคัญที่สุดในชีวิต เป็น
    พิธีกรรมที่คนครองรักทั้งสองคนยอมตกลงปลงใจที่จะใช้ชีวิตที่เหลือของตนร่วมกัน พิธีกรรมที่ควรจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวใน
    ชีวิตของมนุษย์คนหนึ่ง..

               

                งานแต่งงาน..

     

                สิ่งที่ทำให้แดฮยอนยิ้มได้ในวันนี้ไม่ใช่เพียงแค่เพราะบรรยากาศแสนสวยงามนี่เพียงอย่างเดียว หากแต่ทว่าเป็น
    เพราะใครบางคนที่กำลังยืนพูดคุยสารทุกสุกดิบกับแขกผู้มีเกียรติที่พากันมาร่วมงานในวันนี้ ใครบางคนที่อยู่ในชุดสูทสีดำ
    สะอาด ใครบางคนที่อยู่ในทรงผมที่ถูกเซ็ตเปิดเผยหน้าผากเรียวสวยของตน ใครบางคนที่เป็นเจ้าของงานในวันนี้ วันสำคัญ
    ของใครคนนั้น

     

                คิม ฮิมชาน

     

                แดฮยอนไม่รู้ว่าเขายืนจ้องพี่ฮิมชานมานานมากแค่ไหนแล้ว รู้แค่เพียงว่าแดฮยอนได้แต่ยืนมองพี่ฮิมชานอยู่อย่าง
    นั้น จนกระทั่งพี่เขาเดินมาหยุดส่งยิ้มให้อยู่ตรงหน้า อากาศในวันนี้ตัวแดฮยอนเองรู้สึกได้ว่ามันก็อบอุ่นมากพอแล้ว แต่
    พอได้รับรอยยิ้มและได้มองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีช็อกโกแล็ตที่ดูลึกลับคู่นั้น แดฮยอนเหมือนรู้สึกว่าใจของเขานั้นเต้นระ
    ส่ำไม่เป็นจังหวะ มันเต้นแรงมากเกินไปจนปวดหนึบอยู่ในอก ใบหน้าของเขานั้นร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้ตามสัญชาตญาณ
    สติที่แทบจะไม่มีเหลืออยู่แล้วก็ต้องมลายหายไปสิ้นเพียงเพราะพี่ฮิมชานเอ่ยปากเรียวสวยสีสดนั้น เปล่งเสียงทุ้มนุ่มลึกเอ่ย
    เรียกชื่อเขาออกมา

     

                “แดฮยอน”

     

                อบอุ่นเหลือเกิน...

     

                จะว่าไปแล้ว...เขากับพี่ฮิมชานรู้จักกันได้ยังไงนะ?

     

     

    โลกทั้งใบของฉันนั้น มีเพียงเธอ มีเพียงเธอเท่านั้น

    แต่เมื่ออยู่ตรงหน้าเธอ ฉันกลับหายใจไม่ออก

     

     

     

     

     

                20 เมษายน 2012

               

                แดฮยอนนั่งมองรถประจำทางที่กำลังจอดเทียบริมฟุตบาตเพื่อเตรียมรอรับผู้โดยสารที่ยืนอยู่ตรงป้ายรถ จริงๆแล้ว
    สำนักงานที่เขาทำงานอยู่ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากบ้านที่เขาอาศัยมากนักเสียเท่าไหร่ และรถประจำทางแทบทุกคันที่ขับผ่านป้าย
    จอดรถแห่งนี้ก็สามารถนำเขาไปส่งจุดหมายปลายทางได้อยู่แล้ว

                แต่ทุกอย่างดันติดตรงที่ว่า มันจะมีรถประจำทางเพียงแค่คันเดียวและสายเดียวในแต่ละวันเท่านั้น ที่ใครบางคนจะ
    สามารถขึ้นได้ ด้วยเหตุผลที่ว่าที่ทำงานของเขานั้นอยู่ไกลจากที่นี่มากเกินไป และรถประจำทางสายนั้นก็สามารถเดินทางไป
    ถึงได้อยู่แค่สายเดียว และโชคก็เข้าข้างจองแดฮยอนยิ่งนัก เมื่อสายรถประจำทางที่ว่านั้นได้ขับผ่านทางไปสำนักงานของเขา
    และขากลับที่ใครบางคนขึ้นนั้นก็ขับผ่านสำนักงานเขาลังเวลาที่เขาเลิกงานด้วยอีกเช่นเดียวกัน

                ถ้าหากเป็นแต่ก่อน แดฮยอนคงรีบๆขึ้นตั้งแต่รถคันแรกมาจอดเทียบ เลือกที่จะไปให้ถึงสำนักงานให้ทันเวลาตอก
    บัตรเข้าทำงาน เลือกที่จะรีบกลับบ้านมานั่งปั่นงานที่ค้างคาไว้ให้เสร็จๆไปในแต่ละวัน บางทีก็อาจจะไปเที่ยวนัดสังสรรค์กับ
    เพื่อนยามกลางคืนเพื่อผ่อนคลาย

                แต่ในตอนนี้ แดฮยอนรู้ตัวว่าเขาไม่สามารถกลับไปทำในสิ่งเหล่านั้นได้อีกแล้ว เขาจะต้องรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมานั่งรอ
    ให้รถประจำทางที่ใครบางคนคนนั้นขึ้นเป็นประจำเวลาไปทำงาน เขาจะต้องนำงานที่เคยเอาไปปั่นให้เสร็จในตอนกลางคืน
    ที่บ้านขึ้นมาทำฆ่าเวลาในขณะที่รอรถประจำทางคันนั้นขับผ่านมาในเวลาที่ห่างจากเวลาเลิกงานของเขาถึงสองชั่วโมง นัด
    สังสรรค์กับเพื่อนยามดึกก็ต้องถูกยกเลิกไปตามระเบียบ แดฮยอนกลายเป็นคนไม่มีสังคม มีเพื่อนคบแค่ไม่กี่คน จากที่เคย
    ต้องมาทำงานโดยไม่เคร่งเครียดและไม่คิดอะไร แดฮยอนก็ต้องคอยมาพะวงว่างานจะเสร็จทันเวลามั้ย จะตื่นทันหรือเปล่า
    จะติดประชุมจนทำให้กลับบ้านโดยรถประจำทางสายนั้นไม่ทันหรือไม่

     

                ใครบางคนคนนั้นที่แดฮยอนเฝ้ารอ...

     

                ก็...คิมฮิมชานไง

               

               

                แดฮยอนก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือของตัวเป็นรอบที่สิบในเช้าวันนี้ ปลายเข็มนาฬิกายาวบนหน้าปัดนาฬิกานั้นจวน
    จะหมุนวนกลับมายังเลขหกเลขเดิม นั่นหมายความว่าเป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่แดฮยอนยังคงนั่งรออยู่ตรงนี้ ถ้าแดฮยอน
    ไม่ได้คำนวณเวลาผิด ... มันก็เหลือแค่เพียงอีกห้านาทีเท่านั้นที่รถประจำทางคันนั้นจะมา

               

                สี่

     

                แดฮยอนเริ่มผุดลุกผุดนั่งจากที่นั่งรอรถประจำทาง เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้กระวนกระวายใจมากขนาดนี้ อาจจะ
    เป็นเพราะการที่เขาเคยชินกับได้เห็นพี่ฮิมชานในทุกเช้าเวลานี้เกือบจะปีกว่าๆ พอไม่ได้เห็นอะไรที่เคยชินก็อาจจะระแวง
    ระวังมากเกินไปหน่อย

               

                เขาคิดว่านะ..

     

                สาม

                 แดฮยอนลุกขึ้นจากที่นั่งรอรถโดยสาร เขาชะโงกหน้าผ่านฟุตบาตไปมองว่าเห็นรถโดยสารคันดังกล่าวใกล้จะมาถึง
    แล้วหรือไม่ เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเสี่ยงอันตรายทำขนาดนี้ไปได้ยังไง อาจเป็นเพราะว่าแดฮยอนกำลังกังวล

                กลัวว่าจะไม่ได้เจอพี่ฮิมชาน...

     

                สอง

                เวลาดูเหมือนจะเดินเร็วมาก แดฮยอนหันกลับจากการชะโงกหน้ามองรถประจำทาง โดยการหันกลับไปมองทางเดิน
    ที่ที่พี่ฮิมชานมักเดินออกมาจากซอยบ้านตัวเองเสมอ ไม่มี...พี่ฮิมชานไม่ได้อยู่ตรงนั้น.. ก้อนอกข้างซ้ายตรงหัวใจของแดฮ
    ยอนนั้นเต้นเร็วรัวทุกเสี้ยววินาที เขากำลังตื่นเต้น ตื่นเต้นมากเกินไป..

               

     

                หนึ่ง

               

                ไม่ทันเสียแล้ว....

                แดฮยอนถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนเมื่อหันไปพบกับรถประจำทางที่จอดเทียบฟุตบาตแล้วเรียบร้อย ตามเวลา
    เข็มนาฬิกาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือของเขา ตัวแดฮยอนเองไม่ได้อะไรมาก ก็แค่อยากให้เวลามันเดินช้าลงบ้างกว่านี้

     

                ถึงแม้เขากำลังพร่ำปลอบตัวเองว่าวันนี้พี่ฮิมชานอาจจะตื่นสายเลยทำให้มาทันรถประจำทางไม่ได้ แต่สมองของเขา
    กำลังคิดตีวุ่นกันไปร้อยแปด พี่ฮิมชานอาจจะไม่สบายหนักเลยมาไม่ได้ แต่ถ้าไม่สบายหนักลแวใครจะดูแล? มีใครอยู่ที่บ้าน
    คอยป้อนข้าวป้อนยาบ้างหรือเปล่า? พี่ฮิมชานอาจจะย้ายบ้านและไม่ขึ้นรถประจำทางสายนี้ตรงที่นี้อีกแล้ว พี่ฮิมชานจะทำ
    อย่างนั้น พี่ฮิมชานจะทำอย่างนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนตกอยู่ในมุมมองแย่ๆ เหมือนแดฮยอนโดนดึงให้ตกเหวทันทีทันใดอย่าง
    นั้น

     

                ตอนแดฮยอนตอนไม่ได้เจอฮิมชานนี่สภาพแย่กว่าที่ตัวเองเคยคิดไว้เยอะ ....

     

     

                “สายแล้ว!”

     

                น้ำเสียงทุ้มหูที่ดังตะโกนขึ้นจากข้างกายไม่สามารถเรียกร้องสติแดฮยอนให้กลับมาเหมือนเดิมได้อีก แดฮยอนกำลัง
    จิตใจแห้งเหี่ยว เขาค่อยๆก้าวเท้าแต่ละข้างลงบนบันไดของรถประจำทาง ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนไร้ตัวตน มีเพียงแดฮยอน
    และรถประจำทางคันนี้เท่านั้นที่อยู่บนโลกใบนี้ ไม่มีสิ่งใดสามารถเรียกสติเขากลับคืนมาได้ดีเท่ากับ..

     

                ผลั่ก!!

     

                ด้วยแรงกระแทกของอะไรบางอย่างที่มีพละกำลังมากพอที่จะสามารถทำให้แดฮยอนที่ค่อยๆเดินขึ้นบันได้ขั้น
    สุดท้ายของรถประจำทางเซจนเกือบล้ม ด้วยแรงผลักที่ส่งผลมาทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งจนตัวโหยง เป็นเพราะว่ากระเป๋าเป้
    สะพายข้างคู่ใจที่ถูกใช้ร่วมกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย จนกระทั่งผืนผ้าที่เคยแข็งกลับอ่อนยวบหยาบราวกับกระดาษชำระ
    แฟ้มเก็บผลงานสีน้ำตาลเก่าเพื่อนำเสนอลูกค้าที่ถูกเก็บไว้อย่างลวกๆด้วยความว่าเมื่อเช้าแดฮยอนเร่งรีบเสียจนไม่ได้จัด
    อะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักอย่าง กระดาษงานทั้งหมดที่เคยเก็บเอาไว้ก็พากันโรยร่วงลงมาจากปากแฟ้มที่เปิดเป้าออกอยู่ใน
    กระเป๋าคู่ใจใบนั้น สติที่เคยหลุดลอยหายไปของแดฮยอนก็กลับมาทันที

                ชายหนุ่มรีบกอบโกยเจ้ากระดาษเอสี่กองโตมากมายที่เคยถูกยัดเก็บเอาไว้ด้วยความเร่งรีบและไม่เป็นระเบียบโดย
    เคยหวังเพื่อให้ตนเองสบายไม่ต้องจัดการอะไรมากในเวลานั้น แต่ในเวลานี้ได้กลับกลายเป็นภาระงานชิ้นโต เขาจำต้องรีบ
    กอบโกยเจ้าเอกสารกองโตรกๆพวกนี้ให้ทันท่วงที เพราะถ้าหากว่ารถประจำทางคันนี้ออกตัวเดินทางมุ่งสู่จุดหมายปลาย
    ทางเมื่อไหร่ นั่นก็หมายความกลายๆได้ว่าแดฮยอนอาจจะไม่มีชีวิตในบริษัทอยู่รอดจนถึงเช้าวันมะรืนนี้ เอกสารงานชิ้น
    สำคัญของลูกค้าของเขาอาจจะต้องปลิวหายไป และแดฮยอนกำลังจะกลายเป็นคนว่างงาน กลายเป็นคนทำงานได้ห่วย
    ที่สุดในตระกูลแน่ๆถ้าหากแค่เอกสารแค่ไม่กี่ชิ้นยังไม่สามารถรักษาได้ ...แค่คิดก็สตาร์ทความหวาดเสียวติดแล้ว

                 ด้วยความที่รีบร้อนจนมองไม่เห็นใครบางคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด แดฮยอนจึงได้เอาแต่บ่นอุบโทษ
    ตนเองที่มัวแต่สะเพร่าเผลอสติหลุดล่องลอยจนกลายเป็นคนละคนกับเมื่อตอนที่นั่งรอรถประจำทาง ความผิดทั้งหมดแด
    ฮยอนก็โบยให้เจ้ากระดาษกองโตและความขี้เกียจของตน

                แดฮยอนคงลืมไปว่าถ้าหากใครอีกคนไม่ได้วิ่งมาชนเขาจนเซล้ม เจ้ากระดาษกองโตในแฟ้มเก่าๆนี่ก็คงไม่หกเท
    ระเนระนาดราวกับถูกโยนลอยขึ้นฟ้าขนาดนี้ แดฮยอนคงจะลืมหันไปมองหน้าผู้กระทำผิดที่ตอนนี้เดินกลับมานั่งยองๆข้าง
    กาย และกำลังแสดงความมีเมตตามีน้ำใจด้วยการช่วยแดฮยอนเก็บเอกสารมากปัญหาเหล่านั้นให้ทันเวลา

     

     

                “โห .. นี่ทำงานด้านออกแบบอีเวนท์หรอ?”

                น้ำเสียงนุ่มๆที่แดฮยอนจำได้ขึ้นใจว่าเคยได้ยินครั้งแรกด้วยความบังเอิญทำเขาชะงักค้างเติ่ง มือทั้งสองข้างที่กำลัง
    รวบรวมเอกสารนั้นหยุดอยู่กับอากาศทันที ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของเขานั้นสั่นระรัวและเร็วยิ่งกว่ายามที่ได้สอบสัมภาษณ์
    งานเป็นครั้งแรกในชีวิต กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่แสดงความนุ่มนวลที่ถูกปิดซ่อนอยู่ไว้ภายใต้ความเป็นบุรุษนั้นลอยโชยมาแตะ
    จมูก ใบหน้าของแดฮยอนร้อนผ่าวราวกับมีใครนำอะไรร้อนๆมาทาบลงบนใบหน้านี้ คงเป็นเพราะที่อยู่ใกล้กันมากเกินไป
    แดฮยอนจึงเห็นอีกฝ่ายได้เพียงแค่หางตา

     

     

    ฉันทำผิดพลาดอย่างง่ายดาย เมื่อเข้าใกล้เธอ

    ยิ่งเข้าใกล้ แม้เพียงก้าว แม้ว่าจะไม่สามารถจากเธอไปได้เลย

               

     

     

     

                สมองของแดฮยอนสั่งการให้เขารีบๆเก็บเจ้ากระดาษตัวปัญหาเหล่านี้ให้เสร็จ แล้วโค้งขอบคุณพี่ฮิมชานเขาตาม
    มารยาทก่อนจะรีบเดินหนีไปนั่งที่ไกลๆแล้วไม่ต้องมายุ่งกันอีก หากแต่ว่าภายในใจของแดฮยอนกลับสั่งการให้เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครั้งนี้ไว้ให้มากเท่าที่จะทำได้ เขาอยากหันไปมองหน้าอีกฝ่ายตรงๆ แต่ก็คงทำไม่ลง ...หากจะทำได้ก็เพียงแค่
    ลอบมองอีกฝ่ายยามที่เจ้าตัวเผลอเพียงเท่านั้น

     

                แดฮยอนทำมากกว่านี้ไม่ได้แล้วจริงๆ...

                เพราะแอบรักเข้าข้างเดียวมาเกือบปี... สิ่งที่ทำได้ก็มีแค่เพียงเท่านี้ แอบมองและแอบรักเขาต่อไป...

     

     

                “พี่ขอโทษนะครับ พอดีเมื่อคืนดื่มจัดไปหน่อย วันนี้เลยตื่นสายเลยรีบวิ่งมา”

     

                “.....”

     

                “พี่เลยชนน้องเต็มๆ ขอโทษนะครับ ..เอ่อ ได้ยินที่พี่พูดมั้ยครับน้องครับ?”

     

                เพราะด้วยความที่เป็นคนขี้อายและไม่กล้า สิ่งที่แดฮยอนทำได้มีเพียงแค่พยักหน้าน้อมรับคำขอโทษ โค้งขอบคุณ
    และเอ่ยย้ำซ้ำไปซ้ำมาว่า
    ไม่เป็นไรจริงๆครับ หากใครมาดูคงจะขำขันกันมิใช่น้อย.. กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอเล่นตลกอะไรออกไป
    แดฮยอนก็ย้อนเวลากลับไปแก้ไขมันไม่ทันสะแล้ว

     

                ด้านคิมฮิมชานที่ดูเหมือนเริ่มจะมีแรงพละกำลังเพิ่มขึ้นแล้วหลังจากเมื่อคืนดื่มฉลองวันเกิดให้ตัวเองเยอะมากไป
    หน่อยก็ยกยิ้มขึ้นอารมณ์ดีโดยไม่คิดที่จะห้าม พอมาเห็นภาพแมวน้อยตัวเล็กๆทำท่าที่น่าขบขันแต่เช้าๆ ความรู้สึกเนือยๆ
    จากเมื่อคืนก็กลับมาดีเหมือนเดิมอีกครั้ง มือแกร่งยกเลื่อนขึ้นมาเกาหัวแกรกพร้อมกับเอียงคอและหรี่ตายิ้มมองอีกฝ่ายที่
    เดินหดตัวเข้าจนแทบจะกลายเป็นแมวถูกบีบอัดและห่อม้วน ยิ่งใบหน้าของเจ้าเด็กนั่นเวลาเสหลบตายิ่งเหมือนเด็กน้อย
    ทำความผิดที่กลัวครูฝ่ายปกครองว่าและหักคะแนน เห็นแล้วฮิมชานเองก็อยากจะแกล้งสักนิด เพื่อที่ชีวิตยามเช้าของเขา
    อาจจจะมีสีสันขึ้นมาบ้าง..

     

                น่ารักเป็นบ้าเลยแฮะ..

     

     

    แต่ยิ่งเข้าใกล้เธอเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น

    ว่าฉันคงไม่สามารถหยุดรักนี้ได้

     

     

     

                คนตรงหน้าเขานั้นมีค่ามากเกินไป...

     

                ถ้าหากเปรียบฮิมชานเป็นดวงดาว แดฮยอนก็คงเป็นเพียงหนูตัวเล็กๆตัวหนึ่งที่มีสิทธิ์เพียงแค่แอบมอง หากคิดจะ
    เอื้อมมือไปไขว้คว้าก็คงเพียงเอื้อมออกไปไม่พ้นรัศมีของตน ฮิมชานไม่มีวันมองเห็น พี่ฮิมชานอยู่ไกลจากเขามากเกินไป เขา
    ตัวเล็กมากเกินไป แขนของเขานั้นสั้นมากเกินไป โอกาสที่จะไขว่คว้าสิ่งใดๆย่อมไม่มี ฮิมชานไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเขา
    และคงไม่มีวันที่หนูตัวนี้จะได้อยู่ใกล้กับดวงจันทร์แสงสว่างดวงนั้นได้มากไปกว่านี้..

                แดฮยอนเอียงศีรษะพิงกับกระจกบานใสเพื่อแอบมองใครคนนั้นจากตรงนี้ พี่ฮิมชานนั่งอยู่ตรงนั้น ที่ประจำข้าง
    หน้าต่างเบาะรถแถวที่หนึ่งกำลังนั่งตรงฝั่งข้างขวาริมหน้าต่างเพื่อที่จะมองวิวสวยที่อยู่ภายนอกกระจกรถบานใหญ่นั้น

                แตกต่างจากแดฮยอน เขานั่งอยู่ที่แถวสุดท้ายของเบาะรถประจำทางและเอียงศีรษะซบพิงกระจกรถด้านขวาเหมือน
    กัน และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถเอื้อมมือไปหาพี่ฮิมชานเห็น เขาแค่ทำได้แค่นี้ นั่งมองอีกคนจากที่ไกลๆ

     

                ผมรักพี่มาปีกว่าแล้วสินะ ...

                แต่ทำไมความรักของผมที่มีต่อพี่มันเพิ่มมากขึ้นทุกวันๆ...

                ทั้งๆที่ผมก็มีสิทธิ์แค่เอื้อมมือไปสัมผัสพี่แค่ในจินตนาการจากที่ตรงนี้ ที่เดิมๆ เวลาเดิมๆ...

     

     

                ทรมาน...แต่ทำไมยังรัก?

               

                มือข้างขวาของแดฮยอนทุกยกขึ้นมาช้าๆ เจ้าของอวัยวะชิ้นนี้ยังมีสติครบพอทุกอย่าง ปลายนิ้วทั้งห้าของแดฮยอน
    ขยับไปมาราวกับกำลังลูบขึ้นลงบนแผ่นหลังของฮิมชานที่นั่งห่างออกไปจากกันแสนไกล

               

                เพราะแดฮยอนทำได้แค่นี้...

                มีสิทธิ์แค่นี้เท่านั้นแหละ...

     

     

    ทำไมนะ ความรักของฉันถึงได้เกิดขึ้นเมื่อมันสายไปแล้ว

    ความรักของฉันมันช่างยากนัก

     

     

     

              20 เมษายน 2013

                ครบรอบหนึ่งปีแล้ว...

     

                แดฮยอนโค้งคำนับต้อนรับแขกเหรื่อที่พากันมาแสดงความยินดีจนล้นหลามงานอย่างน่าภาคภูมิใจ ชายหนุ่มยกยิ้ม
    กว้างเมื่อพบกับใบหน้าของเพื่อนสนิทจากหนึ่งในบรรดาฝูงชนนับร้อย แดฮยอนสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆอย่างรีบเร่ง ก่อนจะกอด
    อีกฝ่ายเข้าหมับทันทีอย่างไม่ทันได้ให้ตั้งตัว

     

                “ไรมึง พอได้งานนี้แล้วยิ้มร่าเชียวนะ”

                น้ำเสียงประชดประชันปนน้อยใจของยองแจทำแดฮยอนขำเล็กน้อย จริงๆแล้วงานในวันนี้ยองแจจะต้องเป็นคนรับ
    ผิดชอบด้วยคำสั่งจากสำนักงานใหญ่ แต่แดฮยอนก็ขอเป็นคนรับงานนี้ไว้ด้วยตนเองเพราะเป็นงานสำคัญที่สุดในชีวิตแด
    ฮยอน เป็นงานที่แดฮยอนจะมีความสุขที่สุด

     

                และก็เศร้ามากที่สุดในเวลาเดียวกัน

     

                “เหนื่อยล่ะสิท่างานนี้ หนักไม่ใช่เล่นนะเห้ย”

                คำพูดพร้อมท่าทางยักคิ้วลิ่วตาเล่นทำแดฮยอนรู้สึกหมั่นไส้ปนอยากตะปบตงิดๆ ชายหนุ่มยกยิ้มยิงฟันขู่พอเป็นพิธี
    ก่อนจะเข้าไปกระซิบใกล้ใบหูของเพื่อนสนิท

     

                “เหนื่อยกายอ่ะกูไม่ แต่เหนื่อยใจอ่ะโคตรๆ”

     

     

    น้ำตายังคงไหลริน.. ราวกับคนโง่ ราวกับเด็ก

    แต่ฉันก็ยังพยายามจะหัวเราะออกมา

     

     

     

     

                    เสียงเพลงบรรเลงเปียโนเพิ่มระดับเสียงดังขึ้นเมื่อบาทหลวงของงานประกาศเชิญเจ้าสาว ทุกคนภายใต้ร่มเงาไม้
    ในสวนหย่อมหันกลับไปมองใครอีกคนที่เดินมาในชุดราตรีสีสวย

     

                เธอสวยมากจริงๆ..

                เจ้าสาวของพี่ฮิมชาน...

     

                หญิงสาวผิวขาวผ่องเนียนใสในชุดราตรีสีขาวผ่องขับรับกับผิวให้ตัวดูสว่างใส่มากยิ่งขึ้นไปอีก ผมยาวเป็นลอนสี
    น้ำตาลอ่อนถูกรวบเกล้ามวยถักเปียโดยรอบราวกับเจ้าหญิงในป่าไม้ศักดิ์สิทธิ์ ใบหน้าโครงเรียวสวยได้รูป ริมฝีปากสีสดที่ถูก
    แต่งแต้มด้วยลิปสติกสีแดงอ่อนเป็นกระจับ จมูกโด่งรั้นเล็ก ดวงตากลมโตที่ถูกปัดแต่งเสียจนน่าค้นหา เธอช่างสวยและเลอ
    ค่า เหมาะสมกับพี่ฮิมชานมากที่สุดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

                แดฮยอนนั่งอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงมุมมุมหนึ่งที่พี่ฮิมชานไม่สามารถสังเกตเห็นได้ เขาจับจ้องการกระทำทุกๆการกระทำ
    ภายในงานแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์และเรียบหรูครั้งนี้ ริมฝีปากของเขายังคงยิ้มค้างอย่างไม่คิดจะเอาลง ดวงตาของเขามันร้อน
    ผ่าว เขารู้สึกอยากร้องไห้แต่เขากลับร้องไม่ออก คงเป็นเพราะเขาอ่อนแอ มันราวกับคนบ้า.. เพราะเขาคิดว่าน่าจะทำใจได้
    แล้วแท้ๆ สุดท้ายเรื่องราวทั้งหมดก็กลายเป็นเขาที่หลอกตัวเองมาตลอดว่าเขาทำใจรับมันได้

     


                ตั้งแต่วันนั้นที่เรารู้จักกัน พี่ฮิมชานก็มักจะแวะเวียนเอาขนมมาให้และฝากท้องอยู่ที่บ้านของครอบครัวของเขาที่เป็น
    ทางผ่านเพื่อไปยังที่จอดรถประจำทางหน้าปากซอย แดฮยอนยอมรับว่าเขารู้สึกดีใจมากที่ในที่สุดความฝันที่เขาวาดหวังเอา
    ไว้เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเสียที

     

     

                หากแต่แล้ววันหนึ่ง ความฝันของแดฮยอนก็ต้องสูญสลายมลายลงในพริบตา เมื่อพี่ฮิมชานยืนอยู่ตรงนั้น ตรงหน้า
    บ้าน ตรงหน้ารั้วของเขาพร้อมใครอีกคนข้างกาย หญิงสาวคนนั้น หญิงสาวคนนั้นที่หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มเสียจนแดฮยอนนึก
    ละอาย ผู้หญิงคนนั้นที่อากัปกริยามารยาทดีเสียจนแม่ของเขาต้องเอ่ยปากชม ผู้หญิงคนนั้นที่จิตใจดีงามจนใครๆก็ต้องหลง
    รัก

     

     

     

                ผู้หญิงคนนั้นที่แดฮยอนเป็นไม่ได้..

     

                ผู้หญิงคนนั้นที่พี่ฮิมชานรักหมดหัวใจ...

     

                ผู้หญิงคนนั้นที่แดฮยอนทำให้แทบตายอย่างไร พี่ฮิมชานก็คงไม่มีวันเลิกรักเธอ...

     

                ผู้หญิงคนนั้นที่เป็นเหตุผลให้พี่ฮิมชานตีสนิทกับแดฮยอนที่มีหน้าที่การงานเป็นคนออกแบบงานอีเวนท์ เพื่อสักวัน
    หนึ่งที่มีโอกาสเหมาะ พี่ฮิมชานจะพูดประโยคนั้นขอร้องเขาออกมา เพื่อประสาพี่ชายอย่างหวังพึ่งน้องชายคนสนิทของตน

     

                “แดฮยอนช่วยดูแลงานแต่งให้พี่หน่อยนะ...พี่ขอร้อง พี่ยินดีจ่ายทุกอย่างเลย”

     

                ถ้าผมให้พี่จ่ายผมด้วยหัวใจของพี่ที่รักผม ก็คงจะไม่ได้สินะครับ?

     

                ก็เพราะว่ามันก็ไม่มีอยู่แล้วตั้งแต่แรก..

     

     

     

    ว่าฉันคงไม่สามารถหยุดรักนี้ได้เลย

     

     

     

                แดฮยอนไม่ถือโทษโกรธใครเลยแม้แต่นิด..เขาน้อมรับงานนี้ด้วยความเต็มใจปนตื่นเต้นไปในคราเดียวกัน เขากำลัง
    จะทำให้พี่ฮิมชานมีความสุข เขากำลังทำให้วันสำคัญพิเศษวันหนึ่งในชีวิตของพี่ฮิมชานสมบรูณ์แบบ เขากำลังทำให้พี่ฮิม
    ชานยิ้มได้ สุดท้ายเขากำลังทำให้พี่ฮิมชานมองเห็นตัวเขาได้ออกจากมุมมืดนี้เสียที

                แดฮยอนคงต้องยอมรับว่าเขาหลงรักคิมฮิมชานเสียจนหัวปักหัวปำ เขารู้ตัวเองดีว่าตัวของเขานั้นหลงรักพี่ฮิมชาน
    มากเกินไป ความคาดหวังที่สร้างเอาไว้ก็มีเยอะเสียจนน่าขบขัน ความคิดเข้าข้างตัวเองของแดฮยอนก็เยอะเสียจนไม่มีใคร
    เกิน มันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แดฮยอนคิดว่าคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีอย่างพี่ฮิมชานจะแอบมีใจให้กับตน  

                แดฮยอนฝันละเมอมากเกินไป นี่คือข้อเสียที่เขาไม่สามารถทำลายมันลงได้เลย เวลาเขามีความรักโลกทั้งใบจะดูมี
    สีสันมากขึ้น เวลาเขาผิดหวังจากความหลังและความรัก ก็เหมือนกับถูกดึงให้ตกเหวอย่างไม่ตั้งใจ คงเปรียบเสมอนแดฮ
    ยอนลากตัวเองเอาไว้อยู่บนที่สูง พอจู่ๆวันนึงก็ถูกตัดเชือกที่ลากเข้าขึ้นสูงลงนั้นตกลงกับพื้นโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว

                แดฮยอนยอมรับว่าอาการของเขาค่อนข้างน่ากลัวและน่ากลัวเกินไป เขาเป็นโรคนี้หนักมากๆเมื่อได้พบเจอกับฮิม
    ชาน ตลอดเวลาหนึ่งปีทีผ่านมาแดฮยอนไม่เคยเหนื่อยที่จะแอบมองฮิมชาน ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาอีกเช่นกันแดฮยอนก็
    ไม่เคยเหนื่อยที่จะมอบความรักให้พี่ฮิมชานโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ผ่านการทำอาหารฝากบ้าง ขนมฝากบ้าง เขาภูมิใจที่ได้มองพี่
    ฮิมชานมีความสุขจากมุมๆนี้

     

                เขายอมรับว่าวันแรกๆที่พี่ฮิมชานไหว้วานขอให้เขาจัดการเรื่องงานแต่งนั้นเขายังไม่สามารถทำใจได้ มันกะทันหัน
    มากกว่าเขาจะรับไหว มันเร็วมากเกินไป เขาร้องไห้ เขาหมดสิ้น เขาพังทลาย ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูแย่ เพียงแค่เพราะพี่ฮิม
    ชานจะกลายเป็นของใครคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันได้เป็นแบบนั้น

                จนกระทั่งในวันนี้ วันสำคัญที่สุดในชีวิตพี่ฮิมชานแดฮยอนก็ยังคงทำใจรับมันไม่ได้ ..แต่มันก็เป็นเพียงส่วนน้อย
    เพราะในใจของเขาตอนนี้กำลังร่วมยินดีด้วยกับพี่ฮิมชาน พี่ฮิมชานกำลังได้ดี ได้ภรรยาเป็นคนที่พี่เขารักและภรรยาพี่เขาก็
    รักเขามากเช่นกัน ได้ภรรยาเป็นคนดีทุกอย่างที่แดฮยอนเคยอยากเป็นให้พี่ฮิมชาน เขาภูมิใจที่อย่างน้อยพี่ฮิมชานก็มีความ
    สุขในวันนี้ส่วนนึงเป็นเพราะเขา

     

                แดฮยอนจะยังคงยินดีกับพี่ฮิมชานจนกระทั่งบั้นปลายของชีวิต ..

     

     

                “ขอเชิญคู่บ่าวสาวจูบกันเพื่อแสดงถึงความรัก...”

     

                แดฮยอนนั่งอยู่ตรงนั้น อยู่ตรงมุมมืดมุมหนึ่งที่พี่ฮิมชานมองไม่เห็น เขานั่งมองใครอีกคนที่กำลังโอบกอด แลก
    เปลี่ยนความรัก แสดงถึงความจริงใจ และปฏิญาณตกลงที่จะใช้ชีวิตร่วมกัน เขานั่งยิ้มอยู่ตรงนั้น ทว่าดวงตาของเขานั่นพร่า
    เลือน ขอบตาช่างร้อนผ่าว ราวกับถูกเผาไหม้ กว่าจะรู้ตัวอีกทีหยาดน้ำตาใสก็ไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกไปเสียแล้ว ..

     

                แดฮยอนยังคงยิ้มทั้งน้ำตา...ในวันที่มีค่าที่สุดของพี่ฮิมชาน

     

                คงเป็นเพราะแดฮยอนรักพี่ฮิมชานมาก และมีความสุขกับการที่แอบรักพี่ฮิมชานจากที่ตรงนี้ ความรู้สึกดีๆที่ยังคงอยู่
    ในหัวใจและสร้างความอบอุ่นนั้นยังคงไม่จางหายไป แดฮยอนชอบความรู้สึกนี้ เขาไม่เสียใจถ้าหากในโลกแห่งความเป็นจริง
    นั้น พี่ฮิมชานกำลังเป็นของใครอยู่ แต่ทว่าถ้าหากก้าวสู่โลกแห่งความฝันแล้วนั้น พี่ฮิมชานยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ส่งยิ้มให้เขา
    เหมือนวันที่เคยผ่านมา โบกมือทักทายและจากลาตามประสาคนรู้จัก และพี่ฮิมชานยังคงยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อที่จะให้เขาแอบ
    รัก

     

     

                



                เขาไม่สามารถเลิกรักพี่ฮิมชานได้อย่างที่ใจคิด...

     

     

                เพราะการเลิกรักพี่นั้นมันยากเกินไป..

     

     

                และผมก็ไม่อยากคิดที่จะทำมัน...

     

     

     

                ผมยังรักพี่อยู่ตรงนี้นะครับพี่ฮิมชาน 


     

    END



    จบเถอะค่ะ ถ้าให้เขียนภาคต่อเราอึดอัด ให้แดฮยอนเป็นมือที่สามสามีภรรรยามันไม่ใช่เรื่อง
    ง่วงเพลียแต่ต้องเขียนให้จบเพราะกะว่าจะเขียนให้จบตั้งแต่ก่อนเปิดเทอมแล้วค่ะ
    แต่ติดแคนดี้ครัช+ตบกับทอมยักษ์บ่อยเกิน .... ฝากฟาดทอมยักษ์ทีค่ะขอบคุณ
    อีกอย่างพี่ฮิมชานน่ารักกับแฟนมากค่ะ แบบนี้หาได้ที่ไหนอยากได้เป็นแฟนทันทีค่ะฮือ
    เราลืมบอกค่ะ... ถ้าอยากสครีมฟิคอันนี้ หรือฟิคอันอื่นๆที่เราแต่งให้ลองสครีมโดยใช้ #jun9chop
    ก็ได้นะคะ 555555 555+ ถ้าขี้เกียจเม้น ๒อีนี้จะตามไปหลอกหลอนคนอ่านข่า
    เลิฟนะคะ♥ เจอกันเมื่อวันเราขยันค่ะ 

     

    Calista
    Cool Transparent Green Pointer theme
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×