ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : >> Before that (GDragon x Jinwoo)
คำเตือน...
Before that เป็นเรื่องราวที่เกิดก่อน Everlasting นะคะ
อ่าน Everlasting ได้ในตอนที่แล้วค่ะ
ตอนนั้นมันคือ 22 ปีก่อน...ที่ส่งผลถึงปัจจุบัน
“ไปดิมึง เร็วๆ”
“แต่...”
“เดี๋ยวเขาก็หายไปหรอก เร็ว!”
ควอนจียงเด็กหนุ่มวัยเพียงแค่ 16 ปี ถูกผลักออกจากหลังเสาไฟฟ้า หลังจากที่งกๆ เงิ่นๆ มานานหลายนาทีแล้วตั้งแต่บนรถเมล์ พอถูกผลักออกมาก็หันกลับไปมองกลุ่มเพื่อนของตัวเองอีกรอบหนึ่ง เหล่าเพื่อนๆ พร้อมใจกันโบกมือใส่ไล่ให้เดินหน้าไป จียงหันหน้ากลับไปมองชายร่างเล็กที่ใส่ชุดยูนิฟอร์มจากโรงเรียนเดียวกันและกำลังเดินอยู่คนเดียว
ลมหายใจร้อนๆ ถูกเป่าออกมาเพื่อลดความตื่นเต้นและจังหวะการเต้นของหัวใจ
ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็วเพื่อตามคนข้างหน้าให้ทัน แต่ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งเร็วไปรึเปล่า อยู่ๆ คนข้างหน้าก็หันกลับมาจนเบรกตัวแทบไม่ทัน เบี่ยงใบหน้าไปมองนู้นมองนี่จนรู้สึกได้ว่าอีกคนหันหน้ากลับไปแล้ว เขาถึงก้าวยาวๆ เพื่อให้ได้เดินตามหลังใกล้กว่าเดิมอีกนิด ในขณะที่สายตายยังคงจ้องมองแผ่นหลังเล็ก
และคนข้างหน้าก็หยุดเดินแล้วหันมาอีกครั้ง จำได้ดีว่าเป็นผู้ชายที่เอาแต่คอยมองตัวเองบนรถเมล์เมื่อครู่
จียงรีบหยุดฝีเท้าของตัวเอง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้สบตากับคนตรงหน้าชัดๆ
หน้ามันก็แดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“...มีธุระอะไรกับเรารึเปล่า?”
“...”
“...”
เมื่อจียงเอาแต่มองหน้าแล้วไม่ได้ตอบอะไร มือของคนตัวเล็กยกขึ้นมาเกาต้นคอด้วยความงุนงง ก่อนตัดสินใจหันกลับหลังเดินต่อไป เพราะคงจะคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปว่าผู้ชายคนข้างหลังคงมีอะไรอยากจะพูดด้วยกับตน
ก็จะไม่ให้รู้สึกแปลกๆ ได้ยังไงล่ะ เขาหยุดเดินก็หยุดตามอย่างนี้น่ะ
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าคนเมื่อครู่กำลังเดินตาม เจ้าตัวจึงต้องเริ่มออกตัววิ่ง ซึ่งจียงก็วิ่งตามด้วยความตกใจ แต่พอถูกวิ่งตามคนข้างหน้าดันไม่ยอมหยุดวิ่งง่ายๆ จนจียงต้องตะโกนเรียก
“เดี๋ยวสิ! หยุดวิ่งก่อน!”
สุดท้ายก็ต้องเพิ่มความเร็วจนตามคนข้างหน้าที่หยุดวิ่งแล้ว
“นายตามเรามาจริงๆ ด้วย”
“แฮ่ก...” จียงพยายามกลืนความเหนื่อยลงไป
“มีธุระอะไรกับเรารึเปล่า”
“...”
“นายจะไม่พูดอะไรอีกแล้วเหรอ?”
“...”
“งั้นก็อย่าตามเรามาอีกนะ” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปอีกรอบ จียงไม่ได้ไม่อยากตอบ แต่กำลังคิดคำพูดก่อนต่างหากว่าจะพูดอะไรออกมาดีให้เป็นที่ประทับใจแรกพบ นี่เขายังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยก็ถูกเพื่อผลักออกมาแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอบนรถเมล์เมื่อกี้ แล้วเผลอจ้องอีกคนนานไปหน่อยจนโดนเพื่อนแซวถาม
แต่เขาก็ยังต้องการเวลาเตรียมตัวสำหรับเรื่องแบบนี้บ้างนะ
ถึงจะถูกสั่งห้ามจียงก็ยังไม่หยุดเดินตาม และสักพักคนข้างหน้าก็หันกลับมาอีก ซึ่งใบหน้าดูจะบึ้งตึงเล็กน้อย แต่ก็เป็นอีกท่าทางที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“เราบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าตามมาอีก”
“...”
“ฟังเราพูดไม่รู้เรื่องรึเปล่า?”
“...”
จียงยืนมองคนข้างหน้าที่กำลังหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋านักเรียนนิ่ง มือขาวจรดปากกาลงบนช็อตโน๊ตสีสว่างแล้วถูกยื่นมาตรงหน้าเขาจนแทบจะผงะ
บนนั้นมีลายมือยุกยิกเขียนเอาไว้
‘อย่าตามเรามาอีกนะ’
เพียงแค่ 5 วินาทีช็อตโน้ตแผ่นนั้นก็ถูกแปะลงตรงกลางหน้าผากของเขา ก่อนเจ้าของมันจะเดินออกไปอีกครั้ง จียงดึงมันออกมามองด้วยความมึนงงครู่นึง ก่อนจะรีบหยิบปากกาออกมาแล้วเขียนบางอย่างลงไปทางด้านหลัง เมื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยแล้วถึงได้วิ่งไปดักหน้า ยัดช็อตโน้ตแผ่นนั้นใส่มือนุ่มคืนกลับไปให้เจ้าของ ก่อนจะเผ่นแน่บไป
คนที่ยืนกำกระดาษแผ่นเล็กๆ นั้นอยู่ คลี่มันออก
‘ฉันชื่อ ควอนจียง’
“ฮะๆๆ” อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นข้อความตอบกลับในนั้น แล้วพับมันเก็บใส่ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะเดินหน้าต่อไปเพื่อเข้าโรงเรียนใหม่ที่เปิดเทอมวันนี้เป็นวันแรกพร้อมรอยยิ้ม
....
‘คิมจินอู’ ชื่อนี้เป็นชื่อที่ติดอยู่ในหัวตลอดเวลา 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา จียงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลามันถึงได้ผ่านไปเร็วแบบนี้ นี่เขายังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรก็เสียเวลาไปเปล่าๆ เยอะขนาดนี้แล้ว
“มึงก็เดินหน้าจีบเขาสักทีดิว้า มัวแต่มองเป็นหมาหงอยอยู่แบบนี้ทั้งวันมันก็ไม่เกิดอะไรดีๆ ขึ้นมาหรอก” แดซองว่าขึ้นในคาบเรียนประวัติศาสตร์หลังจากที่เห็นเพื่อนเอาแต่มองออกนอกหน้าต่างเพื่อดูคิมจินอูเรียนวิชาพละร่วมชั่วโมงแล้ว
“กูยังไม่พร้อม”
“ไม่พร้อมอะไรอีกวะ วู้ว อ่อนชิบ”
จียงยอมละสายตาจากคนที่มองมานานหันมามองเพื่อนตัวดำตาขวางพร้อมทั้งยกมือขึ้นสะบัดใส่หัวกลมนั่นไปแรงๆ หนึ่งที
“มึงจะให้กูไปทำเรื่องขายขี้หน้าเขาเหมือนวันแรกรึไง”
“ชาตินี้มึงก็ไม่ต้องพร้อมหรอก กูว่านะ” ยองเบที่นั่งข้างหน้าแล้วเงี่ยหูฟังมาตั้งแต่เริ่มบทสนทนาเอนตัวมาข้างหลังด้วยการนั่งเก้าอี้เพียงแค่สองขา
“เฮ้อ!”
“เอาแต่ถอนหายใจก็ไม่ช่วยอะไรนะเว้ย ระวังหมาๆ มันคาบไปแดก ต่อแถวรอทั้งตัวผู้ตัวเมียเชียว” พูดจบก็กลับไปนั่งหลับในเช่นเดิม จียงหันไปมองหน้าแดซองที่พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับยองเบเต็มที่ แล้วก็หันกลับไปมองคนที่หัวเราะร่ากับเพื่อนๆ อีกครั้ง
เขารู้ รู้ตั้งแต่วันแรกๆ แล้วด้วยว่ามีหลายคนที่คิดไม่ซื่อและรอคอยจังหวะอะไรบางอย่างอยู่ ก็คงเหมือนกับเขานี่แหละ
ไม่กล้า
ไม่รู้ว่ามันใช่ความรักรึเปล่า ไม่เคยรักใคร และไม่คิดว่าความรักมันจะเกิดขึ้นอะไรได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่ก็พอรู้มาเหมือนกันว่าถ้าหากมีอาการหัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ หน้าแดง หูแดง พออยู่ต่อหน้าคนคนนั้นก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากจะหายๆ ไปซะให้พ้น
ถ้าอาการเหล่านั้น หลายๆ คนเรียกมันว่าตกหลุมรัก
เขาก็จะจำกัดคำนิยามนี้ไว้ให้ตัวเองก็แล้วกัน
ผลั่ก
“เฮ้ย!!!”
ดวงตาโตขึ้นพร้อมกับร่างกายที่หยัดตัวลุกจากเก้าอี้อย่างอัตโนมัติเมื่อเห็นคนที่ตนคอยมองอยู่ตลอดเวลาถูกลูกบาสปาใส่หัวอย่างแรงจนล้มลงไป
“ควอนจียง” เสียงอาจารย์ทำได้เพียงแค่ให้ชายหนุ่มผงกหัวขอโทษและนั่งลงที่เดิมได้ แต่ไม่อาจเรียกสายตาของชายหนุ่มให้หันกลับมาสนใจตัวเองและวิชาเรียนได้
“ไรวะ?”
แต่ตอนที่ยองเบและแดซองชะโงกหน้าขอดูด้วย ข้างล่างสนามบาสที่แสนวุ่นวาย จินอูถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนจนไม่เห็นตัวเพราะถูกเพื่อนบังจนมิด สุดท้ายทั้งสองคนก็ยอมกลับไปนั่งที่เดิมเพราะเสียงกระแอมของอาจารย์
หัวคิ้วขมวดไม่ยอมคลายออก แม้ตอนนี้จะเห็นอาการของจินอูแล้ว จากที่เห็นได้แค่เพียงลางๆ ก็เดาเอาว่าเลือดกำเดาคงจะไหลเพื่อนสองสามคนช่วยกันประคองไปห้องพยาบาลแล้ว จียงก็ทำได้แค่มองตามจนสุดสายตา
ดูเหมือนว่าสติของจียงจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าใดในเวลาแบบนี้ สายตาที่ล่อกแล่กไปมาคอยมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา จนกระทั่งเสียงออดดังไปทั่วโรงเรียน
“เฮ้ยๆๆ ไอ้แดเอาลูกอมมึงมา” จียงรีบกระโจนใส่เพื่อนข้างๆ ทันทีที่อาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว พลางกระชากกระเป๋านักเรียนของเพื่อนออกมาค้นหา เพราะรู้ดีว่าแดซองชอบที่จะเก็บซ่อนลูกอมเป็นกำๆ ไว้ในกระเป๋าแก้ง่วงนอน
“อะไรของมึงวะ เฮ้ย”
แดซองได้แต่มองตาค้างดูเพื่อนขโมยลูกอมไป ยัดใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียนทั้งสองข้างเป็นกำๆ ยองเบก็หันมามองด้วยความไม่เข้าใจ จียงยัดๆ ลูกอมแล้วลุกขึ้น
“มึงทำบ้าอะไรของมึงวะน่ะ?”
“เดี๋ยวกูมา”
“จะไปไหน???”
“เข้าห้องน้ำ!” จียงดูเหมือนว่าจะรีบมาก แม้แต่จะหยุดหันมาตอบให้ยังไม่มี รีบตอบปัดๆ ขณะวิ่งออกไป
“มันจะเอาลูกอมกูไปละลายเล่นในโถส้วมเหรอวะ? หรือว่าทำการทดลองในวิชาวิทยาศาสตร์?” แดซองหันไปถามหน้ามึนใส่ยองเบ รายนั้นยักไหล่เบะปากแล้วหันกลับไปหน้าห้องเรียน
ชายหนุ่มร่างผอมเล็กน้อยกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปด้านล่างของตึกเรียน กว่าจะรู้สึกตัวก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพยาบาลซะแล้ว ในมือชื้นเหงื่อกำลูกอมแน่น ใบหน้าชะโงกเข้าไปในห้องพยาบาลแต่ไม่นานก็ต้องรีบหลบออกมาเพราะเห็นเพื่อนของจินอูเดินออกมาโดยที่ไม่มีจินอูอยู่
นี่เป็นหนักถึงกับต้องขาดเรียนวิชาต่อไปเลยเหรอ???
“ฟู่วววววววว”
มือตบลงไปที่หน้าอกตัวเองสองสามทีเพื่อเตือนหัวใจว่าอย่าเต้นดังออกมาจนทำเขาขายขี้หน้าเหมือนครั้งที่แล้วอีก ขาก็เดินเข้าไปในห้องพยาบาล อาจารย์ห้องพยาบาลหันมามอง
“เยี่ยมเพื่อนครับ”
แล้วก็เดินฉลุยเข้าไปโดยที่ไม่อยู่ฟังคำพูดใดๆ ของอาจารย์ห้องพยาบาลอีก ยิ่งลึกเข้าไปก็ถึงได้เห็นราวที่มีผ้าม่านกั้นแต่ละเตียงเอาไว้ เมื่อถึงเตียงที่มีผ้าม่านปิดอยู่ทุกทิศก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดมันออกเพียงนิดเดียว เห็นเจ้าของเตียงนอนหลับตาอยู่บนนั้นมือก็รีบปิดกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จียงกลืนน้ำลายลงคอแล้วเดินไปเข้าไปในบริเวณเตียงเปล่าข้างๆ กันโดยที่ไม่ลืมปิดม่านตรงปลายเท้าลง มือที่กำลูกอมแน่นคลายออกแล้วยื่นไปให้คนที่นอนบนเตียงอีกฝั่งผ่านผ้าม่านที่ปิดมาถึงหัวเตียง
“อ๊ะ”
มือชะงักรีบชักกลับทั้งที่ยังไม่ได้วางลูกอมให้อีกคนเลย แล้วผ้าม่านก็ค่อยๆ ถูกคนอีกฝั่งเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าใสของจินอู
“เอ่อ...คือ...” เมื่อไม่รู้จะเริ่มยังไงก่อนดี เลยยื่นลูกอมไปให้อีกครั้ง จินอูที่กึ่งนั่งกึ่งนอนก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับรับมาด้วยความงงงวย
“หื้ม?”
“ก็...พอดีฉันเห็นนายโดนลูกบาสจนเลือดกำเดาไหลน่ะ ก็เลย...ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้จะให้อะไร ร้านค้าที่โรงอาหารก็ปิด...แล้ว”
“จียง...เห็นเราด้วยเหรอ?”
“จียง?”
เหมือนกับว่าตอนนี้หัวใจของเขามันหยุดเต้นไปเรียบร้อยแล้ว ...จียง...ไม่คิดว่าจินอูจะเรียกชื่อของเขาออกมาแบบนี้ ไม่สิ ไม่คิดว่าจะจำได้ด้วยซ้ำ
“ก็...ก็...อืม”
“ฮะๆๆ ขอบใจนะ” จินอูหัวเราะร่าแล้วแกะลูกอมเข้าปากไป หัวใจที่หยุดเต้นก็กลับมาเต้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกคนยิ้มน่ารักเพราะได้กินลูกอมที่เขาให้ไป เลยควักลูกอมที่ตุนไว้ในกระเป๋าเสื้อทั้งสองข้างออกมาจนหมดแล้ววางกองไว้บนตักของจินอู
“เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“จะได้หายไวๆ ไง”
จียงมองดูจินอูยิ้มแก้มตุ่ยพลังพยักหน้าไปด้วย
“อ้อ เราชื่อคิมจินอูนะ”
“อื้อ รู้แล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ เอาไหม?” แล้วจินอูก็ยื่นลูกอมหนึ่งเม็ดมาให้ จียงลังเลว่าจะรับมันดีไหม แต่พอยื่นมือไปรับลูกอมมา ปลายนิ้วก็ถูกนิ้วมือของจินอูไปหน่อยๆ ด้วย แต่จินอูก็ยังคงส่งรอยยิ้มกว้างมาให้
มันไม่ใช่แค่ตกหลุมรักอย่างเดียวแล้วสิ
เขาว่าเขารู้จักกับคำว่ารักจริงๆ แล้วล่ะ
...
ใครจะไปคิดว่าเพียงแค่เขากล้าตัดสินใจเอาลูกอมไปให้จินอูในวันนั้น...ทำให้เขาแปลกไปจนมักจะทำอะไรที่ส่งผลให้ตัวเองแทบหัวใจวายตายได้ทุกๆ วัน
"เฮ้ย ถึงว่าดิวะ ลืมอะไร ลืมซื้อหนมปัง! ไปซื้อเป็นเพื่อนกูหน่อย"เสียงแหลมของแดงซองดังขึ้นหลังจากที่เดินออกมาจากโรงอาหาร ยองเบหันไปทำหน้าตาเอือมใส่ แล้วตีหัวไปหนึ่งที
"ไม่ต้องแดกแล้ว วู้ว"
"โห่ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิวะ"
"ไม่!"
"ไอ้จี ไอ้จีโว้ย" แดซองหันไปให้ความสนใจกับจียงที่ดูเหมือนว่ากำลังเหม่อลอยถึงอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เข้าใจเมื่อมองตามสายตานั่นไป...คิมจินอูสุดที่รักของจียงกำลังเดินแยกออกจากกลุ่มเพื่อนออกไปอีกทาง จียงของพวกเขาเองก็ออกเดินตามจินอูไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"อ้าวเฮ้ย! ไอ้จี!"
ตอนนี้เขาก็ไม่เข้าใจว่าอะไรถึงสั่งให้เขาเดินตามจินอูมาแบบนี้ด้วย รู้แค่ว่ายังมีเวลาและยังอยากมองอีกคนนานๆ ขามันก็พาเดินตามออกมาแล้วและไม่ยอมหยุดเดินกลับไปที่เดิมซะด้วย จนคนนำหน้าเดินเข้าไปในห้องสมุด ขาของเขาก็เดินตามเข้าไปอีก
จียงเลือกนั่งในจุดที่คิดว่ามองเห็นจินอูเดินเลือกหนังสือตามชั้นหนังสือต่างๆ ได้อย่างชัดเจน มือก็หยิบหนังสือที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะมาเปิดกางไว้แสร้งทำเป็นอ่านมัน ทั้งๆ ที่สายตาก็ไม่ได้ก้มลงมองมันเลย จนร่างเล็กๆ หยิบหนังสือเล่มที่หนึ่ง เล่มที่สอง และเล่มที่สามเข้าอ้อมอก จียงรีบละสายตาออก รีบมีท่าทีสนใจหนังสือในมือทันที
"เราขอนั่งอ่านด้วยนะ"
ก่อนที่หัวสมองจะเริ่มประมวลผลคำแรกของหน้าหนังสือก็ได้ยินเสียงเบาๆ ที่รู้เลยว่าทันทีเป็นของจินอูแน่นอน จียงตัวแข็งไปเล็กน้อยแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มและใบหน้าที่ดูมีความสุข เลยต้องพยายามเปล่งเสียงที่เป็นปกติตอบกลับไป
"...เอาสิ"
"ขอบใจ"
จินอูนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ จียงแล้วก็ยังเอาแต่ยิ้ม แม้มือและสายตากวาดไปยังหนังสือให้มือ
“ยิ้มอะไรนักหนา”
ไวกว่าความคิด ปากของจียงโพล่งออกมา จินอูยอมละสายตาจากหนังสือ...สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาจนจียงเริ่มไปไม่เป็น
“ฮะๆๆ เรากำลังคิดอยู่ว่าตอนที่เราเดินมาที่นี่น่ะ รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามเลย แล้วพอเห็นจียงก็อดขำไม่ได้เท่านั้นเอง”
“มีอะไรให้ขำกัน ฉันไม่ได้เดินตามนายมาสักหน่อย”
“ก็แค่นึกไปถึงวันแรกที่จียงเดินตามเราน่ะ ฮะๆๆ”
เพียงแค่นั้นจียงก็รู้สึกว่าควบคุมความร้อนของใบหน้าตัวเองไม่ได้แล้ว มือยกขึ้นมาถูจมูกแก้อาการขัดเขิน เขาคงจะทำขายหน้ามากจนจินอูจำได้ถึงขนาดนี้ อยากจะลุกออกจากที่นี่ไปซะเดี๋ยวนี้เลย นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดที่เดินตามจินอูมากันเนี่ย? ไม่สิ ไม่ได้คิดอะไรเลยมากกว่า
“ลืมเรื่องแบบนั้นไปได้แล้ว”
“เราจะลืมได้ยังไงกัน จียงน่ารักออก” พูดแล้วก็ยิ้มกว้าง ยิ้มจนจะทำให้เขาบ้าตายอยู่แล้ว
“เฮ้ออออ”
เขายอมแพ้แล้ว ยอมแพ้จริงๆ
สุดท้ายก็ส่งยิ้มแรกของตัวเองกลับไปให้กับอีกคน
“ในที่สุดก็ยิ้มให้เราได้สักทีนะ เจอหน้ากันก็บ่อย คุยกันก็เยอะ เรายิ้มจนไม่รู้จะยิ้มยังไงแล้ว ก็คิดว่าวันนี้ถ้าไม่ได้เห็นยิ้มของจียงเราว่าเราจะต้องทำหน้าบึ้งใส่จียงบ้างแล้วล่ะ แต่เสียดาย เราทำให้จียงยิ้มให้เราได้ซะก่อน”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจขนาดนั้นสักหน่อยนี่” เห็นจินอูทำหน้าตาภูมิใจขนาดนั้นก็ต้องยิ้มกว้างออกมากว่าเดิม และยิ้มคำตอบที่ตามมาอยากจะทำให้ระเบิดตัวตายซะจริงๆ
“น่าภูมิใจมากเลยต่างหากล่ะ เราเห็นจียงยิ้มให้คนอื่นก็ออกบ่อย แต่พอทำหน้าใส่เราเป็นแบบนี้ทุกที...” แล้วจินอูก็ทดลองทำหน้านิ่งฉบับจียงเวลาอยู่ต่อหน้าตัวเองดูบ้าง
“ยิ้มให้เราเยอะๆ นะ”
...
หลังจากที่ได้ยินคำขอจากจินอูว่า ‘ยิ้มให้เราเยอะๆ นะ’ ดูเหมือนว่าเวลาที่เจอจินอูทีไร ใบหน้าที่มักจะนิ่งอยู่ตลอดกลับมีแต่รอยยิ้ม ไม่เคยมีครั้งไหนที่ใบหน้าของจียงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเลย จียงอ่อนโยนมากเวลาอยู่กับจินอู
และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าคนเมื่อครู่กำลังเดินตาม เจ้าตัวจึงต้องเริ่มออกตัววิ่ง ซึ่งจียงก็วิ่งตามด้วยความตกใจ แต่พอถูกวิ่งตามคนข้างหน้าดันไม่ยอมหยุดวิ่งง่ายๆ จนจียงต้องตะโกนเรียก
“เดี๋ยวสิ! หยุดวิ่งก่อน!”
สุดท้ายก็ต้องเพิ่มความเร็วจนตามคนข้างหน้าที่หยุดวิ่งแล้ว
“นายตามเรามาจริงๆ ด้วย”
“แฮ่ก...” จียงพยายามกลืนความเหนื่อยลงไป
“มีธุระอะไรกับเรารึเปล่า”
“...”
“นายจะไม่พูดอะไรอีกแล้วเหรอ?”
“...”
“งั้นก็อย่าตามเรามาอีกนะ” พูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปอีกรอบ จียงไม่ได้ไม่อยากตอบ แต่กำลังคิดคำพูดก่อนต่างหากว่าจะพูดอะไรออกมาดีให้เป็นที่ประทับใจแรกพบ นี่เขายังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยก็ถูกเพื่อผลักออกมาแล้ว ทั้งๆ ที่เพิ่งเจอบนรถเมล์เมื่อกี้ แล้วเผลอจ้องอีกคนนานไปหน่อยจนโดนเพื่อนแซวถาม
แต่เขาก็ยังต้องการเวลาเตรียมตัวสำหรับเรื่องแบบนี้บ้างนะ
ถึงจะถูกสั่งห้ามจียงก็ยังไม่หยุดเดินตาม และสักพักคนข้างหน้าก็หันกลับมาอีก ซึ่งใบหน้าดูจะบึ้งตึงเล็กน้อย แต่ก็เป็นอีกท่าทางที่ทำให้หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
“เราบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าตามมาอีก”
“...”
“ฟังเราพูดไม่รู้เรื่องรึเปล่า?”
“...”
จียงยืนมองคนข้างหน้าที่กำลังหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋านักเรียนนิ่ง มือขาวจรดปากกาลงบนช็อตโน๊ตสีสว่างแล้วถูกยื่นมาตรงหน้าเขาจนแทบจะผงะ
บนนั้นมีลายมือยุกยิกเขียนเอาไว้
‘อย่าตามเรามาอีกนะ’
เพียงแค่ 5 วินาทีช็อตโน้ตแผ่นนั้นก็ถูกแปะลงตรงกลางหน้าผากของเขา ก่อนเจ้าของมันจะเดินออกไปอีกครั้ง จียงดึงมันออกมามองด้วยความมึนงงครู่นึง ก่อนจะรีบหยิบปากกาออกมาแล้วเขียนบางอย่างลงไปทางด้านหลัง เมื่อตรวจเช็คความเรียบร้อยแล้วถึงได้วิ่งไปดักหน้า ยัดช็อตโน้ตแผ่นนั้นใส่มือนุ่มคืนกลับไปให้เจ้าของ ก่อนจะเผ่นแน่บไป
คนที่ยืนกำกระดาษแผ่นเล็กๆ นั้นอยู่ คลี่มันออก
‘ฉันชื่อ ควอนจียง’
“ฮะๆๆ” อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นข้อความตอบกลับในนั้น แล้วพับมันเก็บใส่ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะเดินหน้าต่อไปเพื่อเข้าโรงเรียนใหม่ที่เปิดเทอมวันนี้เป็นวันแรกพร้อมรอยยิ้ม
....
‘คิมจินอู’ ชื่อนี้เป็นชื่อที่ติดอยู่ในหัวตลอดเวลา 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา จียงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเวลามันถึงได้ผ่านไปเร็วแบบนี้ นี่เขายังไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรก็เสียเวลาไปเปล่าๆ เยอะขนาดนี้แล้ว
“มึงก็เดินหน้าจีบเขาสักทีดิว้า มัวแต่มองเป็นหมาหงอยอยู่แบบนี้ทั้งวันมันก็ไม่เกิดอะไรดีๆ ขึ้นมาหรอก” แดซองว่าขึ้นในคาบเรียนประวัติศาสตร์หลังจากที่เห็นเพื่อนเอาแต่มองออกนอกหน้าต่างเพื่อดูคิมจินอูเรียนวิชาพละร่วมชั่วโมงแล้ว
“กูยังไม่พร้อม”
“ไม่พร้อมอะไรอีกวะ วู้ว อ่อนชิบ”
จียงยอมละสายตาจากคนที่มองมานานหันมามองเพื่อนตัวดำตาขวางพร้อมทั้งยกมือขึ้นสะบัดใส่หัวกลมนั่นไปแรงๆ หนึ่งที
“มึงจะให้กูไปทำเรื่องขายขี้หน้าเขาเหมือนวันแรกรึไง”
“ชาตินี้มึงก็ไม่ต้องพร้อมหรอก กูว่านะ” ยองเบที่นั่งข้างหน้าแล้วเงี่ยหูฟังมาตั้งแต่เริ่มบทสนทนาเอนตัวมาข้างหลังด้วยการนั่งเก้าอี้เพียงแค่สองขา
“เฮ้อ!”
“เอาแต่ถอนหายใจก็ไม่ช่วยอะไรนะเว้ย ระวังหมาๆ มันคาบไปแดก ต่อแถวรอทั้งตัวผู้ตัวเมียเชียว” พูดจบก็กลับไปนั่งหลับในเช่นเดิม จียงหันไปมองหน้าแดซองที่พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับยองเบเต็มที่ แล้วก็หันกลับไปมองคนที่หัวเราะร่ากับเพื่อนๆ อีกครั้ง
เขารู้ รู้ตั้งแต่วันแรกๆ แล้วด้วยว่ามีหลายคนที่คิดไม่ซื่อและรอคอยจังหวะอะไรบางอย่างอยู่ ก็คงเหมือนกับเขานี่แหละ
ไม่กล้า
ไม่รู้ว่ามันใช่ความรักรึเปล่า ไม่เคยรักใคร และไม่คิดว่าความรักมันจะเกิดขึ้นอะไรได้รวดเร็วขนาดนี้ แต่ก็พอรู้มาเหมือนกันว่าถ้าหากมีอาการหัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ หน้าแดง หูแดง พออยู่ต่อหน้าคนคนนั้นก็ไม่เป็นตัวของตัวเอง อยากจะหายๆ ไปซะให้พ้น
ถ้าอาการเหล่านั้น หลายๆ คนเรียกมันว่าตกหลุมรัก
เขาก็จะจำกัดคำนิยามนี้ไว้ให้ตัวเองก็แล้วกัน
ผลั่ก
“เฮ้ย!!!”
ดวงตาโตขึ้นพร้อมกับร่างกายที่หยัดตัวลุกจากเก้าอี้อย่างอัตโนมัติเมื่อเห็นคนที่ตนคอยมองอยู่ตลอดเวลาถูกลูกบาสปาใส่หัวอย่างแรงจนล้มลงไป
“ควอนจียง” เสียงอาจารย์ทำได้เพียงแค่ให้ชายหนุ่มผงกหัวขอโทษและนั่งลงที่เดิมได้ แต่ไม่อาจเรียกสายตาของชายหนุ่มให้หันกลับมาสนใจตัวเองและวิชาเรียนได้
“ไรวะ?”
แต่ตอนที่ยองเบและแดซองชะโงกหน้าขอดูด้วย ข้างล่างสนามบาสที่แสนวุ่นวาย จินอูถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนจนไม่เห็นตัวเพราะถูกเพื่อนบังจนมิด สุดท้ายทั้งสองคนก็ยอมกลับไปนั่งที่เดิมเพราะเสียงกระแอมของอาจารย์
หัวคิ้วขมวดไม่ยอมคลายออก แม้ตอนนี้จะเห็นอาการของจินอูแล้ว จากที่เห็นได้แค่เพียงลางๆ ก็เดาเอาว่าเลือดกำเดาคงจะไหลเพื่อนสองสามคนช่วยกันประคองไปห้องพยาบาลแล้ว จียงก็ทำได้แค่มองตามจนสุดสายตา
ดูเหมือนว่าสติของจียงจะไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าใดในเวลาแบบนี้ สายตาที่ล่อกแล่กไปมาคอยมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา จนกระทั่งเสียงออดดังไปทั่วโรงเรียน
“เฮ้ยๆๆ ไอ้แดเอาลูกอมมึงมา” จียงรีบกระโจนใส่เพื่อนข้างๆ ทันทีที่อาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว พลางกระชากกระเป๋านักเรียนของเพื่อนออกมาค้นหา เพราะรู้ดีว่าแดซองชอบที่จะเก็บซ่อนลูกอมเป็นกำๆ ไว้ในกระเป๋าแก้ง่วงนอน
“อะไรของมึงวะ เฮ้ย”
แดซองได้แต่มองตาค้างดูเพื่อนขโมยลูกอมไป ยัดใส่กระเป๋าเสื้อนักเรียนทั้งสองข้างเป็นกำๆ ยองเบก็หันมามองด้วยความไม่เข้าใจ จียงยัดๆ ลูกอมแล้วลุกขึ้น
“มึงทำบ้าอะไรของมึงวะน่ะ?”
“เดี๋ยวกูมา”
“จะไปไหน???”
“เข้าห้องน้ำ!” จียงดูเหมือนว่าจะรีบมาก แม้แต่จะหยุดหันมาตอบให้ยังไม่มี รีบตอบปัดๆ ขณะวิ่งออกไป
“มันจะเอาลูกอมกูไปละลายเล่นในโถส้วมเหรอวะ? หรือว่าทำการทดลองในวิชาวิทยาศาสตร์?” แดซองหันไปถามหน้ามึนใส่ยองเบ รายนั้นยักไหล่เบะปากแล้วหันกลับไปหน้าห้องเรียน
ชายหนุ่มร่างผอมเล็กน้อยกึ่งเดินกึ่งวิ่งลงไปด้านล่างของตึกเรียน กว่าจะรู้สึกตัวก็มาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพยาบาลซะแล้ว ในมือชื้นเหงื่อกำลูกอมแน่น ใบหน้าชะโงกเข้าไปในห้องพยาบาลแต่ไม่นานก็ต้องรีบหลบออกมาเพราะเห็นเพื่อนของจินอูเดินออกมาโดยที่ไม่มีจินอูอยู่
นี่เป็นหนักถึงกับต้องขาดเรียนวิชาต่อไปเลยเหรอ???
“ฟู่วววววววว”
มือตบลงไปที่หน้าอกตัวเองสองสามทีเพื่อเตือนหัวใจว่าอย่าเต้นดังออกมาจนทำเขาขายขี้หน้าเหมือนครั้งที่แล้วอีก ขาก็เดินเข้าไปในห้องพยาบาล อาจารย์ห้องพยาบาลหันมามอง
“เยี่ยมเพื่อนครับ”
แล้วก็เดินฉลุยเข้าไปโดยที่ไม่อยู่ฟังคำพูดใดๆ ของอาจารย์ห้องพยาบาลอีก ยิ่งลึกเข้าไปก็ถึงได้เห็นราวที่มีผ้าม่านกั้นแต่ละเตียงเอาไว้ เมื่อถึงเตียงที่มีผ้าม่านปิดอยู่ทุกทิศก็ค่อยๆ เลื่อนเปิดมันออกเพียงนิดเดียว เห็นเจ้าของเตียงนอนหลับตาอยู่บนนั้นมือก็รีบปิดกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
จียงกลืนน้ำลายลงคอแล้วเดินไปเข้าไปในบริเวณเตียงเปล่าข้างๆ กันโดยที่ไม่ลืมปิดม่านตรงปลายเท้าลง มือที่กำลูกอมแน่นคลายออกแล้วยื่นไปให้คนที่นอนบนเตียงอีกฝั่งผ่านผ้าม่านที่ปิดมาถึงหัวเตียง
“อ๊ะ”
มือชะงักรีบชักกลับทั้งที่ยังไม่ได้วางลูกอมให้อีกคนเลย แล้วผ้าม่านก็ค่อยๆ ถูกคนอีกฝั่งเปิดออกเผยให้เห็นใบหน้าใสของจินอู
“เอ่อ...คือ...” เมื่อไม่รู้จะเริ่มยังไงก่อนดี เลยยื่นลูกอมไปให้อีกครั้ง จินอูที่กึ่งนั่งกึ่งนอนก็ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับรับมาด้วยความงงงวย
“หื้ม?”
“ก็...พอดีฉันเห็นนายโดนลูกบาสจนเลือดกำเดาไหลน่ะ ก็เลย...ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้จะให้อะไร ร้านค้าที่โรงอาหารก็ปิด...แล้ว”
“จียง...เห็นเราด้วยเหรอ?”
“จียง?”
เหมือนกับว่าตอนนี้หัวใจของเขามันหยุดเต้นไปเรียบร้อยแล้ว ...จียง...ไม่คิดว่าจินอูจะเรียกชื่อของเขาออกมาแบบนี้ ไม่สิ ไม่คิดว่าจะจำได้ด้วยซ้ำ
“ก็...ก็...อืม”
“ฮะๆๆ ขอบใจนะ” จินอูหัวเราะร่าแล้วแกะลูกอมเข้าปากไป หัวใจที่หยุดเต้นก็กลับมาเต้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกคนยิ้มน่ารักเพราะได้กินลูกอมที่เขาให้ไป เลยควักลูกอมที่ตุนไว้ในกระเป๋าเสื้อทั้งสองข้างออกมาจนหมดแล้ววางกองไว้บนตักของจินอู
“เยอะขนาดนี้เลยเหรอ”
“จะได้หายไวๆ ไง”
จียงมองดูจินอูยิ้มแก้มตุ่ยพลังพยักหน้าไปด้วย
“อ้อ เราชื่อคิมจินอูนะ”
“อื้อ รู้แล้วล่ะ”
“งั้นเหรอ เอาไหม?” แล้วจินอูก็ยื่นลูกอมหนึ่งเม็ดมาให้ จียงลังเลว่าจะรับมันดีไหม แต่พอยื่นมือไปรับลูกอมมา ปลายนิ้วก็ถูกนิ้วมือของจินอูไปหน่อยๆ ด้วย แต่จินอูก็ยังคงส่งรอยยิ้มกว้างมาให้
มันไม่ใช่แค่ตกหลุมรักอย่างเดียวแล้วสิ
เขาว่าเขารู้จักกับคำว่ารักจริงๆ แล้วล่ะ
...
ใครจะไปคิดว่าเพียงแค่เขากล้าตัดสินใจเอาลูกอมไปให้จินอูในวันนั้น...ทำให้เขาแปลกไปจนมักจะทำอะไรที่ส่งผลให้ตัวเองแทบหัวใจวายตายได้ทุกๆ วัน
"เฮ้ย ถึงว่าดิวะ ลืมอะไร ลืมซื้อหนมปัง! ไปซื้อเป็นเพื่อนกูหน่อย"เสียงแหลมของแดงซองดังขึ้นหลังจากที่เดินออกมาจากโรงอาหาร ยองเบหันไปทำหน้าตาเอือมใส่ แล้วตีหัวไปหนึ่งที
"ไม่ต้องแดกแล้ว วู้ว"
"โห่ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิวะ"
"ไม่!"
"ไอ้จี ไอ้จีโว้ย" แดซองหันไปให้ความสนใจกับจียงที่ดูเหมือนว่ากำลังเหม่อลอยถึงอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็เข้าใจเมื่อมองตามสายตานั่นไป...คิมจินอูสุดที่รักของจียงกำลังเดินแยกออกจากกลุ่มเพื่อนออกไปอีกทาง จียงของพวกเขาเองก็ออกเดินตามจินอูไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
"อ้าวเฮ้ย! ไอ้จี!"
ตอนนี้เขาก็ไม่เข้าใจว่าอะไรถึงสั่งให้เขาเดินตามจินอูมาแบบนี้ด้วย รู้แค่ว่ายังมีเวลาและยังอยากมองอีกคนนานๆ ขามันก็พาเดินตามออกมาแล้วและไม่ยอมหยุดเดินกลับไปที่เดิมซะด้วย จนคนนำหน้าเดินเข้าไปในห้องสมุด ขาของเขาก็เดินตามเข้าไปอีก
จียงเลือกนั่งในจุดที่คิดว่ามองเห็นจินอูเดินเลือกหนังสือตามชั้นหนังสือต่างๆ ได้อย่างชัดเจน มือก็หยิบหนังสือที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะมาเปิดกางไว้แสร้งทำเป็นอ่านมัน ทั้งๆ ที่สายตาก็ไม่ได้ก้มลงมองมันเลย จนร่างเล็กๆ หยิบหนังสือเล่มที่หนึ่ง เล่มที่สอง และเล่มที่สามเข้าอ้อมอก จียงรีบละสายตาออก รีบมีท่าทีสนใจหนังสือในมือทันที
"เราขอนั่งอ่านด้วยนะ"
ก่อนที่หัวสมองจะเริ่มประมวลผลคำแรกของหน้าหนังสือก็ได้ยินเสียงเบาๆ ที่รู้เลยว่าทันทีเป็นของจินอูแน่นอน จียงตัวแข็งไปเล็กน้อยแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา สิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มและใบหน้าที่ดูมีความสุข เลยต้องพยายามเปล่งเสียงที่เป็นปกติตอบกลับไป
"...เอาสิ"
"ขอบใจ"
จินอูนั่งลงเก้าอี้ข้างๆ จียงแล้วก็ยังเอาแต่ยิ้ม แม้มือและสายตากวาดไปยังหนังสือให้มือ
“ยิ้มอะไรนักหนา”
ไวกว่าความคิด ปากของจียงโพล่งออกมา จินอูยอมละสายตาจากหนังสือ...สุดท้ายก็หลุดหัวเราะออกมาจนจียงเริ่มไปไม่เป็น
“ฮะๆๆ เรากำลังคิดอยู่ว่าตอนที่เราเดินมาที่นี่น่ะ รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามเลย แล้วพอเห็นจียงก็อดขำไม่ได้เท่านั้นเอง”
“มีอะไรให้ขำกัน ฉันไม่ได้เดินตามนายมาสักหน่อย”
“ก็แค่นึกไปถึงวันแรกที่จียงเดินตามเราน่ะ ฮะๆๆ”
เพียงแค่นั้นจียงก็รู้สึกว่าควบคุมความร้อนของใบหน้าตัวเองไม่ได้แล้ว มือยกขึ้นมาถูจมูกแก้อาการขัดเขิน เขาคงจะทำขายหน้ามากจนจินอูจำได้ถึงขนาดนี้ อยากจะลุกออกจากที่นี่ไปซะเดี๋ยวนี้เลย นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดที่เดินตามจินอูมากันเนี่ย? ไม่สิ ไม่ได้คิดอะไรเลยมากกว่า
“ลืมเรื่องแบบนั้นไปได้แล้ว”
“เราจะลืมได้ยังไงกัน จียงน่ารักออก” พูดแล้วก็ยิ้มกว้าง ยิ้มจนจะทำให้เขาบ้าตายอยู่แล้ว
“เฮ้ออออ”
เขายอมแพ้แล้ว ยอมแพ้จริงๆ
สุดท้ายก็ส่งยิ้มแรกของตัวเองกลับไปให้กับอีกคน
“ในที่สุดก็ยิ้มให้เราได้สักทีนะ เจอหน้ากันก็บ่อย คุยกันก็เยอะ เรายิ้มจนไม่รู้จะยิ้มยังไงแล้ว ก็คิดว่าวันนี้ถ้าไม่ได้เห็นยิ้มของจียงเราว่าเราจะต้องทำหน้าบึ้งใส่จียงบ้างแล้วล่ะ แต่เสียดาย เราทำให้จียงยิ้มให้เราได้ซะก่อน”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าภูมิใจขนาดนั้นสักหน่อยนี่” เห็นจินอูทำหน้าตาภูมิใจขนาดนั้นก็ต้องยิ้มกว้างออกมากว่าเดิม และยิ้มคำตอบที่ตามมาอยากจะทำให้ระเบิดตัวตายซะจริงๆ
“น่าภูมิใจมากเลยต่างหากล่ะ เราเห็นจียงยิ้มให้คนอื่นก็ออกบ่อย แต่พอทำหน้าใส่เราเป็นแบบนี้ทุกที...” แล้วจินอูก็ทดลองทำหน้านิ่งฉบับจียงเวลาอยู่ต่อหน้าตัวเองดูบ้าง
“ยิ้มให้เราเยอะๆ นะ”
...
หลังจากที่ได้ยินคำขอจากจินอูว่า ‘ยิ้มให้เราเยอะๆ นะ’ ดูเหมือนว่าเวลาที่เจอจินอูทีไร ใบหน้าที่มักจะนิ่งอยู่ตลอดกลับมีแต่รอยยิ้ม ไม่เคยมีครั้งไหนที่ใบหน้าของจียงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเลย จียงอ่อนโยนมากเวลาอยู่กับจินอู
ราวกับได้ปลดปล่อยตัวเองจากความกลัวต่างๆ นาๆ ที่เคยมีมา
หลายๆ คนสังเกตได้ว่าบรรยากาศระหว่างจินอูและจียงจะดูแปลกไป แปลกในแบบที่พวกเขาเองก็อธิบายไม่ถูก ไม่ใช่ทั้งเพื่อน และไม่ใช่ทั้งคนรัก
แต่หลายๆ คนก็รับรู้ถึงสายตาของจียงดี
ตอนนี้ก็เช่นกัน
หลังจากที่กลุ่มของพวกเขาออกมาจากโรงอาหารแล้วเดินผ่านสนามบาส ไม่เห็นจินอูอยู่ในกลุ่มและนึกไปถึงว่านี่เป็นช่วงที่จินอูต้องค้นคว้าหนังสือมาทำรายงานตั้งแต่ต้นเทอม ซึ่งเรื่องนี้จียงก็ถูกจินอูระบายใส่อยู่พอควร เขาจึงแยกตัวกับเพื่อนเพื่อเดินเข้าห้องสมุด แล้วก็ไม่ผิดไปจากที่คิด
แต่แค่...คนที่คนจะนั่งอ่านหนังสือกลับกลายเป็นฟุบหลับอยู่บนโต๊ะไปซะนี่ แถมยังนั่งโต๊ะตัวที่แอร์ตกใส่อีก จียงปล่อยลมหายใจเบาๆ ออกมาพร้อมรอยยิ้มก่อนจะกระชับสูทนักเรียนของตัวเองแล้วเดินไปนั่งบังแรงตกของแอร์ให้ ซึ่งก็ถูกที่มากเพราะเขาเห็นใบหน้าใสๆ ที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าขาวใสอมชมพูหน่อยๆ ดูสุขภาพดี
ผมสีอ่อนเสริมความใสของใบหน้า
ตากลมๆ ปิดลงไปแล้ว
จมูกโด่งรั้นเชิด
แล้วก็ริมฝีปากที่...
เขาว่าวันนี้เขาเริ่มรู้จักคำว่าหลงใหลแล้วล่ะ
ยิ่งได้มองแบบนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองยิ่งโลภ...ไม่อยากให้ใครมาเห็นเลย
รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายเพราะแก้มแตก ไม่รู้ว่ายิ้มกับภาพเบื้องหน้ามากี่นาทีแล้ว แต่มันก็คงจะนานพอให้ทำให้อีกคนที่กำลังขยับตัวลืมตาขึ้น อิ่มกับการนอนหลับเมื่อครู่ได้บ้าง
“...จียง?”
“อย่าขยี้ตาแรงแบบนั้นสิ” มือไวเท่าๆ คำพูด จียงส่งมือไปคว้าแขนของจินอูแล้วรั้งลงเป็นเชิงปรามอีกคนในขณะที่กำลังขยี้ตาอยู่
“มานานแล้วเหรอ”
“อื้ม” จินอูมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองแล้วหันมามองคนที่รับคำทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่
“แล้วทำไมไม่ปลุกกันเล่า”
“เห็นนายนอน น่าจะกำลังหลับฝันดีอยู่” ตอนนี้ภาพใบหน้าที่กำลังอมยิ้มขณะหลับก็ยังผุดขึ้นมาในหัวของเขาอยู่เรื่อยเลย อยากรู้เหมือนกันว่ากำลังฝันถึงเรื่องอะไร
“อืมมมม ก็ฝันดีอยู่นะ ในฝันก็ยังรู้สึกเหมือนมีใครบางคนจ้องมองอยู่ด้วยน่ะ ตื่นมาเห็นว่าเป็นจียงนี่เราดีใจมากเลย”
จียงยิ้มค้างไป แม้จินอูจะพูดเหมือนกับคนที่ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คนที่คิดมากก็คือคนฟังอย่างเขานี่ไงล่ะ!! ท่าทางที่เหมือนไม่ได้คิดอะไรนั่น แต่เขานี่สิที่ต้องระงับท่าทางและความรู้สึกที่มากเกินไปเอาไว้
“คราวหลังก็อย่ามาหลับในที่แบบนี้ล่ะ ถ้าไม่ใช่ฉันเหมือนอย่างวันนี้...ในฝันของนายก็คงจะเป็นฝันร้าย”
“ควอนจียงนี่ขี้ยอตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย”
“จินอู อยู่ที่นี่พอดีเลย” จียงยังไม่ทันจะตอบอะไรกลับ ก็มีผู้ชายคนนึงเดินมานั่งข้างๆ จินอูพร้อมกล่องหนังสักเรื่องและรอยยิ้มร่า
“ซึงฮุน...”
“ฉันเอาหนังมาให้ เรื่องนี้ไงที่เมื่อวานจินอูบอกว่าอยากดูน่ะ” ว่าแล้วก็ยื่นกล่องหนังให้จินอูมา
“อ่อ ขอบใจนะซึงฮุน วันนี้เราจะเอาไปดูนะ”
“เอ้อ แล้ว...อาทิตย์นี้ว่างรึเปล่า คือว่าฉัน...อยากชวนไปดูหนังน่ะ” ซึงฮุนยิ้มกรุ่มกริ่ม ในขณะที่จินอูยิ้มแห้งๆ เหลือบมามองจียงที่หน้านิ่งไปเรียบร้อยแล้ว
ที่จริงเขาอยากจะเงียบ แล้วรอฟังว่าจินอูจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาคู่นั่นที่มองมามันคล้ายกับความไม่มั่นใจบางอย่าง และขอความช่วยเหลือจากเขาเป็นนัย
“ไม่เห็นเหรอว่าฉันกับจินอูกำลังนั่งอ่านหนังสือกันอยู่”
“...”
“...”
ไม่ใช่ว่าทำอะไรไม่ได้มาก แต่จินอูเลือกที่จะไม่ทำ จียงสังเกตเห็นแบบนั้น เมื่อจินอูเลือกที่จะไม่ตอบอะไร ไม่อธิบายขยายความหรือแม้แต่รั้งอีกคนให้อย่าคิดมากเรื่องคำพูดของเขา และยิ้มบางๆ ให้แทนคำพูดทั้งหมด ซึ่งก็ดูเหมือนว่าซึงฮุนจะเข้าใจได้ง่าย
“อ่า โทษทีนะ งั้นไว้เราค่อยคุยกันใหม่นะ”
“อื้ม”
พอซึงฮุนออกไปแล้ว จินอูมองจียงแล้วหัวเราะเบาๆ ออกมาจียงหรี่ตามองจับผิด
“หัวเราะอีกแล้ว นายนี่หัวเราะง่ายจริงนะ”
“ฮะๆๆ ไม่รู้สิ...เรารู้สึกสบายใจจัง”
อีกแล้ว คิมจินอูชอบทำให้เขาคิดไปไกลด้วยอะไรหลายๆ อย่างที่มันไม่ชัดเจนสักอย่าง ต้องทำยังไงทุกอย่างมันถึงจะชัดเจน
...
“ว่าไงมึง กูรู้มาว่าเมื่อวานมึงกลับบ้านพร้อมกับคิมจินอูงั้นเหรอ”
จียงไม่ตอบแต่ยักคิ้วกลับไป มือก็วางกระเป๋าลง พลางนึกไปถึงเมื่อวานตอนเย็นที่เกิดเรื่องบังเอิญดีๆ ขึ้นมาทำให้เขาได้นั่งรถเมล์กลับบ้านด้วยกันกับจินอู แต่ก็แค่นั้นไม่ได้มีการตามลงไปส่งที่บ้าน ซึ่งพอกลับถึงบ้านก็โมโหตัวเองยกใหญ่...และคิดว่าวันนี้จะต้องแก้ตัว
“แหนะๆ โห่ หมั่นไส้ว่ะ”
แล้วคราวนี้แดซองก็ถูกจียงผลักออกไปจริงๆ เมื่ออีกฝ่ายเอานิ้วมาจิ้มหน้าของเขาเล่น
“พอเลยไม่ต้องมายุ่งกับหน้าของกู”
“เมื่อไหร่จะเป็นแฟนกันสักทีละวะ”
“ขอกูถามเขาก่อน” ว่าแล้วก็เดินผ่านเพื่อนทั้งสองคนออกจากห้องทั้งๆ ที่เพิ่งเข้ามาถึง
“แหม~ กูล่ะเกลียดมึงจริ๊งงงงงงง”
จียงยิ้มรับคำบอกรักของเพื่อนที่ตะโกนส่งท้ายมาให้ ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเรียนคาบแรกของวัน ก็ว่าจะใช้เวลาให้คุ้มค่าสักหน่อย...เปล่าหรอก แค่หัวใจมันเรียกร้อง
เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องเรียนเป้าหมาย ก็เอาไหล่พิงไว้กับกรอบประตูแล้วยื่นหน้าเข้าไป เพียงแค่เข้าจ้องมองจินอูเพียงไม่กี่วินาที จินอูก็หันกลับมามองเหมือนกับวันแรกที่ถูกเขาจ้องมองก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว จินอูส่งยิ้มให้แล้วโบกมือทักทาย แต่ก็ต้องลุกออกมาจากเก้าอี้เมื่อจียงกวักมือเรียก
“วันนี้สดใสแต่เช้าเชียวนะ จียง”
“เมื่อคืนหลับฝันดีน่ะ” จียงยิ้มกว้างตอบกลับ
“เห๋~ เมื่อคืนเราก็หลับฝันดีเหมือนกัน”
“ฝันว่าอะไร?”
“ไม่บอก~”
“แน่ใจนะ? วันนี้กะว่าจะชวนไปกินไอติมสักหน่อย”
“ไอติมเหรอ” จียงหรี่ตามมองดูความกระตือรือร้นของจินอู
“ก็เมื่อวานนายบอกว่าชอบกินไอติมไม่ใช่เหรอ ฉันได้ยินมาว่ามีแถวนี้มีร้านไอติมที่แปลกแหวกแนวดีก็เลยจะมาชวนให้ไปเป็นเพื่อนกันน่ะ เลิกเรียนแล้วว่างรึเปล่าล่ะ”
เพียงถามแค่นี้จินอูก็พยักหน้าตอบรับจนจียงกลัวว่าอีกคนจะมึนหัวเข้า
“ว่างแน่นะ”
“ว่างอยู่แล้ว เราไปกับจียงได้หมดทุกทีเลย”
“งั้น...เดี๋ยวตอนเย็นเจอกันข้างล่างตึกเหมือนเมื่อวานแล้วกัน” คำตอบนั้นทำเอาจียงไปไม่เป็นเล็กน้อยแม้จะเจอแบบนี้อยู่บ่อยๆ ก็ยังไม่ชินสักที ถึงแม้จินอูดูจะไม่คิดอะไรมากเท่าไหร่เหมือนอย่างเคย แต่คนที่ฟังมันคิดมากแค่ไหนคนพูดไม่รู้หรอก
“เอ้อ แต่ว่า...เย็นนี้เวรเราทำความสะอาดห้องน่ะ อืม...มารอที่ห้องนี้ได้ไหม จะได้นั่งรอด้วย”
“ก็ได้ เดี๋ยวฉันมารอแล้วกัน ตั้งใจเรียน อย่าคิดถึงแต่เรื่องไอติม หึหึ” พูดจบมือไวไปยกขึ้นลูบผมจินอู
“เราเปล่าสักหน่อย จียงก็...”
“โอ้โห่แหะ ถึงขั้นมารอกันถึงห้องเชียว จะไปไหนกันล่าาา”
พอจียงเดินเข้าห้องเรียนของจินอูมาได้หลังเลิกเรียนแล้วก็ถูกแซวทันที จียงก็แค่เดินเงียบๆ เข้าไปนั่งรอที่โต๊ะของจินอูที่กำลังลบกระดานอยู่
“จียงชวนไปกินไอติมน่ะ”
“แหม กำลังอยากกินอยู่เหมือนกัน ไปกินด้วยได้ไหม”
“ไม่ได้” จียงตอบทันทีไม่มีอ้อมค้อม
“โห่~ จินอู” เพื่อนร่วมห้องหันไปงอแงใส่จินอู
“ฮะๆ เราไม่รู้ เราต้องตามใจจียง เพราะจียงจะเลี้ยงไอติมเรา ใช่ไหม?” ไหนๆ ตอนที่ชวนก็ไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยงจินอูก็รีบมัดมือชกทันที ทั้งที่จริงจียงก็คิดว่าจะต้องเลี้ยงอยู่แล้ว
“แน่นอนสิ”
หลังจากที่ได้รู้จักจินอูมาได้สักพักใหญ่เขาถึงรู้ว่านี่คือการปฏิเสธเฉพาะตัวของจินอู รวมไปถึงตอนนั้นที่ให้เขาช่วยปฏิเสธอีซึงฮุนในห้องสมุดแทน และอีกหลายๆ ครั้ง ถึงแม้ว่าจินอูจะไม่เคยปฏิเสธเขาหรือมีท่าทีที่อยากจะปฏิเสธเขาสักเรื่อง แต่มันก็ยังทำให้เขารู้สึกเป็นห่วง มันเหมือนยาพิษอยู่ในตัว เพราะจินอูเป็นคนที่ปฏิเสธใครไปตรงๆ ไม่เป็น นั่นจึงเป็นเรื่องที่เขาเป็นห่วงในตอนนี้มากที่สุด เพราะถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วยอย่างวันนี้แล้ว จินอูก็คงจะยกโขยงเพื่อนไปกินไอศกรีมด้วยกันแน่นอน
และมันก็อาจจะมีเรื่องที่เลวร้ายมากกว่าเรื่องแค่นี้ก็เป็นได้
“เออออ ก็ขอให้กินกันให้อร่อยแล้วกัน อย่าเลือกไอติมที่หวานมากนะ เดี๋ยวจะเป็นโรคเบาหวานเอา นี่เตือนเลย”
“รีบทำความสะอาดเถอะน่า”
จียงปล่อยความคิดที่ทำให้เขาเครียดนั่นไป แล้วอมยิ้มมองจินอูทำความสะอาดไปคุยเล่นกับเพื่อนไปจนเวลาล่วงเลยมาได้เวลาของพวกเขา วันนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ได้เดินเคียงข้างไปกับจินอู คนที่ยังคงทำให้หัวใจของเขาทำงานหนักทุกครั้งที่เจอหน้าหรืออยู่ใกล้ๆ ได้
“อยากกินข้าวก่อนรึเปล่า กินไอติมไม่น่าจะอิ่มนะ”
“จียงเชื่อไหมว่าเรากินข้าวจุมาก”
“ตัวแค่นี้เนี่ยนะ” ถามเสียงสูงพลางหันไปมองอย่างตกใจ
“อื้ม แล้วเราก็ชอบอาหารเกาหลีด้วย จียงมีร้านไหนแนะนำไหม? เอาแถวๆ ร้านไอติมก็ได้ กินข้าวเสร็จจะได้ไปต่อไอติมเลย” ประโยคสุดท้ายพูดไปก็ขำตัวเองไป
“ฉันเชื่อละว่ากินเก่งจริง ไม่เป็นไรหรอก เอาให้อิ่มเลยวันนี้ฉันเลี้ยงเอง”
“แน่ใจนะ”
“แน่อยู่แล้ว”
แล้วจียงก็พาจินอูขึ้นรถเมล์ไปยังถนนที่มีร้านไอติมและร้านข้าวอร่อยๆ อยู่ โชคดีที่ได้รอจินอูทำเวรห้อง เพราะถ้าเลิกเรียนแล้วไปเลยคงไม่มีที่นั่งบนรถเมล์แบบนี้แน่ พวกเขานั่งคุยกันไปตลอดทางโดยที่ไม่รู้ว่าสรรหาเรื่องอะไรมาพูดคุยกันได้นักหนาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีเรื่องอื่นอีกมากมายที่ไม่จบไม่สิ้น ซึ่งนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะพวกเขาได้พวกเขาได้รู้จักกันมากขึ้นโดยที่ไม่ทันได้รู้ตัว
หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไปกินไอติมกันต่อจนเวลาผ่านไปเป็นยามที่ท้องฟ้ามืดมิด เมื่อรถเมล์สายที่พวกเขานั่งมาได้จอดลงป้ายที่จินอูต้องลง เจ้าตัวเอ่ยลาก่อนจะเดินลงไป จียงมองยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นตามลงไปบ้างโดยที่ทิ้งช่วงเวลาไปนิดหน่อย และเมื่อลงจากรถ รถก็ปิดประตูเคลื่อนตัวออกไปเลย จินอูมองคนที่เอาแต่ยืนยิ้มด้วยความงุนงง
“จียง? มีอะไรรึเปล่า เราลืมไว้อะไรรึเปล่า?”
“ลืมฉันไง”
“ลืมได้ไง? เราก็บอกลาแล้วนี่”
“หึหึ เดี๋ยวฉันเดินไปส่ง” เมื่อจียงเฉลยออกมา จินอูก็เข้าใจทันที แล้วออกเดินไปพร้อมๆ กับจียงอีกครั้ง
“ที่จริงบ้านเราอยู่ใกล้แค่นี้เอง”
“ที่จริงแล้ว...ถ้าอยากจะปฏิเสธ ทำไมนายถึงไม่ปฏิเสธออกมาบ้างล่ะ” จินอูหันกลับไปมองจียงอีกครั้ง หลังจากที่โพล่งคำถามแปลกๆ ออกมากะทันหันแบบนี้
“หมายความว่ายังไงเหรอ”
“ก็...เหมือนตอนนี้ไง บางทีนายอาจจะไม่อยากให้ฉันเดินไปส่ง หรืออย่างตอนนั้นที่คนอื่นมาขอหรือชวนให้นายทำในสิ่งที่นายไม่อยากทำน่ะ”
“...”
“...”
“อืมมมม...เราก็ไม่รู้นะว่าเพราะอะไรเราถึงไม่เคยปฏิเสธใครไปตรงๆ ได้สักที แต่ก็มีหลายอย่างนะ ที่มีบางคนมาขอหรือชวนให้ทำอะไรสักอย่างแล้วเรามีความสุขมากที่ได้ทำ”
“เฮ้อ นั่นน่ะยิ่งอันตรายใหญ่”
“หื้ม?” จินอูส่งเสียงถาม หลังจากที่ได้ยินบางอย่างจากคนข้างๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าจียงพูดอะไรออกมา แต่คนตัวสูงกว่าข้างๆ หยุดเดินแล้วรั้งแขนของจินอูให้หยุดเดินและหันหน้ามามองกัน
“รู้ตัวรึเปล่าว่าทำแบบนี้น่ะมันเหมือนกับให้ความหวังกันชัดๆ”
“...”
“รู้ตัวรึเปล่าว่ามีคนชอบนายเยอะมากแค่ไหน”
“...”
“...”
“...เหมือนจียงน่ะเหรอ”
“ไม่เหมือน”
“...”
“ฉันรัก”
รู้สึกเหมือนกับว่าจะหายใจไม่ทั่วท้อง ที่ได้เห็นดวงตากลมของจินอูโตขึ้นอีกนิด ถ้าเขาไม่ได้ตื่นเต้นจนตาฝาดไปพวงแก้มใสขึ้นสีระเรื่อนั่นก็คงจะเป็นของจริง ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรแบบนี้ออกมากะทันหันเหมือนกัน แต่เป็นเพราะจินอูถามคำถามที่เขาไม่คาดคิดออกมาก่อนเช่นกัน เขาถึงห้ามตัวเองเอาไว้ไม่ได้
“ไม่ใช่แค่ชอบ”
“...”
“ตลอดเวลามา ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ”
“...”
“และฉันก็จริงจังด้วย พอได้อยู่ตรงนี้ถึงแม้จะตื่นเต้นจนรู้สึกอยากหายตัวไปแค่ไหน...แต่ก็ยังอยากจะอยู่ตรงนี้ มองนายใกล้ๆ อยู่ตรงนี้”
ที่จริงจินอูก็รู้ ไม่ใช่ไม่รู้ เพราะแววตาของจียงที่มองมายังเขามันไม่เหมือนกับแววตาของคนอื่นๆ และที่ทำไป สำหรับจียงก็ไม่ใช่ว่าให้ความหวัง แต่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ผ่อนคลาย รู้ได้เลยว่าความสุขมันค่อยๆ ก่อเกิดขึ้นมาทีละเล็กละน้อย...ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะจียงทั้งนั้นที่ทำให้รู้สึกว่าอยากอยู่ด้วยกันนานอีกนิดไม่ว่าจะเมื่อไหร่
ถ้าถามว่าเขาเป็นเหมือนจียงรึเปล่า
เขาเองก็ไม่ได้ตื่นเต้นเวลาที่เห็นจียง หรืออยู่กับจียงครั้งนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน
ตลอดเวลามา ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้รู้จัก
รักเหรอ
นั่นยังเป็นสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจมันสักเท่าไหร่
“เรา...เพิ่งเคยมีคนมาพูดแบบนี้ด้วยเป็นครั้งแรกเลยนะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ควรมีคนอื่นมาพูดแบบนี้อีกนะ”
“จียงคิดว่างั้นเหรอ อะ...”
จียงโน้มตัวลงไปกอดร่างของจินอู ความรู้สึกมันเหมือนกับว่าโลกหยุดหมุนจริงๆ เสียงกระซิบของจียงดังอยู่ข้างหูทำให้จินอูตัวชาไปได้อีกพักใหญ่ เพราะแบบนี้ไม่ต่างไปจากการอ้อนสักเท่าไหร่
“ฉันอยากจะขอสิทธิของนายมาเป็นของฉัน ได้ไหมจินอู สิทธิทุกอย่างของนาย”
แล้วจินอูก็ปล่อยรอยยิ้มออกมา
“นั่นไม่ใช่คำขอเป็นแฟนนะ”
“เป็นแฟนกับฉันได้ไหม”
“ฮะๆๆๆ ควอนจียง” จินอูหัวเราะร่าแล้วค่อยๆ ดันตัวอีกฝ่ายออก จินอูยื่นนิ้วไปดีดหน้าผากจียงเบาๆ
“เรามีความสุขมากที่ได้ที่อยู่กับจียงนะ อืมมม พูดง่ายๆ ก็คืออยู่ใกล้ใครก็ไม่มีความสุขเท่ากับอยู่ใกล้จียง เรารู้สึกได้ว่าเรายิ้มออกมาจากหัวใจอยู่ตลอดเวลาที่ได้มองหน้าหรือได้ยินชื่อของจียง แล้วหัวใจมันก็เริ่มจะควบคุมไม่ได้ มันเป็นความรู้สึกแบบนั้น แต่ว่า...เรายังไม่เข้าใจสิ่งนั้นดีพอ”
“...”
“จียงน่ะเป็นคนดี แล้วถ้าเรารีบด่วนตัดสินใจไปตอนนี้ สักวันเราอาจจะเกลียดตัวเอง”
“...”
“เพราะฉะนั้นช่วยทำให้เราเข้าใจมันได้อย่างลึกซึ้ง และมีความรู้สึกที่พอดีกับจียงทีสิ”
“...”
“แล้วถ้าถึงเวลานั้น”
“...”
“...มาขอเราเป็นแฟนอีกครั้งนะ”
ตอนนั้นมันคือ 22 ปีก่อน...ที่ส่งผลถึงปัจจุบัน
ฉันรักนาย
คิมจินอู
...........................................
อยากแต่งตอนเริ่มรักของจีดีจินอูก็จัดไป ไรท์จัดมาให้เป็นฉบับพิเศษเลย
ไรท์ชอบซีนเจอกันครั้งแรกมากเลย น่ารักไป
แล้วก็รักตอนสุดท้าย น้ำตาไหล...
ไรท์รักคู่นี้จัง
ไว้วนเวียนจับสลากมาเจอจีใหม่ เหล่ารีดเดอร์คงได้อ่านอีก
แนวไหนก็คอยลุ้นเอานะคะ ^^
เจอกันเรื่องหน้านะคะ ตอนนี้ไรท์ยังไม่ได้จับสลากเลย 55555
#sfออลจีนู
อยากแต่งตอนเริ่มรักของจีดีจินอูก็จัดไป ไรท์จัดมาให้เป็นฉบับพิเศษเลย
ไรท์ชอบซีนเจอกันครั้งแรกมากเลย น่ารักไป
แล้วก็รักตอนสุดท้าย น้ำตาไหล...
ไรท์รักคู่นี้จัง
ไว้วนเวียนจับสลากมาเจอจีใหม่ เหล่ารีดเดอร์คงได้อ่านอีก
แนวไหนก็คอยลุ้นเอานะคะ ^^
เจอกันเรื่องหน้านะคะ ตอนนี้ไรท์ยังไม่ได้จับสลากเลย 55555
#sfออลจีนู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น