คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : >> Beside the House (T.O.P x Jinwoo)
“ลุง!! ‘รุณหวัด!!”
ผมวิ่งไปเกาะรั้วบ้าน แล้วตะโกนทักทายยามเช้าพร้อมรอยยิ้มกว้างใส่ผู้ชายตัวบึก แถมด้วยส่วนสูงที่ต่างจากผมมากมายจนดูเหมือนกับว่าผมเป็นเด็กแคระไปซะเฉย
“ -_-) ”
ลุงข้างบ้านแกแค่ทำหน้าตาแบบนั้นใส่ผมจริงๆ ครับ ซ้ำยังจะเดินผ่านผมเหมือนผมเป็นธาตุอากาศอีกด้วย เชอะ คิดว่าคิมจินอูคนนี้จะยอมรึไง เช้านี้ง้างปากให้พูดด้วยไม่ได้ไม่ต้องมาเรียกว่าจินอูเลย!!
“โห่~ ลุงวันนี้ลืมใส่ฟันปลอมมารึไงห๊ะ เด็กทักแล้วหยิ่งไม่ทักตอบเนี่ย” ผมพูดออกไปแล้วครับ แล้วตอนนี้ลุงแกก็กำลังหันหน้าเอือมๆ มามองผม
เอาล่ะนะ
3
2
1
“ฉันว่านายน่าจะลืมแปรงฟันตอนเช้ามากกว่านะ คิมจินอู”
“คิกคิก”
เห็นไหมล่า~ จินอูคนนี้ชนะใสๆ! ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับชเวซึงฮยอนที่ผมไม่รู้หรอก เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ไม่มีใครรู้จัก ’ลุงข้างบ้าน’ คนนี้ดีไปกว่าผมอีกแล้วล่ะครับ หึหึ น่าภูมิใจชะมัด
“ผมแปรงแล้วน้าาาา ลุงอยากจะลองตรวจก่อนไปทำงานป๊ะล่ะ” ว่าไปผมก็ยักคิ้วให้ลุงแกไปทีนึง การที่ได้แกล้งลุงแกในทุกๆ เช้าคือความสุขของผมครับ แต่การที่ได้ใบหน้าเอือมๆ นั่นคือความสุขยิ่งกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ ผมรู้หรอก ตอนนี้ลุงตัวยักษ์แกอยากจะแจกมะเหงกให้ผมจนมือสั่นแค่ไหน
ผมอยากจะบอกจังเลยครับว่า....มาเลยยยยย รีบมาเลยยยยย
“ไอ้เด็กแก่แดด”
“ก็ว่าได้เท่านี้ล่ะหว้าาาาา อ้าวเฮ้ย! เดี๋ยวดิลุง จะรีบไปไหนอ่า”
“คิมจินอู! ทำไมยังไม่ไปโรงเรียนอีกห๊ะ?!” แต่ผมยังไม่ได้ยินคำตอบจากลุงเลยครับ เสียงเขียวๆ จากสรวงสวรรค์ทำเอาขาผมชะงักเลย มาแค่เสียงไม่พอ ยังส่งหน้าตาโหดๆ มาต่อว่าผมอีก โห่ มี๊อ่ะ! แค่เต๊าะลุงนิดเต๊าะลุงหน่อยเอง ไม่ได้เสียเวลามากมายขนาดนั้นสักหน่อย
“จะไปแล้วคร้าบ เดี๋ยวดิลุง รอก่อน~” ผมทำหน้างอใส่มี๊กลับไปแป๊ปเดียวแล้วรีบวิ่งออกจากบ้านทันที เมื่อหันไปแล้วไม่เห็นว่าลุงข้างบ้านแกจะรอผมเลย ผมไม่เสียเวลางอแงกับตัวเองแล้วรีบพุ่งตัววิ่งไปเกาะแขนล่ำๆ นั่นทันที
“ปล่อยเลย ไม่ต้องมายุ่งเลย”
ได้ฟังเสียงทุ้มของลุงใกล้ๆ นี่ยิ่งทำให้เช้านี้ดูเป็นวันพิเศษขึ้นมาเชียวล่ะ ผมกว้างเอนหัวไปซบตรงไหล่ ส่วนมือก็เกาะแขนล่ำแน่นไม่ยอมให้มืออีกข้างของลุงแกมาแงะมือเหนียวๆ ของผมได้
“ก็ลุงไม่รออ่ะ”
“ถ้าเรียกฉันว่าลุงอีกคำเดียวก็ไปใครไปมันเลย ไม่ต้องมาตามด้วย”
ครับ ถือว่าเป็นคำขาดครับ...ที่จริงแล้วลุงแก เอ้ย พี่ซึงฮยอน (แต่ส่วนใหญ่ผมจะชอบเรียกว่าพี่ท็อป เพราะพี่แกเป็นตัวท็อปในเรื่องต่างๆ มาตั้งแต่ผมจำความได้แล้วล่ะ) ก็ไม่ได้แก่กว่าผมมากมายอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แค่ตอนนี้ผมเรียนอยู่ม.ปลายปี 3 ที่ใกล้จะเอนท์เข้ามหาวิทยาลัย แล้วพี่ท็อปก็เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ผมกำลังเล็งจะเข้าเรียนต่ออยู่เท่านั้นเอ๊ง และแน่นอนครับความต้องการที่จะเข้าเรียนที่นั่นก็มาจากพี่ท็อปล้วนๆ
“โอเคๆ พี่ท็อปคนหล่อ ผมรู้ว่าวันนี้พี่ก็จะออกค่ารถเมล์ให้ผมใช่ไหมล่ะ”
ก๊อก
จนได้ครับ มะเหงกลูกงามๆ จากมือใหญ่ๆ ของพี่ท็อปเคาะลงกลางหัวผมพอดีเป๊ะ แต่อย่างนี้ต้องถูกทำโทษ! ผมกอดรัดต้นแขนของพี่แกแน่นขึ้นอีก แล้วก็ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ตอนที่ใครๆ ต่างหันมามองด้วยความใคร่รู้ในความสัมพันธ์ จะอยากรู้ไปทำไมกันวะเรื่องของคนอื่นเขาน่ะ!
“นี่ ลุงวันนี้อย่าลืมรีบกลับมาติวให้ผมด้วยนะ”
“ไม่อ่ะ วันนี้ฉันมีธุระ”
คำตอบนี้ทำเอาผมปล่อยมือจากต้นแขนพี่ท็อปเลย งอนครับ! บอกตรงๆ เลยว่างอน เห็นธุระสำคัญกว่าเด็กข้างบ้านอย่างผมอีกแล้ว หน้าตาตอนนี้ของผมบ่งบอกว่างอนพี่ท็อปสุดๆ ปากที่เบะจนเกือบจะติดจมูกนี่อีก แววตาเคืองๆ ที่ส่งไปให้นี่อีก ถ้าไม่รีบง้อนะ...จะกระโดดกัดหูแม่ ง! ยังอีก ยังจะมามองหน้านิ่งอีก!
“ตลอดอ่ะ!”
“ก็เรียก ‘พี่’ ก่อนดิ”
ยิ้มเลยครับ!! คิมจินอูนี่ไปไม่เป็นเลย บอกผมทีสิว่านี่เป็นคำง้อของพี่ชเวซึงฮยอนสุดหล่อของผม! แล้วไอ้รอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่เห็นแค่แวบเดียวนั่นมันคืออะไรกัน?! ผมรีบยื่นมือไปคว้าท่อนแขนของพี่ท็อปมากอดไว้อีกรอบเพื่อซ่อนความเขิน พยายามไม่มองรอยยิ้มที่พี่แกไม่ชอบให้ผมเห็น พี่ท็อปก็เป็นแบบนี้ตลอดอ่ะ ชอบทำเป็นเก็ก พอผมมองทีไรก็ชอบทำหน้านิ่งหน้ามึนใส่ พอผมไม่มองนี่ยิ้มจนหน้าบานเป็นกระด้งเลย หมั่นไส้
“...พี่ก็พี่ดิ ไปได้เล่า เดี๋ยวสาย”
แล้วในที่สุดผมก็ลากพี่ท็อปไปที่ป้ายรถเมล์ได้สำเร็จเพราะความเขิน ส่วนใหญ่เกือบทุกเข้าผมจะมากับพี่เขาครับ เพราะทางไปโรงเรียนของผมกับมหาวิทยาลัยของพี่ท็อปอยู่ทางเดียวกัน แต่มหาวิทยาลัยจะอยู่ถัดไปอีกหลายป้ายรถเมล์
“แหม แต่เช้าเชียว มึงรักพี่เขามากไหม คิมจินอู” พอเท้าผมกับพี่ท็อปเหยียบย่างเข้าป้ายรถเมล์ได้ ปากอันสร้างสรรค์ของนัมแทฮยอนก็ดังขึ้นมาเลยครับ ชิ พวกขี้อิจฉาก็งี้แหละ ผมยักไหล่ไปให้เพื่อนเกลอทีนึง
“มึงต้องถามพี่ท็อปมากกว่า” อยู่ต่อหน้าคนอื่นจะเรียกพี่ท็อปว่าลุงไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวคนอื่นเรียกตามแล้วผมจะแย่เอา ผมเรียกคนเดียวจะมีความสุขมากกว่า
“ดูเหมือนว่าพี่เขาจำยอมมากกว่าว่ะ ฮ่าๆๆ ใช่ม๊ะพี่ท็อป”
พี่ท็อปแค่กรอกตามองบนไปมาแล้วไหวไหล่ แต่แค่นี้ก็กวนตีนมากเกินพอสำหรับผมแล้วล่ะ โห่ ถ้าจะทำอย่างนี้นะ เอามีดมาควักหัวใจผมไปกระทืบซ้ำเลยเหอะ!
“พอเลย รถเมล์มาแล้วขึ้นๆ มึงไม่ต้องขึ้นตามพวกกูมาก็ได้นะ แทฮยอน”
“มาเลยแทฮยอน เดี๋ยวพี่เลี้ยงค่ารถเมล์เอง” พี่ท็อปไม่พูดเปล่าดันหัวผมออกแล้วหันไปดึงตัวแทฮยอนให้เดินตามไป ดูเอาเหอะ กับคนอื่นทำตัวดี๊ดี กับเด็กข้างบ้านอย่างผมนี่...คิมจินอูอยากพ่นไฟได้จังครับ!
แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าผมจะยอมแพ้นะ ข้างๆ พี่ท็อปมีแต่ผมเท่านั้นแหละที่นั่งได้ ผมรีบแทรกสองคนนั้นใช้ก้นงอนๆ ดันแทฮยอนออกไปแล้วรีบนั่งลงที่ว่างข้างพี่ชายร่างยักษ์ทันที อยู่ใกล้พี่ท็อปนี่อบอุ่นดีออกครับ จนถึงป้ายหน้าโรงเรียนผมก็เตือนไปอีกทีว่าอย่าลืมมาติวให้ผม เผื่อลุงแกจะลืม ยิ่งแก่ๆ อยู่ด้วย ฮ่าๆๆๆ
“แม่ ง ทำอย่างนี้ไม่ขอพี่เขาแต่งงานไปเลยวะมึง” หลังจากลงจากรถเมล์มาได้แล้ว แทฮยอนมันพูดพร้อมกับพาดท่อนแขนที่เต็มไปด้วยไขมันบนไหล่ผม นี่มึงไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเลยใช่ไหม?
“แหมะ ต้องให้พี่เขามาขอป่ะวะ” ผมเหล่มองเพื่อนตาขวางหน่อยๆ แต่ตอนนั้นเองผมก็เห็นคนคุ้นตาเดินเข้ามาใกล้พวกเรามากเรื่อยๆ
“เฮ้ย! ชานอู มึงไปเหยียบตีนใครเข้าวะน่ะ” เพื่อนชานอูของผมเดินสะบักสะบอมมาแต่เช้าเลยครับ ผมกับแทฮยอนรีบวิ่งเข้าไปหา สำรวจรอยบาทาบนหน้าและตามลำตัวของมัน
“ไอ้เลวชานยอลดิ แม่ งมาไถ่เงินกู”
“แล้วมึงโง่หรือโง่เนี่ย ปล่อยให้มันยำทำไม” แทฮยอนตบหัวชานอูไปที ไม่กลัวเพื่อนมึงเจ็บเลยเน๊อะ?! แล้วนี่ตัวก็ใหญ่ซะเปล่าปล่อยให้พวกมันยำซะกูอายรูปร่างแทนเลย
“มึงลองอยู่ท่ามกลางฝูงไฮยีน่าเหมือนกูไหมเล่า เท่าที่ฟังมันพูดก็ดูเหมือนจะยังแค้นพวกมึงไม่หายด้วย ซี๊ดดดดด ทั้งๆ ที่กูไม่เกี่ยวด้วยสักนิด”
ที่จริงแล้วเรื่องมันก็นานนมมาตั้งแต่เดือนที่แล้วแล้วนะนั่น นานมาก! ไอ้พวกนั้นยังไม่ได้เลิกผูกใจเจ็บอีกเหรอ เด็กน้อยกันจัง พอแผลหายแล้วก็เริ่มออกลายซ่าอีกแล้ว แต่ผมไม่อยากจะสนใจหรอก ช่วงเวลาคับขันที่จะต้องต่อมหาวิทยาลัยแบบนี้ผมต้องตั้งใจเรียนไว้ก่อน ปล่อยให้พวกมันเห่าไปเหอะ
“เออๆๆ ช่างมันเหอะ ปะ เข้าโรงเรียน”
“เดี๋ยว!” ชานอูรั้งแขนพวกผมไว้ “พวกมึงจะปล่อยมันไปง่ายๆ แบบนี้เหรอวะ มันรังแกเพื่อนพวกมึงนะเว้ย!” นั่นไง เสี้ยมกูอีกแล้วไหมล่ะนั่น
“แล้วจะเอาไง” ไอ้แทฮยอนถาม ผมนิ่งมองหน้าชานอูมันนิดหน่อย พอเห็นมันเบะปากก็ต้องตามใจไป
“ก็ได้ๆ มึงก็เตรียมหาทางติดต่อพวกมันเลย อยากเจอกูนักก็ที่เดิมเวลาเดิม ตอนนี้ต้องเรียนก่อนเว้ย ไม่ได้หรอกจะเอนท์แล้ว”
ถ้าจะเกก็ต้องเกแบบมีจรรยาบรรณครับ นั่นคือคติของคิมจินอู เดี๋ยวลุงข้างบ้านไม่รักแล้วผมจะซวย ผมเลิกสนใจไอ้พวกชอบเสี้ยมอย่างจองชานอู แล้วกอดคอแทฮยอนพาเดินเข้าโรงเรียนที่อยู่ตรงหน้าแทน
พลั่ก! ตุบ! ผลั๊วะ!
เสียงตุบตับชุลมุนวุ่นวายดังลั่นลานร้างแถวๆ โรงเรียน พวกของไอ้ชานยอลเริ่มล้มลงไปทีละสองสามคน ในขณะที่ผมมุดตัวออกมาจากวงต่อสู้เพราะหัวมึนไปหมดแล้ว แต่ก็ถูกมือดีของไอ้ชานยอลมาคว้าคอเสื้อไปปล่อยอีกหมัดใส่จนล้มกลิ้ง
เวรเหอะ กูเจ็บ
กัดฟันลุกขึ้นสิครับ เพราะมันเองก็เละไปไม่น้อยกกว่าผมหรอก ระหว่างที่มันกำลังมึนงงหลังจากต่อยผมแล้วก็ไม่มีเรี่ยวแรงหลบลูกถีบของผมได้เลยกระเด็นไปไกล 2 เมตรทีเดียว
“เอ้า 5…”
“...” พวกมันยังคงไม่สามารถพากันลุกขึ้นได้ไหว ในขณะที่ผม แทฮยอน และเพื่อนที่ผมลากมาด้วยอีกสองคนเดินเป๋มากอดคอกัน โดยที่มีไอ้ชานอูเป็นกรรมการนับถอยหลังอยู่
“4”
“...”
ก่อนต่อยก็เหมือนเดิมครับ กลุ่มใครล้มก่อนแล้วไม่สามารถลุกได้ภายใน 5 วิ ถือว่าแพ้และจะต้องทำตามผู้ชนะ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการแข่งขันที่เด็กน้อยปัญญาอ่อนมาก แต่ไอ้พวกนั่นก็โคตรจริงจังเลยครับ ผมก็ไม่เข้าใจว่าจะอะไรกับพวกผมนักหนา หน้าตาพวกผมก็ไม่ได้กวนตีนใครขนาดนั้นนะ
“3…2…1 ปี๊ดดดดดดดดดดดด”
จองชานอูนี่มันเตรียมพร้อมจริงๆ กะชนะเต็มที่ว่างั้น เตรียมนกหวีดมาด้วยเนี่ย
“พวกมึงก็เนี่ยน้า แพ้กี่ครั้งแล้วทำไมไม่จำวะ เดี๋ยวกูจะร่อนบทลงโทษไปให้มึงที่โรงเรียนแล้วกัน รอรับได้เลย พวกมึงจะต้องเลิกยุ่งกับพวกกูอีกนาน ไปเว้ย” แทฮยอนที่ดูเหมือนจะสะใจนักหนาใช้เท้าเขี่ยซากของหนึ่งในนั้น
“เดี๋ยวๆ เฮ้ย เอาเงินกูคืนมาให้หน่อยดิ” ผมได้ยินชานอูมันกระซิบใส่หูแทฮยอนครับ มึงกระซิบเบามากเลยครับไอ้จองชานอู แล้วไอ้แทฮยอนก็ทำตามนั้นครับ มีหยิบมาเกินเล็กๆ น้อยๆ มันบอกว่าขอเป็นค่ายา ก่อนจะลากพวกผมออกจากตรงนั้น
แต่ผมว่าผมลืมอะไรนะ
“เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวๆๆๆ”
“อะไรวะ”
“พวกมึงไปกันก่อนเลย”
“ทำไม มึงจะหาเรื่องอ้อนพี่ท็อปของมึงอีกแล้วรึไง”
แหน่ะ แสนรู้อีก
“พูดมากน่า ไปไป๊ เจอกันพรุ่งนี้” ผมโบกมือไล่พวกมันไป แล้วเดินไปหาที่นั่งเหมาะๆ แถวนั้นที่เวลาลุงข้างบ้านมาแล้วจะเห็นได้ชัด
พอนั่งลงได้แล้วก็หยิบมือถือที่ปิดเครื่องหนีคนโทรตามออกมา นี่ผมหวังไว้สูงนะว่าพี่ท็อปจะโทรหาผมมากกว่า 10 สายน่ะ เสียดายมันไม่ขึ้นโชว์ให้ผม ไม่เป็นไร โทรไปเลยแล้วกัน
[คิมจินอู หายหัวไปไหนห๊ะ?!]
นั่นไง คำถามแรกก็ไม่น่ารักเอาซะเลย
“ลุง ลุงมาพาผมกลับบ้านหน่อยดิ แค่กๆ”
[เป็นอะไรน่ะ]
“ผมเจ็บจนลุกไม่ไหวแล้วอ่ะ” ผมแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลยในการเปล่งเสียงที่ฟังไม่ค่อยได้ศัพท์ออกไปพูดคุยกับปลายสาย
[อยู่ที่ไหน] แทนที่จะใช้น้ำเสียงรนๆ เหมือนคนเป็นห่วงกลับใช้น้ำเสียงโทนต่ำ นิ่งๆ แทน นี่แหละ เสน่ห์ของพี่ท็อปเขาล่ะ
“ลานร้างXXX”
[นี่ไปมีเรื่องมาอีก...]
“ผมจะรอจนกว่าลุงจะมานะ แค่กๆ” ผมพูดแทรก แถมท้ายด้วยไอเล็กน้อย ซึ่งไม่รู้ว่าจะไอไปทำไมเหมือนกัน ก่อนจะกดตัดสายไป รู้อยู่หรอกว่าถ้าเป็นแบบนี้พี่ท็อปจะต้องมาหาผมภายใน....10 นาทีชัวร์!
7 นาทีหลังจากที่ผมจับเวลารอไปพลาง รถคันใหญ่ที่เจ้าของไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้ก็เบรกตัวลงอยู่ไม่ไกล สักพักคนขับก็ลงจากรถมาด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าอารมณ์ไม่ดีถึงขั้นสุด แน่นอนว่าถ้าขับรถมาจากบ้านถึงที่นี่ด้วยเวลาปกติมันต้องกินเวลาไป 15 นาที นี่ผมกะเวลา 10 นาทีเผื่อพี่ท็อปรีบขับมานะ แต่นี่แค่ 7 นาที คงจะซิ่งนรกน่าดู หึหึหึ ภูมิใจตัวเองจัง
“ลุง~~” ผมโบกมือเรียกหย่อยๆ ทำหน้าตาอิดโรย ก่อนหน้านั้นก็เช็คสภาพหน้าตัวเองกับกระจกที่พกติดกระเป๋าไว้แล้วล่ะ หน้าตาถือว่าแย่ใช้ได้
“มันใช่เรื่องไหมห๊ะ” พี่ท็อปเดินเข้ามาใกล้ผมแล้วเท้าเอวถามตีหน้าโหด นี่ใจคอจะไม่มาดูอาการผมหน่อยเลยเหรอ
“ช่วยหน่อย ลุกไม่ขึ้นแล้วอ่าาาา” แต่ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอก ชูมือขึ้นสองแขนใส่ผู้ชายตัวบึกนั่น ขอบคุณที่พี่ท็อปไม่ทำมึนใส่แล้วจับมือผมดึงให้ลุกขึ้น
“เจ็บมั้ย”
งื้ออออออออ พี่เขาดึงตัวผมเข้าไปซะใกล้แล้วก้มใบหน้าลงมาสำรวจแผลบนใบหน้าผมครับ!! อ่า อยากจะให้มีแผลบนหน้าเยอะกว่านี้จัง นี่ผมวิ่งไปให้ไอ้พวกชานยอลมันต่อยอีกจะทันไหม?? แต่เอาจริงๆ จะให้วิ่งไปตอนนี้ก็ไม่ไหวหรอก หัวใจผมมันทำงานหนักจนเหนื่อยโคตรรร อีกอย่างสู้เอาเวลามาอยู่ใกล้พี่ท็อปดีกว่า
“เจ็บมั้ย” น้ำเสียงนั้นดุขึ้นมาอีกนิดหน่อยเมื่อผมเอาแต่จ้องตาพี่แกด้วยความเขิน แล้วไม่ยอมตอบคำถาม
“เจ็บดิ”
“ดี เดี๋ยวฉันจะได้บอกให้แม่นายลงหวายอีกสัก 20 ที”
“ใจร้ายอ่ะ ลุง~ ช่วยพยุงหน่อยสิ ผมเจ็บขาอ่ะ”
“มันน่าปล่อยให้นอนตากยุงอยู่ที่นี่จริงๆ เลย” พี่ท็อปมองผมด้วยสายตาเอือมเช่นเดิม แต่ก็ยังใจดีช่วยพยุงผมที่แสร้งเดินกระเพลกไปจนถึงรถ
เฮ้อ ตัวพี่ท็อปนี่อุ่นที่สุดแล้วล่ะ
และแล้วอีกเกือบสองชั่วโมงต่อมาหลังจากอาบน้ำเรียบร้อยผมก็หนีหวายของแม่ไปบ้านข้างๆ เพื่อให้เจ้าของบ้านที่กลายร่างเป็นตาแก่เต็มตัวนั่งทำแผลให้พร้อมบ่นไม่หยุด
“พอได้แล้วน่า บ่นไปพรุ่งนี้แผลผมก็ไม่หายหรอก” ผมมุ่ยหน้าแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาบนพรมหน้าโซฟาตัวใหญ่ชั้นล่างของบ้าน หลังจากที่พี่ท็อปทายาให้เรียบร้อยแล้ว
“คืนนี้นอนนี่นะ นะ น้า” อ้อนไปครับ อ้อนได้ก็อ้อนไป
“ไม่ต้องเลย กลับไปนอนที่บ้านนั่นแหละ”
“ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจกลับ!” สะบัดเสียงใส่แล้วก็ลุกขึ้นออกสตาร์ทไปชั้นบนของบ้านทันที เป้าหมายก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล อย่าคิดเลยว่าที่นี่จะมีห้องว่างสำหรับแขกนอน แต่ถึงจะมีก็อย่าหวังว่าผมจะนอนเลย ห้องพี่ท็อปเท่านั้นคือคำตอบ!
ผมกระโดดลงเตียงกว้างที่มานอนบ่อยๆ ตอนเด็ก โตแล้วก็มานอนบ้างเป็นบางครั้งที่สามารถรอดจากการถูกพี่ท็อปโยนกลับบ้านได้
“ผมกำลังเจ็บอยู่นะ ตามใจหน่อยสิ” พอหันไปเห็นเจ้าของร่างบึกยืนมองผมนิ่งอยู่หน้าประตูห้อง โดยที่ไม่ลืมตีขรึมกอดอกพิงกรอบประตูด้วย ก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงงอนๆ
“อายุเท่าไหร่แล้ว”
“ถามทำไม ก็โตพอที่จะให้แม่มาขอลุงได้แล้วกัน” ว่าแล้วก็ยักคิ้วให้สักหน่อย หึหึ คิมจินอู แกนี่มันโคตรของโคตรเนียนเลยจริงๆ
“เลิกเล่นเป็นเด็กได้แล้วนะ จินอู”
“หา? นี่ผมจริงจังนะ! ใครจะยอมเสียเวลาเล่นตั้งหลายปี ทั้งที่มันไม่สนุกสักนิดเลยห๊ะ!” ผมเด้งตัวลุกขึ้นนั่งมองคนใจร้ายทันที
“ไม่คุยด้วยเล่า! ลงไปนอนข้างล่างเลย งอน!!” ผมเดินเข้าไปผลักตัวพี่ท็อปออกให้พ้นจากประตูห้องนอน แล้วปิดประตูล็อกกลอนใส่หน้า ทั้งๆ ที่ห้องนี้มันก็ห้องพี่แกนี่แหละ
“เหอะ! ไปนอนคิดเลยนะว่าผมจริงจังแค่ไหน!” ตะโกนออกไปอีกประโยค เดินตึงตังกระโดดลงบนเตียงยกผ้าห่มคลุมโปรงทันที
“ไอ้พี่ท็อปบ้า ไอ้ลุงไร้หัวใจ เหอะ ถ้าอยากจะพูดเรื่องแบบนั้นก็ช่วยอย่าทำหน้าตาจริงจังขนาดนั้นได้ไหมเล่า งื้อออออออออ งอนๆๆๆ”
...แต่...
ผมมันเด็กนิสัยไม่ดีครับ
คิมจินอูนี่มันนิสัยไม่ดีจริงๆ
ทะเลาะกับพี่ท็อปแบบนี้ทีไร ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ชั่วโมงใจผมมันก็ไม่เคยสงบสุขสักที ผมผุดตัวลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ ห้องที่มืดลงหลังจากปิดไฟไปได้หลายชั่วโมงแล้ว ถอนหายใจก่อนแล้วค่อยตวัดขาลง หอบผ้าห่มหอบหมอนติดมือไปเปิดประตูห้องนอนที่ล็อกเองกับมือ
อาศัยความเคยชินที่แอบดอดเข้ามากลางดึกอยู่หลายครั้ง ก็ค่อยๆ เดินฝ่าความมืดลงไปด้านล่างของห้องนั่งเล่นที่คาดว่าจะมีเจ้าของบ้านหน้าดุนอนหลับอยู่ แล้วก็แน่นอนที่จะเป็นแบบนั้น ผมมองร่างของพี่ท็อปผ่านความมืดที่ชินสายตาแล้ว ความสูงของร่างกายเหยียดยาวจนปลายเท้าเลยโซฟาไป
“อากาศก็เย็นทำไมไม่รู้จักหาผ้าห่มมาห่มกัน เป็นแบบนี้ตลอดเลย แล้วจะให้หลับลงได้ยังไงกัน”
ผมบ่นไปก็ตวัดผ้าห่มผืนใหญ่คลุมร่างพี่ท็อป ส่วนที่เหลือก็เอาคลุมร่างตัวเองที่เดินไปนั่งบนพื้นพรมหน้าโซฟา
เอนหัวไปพิงกับช่วงเอวของพี่ท็อป
แค่นี้ก็ยังอุ่นเลยอ่ะ
“ลงมาได้แล้วรึไง”
เสียงทุ้มต่ำแทรกความเงียบขึ้นมา พร้อมๆ กับที่วางมือลงบนหัวผม...ผมอยากจะร้องไห้จัง นึกถึงทุกครั้งที่เวลาทะเลาะกับพี่ท็อปแล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องหาวิธีสารพัดมาง้อ ทั้งๆ ที่พี่ท็อปก็ไม่ได้ดูโกรธอะไรผมเลย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็เคยทำถึงขั้นปีนขึ้นมาชั้นสองเข้าห้องพี่ท็อปทางหน้าต่างยามวิกาล
สุดท้ายแล้วพี่ท็อปก็รอผมตลอด
“ตอนแรกผมก็ชอบนะ ที่พี่ชอบเก็กหน้านิ่งเวลาผมหันไปมองอ่ะ แล้วเวลาผมไม่ได้มองก็เอาแต่อมยิ้มน่ารักๆ อ่ะ แต่บางครั้งผมก็รู้สึกเกลียดมันมากเลย เมื่อกี้ผมก็โคตรเกลียดเลย”
“...”
“...” ผมเลือกจะเงียบตามพี่ท็อป ก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วนี่นา ถ้าพี่เขาไม่คิดจะตอบโต้ผมกลับบ้างอ่ะ แต่จู่ๆ พี่ท็อปก็ลุกขึ้นนั่งแล้วตวัดขาให้คร่อมร่างผมที่ยังนั่งอยู่บนพื้น ซ้ำยังดันคางให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมองอีก!
“ตกลงจะงอนพี่เรื่องอะไรกันแน่ หื้ม?”
โง้ยยยยยยย เลิกงอนดีไหมมมมมม ไอ้รอยยิ้มกับแววตาประกายแบบนั้นมันหมายความว่าอะไร?? เรียกแทนตัวเองว่า ‘พี่’ ที่ผมเฝ้ารออีก รีบตอบนะ ไม่งั้นคิมจินอูจะคิดเข้าข้างตัวเอง!!
“ถ้าทำอย่างนี้กับผมทุกวัน ผมสาบานเลยว่าจะไม่งอนงี่เง่าใส่พี่ท็อปอีก” ผมตอบไปพร้อมยิ้มกว้าง...สิ้นแล้วมารยาที่แอบสั่งสมมา ยอมใจพี่ท็อปเลย ชอบให้พี่ท็อปเรียกแทนตัวเองว่าพี่ด้วยเสียงทุ้มต่ำแบบนี้จัง ฟินโคตร
“ชอบเหรอ?”
“อยากบอกว่าชอบมากกกก”
“หึ หันมานี่” แล้วพี่แกก็จับผมหมุนให้หันไปหาครับ แต่ผมก็ต้องปวดคออยู่ดี ตัวสูงแล้วยังนั่งสูงกว่าผมอีก!
“พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่าไปมีเรื่องแบบนั้นอีก ถ้าเกิดพลาดจนเจ็บหนักหรือมีประวัติไม่ดีจะทำยังไง อนาคตเราทั้งนั้นนะ ไหนใครบอกจะตั้งใจเข้ามหาวิทยาลัยพี่ให้ได้กัน” มันก็คล้ายกับคำบ่นปกติของพี่ท็อปนั่นแหละ แต่มันดีตรงน้ำเสียง สายตา และมือหนาที่ลูบเบาๆ บนใบหน้าของผม
พี่ท็อปอบอุ่นจัง
“ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ขอบคุณที่เป็นห่วง” ผมยิ้มให้ จับมือพี่ท็อปลงมาประสานมือเข้า มือที่ใหญ่กว่าผมเสมอตั้งแต่เด็ก...
“แต่ว่าถ้าเป็นห่วงก็พูดว่าเป็นห่วงสิ ผมก็อยากได้ยินนะ ถ้าอยากยิ้มก็ยิ้มออกมาตรงๆ ผมก็อยากเห็นเหมือนกัน ขี้เกียจเหลือบมองแล้วรู้ไหม”
“พี่ก็กะว่าจะทำทุกอย่างที่จินอูบอกมาให้เป็นของขวัญที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้น่ะ”
“เห๋~ จะยอมขอผมเป็นแฟนจริงๆ น่ะเหรอ”
นี่ผมฟังไม่ผิดใช่ไหม??? แต่พี่ท็อปเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอะไรแบบนี้นะ แต่ถ้าพูดทีมันก็ต้องเป็นเรื่องจริงสิ อมก ใครก็ได้ตบหน้าผมแรงๆ ทีเถอะ ฮือออออ พี่ท็อปยิ้มแบบนี้อีกแล้ว ใจคอจินอูไม่ดีเลย
“แต่ว่าพี่ก็คิดอีกนะ...ถ้าจินอูมาเป็นนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยของพี่แล้ว...พี่ก็คงทำอย่างนั้นไม่ได้แล้วล่ะ”
“อ้าว”
นั่นไง กวนตีนแบบนี้ตลอดอ่ะ
“ใช่ไหมล่ะ ถ้าพี่ทำแบบนั้นมันก็ต้องผิดกฎมหาวิทยาลัยน่ะสิ”
ฟังเหตุผลของพี่ท็อปแล้วผมแทบอยากจะเอาหัวโหม่งพื้นตรงหน้าซะให้ความจำเสื่อมซะรู้แล้วรู้รอด พี่ท็อปเป็นประเภทที่เคร่งกฎเว่อร์ไง ผมรู้หรอกว่าพี่แกก็มีคิดอะไรๆ กับผมบ้างล่ะ เพราะงั้นก็คงไม่โสดมาจนทุกวันนี้แล้วให้ผมเต๊าะพี่แกได้ทุกวันหรอก แต่คงกลัวคดีพรากผู้เยาว์มั้ง แล้วพอผมโตขึ้นก็ยังจะต้องมาเจอกฎห้ามครูนักเรียนมีความสัมพันธ์กันอีกเหรอ เหอะ!! ก็รู้ว่าไม่ได้แคร์คนอื่นมากกว่า ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะผมทั้งนั้น แต่พวกนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการสักนิดเลย
ผมกระโดดขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนโซฟา พลางดันตัวพี่ท็อปให้หันหน้ามาหากัน
“ผมไม่สนใจอะไรพวกนั้นเลยสักนิด ขอผมตอนนี้เลยสิ รออยู่”
ป๊อก
“โอ้ย เจ็บนะ” ผมมองค้อนคนที่ดีดนิ้วใส่หน้าผาก
จุ๊บ
ง...งื้ออออออออออออออออออออออออ ไอ้พี่ท็อปปปปปปปปปปปปปปปปป
“มัดจำไว้ก่อน” พี่ท็อปพูดหลังจากที่จุ๊บปากประทับรอยดีดบนหน้าผากของผม ฟินตัวแตกครับ!! แต่คำพูดนั้นขัดใจผมจัง
“โห่ ถ้าจะมัดจำหลายปีด้วยจุ๊บเบาๆ ตรงหน้าผากนี่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ ตรงนี้ดิ ตรงนี้” แล้วผมก็เอาเคาะเบาๆ ลงบนปากของตัวเอง
“แก่แดด”
“ไม่กล้าก็บอกมาเหอะ เพื่อนผมมีแฟนไปหลายคนแล้วนะ ผมก็เหี่ยวแล้วเหี่ยวอีกรอพี่ท็อปคนเดียวเนี่ย เร็วเลย ตรงนี้เลย เร็วๆ”
“หึหึ”
เหมือนกับผมจะได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ของพี่ท็อปด้วยนะ จากนั้นพี่ท็อปก็ขยี้ผมของผมแล้วโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ แล้ว...งับปากผมเบาๆ
พี่ท็อปร้ายยยยยยยยยยยยยย
นุ่มอ่ะ!!!
“อะแฮ่ม โอเคๆ แล้วก็ต้องมัดจำแบบนี้อาทิตย์ละครั้งนะ” ผมสะกดความร้อนตรงใบหน้าลงแล้วยื่นข้อเสนออีก อิคนพี่ก็เอาแต่ยิ้มกริ่ม ชอบใจแต่ทำเป็นเงียบอีกล่ะสิ ครั้งนี้ผมจะยอมให้ก็ด๊ะ
“เกินไปนะเรา”
“ไม่รู้ล่ะ ตกลงตามนี้ แล้วผมจะเป็นเด็กดีเลยจริงๆ ไม่ดื้อ ไม่สน และจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นให้ได้ด้วย ดีไหม” ผมแลกข้อเสนอของผมไป พี่ท็อปหรี่ตามองผมอย่างพินิจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
“งั้นก็ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านี่”
“อื้ม นอนๆ ฮ้าวววววว”
ผมไม่สนใจประโยคเชิงไล่ให้กลับขึ้นไปนอนบนห้องของพี่ท็อป แต่เนียนส่งมือสองข้างไปดึงร่างบึกๆ ให้ลงนอนที่เดิม ทรุดตัวลงนอนข้างๆ แล้วดึงผ้าห่มคลุมตัวเราเอาไว้ ขอความอบอุ่นจากร่างกายของพี่ท็อป แต่ว่านะ...หัวใจของพี่ท็อปตอนนี้เต้นแรงชะมัด หึหึหึ
ผมไม่แซวหรอก เดี๋ยวจะเขินแล้วคืนนี้ไม่ได้นอนกันพอดี นอนฟังเสียงหัวใจของพี่ท็อปและของตัวเองที่มีจังหวะไม่ต่างกันให้หลับสบายๆ ในอ้อมแขนแกร่งของพี่ท็อปดีกว่า
“พี่ท็อป”
“หื้ม?”
“สัญญาแล้วนะ”
“อืม”
“อย่าลืมนะ”
“พี่ก็รอมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ ก็แค่รอต่อไปเท่านั้นเอง”
“น่ารักจัง”
“ลุงงงงงงงงงงงงงง ทำไมไม่ปลุกผมบ้างห๊ะ!!” ผมตะโกนลั่นบ้านพี่ท็อปทันทีที่ตื่นมาแล้วไม่เป็นอย่างที่เพ้อไว้เมื่อคืนก่อนจะหลับ ว่าถ้าเช้ามาก็จะได้ตื่นในอ้อมแขนของพี่ท็อป! แต่นี่มีแค่โซฟาเปล่าๆ กับหมอนหนึ่ง ผ้าห่มหนึ่ง!
เมื่อหาเจ้าของบ้านข้างล่างไม่เจอก็รีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน เปิดเข้าไปก็เห็นว่าพี่ท็อปเพิ่งอาบน้ำเสร็จแล้วพันผ้าเช็ดตัวแค่ครึ่งท่อนล่างออกมา
“ล...ลุง!”
เฮือก! ใจเย็นๆ ก่อนจินอู แกต้องว่ากล่าวตักเตือนก่อนจะไปคิดเรื่องอื่นสิ! แต่...แงงงงงงง แต่ใครให้ลุงแกฟิตหุ่นซะดูดีขนาดนี้ฟร๊ะ?!
“โวยวายอะไรแต่เช้า”
“ลุงอ่ะ ทำไมไม่ยอมปลุกผมเล่า!...เห็นไหม ไม่มีคนขัดหลังให้เลย” สุดท้ายจุดประสงค์ของผมก็ต้องเปลี่ยน เฮ้อออ ฉันเกลียดแกจัง คิมจินอู
“เลอะเทอะ จินอู รีบกลับบ้านไปอาบน้ำได้แล้ว ถ้าช้าฉันไม่รอด้วยนะ”
“เดี๋ยวดิ” ผมรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปดักหน้าพี่ท็อปที่จะไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่
“หื้ม?”
“จุ๊บมัดจำไงลุง เมื่อวานถือว่าลองซ้อม...”
ผมส่งยิ้มให้แล้วเขย่งปลายเท้ายื่นใบหน้าเข้าไปใกล้
จุ๊บ
อืมมมมม ผมคิดว่า...เราก็ไม่ได้ต่างจากแฟนกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่นา...ใช่ไหม??
.............................................................
นี่รู้สึกว่าไรท์เตอร์มือขึ้นนะ จับสี่คนแรกที่ได้แต่แร๊พเปอร์ของวายจีหมดเลยยยยยยย
จินอูนี่ดวงสงพงษ์กับคนที่เป็นแร๊พเปอร์ดีจัง ฮร้ายยยยยย เขินนนนนนน >//////<
บ๊อบบี้ มิโน ฮันบิน พี่ท็อป >> ต่อไปใครฝากติดตามด้วยนะคะ ^^
#sfออลจีนู
ความคิดเห็น