คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : >> Liberate Part End (B.I x Jinwoo)
(Ost. School 2015)
“นายฆ่ามันตายใช่ไหม”
จินอูหยุดดิ้นกับสิ่งที่ฮันบินถาม
“นายฆ่าไอ้ตัณหากลับนั่นตายใช่ไหม”
ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตากลมเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำอีกครั้ง ภาพของคนตรงหน้าเริ่มพล่ามัว จินอูนึกย้อนไปถึงสิ่งที่ตนทำไว้เมื่อวาน ริมฝีปากสั่นๆ ถึงได้เปิดออกอีกครั้ง
“มันสมควรตาย...ผมหวังว่ามันจะตาย”
ฮันบินมองลึกเข้าไปในดวงตาจินอูที่พยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาอีก พลางคลายแรงที่กำต้นแขนเล็กแน่น เขาไม่สิทธิพูดเรื่องนี้มากหรอก เพราะเขาเองก็ไม่ต่างกัน...ถ้าไม่ฆ่าให้ตายก็คงหนีไม่พ้น
และนั่นอาจหมายถึงการที่จะถูกตามล่าเอาชีวิต
“...มีที่ไปรึเปล่า”
“...”
“ฉันชื่อคิมฮันบิน”
“...”
“...”
“...คิม...จินอู”
มันน่าแปลกที่หัวใจตายด้านไปหลายปีกลับเต้นแรง น้ำเสียงเอ่ยถามที่ไม่ได้อ่อนโยน แต่จินอูกลับรู้สึกได้ว่ามันอบอุ่นเข้าไปถึงก้อนเนื้อภายใน...ในชีวิตของเขาเคยได้ยินคำถามแบบนั้นบ้างไหมนะ
“คุณ...ต้องการแค่เงินของผมใช่ไหม”
แต่เขาเจอกับเรื่องเลวร้ายมาเยอะ ต้องเตือนตัวเองตลอดว่าห้ามเชื่อใจใครอีก จินอูอดแสยะยิ้มให้กับตัวเองไม่ได้ เมื่อนึกถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
“ฉันจะเอาเงินของนายไปทำไม ฉันมันไม่ได้ต่างจากนายหรอกนะ เป็นแค่ฆาตกรคนหนึ่ง ก็แล้วแต่นายนะ ถ้าไม่กลัวฉันแล้วอยากจะตามมาด้วยก็ตามมา”
ฮันบินเดินผ่านจินอูเปิดประตูห้องเดินออกไป ใบหน้าขาวเลื่อนมองตามจนฮันบินพ้นประตูห้อง รีบก้มเก็บเงินบนพื้นยัดใส่กระเป๋าเหมือนเดิมและวิ่งตามออกไป เมื่อวิ่งไปถึงตัวจึงคว้าชายเสื้อหนังของฮันบินเพื่อรั้งไว้
“...ผมเชื่อใจคุณได้ใช่ไหม”
...คิมจินอูเป็นตัวภาระ ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เอ่ยปากออกไปแบบนั้น เป็นห่วงเหรอ? เขาไม่รู้จักคำนั้นหรอก ชีวิตที่มีแต่การแก้แค้นแบบเขา ทำไมกัน...ถึงได้เลื่อนมือไปจับมือนั่นไว้แล้วดึงให้ตามตัวเองไป...
แทนคำตอบ
ทั้งสองคนซื้อเสื้อผ้าเปลี่ยนใหม่แถวๆ นั้น ก่อนจะพากันเดินทางไปที่ที่ฮันบินอยู่ด้วยรถไฟ และนับว่าเป็นโชคดีที่ฮันบินแวะเข้าไปดูหนังสือพิมพ์ระหว่างรอรถไฟมาในอีกไม่กี่นาที
ถึงได้เห็นว่าตัวเองกำลังถูกประกาศจับ
“นั่น...คุณนี่”
เสียงถามออกมาจากจินอูที่หันมาเห็นพอดี ถึงจะเป็นภาพที่ไม่เห็นชัดแต่จินอูจำได้ เพราะเสื้อผ้าของคนในภาพเป็นชุดเดียวกับที่ฮันบินใส่เมื่อวานนี้ ฮันบินต้องนึกขอบคุณคนข้างๆ อยู่ในใจที่จินอูไม่ได้พูดดังจนใครๆ ต่างหันมาให้ความสนใจ เขาพับหนังสือพิมพ์ลง มือดึงมาส์กขึ้นอีกนิดและกดปลายหมวกที่ซื้อมาใหม่ให้ต่ำลงหยิบเงินยื่นจ่ายไปเพื่อซื้อมัน ก่อนจะปลายตามองรถไฟซึ่งเคลื่อนเข้าเทียบชานชาลา
“จะเอายังไง ยังจะไปกับฉันอยู่รึเปล่า”
“...อื้ม”
ฮันบินเลื่อนสายตามองจินอูที่พยักหน้าให้หน่อยๆ อยู่ข้างๆ กัน ใบหน้าที่ไม่ได้มีความหวาดกลัวทำให้เขาแบมือยื่นออกไป...และมือเล็กก็วางลงประกบ ฮันบินจับมือนั่นแน่นพาขึ้นรถไฟ เป้าหมายคือที่อยู่ของตัวเองที่เป็นที่ปลอดภัยสำหรับเขาในเวลาที่ต้องหาวิธีแก้แค้น
จินอูมองมือหนากว่าและอบอุ่นกว่ามือไหนๆ พาเดินเข้าไปด้านใน แม้จะถูกปล่อยออกตอนนั่งได้นั่งของตัวเองแล้วก็ตาม แต่รอยยิ้มบางๆ ที่แทบจะไม่รู้เลยหากไม่สังเกตกลับไม่ได้จางหายไป
กว่าสามชั่วโมงในการเดินทางมาถึงบ้านไม้สองชั้น ถึงจะห่างไกลจากผู้คนไปสักหน่อยแต่จินอูรับรู้ได้ว่ามันต้องปลอดภัยแน่นอน หลังจากจัดการธุระของตัวเองและเก็บของเสร็จเรียบร้อยฮันบินได้เดินมาทิ้งตัวลงนั่งตรงโต๊ะไม้ทรงกลมหน้าชานบ้าน บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนเนินสูงด้านหน้าฮันบินจึงเห็นกลุ่มหลังคาหลายเรือนที่แออัดกันอยู่
“...ฮันบิน คุณจะทำยังไงต่อ”
เจ้าของชื่อเหลือบสายตามองจินอู นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินเจ้าของเสียงแหบหน่อยๆ นั่นเรียกชื่อเขาแบบนี้ มุมปากกระตุกยิ้มเพียงแวบเดียวก่อนจะมองตั้งแต่หัวจรดเท้า
“คงต้องพานายไปซื้อเสื้อผ้ามั้ง”
“ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น” ปฏิเสธไปแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม บ่ายวันนี้แสงแดดไม่แรง แถมยังมีลมเย็นพัดเอื่อยๆ มาอีก
“ฉันยังสะสางเรื่องของฉันไม่เสร็จ”
“เล่าให้ผมฟังบ้างได้ไหม”
“...”
“...ก็...คุณยังรู้เรื่องของผมเลย” อยู่ๆ ก็รู้สึกตะกุกตะกักซะอย่างนั้นที่ฮันบินหันมามองด้วยความสงสัย ก่อนจินอูจะได้เห็นรอยยิ้มแรกของฮันบิน และมันหายไปเมื่ออีกคนเริ่มต้นเล่าให้ฟัง
“ครอบครัวของฉันถูกทำลายด้วยพ่อลูกหน้าเงินคู่หนึ่ง ลูกชายของมันที่มาตีสนิท ทำให้พี่สาวของฉันหลงหัวปักหัวปำ หลอกล่อให้พี่เอาทุกอย่างที่เป็นของเราให้มันไปด้วยคำว่ารัก ใครพูดอะไรใครปรามอะไรก็ไม่เชื่อ...เรื่องราวบานปลายจนถึงขั้นฆ่าพ่อ...ฆ่าแม่ตัวเอง...สุดท้ายถูกมันเฉดหัวทิ้ง...จนต้องฆ่าตัวตาย”
“...”
“การต้องกล้ำกลืนทนอยู่อย่างทุกข์ทรมานในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของชีวิต...เหมือนมีชีวิตอยู่อย่างตายทั้งเป็น...เพราะฉะนั้นการเอาคืนให้สาสมก็มีเพียงแค่อย่างเดียว...โทษของพวกมันมีแค่อย่างเดียว”
“...”
“...คือต้องตาย...ด้วยมือของฉัน”
จินอูรู้ได้เลยว่าฮันบินจะทุกข์ทรมานมากแค่ไหนที่ต้องเห็นครอบครัวที่รักเป็นแบบนั้น ถึงแม้จะพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำได้ ครอบครัวพังลงด้วยน้ำมือของคนในครอบครัวเอง ไม่ต่างไปจากครอบครัวของเขาที่ถูกพ่อแม่ขายไปเพื่อใช้หนี้การพนัน ถ้าแค่นั้นมันก็อาจจะดี...แต่มันติดตรงที่ว่า...
ตัวของเขา...จะถูกประมูลเปลี่ยนตัวเจ้าของไปเรื่อยๆ ตามความพอใจ
สำหรับจินอู คนที่รักมากที่สุดอย่างพ่อกับแม่...ยังไม่คิดจะสนใจคำขอร้องเจียนตายของเขาเลย ฉะนั้นไม่ต้องไปนึกถึงคนพวกนั้น เพราะต่อให้ขอร้องให้ตาย...มันก็เท่านั้น
“ไม่เห็นต้องร้องไห้เลย”
จินอูสะดุ้งตัวยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่หยดลงมาตามแก้ม แล้วส่งยิ้มให้คนตรงหน้า จินอูก็ไม่รู้ว่ามันเป็นรอยยิ้มที่จะให้กำลังใจฮันบินหรือรอยยิ้มสมเพชตัวเองดี
แต่ฮันบินกลับส่งรอยยิ้มมาให้เขาอีกครั้งและตามมาด้วยมืออุ่นที่วางแหมะอยู่บนหัว
“คุณยิ้มก็ดีนะ”
“นายยิ้มก็ดีนะ”
สุดท้ายก็หัวเราะออกมาทั้งคู่ นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีสำหรับเสียงหัวเราะของพวกเขาที่ความรู้สึกบางอย่างทำให้อยากจะส่งเสียงหัวเราะออกมาจริงๆ
หลายวันมาแล้วที่อยู่ที่นี่ ถึงไม่ได้ออกไปทำงานข้างนอกแต่จินอูก็ให้เงินที่ได้มาจำนวนหนึ่งกับฮันบินไปเพื่อลงทุนในตลาดหุ้น เขาอยากจะทำตัวให้มีประโยชน์บ้าง เพราะฮันบินเองก็เป็นนักธุรกิจอยู่แล้วเรื่องพวกนี้เขาเลยขอไม่ยุ่งด้วย ส่วนฮันบินเองช่วงนี้ก็ยังคงออกไปไหนไม่ได้ ต้องรอให้กระแสข่าวของตัวเองเงียบลงก่อน ดีไปที่กล้องวงจรปิดทั้งหลายไม่เห็นหน้าของฮันบินชัดเจนเลย
และจากที่จินอูเห็นจากข่าวมันก็เป็นการก่อเหตุที่อุกอาจมากทีเดียว...หน้าบริษัทที่เคยเป็นของฮันบินเอง ฮันบินบอกกับจินอูว่าต้องการเอาเลือดพวกมันมาล้างบริษัท แต่หลังจากคนพ่อตาย คนลูกที่เป็นเป้าหมายของฮันบินคนต่อไปกลับเก็บซ่อนตัวเงียบสนิท หรือไม่ก็ออกไปพร้อมการ์ดหลายคน ทำให้ยากต่อการวางแผนไปด้วย
ส่วนเรื่องของจินอูนั้นเป็นคดีที่เงียบสนิทมาก ไม่มีแม้แต่ข่าวใดๆ เล็ดลอดออกมา ทั้งๆ ที่คนกลุ่มนั้นก็อยู่ในตระกูลที่มีชื่อเสียง จริงอยู่ที่จินอูอาจจะถูกตามล่าอยู่เงียบๆ แต่ไม่มีทางเป็นข่าวใหญ่ได้หรอก เพราะใครๆ จะดูถูกเอาได้ถ้าหากรู้ว่าผู้นำตระกูลต้องมาจบชีวิตลงเพราะอะไร
“เออ พรุ่งนี้...ไม่ลืมหรอก...ได้ อืม แล้วเจอกัน”
ฮันบินเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง เป็นจังหวะเดียวกับที่จินอูเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อตั้งใจจะช่วยคนที่มีหน้าที่ทำอาหารยกออกไปนั่งกินด้านนอก
“รู้เวลาอีกแล้วนะ”
จินอูยิ้มน้อยๆ มือช่วยยกของเดินไปพร้อมๆ กับเจ้าของบ้าน
“แล้วที่คุยกับมินโฮเมื่อกี้ มีอะไรรึเปล่า” ดูออกจะกลายเป็นเรื่องปกติในการถามความคืบหน้าการแก้แค้นที่เหลือของฮันบิน ซงมินโฮคือหนึ่งในความช่วยเหลือสำคัญที่ไม่มีใครรู้จัก ฮันบินบอกว่ามินโฮกลับมาจากต่างประเทศหลังจากที่ครอบครัวของตัวเองพังลง แล้วก็ได้มินโฮที่เอาความเคลื่อนไหวต่างๆ มาเล่าให้ฟัง
“งานที่มินโฮมันจะจัดน่ะ มันโทรมาบอกว่า ไอ้พวกนั้นเพิ่งให้คำยืนยันเข้าร่วมงานมา”
“คุณจะไปเหรอฮันบิน?”
“ใช่ นี่อาจจะเป็นหนทางเดียวที่ได้เข้าใกล้ตัวพวกมัน แล้วนายก็ต้องไปด้วยจินอู”
ฮันบินมองใบหน้าหวานที่มองตรงมาทางเขาพร้อมขมวดคิ้วหน่อยๆ แล้วต้องอมยิ้ม เป็นแบบนี้แล้วจะปล่อยให้อยู่ที่นี่คนเดียวได้ยังไงล่ะ ยอมรับว่าเป็นห่วงเข้าเต็มๆ กับคนตรงหน้า แม้อันตรายจะอยู่ตรงหน้าแต่ก็ขอให้มั่นใจด้วยตาของตัวเองดีกว่าว่าถึงเวลานั้นจินอูจะยังคงปลอดภัย ดีกว่าปล่อยให้รออยู่ที่นี่โดยไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีเลย
“ผมคิดว่าคุณจะไม่ให้ไปแล้วผมจะต้องงอแงขอตามคุณไปซะอีกนะเนี่ย”
การแก้แค้นครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น มันอันตรายจินอูรู้ดี เขาหวังว่าครั้งนี้พระเจ้าจะฟังคำอ้อนวอนของเขาเป็นครั้งสุดท้าย ขออย่าให้ระหว่างเขาและฮันบินต้องมีใครสักคนต้องจากไปไหนเลย เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไงหากพระเจ้ายังคงเพิกเฉยต่อคำอ้อนวอนของเขาอีกครั้ง
“กินสิ เดี๋ยวก็เย็นหรอก”
“อื้ม”
ทั้งหัวใจของจินอู...เชื่อฮันบินทั้งหมดแล้ว
“กินข้าวเสร็จแล้วไปเดินเล่นกันไหม”
คำชวนของฮันบินทำให้จินอูหันไปมองท้องฟ้าด้านนอกที่สว่างด้วยแสงของดวงจันทร์และนาฬิกาเรือนใหญ่ จินอูไม่คิดจะปฏิเสธคำชวนอยู่แล้วเพราะพวกเขาก็ออกไปเดินเล่นเวลาแบบนี้บ่อยๆ แต่คำต่อมาของฮันบินมันกระตุกใจของเขา
“ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง...”
เวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน นี่เป็นครั้งแรกที่จินอูได้พบกับซงมินโฮ และถูกกำชับจากฮันบินว่าต้องอยู่ใกล้มินโฮตลอดเวลา นี่เป็นงานของบริษัทมินโฮ การที่ได้อยู่กับเจ้าของงานจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ปลอดภัยมากที่สุด ครั้งนี้จินอูจึงมีหน้าที่เป็นผู้ติดตามของมินโฮ
วันนี้จินอูอยู่ในชุดสูทพอดีตัวที่เพิ่งได้เคยใส่มันเป็นครั้งแรก และเพิ่งได้เห็นฮันบินใส่มันครั้งแรกเหมือนกัน นับว่าฮันบินดูดีมากมากทีเดียวเมื่ออยู่ในชุดนี้...ดูดีจนไม่อาจละสายตาได้
งานขอบคุณผู้สนับสนุนทั้งหลายซึ่งมินโฮตั้งใจจัดขึ้นให้กับฮันบิน ในเมื่อไม่สามารถหาโอกาสเข้าถึงตัวได้ ก็ต้องตะล่อมอีกฝ่ายให้เข้ามาอยู่ในกรอบที่พวกเขาตีเอาไว้เสียแทน
งานทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยความราบรื่น ปลาติดเหยื่อของฮันบินเดินเข้ามาในงานโดยมีเพียงการ์ดคนเดียวที่ตามมาด้วย มันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง ในเมื่อเก็บคนพ่อไปได้แล้วคนลูกก็ไม่ยาก ฮันบินสบตากับมินโฮเมื่อเห็นเป้าหมายเดินเข้ามา ก่อนจะมองเลยไปทางจินอูที่ทำตามคำพูดของตนเป็นอย่างดีคืออยู่ใกล้มินโฮ
งานครั้งนี้เป็นงานใหญ่ มันอาจจะเสี่ยงในการใช้ปืนเป็นอาวุธ อาวุธของฮันบินในครั้งนี้กลับกลายเป็นมีดสั้นที่เขาต้องคอยหาจังหวะอันเหมาะสมฝังด้ามคมมันลงไป แต่ไม่ลืมพกปืนไว้ด้วยเผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน
แต่ดูเหมือนว่ามันออกจะผิดแผนไปหน่อยที่ในงานนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คู่อริของฮันบินเพียงเท่านั้น ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าคุ้นตา ภาพด้านหน้าเริ่มพร่ามัวไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง มินโฮหันกลับไปมองร่างบางที่ยืนตัวสั่นจับชายเสื้อของตัวเองอยู่ด้านหลัง
“จินอู เป็นอะไรไป”
“...ฮึก”
“จินอู?” น้ำเสียงรนๆ ดังขึ้นก่อนจะเลื่อนสายตาไปหาฮันบินที่มองมาทางนี้ด้วยความตกใจเหมือนกัน พอจะเดินเข้ามากลับไม่สามารถทำได้เมื่อมินโฮส่ายหัวห้าม
“จินอู ใจเย็นๆ ก่อนนะ เป็นอะไรไป”
“พวกมัน...พวกมันอยู่ที่นี่ด้วย”
“ใคร?”
“จินอูเป็นอะไร” เสียงฮันบินแทรกดังถามขึ้นมา จินอูเลื่อนมาจับมือฮันบินแน่นจนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นที่คนตัวเล็กพยายามจะกลั้นสะอื้นสุดชีวิต
“กูบอกแล้วไงว่าอย่าเดินมา”
“จินอูสำคัญกับกูที่สุด!”
“ฮันบิน...ข...ข้างหลังคุณ ล...ลูกชายของไอ้ตัณหานั่น ฮึก” ฮันบินหันไปมองด้านหลังตัวเองตามสายตาสั่นไหวของจินอู ผู้ชายคนนึงที่มาพร้อมกับการ์ดหนึ่งคน
“ไอ้หมอนั่น...มีข่าวมาว่าพ่อของมันตายไปเมื่อไม่นานมานี่” มินโฮเหลือบมองจินอูที่เม้มปากแน่น เขารู้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับจินอูบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะแจ๊กพอตเจอคนพวกนั้นในงานนี้ด้วย
“พาจินอูเข้าไปข้างในก่อน เดี๋ยวทางนี้กูจัดการเอง” เสียงแข็งกร้าวดังขึ้น มินโฮรีบฉุดข้อมือเล็กให้เดินตามตนไปห้องพักด้านหลังปล่อยให้ตรงนี้เป็นหน้าที่ของคนที่ตัดสินใจดีแล้ว
เพราะเมื่อเป้าหมายอยู่ตรงหน้า...คิมฮันบินไม่เคยปล่อยให้มันรอดมือไปได้
งานนี้คงไม่ได้มีแค่ศพเดียว
การดำเนินงานไหลรื่นต่อไปเรื่อยๆ ฮันบินยืนรอจังหวะและเวลาอย่างใจเย็น กระทั่งไฟทั้งห้องดับลงเพื่อให้สปอร์ตไลท์ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ฮันบินดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา มือปลดปลอกหนังและ...
ปั่ก!!
“อ๊อก!!”
“น...นายท่านครับ นายท่าน! นายท่าน!!! เปิดไฟ!!!! กูบอกให้เปิดไฟไง!!!!!!”
หลังจากไฟดับลงไปไม่กี่วินาที ห้องทั้งห้องก็สว่างขึ้นมาอีกครั้ง เสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อหลายๆ คนเห็นสภาพของนักธุรกิจชื่อดังนอนจมกองเลือดของตัวเอง...ถ้ายังไม่ตายตอนนี้ ก็ไม่มีทางพ้นคืนนี้
“นายท่าน!!!!!”
หลายคนต่างพุ่งตัวมุ่งหน้าไปยังประตูทางออกอย่างรวดเร็วทำให้เกิดความความโกลาหล ไม่ต่างจากคนที่เพิ่งถูกแทงไป การ์ดรีบอุ้มนายของตัวเองวิ่งออกไปด้านนอก ทิ้งไว้ให้เห็นเพียงกลุ่มเลือดมากมายที่เข้มกว่าสีของพื้นพรมเล็กน้อย
ดวงตาวาวจ้องเขม่งไปยังเหยื่ออีกรายที่ยืนตกใจอยู่ตรงจุดเดิม ฮันบินยกยิ้มเหยียดขายาวก้าวออกเดินไปดักหน้าทันทีเมื่อเห็นว่าเป้าหมายกำลังจะเดินออกไปด้านนอกบ้างแล้ว
“มึง ไอ้ฮันบิน”
“หึ เป็นไง การได้ขึ้นเป็นประธานคีย์ออฟกรุ๊ป...ต่อจากพ่อที่เพิ่งตายไป” ฮันบินมองการ์ดของคนตรงหน้าชักปืนขึ้นมาเล็งใส่เขาก็อดนึกขำไม่ได้ ก่อนจะถามออกต่ออีก...
“คิดว่าวันนี้จะเป็นงานศพของใคร ระหว่างกูกับมึง”
“มึงไง!”
ปัง!! ปัง!!
“ฮันบิน”
จินอูที่ถูกพาไปซ่อนตัวแข็งขึ้นหลังจากเสียงปืนดังสนั่นลั่นบริเวณ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นพร้อมๆ กับหัวใจที่ถูกบีบแน่นจนเหมือนเลือดจะออก
“จินอู ไม่ได้นะ นายออกไปไม่ได้!!”
“ปล่อยผม ผมจะไปหาฮันบิน!!!” น้ำตาไหลนองใบหน้าเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอกไม่ออกเลยจริงๆ ร่างทั้งร่างดิ้นสุดแรงเพื่อให้พ้นพันธนาการจากมินโฮ
“ฮึก ปล่อยผม!!”
“เดี๋ยวฉันจะไปดูให้เอง พวกนายมานี่” มินโฮเรียกให้ลูกน้องตัวเองเข้ามาจับตัวจินอูแทนตนไว้ แต่ตอนนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้นมาอีก
ปัง!!
“ฮันบิน ฮึก” มือเล็กรีบฉวยกระบอกปืนออกมาจากเอวของมินโฮที่อยู่ใกล้มือพอดี
“จินอู!!!”
มินโฮรีบออกวิ่งตามจินอูที่สิ่งออกไปนอกห้อง ยิ่งตัวเล็กก็ยิ่งเร็ว จินอูวิ่งไปตามทางโถงแคบๆ ด้วยหัวใจที่ไม่เป็นสุขเลยสักนิด ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่จัดงาน ฮันบินกำลังยื้อยุดปืนกับศัตรู โดยที่พยายามดึงตัวศัตรูให้มาบังตัวเองไว้ป้องกันลูกกระสุนปืนจากการ์ดที่จะสาดเข้าใส่ได้ทุกเวลาเมื่อเขาพลาด
ปัง!!
จินอูเล็งปืนไปยังการ์ดร่างใหญ่ศัตรูของฮันบินพร้อมลั่นไก โชคดีที่การ์ดตัวใหญ่เลยพอจะให้กระสุนเจาะทะลุเข้าไปที่ต้นแขนนั้นจนมันเผลอปล่อยปืนร่วงลงพื้น
“จินอู!!!”
“ฮึก!”
“แม่งเอ้ย!”
ฮันบินสบถหัวเสียเมื่อเห็นว่าเป็นจินอูที่เข้ามาช่วยตนพร้อมกับน้ำตาจนเสียจังหวะให้กับคนตรงหน้า สุดท้ายมันก็แย่งปืนของฮันบินไปได้ และพอดีกับที่การ์ดจะก้มหยิบปืนอีกครั้ง แต่ถูกคนของมินโฮสาดกระสุนใส่ปืนนั้นจนมันกระเด็นไป ส่วนกระสุนอีกสองลูกแล่นฝังเข้าไปในขา...หมดสิทธิลุกเดิน
“ปล่อยฮันบินนะ!!”
“จินอูเอาปืนมา จินอู!!” มินโฮพยายามจะเข้าไปดึงของอันตรายออก แต่คนตัวเล็กกลับวิ่งหนีตรงไปหาฮันบินที่ตอนนี้ไร้อาวุธใดๆ แล้ว
ปัง!!
“อ๊ะ!”
“จินอู!!!!”
ปัง!! ปัง!!
ฮันบินถูกยิงสกัดไว้ ในขณะที่กำลังจะวิ่งเข้าไปหาร่างบางซึ่งถูกยิงเข้าตรงไหล่ และพวกของมินโฮถูกยิงสกัดด้วยเช่นกัน ฮันบินได้แต่ยืนกำมือแน่นมองคนหน้าตนด้วยสายตาเคียดแค้น และเหลือบตามองคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง ความเป็นห่วงแทบทะลุอกที่ตอนนี้แม้แต่วิ่งเข้าไปหายังทำไม่ได้
ก่อนที่ดวงตาทั้งสองคู่จะประสานกันราวกับมันช่างเนิ่นนาน
“ยิงกูซะสิ” ฮันบินย่างเท้าเข้าไปใกล้
“กูฆ่าพ่อมึงนี่ พ่อกับมึงไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย ใช่ไหม? ที่พ่อแม่กู พี่สาวกูต้องเป็นแบบนั้นมันไม่ได้เกี่ยวกับมึงสักนิดนี่ ยิงกูสิ”
“ฮันบิน!!!” มินโฮร้องออกไป ไม่คิดว่าเพื่อนตนจะทำเช่นนั้น
“เหมือนที่กูยิงพ่อมึงไง นัดเดียว...ตาย”
“หึ ไอ้ระยำ”
ปัง!!!
หยุดทุกความเคลื่อนไหว ความเงียบเข้าครอบงำพื้นที่ กลุ่มควันสีเทาแสนบางเบาผุดลอยขึ้นมาจากปากกระปืนในมือเล็กที่สั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้ จนปืนนั้นตกลงสู่พื้นพรม...
กระสุนนัดเดียวที่ฝังเข้าไปในขมับ
“ฮึก”
“...จินอู” มินโฮครางออกมา เสียงแผ่วเบานี้เขาได้ยินอยู่คนเดียว และภาพเหตุการณ์เมื่อสักครู่...เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นเลย
ฮันบินมองจินอูด้วยแววตาขอโทษ พลางสาวเท้าเข้าไปใกล้ช้าๆ ในขณะที่สายตายังสอดประสานกับดวงตาที่ปล่อยหยาดน้ำตาให้เปรอะทั่วใบหน้า ร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว...มันไม่ได้ต่างกับฮันบินสักนิดหรอก
ถึงแม้มันจะไม่ใช่ฮันบินที่ขอให้จินอูเป็นคนลั่นไก ถึงแม้จะเป็นจินอูเองที่ส่งคำขอนั้นผ่านมาทางสายตา แต่ฮันบินกลับรู้สึกเกลียดตัวเอง ที่ฝั่งรอยบาปลึกให้กับร่างบางนี้
“...ฮึก ฮึก”
มือหนาเลื่อนลงมาตรงหน้าจินอู แรงสะอื้นยิ่งเพิ่มขึ้นยามที่มองดูมือแสนอบอุ่นนั่น มือที่คอยฉุดรั้งเขาไว้ตลอดเวลา
...ผมก็แค่อยากจะมีใครสักคนที่ฟังเสียงร้องขอของผม และใครสักคนที่ยื่นมือมาช่วยปลดปล่อยผม...
จากขุมนรก
“กลับบ้านเรากันเถอะ จินอู”
ง่อววววววววว ไรท์ทำอะไรลงไป~~ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
จากที่เขียนมารู้สึกว่าตอนนี้ชอบเรื่องนี้มากที่สุดของที่สุดแล้วล่ะ >w<
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่านหนังสือสอบไปด้วยนึกพล็อตไปด้วยค่ะ โคตรทรหด 55555
จริงๆ แล้วทุกเรื่องไรท์จะจับสลากก่อนแล้วค่อยมาคิดพล็อต
ได้ฮันบินนี่ก็ค่อนข้างยากสำหรับไรท์หน่อย เลยอยากได้แบบดาร์กๆ
พล็อตนี้เปลี่ยนหลายรอบมาก ขัดและเกลาออกมาเป็นเรื่องนี้
แต่งยันตี 5 ค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ รักมากกกกกกกกกก น้ำตาไหลพรากกกกกกกกกกกกก
แล้วไรท์ว่าพาร์ทนี้มันก็มีความหวานซ่อนอยู่ในความเศร้านะ
หวานมากเลยแหละ เอาไปจิ้นกันต่อได้ ฮ่าๆๆๆๆ
สัญญาค่ะว่าถ้าจับได้ฮันบินอีก ไรท์จะแต่งหวานๆ ให้แล้วกัน ><
ปล. ขอบคุณมากๆ สำหรับคอมเม้นนะคะ รักรีดทุกคนมาก ชอบที่เห็นรีดสกรีมกัน ไรท์ยิ้มแก้มปริเลยทีเดียว
อ่านเม้นแล้วอยากจะลงต่อเร็วๆ เลยล่ะ แต่นี่เน็ตที่หอพัง 2 คืนมาแล้วแทบเขวี้ยงโน๊ตบุ๊ค
ปล2. เจอกันเรื่องหน้าค่ะ ฝากสกรีมแท็ก #sfออลจีนู บ้างนะคะ
หรือเข้าไปอ่านที่ไรท์เพ้อไว้ก็ได้ จะได้รู้ความเคลื่อนไหวของเรื่องต่อไปเนอะ ^^
ความคิดเห็น