ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Winner iKON BIGBANG] SF All x Jinwoo

    ลำดับตอนที่ #4 : >> Liberate Part 1 (B.I x Jinwoo)

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 58
















    (Ost. School 2015)














     
    ชายหนุ่มร่างสูงในเสื้อหนังสีดำคลุมทับเสื้อตัวบางสีขาว ยกมือขึ้นกดปลายหมวกให้ต่ำลงเพื่อซ่อนใบหน้าจากผู้คนที่ขวักไขว่ ดวงตาจ้องเขม่งไปยังชายกลุ่มใหญ่ซึ่งหนึ่งในนั้นมีเป้าหมายของเขา ผู้ชายคนนั้นถูกอารักขาอย่างดีด้วยการ์ดนับสิบคน...มันทำให้คิมฮันบินอดแสยะยิ้มไม่ได้




    มือค่อยๆ เลื่อนไปหยิบอาวุธขนาดพอมือที่พกมาไว้เพื่อการณ์นี้ วัตถุอันตรายดำขลับเงาถูกยกขึ้นมา เล็ง และ...

     

     

     







    ปัง!!

     

     






     

     

    อะ!! แฮ่กๆ”

     


    ปัง!!


     

     

    ร่างบางรีบหยัดยืนขึ้นหลังจากลูกกระสุนปืนจากคนที่ไล่ล่าพุ่งเฉี่ยวต้นแขน ก่อนขาเรียวจะวิ่งออกไปสุดกำลังของตัวเอง แม้ว่าตอนนี้มันจะไร้เรี่ยวแรงมากแค่ไหนก็ตาม หนทางข้างหน้าพร่ามัวจากม่านน้ำตาที่เอ่อไหลไม่หยุด แต่ถ้ายอมแพ้หยุดวิ่งหรือถูกจับได้ในตอนนี้...ก็ไม่ต่างจากตกลงไปในขุมนรกเดิม หรือไม่ก็อาจจะลึกกว่าเดิม





    ฮึก




    ตุบ!!




    อ๊ะ!!




    ลุกขึ้นวิ่งได้ไม่ไกลก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้งเมื่อตัวเองชนกับใครสักคนหนึ่งที่วิ่งตัดหน้ามา ด้วยความกลัวว่าตัวเองถูกจับตัวได้เสียแล้วเลยก้มหน้าหลับตาปี๋ มือเล็กเปรอะๆ คว้าสายสะพายกระเป๋าใบใหญ่พลางกำมันแน่นราวกับเป็นสิ่งหวงแหน ก่อนจะเงยหน้าสบสายตาคนตรงหน้าเมื่อไม่พุ่งตัวมาจับตนเสียที




    ถึงได้เห็นว่าเป็นผู้ชายที่แต่งตัวแตกต่างจากคนกลุ่มนั้นที่วิ่งตามตนอยู่ แต่พอผู้ชายคนนั้นจะเดินออกไป ในเวลาที่เขาไม่มีแม้แต่แรงจะลุกขึ้นยืน หรือยกมือรั้งอีกคนเอาไว้ เพราะแผลบนต้นแขนที่เพิ่งถูกยิงไปมันเจ็บเสียเหลือเกิน เสียงแหบพร่าของคนซึ่งไม่รู้จะหนีรอดได้ยังไงดีในเวลาแบบนี้จึงเอ่ยขอเสียงสั่น






    “ช่วยผมหนีที ฮึก ได้โปรด ฮึก ช่วยผมด้วย ฮึก”






    ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าเสียงร้องขอความช่วยเหลือเสียงนี้ไม่มีใครยินดียื่นมารับมัน...เหมือนเช่นทั้งชีวิตที่คิมจินอูต้องเผชิญกับมันมา และครั้งนี้คงไม่ต่างกัน...แต่ก็ยังร้องขอ

     








    ราวกับตอกย้ำกับตัวเองว่า...ไม่ว่าที่ไหน...มันก็คือขุมนรก...




     




    จินอูมองตามสายตาที่เพ่งมายังแผลของตนด้วยใบหน้าเรียบเฉย เสื้อคลุมฮู้ดสีดำตัวหนาของตนโชกไปด้วยเลือดข้นๆ มันคงยากที่ใครสักคนจะฉุดมือนี้ไป โดยเฉพาะเจ้าของแววตาที่เขาไม่เห็นแววความเห็นใจจากนัยน์ตาคู่นี้เลย

     






    ใครกันที่อยากจะยื่นมือมายุ่งกับความเลวร้ายแบบนี้






     

    ปัง!!





    ทั้งจินอูและฮันบินต่างก้มหลบลูกกระสุนซึ่งถูกเล็งให้พุ่งตรงมาทางพวกเขา ก่อนฮันบินจะส่งมือไปคว้าต้นแขนของจินอูให้ลุกขึ้นหลบอยู่หลังตน อีกมือก็ชักปืนที่ตัวเองเพิ่งใช้งานไปเมื่อครู่ออกมายิงขู่ พวกเขาอาศัยจังหวะตอนคนกลุ่มนั้นก้มตัวหลบลูกกระสุนเหมือนกันวิ่งหนีออกไปตามตรอกที่ทั้งแคบและสกปรกนี้





    แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงปืนดังตามหลังเรื่อยๆ จนเสียงนั้นค่อยๆ หายไป





    “แฮ่กๆๆ”





    เสียงหอบหายใจสองเสียงราวกับถูกรวมเป็นเสียงเดียว หลังจากพวกเขาหยุดวิ่งแล้วหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่ง และยังคงไม่มั่นใจว่าจะรอดจากคนพวกนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยเช่นกัน





    ฮันบินเหลือบมองใบหน้าหวานซีดเผือดเต็มไปด้วยเหงื่อพราว ใบหน้าก้มลงจนปลายคางแทบชิดอก ส่วนมือนั้นยังคงกำสายกระเป๋าแน่นไม่ยอมปล่อย





    “แยกใครแยกมันตรงนี้เลยแล้วกัน”





    ถึงจะยังไม่ปลอดภัยแต่ฮันบินก็เลือกที่จะไม่เอาตัวภาระไปด้วย ลำพังตัวเองก็ต้องเอาให้รอดก่อน เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ช่วยพามาถึงนี่ก็ดีแค่ไหน





    ฮันบินก้าวเท้าเดินออกจากตรงนั้นหลังพูดจบ ส่วนร่างบางทรุดตัวนั่งลงบนพื้นไร้สิ้นเรี่ยวแรงใดๆ ให้ฝืนยืนต่อไว้ และแน่นอนว่าก้อนน้ำตาที่ไม่สามารถกลั้นได้ไหลร่วงลงมา





    “ฮึก ฮึก”










    ถึงจะหนีออกมาจากที่นั่นได้...ก็ยังไร้สิ้นทางไปอยู่ดี


    ...สุดท้าย...ก็เป็นได้แค่คนที่น่าสมเพชวันยังค่ำ









    โดยไม่รู้สึกตัว ร่างสั่นไหวจนน่ากลัว นิ้วจิกเกร็งแน่นลงไปยังสายสะพายส่งผลให้เลือดจากต้นแขนที่เป็นแผลลึกไหลออกมาไม่หยุด ฟันคมกัดริมฝีปากล่างจนเลือดซิบออกมากลั้นเสียงสะอื้นไห้ที่น่ารังเกียจ

     




    ก่อนร่างทั้งร่างจะถูกฉุดให้ลุกขึ้น




     

    “ทำไมไม่รีบหนีไปอีกห๊ะ?! ถ้าจะนั่งรอให้มันจับได้อย่างนี้จะมาขอให้ฉันพาหนีทำไม?!” เป็นฮันบินที่เดินกลับเข้ามาอีกครั้ง มองคนตรงหน้าที่เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมพูดอะไรอีก ก่อนที่มือหนาจะลากต้นแขนของคนที่สั่นเทาไม่หยุด พาเดินออกไปอีกครั้ง

     















    โมเต็ลเล็กๆ ตั้งอยู่ท่ามกลางความแออัดของบ้านเรือน ฮันบินคิดว่ามันน่าจะห่างไกลจากจุดเกิดเหตุทั้งของเขาและอีกคนมากพอที่จะอยู่อย่างสบายใจให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้สักคืน ก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยแยกย้ายกันอีกที





    ฮันบินยืนพิงตัวกับตู้ซึ่งมีความสูงเพียงเอวของเขามองดูคนที่นั่งนิ่งบนเตียงเดียวภายในห้องนี้ก็ยิ่งหงุดหงิดใจ ทั้งๆ ที่เลือดจากแผลบนต้นแขนไหลไม่หยุดแต่กลับไม่ขวนขวายที่จะทำอะไรกับมันสักอย่าง





    “ทำอะไรสักอย่างทีเถอะ มันเห็นแล้วเกะกะลูกตา”





    เสียงทุ้มติดรำคาญใจเรียกสายตาของคิมจินอูให้เลื่อนไปมอง ก่อนจะมองมายังแขนตัวเอง ไม่ใช่ว่าไม่เจ็บ แต่ตอนนี้มันชาเสียจนขยับไม่ได้อีกแล้วมากกว่า อีกอย่างก็มัวแต่ระแวดระวังฮันบิน ที่ถึงแม้จะช่วยชีวิตตัวเองมาก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีพิษมีภัยกับตัวเอง...เพราะอีกฝ่ายก็มีปืนอยู่ในครอบครอง





    “ผมไม่เป็นไรหรอกครับ กระสุนน่าจะแค่ถากๆ”





    ฮันบินพ่นลมหายใจออกมา เมื่อเห็นจินอูลุกขึ้นค้นตู้ใกล้ๆ เพื่อหากล่องปฐมพยาบาลที่ในห้องเล็กๆ นี่อาจจะมีไว้บ้าง จนเซไปมาอยู่หลายครั้ง





    “กลับไปนั่งที่เดิม”





    พูดแค่นั้นก็เดินไปยังเครื่องโทรศัพท์ในห้องสำหรับติดต่อภายในเพื่อขอกล่องปฐมพยาบาลมาหนึ่งกล่อง จินอูเห็นแบบนั้นจึงถอยหลังกลับไปนั่งบนเตียง ไม่นานนักเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ดีที่ฮันบินไม่ใช่คนทะเล่อทะล่า ร่างสูงส่องลอดช่องตาแมวเพื่อให้แน่ใจก่อนถึงจะแง้มประตูออกไปรับกล่องนั่น





    “กระเป๋านั่นมันอะไรนักหนา ทำไมถึงไม่ถอดมันสักที” พอหันกลับมาก็ยังเห็นชายร่างบางนั่งเหมือนคนกำลังคิดมากอยู่ยังไงก็อยู่ยังงั้น จึงอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงไม่พอใจออกมา ทั้งที่ปกติเขาไม่ใช่คนบ่นมากอะไรแท้ๆ





    จินอูเหลือบตาขึ้นมอง รีบเบี่ยงตัวออกเมื่อฮันบินยื่นมือหมายจะดึงกระเป๋าออกให้พ้นตัวเขาแทน เพราะความยืดยาดที่มี





    “เดี๋ยวผมทำเองครับ”





    สิ้นเสียงแหบนั้น ฮันบินถึงได้กระแทกกล่องยาลงบนโต๊ะเตี้ยข้างหัวเตียง แล้วเดินตึงตังไปอีกฝั่งของเตียงเพื่อล้มตัวนอนลงเก็บออมแรงเอาไว้





    เมื่อเสียงทุกอย่างเงียบลงแล้วจินอูค่อยๆ เอี้ยวใบหน้าไปมองคนที่นอนอยู่ด้านหลังของตน เมื่อคิดว่าคนที่ช่วยชีวิตน่าจะจมลงกับความฝันไปแล้วถึงได้ปลดกระเป๋าออกจากหลังตัวเองแม้เวลาขยับจะเจ็บเสียดไปจนถึงกระดูกมากแค่ไหนก็ตาม นิ้วเรียวจับตัวซิบเสื้อฮู้ดที่ถูกรูดขึ้นจนสุดให้เลื่อนลงมา ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกเผยให้เห็นเสื้อแขนสั้นสีเทาอ่อนที่ถูกซ่อนอยู่ภายใน...กับ...แขนขาวทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยรอยช้ำและบาดแผลตัดสีกัน





    รอยช้ำน่าสมเพชที่ไม่อยากให้ใครได้เห็น





    ฟันขาวกัดริมฝีปากตัวเองอีกครั้ง ยามที่มืออีกข้างพยายามทำแผลให้ตัวเองด้วยความเคยชิน...ก็แค่ทำอย่างที่เคยทำ ก็แค่ทำเหมือนทุกครั้ง





    จินอูทำแผลให้ตัวเองไปเงียบๆ โดยที่มีสายตาหนึ่งคู่มองตามอยู่ ดวงตาคมกวาดมองไปทั่วเรือนร่างบาง ตอนแรกที่เห็นแขนเต็มไปด้วยจ้ำของรอยช้ำ บาดแผลต่างๆ นาๆ เขายอมรับว่าตกใจไม่น้อย แต่ก็ยังคิดว่าภายใต้เสื้อตัวบางสีเทาน่าจะมีร่องรอยพวกนั้นไม่ต่างไปจากจุดที่เขาได้เห็น รอยช้ำพวกนั้นเกิดมาจากอะไร...





    มันเลยทำให้อดคิดไม่ได้ว่าผู้ชายตัวบางๆ แบบนี้ทำไมถึงได้หนีกลุ่มคนพวกนั้นหัวซุกหัวซุน ฮันบินเลื่อนมือขึ้นไปกระชับปืนที่เหน็บอยู่ระหว่างเอวให้แน่นขึ้นก่อนจะปิดเปลือกตาลงไปอีกครั้ง

     















    “ฮึก ฮึก ฮึก...”





    ฮันบินตื่นขึ้นเป็นรอบที่สองของวันหลังจากที่ครั้งแรกตื่นมากินข้าวที่สั่งทางโมเต็ลไว้และอาบน้ำ ครั้งนี้ดวงตาเรียวหรี่ลงเพื่อให้ปรับเข้ากับความมืดให้ได้ดีที่สุด ในขณะที่หูยังได้ยินเสียงสะอื้นไห้อยู่ไม่ไกลออกไป แต่พอมองไปบนเตียงอีกฝั่งที่คิดว่าน่าจะมีคนที่เขายังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อนอนหลับอยู่...มันกลับว่างเปล่า ทำให้ต้องดีดตัวลุกขึ้นนั่งเบนใบหน้าไปมองต้นทางของเสียง





    ร่างบางนั่งคู้ตัวอยู่บนพื้นมุมห้องกอดกระเป๋ากลั้นเสียงสะอื้นไห้อยู่เพียงลำพัง ความเงียบงันที่ทำให้ฮันบินได้ยินเสียงแห่งความเจ็บปวดนั่นได้ดี เขาหย่อนเท้าลงพื้นย้ำเดินเข้าไปใกล้...จนอีกฝ่ายรู้สึกตัว





    “ฮึก ไม่นะ อย่าเข้ามา! ฮึก อย่าเข้ามา!! ปล่อยผมไปเถอะ ฮึก ปล่อยผมไป!! ฮึก ได้โปรด...”





    “นี่!!” ฮันบินคว้ามือจินอูที่ยกขึ้นมาปัดไปมากลางอากาศราวกับพยายามจะสร้างกำแพงขวางกั้นบางอย่าง มือเล็กที่เย็นเฉียบและสั่นนิดๆ ทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น นั่งยองๆ ลงตรงหน้าจินอู




    “ฮึก พอแล้ว ฮึก พอที”





    “ฉันไม่ได้จะทำร้ายนาย! มองฉันสิ! ถ้าฉันจะทำฉันทำไปนานแล้วไหม?!





    จินอูหยุดดิ้น ดวงตาที่ฮันบินเห็นว่าเหมือนจะไร้แววในตอนแรกกลับมาเป็นปกติ ใช่ เมื่อครู่จินอูเหมือนกับจมอยู่ฝันร้าย แต่ครั้งนี้มันต่างออกไปที่มีใครบางคนมาฉุดเขาออกไป...จากความมืดมิด





    “ฮึก ผ...ผมขอโทษ...ที่ทำให้คุณตื่น” จินอูเอ่ยเสียงเบาแล้วบิดมือทั้งสองข้างออกมาจากมือที่เขาคิดว่ามันอบอุ่นที่สุดแล้วในรอบหลายปี

     







    ถึงจะถูกคนคนนี้ช่วยเหลืออยู่ตลอดแต่ยังไม่ค่อยไว้ใจ


    ไม่ใช่สิ ในโลกนี้คิมจินอูไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้วล่ะ




     

     


    ฮันบินมองท่าทีนั้นแล้วถอนหายใจออกมา ขยับตัวไปนั่งชันเข่าข้างๆ จินอู ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ฮันบินทำแบบนี้ แต่จะให้กลับไปนอนต่อก็คงจะนอนไม่หลับไปถึงเช้า...ถ้าไม่ได้ถามออกไป





    “ตกลงนายไปทำอะไรผิดมากันแน่ ไอ้คนพวกนั้นถึงได้ตามล่าแบบนั้น” ถามแล้วก็เหลือบมองเสื้อฮู้ดแขนยาวที่ถูกร่างบางข้างๆ จับเอามาใส่อีกครั้งหลังจากทำแผลให้ตัวเองเสร็จ





    เขาก็หวังแต่เพียงว่าคำตอบมันจะเกี่ยวกับรอยช้ำบนร่างบางนี้ด้วย





    “ฮึก อย่าถามผมเลย”





    “ฉันเห็นรอยช้ำบนแขนนาย และตัวนายก็น่าจะมีเต็มเลยด้วย”





    จินอูเม้มปากแน่นก้มหน้าลงกับหัวเข่าของตัวเอง เสียงสะอื้นยังดังอู้อี้ไม่หยุด ฮันบินก็ได้แต่รอ เขามองจินอูและรออยู่ข้างๆ





    “นายถูกใครทำร้ายร่างกาย”





    หัวกลมส่ายไปมาอยู่กับเข่าของตัวเอง ร่างสั่นมากขึ้นจากแรงสะอื้นที่เพิ่มขึ้น





    “ฮึก มันไม่ใช่คน ฮึก มันทารุณผมสารพัด ไอ้พวกตัณหา ฮึก ฮึก ผมรู้แค่ว่าผมต้องหนีออกมา...ก่อนที่ผมจะไม่ใช่คนเหมือนพวกมัน ฮึก”  





    ฮันบินได้แต่นั่งมองร่างบางที่ร้องไห้และนิ่งค้างไปกับสิ่งที่ได้ยิน รอยพวกนั้นไม่ใช่แค่ถูกทำร้ายร่างกายอย่างเดียวเหมือนที่คิด แต่กลับมาจากการทารุณด้วยตัณหา...ผู้ชายคนนี้เจออะไรมาบ้าง





    “ไม่เคยมีใครฟังคำร้องขอของผมเลย ฮึก ขอให้ตายก็ไม่มีใครฟัง ฮึก”  จินอูเงยใบหน้าขึ้นจากหัวเข่า ทำให้ฮันบินได้เห็นเสี้ยวใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตา ก่อนจินอูจะหันมามอง ดวงตากลมที่รื้นไปด้วยน้ำตามันกำลังส่งบางอย่างมาให้ฮันบิน บางอย่างที่กระตุกหัวใจของเขา





    “ฮึก อาจจะช้าไปหน่อย แต่คุณเป็นคนเดียว...ที่ฟังคำพูดของผม ฮึก ผมขอบคุณมากนะครับ ที่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าตัวผมเองยังเป็นคนอยู่





     











    ค่ำคืนที่แสนยาวนานสำหรับคนสองคนกว่าจะผ่านพ้นไป ค่ำคืนที่แม้จะผ่านความเหนื่อยแรงมาแค่ไหนก็ไม่ทำให้นอนหลับลงได้อีก หลังจากฮันบินกลับเตียงไปเขาก็ไม่ได้หลับ ในหัวมันวนเวียนในสิ่งที่ร่างบางพูดทั้งน้ำตา ส่วนจินอูเองนั่งอยู่ที่เดิมทั้งคืน แม้หลายชั่วโมงผ่านไปจนน้ำตาเหือดหายไปแล้วก็ตาม ฮันบินเข้าใจดี ถ้าหากว่าผ่านอะไรแบบนั้นมา การที่จะเชื่อใจใครสักคนคงเป็นเรื่องยาก





    “นายควรจะทำแผลก่อนไปนะ”





    ฮันบินมองอีกคนที่กินข้าวเช้าอยู่ข้างๆ เขาบนเตียงภายในห้องเล็กที่ต่างคนต่างไม่ได้ย่างกรายออกไปเลยตั้งแต่เข้ามา จินอูชะงักพลางเงยหน้าขึ้นมอง





    “ผมไม่เป็นไรแล้วครับ”





    ฮันบินตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป สักพักก็ออกมาพร้อมกับที่จินอูกินข้าวเสร็จพอดี ขายาวก้าวสลับตรงไปยังโต๊ะเตี้ยหัวเตียงหยิบกล่องยาเดินเข้าไปหาจินอูที่ถดกายถอยหนี

     




    “ไม่ต้องหรอกครับ ผมทำเอง”





    “อยู่นิ่งๆ เถอะ ใช่ว่าฉันจะไม่เคยเห็น”





    ฮันบินรู้ดีว่าจินอูกลัวอะไร และสมเพชตัวเองแค่ไหน เขาก็แค่อยากจะให้คนคนนี้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผ่านพ้นไปแล้วเท่านั้นเอง แสดงให้เห็นว่าถ้าไม่สนใจมันจะดีที่สุด มือส่งไปคว้าไหล่ที่พยายามหนีไว้พร้อมกับรูดซิบเสื้อฮู้ดลง นั่นทำให้เขาได้เห็นรอยช้ำอีกมากมายบนแผงอกที่โผล่พ้นคอเสื้อ...จินอูก้มหน้านิ่ง





    มือหนาดึงแขนเสื้อสีดำที่แห้งกรังเพราะเลือดของเจ้าของมันและผ้าพันแผลติดเลือดสีเข้มออก ก่อนจะลงมือทำแผลที่นับว่าลึกอยู่โดยที่ไม่ได้ยินเสียงร้องของจินอูเลยสักนิดแม้จะมีอาการสะดุ้งบ้าง





    “ฉันว่าถ้านายไปพ้นจากที่นี่แล้วก็น่าจะไปหาหมอนะ มันจะอักเสบได้”





    ไม่นานก็ทำแผลเสร็จ ฮันบินช่วยใส่แขนเสื้อให้อีกครั้งมองคนตรงหน้าที่ค้อมหัวให้เล็กน้อย แล้วลุกยืนขึ้นมองไปรอบๆ ห้องที่ไม่ได้มีอะไรน่าพิสมัย





    “หมดเวลาแล้ว ควรที่จะต้องออกไปจากที่นี่ได้แล้ว”





    จินอูยืนขึ้นตามคว้ากระเป๋าที่ไม่เคยให้อยู่ห่างกายตัวเองขึ้นมาสะพาย ภายใต้สายตาของฮันบินที่นึกสงสัยอยู่หลายครั้งกับความผิดปกตินี้





    “ขอบคุณอีกครั้งนะครับ”




    โค้งให้อีกครั้งแล้วหมุนตัว...แต่ก็ทำได้เท่านั้น





    แควก!!





    ร่างบางหันหลังกลับด้วยความตกใจไม่น้อย ฮันบินยื่นมือมาดึงกระเป๋าด้านหลังเขาให้เปิดออกกว้างจนสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในนั้นจำนวนหนึ่งปลิวลงพื้นตามแรง










    ...เงิน...









    ฮันบินนึกอยู่แล้ว





    “คุณทำอะไรน่ะ!!!!





    จินอูตวาดใส่จะก้มลงเก็บเงินที่ร่วงตกลงไป แต่ถูกฮันบินบีบต้นแขนข้างที่ไม่ได้เป็นแผลไว้ก่อน





    “นั่นมันเงินอะไร เรื่องที่นายเล่าไม่ได้มีแค่นั้นใช่ไหม”





    “ปล่อยผม!! เงินพวกนี้มันเป็นเงินที่ผมสมควรได้!! มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ!! คุณได้ยินไหม เงินแค่นี้มันยังน้อยมากเกินไปด้วยซ้ำ!!!





    “นายฆ่ามันตายใช่ไหม”





    จินอูหยุดดิ้นกับสิ่งที่ฮันบินถาม





    “นายฆ่าไอ้ตัณหากลับนั่นตายใช่ไหม”





    ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ดวงตากลมเอ่อคลอด้วยหยาดน้ำอีกครั้ง ภาพของคนตรงหน้าเริ่มพล่ามัว จินอูนึกย้อนไปถึงสิ่งที่ตนทำไว้เมื่อวาน ริมฝีปากสั่นๆ ถึงได้เปิดออกอีกครั้ง













    “มันสมควรตาย...ผมหวังว่ามันจะตาย”

     













    ---------------------------------------------------------




    #sfออลจีนู




     
    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×