คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : >> Spray Paint Part 1 (Minho x Jinwoo)
“แม่ งเบื่อว่ะ! ไม่มีอะไรให้เล่นสนุกๆ เลยไงวะเนี่ย?!”
หนุ่มร่างสูงผิวคล้ำกว่าใครเพื่อนยกเท้าขึ้นพาดโต๊ะเรียน เอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ ใบหน้าคมเข้มที่เพราะมีผิวคล้ำแบบนี้ก็ยิ่งเสริมให้ดูเท่และน่าเกรงขาม บวกกับบุคลิกสุดโหดก็ยิ่งทำให้หลายๆ คนกลัวเข้าไปใหญ่
“ก็มึงเล่นไอ้บีไอซะจนย้ายโรงเรียนเลยไม่ใช่เหรอวะ กูก็บอกแล้วว่าให้เพราๆ หน่อย หน้ามึงก็แทบจะไม่มีที่ให้แปะพลาสเตอร์แล้วนะเว้ย ไอ้มินโฮ” อีซึงฮุนที่เป็นเพื่อนร่วมลุยกันมานานตั้งแต่ม.ต้นจนตอนนี้ก็ม.ปลายปี 2 ละ ชีวิตของพวกเขาตั้งแต่รู้จักกันจนถึงตอนนี้ก็ไม่ต่างจากที่ใครขนานนามให้หรอก ว่าเป็น ‘นักเรียนนักเลง’ น่ะ
“เฮ้อ! ไอ้บีไอ มึงอย่าให้กูเจอมึงอีกแล้วกัน” มินโฮขบกรามกรอดหนัก เมื่อนึกไปถึงคู่อริที่สู้กันครั้งสุดท้ายจนมันต้องเข้าโรงพยาบาลและย้ายโรงเรียนไป
“กูว่าชีวิตมันไปดีแล้วล่ะ มีแต่ชีวิตพวกกูเนี่ย อ้าวเฮ้ย ไอ้ซึงยุน มึงเอาอะไรมาด้วยน่ะ” ซึงฮุนชี้ไปยังของที่อยู่ในมือซึงยุนที่เพิ่งเดินเข้าห้องมา มินโฮเองก็เลื่อนสายตารำคาญไปมองด้วย
“สเปรย์กระป๋องไงไอ้โง่ กูยึดมาจากไอ้พวกเด็กปี 1 ที่กำลังทำงานกันอยู่ แม่ งเสือกมาทำกวนตีนใส่”
“แล้วจะเอามาถมบ้านมึงไงวะ เอามาตั้งหลายกระป๋องเนี่ย” เท่าที่มองดูแล้วก็มีสัก 6-7 กระป๋องได้ พอซึงยุนเดินมานั่งที่ตัวเองแล้วทั้งมินโฮและซึงฮุนก็หยิบเอาไปดู
“หึหึ”
“มึงเป็นเชี่ยไรครับ” ซึงยุนเลื่อนตาขึ้นมองพลางเลิกคิ้วใส่ซงมินโฮ บุคคลที่ในหัวมักจะมีแต่เรื่องอันตรายจนพาแต่เรื่องชิบหายมาสู่ตัวเองและเพื่อนอย่างพวกครั้งหลายต่อหลายครั้ง
“กูมีเรื่องสนุกๆ ให้ทำละ”
ส่วนเพื่อนอีกสองคนก็ได้ถอดถอนหายใจ ถึงจะรู้ว่าเรื่องที่อยู่ในหัวมินโฮตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีร้อยเปอร์เซ็นแต่ก็ต้องตามน้ำไป ไม่ใช่ว่าเพราะถูกขู่บังคับ แต่แค่ต้องร่วมหัวจมท้ายในเรือลำเดียวกันเท่านั้นเอง
กลางดึกค่ำคืนพวกเขาสามคนก็เดินไปเรื่อยๆ บนถนนสายเล็กๆ ที่บ้านเรือนสองข้างทางตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ปิดไฟกันไปหมดแล้ว
“มึงจะเอางี้จริงอ่ะ” ซึงยุนถามย้ำพลางมองสเปรย์กระป๋องในมือ
“เออ หลังนี้แหละ” มินโฮยกยิ้มขึ้นเมื่อบ้านตรงหน้าเขาดูจะเป็นบ้านที่มีฐานะกว่าหลายๆ หลังในละแวกนี้หน่อย ก่อนจะหันไปมองเพื่อนที่ยืนขนาบข้างตน
“เฮ้ย ทำท่าทางให้มันหนุกหน่อยดิวะ หึหึ” เสียงหัวเราะร้ายกาจสำหรับซึงฮุนและซึงยุนดังลอดริมฝีปากเพื่อนออกมา ก่อนที่ทุกเสียงพูดจะถูกกลืนกินด้วยเสียงฉีดสเปรย์ลงบนกำแพงรั้ว
M i n W o o
ร่างเล็กที่อยู่ในชุดพร้อมทำงานเหมือนทุกๆ วันเดินออกมาจากตัวบ้านในตอนเช้าอย่างไม่รีบร้อนนัก เพราะเขามักจะเผื่อเวลาในการเดินไปทำงานเสมอ วันนี้ก็เช่นเดียวกันที่ได้เดินออกมาจากบ้านทันพบกับเรื่องร้ายที่เกิดกับเพื่อนบ้านใกล้กัน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” เจ้าของเสียงใสพยายามพินิจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า มีคนสองสามคนที่อยู่ในชุดหมีสีเทา สวมหมวกสีเทากำลังทีสีทับรัวปูนของบ้านข้างๆ ตนอยู่
“ไอ้พวกเวรน่ะสิ หนูจินอู เมื่อคืนนี้มันมาพ่นสีสเปรย์ที่รัวบ้านลุง เละเทะไปหมด นี่อย่าให้เห็นอย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร จะจับเข้าคุกเข้าตารางให้หมดเลย”
“หึ”
จินอูที่กำลังฟังลุงเจ้าของบ้านข้างๆ เล่าเหตุการณ์อยู่ก็ต้องหันไปมองผู้ชายในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนแถวๆ นี้เดินผ่านไป เท่าที่ทันเห็นก็เหมือนกับว่าริมฝีปากของเด็กคนนั้นกำลังแสยะยิ้ม ราวกับเยาะเย้ย
“หนูจินอู”
“อ่า ครับ?”
“เฮ้อ แล้วนี้แม่เราจะกลับจากต่างจังหวัดอีกทีเมื่อไหร่เนี่ย” ลุงข้างบ้านเปลี่ยนเรื่องไป ทำให้จินอูส่งรอยยิ้มให้พร้อมกับตอบคำถาม
“สิ้นเดือนนี้ครับ เห็นบอกว่าคราวนี้จะกลับมาอยู่ด้วยได้ตั้ง 3 วัน”
“ก็ดีแล้วล่ะ ถ้างั้นก็ไปทำงานเถอะ โชคดีนะที่บ้านของหนูจินอูเป็นรั้วไม้น่ะ” จินอูหัวเราะให้กับคำแซวของอีกฝ่าย ก่อนจะขอตัวไปทำงานจริงๆ จังๆ สักที
จินอูเดินเข้าไปในที่ทำงานของตัวเองอย่างสบายใจที่ถึงแม้การจารจรบนท้องถนนจะมีติดขัดบ้างเป็นบางช่วง แต่การขึ้นรถเมล์ของเขามาทำงานในวันนี้ก็ถือว่ารอดจากการเข้าทำงานสาย
“จินอู มานี่ๆๆ” ดวงตากลมมองไปยังเพื่อนร่วมแผนก ร่วมทั้งยังเป็นเพื่อนบ้านละแวกเดียวกันด้วยอย่างดงฮยอกที่กำลังกวักมือเรียกเขาหย่อยๆ
“ร่าเริงแต่เช้าเชียวนะ”
“วันนี้ไปดื่มกัน” เอ่ยชวนแล้วส่งยิ้มกว้างมาให้จนตาที่ว่าเล็กแล้วแทบจะปิดลงไป แต่จินอูก็ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ลำพังให้ไปดื่มปกติกับเพื่อนร่วมงานเขาไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าไปแล้วต้องไปแบกดงฮยอกที่ชอบเมาเรื้อนกลับบ้านนี่ก็ไม่ไหว โดนมาหลายครั้งจนไม่อยากจะโดนแล้ว
“ไม่เอาอ่ะ ฉันขี้เกียจแบกแกกลับ”
“ไม่ได้เว้ย วันนี้วันเกิดบ๊อบ บ๊อบจะเลี้ยง ไปเหอะ ไปด้วยกัน”
“งั้น...ถ้าแกเมาก็ไปนอนบ้านบ๊อบบี้เอาแล้วกันนะ”
“จึ๊ เพื่อนน่ะ เออๆๆๆ บ๊อบรวย ห้องบ๊อบเยอะเว่อร์ แต่ตกลงตามนี้นะ ไปแน่นะเว้ย” จินอูยิ้มบางๆ แล้วพยักหน้าส่งๆ แต่ก่อนจะได้ลุกไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“เออ ดงฮยอก เดี๋ยวนี้แถวบ้านเรามีอันธพาลมาพ่นสีสเปรย์ใส่รั้วบ้านแล้วเหรอ”
“ไม่ใช่เดี๋ยวนี้หรอก ก็เพิ่งเมื่อคืนนี่แหละ ใกล้ๆ บ้านฉันก็เห็นโดนกันอยู่ โคตรขอบคุณเลยที่เว้นรั้วบ้านฉันไว้เนี่ย ทำไม? รั้วบ้านแกโดนเหรอ”
“เปล่า ใกล้ๆ บ้านน่ะ บ้านฉันเป็นรั้วไม้คงจะไม่มีอะไรล่อตาล่อใจหรอกมั้ง แยกย้ายทำงานเหอะ”
ถึงจะพูดไปแบบนั้นว่าถ้าดงฮยอกเมาก็ให้ไปนอนบ้านบ๊อบบี้เอา แต่พอเอาเข้าจริงๆ แล้วก็เป็นจินอูเองนี่แหละที่เป็นอีกคนที่น่าเป็นห่วง ถึงจะไม่ได้เมามากมายเมาเรื้อนเหมือนดงฮยอกแต่ก็เดินเป๋ๆ อยู่เหมือนกัน บ๊อบบี้ก็จะหิ้วกลับบ้านตัวเองทั้งสองคน แต่คนเมาที่ยังมีสติดีกลับปฏิเสธเสียงแข็งเลยถูกยัดขึ้นแท็กซี่มาตามความต้องการของเจ้าตัว
“ฮืม~~~” เสียงฮัมเพลงที่หาจังหวะลงตัวของตัวโน๊ตไม่ได้เลย ดังลอดออกมาจากริมฝีปากอิ่มสีสด ร่างเล็กพยายามเดินให้ตรงทางไปตามถนนสายเล็กๆ ที่จะไปบ้านของตัวเอง
แต่หลังจากนั้นก็แทบอ้วกออกมาเมื่อได้กลิ่นเหม็นๆ ของสารเคมีลอยมาตามสายลม จินอูหรี่เปลือกตาหนักๆ มองดูเห็นเงาตะคุ้มอยู่แถวๆ หน้าบ้านของตัวเอง
“ใครวะ” พยายามเร่งสาวเท้าเล็กๆ ของตัวเองเข้าไปใกล้ ก็ยิ่งเวียนหัว จนในที่สุด...
“เฮ้! พวกนายเป็นใครน่ะ มาทำอะไร...หน้าบ้านฉัน?” เมื่อพยายามมองไปที่บ้านหลังนั้นมันก็คุ้นเคยมากๆ เหมือนกับอยู่มาหลายปี
“เวรล่ะมึง” ซึงยุนรีบวิ่งหลบไปอยู่หลังซึงฮุนที่อยู่อยู่หลังมินโฮอยู่แล้ว เมื่อจินอูเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้พวกเขา มินโฮมองคนตัวเล็กที่เดินมายันร่างของตัวเองไว้กับรั้วไม้พลางก้มมองของที่อยู่ในมือใหญ่ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เหอะ พวกนายเองเหรอ ยังเด็กอยู่เลยไม่ใช่เหรอเนี่ย” ว่าแล้วก็ยื่นมือไปผลักไหล่คนตัวสูงกว่า จนซึงฮุนอารมณ์ขึ้นพุ่งออกไปจะผลักร่างเล็กให้พ้น แต่ก็ถูกมือซึงยุนคว้าไว้ก่อน
“เป็นเด็กเป็นเล็กทำไมถึงมาทำอะไรอย่างนี้ห๊ะ อุ๊บ แหวะ!” สุดท้ายก็ทนเหม็นกลิ่นสารเคมีจากสีนี้ไม่ไหว บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอที่ดื่มเข้าไปก่อนหน้าทำให้ของเหลวทั้งหลายขย้อนออกมา มือเล็กกำเสื้อมินโฮแน่นเป็นหลักไม่ให้ล้มลงไปในขณะที่โลกกำลังเอียงอยู่แบบนี้
“อี๊~~~” ทั้งซึงยุนและซึงฮุนต่างเบนหน้าหนีสภาพอนาถของเจ้าของบ้าน
“ไปเหอะ วันนี้แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง ส่วนหมอนั่นก็ปล่อยแม่ งไว้งี้แหละ”
มินโฮถอนหายใจ พยายามแกะมือเล็กๆ นั่นออกจากเสื้อของตัวเอง จนในที่สุดก็สำเร็จ จินอูที่ไม่มีที่ยึดก็ล้มลงไปนั่งลงกับพื้นและพยายามเอาของเหลวจากด้านในออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างสูงถูกเพื่อนดึงให้เดินตามมา
แต่...
“พวกมึงไปก่อนเลย” สุดท้ายมินโฮก็ตัดสินใจที่จะบอกเพื่อนแบบนั้นแล้วหันหลังกลับไปดูเจ้าของบ้านร่างเล็ก
“อ้าวเฮ้ย”
“มึงจะทำอะไรน่ะ” ทั้งสองมองดูมินโฮที่ดึงให้จินอูนั่งดีๆ ด้วยความตกใจ ตั้งแต่คบเป็นเพื่อนกันมารู้ไส้รู้พุงทุกอย่าง พวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นมินโฮไอ้เด็กอันธพาลจะไปมีจิตเมตตาอย่างนี้สักครั้งเลย
“เออ พวกมึงไปเหอะ ถ้าอีก 5 วิพวกมึงยังไม่เดินออกไปนะ...”
“เออ เจอกันที่โรงเรียนเว้ย”
“พรุ่งนี้มึงเจอพวกกูขัดจนสะอาดแน่”
มินโฮส่ายหัวนึกรำคาญกับทั้งเพื่อนและตัวเองที่ตัดสินใจมาทำอะไรงี่เง่าแบบนี้ ก่อนจะส่งน้ำเสียงเบื่อหน่ายไปให้คนที่ยังพยายามเอาของด้านในออกมา
“จะอ้วกอีกนานไหมเนี่ย”
“แหวะ!! แค่กๆ”
สุดท้ายก็หมด!! มินโฮหยุดมือที่ลูบลงไปบนแผ่นหลังเล็ก ตอนนี้ร่างเล็กตรงหน้าเขากำลังนั่งนิ่ง...จนดูเหมือนจะหลับไป
“เฮ้ย ตื่นก่อนดิวะ จะมาหลับอะไรตอนนี้”
“งืมมม อย่า...พ่นสี...งืมมม” เสียงเบาๆ นั่น มินโฮแทบจะจับประเด็นอะไรไม่ได้เลย เขย่าตัวก็แล้วส่งเสียงเรียกก็แล้วร่างเล็กก็ได้โงนเงนโดยที่มีมือของเขาประคองไว้ไม่ให้ร่วงพื้นอยู่
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ลุกขึ้นมา” มือใหญ่จับไหล่จินอูไว้แน่นแล้วดึงตัวให้ลุกขึ้น ก่อนจะประคองพาเดินเข้าไปในบ้าน ควานหากุญแจบ้านอยู่นานสองนานกว่าจะพาคนเมาสติแทบจะไม่หลงเหลือเขามาในบ้านได้
แต่พอปิดบ้านและพาเข้าไปนั่งตรงโซฟากลางห้องเท่านั้นแหละ
“อึก อุบ แหวะ!!”
“เฮ้ย!!!! จิ๊ แม่ งเอ้ย!!!!” เสียงสบถลั่นดังตามมาติดๆ เมื่ออ้วกรอบที่สองเสื้อของมินโฮเป็นกระโถนรองดีๆ นี่เอง! มือใหญ่ผลักร่างเล็กให้นอนลงไปบนโซฟา...แล้วก็ได้แต่เท้าเอวมองคนนอนหลับด้วยความไม่พอใจ
“ให้มันได้อย่างนี้เหอะ!”
แล้วก็เดินหัวเสียไปหาห้องน้ำ ตอนแรกก็กะว่าจะแค่ล้างเนื้อล้างตัว สุดท้ายก็ทนอนาถตัวเองไม่ไหวเลยอาบน้ำซะที่นี่เลย เสื้อผ้าก็ขึ้นไปคุ้ยๆ หาจากเจ้าของบ้านนี่แหละ กว่าที่จะเจอเสื้อผ้าที่ตัวเขาเองใส่ได้ก็แทบจะโค่นตู้เสื้อผ้าทิ้ง ส่วนเสื้อผ้าเปื้อนอ้วกก็ซักตากไว้
จากนั้นถึงได้เดินมาดูคนนอนจมกองอ้วกที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่บนโซฟาที่เดิม ท่าเดิม มินโฮยกมือขยี้ผมตัวเองเมื่อรู้ได้ทันทีว่าภายในกำลังก่อกบฏตีกันให้วุ่นไปหมดว่าจะทำยังไงกับร่างตรงหน้านี่ดี
คนรู้จักก็ไม่ใช่ เพื่อนก็ไม่ใช่ พ่อแม่ก็ไม่ใช่ แม้แต่ชื่อก็ยังไม่รู้จักเลยเหอะ!
“ขึ้นมาดีๆ ดิวะ”
ถึงไอ้ที่ตีกันอยู่ภายในผลลัพธ์ยังไม่ออกมา มือใหญ่ก็ยื่นไปดึงให้อีกคนขึ้นหลังตัวเองมา พร้อมกับแบกขึ้นไปด้านบนของตัวบ้าน โยนลงบนเตียงในห้องที่เข้ามารื้อเสื้อผ้านั่นแหละ ขายาวเดินไปหยิบเสื้อผ้ามาอีกชุดจัดการถอดสูททำงานออก เนคไท เชิ้ต เข็มขัด กางเกง เพื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ไม่มีกลิ่นอ้วกติด
“อื้ออออออ” ร่างเล็กพลิกไปมา พยายามหลีกหนีกับสิ่งที่รบกวนการนอนของตัวเอง ถึงมินโฮจะพยายามใช้มือตรึงข้อมือเล็กไว้แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเพราะผลจากเหล้าจะทำให้มีแรงเพิ่มขึ้นมาอีก มินโฮก้าวขาขึ้นคร่อมจินอูที่ยังคงมีเพียงชั้นในที่มินโฮไม่ได้ถอดออก เพื่อใส่เสื้อได้ถนัดถนี่กว่าเดิม
“เฮ้อ!” มือเทินตัวเองลงกับเตียงนุ่มหลังจากใส่เสื้อให้เสร็จ โดยที่ลืมไปว่าตอนนี้อยู่ในท่าล่อแหลมมากแค่ไหน จินอูขยับตัวหันใบหน้าขึ้นนอนเหยียดตรง
ใบหน้าขาวเนียนแม้จะมองใกล้แบบนี้ ดวงตาที่เมื่อเช้าเขาได้เห็นชัดเจนว่ามันกลมมากแค่ไหน แต่ตอนนี้เปลือกตากำลังปิดลงไม่รู้เรื่องรู้ราว...และยิ่งนึกรำคาญตัวเองยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อรับรู้ว่าหัวใจที่เต้นแรงมาตั้งแต่ต้นไม่ได้เบาลงเลยแม้จะผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว
“มึงท่าจะบ้าแล้วล่ะมินโฮ เฮ้อ” ปล่อยลมหายใจออกมาครั้ง ถอยตัวออกมาจากร่างเล็กก่อนจะสวมกางเกงผ้าเนื้อบางให้แล้วปิดไฟห้อง กระโดดลงนอนเตียงเล็กๆ ตามไป
นอนแม่ งที่นี่แหละ
เป็นไงบ้างคะเรื่องนี้ แต่งไปแต่งมานี่มันยาวเชียว เลยต้องจับหั่น
แล้วจินอูตื่นมาจะเป็นยังไงเนี่ย??? ฝากตามด้วยนะคะ
ปล. ถ้าใครอยากอ่านเรื่องที่โดนแบนไปของบ๊อบบี้กับจินอู ให้เข้าไปในแท็ก #sfออลจีนู ได้นะ
เราทิ้งลิ้งไว้ไปที่บล็อกส่วนตัวของเราแล้วค่ะ ไม่ต้องเมนชั่นมาขอก็ได้ๆๆ ^^
เจอกันตอนหน้าคร่า
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น