คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 2
หงคงฉ่วย (นกยูงแดง)
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมหงคงฉ่วยถึงเรียกตัวเองว่าหงคงฉ่วย(นกยูงแดง)
แม้แต่ลู่อี้เผิงเองก็ไม่รู้ และไม่คิดอยากจะรู้ด้วย ไม่ว่าใครจะมองว่าหงคงฉ่วยคืออะไร สำหรับลู่อี้เผิงมันคือความอัปมงคลในชีวิตอย่างหนึ่ง อย่างใหญ่เสียด้วย
----------------------------------------------------------
“เฮ้ พี่ลู่ วันนี้ไม่ว่ายน้ำเหรอ?”
ลู่อี้เผิงหันไปยิ้มพลางสั่นศีรษะให้กับรุ่นน้องที่เอ่ยทัก ตอนนี้เขาอยู่ที่สระว่ายน้ำกลางของกรมตำรวจ ก่อนจะเกิดเรื่องเมื่อสี่ปีก่อน ลู่อี้เผิงเคยมาใช้บริการที่นี่เป็นประจำ แต่ตอนนี้ผิดกันไปแล้ว
“ฉันมาคุยธุระ จะกลับแล้ว” ลู่อี้เผิงตอบ และก้าวเดินออกไปจากสระน้ำ เขามาหารุ่นน้องคนหนึ่งเพื่อคุยธุระเกี่ยวกับคดี ได้ยินเสียงรุ่นน้องคนเดิมหันไปพูดกับเพื่อนเบาๆ “แปลกแหะ ปกติพี่ลู่เขาชอบว่ายน้ำจะตาย... แต่พอเกิดเรื่องหงคงฉ่วยเมื่อสี่ปีก่อนก็.....”
ลู่อี้เผิงขี้เกียจจะได้ยินอะไรมากไปกว่านี้ เลยรีบเดินจ้ำออกมา
หงคงฉ่วย....
นายตำรวจหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบตรงรอยแผลที่ขาอ่อนขึ้นมาทันที แน่นอนว่ามันเป็นแค่อุปาทานเท่านั้น แผลนั่นตั้งสีปีมาแล้ว มันคงไม่เหลือความเจ็บปวดอะไรอีกแล้วล่ะ นอกเสียแต่ความเจ็บปวดที่ฝังลึกลงไปในจิตใจ
หงคงฉ่วย....
พอนึกถึงหน้าเจ้าบ้านั่นแล้วก็ให้นึกอยากฆ่าขึ้นมาอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ แต่ลู่อี้เผิงรู้ดี หงคงฉ่วยไม่ใช่อะไรที่ใครจะฆ่าได้ง่ายๆ ต่อให้แก้ผ้าออกหมดแล้วก็เถอะ
สิ่งที่หงคงฉ่วยมอบให้เขาเมื่อสี่ปีก่อน นอกจากรอยแผลเป็นพวกนี้แล้ว ยังมีเรื่องน่าหงุดหงิดรำคาญใจตามมาอีกเป็นขบวน
เรื่องแรก ลู่อี้เผิงหมดสิทธิ์ลงสระว่ายน้ำอีก ทำไมน่ะหรือ? ใครมันอยากจะโชว์ขาอ่อนที่มีรอยแผลแบบนี้กันเล่า นี่มันสัญลักษณ์ตีตราว่าเป็นสมบัติของหงคงฉ่วยชัดๆ ไม่มีใครที่กรมรู้เรื่องนี้ ทุกคนรู้แค่เขารอดจากเงื้อมมือหงคงฉ่วยมาได้ ในรอบหลายสิบปี ส่วนเรื่องแผลเป็นนี่ ให้ตายเขาก็จะให้ใครรู้เห็นไม่ได้เด็ดขาด
สี่ปีมานี้ ลู่อี้เผิงเคยคิดที่จะไปลบเอารอยแผลนี้ออก ไม่ก็ทำให้เกิดรอยแผลเพิ่ม จะได้ลบคำว่าหงคงฉ่วยออกไปจากต้นขาเขาเสียที ติดอยู่แต่ว่าเจ้าหงคงฉ่วยโรคจิตนั่นชอบจะดูแผลที่ขาของเขาเสียเหลือเกิน แถมถามย้ำแล้วย้ำอีกว่ายังดูดีอยู่หรือเปล่า ดังนั้นเขาจึงต้องกล้ำกลืนรักษารอยแผลเป็นเอาไว้ เพื่อเป็นบัตรผ่านไปพบกับหงคงฉ่วยในคฤหาสน์เขาวงกตนั่น
“อ้าว อี้เผิง จะกลับล่ะรึ? ไปต่อกันในเมืองมั้ย?” เพื่อนรุ่นเดียวกันเอ่ยทัก ในตอนที่เขากำลังจะเดินขึ้นรถ ลู่อี้เผิงหันไปยิ้มให้เพื่อน “ไม่ล่ะ ฉันต้องรีบกลับบ้าน”
“วันนี้ที่แซนเทิร์นมีดาราใหญ่มาด้วยนะ ไม่ไปรึ?” เพื่อนชวนต่อ คนถูกชวนยังคงสั่นศีรษะ “มีงานด่วนต้องทำน่ะ”
“เอ้อ... ขยันทั้งปี... หาเวลาว่างไปปลดปล่อยบ้างก็แล้วกันนะ เดี๋ยวจะเก็บกดเอา” เพื่อนว่า ลู่อี้เผิงพยักหน้า แล้วมุดเข้ามาในรถ
ถ้าเป็นก่อนสี่ปีที่แล้วล่ะก็ เขาคงจะกระโดดลงทั้งสระว่ายน้ำ แล้วคงจะรีบไปเที่ยวผับกับเพื่อนแล้วล่ะ
เพราะไอ้คำว่าหงคงฉ่วยบนขานั่นแท้ๆ เลย
หลังจากถูกตีตราด้วยน้ำมือตัวเอง นอกจากลู่อี้เผิงจะไม่กล้าลงสระว่ายน้ำแล้ว เขายังต้องหยุดการมีเซ็กซ์ไปโดยปริยาย... เพราะกลัวใครจะเห็นรอยแผลเป็นนั่น ถ้าจะมีก็ต้องถกแค่กางเกงลงไป เรื่องห่วยๆ แบบนั้นให้เจ้าหงคงฉ่วยทำไปคนเดียวเถอะ! ที่สำคัญ หลังจากถูกหงคงฉ่วยหลอกล่อให้มีอะไรกันครั้งแรกเมื่อหลายปีก่อน เขาก็หมดอารมณ์กับผู้หญิงไปเลย บ้าเอ๊ย เจ้านั่นใช้ยาอะไรกับเขากันแน่เนี่ย
ลู่อี้เผิงทุบมือลงไปบนพวงมาลัยอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะขับรถกลับบ้านด้วยความหงุดหงิดในอารมณ์ แต่ขณะที่กำลังขับรถอยู่บนถนน ลู่อี้เผิงก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกขับรถตาม นายตำรวจหนุ่มจึงชะลอรถเข้าข้างทาง และพบว่ารถยนต์สีดำสองคันขับตามมาจริงๆ คันหนึ่งหยุดจอดอยู่หน้ารถเขา ส่วนอีกคันจอดซ้อนด้านหลัง
ลู่อี้เผิงยังคงนั่งอยู่ในรถ ถ้ากล้าจะอุ้มกันกลางไฮเวย์ที่มีรถวิ่งหนาแน่นขนาดนี้ล่ะก็ เขาก็ยอมให้อุ้มล่ะ แต่พอเห็นคนที่ก้าวเท้าออกมาจากรถ ในใจของชายหนุ่มก็นึกสาปแช่งขึ้นมาทันที
“สายันสวัสดิ์ครับ สารวัตรลู่” ชายรูปร่างสูงใหญ่ มีรอยแผลเป็นพาดยาวลงมาตรงดั้งจมูกพอดี ราวกับครั้งหนึ่งศีรษะนี้เคยถูกผ่าครึ่งมาแล้วก็ไม่ปาน เอ่ยทักเขา ทันทีที่ลู่อี้เผิงลดกระจกลง ไม่บอกก็รู้ว่านี่คือหนึ่งในคนรับใช้ของหงคงฉ่วยที่มีชื่อว่าเสี่ยวจือ
“เรื่องวันก่อนผมขอโทษด้วยนะ” ลู่อี้เผิงพูดตอบไป เสี่ยวจือสั่นศีรษะ และพูดต่อ “นายท่านให้ผมมาเชิญคุณไปที่คฤหาสน์”
นายตำรวจหนุ่มปั้นสีหน้าว่าลำบากใจอยู่พอสมควร แล้วรีบตอบคำถามไป “ผมมีธุระด่วน ต้องรีบกลับบ้าน ยังไงก็ฝากขอบใจ แล้วก็ฝากบอกเจ้านายคุณหน่อยแล้วกันว่าผมไม่สะดวกจริงๆ ”
เสี่ยวจือไม่พูดอะไร แต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วบอกเล่าถ้อยคำของลู่อี้เผิงลงไปแบบไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่หนึ่งพยางค์ จากนั้นเขาก็หันมาพูดกับนายตำรวจหนุ่ม
“นายท่านบอกว่า งั้นเดี๋ยวจะไปรอคุณที่บ้าน”
ลู่อี้เผิงพยายามบอกตัวเองให้สงบจิตสงบใจเข้าไว้ แล้วปั้นสีหน้ายิ้มแย้มตอบไป “เพิ่งมีเมสเสจเข้ามา ว่างานเลื่อน เดี๋ยวผมไปหาเขาที่คฤหาสน์แล้วกัน”
เสี่ยวจือพยักหน้า แล้วยิ้มออกมา ก่อนจะกลับเข้าไปที่รถ ขณะที่ลู่อี้เผิงนึกแช่งชักหักกระดูกหงคงฉ่วยในใจ เขายังจำได้แม่นเลยว่าครั้งก่อนที่หงคงฉ่วยไปที่บ้านเขามันเกิดอะไรขึ้น
------------------------------------------------------------
“โอ.. เสี่ยวเผิงเผิง กำลังรออยู่เลย”
ลู่อี้เผิงขมวดคิ้วให้กับคำเรียกที่หลุดออกมาจากปากผู้ชายซึ่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยเสื้อคลุมแพรไหมสีน้ำตาลแดงอีกตัวหนึ่ง คราวนี้บนนิ้วของหงคงฉ่วยไม่มีแปะชิกชิกเกาะอยู่ แต่มีแก้วเหล้าแก้วหนึ่งอยู่แทน
“มีธุระอะไร?” ลู่อี้เผิงถามเสียงห้วน หงคงฉ่วยย่นคิ้วนิดหน่อย แล้วพูดต่อ “แคลเซียมที่ให้ไปวันก่อน ไม่ได้ทานเลยรึ?”
ลู่อี้เผิงนึกไปถึงลังแคลเซี่ยมที่ถูกส่งไปกองพิสูจน์หลักฐาน พอรู้ว่าไม่มีอะไรก็เลยเอาทิ้งไว้ที่นั่น ไม่ได้เอากลับมาอีกเลย ใครมันอยากจะไปรับของจากไอ้หมอนี่กันล่ะ
“ผมไม่ได้ขาดแคลเซี่ยม” นายตำรวจหนุ่มตอบไป
“งั้นก็ทำหน้าตาให้รื่นเริงกว่านี้หน่อยซี่ ยังไม่ห้าสิบหกสิบสักหน่อย” หงคงฉ่วยว่า แล้วก็ขยับตัว รินเหล้าเพิ่มอีกแก้วหนึ่ง คนรับใช้รีบเดินไปประคองแก้วเหล้านั้นมาส่งให้ลู่อี้เผิง
“ดื่มเป็นเพื่อนกันหน่อย” หงคงฉ่วยว่า ขณะที่ลู่อี้เผิงมองแก้วเหล้าในมืออย่างไม่ไว้ใจ
“คราวนี้ใส่อะไรลงไปอีกล่ะ?”
หงคงฉ่วยสั่นศีรษะ ด้วยหน้าตาซื่อตรงอย่างที่สุด “เธอเห็นฉันใส่อะไรลงไปไหมล่ะ?”
ลู่อี้เผิงมองหน้าเขาพักหนึ่ง ก่อนจะสั่นศีรษะ “ผมไม่ดื่มดีกว่า เกรงใจ”
“แน่นะ..” หงคงฉ่วยถามซ้ำ ลู่อี้เผิงพยักหน้า “ผมไม่อยากโดนยาของคุณซ้ำรอบสองหรอก”
หงคงฉ่วยยกนิ้วขึ้นเกาศีรษะ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เผิงเผิงเอ๊ย ชอบให้ใช้ไม้แข็งจริงๆ นะ”
ยังไม่ทันสุดคำ ลู่อี้เผิงก็ถูกขนาบด้วยชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองคน จากนั้นก็ถูกสันมือกระแทกเข้าที่ท้ายทอยอย่างแรง แล้วภาพตรงหน้าก็ดับวูบไป
------------------------------------------------
เสียงน้ำแข็งกระทบแก้วดังกรุ๋งกริ๋งทำให้นายตำรวจหนุ่มได้สติขึ้นมา เขากะพริบตาอยู่สักพักก็ให้รู้สึกปวดหนึบๆ ที่ท้ายทอยตรงที่ถูกทุบ ได้ยินเสียงใครบางคนพูดอยู่เหนือศีรษะ “ตื่นแล้วหรือ?”
ลู่อี้เผิงลุกพรวดขึ้นมาทันที และพบว่าร่างของตัวเองเปลือยอยู่... เกือบเปลือยล่ะ ยังดีที่ตรงนั้นมีกางเกงว่ายน้ำสวมอยู่...
กางเกงว่ายน้ำ?
นายตำรวจหนุ่มหันหน้ากลับมามองคนที่นั่งอยู่ด้านหลังทันที หงคงฉ่วยกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ยาว ในมือมีแก้วเหล้าสีอำพันอยู่ บนใบหน้าประดับรอยยิ้มลี้ลับเหมือนเคย
“ชอบรึเปล่า? ฉันเพิ่งเปลี่ยนน้ำสระว่ายน้ำใหม่ เลยอยากเห็นเธอว่ายน้ำบ้าง เธอใส่ชุดว่ายน้ำแล้วเซ็กซี่ดีจริงๆ ”
ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่คนพูด ก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที ไม่อยากจินตนาการว่าตัวเองนอนอยู่ในสภาพไหน ก่อนจะตื่นขึ้นมา ไม่อยากจินตนาการด้วยว่าร่างกายถูกทำอะไรบ้างในตอนที่สลบอยู่
“ปวดหัวหรือไง?” หงคงฉ่วยถามต่อ เมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม “นี่แหละหนา.. ถ้าเธอยอมดื่มเหล้าให้เมาไปเสียดีๆ ก็สิ้นเรื่องสิ้นราวแล้ว ฉันไม่ฆ่าเธอหรอกน่า แค่อยากให้เธออยู่เฉยๆ แค่นั้นเอง”
“ผมจะกลับ” ลู่อี้เผิงพูดสวนขึ้นมา และก้าวเท้าฉับๆ ออกไปทันที หงคงฉ่วยยกนิ้วขึ้นเกาศีรษะ แล้วพูดสั้นๆ “อินเฉิน ชิงเหิง”
สุนัขพันธุ์รอตไวเลอร์สีดำขนาดเกือบถึงโคนขาอ่อนสองตัววิ่งตะบึงมาล้อมหน้าล้อมหลังลู่อี้เผิงไว้ทันที ก่อนจะแยกเขี้ยวแง่งๆ ใส่ ลู่อี้เผิงชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันหน้ากลับมามองหงคงฉ่วย ซึ่งนั่งยิ้มอยู่
“จะเอาไงดี เผิงเผิง จะไปว่ายน้ำดีๆ หรือจะปล้ำกับอินเฉิน ชิงเหิงล่ะ?” หงคงฉ่วยพูดพลางจิบเหล้าในแก้ว ลู่อี้เผิงขบกรามกรอดๆ มองดูสุนัขสองตัวที่กำลังแยกเขี้ยว รอแค่คำสั่งก็คงจะกระโดนเข้างับเขา ท้ายที่สุดชายหนุ่มก็เค้นเสียงออกมา “ตกลง ผมจะว่ายน้ำ คุณเอาหมาคุณออกไปได้แล้ว”
หงคงฉ่วยยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยปากอีกครั้ง “อินเฉิน ชิงเหิง มานี่มา”
เจ้าสุนัขสองตัวที่ทำท่าจะกัดชายหนุ่มอยู่ร่ำๆ พอได้ยินเสียงเรียกก็พากันกระดิกหางวิ่งไปหาเจ้านายทันที หงคงฉ่วยหยิบบิสกิตในจานบนโต๊ะ โยนให้พวกมันคนละชิ้นสองชิ้นด้วยสีหน้าพออกพอใจ ลู่อี้เผิงขี้เกียจจะยืนมองต่อ เลยกระโดดลงสระว่ายน้ำไป
ท่าทางหงคงฉ่วยคงไม่อยากให้เขาเห็นทางเดินในคฤหาสน์มากไป คราวนี้เลยจัดการทุบเขาให้สลบ ลู่อี้เผิงเริ่มคิดว่าคราวหน้าเขาควรจะเตรียมยาสลบมารมตัวเองเสียเลย จะได้ไม่ต้องระแวงว่าจะเจออะไรมากไปกว่ายาสลบ แต่ก็ไม่แน่ เจ้านกยูงบ้านั่นอาจจะฉีดอะไรให้เขาตอนสลบก็ได้
ลู่อี้เผิงว่ายน้ำไปได้สองรอบก็หยุดยืนที่ขอบสระ พลางมองขึ้นไปด้านบน ถึงได้เห็นว่านี่คงเป็นปีกส่วนใดส่วนหนึ่งของคฤหาสน์หรูหราหลังนี้แน่ๆ เพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนเพ็ญ เขาเลยเห็นตัวคฤหาสน์อยู่มากพอสมควร แต่ก็อย่าหวังว่าจะรู้ที่ทางอะไรเพิ่มมากขึ้นเลย ลู่อี้เผิงมองดวงจันทร์อยู่พักหนึ่ง ก็หันกลับไปมองริมสระ แล้วก็เห็นหงคงฉ่วยกำลังนั่งถือแก้วเหล้าจ้องเขาตาเป็นมัน เขานึกอยากควักลูกตานั่นออกมาจริงๆ
“นี่ คงฉ่วย ไม่มาว่ายน้ำด้วยกันล่ะ” ลู่อี้เผิงทำใจดีสู้เสือ ชวนหงคงฉ่วยลงมาว่ายน้ำด้วย แม้จะแน่ใจอยู่ลึกๆ ว่าถ้าเจ้าหมอนี่ยอมลงสระ ความเป็นชายของเขาก็คงจะถูกใช้งานอีกแน่ๆ
“เผิงเผิงอยากให้คงฉ่วยลงไปเล่นน้ำด้วยหรือ?” คนถูกถามถามกลับยิ้มๆ ลู่อี้เผิงรีบพยักหน้า ทั้งๆ ที่ยังนึกขนลุกกับชื่อเรียกตัวเองไม่หาย
“ผมอยากให้คุณลงมาว่ายน้ำด้วยกัน ผมยังไม่เคยเห็นคุณถอดเสื้อเลย”
ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยหัวเราะลงลูกคอ “หวังจะดูฉันเปลือยหรือ... ฝันไปเถอะ เสี่ยวเผิงเอ๋ย”
ลู่อี้เผิงนึกแวบในใจขึ้นมาทันที หรือคนอย่างหงคงฉ่วยจะว่ายน้ำไม่เป็น แบบนี้ถ้าหลอกให้ลงมาในน้ำได้ เขาอาจจะมีโอกาสจับเป็นเจ้าหมอนี่ แล้วเอาไปสอบปากคำที่โรงพัก ขอให้จับตัวหงคงฉ่วยได้ คนรับใช้พวกนั้นก็คงไม่กล้าทำอะไรแล้วล่ะ พอคิดได้ดังนั้น ลู่อี้เผิงเลยปั้นหน้ายิ้มแย้มพูดต่อ
“คงฉ่วย ไม่ลงมาด้วยกันหรือ ถ้าผมได้เห็นคุณเปลือยสักครั้ง ผมอาจจะหลงเสน่ห์คุณก็ได้”
หงคงฉ่วยเกือบจะสำลักเหล้าในปาก เขารีบกลืนเหล้าลงไปแล้วพูดกลั้วเสียงหัวเราะ “เผิงเผิง ฝืนพูดมากระวังจะกัดลิ้นเอานะ”
ลู่อี้เผิงเม้มปากแน่น ถลึงตาใส่เขา แก้มกลายเป็นสีแดงนิดๆ ก่อนจะมุดน้ำว่ายไปอีกฝั่งหนึ่ง หงคงฉ่วยถึงกับถอนหายใจออกมา แล้วยกเหล้าในแก้วขึ้นมาจิบต่อ
“คงฉ่วย” ลู่อี้เผิงเรียกเขาอีกครั้งในตอนที่ว่ายกลับมา “ลงมาเถอะ ผมอยากกอดคุณแล้วนะ”
หงคงฉ่วยยกมือขึ้นปิดปาก แทบจะพ่นเหล้าออกมาจากจมูก “เผิงเผิง ขอร้องล่ะ ฉันยังไม่อยากสำลักเหล้าตายนะ”
ลู่อิ้เผิงถลึงตามองเขา คราวนี้แก้มของชายหนุ่มกลายเป็นสีแดงจัดขึ้นมาจริงๆ คงไม่ใช่แค่เพราะออกแรงเสียแล้ว หงคงฉ่วยได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นตึกๆ
แย่ล่ะสิ.....
-------------------------------------------------
ลู่อี้เผิงรู้สึกอึดอัดใจแถมอับอายอย่างไม่อยากจะบอกสาเหตุ เขาพยายามนึกถ้อยคำโอ้โลมปฏิโลมเท่าที่คิดออกว่าคนอย่างหงคงฉ่วยน่าจะหลงกลลงมาในสระ แต่เขาคงจะลืมไปว่านั่นคือหงคงฉ่วย ต่อให้เขาสิบคน เจ้าหมอนั่นก็คงไม่ยอมหลงกลง่ายๆ อีกอย่าง ถึงเจ้าหมอนั่นไม่ทำกับเขา ก็คงมีคนอื่นให้ทำเยอะแยะอยู่ดี พอคิดแบบนี้แล้ว ลู่อี้เผิงนึกทุเรศตัวเองขึ้นมาจริงๆ ดังนั้นจึงตั้งอกตั้งใจว่ายน้ำ กะว่าเดี๋ยวอีกสักพักหงคงฉ่วยลงจะพอใจแล้วเรียกเขาขึ้นเองนั่นล่ะ
บ้าจริงๆ ทำไมเขาถึงต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ
ลู่อี้เผิงโผล่ขึ้นมาจากน้ำด้วยความหงุดหงิด แต่พอเงยหน้าขึ้นจากน้ำก็ต้องชะงักตัวกึก เมื่อพบว่าหงคงฉ่วยยืนอยู่ตรงริมขอบสระ บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มลี้ลับพิสดาร
“ปกติฉันไม่ค่อยถอดเสื้อผ้าต่อหน้าใครหรอกนะ” หงคงฉ่วยตอบ ก่อนจะดึงสายเสื้อคลุมแพรออก เสื้อแพรสีน้ำตาลแดงเลื่อนหล่นลงบนพื้น เผยให้เห็นผิวขาวจัด ที่พอต้องกับแสงของดวงจันทร์แล้วเหมือนจะทอประกายออกมา
ลู่อี้เผิงยืนดูด้วยความตื่นตะลึง เหนือขึ้นไปจากท่อนขาเรียวขาว คือกางเกงว่ายน้ำตัวน้อย และปั้นเอวแข็งแรงที่มีแถบแดงพาดแพลมออกมาจากด้านหลัง
“อยากกอดฉันจริงๆ หรือ?” หงคงฉ่วยทอดเสียงต่ำ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งข้างขอบสระ และยื่นเท้าลงไป
“คงฉ่วย...” ลู่อี้เผิงเรียกชื่อนั้นเสียงแผ่ว ยื่นมือออกไปรองปลายเท้านั้นเอาไว้ แล้วแนบริมฝีปากลงไป หงคงฉ่วยสูดลมหายใจด้วยความพึงพอใจ ขณะที่อีกฝ่ายพรมจูบลงไปทั่วหลังเท้าของเขาเหมือนต้องมนต์สะกด จากนั้นก็ค่อยๆ ไล้ปลายลิ้นไปตามผิวเนื้ออ่อนระหว่างนิ้วเท้า สร้างความซ่านเสียวได้อย่างน่าพึงใจ
หงคงฉ่วยหลับตาด้วยความเพลิดเพลิน ปล่อยให้ลู่อี้เผิงจัดการกับนิ้วเท้าของตัวเองด้วยปาก จากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกกระชากร่วงลงไปในสระน้ำทันที
เสียงหยดน้ำกระเซ็นซ่านดังไปทั่วบริเวณ ลู่อี้เผิงมั่นใจว่าคราวนี้หงคงฉ่วยอย่างน้อยๆ ก็ต้องกินน้ำเอาไปหลายอึกแน่ๆ ถูกดึงร่วงมาอย่างไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ ต่อให้คนว่ายน้ำเป็นก็ต้องสำลัก แต่ปรากฏว่าปล้ำกันในน้ำอยู่พักใหญ่ๆ กลายเป็นเขาเองที่กินน้ำเข้าไปหลายอึก แถมกว่าจะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำได้ แทบจะขาดอากาศตาย
นายตำรวจหนุ่มสูดหายใจเฮือกในตอนที่โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ ก่อนจะไอจนหน้าแดง หันหน้ามาอีกทีก็เห็นหงคงฉ่วยยืนยิ้มอยู่ในสระ
“จะกดฉันให้จมน้ำตายหรือไง?” คนมองอยู่ถาม ลู่อี้เผิงถลึงตาใส่แล้วไอออกมาอีกสองสามครั้ง “คุณว่ายน้ำเป็นนี่” ตำรวจหนุ่มตัดพ้อ หงคงฉ่วยเลิกคิ้ว
“ก็ใช่น่ะสิ ฉันบอกเธอเมื่อไหร่ว่าว่ายน้ำไม่เป็น”
ลู่อี้เผิงรู้สึกปากของตัวเองแข็งเหมือนถูกสาป เขามองหน้าหงคงฉ่วยอีกครั้ง แล้วจามออกมา ได้ยินทางนั้นหัวเราะชอบใจ “อย่าบอกนะว่าเธอคิดว่าฉันว่ายน้ำไม่เป็น เลยกะจะลากลงมากดน้ำน่ะ”
คนถูกถามไม่ตอบ แต่กลับหันหน้าไปทางอื่น “ผมจะกลับบ้านแล้ว” พูดพลางว่ายน้ำไปจับบันไดจะขึ้นจากสระ หงคงฉ่วยว่ายตามมา “ไหนเมื่อกี้บอกว่าอยากกอดฉันไง”
“คุณจับผมกดน้ำ ผมหมดอารมณ์แล้ว” ลู่อี้เผิงตอบปัดๆ ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยถอนหายใจ “ตำรวจเกียรตินิยมของกรมตำรวจฮ่องกงนี่ใจฝ่อง่ายชะมัด กะอีแค่สำลักน้ำเอง”
ลู่อี้เผิงหันหน้ากลับมาช้าๆ ก่อนจะพูดตอบ “ผมไม่ได้ฝ่อ”
“งั้นก็กลับลงมาสิ”
นายตำรวจหนุ่มยืนลังเลอยู่พักก็ยอมกลับลงมาในสระ จากนั้นหงคงฉ่วยก็ว่ายเข้ามาหาเขา และดันตัวเขาเข้ากับขอบสระ
“เธอทำให้ฉันคึกคักน่าดู”
“อืม...” ลู่อี้เผิงส่งเสียงในลำคอ ก่อนจะพูดอย่างนึกขึ้นได้ “นี่... คุณก็ว่ายน้ำเป็น ทำไมถึงไม่ลงมาว่ายกับผมแต่แรกล่ะ?”
“อยากให้ฉันว่ายด้วยจริงๆ รึ?” คนถูกถามย้อน ลู่อี้เผิงพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ แล้วอธิบายช้าๆ “ถึงผมจะอยากหรือไม่อยาก แต่คุณอยากทำกับผมอยู่แล้วนี่ ทำไมถึงต้องรอให้ผมพูดขนาดนั้นด้วยล่ะ หรือคุณอยากแกล้งผม?”
พอพูดมาถึงตรงนี้แล้ว ลู่อี้เผิงรู้สึกร้อนที่หน้าขึ้นมาทันที จนต้องรีบหันไปทางอื่น ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยหัวเราะเบาๆ “อืม อันที่จริงแล้ว ฉันก็ไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นหรอกนะ ฉันแค่ไม่อยากให้ใครเห็นหงคงฉ่วยบนหลัง”
“?”
“เวลาเธอเขินแบบนี้ ก็ดูน่ารักดีนะ” หงคงฉ่วยพูด และแนบริมฝีปากเข้ามา ลู่อี้เผิงเบือนหน้าหนีทันที
“เดี๋ยว ตะกี้คุณพูดว่าหงคงฉ่วยบนหลัง? หลังคุณมีหงคงฉ่วย?”
“อืม...” หงคงฉ่วยส่งเสียงในคอ พลางพูดต่อ “ถ้าเธอจูบจนฉันพอใจล่ะก็ ฉันจะยอมให้เธอดูสักครั้ง”
นัยน์ตาสีดำของทั้งคู่จ้องประสานกันอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่หงคงฉ่วยจะถอนหายใจออกมา “เอาเถอะ ฉันไม่ฝืนใจก็ได้” เขาพูด และก้มลงกัดซอกคอของอีกฝ่าย ลู่อี้เผิงสะดุ้งเฮือก ก่อนจะจับใบหน้านั้นขึ้นมาจูบ
ปลายลิ้นที่แทรกเข้ามาอย่างดุทันทำเอาหงคงฉ่วยต้องรีบโอบมือรอบใบหน้าของอีกฝ่าย ดึงให้เข้ามาชิดกันอีก ริมฝีปากของทั้งคู่บดเบียดกันอย่างรุนแรง กระทั่งได้ยินเสียงหอบหายใจหนัก ลู่อี้เผิงดันตัวของหงคงฉ่วยเข้ากับขอบสระ แนบจูบเร่าร้อนซ้ำลงไปอีก ก่อนจะกดร่างนั้นลงกับพื้น เสียงหอบหายใจดังสะท้อนไปทั้งสระน้ำ หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างผละริมฝีปากออกจากกัน
“ขอผมดูหงคงฉ่วยของคุณหน่อย” ลู่อี้เผิงเอ่ยด้วยริมฝีปากและใบหน้าที่แดงจัด ใบหน้าของหงคงฉ่วยปรากฏรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะหันหลังให้
นกยูงสีแดงตัวใหญ่ที่กำลังทำท่าไซ้ขนตัวเองปรากฏให้เห็นอยู่บนแผ่นหลังขาวสะอาด แพนหางของมันพาดยาวลงไปถึงปั้นเอว และคงจะยาวไปจนถึงลำตัวส่วนหน้าบางส่วน
“หงคงฉ่วย...” ลู่อี้เผิงพึมพำออกมา ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ร่างนั้นอีกครั้ง “หงคงฉ่วยของคุณสวยออก ทำไมถึงไม่อยากให้ใครเห็นล่ะ”
“ฉันกลัวคนมองจะหลงรักมันแทนฉันน่ะสิ” หงคงฉ่วยตอบยิ้มๆ ลู่อี้เผิงแค่นเสียงตอบ “เหอะ ต่อให้ไม่มีรอยสักผมก็ไม่หลงรักคุณหรอกนะ”
ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะ ลู่อี้เผิงเบียดตัวเข้าไปอีก จากนั้นริมฝีปากของทั้งคู่ก็แนบประกบกันอีกครั้ง ลู่อี้เผิงกดแขนสองข้างของหงคงฉ่วยลงกับขอบสระ ประโลมจูบไปทั่วแผ่นหลัง รอบนกยูงสีแดงตัวนั้น
ทั้งคู่ร่วมรักกันในสระน้ำจนได้ยินเสียงน้ำกระเซ็นสลับกับเสียงครางและเสียงหอบกระเส่า นกยูงสีแดงด้านหลังสั่นไหวไปตามจังหวะรักเร่าร้อนจนราวกับจะขยับเองได้ ลู่อี้เผิงจูบลงบนแผ่นหลังนั้นอีกครั้ง ก่อนจะจับใบหน้าคมคายที่ส่งเสียงครางต่ำๆ อยู่ขึ้นมาจูบซ้ำ
หงคงฉ่วย.....
----------------------------------------------
กว่าที่หงคงฉ่วยจะพอใจ ลู่อี้เผิงก็แทบจะหมดเรี่ยวหมดแรงตาย เขาเอนตัวพิงกับขอบสระ ปล่อยให้อีกฝ่ายลูบไล้ร่างกายโดยไม่อาจต่อต้าน ได้ยินเสียงหงคงฉ่วยกระซิบ
“เผิงเผิง คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนฉันจนสว่างเถอะนะ ฉันไม่ชอบคืนเดือนเพ็ญเลย”
ลู่อี้เผิงปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก เขาคิดว่าตัวเองควรจะกลับได้แล้ว แต่สิ่งที่รู้สึกคือดวงจันทร์สีเงินที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า กับผิวกายละเอียดอ่อนที่สัมผัสแนบชิดอยู่ ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะพร่าเลือนไป
---------------------------------------------------
“สารวัตรลู่ ออกจากเกาะร้างได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย?” ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยทักขึ้น ในตอนที่ลู่อี้เผิงก้าวเข้าไปในแผนก ชายหนุ่มขบริมฝีปากล่างทีหนึ่ง ก่อนจะตอบไป “เมื่อเช้า”
จากนั้นเขาก็เดินตรงไปยังโต๊ะทันที และพบกับแฟ้มคดีจำนวนมากวางกองอยู่
“สารวัตรคะ แล้วเรื่องที่ไปสืบได้ความว่าไงบ้างคะ” ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามาถาม ในตอนที่ลู่อี้เผิงยังไม่ได้นั่งลงดี สารวัตรหนุ่มยกมือห้าม “ขอเวลาผมสักครู่นะ”
สาวเจ้าพยักหน้า แล้ววางแฟ้มอย่างหนาอีกสองเล่มลงบนโต๊ะเขา “คดีโต่วโหวค่ะ”
“อืม วางไว้นั่นแหละ” ลู่อี้เผิงพูด และยกมือขึ้นกุมศีรษะทันทีที่ลูกน้องเดินออกไปแล้ว
ไอ้เจ้านกยูงตัวแสบนั่น!
ลู่อี้เผิงรู้สึกตัวตื่นในวันรุ่งขึ้นก็พบว่านอนอยู่บนเตียงนอนที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน พอมองอะไรได้ชัดขึ้นถึงเห็นว่าตรงหน้าเป็นกรงนกขนาดใหญ่ จากนั้นหงคงฉ่วยก็เดินเข้ามา พร้อมกับสารทยายวิธีให้อาหารนกอยู่เป็นสิบนาที กว่าที่ลู่อี้เผิงจะรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ก็ตอนที่เปิดประตูออกไปด้านนอกแล้วพบกับทะเลกว้างๆ นั่นแหละ
เกาะร้างอะไรกันเล่า เกาะเลี้ยงนกของไอ้หงคงฉ่วยบ้านั่นต่างหาก!!
ลู่อี้เผิงสาบทสาบานกับตัวเองว่าเขาจะไม่ไปค้างคืนที่คฤหาสน์ของหงคงฉ่วยอีก เจ้าบ้านั่นบังคับให้เขาให้อาหารนกอยู่ตั้งสามวัน แลกกับการเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับคดีที่เขากำลังสืบอยู่ บางทีลู่อี้เผิงก็นึกสงสัยขึ้นมาอย่างจริงๆ จังๆ ว่า หงคงฉ่วยอยู่เบื้องหลังคดีพวกนี้ด้วยหรือเปล่า แต่จนใจที่หาหลักฐานมามัดตัวหมอนั่นไม่ได้สักที แถมเขาเองก็เอาชนะไอ้หมอนั่นได้เสียที่ไหน แต่สักวัน สักวันเขาต้องลากหมอนั่นเข้าคุกให้ได้
สักวัน...สักวันหนึ่งเถอะ
----------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น