คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [ตอนที่2] ลูกค้าคนพิเศษ
เสียงเพลงไลท์มิวสิคที่เปิดคลอเบาๆ ทำให้แซนด์รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำงานอยู่ในร้านอาหารมากกว่าโฮสท์คลับ อย่างไรก็ตามนี่เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งของการเริ่มต้น ร้านเพิ่งเปิดได้ครึ่งชั่วโมง และท้องฟ้าเพิ่งจะมืดเท่านั้น
ฟ้าจัดเตรียมแก้วสำหรับใส่เครื่องดื่มอยู่หลังบาร์โดยมีแซนด์เป็นลูกมือ เสียงกรุ๋งกริ๋งดังขึ้น เมื่อลูกค้ากลุ่มแรกเปิดประตูเข้ามา
“สวัสดีครับ เชิญนั่งก่อนครับ”
ก้องทำหน้าที่เป็นพนักงานต้อนรับ เขากล่าวทักทายสาวๆ ในชุดสุดเปรี้ยวที่มากันสี่คน และเดินนำไปที่โต๊ะ แซนด์สังเกตว่าสาวๆ พวกนั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขณะที่ก้องหยิบเมนูมาวางหน้าพวกหล่อน
“จะรับอะไรดีครับ”
พ่อหนุ่มตาเยิ้มถามสาวๆ พวกหล่อนมองหน้ากัน และอมยิ้ม
“รับพี่น่ะค่ะ”
สาวนางหนึ่งว่า แล้วทั้งหมดก็หัวเราะพร้อมกัน ก้องหัวเราะด้วย เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี
“พี่คนเดียวจะทานพอหรือครับ มากันตั้งสี่คนแนะ”
พวกหล่อนหัวเราะอีก หนึ่งในนั้นเอ่ยถามขึ้นต่อ
“พี่เป็นโฮสท์ใช่ไหมคะ แบบว่าถ้าอยากให้พี่นั่งคุยด้วยตรงนี้จะได้รึเปล่า?”
“ได้สิครับ อย่ากินพี่ก็พอ น้องๆ อ่านป้ายหน้าร้านแล้วใช่ไหมครับ?”
พวกเธอพยักหน้า หลังจากเถียงกันเล็กน้อยว่าจะให้หนุ่มตาเยิ้มนั่งฝั่งไหน ในที่สุดทั้งสี่ก็เริ่มสั่งอาหาร โดยมีก้องเป็นผู้แนะนำ
“ถ้าให้พี่แนะนำล่ะก็ ลองเอาเป็นสวีทบงบงจุ๊ยซ์ไหมล่ะครับ?”
“น้ำชื่อร้านหรอคะพี่ แล้วแปลว่าอะไรล่ะค่ะ?”
“เครื่องดื่มสำหรับสาวๆ สวยๆ ผสมพิเศษเลยครับ”
ก้องว่า และโปรยิ้มอีกครั้ง แซนด์กลืนน้ำลาย ให้ทำแบบนั้นสงสัยเขาจะใบ้กินตายก่อนแน่ๆ เจ้านี่คงเกิดมาเพื่อทำอาชีพแบบนี้แน่ๆ
“บงบงแปลว่าลูกอมครับ เป็นภาษาฝรั่งเศส”
ชายหนุ่มผมสองสีอธิบายต่อ และชี้รูปอาหารอีกหลายจานให้สาวๆ เลือกดู แซนด์คิดว่าผู้หญิงพวกนั้นคงแก่กว่าเขาไม่มาก
“สาวมหาลัยก็มาเที่ยวที่แบบนี้ได้หรอครับ”
เขาหันไปถามฟ้า คุณเธอพยักหน้า
“มีเงินก็มาได้ทั้งนั้นแหละ เธอเป็นเด็กต่างจังหวัดหรือไง”
“ครับ”
แซนด์พยักหน้า ฟ้าโยนผ้าเช็ดโต๊ะให้เขา
“เช็ดรอยเปื้อนตรงนั้นที สาวมหาลัยบุพการีรวยก็เป็นพวกลูกค้าเราเหมือนกัน แต่กลุ่มนี้เป็นลูกค้าใหม่น่ะ จะศึกษาวิธีเจ้าก้องไปก็ได้นะ แต่ดูแล้วน่าจะไม่เหมาะกับเธอ”
“ไม่แน่ๆ ครับ”
เจ้าตัวรีบปฏิเสธ และก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะ ให้เขาไปนั่งทำแบบนั้นมีหวังใบ้กินตายก่อนแน่ๆ เป็นเด็กคอยเสิร์ฟอาหารน่าจะดูง่ายกว่า
หลังจากสาวๆ เลือกอาหารเสร็จ ก้องก็ผละออกมาเพื่อเอาเมนูมาวาง เขายื่นกระดาษจดรายการอาหารให้ฟ้าสองใบ ฟ้ารับมา ขณะที่ก้องเดินกลับไปนั่งคุยกับพวกสาวๆ ต่อ
“ใบสีฟ้าเป็นรายการเครื่องดืม สีแดงนี่รายการอาหาร”
เจ้าหล่อนอธิบาย และหยิบกระดาษจดเมนูให้แซนด์ดู เด็กหนุ่มพยักหน้า เธอเอาใบสีแดงนี่ไปยื่นให้คุณชาญตรงช่องนั้น”
หล่อนชี้มือไปตรงช่องหน้าต่างเล็กๆ ด้านหลังเคาท์เตอร์บาร์ และอธิบายต่อ
“คุณชาญเป็นเชฟของที่นี่ ฉันบอกเขาไปแล้วล่ะว่ารับเด็กเข้ามาทำงานใหม่ ถ้าเขาถามก็แนะนำตัวหน่อยแล้วกัน แต่คิดว่าคืนนี้คงได้คุยกันแหละ”
“ครับ”
แซนด์พยักหน้า และเดินเอากระดาษไปเสียบไว้บนที่เสียบกระดาษตรงหน้าต่างเล็กที่ว่า และก้มลงมองเข้าไปในช่องนั้น จะว่าไปแล้วเขายังไม่เห็นครัวของที่นี่เลย
ข้างในนั้นเปิดไฟสว่าง ยังไม่ทันจะได้ดูชัดๆ หน้ากลมๆ ก็โผล่มาทักทาย
“อ้า เด็กใหม่ใช่ไหม”
เขาทัก ดูเหมือนคุณชาญจะเป็นผู้ชายรูปร่างท้วม ผิวขาว และท่าทางจะอารมณ์ดี เขาหยิบกระดาษออกจากที่เสียบ และส่งเสียงตบท้าย
“ไว้คุยกันคืนนี้”
แซนด์ตอบกลับไปว่าครับ และกลับมาประจำที่ตัวเองที่เคาท์เตอร์บาร์ต่อ ฟ้ากำลังผสมเครื่องดื่มอย่างชำนาญ หล่อนรินน้ำสีชมพูเหมือนสีของไฟนีออนลงในแก้วคอกเทล และราดมันด้วยท๊อปปิ้งนมสดสีขาว บรรจงวางใบมิ้นและลูกเชอรี่ลงด้านบน และเสียบแคนดี้เคนอันเล็กๆ ตามไปด้วย
“เอาไปส่งโต๊ะสามที อย่าทำหกล่ะ”
หล่อนว่า และส่งถาดเครื่องดื่มให้แซนด์ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจวินาทีสุดท้าย
“เรียกฮงมาส่งให้ดูก่อนดีกว่า”
เธอว่า และกดกริ่งที่วางอยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์ ฮงเดินปร๋อเข้ามา และรับถาดเครื่องดื่มไป แซนด์มองตาม ใจนึงนึกดีใจว่าเครื่องดื่มนั้นน่าจะอยู่รอดปลอดภัยมากกว่าอยู่ในมือเขา ใจนึงก็ชักหวั่นๆ ว่าแล้ววันนี้เขาจะได้ทำอะไรรึเปล่านอกจากเช็ดโต๊ะกับส่งเมนู
ฮงเดินปราดเข้าไปที่โต๊ะสามพร้อมถาดเครื่องดื่ม หนุ่มวัยยี่สิบสามคนนี้ประคองถาดได้นิ่งเหลือเชื่อ เขาบรรจงวางมันลงและเลื่อนไปตรงหน้าหญิงสาวทั้งสี่
“คนนี้ก็หล่ออ่ะ”
เสียงเจ้าหล่อนหนึ่งในนั้นพูดขึ้น
“นี่พี่เป็นโฮสท์เหมือนกันใช่หรือเปล่า?”
ฮงพยักหน้า แต่ไม่มีรอยยิ้มใดๆ จนแซนด์นึกสงสัยว่าอีกสักพักหนุ่มหน้าตี๋คนนั้นจะเอ่ยปากไล่พวกหล่อนหรือเปล่า บรรยกาศของเขาเหมาะจะทำแบบนั้นเหลือเกิน
“หน้าตายมากเลยอ่ะ พี่ยิ้มหน่อยได้ไหมคะ?”
“ก็ลองทำให้ยิ้มสิครับ”
ฮงเอ่ย แซนด์ที่ยืนฟังอยู่เกือบจะสำลักน้ำลาย เพราะไม่คิดว่าหนุ่มหน้าโหดคนนี้จะกล้าพูดแบบนั้น ดูเหมือนเจ้าตัวเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะพูดออกไปได้ ใบหน้าไร้ความรู้สึกนั้นเริ่มมีสีแดงระเรื่อขึ้นมานิดๆ และก่อนที่จะแย่ไปกว่านั้น เจ้าตัวก็รีบหมุนเดินกลับออกมา
“โอ๊ย น่ารักกก”
สี่คนร้องแทบจะพร้อมกัน และหัวเราะคิกคัก
“อายด้วยอ่ะ ไม่ไหวแล้ว น่ารักเกิ้น นี่ถ้าจะขอให้พี่เขามานั่งด้วยอีกคนจะได้รึเปล่าคะ?”
ก้องหัวเราะฮ่ะๆ
“ถ้าเจ้าตัวยอมมานะครับ”
เขาว่า ฮงเดินกลับมาที่เคาท์เตอร์บาร์ ด้วยอาการหน้าบูดของจริง
“เพราะพี่นั่นแหละ”
เขาโวยออกมา ฟ้าทำหน้าไม่รู้เรื่อง
“ก็ดีแล้วนี่ อาทิตย์ที่แล้วเธอก็ได้เยอะเพราะแบบนี้ไม่ใช่รึไง”
“แต่ว่า...”
ฮงพูดค้าง และโพล่งออกมา
“น่าอายโคตรๆ เลย”
แล้วก็เดินผลุนผลันหายไปหลังร้าน ฟ้ามองและย่นคิ้ว
“ตกลงมันอายจริงรึเปล่าเนี่ย บ่นทุกที ทำทุกที แล้วนี่เธอเป็นอะไรไปอีกคน”
หล่อนหันมาถามแซนด์ ที่เอามือกุมท้อง
“ผะ..ผมขำ”
หนุ่มหน้าอ่อนว่า เขาพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้สุดฤทธิ์ ฟ้าหัวเราะหึๆ
“ดีนะที่ฮงไม่เห็น ไม่งั้นเธอได้โดนดีแน่ๆ”
“ง่ะ”
แซนด์ผงะ และหยุดหัวเราะทันที แต่ก็ยังหลงเหลือรอยยิ้มอยู่บ้าง
“ผมไม่อยากถูกต่อยอ่ะ”
เขาว่า ฟ้ายักไหล่
“ใครจะไปรู้ ระวังคราวตัวเองไว้เหอะ อย่าเป็นแบบเจ้านั่นแล้วกัน”
ผู้ได้ฟังนิ่วหน้า พอนึกถึงตัวเองแล้ว ก็ชักไม่มั่นใจเลยว่าจะเป็นยิ่งกว่าฮงรึเปล่า ก็พูดแบบนั้นมันน่าอายโคตรๆ อย่างว่าจริงๆ
-------------------------------------
ยิ่งดึกลูกค้ายิ่งมาก จากที่เคยยืนดูคนโน้นคนนี้อยู่กับฟ้าที่เคาท์เตอร์บาร์ ตอนนี้แซนด์กับฮงต่างสาละวนอยู่กับการเสิร์ฟน้ำ อาหาร และเช็ดโต๊ะ ซึ่งประการหลังดูเหมือนแซนด์จะรับเละไปเกือบหมด พนักงานในร้านทุกคนยกเว้นฟ้า สามารถนั่งคุยกับลูกค้าได้ระหว่างรออาหาร ที่ต้องกำหนดไว้แบบนี้เพราะว่าถ้าขืนปล่อยให้นั่งไปเรื่อยๆ มีหวังลูกค้าไม่ยอมลุก แถมยังไม่มีคนคอยส่งเมนูและเสิร์ฟอาหารอีก ขนาดคนที่แซนด์คิดว่าน่าจะไม่ค่อยไปนั่งกับใครอย่างเชษฐ์ ยังมีลูกค้าเรียกไปนั่งอยู่บ่อยๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นขาประจำ ในขณะนี่ฮงก็ถูกเรียก แต่ไม่ยอมนั่งใช้วิธีเดินหน้าแบบเขินๆ แทน และก็ดันดูเหมือนจะยิ่งทำให้เรทติ้งพุ่งดีเสียด้วย ส่วนก้องกับฟิวนั้นไม่ต้องพูดถึง เรียกว่าแทบจะสลับโต๊ะไม่ทันเลยทีเดียว
หลังจากเช็ดโต๊ะเสร็จไปสองโต๊ะ แซนด์ก็ได้กลับมาประจำที่เคาท์เตอร์บาร์ต่อ ซึ่งก็เป็นที่นิยมของลูกค้าไม่แพ้กัน และเป็นลูกค้าขาประจำเสียส่วนใหญ่ ขณะที่วิ่งเอารายการอาหารไปเสียบ แซนด์ก็ได้ยินเสียงลูกค้าคนหนึ่งทักขึ้น
“พี่เป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะคะ”
ฟ้าที่เพิ่งส่งเครื่องดื่มให้ลูกค้าครึ่งหญิงครึ่งชายคนหนึ่งอมยิ้ม ขณะที่คนที่รับเครื่องดื่มไปพูดขึ้นแทน
“คำถามยอดฮิตติดชาร์ต”
เจ้าหล่อนว่า และเขย่าแก้วกริ๋ง สาวเทียมคนนี้ก็เป็นขาประจำของที่นี่เหมือนกัน และชอบมานั่งคุยกับฟ้าเป็นพิเศษด้วย
“หนูมาใหม่แน่ๆ ใช่ไหมจ้ะ”
ฟ้าว่า และหยิบเครื่องดื่มส่งให้หล่อน
“ให้ทายสิว่าเป็นเพศไหน”
เสียงผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวเปรี้ยวอีกคนว่า หญิงสาวอ่อนวัยกว่าที่เป็นผู้ถามขึ้นเบ้ปาก
“หนูว่าผู้หญิงนะ เพราะเสียงพี่อ่ะ แต่ว่าหน้าพี่ไม่ให้เลยอ่ะ ตกลงพี่เพศไหนกันแน่อ่ะ”
“แล้วกัน ตกลงไอ้ที่หนูว่าเป็นผู้หญิงเนี่ย ไม่เชื่อตัวเองเลยใช่ไหมเนี่ย”
ฟ้าว่า และทั้งเคาท์เตอร์หัวเราะ
“จริงๆ แล้วพี่เป็นกระเทย”
“โอ๊ย อีบ้า”
เสียงแหว๋นของสาวไม่จริงนางเดิมแหวนขึ้น
“ตอแหลได้อีกนะย่ะหล่อน ไม่บอกเขาไปเลยล่ะว่าพี่ยังไม่ได้เพิ่มท่อนล่างจ้ะ”
ฟ้าหัวเราะฮ่าๆ
“เอาจากของเธอมาเป็นไง”
“อุ๊ย เฉาะทิ้งไปนานแล้วล่ะย่ะ นี่ถ้าฉันเป็นสาวหล่อแบบเธอเนี่ย ฉันคงไปแปลงเพศแล้วล่ะ”
“ไม่บอกก็พอจะเดาได้หรอกน๊า”
ฟ้าตอกกลับ และรับเมนูเครื่องดื่มจากฮง
“ตกลงพี่เป็นผู้หญิงหรอคะ?”
สาวคนเดิมยังคงย้ำเพื่อความแน่ใจ ฟ้าหัวเราะหึๆ อีก
“ไปเดาเอาเองแล้วกันนะหนู”
เธอว่า ทำเอาสาวน้อยเกาหัว แซนด์เองก็เกาหัวเช่นกัน ก่อนถูกเสียงกริ่งจากครัวเรียกให้ไปยกถาดอาหาร
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะห้าทุ่ม แซนด์เพิ่งเสร็จจากการเก็บโต๊ะขนาดหกคน ตอนที่ฮงโบกมือเรียกให้ไปช่วยเครื่องดื่ม เพราะตัวเองติดรับเมนูลูกค้า
แซนด์ยกถาดอาหารไปวางที่โต๊ะ เขายกมือเช็ดเหงื่อ เริ่มไม่รู้ว่าจะรู้สึกดีใจหรือเสียใจดีที่ตัวเองกลายเป็นเด็กเสิร์ฟสมใจอยาก จนตอนนี้ยังไม่มีโต๊ะไหนเรียกเขาไปรับเมนูเลย แต่จะว่าไป เขาไม่มีใบรับรายการอาหารนี่นา หรือว่าฟ้าตั้งใจจะให้เขาทำงานแค่เสิร์ฟอาหารกับเก็บโต๊ะ
พอคิดได้แบบนั้นแซนด์ก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เพราะว่าเขาเพิ่งเข้าใหม่ ฟ้าคงอยากให้เขาเรียนรู้จากรอบๆ ตัวก่อนที่จะไปทำงานจริง เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะอย่างสบายใจ
เสียงกระดิ่งที่ดังรัวขึ้นเรียกความสนใจของเขาอีกครั้ง เด็กหนุ่มวิ่งปรื๋อไปที่เคาท์เตอร์บาร์ ฟ้าชี้มือไปที่หน้าร้าน
“ไปเลยแซนด์ ไปรับลูกค้าที เร็วๆ”
เธอพูดอย่างลุกลี้ลุกลนชอบกล แซนด์หันไปที่หน้าร้าน เห็นว่ามีลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งกำลังมา จึงรีบวิ่งไปตามคำสั่งทันที โดยไม่ได้สังเกตว่าเป็นลูกค้าแบบไหน
“มีโต๊ะว่างรึเปล่า?”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นดูลูกค้าทันทีที่ได้ยินเสียง ผู้มาใหม่เป็นหญิงค่อนข้างจะสูงวัย แต่งตัวดีจนเกือบจะไม่เชื่อว่าจะมาร้านแบบนี้ น่าจะไปงานราตรีสโมสรหรืออะไรแบบนี้มากกว่า เจ้าหล่อนมากันสองนาง ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน
“สองคนใช่ไหมครับ เชิญทางนี้เลยครับ”
และเดินนำเข้าไปยังโต๊ะที่อยู่เกือบมุมสุดของร้าน มันค่อนข้างมืดจึงไม่ค่อยมีลูกค้าเลือกไปนั่ง และมันก็เหลืออยู่โต๊ะเดียว
“มีสว่างกว่านี้ไหมเนี่ย?”
คุณป้าในชุดผ้าไหมสีชมพูกล่าวเสียงแหว๋น จนเด็กหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าเขากำลังเผชิญกับลูกค้าที่ไม่มีใครกล้ามารับรึเปล่า เด็กหนุ่มหันรีหันขวาง
“มันว่างอยู่ที่เดียวน่ะครับ เดี๋ยวผมเอาไฟมาเพิ่มแล้วกัน เชิญนั่งก่อนครับ”
เขากล่าว และเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงที่เริ่มมีวัยวุฒิแล้วทั้งสองคนอย่างสุภาพ และเดินค้อมตัวผ่านไป
“พี่ฟ้า มีเทียนรึเปล่า?”
เขาวิ่งไปที่เคาท์เตอร์บาร์ ฟ้าขมวดคิ้ว
“จะเอาไปทำอะไร เล่นเอ็สเอ็มหรือไง”
“ไม่ใช่ครับพี่”
แซนด์พยายามบอกตัวเองให้ลดความตื่นเต้นลง เขาเหลือบเห็นเทียนสีที่วางโชว์อยู่ตรงชั้นด้านบนเคาท์เตอร์
“ไอ้เทียนข้างบนนี่ใช้ได้รึเปล่า”
“ก็ได้นะ ทำไมไม่ใช้แอลกอฮอลล่ะ”
“โหพี่...เอาไปจุดบนโต๊ะลูกค้าคร๊าบ ไม่ใช่ชุดหม้อไฟ”
แซนด์คราง ฟ้ารีบพยักหน้าหงึกหงัก และเอื้อมมือไปหยิบเทียนแท่งที่ใหญ่ที่สุด ส่งให้เขา
“เอาแท่งเล็กพี่”
แซนด์ว่า ฟ้าหันไปรับออร์เดอร์จากลูกค้าอีกคนหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น
“เข้ามาหยิบเองเลย”
เด็กหนุ่มพยักหน้า และเดินปราดเข้าไปในบาร์ หยิบเทียนที่หล่ออยู่ในแก้วสีม่วงทรงสูงมา และคว้าไฟแช็คที่ใช้จุดผสมเหล้าที่วางอยู่ไปด้วย
“อย่าลืมเอามาคืน”
ผู้เป็นเจ้าของร้านสำทับ เด็กหนุ่มพยักหน้า และวิ่งปรื๋อออกไป
“เดี๋ยวหยิบเมนูให้นะครับ”
แซนด์กล่าว หลังจากวางเทียนไขที่จุดแล้วลงบนโต๊ะ มันสว่างขึ้นมานิดหน่อย ไม่รู้ว่าจะทำให้หญิงสองนางนี้พอใจขึ้นได้บ้างรึเปล่า
“ไม่ต้อง ฉันจำรายการอาหารได้”
คุณหญิงป้านางหนึ่งในชุดสีน้ำเงินว่า แซนด์หน้าเจื่อน แต่แล้วดูเหมือนว่าหล่อนจะเปลี่ยนใจ
“ไหนลองหยิบมาดูซิ”
เด็กหันรีหันขวางอีกรอบ เขาลืมไปเลยว่าตัวเองไม่มีเมนู เจ้าตัววิ่งปร๋อกลับไปที่เคาท์เตอร์บาร์ใหม่
“พี่ฟ้า เมนูเอาตรงไหน?”
“ของเธอไม่มีหรอ โอ๊ยตาย ฉันลืม”
หล่อนพูดเหมือนนึกได้ และก้มลงไปคุ้ยใต้เคาท์เตอร์บาร์
“เอาๆ”
หล่อนส่งรายการเมนูที่สภาพเก๋ากึ๊กให้เขา มันดูโบราณจนเกือบจะคิดว่าเป็นเมนูของคนละร้านกัน พร้อมกับกระดาษจด แซนด์รับมาและวิ่งปร๋อกลับไป
“ไฟแช็คด้วย”
ฟ้าตะโกนไล่หลังมา เด็กหนุ่มจึงต้องเดินย้อนกลับมาวางไฟแช็คอีกรอบ
เขาวางเมนูลงตรงหน้าสุภาพสตรีทั้งสอง พร้อมกับความรู้สึกเหมือนโดนแกล้ง นางหนึ่งหยิบแว่นสายตากรอบทองขึ้นมา และก้มลงอ่านเมนู
“ตัวเล็กหยั่งกะมด”
หล่อนบ่นกับเพื่อน
“ผมช่วยอ่านไหมครับ”
แซนด์กล่าวขึ้น และถูกรุมมองด้วยสายตาสองคู่ทันที
“เอาสิ”
หนึ่งในนั้นว่า และส่งเมนูให้เขา แซนด์หยิบมา และคิดว่าตัวหนังสือในนั้นก็ไม่ได้เล็กสักหน่อย เขาเริ่มอ่านเมนูให้ทั้งสองสาวใหญ่ฟัง
“เดี๋ยวๆ ไอ้ที่อ่านผ่านไปตะกี้หน้าตามันเป็นยังไงนะ”
หญิงนางหนึ่งทัก แซนด์วางเมนูตรงหน้าเธอ และชี้รูปให้ดู
“เป็นตัวนี้น่ะครับ”
เขาว่า และนึกหวั่นใจว่าหากถูกถามต่อว่าทำกับอะไรหรือรสชาติดีไหมควรจะตอบไปว่าอะไรดี
“นี่ ศรี อันนี้ใช่ไหมที่เราเคยกินกัน”
หล่อนเลื่อนเมนูไปถามสาวอีกนาง ผู้ถูกถามพยักหน้า
“มาวันก่อนทำไมไม่มีเมนูนี้ก็ไม่รู้นะคะพี่ สงสัยเด็กจะหยิบมาผิด”
“อืม”
อีกนางพยักหน้าเห็นด้วย หล่อนชี้ให้แซนด์ดูภาพอาหาร
“เอานี่แหละสองที่ แล้วก็ล๊อปสเตอร์อบอโวคาโด้ที่หนึ่ง”
แซนด์จดเมนูอาหาร
“แล้วเครื่องดื่มล่ะครับ”
หญิงทั้งสองมองหน้ากัน
““Pouilly-Fuissé เอ้อ....ไวน์ขาว เจ้าของร้านทโมนของเธอคงรู้ว่าเป็นไวน์ตัวไหน”
“อ่า ครับ”
แซนด์รับคำ เขาไม่รู้ว่าจะจดเมนูเครื่องดื่มว่าอะไร คงต้องไปอธิบายกับฟ้าเพิ่มเติม ดูเหมือนสองคนนี่จะเป็นลูกค้าขาประจำ เด็กหนุ่มวิ่งตื๋อกลับไปที่เคาท์เตอร์ เขาเสียบใบสั่งอาหาร และยื่นรายการเครื่องดื่มให้ฟ้า
“ป้าเขาบอกว่าพี่รู้ว่าไวน์อะไร”
แซนด์พูด ฟ้าพยักหน้าหงึกๆ และเอื้อมมือขึ้นไปหยิบขวดไวน์สีดำสนิทขวดหนึ่งซึ่งเก็บอยู่ในตู้ด้านบน
“รู้เลยว่าใครมา สั่งไวน์แพงหูฉี่ขนาดนี้เนี่ย”
สาวเทียมเอ่ยขึ้น แซนด์นึกแปลกใจที่สาวคนนี้ยังอยู่ เขาไม่กล้ามองหน้าหล่อน กลัวว่าจะฝันร้าย ฟังจากเสียงแล้วหน้าตาคงไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่นัก แต่ดูเหมือนว่าหล่อนจะสนิทกับฟ้า
ฟ้าหยิบขวดไวน์นั้นวางลงบนถาด และวางแก้วไวน์ก้านยาวอีกสองแก้วลงไป พร้อมด้วยผ้าเช็ดมือพับเรียบร้อยสองผืน และส่งมันให้กับแซนด์
“อย่าทำหก เป็นพอ”
หล่อนสำทับ เด็กหนุ่มค่อยๆ ประคองถาดเดินกลับไป และค่อยๆ หยิบแก้วไวน์วางตรงหน้าหญิงสูงวัยทั้งสอง ด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ เพราะไม่มีประสบการณ์เคยรินไวน์มาก่อน
“ถ้าไม่เคยรินล่ะก็ ฉันทำเองก็ได้”
หญิงในชุดสีชมพูว่า แซนด์ยืนนิ่ง หน้าที่นี้น่าจะเป็นหน้าที่ของเขามากกว่า
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นหรอก ถ้าเธอเกิดทำหกขึ้นมา คงโดนไล่ออกแน่ๆ”
อีกคนหนึ่งว่า แซนด์มองหน้าหญิงทั้งสอง
“แต่ว่า จะดีหรือครับ..”
เขาเอ่ยค้าง และตัดสินใจว่าจะทำหน้าที่ให้ครบ
“ให้ผมรินให้นะครับ”
เขาพูดออกมาในที่สุด พยายามบอกตัวเองว่ามันก็เหมือนกับการเทน้ำลงแก้วธรรมดา นึกถึงอะไรที่เคยดูมาสิ โฆษณา หนัง ไวน์นี่รินกันแค่ครึ่งแล้วล่ะมั้ง แซนด์ค่อยๆ ยกขวดไวน์ขึ้น และบรรจงรินของเหลวที่อยู่ด้านในลงไป เขาเกือบจะลืมหายใจตอนที่ริน
“เรียบร้อยครับ”
เด็กหนุ่มกล่าวด้วยความโล่งใจมากกว่าจะเป็นมารยาท ของเหลวสีขาวใสถูกรินใส่แก้วทั้งสออย่างละครึ่งแก้วโดยไม่หยดไม่หกสักหยด หญิงทั้งสองมองหน้ากัน
“ถ้าเป็นครั้งแรกก็ถือว่าดีมากๆ เลยนะเนี่ย ถึงจะรินมากไปนิด”
“อ่า.. ขอโทษครับ”
แซนด์คราง นึกใจเสีย ความจริงเขาน่าจะให้ทางโน้นรินเอง หญิงทั้งสองรีบโบกมือ
“ไม่เป็นไรๆ เธอชื่ออะไรเนี่ย?”
“แซนด์ครับ”
เด็กหนุ่มบอก มองหน้าหญิงสาวทั้งสองและกระพริบตาปริบๆ เหมือนจะถามว่าไม่โกรธเขาเรื่องไวน์ใช่ไหม
“เพิ่งมาใหม่หรือ?”
หญิงอีกนางหนึ่งถาม และหันไปคุยกับเพื่อนของเธอ
“ไม่เคยเห็นเลยนะคะพี่ สงสัยฟ้าจะรับมาใหม่”
“นั่นสิ”
อีกฝ่ายเห็นด้วย และหันมาทางแซนด์ต่อ
“หนูน่ะ ท่าทางดูเรียบร้อยทำไมมาทำงานแบบนี้ล่ะ”
“ผมอยากหารายได้พิเศษน่ะครับ”
“ที่บ้านฐานะไม่ดีหรอ?”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า
“ก็ไม่เชิงหรอกครับ แต่ว่าไม่อยากจะรบกวนทางบ้านมาก พอดีว่าผมมาจากต่างจังหวัด”
“ตายล่ะ แล้วไม่กลัวโดนหลอกหรือจ้ะเนี่ย มาทำงานในที่แบบนี้เนี่ย”
แซนด์หัวเราะแหะๆ
“ก็กลัวเหมือนกันอ่ะครับ แต่ว่าก็ต้องลองดูก่อน”
“เพิ่งมาทำงานวันแรกเลยหรือ?”
หญิงที่สูงวัยกว่าในชุดสีชมพูถามอีก แซนด์พยักหน้า
“พี่คะ ให้แกนั่งดีไหมนะ”
“ก็ดีนะ”
อีกฝ่ายเห็นด้วย และหันกลับมา
“เธอเรียกบ๋อยให้ยกเก้าอี้มาให้ทีสิ”
“ผมยกเองก็ได้ครับ”
แซนด์รีบบอก นึกตกใจที่ป้าทั้งสองเรียกคนอื่นว่าบ๋อย เด็กหนุ่มรีบเดินไปลากเก้าอี้มานั่งตรงหัวโต๊ะ ดีว่ามันอยู่ในมุมอับ เลยไม่เกะกะเท่าไหร่
“หนูอายุถึงยี่สิบหรือยังเนี่ย”
ฝ่ายโน้นเปิดฉากยิงคำถามทันทีที่เขานั่ง
“ยี่สิบปีนี้แหละครับ”
แซนด์ตอบเลี่ยงๆ
“หรอ”
หญิงในชุดสีชมพูกล่าวขึ้นและถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ป้าน่ะ กลัวว่ายัยฟ้าจะไปรับเด็กๆ มาทำงาน เกิดโดนจับขึ้นมาล่ะก็ปวดหัวแน่ๆ”
หล่อนเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเอง แซนด์ยิ้มแห้งๆ
“คุณป้าคะ หนูน่ะไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นหรอกนะคะ”
เสียงฟ้าดังขึ้น หล่อนมาพร้อมถาดอาหารแบบที่มีฝาครอบ ซึ่งแซนด์เคยเห็นแต่ในโทรทัศน์
“ตาย ยัยฟ้า นี่ลงทุนยกมาให้ด้วยตัวเองเลยหรอ”
หญิงสาวในชุดสีชมพูอุทาน แซนด์รีบลุกขึ้น รับถาดอาหารจากฟ้าและวางมันลงบนโต๊ะ เขาเปิดฝาถาดออก และพบกุ้งมังกรตัวใหญ่สีแดงเถือกนอนอยู่
“เด็กคนอื่นไม่ว่างน่ะค่ะ”
หล่อนว่า และหยิบจานใส่อาหารที่มีฝาครอบอีกสองจานออกมาจากรถเข็นอาหาร แซนด์รีบรับมันมาทันที
“ขอบใจจ้ะ”
หญิงในชุดสีน้ำเงินเอ่ยขึ้น ขณะที่แซนด์วางจานลง
“หนูไปทำงานต่อนะคะ ทานให้อร่อย”
“นี่จะอยู่คุยกันสักแป๊บไม่ได้เลยหรือไง”
หญิงในชุดสีชมพูเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดเล็กน้อย
“ไว้ลูกค้าซาแล้วหนูจะแวะมาแล้วกันนะคะ”
ฟ้าเอ่ยและรีบเข็นรถกลับไปทันที แซนด์ทำท่าจะลุกตาม แต่หล่อนยกมือห้ามไว้
“เธอไม่ต้อง นั่งอยู่นี่แหละ”
“แต่ว่า อาหารมาแล้วนี่ครับ..”
ฟ้ายักไหล่
“สองคนนี้นอกกฎ เธอนั่งไปจนกว่าป้าแกจะบอกว่าไปได้แล้วก็แล้วกัน”
แซนด์มองหน้าฟ้าอย่างอื้งๆ
“ก็ได้ครับ”
เขาหันหลังกลับมา และลังเลว่าควรจะนั่งต่อไปรึเปล่า
“นั่งสิหนู”
หญิงสูงวัยในชุดสีชมพูว่า เด็กหนุ่มจึงนั่งลง
“เธอทานอะไรหรือยังล่ะ?”
หล่อนถามต่อ แซนด์ส่ายหน้า หล่อนทำเสียงจิ๊กจั๊ก
“จริงๆ น๊า ยัยฟ้า น่าจะเอาจานมาเผื่อสักหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ต้องหรอกครับ”
แซนด์รีบพูดขึ้นทันที พร้อมกับส่ายหน้า
“ผมไม่ทานหรอกครับ”
เด็กหนุ่มรีบพูดต่อ หญิงสูงวัยมองหน้ากันและพูดขึ้น
“ไม่ได้หรอก จะให้เธอนั่งดูพวกป้ากินเฉยๆ ได้ยังไง เดี๋ยวป้าเรียกให้เขาเอาจานมาเพิ่มให้”
“ผมไปหยิบให้ก็ได้ครับ”
แซนด์รีบพูด และรีบเดินออกไปหยิบจานที่วางอยู่บนรถเข็นเพื่อไว้สำหรับลูกค้าขอเพิ่มมาอีกจานหนึ่ง ด้วยกลัวว่าคุณป้าแกจะไปเรียกใครมาจริงๆ
“ชาญน่ะ เขาทำอาหารอร่อยจริงๆ นะ”
หล่อนกล่าว และหยิบผ้าที่พับอยู่ขึ้นมาเช็ดปาก แซนด์พยักหน้า นึกไม่ถึงว่ามาทำงานวันแรกก็จะได้กินอะไรหรูหราขนาดนี้ แต่เขาก็กินไปนิดหน่อย เพราะเกรงใจ และรู้สึกเกร็งมากกว่า
“อุตส่าห์ให้มาช่วยร้านยัยฟ้า ไม่นึกเลยว่าจะดันเป็นร้านที่มีแต่เด็กผู้ชายทโมนเต็มไปหมด”
แซนด์กลืนน้ำลายเฮือก นี่เขากำลังจะได้ฟังบ่นรึเปล่านะ
“นั่นสิคะคุณพี่ ถ้ามีเด็กเรียบร้อยๆ แบบนี้น่าจะดีกว่า”
หญิงในชุดสีน้ำเงินเอ่ย อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ไม่หรอกมั้งครับ”
แซนด์เอ่ยขึ้นอย่างกลัวๆ กล้าๆ หญิงทั้งสองหันมามองเขา
“คือ.. จริงๆ แล้วคนเรามันก็มีหลายแบบนะครับ บางคนอาจจะชอบอะไรไม่เหมือนคนอื่นก็ได้ คนที่ดูเรียบร้อยอาจจะดูน่าเบื่อก็ได้นะครับ”
“มันก็จริงหรอกนะ”
หญิงในชุดสีชมพูว่า
“แต่ว่ายังไงป้าก็ชอบแบบหนูมากกว่า อ้าว ยัยฟ้า มาจนได้”
หล่อนเอ่ยทัก เมื่อเห็นผู้เดินเข้ามา
“แวะมาคุยด้วยตามสัญญาแล้วค่ะ”
ฟ้าว่า และนั่งปุลงข้างหล่อน หญิงสูงวัยมองด้วยสายตาระอาเต็มที
“ดูเธอแต่งตัวแล้วป้าล่ะปวดหัว ตกลงจะเป็นทอมกับเขาจริงๆ ใช่ไหม..”
“ไม่หรอกคะคุณป้า”
ฟ้ากล่าว สีหน้าเบื่อไม่แพ้กัน หญิงสูงวัยถอนหายใจ
“จริงๆ นะ ป้าอยากได้หลานแบบเด็กคนนี้น่ะ แกเบ่งให้ป้าสักคนไม่ได้หรือไง”
ฟ้ามองหน้าแซนด์ และส่ายหัวอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไม่เอาหรอก เด็กน่ารำคาญจะตาย”
“แต่ก็เห็นรับไว้ทำงานนี่”
อีกฝ่ายกล่าว ฟ้าทำหน้าบูด
“ก็นี่มันโตแล้วนี่คะ หนูหมายถึงพวกเด็กเล็กๆ ต่างหากล่ะ”
หญิงสูงวัยถอนหายใจ หันมามองหน้าแซนด์
“นี่หนูแซนด์ หนูสนใจจะมาเป็นหลานป้ารึเปล่า แทนยัยเด็กทโมนเนี่ย”
“ไม่ดีกว่าครับ..”
แซนด์รีบปฏิเสธทันที ฟ้านิ่วหน้า
“คุณป้าอย่าไปเที่ยวตู่ลูกชาวบ้านสิคะ”
“ก็หนูคนนี้น่ารักดี ทำไมเธอไม่รับเด็กแบบนี้เข้ามาทำงานนะ เห็นแต่พวกทโมนๆ หยั่งกะลิง”
“มันก็ต้องมีหลายๆ แบบล่ะค่ะคุณป้า หนูดีใจที่คุณป้าชอบเด็กที่หนูรับมาทำงานนะคะ”
หญิงสูงวัยมองหน้าฟ้า และหันไปถามเพื่อนร่วมรุ่น
“กี่โมงแล้วศรี”
“จะเที่ยงคืนแล้วค่ะพี่”
“อืม”
หล่อนส่งเสียงตอบรับ และผุดลุกขึ้น
“ป้าจะกลับล่ะ วันนี้จะเล่นแปลกๆ ตามเธอสักวันหนึ่ง”
“ตามสบายเลยค่ะคุณป้า แล้วอาทิตย์หน้าจะแวะมาอีกรึเปล่าคะ?”
ฟ้าถาม หล่อนส่ายหน้า
“ป้าจะไปเยี่ยมเจ้าวิทย์ที่อเมริการสักสองสามอาทิตย์ ไม่แวะมากวนเธอหรอก แต่ว่าถ้ากลับมาแล้วหวังว่าหนูคนนี้จะยังทำงานอยู่นะ”
“โอเคค่ะ ถ้าคุณป้าจะแวะมา บอกหนูก่อนนะคะ จะได้เตรียมเมนูพิเศษไว้ให้”
“งั้นแปลว่าไอ้ที่ป้ามาก่อนหน้านี้เป็นรอบเซอร์ไพรส์งั้นสิ”
“ก็หนูไม่คิดว่าป้าจะเล่นมาเกือบทุกอาทิตย์นี่คะ”
ฟ้าเถียง หญิงสูงวัยถอนหายใจ
“พอล่ะๆ ป้ากลับก่อนนะ แล้วไว้เจอกัน”
หล่อนกล่าว และเดินออกไป แซนด์ทำท่าจะเดินตามออกไปส่ง แต่เจ้าหล่อนโบกมือห้าม
“ไม่ต้องมาส่งหรอกจ้ะ ไปช่วยยัยฟ้าทำงานเถอะ”
แซนด์พยักหน้า และหันกลับไปเพื่อเก็บโต๊ะ
------------------------------------------
“สุดยอดมากกกกกก”
ฟิวที่เดินตรงเข้ามาจากหน้าร้านพูดกับเขาอย่างตื่นเต้น ขณะที่แซนด์กำลังล้างจานอยู่ หนุ่มร่างสูงเพิ่งเสร็จจากการเก็บกวาดพื้นร้าน
“นายน่ะ รับมือกับคุณป้ามหาประลัยของพี่ฟ้าได้อยู่หมัดเลย ทำไปได้ไงเนี่ย”
“ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมากนี่นา”
แซนด์แย้ง และพยายามขัดคราบเปื้อนบนจานออก เขานึกสงสัยว่าตกลงนี่เขาอยู่เวรล้างจานคนเดียวหรือไงนะ
“ป้าสองคนเนี่ย เรื่องมากสุดยอดเลย ตอนฉันเจอวันแรกแทบร้องไห้ ก็ป้าแกเล่นไล่ให้ฉันกลับเมืองนอก ฉันน่ะยังไม่เคยเห็นหน้าพ่อตัวเองด้วยซ้ำ”
“พ่อฟิว ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรอ?”
แซนด์ถามด้วยความสงสัย ฟิวยักไหล่?
“ไม่เคยเห็นหน้าด้วยซ้ำ เหมือนว่าแม่จะเกลียดพ่อมาก รู้แค่ว่าเป็นอิตาลี่”
เขากล่าว แซนด์หยิบขวดน้ำยาล้างจานขึ้นมา และได้ยินเสียงฟืดด
“เวร น้ำยาล้างจานหมด”
เขาว่า และเปิดฝาขวดออกมา เอาน้ำใส่เข้าไป
“ฟิวไปบอกพี่ฟ้าให้หน่อยสิ”
“ซื้อมาให้แล้วล่ะ”
อีกเสียงหนึ่งพูดแทรกขึ้น ฮงยืนหน้ามึนอยู่ตรงหน้าประตู ในมือมีถุงใส่ขวดน้ำยาล้างจาน
“ทำไมหน้าตาเป็นแบบนั้นน่ะ”
แซนด์ถาม และเข้าใจทันทีว่าที่ฮงหายไปคงจะออกไปซื้อน้ำยาล้างจานนี่เอง แต่ว่าก็ดูจะไปซื้อนานไปหน่อย
“ฉัน โดน ผู้หญิงข้างนอกรุม”
ฮงพูดงขาดช่วงด้วยเสียงหอบ
“ทำไมพี่ฟ้าไม่ใช้ไอ้ฟิวไปซื้อ”
เขาพูดต่อ ฟิวยักไหล่
“ฉันออกไปโดนรุมมากกว่านายอีก”
ฮงถลึงตาใส่ฟิว วางขวดน้ำยาล้างจานลงบนซิงค์ และเข้าประจำตำแหน่ง
เชษฐ์กับก้องเดินเข้ามาพร้อมรถเข็นจานที่เหลือ
“วันนี้นายทำเรื่องเหลือเชื่อ”
ก้องพูดขึ้น และวางจานลงอย่างไม่เกรงใจคนล้าง
“นายรับมือกับคุณป้ามหาภัยได้”
หนุ่มผมสองสีกล่าวต่อ และรับถาดใส่จานจากเชษฐ์
“คุณป้าพี่ฟ้าแกออกจะเอาใจยากอยู่”
เชษฐ์กล่าวเสริม เขาช่วยกวาดเศษอาหารออกจากจานที่เพิ่งเอามาวาง
“ฉันโดนวันแรกเกือบจะลาออกเลย ขนาดเชษฐ์ที่ว่าเรียบร้อยๆ นี่ ป้าแกก็เล่นซ่ะหมดสภาพ ใช่ป่าว?”
ก้องหันไปหาเสียงสนับสนุน เชษฐ์กึ่งพยักหน้า
“ก็คุณป้าแกเอาใจยาก คนมีอายุก็แบบนี้แหละ”
“ยิ่งฮงกับฟิวนี่โดนแบนไปเลย อย่าได้เฉี่ยวไปให้แกเห็นเชียว”
ก้องพูดต่อ แซนด์เห็นฮงทำหน้าแปลกๆ
“ป้าแกไม่พอใจอะไรหน้าผมก็ไม่รู้ เห็นแล้วแกบอกเหม็นขี้หน้า”
ฮงคราง เป็นครั้งแรกที่แซนด์เห็นเขาบ่น
“เขาเรียกว่าผิดมาแต่เกิด”
ฟิวได้ทีสำทับ ทำให้เกิดความรู้สึกว่าอีกหน่อยอาจจะมีเหตุการณ์จานบินเกิดขึ้น
“นายก็โดนพอกันแหละน่า ฟิว”
ก้องช่วยแก้ลำให้ ฟิวทำหน้าหงิก แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มร่า
“แต่ว่า ปัญหาหมดไปแล้ว ตอนนี้เรามีแซนด์มาช่วยกู้โลกแล้ว”
“อืม..”
เชษฐ์ส่งเสียง และหันมาถามแซนด์บ้าง
“นายไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรกับคุณป้าแกใช่ไหม?”
แซนด์ส่ายหน้า
“ไม่นิครับ แกคล้ายๆ คุณป้าผม ก็ดูจะเอาใจยากนะ แต่ก็ไม่ได้น่ากลัว ดูแกจะใจดีด้วยซ้ำ”
“ใจดีกับนายนั่นแหละ เหลือเชื่อเลยจริงๆ”
เสียงฟ้าแทรกขึ้นมา หล่อนเดินเข้ามาร่วมวง
“สองคนนั่นเป็นคุณป้าพี่ แกก็มีบุญคุณกับพี่อยู่หลายเรื่อง และก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอก แค่ปากร้าย ขี้วีน จุกจิก ขี้บ่น”
ก้องหัวเราะเหอะๆ อย่างไม่เชื่อถือ ฟ้ายักไหล่
“จริงๆ ก็ไม่คิดว่าเธอจะถูกใจคุณป้าแกหรอกนะ แต่คนอื่นโดนไล่ตะเพิดหมดแล้ว ก็ต้องลองดู แล้วก็ได้ผลเกินคาด”
“สรุปว่าที่พี่ให้ผมอยู่ทำงานวันนี้เนี่ย เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมครับ”
แซนด์พูดขึ้นในที่สุด เขาส่งจานใบสุดท้ายให้ฮง ฟ้าหัวเราะแหะๆ
“นิดนึง นิดนึงน่า แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ถูกเอ็ดอะไรนี่ ได้กินของดีฟรีด้วย น่าจะดีใจนะ”
“ทำไมผมรู้สึกเหมือนโดนหลอก”
แซนด์ว่า ทำตาปริบๆ ฟ้าทำหน้ามุ่ย
“ไอ้เด็กน่ากลัวนี่ ไปทำตาปริบๆ ทางอื่นไป ถ้าเสร็จแล้วไปด้านนอกสิ เดี๋ยวจะเปิดกล่องแล้ว”
แล้วคนทั้งหมดก็เฮกะโลกันออกไปด้านนอก โดยมีฮงเดินตามไปเป็นคนสุดท้าย
“จะไขของใครก่อน...?”
ฟ้าถาม ขณะหอบกล่องมาวางบนโต๊ะ
“ของแซนด์ ไม่ดีกว่า เอาไว้คนสุดท้าย”
ฟิวว่า ฟ้ายักไหล่
“ไขของนายก่อนเลย พูดมากนัก”
ฟิวหัวเราะ และหยิบกุญแจขึ้นมาไข
“ผมเปิดคนแรกเลยนะ โห เหรียญเพียบ..”
คำกล่าวมาพร้อมกับเสียงเหรียญกระทบโต๊ะ ฟิวแยกมันอย่างชำนาญ
“แลกเลยพี่ฟ้า สองพันห้า”
“เป็นเหรียญซ่ะพันห้าล่ะสิ”
ฟ้าว่า และหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋า
“เอาใบละพันสองใบพอพี่ ไอ้ฝอยๆ นี่เก็บไว้จ่าย”
ฟิวว่า และโกยเหรียญกับแบงค์ย่อยใส่กระป๋องตังทอน
“ใครจะเปิดต่อ เชษฐ์ เธอดีกว่า เมื่อวานก้องมันเปิดคนที่สองไปแล้ว ขี้เกียจฟังมันโม้เรื่องแบ๊งค์ห้าร้อย”
เชษฐ์เดินไปไขกล่องออกเงียบๆ ไม่มีเสียงเหรียญ มีแต่แบงค์สีแดงๆ ม่วงๆ ร่วงออกมา
“สองพันแปด”
ชายหนุ่มสวมแว่นพูด และดันแว่นเข้าที่
“แลกพันนึงครับ”
เขาว่า และเอาใบร้อยปึกหนึ่งเข้ากระป๋อง
“รายได้คงที่นี่เชษฐ์ เอาล่ะ ตาเธอแล้วก้อง”
“คิดว่าจะให้ผมรั้งท้ายซ่ะอีก”
ก้องว่า ฟ้ายักไหล่
“งั้นให้ฮงเปิดก่อน”
ฮงไอแค่กๆ เหมือนมีอะไรติดคอ และเดินมาเปิดกล่อง เสียงเหรียญร่วงกราวเหมือนฟิวไม่มีผิด
“ผู้เป็นที่เอ็นดูของสาวๆ”
ฟ้าว่า เด็กหนุ่มหน้าตี๋แยกเหรียญออกอย่างระมัดระวัง
“สองพันห้าห้าสิบ”
เขาว่า ฟิวทำหน้าเซ็ง
“เหอะ..ห้าสิบบาท”
“เออ ห้าสิบบาท”
ฮงสวน เขาโกยเหรียญกับแบ๊งค์ย่อยลงกระป๋องแลก
“สองพันครับพี่ฟ้า จะเอาไปเข้าแบงค์”
“วันเสาร์แบงค์ไม่เปิดเฟร้ย”
ฟิวขัด
“เข้าในห้างสิ โง่”
ฮงว่า ฟ้ารีบโบกมือ
“อย่าเพิ่งกัดกัน รอพี่จัดแมทช์ จะให้พวกแกฟัดกันให้สะใจเลย ลูกค้าคงชอบ”
ทั้งคู่ทำหน้าหงิก และบ่นขึ้นแทบจะพร้อมกัน
“ไม่เอาโดนรุม...”
“ตาผมสินะ”
ก้องว่า และเดินไปไขกล่อง
“สามพัน สำหรับชายหนุ่มทรงเสน่ห์ที่สุด”
ก้องว่า ได้ยินเสียงฟ้าร้องแหวะ
“พ่อหนุ่มหัวไก่แก้แก่ชรา จะแลกเท่าไหร่คะ?”
“โหพี่ พูดซ่ะหมดความมั่นใจในสีผมเลย แลกเป็นใบห้าร้อยได้แมะ แตกง่าย”
“เออ ได้”
ก้องเอาแบงค์ใส่กระป๋อง
“ได้เวลานายแล้ว นายน้องใหม่”
ฟ้าว่า แซนด์เดินเข้าไป ล้วงหากุญแจอยู่พักหนึ่ง ท่ามกลางสายตาลุ้นของทุกคน
“ทำไมมองผมแบบนั้น”
เขาถามเมื่อเห็นสายตาใคร่รู้ ก้องยักไหล่
“ไม่น่าถาม มีอยู่โต๊ะเดียวที่หยอดกล่องนาย”
แซนด์กลืนน้ำลาย ค่อยๆ ไขกุญแจ
เงียบ... ไม่มีอะไรหล่นบนโต๊ะ
เด็กหนุ่มเขย่ากล่อง หวังว่าจะมีเหรียญหล่นลงมาบ้าง เหรียญสลึงยังดี
เงียบ และว่างเปล่า
“เฮ้ย เคาะๆ หน่อยดิ๊”
ฟ้าว่า แซนด์จึงเขย่ามัน
“ไม่ใช่ พี่หมายถึงเคาะแรงๆเลย ตรงที่หยอดน่ะ”
แซนด์มองฟ้าอย่างงงๆ เจ้าหล่อนเลยคว้ากล่องไปเคาะเอง
ใบสีเทาพับอย่างดีสองใบหล่นลงมา
“นั่นไงว่าล่ะ คุณป้าแกต้องคิดว่าไปหยอดเงินตู้ทำบุญที่วัดแน่ๆ พับซ่ะ”
แซนด์หยิบใบสีเทาสี่เหลี่ยมนั่นขึ้นมา
“แกะเลย เผื่อมีสอดไส้”
ฟ้าเร่ง
“ถ้าไม่ใช่คุณป้าพี่เป็นคนหยอด ผมต้องคิดว่าเป็นแบงค์กาโม่แน่ๆ”
ก้องว่า หญิงสาวยักไหล่
“ถ้าคุณป้าแกตลกขนาดนั้นพวกนายไม่ถูกไล่ตะเพิดหรอก”
แซนด์ลงมือแกะแบ๊งค์สองใบนั้นอย่างตื่นเต้น
เสียงเหรียญหล่นลงบนโต๊ะ
“มีขวัญถุงด้วยแนะ”
ฟ้าว่า
“สองพันห้าบาทกับอีกหนึ่งสลึง”
หล่อนกล่าวแทนเจ้าของเงิน
“เอาไปเก็บใส่กรอบไว้ให้ดีเลยเชียว ครั้งหนึ่งในชีวิต”
ฟ้าพูดอย่างขึงขัง
“ไม่มีใครเคยได้ตังจากป้าพี่ขนาดนี้หรอกเนี่ย ถ้าไม่ใช่ลูกหลาน ขนาดลูกหลานยังขอยากเลย”
หล่อนครางต่อ
“ให้ผมหมดเลยหรอครับ?”
แซนด์ถามอย่างไม่เชื่อ
“เออ หรือจะแบ่ง? แต่จริงๆ แบ่งให้พี่ก็ได้นะ เพราะพี่เป็นคนส่งเธอไปให้คุณป้า”
“โหพี่ฟ้า เพลาๆ ความงกลงบ้างเห้อ”
ฟิวคราง ฟ้าถลึงตาใส่เขา
“เยอะจัง ผมไม่คิดว่าจะได้เยอะขนาดนี้นะเนี่ย”
แซนด์ว่า และรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
“พี่ฟ้าจะเอาไว้ไหม ก็เงินของคุณป้าพี่”
“โอ๊ย ไอ้เด็กนี่ ซื้อบื้อหรืออะไรเนี่ย ก็ป้าเขาให้เธอ เก็บไว้แหละ ถ้าไม่ใช้ก็เอาใส่กรอบ”
“อ่า ครับๆ”
แซนด์พยักหน้า รีบเก็บเงินใส่กระเป๋า ฟ้าหยิบเงินในกระเป๋าขึ้นมาโบก
“ได้เวลาจ่ายเงินรายวัน... ดูกระเป๋าพี่สิ โคตรจะน่าสงสาร”
“ผมก็เห็นฟ้าพูดอย่างนั้นทุกวันแหละ”
เสียงหนุ่มอีกคนเอ่ยขึ้น ฟ้าหันไปทัก
“คุณชาญ มาได้เวลาพอดี”
“อืม ใช่ ได้ยินว่าคุณน้าให้ทิปเด็กหรอ คนไหนกันนะ”
“เด็กใหม่เลย”
ฟ้าว่า และชี้ไปที่แซนด์ คุณชาญพยักหน้า เขาเป็นชายวัยเกือบกลางคน รูปร่างท่วม ใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างอารมณ์ดี ตัดผมสั้น
“สวัสดีสมาชิกใหม่ อาชื่ออาชาญ”
เขาแนะนำตัว ทุกคนยกมือไหว้
“คุณชาญจะกลับเลยหรือเปล่าคะ หนูแยกส่วนของคุณไว้แล้ว”
“อือ แต่ว่า ค่อยจ่ายก็ได้นะ จริงๆ ผมอยากได้เงินเป็นรายเดือนมากกว่า โอนเข้าบัญชีได้ก็ดี”
“จะเอางั้นหรือคะ ก็ได้ค่ะถ้าไม่กลัวฟ้าเม้ม”
“แนะ.. เดี๋ยวฟ้องคุณป้า”
คุณชาญว่า และโบกมือ
“ไว้ค่อยเคลียร์ปลายเดือนแล้วกัน กลับก่อนล่ะ ไว้เจอกันพรุ่งนี้”
“ค่า ขอบคุณมากนะคะ”
ฟ้ากล่าว และไหว้ลาคุณชาญ
“เอาล่ะ มาบอกลาตังฉันดีกว่า”
หล่อนคร่ำครวญ
“วันนี้ได้คนละพัน ถ้วนๆ”
ฟิวเดินหน้าระรื่นไปรับเงิน ตามด้วยก้อง ฮง และเชษฐ์ตามลำดับ
“แล้วเธอไม่เอาหรือไง”
ฟ้าถาม เมื่อเห็นแซนด์ยังยืนนิ่ง
“ผมได้ด้วยหรอ?”
เด็กหนุ่มถาม หญิงสาวย่นคิ้ว
“ก็ได้สิ มาทำงานนี่ หรือไม่เอา”
“เอาครับ..”
แซนด์ว่า และเดินไปรับเงิน
“ฉันคิดว่าจะตั้งกล่องบริจาคของตัวเองบ้าง เห็นพวกนายนับเงินแล้วอิจฉา”
“โอ๊ยพี่ แล้วพวกผมจะเอาอะไรกินคร๊าบบ”
ก้องคราง ฟ้าหัวเราะหึๆ
“แต่ว่าบอกเด็กใหม่ไว้ก่อนเลยนะว่าปกติไม่ได้เยอะแบบนี้หรอก วันนี้เป็นวันศุกร์แล้วก็ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ถ้าเป็นวันธรรมดาหรืออากาศเปลี่ยน ส่วนแบ่งก็จะลดลงไป”
“ครับ”
แซนด์พยักหน้า แค่นี้ก็เยอะมากแล้วสำหรับเขา ตอนแรกคิดว่าจะได้สักสองสามร้อยด้วยซ้ำ
“งั้นผมกลับก่อนนะครับพี่ฟ้า”
เชษฐ์ว่า ฟ้าพยักหน้า
“อืม ขับรถระวังด้วยนะ”
“ครับ”
เชษฐ์พยักหน้า ยกมือไหว้ฟ้าและเดินออกไป
“ผมกลับด้วยดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ตื่นไปนัดสาวๆ”
“จ้าๆ”
ฟ้าตัดบท ขณะที่ก้องโบกมือหยอยๆ
“ขับรถกันดีๆ ล่ะ”
หล่อนกล่าว ขณะเดินออกไปส่งคนทั้งคู่
“พวกนายสองคนว่าไง?”
“แท็กซี่”
ฮงและฟิวพูดขึ้นแทบจะพร้อมกัน
“อืม อย่าไปต่อยกับคนขับล่ะ”
“ไม่ทำหรอก”
ฟิวว่า ขณะที่ฮงส่ายศีรษะ
“แล้วเธอล่ะ?”
“รถเมล์ครับ”
แซนด์กล่าว ฟ้าเลิกคิ้ว
“ดึกแบบนี้จะมีรถเมล์หรอ”
“เห็นว่าวิ่งทั้งคืนน่ะครับ”
“งั้น โชคดี ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะจ้ะ”
ฟ้าโบกมือ และเดินไปเก็บของ
“แล้วพี่กลับไงอ่ะครับ”
แซนด์ถาม
“มีคนมารับ”
เธอตอบและหันไปเก็บของต่อ แซนด์พยักหน้าหงึกหงักและเดินตามฮงและฟิวออกไป
--------------------------------------------
ความคิดเห็น