ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Bonbon cafe' ปิ๊งรักหนุ่มโฮสท์คลับ

    ลำดับตอนที่ #1 : [ตอนที่1] เด็กใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 52


                ถ้าฉันไม่บ้า ก็ต้องงี่เง่าแน่ๆ!!”

                แซนด์คิดในใจ ขณะนั่งจ่อมอยู่บนรถเมล์ครีมแดงที่กำลังวิ่งห้อตะบึงไปตามถนนที่ว่างโล่งตามช่วงสัญญาณไฟจารจร  เขาเป็นเด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีย่างยี่สิบ ผิวสีเหลืองแบบคนจีน  ผมสีดำเริ่มจะยาวได้ที่จากหลุดออกมาจากโรงเรียนมัธยมถูกลมตีจนดูไม่เป็นทรง  นัยน์ตากลมโตดำสนิท ใบหน้ารูปไข่ ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อบ่งบอกว่าสุขภาพดีสมวัย สวมชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงสแลกสีดำ และรองเท้าหนังสีดำมือสอง  ใช่แล้ว มันคือส่วนหนึ่งของเครื่องแบบนักศึกษา

                หลังจากรถเมล์เลี้ยวผ่านโค้งถนนอย่างน่าหวาดเสียว  เด็กหนุ่มก็ยันกายลุกขึ้นจากเก้าอี้ พยายามทรงตัวจากแรงเหวี่ยงของรถ ตรงไปที่ประตูและกดออด ก่อนจะกระโดดลงบนฟุตบาทบทถนนสายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่านราตรีที่คึกคักย่านหนึ่งของกรุงเทพ

                    อะไรทำให้นักศึกษาใหม่ อย่างเขาต้องถ่อมาในย่านแบบนี้ต่อนบ่ายแก่ๆ กันนะ?!

                แสงแดดที่แผดแรงทำให้เหงื่อไคลเริ่มไหลย้อย ขณะที่เด็กหนุ่มย่างเท้าไปตามฟุตบาท  เขายกแขนเสื้อขึ้นเช็ดใบหน้า และตระหนักว่ามันทำให้เชิ้ตสีขาวตัวนั้นเลอะ แม้จะรีบใช้มือปัดๆ รอยเลอะนั้นออก แต่ก็ไม่เป็นผล  แซนด์ตัดสินใจปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น

                จะเป็นไงก็เป็นกันว่ะ!!”

                เขาคิด และก้าวเดินต่อ  เนื่องจากฐานะทางบ้านที่เริ่มจะง่อนแง่นเพราะสภาพเศรษฐกิจพิษแฮมเบอร์เกอร์ และค่าใช้จ่ายในมหาลัยที่บานปลายกว่าที่คิดเอาไว้  เด็กหนุ่มจึงตัดสินใจว่าจะหางานพิเศษทำ เนื่องจากเป็นเด็กต่างจังหวัดเขาจึงไม่ค่อยจะรู้จักสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมากนัก  อย่างไรก็ดี ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนและรุ่นพี่ เขาก็ดั้นด้นมาถึงจนได้

                    ที่ที่เขาคิดว่าอาจจะได้งานพิเศษทำ

                เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดเหงื่อ  ขณะเงยหน้าขึ้นมองชื่อซอยและป้ายไฟตามตัวตึก  เขาภาวนาให้มาไม่ผิดที่  จากคำบอกเล่าที่ได้รับทางโทรศัพท์  ร้านน่าจะอยู่แถวๆ นี้นี่นา  หรือว่าอาจจะเดินเลยมาแล้ว  ขณะที่เริ่มลังเลว่าจะกลับไปนับซอยใหม่ สายตาของเขาก็พบกับป้ายไฟนีออนสีชมพูพื้นดำเล็กๆ บนตึกตรงหัวมุมหลังหนึ่ง

                “Bonbon café”

                แซนด์เผลอยิ้มออกมาอย่างดีใจ  ร้านนี้ไม่ผิดแน่ๆ  ชื่อร้านแบบเดียวกับที่เขาเปิดเจอในอินเตอร์เน็ต แม้ว่าสภาพตอนกลางวันจะดูแปลกไปบ้าง แต่ก็คงเป็นร้านที่อยู่ในรูปนั่นแหละ  เด็กหนุ่มรีบเดินตรงไปยังร้านนั้น และพบว่าประตูเหล็กม้วนแง้มอยู่ครึ่งหนึ่ง

                    เขาคงมาถูกที่แล้ว!!

                ด้วยส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบห้าเซ็นติเมตร การก้มผ่านประตูที่แง้มอยู่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเรื่องยาก แต่กว่าจะรู้ว่ากระจกประตูด้านในนั้นอยู่ใกล้กว่าที่คิด  หัวของเขากระแทกมันเข้าอย่างจัง

                แซนด์ยกมือขึ้นลูบศีรษะป้อยๆ และคิดว่าตัวเองอาจจะทำกระจกแตก  เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองกระจก นอกจากรอยเลอะเหงื่อแล้ว  ก็ยังมีคนอีกคนหนึ่งอยู่ด้านหลังกระจก

                ตายล่ะ  เธอก็ชนหรือเนี่ย

                เสียงพูดดังขึ้น พร้อมกับประตูกระจกที่ถูกเปิดออก  แซนด์จำได้ทันทีว่ามันเป็นเสียงเดียวกับที่เขาคุยโทรศัพท์ด้วย

                พี่ฟ้าใช่ไหมครับ?

                เขาถาม  คนที่ยืนอยู่พยักหน้า

                เข้ามาก่อนสิ

                เธอเอ่ย  แซนด์รีบก้าวตามเข้าไปทันที

                แสงแดดที่ลอดผ่านช่องเจาะของประตูเหล็กม้วนเข้ามาอย่างสลัวๆ ส่องให้เห็นสภาพภายในร้านที่ตกแต่งเหมือนร้านอาหารเล็กๆ  แซนด์รู้สึกผิดคาดอยู่บ้าง เขาคิดว่ามันจะผับเสียอีก  แต่ก็ไม่แน่นัก เพราะตอนนี้ยังเป็นตอนกลางวันอยู่

                ชอบร้านรึเปล่าล่ะ

                ผู้หญิงที่เดินนำหน้าเขาถามขึ้น ขณะที่ก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง

                ก็ดูน่ารักดีนะครับ

                เด็กหนุ่มว่า  จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้สังเกตชัดๆ เลยว่า ผู้ที่เขาเรียกว่าพี่ฟ้า หน้าตาเป็นยังไง

                แซนด์คุยกับเธอทางโทรศัพท์ หลังจากเจอประกาศรับสมัครงานในอินเตอร์เน็ต  ซึ่งเป็นงานที่ดูจะง่ายและรายได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ และก็ดูไม่ค่อยน่าเชื่อถืออีกด้วย

                มันเป็นประกาศรับสมัครหนุ่มโฮสท์คลับ!!

                ที่ว่าดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือนั้น  ไม่ใช่เรื่องรายได้ แต่เป็นเรื่องที่ว่าไม่มีเรื่องการบริการทางเพศมาเกี่ยวข้องต่างหาก เท่าที่แซนด์รู้มา พวกผู้ชายที่ทำโฮสท์คลับก็จะต้องทำเรื่องแบบนั้นด้วยนี่นา  แต่ดูเหมือนร้านนี้จะยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีการให้บริการอย่างว่า  หลังจากใช้เวลาคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็ตัดสินใจโทรติดต่อตามเบอร์โทรร้านที่ลงเอาไว้ และได้รับคำนัดแนะให้มาสัมภาษณ์งานที่นี่  คนที่คุยกับเขาก็คือพี่ฟ้านี่เอง

                เอาล่ะ  นั่งๆ

                เธอกล่าว เมื่อพาเขาเดินเข้ามาในห้องชั้นบนซึ่งเปิดไฟสว่าง  ภายมีเก้าอี้พับหลายตัววางพิงผนังอยู่  ตรงกลางห้องมีโต๊ะทำงาน  มันคงเป็นห้องผู้จัดการ แซนด์ดึงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามออก และนั่งลง ในขณะที่อีกฝ่ายเดินอ้อมไปหลังโต๊ะและนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเขา

                มีใบประวัติรึเปล่า?

                หล่อนถาม แซนด์รีบดึงแฟ้มออกมาจากกระเป๋าเป้ และรื้อกระดาษปึกหนึ่งยื่นให้เจ้าหล่อนทันที

                เอาแค่ใบสมัคร กับสำเนาบัตรประชาชนพอจ้ะหนู พี่ไม่ใช่ศูนย์รับสมัครสอบโอ้เอ้เน็ตนะจ้ะ

                หล่อนว่า พลางยื่นมือมารับเอกสารไปจากเขา  แซนด์หัวเราะแหะๆ  ขณะที่เธอก้มลงอ่านเอกสาร ตอนนี้เองที่เขามีโอกาสได้สังเกตผู้หญิงคนนี้ชัดๆ  เธอดูผิดกับที่เขาคิดไว้นิดหน่อย  จากเสียงที่ได้ยินทางโทรศัพท์  แซนด์คิดว่าพี่ฟ้าคงเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูน่ารัก  แต่ดูจากส่วนสูงที่ประเมินด้วยสายตาอย่างคร่าวๆ แล้ว ผู้หญิงคนนี้ต้องสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบ  ผมสีดำหยักศกที่ถูกรวบเอาไว้หลวมๆ  ไม่เป็นระเบียบ และเสื้อสูทลำลองทรงแปลกๆ กับเสื้อเชิ้ตสีม่วงอ่อนที่อยู่ด้านใน ทำให้เธอดูเหมือนพวกสาวเซอร์ๆ ทำงานอาร์ตๆ มากกว่าจะเป็นเจ้าของร้านโฮสคลับ

                ชื่อเธออ่านว่าอะไรนะ มหรณพ?

                นั่นเป็นคำแรกที่เจ้าหล่อนเอ่ยถามเมื่อก้มหน้าอ่านใบประวัติ  ไม่ใช่ครั้งแรกที่แซนด์ถูกถามเรื่องชื่อแบบนี้

                อ่านเหมือนมหรรณพแหละครับ

                เขาว่า และเห็นหล่อนขมวดคิ้ว

                สะกดแปลกดี  ช่างเถอะ ชื่อเล่นล่ะ?

                แซนด์ครับ

                เขาตอบ  เธอเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา และวางใบประวัติลง

                แนะนำตัวกันเลยนะ พี่ชื่อทิคัมพร  เรียกพี่ฟ้านั่นแหละ  พี่เป็นเจ้าของที่นี่  เธอคงรู้แล้วว่าพี่ทำธุรกิจแบบไหน

                เอ้อ..ครับ เป็นการเปิดบริการโฮสท์คลับใช่ไหมครับ

                แซนด์ตอบ และภาวนาว่ามันไม่ฟังผิดหูเจ้าหล่อนเท่าไรนัก  ฟ้าเลิกคิ้วและพยักหน้า

                จะพูดอย่างนั้นมันก็ใช่อยู่  แต่งานจริงๆ มันก็เหมือนกับพวกเด็กเสิร์ฟนั่นแหละ คือเธอต้องทำหน้าที่บริกรด้วย และก็ต้องทำให้ลูกค้าพอใจไปด้วยในตัว

                ยังไงน่ะครับ?

                แซนด์ถามอย่างสงสัย และคิดขึ้นได้ทันทีว่านี่อาจจะเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะถามในตอนนี้

                ก็  เธอต้องเข้าใจลูกค้า  แต่ไม่เป็นไรหรอก ฉันจะเลือกลูกค้าเหมาะๆ ให้เธอ  แต่เธอต้องรู้ไว้ก่อนนะว่าร้านเราไม่ได้ขายเซ็กซ์ เพราะฉะนั้นห้ามตามไปมีอะไรกับลูกค้าเด็ดขาด

                แซนด์สั่นศีรษะอย่างแรงทันที  เขาไม่คิดจะทำอะไรพรรณนั้นอยู่แล้ว  เพราะเห็นย้ำว่าไม่มีเรื่องพวกนี้หรอกนะ ถึงได้ติดต่อมาทำงานที่นี่ 

                ฟ้าหัวเราะชอบใจกับทีของเด็กหนุ่ม และขยับตัวเข้ามาใกล้

                เข้าประเด็นเลยนะ  เธอยังอายุไม่ครบยี่สิบใช่ไหม?

                แซนด์รู้สึกเสียวสันหลังวาบ  เรื่องนี่แหละที่ทำให้เขาเป็นกังวล

                ปลายปีนี้ก็จะครบแล้วล่ะครับ

                เด็กหนุ่มกล่าว รู้สึกเหงื่อซึมออกมาจากหนังหัว ทั้งๆ ที่ในห้องก็เปิดแอร์จนเย็นได้ที่  ฟ้าจ้องหน้าเขา และพูดต่อ

                ร้านพี่เป็นสถานบริการประเภทกลางคืน ถ้าตำรวจมาตรวจเจอว่ามีเด็กอายุไม่ถึงยี่สิบมาทำงานพี่ไม่ซวยล่ะรึ?

                ครับ..

                แซนด์พยักหน้า และกลืนน้ำลาย  มีทีท่าว่างานพิเศษที่นี่ของเขาจะปิ๋วเสียแล้ว  เด็กหนุ่มย่นคิ้วอย่างอ่อนใจ  แล้วความเงียบก็เข้าปกคลุมห้อง

                แล้วจะเอาไง?

                ในที่สุดฟ้าก็ถามขึ้น  แซนด์เงยหน้าขึ้นมองหล่อน รู้สึกหมดแรง

                ก็แล้วแต่พี่ล่ะครับ

                เด็กหนุ่มว่า  ฟ้ายักไหล่ และพูดต่อ

                ถ้าพี่บอกว่าไม่ได้เธอก็จะกลับไปงั้นสิ?

                แซนด์พยักหน้าหงึกๆ  เริ่มใจเสีย  ท่าทางเขาจะไม่ได้งานจริงๆ

                งั้นก็กลับ  พี่อยากได้เด็กที่ตั้งใจทำงาน มากกว่าเด็กที่เข้ามาเสี่ยงดวงสัมภาษณ์

                เด็กหนุ่มคอตก  เขาลุกขึ้นยืนเก็บกระเป๋า ทำท่าจะเดินออกไป  แต่แล้วก็นั่งลงอีก  ฟ้ามองเขาอย่างแปลกใจ

                อายุยังไม่ครบยี่สิบก็ทำได้หรือครับพี่?

                แซนด์เงยหน้าขึ้นถาม แววตาดูมีความหวังอย่างประหลาด  หญิงสาวยักไหล่

                ก็ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้นี่  อยากจะทำงานที่นี่รึเปล่าล่ะ?

                ครับ

                แซนด์พยักหน้า เขายิ้มออกมาได้ในที่สุด  รอยยิ้มนั้นดูซื่อๆ จนอีกฝ่ายต้องเผลอยิ้มตอบให้ด้วย  แต่ว่าฟ้าก็ยังไม่พูดอะไร  ในที่สุดเด็กหนุ่มจึงตัดสินใจพูดขึ้นก่อน

                ให้ผม..เอ้อ  ให้ผมทำงานที่นี่ด้วยนะครับ

                เสียงตบมือของฟ้าทำให้เด็กหนุ่มสะดุ้งหลังพูดจบ

                ฮ้า!! นี่แหละ ใช้ได้เลย  ที่เธอทำตะกี้เนี่ย  ลูกค้าต้องชอบใจแน่ๆ  ชื่อแซนด์สินะ  ไอ้หน้าตาอ้อนๆ แบบนั้นน่ะ  ไปหัดทำมาให้คล่องเลยนะ

                เธอว่า และผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้  ตอนนี้แซนด์เริ่มจะสงสัยแล้วว่าเขาจะได้งานรึเปล่า และคนที่สัมภาษณ์เขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่นะ  เพราะดูไปดูมาท่าทางเหมือนผู้หญิงเอาเสียเลย

                ตกลง  ผมได้งานรึเปล่าครับ?

                เด็กหนุ่มถาม  เขามองหน้าหล่อนด้วยสายตาแปลกๆ ฟ้ายิ้มกว้าง เดินมาเอามือตบไหล่แซนด์จนหน้าเกือบคว่ำ

                แน่นอนไอ้น้อง  ให้เริ่มทำงานวันนี้เลยยังได้

                วะ..วันนี้เลยหรือครับ?

                ฟ้าพยักหน้า และพูดต่อด้วยน้ำเสียงร่าเริง

                ใช่ ที่นี่จ่ายเงินกันวันต่อวัน ค่าทิปต่างหาก  ถ้าขาดงานเกินสามวันไม่มีแจ้งจะโดนไล่ออก แล้วก็ ถ้ามาสัมภาษณ์งานแล้วหายไปเกินสองวันก็ปิ๋วเหมือนกัน  โอเค?

                แซนด์พยักหน้าหงึกหงัก และเริ่มคิดว่าบางทีฟ้าอาจจะเป็นกระเทยก็ได้ ผู้หญิงอะไร สูงก็สูง แถมยังพูดหมือนผู้ชายอีก  แต่เขาก็ไม่กล้าถาม คงต้องหาทางพิสูจน์เอาทีหลัง

                แต่ว่านะ พี่อยากให้เธอเริ่มงานวันนี้เลย  เริ่มวันนี้ก็ได้เงินวันนี้นี่แหละ  แต่ถ้าจะขอเวลาไปเตรียมตัวก็ไม่ว่ากัน

                ผมคงต้องไปเตรียมเสื้อผ้า

                แซนด์ว่า เขาใจเต้นตึกตั่ก นี่เขาได้งานล่ะรึ  มันดูไม่ค่อยจะน่าเชื่อเท่าไหร่  ทำไมสัมภาษณ์แล้วรับกันง่ายๆ อย่างนี้นะ  เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกหวั่นใจ

                ไม่ต้องๆ

                ฟ้าพูดขึ้นอีก  และเดินไปเก็บเอกสารสมัครงานของแซนด์ใส่แฟ้ม

                ที่นี่มีชุดไว้ให้  จริงสิ!!”

                หล่อนทำท่าเหมือนนึกอะไรได้

                เธอน่าจะไปลองชุดเสียหน่อย  พี่ว่าถ้าเธอไม่ติดธุระอื่นก็น่าจะลองทำงานคืนนี้เลย เผื่อว่าไม่โอจะได้ไม่ต้องกลับมาอีกไง

                เอางั้นหรือครับ?

                แซนด์ถามอย่างไม่แน่ใจ  นี่เขากำลังจะโดนหลอกไปทำอะไรรึเปล่านะ  กับสาวที่ไม่รู้ว่าเทียมหรือแท้กันแน่เนี่ย  ฟ้ายักไหล่ มองหน้าเขาอย่างสงสัย

                ก็ใช่สิ  เธอว่างรึเปล่าล่ะ?

     

    ----------------------------------------

                ไม่รู้ว่าเขาเป็นพวกเชื่อคนง่าย หรือว่าโลภ หรือว่าเป็นพวกเด็กหัวอ่อนกันแน่ หลังจากลองชุดที่เหมือนกับชุดพนักงานล้างจานที่ฟ้ารื้อออกมาให้แล้ว  แซนด์ก็ตกลงว่าจะอยู่ทำงานคืนนี้  บางทีมันอาจจะทำให้เขาไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกก็ได้  ถ้าเกิดเขาไม่พอใจ  และเพราะเหลือเวลาที่ร้านจะเปิดอีกไม่ถึงสองชั่วโมง  ฟ้าจึงชวนเขาทานข้าวเย็น หรือว่าของรองท้องก่อนเริ่มทำงานนั่นแหละ

                มันคือส้มตำกับข้าวเหนียวปลาดุกย่างที่เธอลงไปซื้อกับร้านรถเข็นที่เข็นผ่านหน้าร้านเป็นประจำ

                แซนด์มองหน้าฟ้า ขณะที่เธอกำลังตักส้มตำเข้าปาก ตอนนี้เขานั่งอยู่บนโต๊ะที่ใช้สัมภาษณ์งานที่ถูกเปลี่ยนเป็นโต๊ะส้มตำไปเรียบร้อย

                พี่ทำงานแบบนี้นานแล้วหรอ?

                เด็กหนุ่มเอ่ยถามขึ้น หลังจากบิข้าวเหนียวก้อนเล็กๆ เข้าปาก  เขายังนึกสงสัยไม่หายว่าหลุดเข้ามาในโลกธุรกิจแปลกๆ รึเปล่า ตอนบ่ายเขานั่งรถเมล์ร้อนตับแตกมาสัมภาษณ์งานโฮสท์กับผู้หญิงที่เขาไม่เคยรู้จัก และตอนนี้เขากำลังนั่งกินส้มตำกับเธออยู่ในห้องทำงาน

                สามเดือน

                หล่อนว่า พลางบิข้าวเหนียวจิ้มกับส้มตำ

                ก่อนหน้านี้ล่ะครับ?

                เด็กหนุ่มถามต่อ และเอาข้าวเหนียวจิ้มส้มตำบ้าง

                ดีไซน์เนอร์ ถามไปทำไม กลัวถูกหลอกหรอ?

                ฟ้าถามย้อน และถลึงตามองเขา แซนด์ส่ายหัวทันที  แต่ในใจก็คิดว่าเขากลัวจะโดนหลอกจริงๆ นั่นแหละ

                สบายใจเหอะ ฉันไม่ชอบกินเด็กหรอก  แต่ว่าลูกค้าล่ะไม่แน่

                แซนด์ฟังแล้วรู้สึกสยองแปลกๆ เขาจึงถามออกไปอีก

                ลูกค้าที่นี่ เป็นแบบไหนกันหรือครับ?

                เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ คืนนี้ไง

                ฟ้าว่า และหยิบผักบุ้งขึ้นมาเคี้ยวเหมือนกระต่าย  แซนด์บิข้าวเหนียวขึ้นมา ถือมันค้างไว้อย่างนั้น และมองไปรอบๆ

                พี่อยู่ที่นี่คนเดียวหรอ?

                อืม

                แล้วคนอื่นล่ะครับ  เอ้อ หมายถึงพนักงานคนอื่นน่ะ

                เดี๋ยวก็คงมากันแล้วล่ะ  นี่เธอไม่ชอบกินส้มตำหรอ

                หญิงสาวถาม เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ค่อยจะกินอะไรที่อยู่บนโต๊ะนัก  แซนด์ส่ายหน้า นึกในใจว่าถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะออกอาการแบบเขานี่แหละ ให้มากินส้มตำกับคนที่ไม่ได้รู้จัก ใครจะไปกินลงกัน  แล้วเขาก็ได้ยินเสียงดังโครมครามดังมาจากชั้นล่าง

                นั่นไงล่ะ พูดไม่ทันขาดคำ

                ฟ้าพูด  และตักส้มตำเข้าปาก

                รีบกินเข้า งานที่นี่เลิกดึกแล้วก็ไม่ค่อยมีเวลาให้พักกินของว่างหรอกนะ

                เธอว่า แซนด์กระพริบตาปริบๆ นี่เขาต้องทำงานแบบโรงงานนรกรึเปล่านะ  และแล้ว ประตูห้องก็ถูกเปิดผลัวะออก

                โย่  สวัสดีครับพี่ฟ้า  ทายซิว่าวันนี้ผมซื้ออะไรมา

                ผู้มาถึงใหม่เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงชะลูด สงสักเกือบร้อยเก้าสิบเห็นจะได้ เสียงโครมครามเมื่อกี้คงเป็นเสียงชนประตูไม่ผิดแน่  เรือนผมสีน้ำตาลอ่อน และดวงตาสีเขียวสดบ่งบอกชัดเจนว่าเจ้าหมอนี่ต้องเป็นลูกครึ่งหรืออะไรสักอย่าง

                ถ้าส้มตำร้านป้าศรีล่ะก็พี่กำลังกินอยู่

                หง่า...

                เด็กหนุ่มส่งเสียงคราง และมองไปทางแซนด์

                ใครอ่ะครับพี่  น้องชายหรอ?

                เขาเอ่ยถาม  ฟ้าส่ายหน้า

                เด็กใหม่  ชื่อแซนด์

                โอ้..พี่รับเด็กเข้ามาทำงานใหม่หรอเนี่ย

                ผู้มาใหม่กล่าวอย่างร่าเริงและลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ วางถุงใส่ส้มตำลงบนโต๊ะ

                หวัดดี ฉันชื่อฟิว

                เขาเอ่ยทักทาย  ด้วยส่วนสูงที่สูงกว่าแซนด์เกือบๆยี่สิบเซ็นทำให้แซนด์ต้องเงยหน้ามอง

                ฟิวมีผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศก ตาสีเขียว ผิวสีน้ำผึ้ง จมูกโด่ง  ริมฝีปากได้รูป  รอยยิ้มที่ยิ้มยิงฟันอย่างเปิดเผยจริงใจนั้น ทำให้รู้สึกว่าคนคนนี้คงสามารถคบหาได้อย่างสบายใจ ตอนนี้เขากำลังยิงฟันให้กับฟ้า ผู้กำลังกวาดส้มตำที่เหลือในจานเข้าปาก

                กินของผมอีกถุงนึงได้ป่าวพี่?

                อิ่มแล้ว

                ฟ้าว่า  เงยหน้าขึ้นมองทั้งแซนด์และฟิว ก่อนจะพูดขึ้น

                เจ้านี่ชื่อฟิว แก่กว่าเธอสักสองสามปีมั้ง ใช่ไหม? เห็นว่ากำลังจะเรียนจบนี่

                ฟิวพยักหน้า  และหันไปมองแซนด์แวบหนึ่ง

                คงไม่ใช่ว่าอายุยังไม่ถึงยี่สิบหรอกนะ

                หนุ่มผมสีน้ำตาลลูกนัทหันถามฟ้า  แซนด์คิดว่านั่นน่าจะถามเขามากกว่า อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มยังคงเลือกที่จะเงียบไว้  ฟ้าพยักหน้าหงึกหงัก และรีบพูดเมื่อเห็นฟิวทำท่าอ้าปาก

                ทำงานได้แล้วกัน

                หล่อนว่า  และยกจานขึ้น

                กินต่อกันไปก่อนแล้วกัน  พี่จะลงไปเปิดประตูให้กว้างขึ้นสักหน่อย  เผื่อใครจะชนอีก

                ไม่ต้องหรอกพี่  ให้ไอ้ฮงมันชนบ้าง

                ฟิวค้าน ฟ้าหันมามองและพูดเรียบๆ

                เดี๋ยวกระจกฉันแตก

                และเดินออกจากห้องไป  ฟิวจัดแจงเดินไปหยิบจานที่วางอยู่ตรงมุมห้องและเทส้มตำลงไปอีกถุงหนึ่ง  แซนด์คิดว่านี่เป็นหนที่สองของวันนี้แล้วที่เขาต้องกินอะไรกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

                นึกไงมาทำงานที่นี่น่ะ

                ฟิวเอ่ยถาม ขณะตักส้มตำเข้าปาก  แซนด์มองหน้าเขา หน้าตาฝรั่งจ๋าแบบนี้ช่างไม่เข้ากับภาษาไทยชัดเจนที่พูดออกมาเลย

                เปิดเจอในอินเตอร์เน็ตน่ะ

                เหมือนกันเลย

                ฟิวว่า และหยิบปลาดุกย่างขึ้นมากิน  ขนาดตัวไซต์นี้คงฟาดของตรงหน้าได้เรียบในพริบตาแน่ๆ

                นายก็กินด้วยสิ ที่นี่ไม่ค่อยมีพักเบรกหรอกนะ

                เป็นครั้งที่สองที่แซนด์ถูกเตือน  ดังนั้นเขาจึงเริ่มกินบ้าง

                พี่ทำงานที่นี่นานแล้วหรอ?

                เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าถาม  ไหนๆ ก็ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่ทำงานที่นี่มานานแล้ว ลองถามดูหน่อยแล้วกัน

                เกือบๆ สามเดือนแล้วล่ะ ฉันเข้ามาทำงานหลังร้านเปิดได้สักครึ่งเดือน  แล้วก็ไม่ต้องเรียกพี่หรอก จั๊กจี๋

                อืม..  แล้วที่นี่มีคนทำงานเยอะหรือเปล่า  หมายถึงพวกที่ทำหน้าที่โฮสท์

                จะบอกว่าเป็นโฮสท์ก็ไม่เชิงหรอกนะ  จริงๆ แล้วก็ต้องล้างจานด้วยเหมือนกัน  ผสมเหล้าก็ด้วย  แต่พ่อครัวจะมีต่างหาก

                ฟิวบอก  แซนด์เบิ่งตาอย่างแปลกใจ

                ต้องล้างจานด้วยหรอ?

                เขาถาม  หนุ่มร่างสูงยักไหล่

                ใช่ แต่เป็นเวรๆ น่ะ  ผลัดกันสองคน  เดี๋ยวนายก็คงถูกจับคู่เองแหละ ว่าจะต้องล้างวันไหน คู่กับใคร

                ไม่เห็นพี่ฟ้าบอกผมเรื่องนี้เลย

                ฟิวอมยิ้ม  ยิ้มของเขาดูมีเสน่ห์แบบเด็กผู้ชายห่ามๆ

                พี่ฟ้ายังไม่บอกนายอีกหลายเรื่องแน่ๆ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เดี่ยวก็รับได้ไปเองแหละ

                เสียงเปิดประตูดังขึ้นขัดจังหวะการพูดคุย ตอนแรกแซนด์คิดว่าเป็นฟ้า แต่พอมองไปพบว่าเป็นคนหน้าใหม่อีกเช่นกัน

                อ่อ เด็กใหม่..

                ผู้เปิดประตูเข้ามาเป็นเด็กหนุ่มสูงราวๆ ร้อยเจ็ดสิบกว่าๆ  คิ้วหน้า ตาเหลี่ยม  เหมือนว่าจะมีเชื้อจีนผสมอยู่เยอะ  ริมฝีปากบางสีชมพูแทบจะเป็นเส้นตรง น้ำเสียงที่พูดทักทายนั้นดูไม่ค่อยจะมีอารมณ์ยี่หระกับอะไรเท่าไหร่นัก

                เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ แซนด์ ฝั่งตรงข้ามกับที่ฟิวนั่งอยู่ ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่า ตั้งแต่ที่คนคนนี้โผล่เข้ามาดูเหมือนว่าบรรยากาศของฟิวจะเปลี่ยนไป

                นายชื่ออะไร?

                เขาเอ่ยถาม  แซนด์หันหน้ากลับไปมองและเกิดรู้สึกไม่เป็นมิตรทันทีกับดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นที่ดูจะเหมือนหาเรื่องตลอดเวลา

                แซนด์

                นี่ เวลาเขาจะถามชื่อใครก็ควรจะแนะนำชื่อตัวเองก่อนไม่ใช่หรือไง

                ฟิวพูดแทรกขึ้น  หนุ่มตาหลิมชายตามองผู้พูดแวบหนึ่งอย่างไม่แยแส ก่อนจะพูดต่อ

                ฮง

                เขากล่าว  และก่อนที่แซนด์จะได้พูดอะไร เสียงฟิวก็ดังขึ้นอีก

                ใช่ ฮง  เหมือนโฮ่ง โฮ่งรึเปล่า? ฮ่ะๆ

                น้ำเสียงที่ดูจงใจละล้อเลียนนั้นทำให้แซนด์รู้สึเสียววาบ  เจ้าของชื่อที่ได้ยินคงไม่พอใจแน่ๆ

                ดูเหมือนนายจะอยากกินรองเท้าแทนส้มตำนะ

                ฮงพูด  เขาลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีไม่เป็นมิตรสุดๆ แซนด์ขยับร่างกาย พร้อมจะหลบทันทีที่มีอะไรเกิดขึ้นตามมา

                วันนี้ฉันจะจัดสรรให้มันเข้าไปอยู่ในปากนายตามต้องการเลย

                น่ากลัวตายล่ะ เจ้ามาเฟียตี๋หลิมนี่

                ฟิวว่า คำพูดของเขายิ่งกวนอวัยวะส่วนล่างอีกฝ่ายมากขึ้น แซนด์หลับตาปี๋  คาดว่าไม่นานคงมีเสียงตุบพลั่กตามมา

                เฮ้ๆ  พ่อหนุ่มสองคนนั่น  ถ้าจะมีเรื่องกันล่ะก็ไว้หลังเลิกงานดีกว่านะ ไม่งั้นพวกนายได้ถูกเจ๊ฆ่าหมู่แน่ๆ

                เสียงใหม่ดังขึ้น แซนด์เงยหน้าขึ้นมอง วันนี้เขาได้เจอกับคนที่ไม่รู้จักเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว

                ผู้มาใหม่เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี สูงราวๆ เกือบร้อยแปดสิบ ผมหยักศกเล็กน้อยซอยประบ่า แสกข้างแบบเซอร์ๆ ไฮไลท์สีขาว  อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตปักลายสีม่วงอ่อน  ไฝสีดำเม็ดเล็กๆ ที่อยู่ใต้ตาขวา ใบหน้าที่ดูเหมือนจะเปื้อนรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลานั้น ดูมีเสน่ห์มากขึ้น

                การมาถึงของชายหนุ่มที่ว่าดูเหมือนจะยุติศึกระหว่างฟิวกับฮงได้ครู่หนึ่ง  ทั้งสองผละออกจากกัน

                ถ้าก้องไม่ห้ามล่ะก็ นายน่าดูแน่

                ฟิวยังไม่เลิก  ฮงเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าเอาสิ ในขณะที่ก้องลากเก้าอี้มานั่งข้างฟิว พลางตบไหล่

                เฮ้ย อย่าไปหาเรื่องฮงมากนักสิ  พวกนายสองคนนี่ เหมือนงูกับพังพอนเลย

                งั้นเจ้าฮงต้องเป็นงูแน่ๆ งูเห่าด้วย

                แซนด์เห็นฮงแยกเขี้ยวใส่ฟิว  สองคนนี่คงไม่ถูกกันจริงๆ ด้วย  ผู้มาใหม่ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เขาหันมามองแซนด์

                เด็กใหม่สินะ ฉันชื่อก้อง

                แซนด์ครับ

                เด็กหนุ่มแนะนำตัวเอง  และนึกว่าจะมีใครมาร่วมโต๊ะส้มตำกับเขาอีกไหมหนอ  ไม่นานนักฟ้าก็โผล่เข้ามา

                ตอนแรกฉันว่าจะทำประตูใหม่ เลื่อนเข้ามาอีกหน่อย แต่คิดอีกที  เอาค่าทำประตูไปทำอย่างอื่นดีกว่า พวกนายก็หลบกันเอาเองแล้วกัน

                แล้วเจ๊จะพูดทำไมล่ะคร๊าบบ

                ก้องกับฟิวครางพร้อมกัน  แซนด์รู้สึกเห็นด้วย ขณะที่ฮงหยิบปลาดุกขึ้นมากินอย่างไม่สนใจ

                ว่าแต่วันนี้เจ๊ใส่เสื้อสีเดียวกับผมเลย  เรียกว่าใจตรงกันดีไหมนะ

                ก้องกล่าวต่อ และเดินไปหาฟ้าพร้อมรอยยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยบนใบหน้า  ฟ้าหัวเราะหึๆ

                สีม่วงนี่สีแห่งเกย์โลกเชียวนะ  ดีใจที่เธอชอบ

                คำพูดนั้นทำให้ก้องหน้าหงิก  ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องพูดต่อ

                ผมว่าถ้ายังเปิดหัวใจของเจ๊ไม่ได้ จะขอลาพักรักร้อนสักสองสามวัน..

                ลาออกไปเลยก็ได้นะ

                เสียงทุ้มๆอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นขัด  ก้องหน้าเบ้ บ่นอุบอิบ  ฟ้าหันไปทักทายผู้ที่มาใหม่

                หวัดดีเชษฐ์  แล้วเก๋ล่ะ?

    ผู้ถูกถามส่ายหน้า และก้าวเข้ามาในห้อง  เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูง ความสูงนั้นพอๆ กับก้อง แต่ร่างกายดูจะหนากว่านิดหน่อย  ผมสีดำตัดสั้นหวีแสกเรียบร้อย  คิ้วดกหนาได้รูปรับกับดวงตาเรียวเล็กใต้แว่นตากรอบทองหนาเตอะ  สันจมูกโด่ง ริมฝีปากหนาและเหยียดตรง ทำให้รู้สึกถึงความเงียบขรึมและดูสงบอย่างแปลกๆ

                พี่เก๋ไม่ได้แวะมาหรอก ติดธุระน่ะ

                เขาว่าและหยิบแว่นออกมาเช็ด  ฟ้าถอนใจ

                จริงๆ น๊า พี่อยากให้เธอเปลี่ยนแว่นตา  เป็นพวกกรอบสีๆ อะไรแบบนั้น

                ผมว่าสีนี้ก็โอเคดีแล้วนะ

                เชษฐ์กล่าวเรียบๆ ก่อนจะสวมมันกลับ แล้วหันไปมองแซนด์

                นั่นเด็กไหมที่พี่พูดถึงหรอ?

                อืมใช่... ชื่อแซนด์ เด็กกว่านายหลายอยู่

                หล่อนว่า  ฝ่ายโน้นพยักหน้าหงึกหงัก  แซนด์ภาวนาว่าเขาคงไม่ต้องแนะนำตัวกับคนอื่นเพิ่มอีกหลังจากนี้

                คนนี้ชื่อชัยเชษฐ์ เรียกว่าพี่เชษฐ์ก็ได้  เอาล่ะ พี่จะปล่อยให้ทำความรู้จักกันสักพัก  ใครซื้ออะไรมาก็แบ่งๆ กันกินนะ เดี๋ยวอย่าลืมลงไปช่วยพี่เปิดร้านด้วยล่ะ

                คร๊าบบ

                ทุกคนขานรับ แล้วฟ้าก็เดินออกจากห้องไป  เชษฐ์เดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ และยกปิ่นโตขึ้นมา

                "วันนี้คุณแม่พี่ทำกับข้าวอะไรมาหรอ

                ฟิวเอ่ยปากถาม ขยับตัวเข้ามาใกล้อย่างอยากรู้อยากเห็น

                แกงมัสมั่น

                เชษฐ์ว่า พลางเปิดฝาปิ่นโต  กลิ่นหอมของแกงมัสมั่นลอยฟุ้งขึ้นมาทันที  เขาหันไปทางฮงซึ่งเพิ่งกวาดส้มตำหมด

                ฮงเอาข้าวมาเผื่อรึเปล่า?

                เด็กหนุ่มหน้าตี๋พยักหน้า แล้วเปิดกระเป๋าเป้สีดำหยิบกล่องข้าวออกมา ก่อนจะเหล่ไปมองทางฟิว

                พี่เอามาเผื่อมันแล้วล่ะ

                เชษฐ์เอ่ยอย่างรู้ทัน  ฟิวแบะปาก

                จะงกอะไรนักว่ะ ตะกี้แกเพิ่งกินส้มตำฉันไป

                จะเอาคืนรึเปล่าล่ะ

                ฮงสวน  ก้องรีบโบกมือห้าม

                พอเลยๆ เมื่อไหร่พวกแกสองคนจะเลิกกัดกันเสียทีเนี่ย

                ฮงส่งเสียงหึอย่างไม่พอใจ และเดินไปหยิบจานมาตักข้าว

                ขอบคุณครับ

                แซนด์เอ่ย เมื่ออีกฝ่ายส่งจานมาให้

                ไม่เป็นไร

                ฮงว่า  เขาตักข้าวส่งให้ทุกคน ยกเว้นฟิว ซึ่งได้ข้าวจากปิ่นโตของเชษฐ์แทน

                นายนี่ดูหงิมๆ แหะ คงไม่ใช่ว่าเป็นตุ๊ดหรอกนะ

                ฟิวเอ่ยขึ้น เมื่อทุกคนเริ่มลงมือทานมื้อใหญ่  แซนด์หันขวับไปมองทันที

                ผมไม่ได้เป็นตุ๊ดนะ

                เขาโวย  รู้สึกโมโหขึ้นมา  ก้องรีบโบกมือที่ยังถือช้อนอยู่เป็นเชิงห้าม

                เย็นไว้โยม...  เจ้าฟิวมันก็ปากหมาอย่างนี้แหละ  อย่าไปคิดอะไรมากเลย

                โทษที

                ฟิวเอ่ยอย่างสำนึกผิด แต่หน้าตาดูไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของตัวเองนัก  แซนด์หน้าบูด  ว่าอะไรเขาได้ แต่หาว่าเป็นตุ๊ดนี่มันรับไม่ได้จริงๆ  เด็กหนุ่มก้มหน้าก้มตากินโดยไม่สนใจอะไรอีก  ฮงหัวเราะหึๆ

                ขำอะไรว่ะ?

                ฟิวพูดขึ้นทันที  ก้องยกมือขึ้นเกาหัว  และตัดสินใจว่าจะปล่อยให้ไอ้คู่นี้มันกัดกันไปก่อน เขาใช้ช้อนตักลงไปในปิ่นโตแกงมัสมั่น

                ช้อนกลางมี

                เชษฐ์พูดขึ้นพร้อมๆ กับปัดมืออีกฝ่ายออก

                เรื่องมากจริง พ่อคุณชายนี่

                ก้องบ่นอุบอิบ และใช้ช้อนกลางตักแกงขึ้นมาแทน  ด้านฟิวกับฮงดูเหมือนจะสงบลงไป เพราะฮงเลือกจะกินเงียบๆ แทนที่จะตอบโต้  บางทีทางนั้นอาจจะคิดว่าเรื่องกินสำคัญกว่า

                ภายในสิบนาที  อะไรที่สามารถกินได้บนโต๊ะก็ถูกกวาดเรียบ  เชษฐ์สั่งให้ทุกคนช่วยกันเก็บโต๊ะ

                พวกนายสามคนไปแต่งตัวแล้วไปช่วยพี่ฟ้าก่อน ส่วนแซนด์นายมาล้างจานกับพี่

                หนุ่มสวมแว่นแบ่งงาน ทุกคนพยักหน้าหงึกหงัก  หลังจากที่สามคนนั้นออกไปแล้ว แซนด์จึงถือถ้วยชามเดินตามเขาไปที่ห้องน้ำ

                เจ้าพวกนี้มันก็วุ่นวายแบบนี้แหละ

                เชษฐ์เอ่ยปากขึ้น ขณะกวาดเศษอาหารลงในถุง  และส่งจานให้กับแซนด์

                น้ำยาล้างจานกับสกอตไบรท์อยู่ตรงชั้นข้างขานายน่ะ

                เขาบอก เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีทำอะไรไม่ถูก แซนด์ก้มลงไปตามคำบอก หยิบสกอตไบรท์และน้ำยาขึ้นมา

                ฟิวกับฮงไม่ค่อยถูกกันหรอครับ?

                เขาถาม และรับจาดจากเชษฐ์มาอีกใบ

                อืม  แนวๆ นั้น  คงเพราะนิสัยมันต่างกันเกินไปมั้ง เจ้าฟิวมันก็เกินไป ชอบกวนประสาท แต่เจ้านั่นไม่ค่อยมีอะไรหรอก เป็นพวกพูดไม่ค่อยคิดน่ะ

                อืม

                แซนด์รับคำ เขาเริ่มลงมือล้างจาน

                ที่บ้านรู้รึเปล่าว่าเธอมาทำงานแบบนี้

                เชษฐ์ถามขึ้น  แซนด์ส่ายหน้า

                ขี้เกียจอธิบายน่ะครับ

                เด็กหนุ่มบอก  เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำให้พ่อกับแม่เชื่อได้ยังไงว่าเขาไม่ได้มาขายบริการอย่างว่า  เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว หันกลับไปถามบ้าง

                ที่นี่ไม่ได้ขายบริการเรื่องแบบนั้นจริงๆ ใช่ไหมครับพี่?

                ไม่มีหรอก

                เชษฐ์ว่า เขามัดปากถุงเศษอาหารและใส่มันลงถังขยะ

                มันอาจจะมีบ้างที่ลูกค้าอาจจะขอหรือคิดว่าเราขาย แต่เราก็ต้องยืนยันว่าไม่  ไอ้ที่แบบนี้น่ะ ใครมาก็ต้องคิดว่าเราทำเรื่องแบบนั้นกันทั้งนั้นแหละ มันก็ขึ้นอยู่กับเราว่าจะใจแข็งขนาดไหนเท่านั้นเอง ทางที่ดีคืออย่าทำเลย

                หนุ่มสวมแว่นกล่าวต่อ

                พี่ฟ้าไล่เด็กออกไปหลายคนแล้วเพราะเรื่องนี้  ไอ้ที่เหลืออยู่ได้นี่ก็เพราะรักษากฎข้อนี้นี่แหละ  รายได้ที่นี่มันดี ถ้าเธอทำตัวกับลูกค้าดีๆ ไม่ต้องทำไอ้เรื่องพรรณนั้นก็พอมีกินแล้ว

                ครับ

                เด็กหนุ่มพยักหน้า ก่อนจะส่งจานที่ล้างเสร็จแล้วให้อีกฝ่ายเอาไปคว่ำเก็บ

                จริงสิ  เห็นนายโมโหฟิวเรื่องที่ว่าเป็นตุ๊ดตะกี้  นายรับคนพวกนี้ได้รึเปล่า?

                แซนด์ขมวดคิ้วอย่างสงสัย

                ยังไงนะครับ

                ลูกค้าหลักที่นี่น่ะ  ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง และก็เกือบจะส่วนใหญ่เป็นตุ๊ด เกย์  จริงๆ นะ เผลอๆ น่ะบางวันมีเยอะกว่าผู้หญิงเสียอีก

                อึ๋ย แล้วพี่ทนเข้าไปได้ไงอ่ะ?

                แซนด์พูดอย่างนึกสยอง  เชษฐ์ถอนหายใจ     

                ก็ถึงได้ถามไงว่านายรับได้รึเปล่า  เอาเถอะ  ไปเห็นเองจะดีกว่า

                อืม

                เด็กหนุ่มส่งเสียง เริ่มคิดแล้วว่ามันจะเป็นงานที่ง่ายอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ หรือเปล่า

                ไงๆ ล้างจานกันเสร็จหรือยัง

                ฟ้าโผล่เข้ามาทัก  แซนด์สงสัยว่าเจ้าของร้านคนนี้จะอยู่ในร้านด้วยรึเปล่า หรือจะนั่งอยู่ด้านบนตอนร้านเปิด ดูจากสภาพของฟ้าแล้ว ยังไงๆ ก็น่าจะไล่ลูกค้ามากกว่าเรียก

                เสร็จแล้วครับ

                เชษฐ์เอ่ย  ขณะที่หยิบผ้าขึ้นมาเช็ดมือ  แซนด์นึกสงสัยว่าผู้ชายที่มารยาทดีดูเรียบร้อยแบบนี้ทำไมถึงได้มาทำงานเป็นโฮสท์  บางทีเขาคงต้องหาโอกาสถาม

                ดีๆ  พี่จะไปแต่งตัวแล้ว  เธอก็พาแซนด์ไปแต่งตัวด้วยแล้วกัน  เอาเป็นชุดไซต์เอ็มแหละ ใส่ได้พอดี

                ครับพี่

                เชษฐ์รับปาก และเดินนำแซนด์ขึ้นไปชั้นบน

     

    --------------------------------------------

                ฟ้าเริ่มมืดแล้ว แสงสีจากป้ายไฟต่างๆ เริ่มทาบทาฟุตบาท  ผู้คนที่จบจากที่ทำงานทยอยเดินทางมาหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงย่ำค่ำก่อนจะกลับไปพักผ่อนที่บ้าน  และยิ่งวันนี้เป็นวันศุกร์  รถราเลยดูจะหนาแน่นเป็นพิเศษ

                เสียงสั่นกระดิ่งกิ๊งๆ ดังขึ้น ในร้านBonbon café  เป็นสัญญาณให้ทุกคนมารวมตัวกันก่อนจะเปิดร้าน  แซนด์วิ่งลงมาจากชั้นบนด้วยสภาพเหงื่อแตกพลั่ก  เขามีปัญหากับซิปกางเกงนิดหน่อย กว่าจะรูดมันขึ้นมาได้ เล่นเอาเครียดไปพักใหญ่  สงสัยเขาต้องบอกพี่ฟ้าว่าเปลี่ยนซิปกางเกงตัวนี้ได้แล้ว

                บรรยากาศภายในร้านนั้นดูเหมือนร้านอาหารมากกว่าผับจริงๆ หรืออาจจะเป็นร้านอาหารกึ่งผับ  พื้นร้านถูกปูด้วยกระเบื้องสีขาวสลับดำเป็นลายหมากรุก  มีโต๊ะกลมกระจกขนาดนั่งได้สี่คน สี่โต๊ะ  และโต๊ะยาวรูปสี่เหลี่ยมเว้กลางอีกสามโต๊ะ ที่นั่งได้ประมาณหกคน  ตรงมุมขวาของร้านเป็นบาร์เครื่องดื่มในโทนขาวดำเช่นกัน  ผนังร้านตกแต่งด้วยนีออนดัดรูปลูกอมสีชมพูเข้มตัดกับแถบขาวดำที่พาดไว้เป็นระยะๆ

                เหงื่อท่วมมาเลยนะ

                ก้องเอ่ยทัก และโยนผ้าเช็ดหน้าให้เขา  แซนด์รับมาและพูดขอบคุณไปสองคำ  ฟิวกับฮงช่วยกันเช็ดกระจกร้านอยู่ โดยแยกกันทำคนละมุม ทั้งหมดอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตทักซิโด้สีขาว มีผ้ากันเปื้อนสีดำคาดด้านหน้า  และพับแขนเสื้อขึ้น

                รวมได้แล้ว

                เสียงของเชษฐ์ดังขึ้น  แม้ว่าเขาจะใส่ชุดเหมือนพนักงานเสิร์ฟแต่ก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนพนักงานบริษัทมากกว่า  ที่เดินตามหลังเขามาเป็นเด็กหนุ่มอีกคนหนี่งซึ่งแซนด์ยังไม่เคยเห็น

                สงสัยเขาต้องแนะนำตัวอีกรอบ

                เชษฐ์เดินเข้ามาข้างแซนด์ ขณะที่ฟิวกับฮงยกถังน้ำไปเก็บ และเดินเข้ามารวมกลุ่ม

                ใครอ่ะพี่?

                แซนด์สะกิดเชษฐ์และเอ่ยถามเบาๆ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าเดินมายืนตรงหน้าพวกเขา

                พี่ฟ้าไง

                เชษฐ์ตอบ แซนด์ตาค้างด้วยความแปลกใจ หันไปดูเด็กหนุ่มคนนั้นอีกรอบ และเห็นรอยยิ้มซุกซน

                พี่เอง จำไม่ได้หรอเนี่ย ตายล่ะ เอ้า มาๆ  จะเปิดร้านแล้ว

                เธอเรียกรวมพล  แซนด์เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาควรจะใช้สรรพนามแทนพี่ว่าว่า เขา หรือเธอดี  ดูยังไงก็เป็นเด็กผู้ชายชัดๆ  ผมยุ่งๆ ที่เห็นตอนกลางวันตอนนี้มัดรวบเอาไว้ด้านหลัง แล้วปล่อยปอยออกมาด้านหน้าเล็กน้อย  นัยน์ตาเรียวพอประมาณ จมูกก็คมใช้ได้  ปากบางได้รูป กับใบหน้าเรียวทำให้นึกถึงพวกนักร้องเกาหลีหน้าสวยๆ ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ตอนนี้

                แซนด์มองดูใบหน้าของฟ้าอย่างงงงัน ก่อนจะได้สติเพราะถูกเชษฐ์สะกิด

                วันนี้พี่ก็จะพูดเหมือนเมื่อวานนั่นแหละ  ร้านเราขายความสบายใจ ทั้งของลูกค้าและพนักงาน เพราะฉะนั้น จำไว้ว่าเงินสำคัญ แต่ว่าลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า ถ้ามันงี่เง่านัก ก็ไม่ต้องเอาไว้  เข้าใจนะ

                คร๊าบบ

                ทุกคนขานรับ ยกเว้นแซนด์ที่อ้าปากค้าง

    ตะกี้มันคำขวัญร้านอะไรกัน!!

    ฟ้าหัวเราะคิกคัก  เธอ(หรือเขา?) โบกมือไล่ให้ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปทำงาน

    ประจำที่เลย ส่วนเธอ เจ้าแซนด์ มาอยู่เคาท์เตอร์บาร์กับพี่

    ผม?

    เออ... ยืนบื้ออะไรอยู่

    อีกฝ่ายว่า และจับไหล่เสื้อเขา ลากเข้าไปที่เคาท์เตอร์

    พี่ฟ้าอย่าทำเด็กใหม่ท้องนะคร๊าบบ

    เสียงก้องตะโกนไล่หลังมา  ฟ้าหันแบะปาก

    นี่แกเห็นพี่เป็นตัวอะไรห๊ะ!!”

    เธอว่า ได้ยินเสียงก้องหัวเราะคิกคัก  แซนด์ถูกปล่อยตรงหน้าเคาท์เตอร์บาร์ และเห็นว่ามีกล่องวางอยู่สี่กล่องและมีกุญแจดอกเล็กๆ ล็อคไว้  หน้ากล่องมีชื่อเขียนเอาไว้

    ฟิว ฮง ก้อง เชษฐ์

    นี่ กล่องของเธอ

    ฟ้าพูด และหยิบกล่องรูปร่างเหมือนกันอีกใบหนึ่ง ส่งให้เขา

    แซนด์

    หยิบไปวางรวมกันตรงเคาท์เตอร์เล็กที่เขียนว่าTip boxด้านหน้าเลย  หวังว่ามันจะอยู่ได้นานพอๆ กับไอ้สี่กล่องนั่นนะ

    แซนด์หอบกล่องทั้งหมดไปวางอย่างว่าง่าย และหันไปถามด้วยความสงสัย

    ไว้ทำอะไรอ่ะครับพี่?

    ไว้รับบริจาค   ล้อเล่นน่ะ กล่องค่าทิป เอ้อ ยังไม่ได้บอกใช่ไหม  ที่นี่ห้ามรับเงินจากลูกค้านะ กันพวกนายถูกชวนไปนอนนั่นแหละ ถ้าลูกค้าชอบใจคนไหน ก็จะมาหยอดค่าทิปที่นี่  แล้วพอหลังเลิกงานก็มาไขออก นี่กุญแจของเธอ

    อ่อ ครับๆ

    แซนด์พยักหน้าหงึกหงัก  และรับกุญแจมาเก็บไว้  วางกล่องเรียงกันแบบนี้เหมือนวัดเรทติ้งกันพิกล แล้ววันนี้เขาจะได้สักกะบาทไหมเนี่ย

     

    ---------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×