ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic bleach] Jamakke no Shinigami

    ลำดับตอนที่ #16 : Event 12 : บุกโลกมนุษย์ : ขัดขวาง[อีกครั้ง]

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 55


    ��

    เข้ามาแล้วก็ตาย

    หัวหน้านักวิจัยใช้มือซีดขาวจัดการแขวนป้ายที่ว่าไว้หน้าห้องทำงานของเค้า ซึ่งพึ่งปลดออกไปไม่นานหลังจากที่เสร็จศึกกับอาร์รันคาร์ ไม่นึกเลยว่าจะได้เอาออกมาใช้อีกไวขนาดนี้

    แต่เพราะในห้องนั้นมีหม้อยาที่มายูริปรุงค้างไว้อยู่ โชคดีที่มีวัตถุดิบเหลืออยู่บ้างไม่ต้องเสียเวลาไปหา จึงสามารถปรุงยาแก้ออกมาได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ได้ยาแก้ออกมาแค่ขวดเดียวสำหรับ 1 คน [ยังไงเสียก็ไม่สนใจสองชีวิตที่เหลืออยู่แล้ว รองฯตัวเองรอดก็พอ] เรียกได้ว่างานนี้จะพลาดไม่ได้

    ถึงจะสบายใจเรื่องยาไปได้เปราะนึง แต่ในใจของมายูริยังคงว้าวุ่น ……….เพราะภาพของลูกหน่วยตัวดีเมื่อครู่ ยังคงติดตาของเขาไม่หาย……

    “ปิ๊บๆ”

    หัวหน้าหน่วยวิจัยเอี้ยวคอมองไปตามเสียง ก็พบดาบฟันวิญญาณอาชิโซงิ จิโซ ออกมาในรูปร่างแท้จริง ซึ่งเป็นเด็กผมสีฟ้าสดเหมือนเจ้าของ ร่างสีเหลืองเรืองรองในชุดคลุมหลวมโครก ปีกลายสีม่วงที่กลางหลังกระพือขึ้นลงเพื่อบินวนไปรอบห้อง

    ……..คงมองหาเนมอยู่สินะ………..

    “นางไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”

    พอมายูริบอกกับดาบฟันวิญญาณของตัวเอง สีหน้าของอาชิโซงิ จิโซสลดลงเล็กน้อย ทว่าก่อนที่เทวรูปตัวน้อยจะกลับเข้าฝักดาบ ก็ถูกมือเล็กแต่มากด้วยพละกำลังฉุดไว้ -0-

    !?

    “จ๊ะเอ๋! จิโซจัง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ^[]^

    = =*

    Event 12 : บุกโลกมนุษย์ :�ขัดขวาง[อีกครั้ง]

    ณ ร้านขายของชำเล็กๆ ในเมืองคาราคุระ

    สาวสวยในชุดสีเขียวสะบัดผมสีฟางไม่ให้เกะกะตน แล้วเอื้อมมือไปหยิบสินค้าบนชั้นวางของ แต่เหมือนที่วางจะอยู่สูงเกินไป รึไม่ก็คงหยิบเตี้ยลงกะทันหัน �ทำให้เอื้อมยังไงก็ไม่ถึง

    หลังจากพยายามอยู่นาน ทั้งยืดทั้งเขย่ง เท็ตไซที่เห็นอยู่จึงทนไม่ได้ เลยอาสาหยิบให้

    “นี่ครับ เถ้าแก่ อเอ้อ คุณคิทสึโกะ”

    อย่าว่าแต่เท็ตไซ คนพิมพ์เองยังพิมพ์อย่างตะขิดตะขวงใจเลยคับ –w-“ เพื่อให้เรื่องดำเนินต่อไป จำเป็นต้องมีคนสังเวย - -v

    “ขอบคุณค่ะ” คิทสึโกะยิ้มให้น้อยๆ พลางก้มลงไปจัดข้าวของต่อ สักพักผู้ช่วยของเถ้าแก่ จู่ๆ ก็เซไปพิงกับผนัง หญิงสาวจึงหันไปดูแล้วถามด้วยความสงสัย

    “เป็นอะไรไปคะ แล้วทำไมถึงหน้าแดงอย่างนั้นด้วยล่ะ - -?

    “เถ้าเอ้ย คคุณคิทสึโกะ ช..ช่วย” กว่าเท็ตไซจะพูดจบ โยรุอิจิที่ผ่านมาเห็นก็ชิงพูดแทรกขึ้นมา

    “คิทสึโกะ! แต่งตัวแบบนั้นได้ไงกัน ห๊า!!!!

    ถึงจะชอบใส่ฮากามะตัวเดียวเดินเตร็ดเตร่ไปมา แถมยังมีนิสัยชอบถกคอเสื้อให้เปิดโชว์แผ่นอกกว้างหน่อยๆ เพื่อความสบายตัวตอนเป็นชาย �พอมาอยู่ในร่างหญิงที่ตัวเล็กลง คอเสื้อที่กว้างและลึกเกินไปทำให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน ซึ่งเท็ตไซพยายามจะบอกถึงเรื่องนี้

    “ยุ่งยากจริงน้า …..เห็นทีต้องไปขุดเสื้อคุณโยรุอิจิใส่ซะแล้วมั้ง แหะๆ” คิทสึโกะพูดขณะที่โยรุอิจิเข้ามาจัดเสื้อให้

    ทันใดนั้นเท็ตไซที่ยังหน้าแดงอยู่ก็พูดโพล่งออกมา

    �“ถะถ้าเถ้าแก่เกิดติดใจอยากจะเป็นหญิงตลอดไป เท็ตไซคนนี้ยินดีติดตามรับใช้แบบถวายชีวิต! T^T

    โครม!

    หญิงสาวจำแลงถีบผู้ช่วยของเขาอย่างจัง��������

    ……ถึงจะรู้ว่าพูดเล่นๆ แต่เท้ามันไปเองแฮะ…… คิทสึโกะคิด

    ตัดไปที่บริเวณถนนหน้าร้าน ขณะนั้นได้ปรากฎประตูเซ็นไกมงขึ้น เมื่อประตูเลื่อนออก ก็มีเงาสีดำพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว

    “ท่านโยรุอิจี๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

    ทุกคนในร้านพยายามมองหาเจ้าของเสียงนั้น ซึ่งตอนนี้ได้ปรากฎกายต่อหน้าโยรุอิจิกับคิทสึโกะ

    “เราอยากพบเจ้าอยู่พอดีเชียว ซุยฟง”

    ซุยฟงดีใจน้อยๆ แต่ตอนนี้ร่างเล็กกลับนั่งลงพร้อมกับแนบหัวของตัวเองลงจรดพื้น

    “ข….ข้าได้รับคำสั่งด่วน ว่าให้มาสอดแนมกันพวกท่าน ถึงไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร

    “ตะ..แต่ลางสังหรณ์ของข้า มันบอกว่ามาจากการที่ข้าล่วงเกินพวกท่านไป เมื่อวันก่อน….

    “เพื่อเป็นการไถ่โทษ ขอให้ข้าอยู่รับใช้ท่านที่ร้านนี้ด้วยเถอะค่ะ!

    “ไถ่โทษงั้นรึ….ยอมรับแล้วสินะว่าคุณเองมีส่วนผิด”

    ด้วยความที่ไม่คุ้นเสียง� หัวหน้าหน่วยสองเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองดูว่าใคร แต่บริเวณนั้นก็มีเท็ตไซ โยรุอิจิ อุรุรุ จินตะ [สองคนหลังตามมาดูเพราะเสียงเอะอะ] กับผู้หญิงผมยาวสีฟาง ผิวขาวนวล ซึ่งเธอไม่รู้จัก

    “นางก็บอกอยู่ว่าเป็นลางสังหรณ์ แถมยังอุตส่าห์มาช่วยเราทั้งที อย่าทำเสียงดุแบบนั้นสิ คิทสึเกะ เอ้ย คิทสึโกะ”

    เมื่อโยรุอิจิพูดขึ้น ทุกอย่างเป็นอันเคลียร์ ว่าคนตรงหน้าเธอนี่แหล่ะคือศัตรูคู่แค้น

    “อ๋อ เจ้านี้น่ะ คืออุราฮาร่า คิทสึเกะเวอรชั่นสาวน้อย�….สวยใช่ม้า”

    …………..ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นค่ะ ท่านโยรุอิจิ………..

    ซุยฟงคิด แต่เจ้าตัวยังตะลึงไม่หาย ถึงจะรู้จากโอมาเอดะแล้วว่ายานั่นทำให้เป็นผู้หญิงได้ ตอนลอบเข้าไปในกองวิทยาการก็ไม่ได้เห็นชัดๆ �เธอจึงได้แต่นึกทึกทักเอาเองว่าอีกฝ่ายที่กลายเป็นหญิงคงอุบาทว์แน่ๆ

    แต่นี่นอกจากจะไม่ขี้เหร่แล้ว ยังดูดีสุดๆ ด้วยซ้ำ ขนาดปล่อยผมเซอๆ ใส่เสื้อผู้ชาย ยังสวยเลย -////-……….

    “วะว่าไงนะ ถึงได้ยินหัวหน้าใหญ่บอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับอุราฮาร่า ตะแต่

    โยรุอิจิตบหลังซุยฟงๆ เบาๆ ทำนองบอกให้เจ้าตัวยอมรับ แล้วชวนทุกคนเข้าไปคุยกันต่อในห้องรับรอง

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ถ้าจะพูดถึงที่ทำการที่มียมทูตเด็กเยอะที่สุด คงไม่พ้นกองวิจัยวิทยาการของหน่วย 12 อาจเป็นเพราะหัวหน้ากองวิทยาการรุ่นแรกนั้นเล็งเห็นว่าเด็กๆ หัวไว + ว่านอนสอนง่าย และสร้างความครื้นเครงเล็กๆ ให้กับหน่วยที่ตึงเครียดตลอดเวลา และอีกเหตุผลหนึ่งคือ

    คุโรซึจิ มายูริ หัวหน้ากองวิทยาการคนปัจจุบัน ดูท่าจะชอบเด็กอยู่หน่อยๆ สังเกตได้จากดาบฟันวิญญาณ และการหาเรื่องแกล้งหัวหน้าตัวเล็กอย่างฮิตซึกายะ โทชิโร่แห่งหน่วย 10 เป็นบางโอกาส

    แต่ในเซเรเทย์นั้น ยังมีเด็กคนหนึ่งที่เค้าไม่สามารถทำใจชอบได้ แม้จะเป็นเด็กน่ารักสดใสร่าเริงในสายตาผู้อื่น สำหรับเค้าแล้วคือสุดยอดตัวป่วน ตัวปัญหา ตัวยุ่ง ฯลฯ และเป็นเด็กที่เขาไม่ปรารถนาให้มาในเวลานี้มากที่สุด

    ……………………………รองหัวหน้าหน่วยที่�11 คุซาจิชิ ยาจิรุ………………………..

    “มีธุระอะไร?” มายูริถามขึ้นห้วนๆ แต่สาวน้อยจากหน่วย 11 ไม่ได้สนใจ หนำซ้ำยังเล่นกับอาชิโซงิ จิโซต่อ [เล่นในความหมายของคุณเธอคือ กระโดดล็อคคอแล้วบังคับให้บินไปรอบๆ] พอสบโอกาส จิโซจึงรีบกลับเข้าฝักดาบเพื่อรักษาชีวิตตนไว้

    “หนีไปซะแล้ว ว้า” �ยาจิรุเอ่ยอย่างเสียดาย โดยไม่ทันสังเกตว่ากำลังมีเงาทะมึนพาดผ่าน ซึ่งมาจากมายูริที่ยืนค้ำหัวเธอนั่นเอง

    “กลับไปซะ วันนี้ไม่มีอะไรให้แกเล่น ถ้าไม่กลับไปดีๆ ข้าจับเจ้าลงหม้อไฟส่งไปให้เจ้าซาราคิแน่

    หัวหน้าหน่วยสิบสองพูดเสียงเย็น แต่ดวงตากลมโตสีชมพูเข้มรับกับสีผมจ้องเขากลับมาพร้อมกับเอ่ยเสียงใส

    “ข้ารู้นะว่าเจ้าแอบฮุบไอ้นั่นไว้คนเดียว ไม่ต้องทำเป็นขู่!

    “ว่าไงะ?!

    “เระจังบอกกับข้าว่า เจ้าน่ะไปยึดไซนัสที่ใช้ผลิตลูกกวาดทั้งหมดในเซเรเทย์ ไปเป็นของเจ้าคนเดียวใช่ม้า!

    …………..เฮ้ย! เระจังนี่ใคร[วะ]? กล้าดียังไงถึงมากล่าวหาข้าด้วยเรื่องงี่เง่าปัญญาอ่อนพรรค์นี้ แล้วน้ำเชื่อมที่ใช้ทำลูกกวาดเค้าเรียกไซรับเฟ้ย! ไม่ใช่ไซนัส!.......

    พลันสายตาของยาจิรุก็เหลือบไปเห็นหม้อยาบรรจุยาแก้ที่มายูริปรุงไว้ตั้งอยู่กลางห้อง เจ้าตัวจึงอุทานขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หม้อนั้น

    “อ๊ะ!… ไซนัสนี่นา เหมือนที่เระจังบอกเลย� ไม่ผิดแน่”

    “ว่าไงนะ” แต่กว่าหัวหน้าหน่วยสิบสองจะรู้สึกตัว ยาจิรุก็ใช้ก้าวพริบตาไปหยุดอยู่เหนือหม้อยานั้น แล้วถือมันขึ้นมา

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ ยัยเด็กบ้า!

    และแล้วก็เกิดการวิ่งไล่จับกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องกับสาวน้อยหน้าใส สนุกสนานปานไหนไม่ต้องพูดถึง ฝ่ายไล่กวดตอนนี้โมโหจนคลั่งเต็มที ส่วนฝ่ายถูกไล่ก็ทำหน้าที่ได้ดีจนหน้าใจหาย ทั้งเคลื่อนไหวไวปานวอก หลบหลีกแคล่วคล่อง แถมยังมีโยน-รับหม้อให้หัวหน้าหน่วยสิบสองหัวใจวายเล่นอีก - -

    “เล่นริบมาหมดแบบนี้ ก็ไม่มีลูกกวาดขายกันพอดี ข้าก็อดไปด้วย >x<

    “ยัยเบื้อกเอ๊ย! บอกหลายรอบแล้วว่าไม่ใช่ๆ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้!!!

    “โกหก!

    “ไม่ใช่ก็ไม่ใช่เซ่ =[]=*!!!!!!!!!!

    มายูริแผดร้องเสียงดัง พร้อมกับปล่อยแขนกลของตัวเองยืดยาวออกไปหมายจะจับอีกฝ่าย ยาจิรุจึงใช้ก้าวพริบตาเข้าไปในบริเวณที่มีสิ่งกีดขวางเยอะๆ จนแขนกลที่ไล่ตามไปของมายูริโดนเกี่ยวเข้าจนขยับไปไหนไม่ได้ หัวหน้าหน่วยสิบสองจำต้องสละแขนตัวเองทิ้ง แล้วรีบฉีดยาปลูกเนื้อให้แขนงอกขึ้นมาใหม่แทนของเดิม

    ถัดจากนั้นการไล่จับยังดำเนินต่อไปเกือบชั่วโมง โดยทางฝ่ายผู้ใหญ่เริ่มมีอาการหอบเหนื่อยให้เห็น

    �“ด้วยเกียรติของประธานสมาคมยมทูตสตรี ข้าไม่ยอมยกให้เจ้าหร้อกกก!!! >[]<� ”�

    เพราะงั้นยอมแพ้ซะเถอะ มยุริน!

    “ห..หนอยแน่ -*-“� มยุริน แอ๊ฟ! มายูริคำรามเบาๆ พลางกรอกตาไปมาตามการเคลื่อนไหวของร่างเด็ก

    ………….ยัยนี่ เป็นวิชาแยกร่างตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมมันมีสองร่างฟร่ะเดี๋ยวๆ ไม่ใช่แล้ว…..

    ชายสวมหน้ากากตระหนักได้ว่านั่นไม่ใช่ร่างแยก แต่เป็นเพราะเขาเหนื่อยจนตาพร่าต่างหาก �หัวหน้าหน่วยสิบสองจึงรวบรวมกำลังทั้งหมดดับเครื่องชนพุ่งเข้าหาเด็กหญิง

    โครม!

    ด้วยความที่ไม่ได้นอนมาหลายคืน โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ที่หน่วยสี่บุกมา ก็ครบเดือนนึงพอดีที่เค้ายังไม่ได้หลับได้นอน ทำให้นอกจากจะพลาดไม่โดนเป้าหมายแล้ว ยังเบรกแตกชนกองเศษเหล็กเก่าๆ กองใหญ่

    “คิกๆ ตลกชะมัด เอาล่ะ ได้เวลาแจวโลด >[]<” ขณะที่ยาจิรุกำลังจะก้าวเท้าออกไป เสียงแหบแห้งก็ได้หยุดเธอไว้

    ยัยบ้าเอ๊ย จะเข้าใจผิดก็ให้มันน้อยๆ หน่อย”

    ?!

    เด็กหญิงผมชมพูหันกลับไปจนพบกับร่างซีดขาวค่อยๆ คลานออกมาอย่างหมดมาด[ที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว]�

    �“ในหม้อนั่นมันเป็นยาที่ข้าปรุงขึ้นเอง ไม่เกี่ยวกับที่เจ้าพูดซักนิด เอาคืนมาซะ”

    แม้จะสัมผัสได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปฉับพลันจนน่าสงสัย แต่กระนั้นรองหัวหน้าเด็กจากหน่วย 11ยังเถียงกลับไป

    “คนบ้าอย่างเจ้ามียาอยู่กับตัวเองตั้งเยอะแยะ กะอีแค่หม้อๆ เดียวจะหวงไปทำไมเล่า >[]< [ยาจิรุโหมดดื้อ]

    “ถ้าไม่มียานั่น……..

    “ข้า..ก็ช่วยเนมไม่ได้น่ะสิ….

    มายูริพูดอย่างอ่อนระโหยโรยแรงพลางลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากตัว �ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่เด็กหญิงก็รู้สึกผิดน้อยๆ เลยรีบถือหม้อกลับไปวางไว้ที่เดิม แล้วตั้งใจจะแจวออกจากที่นั่นโดยไว ทว่า

    จ๊อกๆ

    ร่างเล็กคลำที่ท้องตัวเองน้อยๆ พลางทำหน้ามุ่ย


    อย่าบอกนะว่า ที่พาลมาหาเรื่องข้าเป็นเพราะหิวจัด .....งี่เง่า.....

    มายูริคิด ก่อนที่จะเดินไปหยิบห่อบางอย่าง
    [ซึ่งซุกอยู่ในลิ้นชักใกล้ๆ] แล้วโยนให้ยาจิรุแบบส่งๆ

    �“ถ้าหมดเรื่องแล้ว ก็ไสหัวออกไปซะ”


    …………ขนมนี่นา อุ๊กกี้เคยเอามาให้ ..รู้สึกจะเรียกว่าคุกกี้นี่ละ ๐.๐�� ………………..

    ยาจิรุคิด และเมื่ออยู่ไปก็ทำตัวไม่ถูก เด็กหญิงจึงตัดสินใจวิ่งหนีออกไป แต่ไม่วายพูดสวนกลับมา

    “ถะ..ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเนมจังละก็ อยากให้ช่วยก็บอกนะ -///-

    "......."

    …………..ไม่น่ารักเอาซะเลย……………..
    ..................เฮ้อ....

    หัวหน้าหน่วยสิบสองคิดพลางถอนหายคนเดียวเงียบๆ แล้วตัดสินใจไปพักงีบซักประเดี๋ยวเพื่อเริ่มงานต่อ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×