คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Event 12 : บุกโลกมนุษย์ : ขัดขวาง[อีกครั้ง]
‘เข้ามาแล้วก็ตาย’
หัวหน้านักวิจัยใช้มือซีดขาวจัดการแขวนป้ายที่ว่าไว้หน้าห้องทำงานของเค้า ซึ่งพึ่งปลดออกไปไม่นานหลังจากที่เสร็จศึกกับอาร์รันคาร์ ไม่นึกเลยว่าจะได้เอาออกมาใช้อีกไวขนาดนี้
แต่เพราะในห้องนั้นมีหม้อยาที่มายูริปรุงค้างไว้อยู่ โชคดีที่มีวัตถุดิบเหลืออยู่บ้างไม่ต้องเสียเวลาไปหา จึงสามารถปรุงยาแก้ออกมาได้ในระยะเวลาอันสั้น แต่ได้ยาแก้ออกมาแค่ขวดเดียวสำหรับ 1 คน [ยังไงเสียก็ไม่สนใจสองชีวิตที่เหลืออยู่แล้ว รองฯตัวเองรอดก็พอ] เรียกได้ว่างานนี้จะพลาดไม่ได้
ถึงจะสบายใจเรื่องยาไปได้เปราะนึง แต่ในใจของมายูริยังคงว้าวุ่น
.เพราะภาพของลูกหน่วยตัวดีเมื่อครู่ ยังคงติดตาของเขาไม่หาย
“ปิ๊บๆ”
หัวหน้าหน่วยวิจัยเอี้ยวคอมองไปตามเสียง ก็พบดาบฟันวิญญาณอาชิโซงิ จิโซ ออกมาในรูปร่างแท้จริง ซึ่งเป็นเด็กผมสีฟ้าสดเหมือนเจ้าของ ร่างสีเหลืองเรืองรองในชุดคลุมหลวมโครก ปีกลายสีม่วงที่กลางหลังกระพือขึ้นลงเพื่อบินวนไปรอบห้อง
..คงมองหาเนมอยู่สินะ ..
�
“นาง ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก”
พอมายูริบอกกับดาบฟันวิญญาณของตัวเอง สีหน้าของอาชิโซงิ จิโซสลดลงเล็กน้อย ทว่าก่อนที่เทวรูปตัวน้อยจะกลับเข้าฝักดาบ ก็ถูกมือเล็กแต่มากด้วยพละกำลังฉุดไว้ -0-“
!?
“จ๊ะเอ๋! จิโซจัง ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ^[]^”
= =*
Event 12 : บุกโลกมนุษย์ :�ขัดขวาง[อีกครั้ง]
ณ ร้านขายของชำเล็กๆ ในเมืองคาราคุระ
สาวสวยในชุดสีเขียวสะบัดผมสีฟางไม่ให้เกะกะตน แล้วเอื้อมมือไปหยิบสินค้าบนชั้นวางของ แต่เหมือนที่วางจะอยู่สูงเกินไป รึไม่ก็คงหยิบเตี้ยลงกะทันหัน �ทำให้เอื้อมยังไงก็ไม่ถึง
หลังจากพยายามอยู่นาน ทั้งยืดทั้งเขย่ง เท็ตไซที่เห็นอยู่จึงทนไม่ได้ เลยอาสาหยิบให้
“นี่ครับ เถ้าแก่ อ
เอ้อ คุณคิทสึโกะ”
อย่าว่าแต่เท็ตไซ
คนพิมพ์เองยังพิมพ์อย่างตะขิดตะขวงใจเลยคับ w-“ เพื่อให้เรื่องดำเนินต่อไป จำเป็นต้องมีคนสังเวย - -v
“ขอบคุณค่ะ” คิทสึโกะยิ้มให้น้อยๆ พลางก้มลงไปจัดข้าวของต่อ สักพักผู้ช่วยของเถ้าแก่ จู่ๆ ก็เซไปพิงกับผนัง หญิงสาวจึงหันไปดูแล้วถามด้วยความสงสัย
“เป็นอะไรไปคะ
แล้วทำไมถึงหน้าแดงอย่างนั้นด้วยล่ะ - -?“
“เถ้า
เอ้ย ค
คุณคิทสึโกะ ช..ช่วย
” กว่าเท็ตไซจะพูดจบ โยรุอิจิที่ผ่านมาเห็นก็ชิงพูดแทรกขึ้นมา
“คิทสึโกะ! แต่งตัวแบบนั้นได้ไงกัน ห๊า!!!!”
ถึงจะชอบใส่ฮากามะตัวเดียวเดินเตร็ดเตร่ไปมา แถมยังมีนิสัยชอบถกคอเสื้อให้เปิดโชว์แผ่นอกกว้างหน่อยๆ เพื่อความสบายตัวตอนเป็นชาย �พอมาอยู่ในร่างหญิงที่ตัวเล็กลง คอเสื้อที่กว้างและลึกเกินไปทำให้เห็นไปถึงไหนต่อไหน ซึ่งเท็ตไซพยายามจะบอกถึงเรื่องนี้
“ยุ่งยากจริงน้า ..เห็นทีต้องไปขุดเสื้อคุณโยรุอิจิใส่ซะแล้วมั้ง แหะๆ” คิทสึโกะพูดขณะที่โยรุอิจิเข้ามาจัดเสื้อให้
ทันใดนั้นเท็ตไซที่ยังหน้าแดงอยู่ก็พูดโพล่งออกมา
�“ถะ
ถ้าเถ้าแก่เกิดติดใจอยากจะเป็นหญิงตลอดไป เท็ตไซคนนี้ยินดีติดตามรับใช้แบบถวายชีวิต! T^T “
โครม!
หญิงสาวจำแลงถีบผู้ช่วยของเขาอย่างจัง��������
ถึงจะรู้ว่าพูดเล่นๆ แต่เท้ามันไปเองแฮะ
คิทสึโกะคิด
ตัดไปที่บริเวณถนนหน้าร้าน ขณะนั้นได้ปรากฎประตูเซ็นไกมงขึ้น เมื่อประตูเลื่อนออก ก็มีเงาสีดำพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
“ท่านโยรุอิจี๊!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ทุกคนในร้านพยายามมองหาเจ้าของเสียงนั้น ซึ่งตอนนี้ได้ปรากฎกายต่อหน้าโยรุอิจิกับคิทสึโกะ
“เราอยากพบเจ้าอยู่พอดีเชียว ซุยฟง”
ซุยฟงดีใจน้อยๆ แต่ตอนนี้ร่างเล็กกลับนั่งลงพร้อมกับแนบหัวของตัวเองลงจรดพื้น
“ข .ข้าได้รับคำสั่งด่วน ว่าให้มาสอดแนมกันพวกท่าน ถึงไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไร ”
“ตะ..แต่ลางสังหรณ์ของข้า มันบอกว่ามาจากการที่ข้าล่วงเกินพวกท่านไป เมื่อวันก่อน
.”
“เพื่อเป็นการไถ่โทษ ขอให้ข้าอยู่รับใช้ท่านที่ร้านนี้ด้วยเถอะค่ะ!”
“ไถ่โทษงั้นรึ .ยอมรับแล้วสินะว่าคุณเองมีส่วนผิด”
ด้วยความที่ไม่คุ้นเสียง� หัวหน้าหน่วยสองเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อมองดูว่าใคร แต่บริเวณนั้นก็มีเท็ตไซ โยรุอิจิ อุรุรุ จินตะ [สองคนหลังตามมาดูเพราะเสียงเอะอะ] กับผู้หญิงผมยาวสีฟาง ผิวขาวนวล ซึ่งเธอไม่รู้จัก
“นางก็บอกอยู่ว่าเป็นลางสังหรณ์ แถมยังอุตส่าห์มาช่วยเราทั้งที อย่าทำเสียงดุแบบนั้นสิ คิทสึเกะ เอ้ย คิทสึโกะ”
เมื่อโยรุอิจิพูดขึ้น ทุกอย่างเป็นอันเคลียร์ ว่าคนตรงหน้าเธอนี่แหล่ะคือศัตรูคู่แค้น
“อ๋อ เจ้านี้น่ะ คืออุราฮาร่า คิทสึเกะเวอรชั่นสาวน้อย�
.สวยใช่ม้า”
..ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นค่ะ ท่านโยรุอิจิ ..
ซุยฟงคิด แต่เจ้าตัวยังตะลึงไม่หาย ถึงจะรู้จากโอมาเอดะแล้วว่ายานั่นทำให้เป็นผู้หญิงได้ ตอนลอบเข้าไปในกองวิทยาการก็ไม่ได้เห็นชัดๆ �เธอจึงได้แต่นึกทึกทักเอาเองว่าอีกฝ่ายที่กลายเป็นหญิงคงอุบาทว์แน่ๆ
แต่นี่นอกจากจะไม่ขี้เหร่แล้ว ยังดูดีสุดๆ ด้วยซ้ำ ขนาดปล่อยผมเซอๆ ใส่เสื้อผู้ชาย ยังสวยเลย -////- .
“วะ ว่าไงนะ ถึงได้ยินหัวหน้าใหญ่บอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับอุราฮาร่า ตะ แต่ ”
โยรุอิจิตบหลังซุยฟงๆ เบาๆ ทำนองบอกให้เจ้าตัวยอมรับ แล้วชวนทุกคนเข้าไปคุยกันต่อในห้องรับรอง
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ถ้าจะพูดถึงที่ทำการที่มียมทูตเด็กเยอะที่สุด คงไม่พ้นกองวิจัยวิทยาการของหน่วย 12 อาจเป็นเพราะหัวหน้ากองวิทยาการรุ่นแรกนั้นเล็งเห็นว่าเด็กๆ หัวไว + ว่านอนสอนง่าย และสร้างความครื้นเครงเล็กๆ ให้กับหน่วยที่ตึงเครียดตลอดเวลา และอีกเหตุผลหนึ่งคือ
คุโรซึจิ มายูริ หัวหน้ากองวิทยาการคนปัจจุบัน ดูท่าจะชอบเด็กอยู่หน่อยๆ สังเกตได้จากดาบฟันวิญญาณ และการหาเรื่องแกล้งหัวหน้าตัวเล็กอย่างฮิตซึกายะ โทชิโร่แห่งหน่วย 10 เป็นบางโอกาส
แต่ในเซเรเทย์นั้น ยังมีเด็กคนหนึ่งที่เค้าไม่สามารถทำใจชอบได้ แม้จะเป็นเด็กน่ารักสดใสร่าเริงในสายตาผู้อื่น สำหรับเค้าแล้วคือสุดยอดตัวป่วน ตัวปัญหา ตัวยุ่ง ฯลฯ และเป็นเด็กที่เขาไม่ปรารถนาให้มาในเวลานี้มากที่สุด
รองหัวหน้าหน่วยที่�11 คุซาจิชิ ยาจิรุ
..
“มีธุระอะไร?” มายูริถามขึ้นห้วนๆ แต่สาวน้อยจากหน่วย 11 ไม่ได้สนใจ หนำซ้ำยังเล่นกับอาชิโซงิ จิโซต่อ [เล่นในความหมายของคุณเธอคือ กระโดดล็อคคอแล้วบังคับให้บินไปรอบๆ] พอสบโอกาส จิโซจึงรีบกลับเข้าฝักดาบเพื่อรักษาชีวิตตนไว้
“หนีไปซะแล้ว ว้า ” �ยาจิรุเอ่ยอย่างเสียดาย โดยไม่ทันสังเกตว่ากำลังมีเงาทะมึนพาดผ่าน ซึ่งมาจากมายูริที่ยืนค้ำหัวเธอนั่นเอง
“กลับไปซะ วันนี้ไม่มีอะไรให้แกเล่น ถ้าไม่กลับไปดีๆ ข้าจับเจ้าลงหม้อไฟส่งไปให้เจ้าซาราคิแน่
”
หัวหน้าหน่วยสิบสองพูดเสียงเย็น แต่ดวงตากลมโตสีชมพูเข้มรับกับสีผมจ้องเขากลับมาพร้อมกับเอ่ยเสียงใส
“ข้ารู้นะว่าเจ้าแอบฮุบไอ้นั่นไว้คนเดียว ไม่ต้องทำเป็นขู่!”
“ว่าไงะ?!”
“เระจังบอกกับข้าว่า เจ้าน่ะไปยึดไซนัสที่ใช้ผลิตลูกกวาดทั้งหมดในเซเรเทย์ ไปเป็นของเจ้าคนเดียวใช่ม้า!”
..เฮ้ย! เระจังนี่ใคร[วะ]? กล้าดียังไงถึงมากล่าวหาข้าด้วยเรื่องงี่เง่าปัญญาอ่อนพรรค์นี้ แล้วน้ำเชื่อมที่ใช้ทำลูกกวาดเค้าเรียกไซรับเฟ้ย! ไม่ใช่ไซนัส!.......
พลันสายตาของยาจิรุก็เหลือบไปเห็นหม้อยาบรรจุยาแก้ที่มายูริปรุงไว้ตั้งอยู่กลางห้อง เจ้าตัวจึงอุทานขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หม้อนั้น
“อ๊ะ! ไซนัสนี่นา เหมือนที่เระจังบอกเลย� ไม่ผิดแน่”
“ว่าไงนะ” แต่กว่าหัวหน้าหน่วยสิบสองจะรู้สึกตัว ยาจิรุก็ใช้ก้าวพริบตาไปหยุดอยู่เหนือหม้อยานั้น แล้วถือมันขึ้นมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ยัยเด็กบ้า!”
และแล้วก็เกิดการวิ่งไล่จับกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องกับสาวน้อยหน้าใส สนุกสนานปานไหนไม่ต้องพูดถึง ฝ่ายไล่กวดตอนนี้โมโหจนคลั่งเต็มที ส่วนฝ่ายถูกไล่ก็ทำหน้าที่ได้ดีจนหน้าใจหาย ทั้งเคลื่อนไหวไวปานวอก หลบหลีกแคล่วคล่อง แถมยังมีโยน-รับหม้อให้หัวหน้าหน่วยสิบสองหัวใจวายเล่นอีก - -
“เล่นริบมาหมดแบบนี้ ก็ไม่มีลูกกวาดขายกันพอดี ข้าก็อดไปด้วย >x< “
“ยัยเบื้อกเอ๊ย! บอกหลายรอบแล้วว่าไม่ใช่ๆ เอาคืนมาเดี๋ยวนี้!!!”
“โกหก!”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่เซ่ =[]=*!!!!!!!!!!”
มายูริแผดร้องเสียงดัง พร้อมกับปล่อยแขนกลของตัวเองยืดยาวออกไปหมายจะจับอีกฝ่าย ยาจิรุจึงใช้ก้าวพริบตาเข้าไปในบริเวณที่มีสิ่งกีดขวางเยอะๆ จนแขนกลที่ไล่ตามไปของมายูริโดนเกี่ยวเข้าจนขยับไปไหนไม่ได้ หัวหน้าหน่วยสิบสองจำต้องสละแขนตัวเองทิ้ง แล้วรีบฉีดยาปลูกเนื้อให้แขนงอกขึ้นมาใหม่แทนของเดิม
ถัดจากนั้น
การไล่จับยังดำเนินต่อไปเกือบชั่วโมง โดยทางฝ่ายผู้ใหญ่เริ่มมีอาการหอบเหนื่อยให้เห็น
�“ด้วยเกียรติของประธานสมาคมยมทูตสตรี ข้าไม่ยอมยกให้เจ้าหร้อกกก!!! >[]<� ”�
“ เพราะงั้น ยอมแพ้ซะเถอะ มยุริน!”
“ห..หนอยแน่ -*-“� มยุริน แอ๊ฟ! มายูริคำรามเบาๆ พลางกรอกตาไปมาตามการเคลื่อนไหวของร่างเด็ก
.ยัยนี่ เป็นวิชาแยกร่างตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมมันมีสองร่างฟร่ะ เดี๋ยวๆ ไม่ใช่แล้ว ..
ชายสวมหน้ากากตระหนักได้ว่านั่นไม่ใช่ร่างแยก แต่เป็นเพราะเขาเหนื่อยจนตาพร่าต่างหาก �หัวหน้าหน่วยสิบสองจึงรวบรวมกำลังทั้งหมดดับเครื่องชนพุ่งเข้าหาเด็กหญิง
โครม!
ด้วยความที่ไม่ได้นอนมาหลายคืน โดยเฉพาะเมื่อคืนนี้ที่หน่วยสี่บุกมา ก็ครบเดือนนึงพอดีที่เค้ายังไม่ได้หลับได้นอน ทำให้นอกจากจะพลาดไม่โดนเป้าหมายแล้ว ยังเบรกแตกชนกองเศษเหล็กเก่าๆ กองใหญ่
“คิกๆ ตลกชะมัด เอาล่ะ ได้เวลาแจวโลด >[]<” ขณะที่ยาจิรุกำลังจะก้าวเท้าออกไป เสียงแหบแห้งก็ได้หยุดเธอไว้
“ ยัยบ้าเอ๊ย จะเข้าใจผิดก็ให้มันน้อยๆ หน่อย”
?!
เด็กหญิงผมชมพูหันกลับไปจนพบกับร่างซีดขาวค่อยๆ คลานออกมาอย่างหมดมาด[ที่ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว]�
�“ในหม้อนั่นมันเป็นยาที่ข้าปรุงขึ้นเอง ไม่เกี่ยวกับที่เจ้าพูดซักนิด เอาคืนมาซะ”
แม้จะสัมผัสได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปฉับพลันจนน่าสงสัย แต่กระนั้นรองหัวหน้าเด็กจากหน่วย 11ยังเถียงกลับไป
“คนบ้าอย่างเจ้ามียาอยู่กับตัวเองตั้งเยอะแยะ กะอีแค่หม้อๆ เดียวจะหวงไปทำไมเล่า >[]< “ [ยาจิรุโหมดดื้อ]
“ถ้าไม่มียานั่น ..”
“ข้า..ก็ช่วยเนมไม่ได้น่ะสิ
.”
มายูริพูดอย่างอ่อนระโหยโรยแรงพลางลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากตัว �ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่เด็กหญิงก็รู้สึกผิดน้อยๆ เลยรีบถือหม้อกลับไปวางไว้ที่เดิม แล้วตั้งใจจะแจวออกจากที่นั่นโดยไว ทว่า
จ๊อกๆ
ร่างเล็กคลำที่ท้องตัวเองน้อยๆ พลางทำหน้ามุ่ย
อย่าบอกนะว่า ที่พาลมาหาเรื่องข้าเป็นเพราะหิวจัด .....งี่เง่า.....
มายูริคิด ก่อนที่จะเดินไปหยิบห่อบางอย่าง[ซึ่งซุกอยู่ในลิ้นชักใกล้ๆ] แล้วโยนให้ยาจิรุแบบส่งๆ
�“ถ้าหมดเรื่องแล้ว
ก็ไสหัวออกไปซะ”
ขนมนี่นา อุ๊กกี้เคยเอามาให้ ..รู้สึกจะเรียกว่าคุกกี้นี่ละ ๐.๐�� ..
ยาจิรุคิด และเมื่ออยู่ไปก็ทำตัวไม่ถูก เด็กหญิงจึงตัดสินใจวิ่งหนีออกไป แต่ไม่วายพูดสวนกลับมา
“ถะ..ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับเนมจังละก็ อยากให้ช่วยก็บอกนะ -///-“
"......."
..ไม่น่ารักเอาซะเลย
..
..................เฮ้อ....
หัวหน้าหน่วยสิบสองคิดพลางถอนหายคนเดียวเงียบๆ แล้วตัดสินใจไปพักงีบซักประเดี๋ยวเพื่อเริ่มงานต่อ
ความคิดเห็น