ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic bleach] : [re]CaLL (MayuriXNemu)

    ลำดับตอนที่ #1 : P[re]view : ลบ

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ค. 55


    นิ้วสีขาวซีดเหมือนซากศพไล่เคาะไปตามคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ที่รูปร่างเหมือนออร์แกนขนาดมหึมา  ตัวหนังสือมากมายปรากฎขึ้นบนจอมอนิเตอร์จอยักษ์อย่างไม่ขาดสาย ทันใดนั้นผู้ที่นั่งพิมพ์อยู่ฉีกยิ้มกว้างทันทีขณะที่ปลายนิ้วซีดของเค้าบรรจงพิมพ์คำสั่งชุดสุดท้าย 

    พลันอีกฟากหนึ่งของห้อง ได้ปรากฏสิ่งประดิษฐ์รูปร่างแปลกๆ ผลุดขึ้นจากพื้น บนยอดของอุปกรณ์นั้นมีหน้าตาเหมือนดอกไม้ดอกใหญ่ ซึ่งตอนนี้แต่ละกลีบได้ผลิบานออกมาจนเห็นภายใน

    คุโรซึจิ มายูริลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่ แล้วใช้ก้าวพริบตาหายตัวไปโผล่อยู่ข้างดอกไม้ประหลาดเมื่อครู่

    “สำเร็จ! หึๆ..” เสียงหัวเราะอยู่ในลำคอราวกับคนโรคจิตดังขึ้นน้อยๆ แต่จู่ๆ เซนส์ของหัวหน้าหน่วยจอมหวาดระแวงได้ทำงานขึ้นทันทีที่รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ

    ตึก! ตึก!

     

    “ใครน่ะ!

     

    แม้จะส่งเสียงก้องไปทั้งบริเวณ สิ่งที่ตอบกลับมานั้นมีแต่ความเงียบเท่านั้น หัวหน้าหน่วยสิบสองเริ่มกวาดสายตาไปทั่วห้องอย่างลนลาน ยกเว้นด้านหลังตัวเองที่มีชายปริศนายืนง้างเคียวเล่มใหญ่ไว้รอ

     

    ฉับ!

     

    ผู้บุกรุกออกแรงฟันลงมาที่มายูริอย่างไม่ลังเล  เสี้ยววินาทีที่คิดว่าศีรษะของตนคงโดนสะบั้นหลุดออกจากบ่าแน่ ทว่าเคียวมัจจุราชกลับทะลุผ่านร่างเขาไปเฉยๆ โดยไร้ซึ่งบาดแผล

    แต่ความรู้สึกที่ตามมาหาใช่ความเจ็บปวดตรงส่วนที่ต้องคมมีด แต่กลับเป็นภายในหัวของเขา

     

    …….นะนี่มัน ความสามารถอะไรกัน…….. ในพริบตานั้นหัวหน้าหน่วยวิจัยยังพอมีเวลานึกสงสัย ในอึกใจต่อมาความนึกคิดของเขาก็ถูกเบียดบังจนสิ้นจากความทรงจำของเจ้าตัวที่พรั่งพรูออกมาเป็นสาย  

     

    ความทรงจำตอนเจ้านายเก่าย่างเท้าเข้ามายังห้องขัง เพื่อชวนตัวอันตรายอย่างเขาในตอนนั้นให้ออกมาทำงานด้วยกัน

    ความทรงจำตอนก่อตั้งกองวิทยาการใหม่ๆ ร่วมกับยมทูตตนอื่นๆ ที่กลายมาเป็นลูกน้องของเค้าในเวลาต่อมา

    ความทรงจำตอนที่เขาพ่ายแพ้อย่างหมดรูปให้กับควินซี่ที่เขาดูถูกนักหนา

    ความทรงจำเกี่ยวกับยมทูตและทุกคนที่เค้ารู้จัก

    รวมไปถึงนาง คนที่อยู่ใกล้ชิดเค้ามากที่สุดในเวลานี้

     

    …………ทั้งหมด

    ………....ได้เลือนหายไป

     

    ………….กับความมืด


      

     

     

    P[re]view : ลบ

     

    “ไอ้ของพรรค์นี้ ถ้าเกิดระเบิดขึ้นมา มีหวังเซเรเทย์ได้พินาศแน่”

    อาบาไร เร็นจิ รองหัวหน้าหน่วย 6 นึกอยากกัดลิ้นตัวเองนักที่เคยพูดออกไปแบบนั้น เมื่อครั้นไปดูการก่อสร้างโรงวิจัยอณูวิญญาณกับคิระ อิซุรุรองหัวหน้าหน่วย 3

    ตึกสูงที่เคยตั้งตระหง่านอยู่ในพื้นที่ของกองวิจัยวิทยการ บัดนี้ถูกปกคลุมด้วยกลุ่มก้อนอณูวิญญาณเข้มข้นดูราวกับเมฆหมอก อีกทั้งมีอณูวิญญาณส่วนหนึ่งกลายสภาพเป็นงูยักษ์หลายหัว[ไฮดรา?]คอยโจมตีทุกอย่างโดยรอบ

    สิ่งก่อสร้างในบริเวณนั้นไม่ต้องพูดถึง นอกจากจะได้รับความเสียหายตอนเกิดระเบิดครั้งแรกราวยี่สิบนาทีที่แล้ว ก็ตามมาด้วยปรากฏการณ์ประหลาด จู่ๆ บ้านเรือนบางส่วนหายวับไป แล้วไปปรากฎเหนือน่านฟ้า จากนั้นก็ล่วงหล่นไปทับบ้านเรือนเบื้องล่างจนพังเสียหายไปทั่ว ตอนนี้สภาพเซเรเทย์ใกล้จะตรงตามที่ชายหนุ่มหัวแดงว่าไว้ไปทุกที

     

    “เอาไงดีครับรองหัวหน้า”

    “ก็บุกเข้าไปซะเซ่! มัวชักช้าอะไรอยู่” เร็นจิตะโกนตอบลูกน้องจากหน่วยเดียวกัน

     

    “ย๊ากกกกกซซซซซ์!!!!!!

    ยมทูตราวยี่สิบชีวิตกู่ร้องเสียงดังเรียกกำลังใจ ก่อนตั้งต้นวิ่งเข้าหาตึกสูงตรงหน้า ทว่า

     

    ฟู่!

     

    งูยักษ์หัวที่ใกล้ที่สุดพ่นหมอกสีขาวออกมา ส่งผลให้ยมทูตทั้งยี่สิบนายถูกแช่แข็งไปโดยปริยาย

     

    เออ ระวังเจ้างูยักษ์นั่นด้วยล่ะ” รองหัวหน้าหน่วยหกบอกกับยมทูตที่เหลือ

    ……………ช้าไปแล้วมั้ย -*-………………….

    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     

    “หัวหน้าคุโรซึจิ!

    “หัวหน้า หยุดเถอะคร๊าบบบ!

    ลูกน้องใต้ชายคาหน่วยสิบสองร้องเรียกหัวหน้าตัวเองอย่างสิ้นหวัง นอกจากคนตรงไม่มีทีท่าว่าจะได้สติกลับมาเลย ยัง เสียสติมากกว่าเดิมเสียอีก

     

    “อากอน ..เอาไงล่ะทีนี้ หัวหน้ากำลังบ้าได้ที่เลย โอย.. ว้อยยยย!”  ชายหัวกลมเป็นลูกบอลสบถขึ้นมาเมื่อเหล่ายมทูตที่คอยหลบคมดาบของหัวหน้าสุดรักดันถอยมาเบียดโดนเขาอย่างจัง ข้างๆ กันมีชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง มีเขางอกขึ้นมาเล็กๆ ประดับหน้าผากกว้าง พอเห็นเพื่อนตกอยู่ในสภาพนั้นจึงถามออกไป 

    “โอเคมั้ย ฮิโยสุ”

    “โออยู่ แต่รองหัวหน้าเหมือนจะไม่นะ”

    อากอนมองตามที่ดวงตาเท่าลูกเทนนิสของฮิโยสุกรอกไป จนเห็นยมทูตสาวในชุดกระโปรงสั้นพยายามฝ่ากลุ่มคนที่เข้ามาห้ามเธอไม่ให้เข้าไปใกล้คนที่กำลังอาละวาดอยู่

    สักพักกลุ่มคนที่ว่าก็สู้แรงของหญิงสาวไม่ไหวจนแตกกระเจิงไปคนละทิศคนละทาง เมื่อได้รับอิสระ รองหัวหน้าสาวรีบพุ่งไปข้างหน้า แต่กลับโดนมือหนามากด้วยกำลังฉุดไว้เสียก่อน

    “ปล่อยข้า! ข้าจะไปช่วย....

    “เมื่อกี้ก็โดนหัวหน้าถองไปทีนึงยังไม่เข็ดอีกรึไง”

    “ปล่อย

    นอกจากจะไม่ทำตามคำขอของหญิงตรงหน้าแล้ว อากอนยังออกแรงบีบข้อมือผอมเรียวนั้นหนักขึ้น

    “ขนาดหัวหน้าซาราคิยังโดนบังไคของหัวหน้าซัดกระเด็น ….อย่างเจ้าจะไปทำอะไรได้!

     “จะให้ข้าปล่อยท่านมายูริไว้อย่างนี้ได้ยังไงกันเล่า!

    “หลีกไป!!!

    เธอที่ไม่เคยขึ้นเสียงกับใคร บัดนี้กลับร้องแหวใส่ลูกน้องตัวเองเสียเต็มประดา  ทำเอาชายหนุ่มถือวิสาสะลากมือที่เขาจับแน่นให้หันมาทางเขาพร้อมกับตะโกนใส่หน้า

    “ต้องเฉียดตายซักกี่รอบถึงจะพอใจห๊ะ ยัยบ้า!

     

    ตูม!

    หากแต่การโต้คารมระหว่างลำดับสามกับรองหัวหน้าจากหน่วยเดียวกันเป็นอันยุติลงเมื่อเกิดเสียงระเบิดดังขึ้นใกล้ๆ

     

     “ว๊ากกก!!!!

    เสียงของนักวิจัยเคราะห์ร้ายจำนวนหนึ่งดังขึ้นขณะพวกเขาปลิวไปตามแรงอัด  พอฝุ่นจางลงจึงเผยให้เห็นกลุ่มคนมาใหม่ โดยมีหญิงสองคนต่างไซส์กันยืนนำอยู่หน้าสุด

    “ปากบอกขอ 3 นาที นี่จะครึ่งชั่วโมงแล้วยังคืบหน้า ไม่ได้เรื่องจริงๆ เจ้าซาราคิ”  ร่างเล็กผู้มีเลขสองในภาษาจีนประทับอยู่กลางหลังของชุดคลุมเอ่ยขึ้น

    “ความจริงพึ่งผ่านไป 5 นาทีเอง หัวหน้าซุยฟงน่ะใจร้อนเกินไปต่างหาก ^^” อีกคนที่สวมชุดคลุมคล้ายกันหากแต่เลขที่ปรากฎคือเลขสี่ กล่าวพร้อมกับผายมือให้สัญญาณกับลูกน้องของตนให้เข้าไปพยาบาลผู้บาดเจ็บ ทางหัวหน้าหน่วยสองจึงหันมาออกคำสั่งบ้าง

    “พวกคนเจ็บก็รักษาไป นอกนั้นจับตัวมันให้หมด!

     

    กลุ่มคนแต่งชุดกิโมโนรัดรูปสีดำโพกหัวปิดปากรัดกุมปรากฎกายจากความว่างเปล่าเข้าประชิดตัวสมาชิกทุกคนในหน่วย  ด้วยความที่วันๆ เอาแต่เฝ้าหน้าจอสังเกตการณ์ พวกหน่วยสิบสองเหล่านี้จึงยอมให้จับแต่โดยดี จะขัดขืนก็มีแต่รองหัวหน้าสาว คุโรซึจิ เนม ที่ต้องมีหน่วยลงทัณฑ์มือฉมังราวสิบคนเข้าควบคุมตัว ถึงจะเอาคุณเธออยู่….

     

    แต่อีกด้าน หน่วยลงทัณฑ์ราวสามเท่าของเมื่อครู่กลับหมอบราบคาบเมื่อพยายามจะเข้าจับนายเหนือแห่งหน่วยสิบสอง

     

    -*-

    หัวหน้าหน่วยลงทัณฑ์ออกอาการยัวะน้อยๆ พอเห็นลูกน้องของตนถูกเล่นงาน ลำแขนบางเอื้อมไปชักดาบสั้นออกมาเตรียมจะปลดชิไค แต่กลับโดนมือเรียวสวยของหัวหน้าอีกคนห้ามไว้

    “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเองค่ะ ^^

    “อ้าว แล้วดาบฟันวิญญาณของท่านล่ะ“ ซุยฟงพูดขึ้นเพราะเห็นว่าดาบมินาซึกิยังอยู่ที่รองหัวหน้าหน่วยสี่

    “ข้าจะใช้วิธีการที่สูญเสียน้อยที่สุดเพราะถ้าต้องรักษาคนพรรค์นั้นภายหลัง มันค่อนข้างจะเกินความสามารถ ^^….

    พูดจบ หัวหน้าหน่วยสี่ใช้ก้าวพริบตาไปปรากฎตรงหน้าตัวการของเรื่อง ทำเอาชายสวมหน้ากากผงะเล็กน้อยแต่พอตั้งหลักได้ก็เข้าฟาดฟันอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง

    คนอื่นที่เหลือได้แต่เฝ้ามองการต่อสู้ของทั้งคู่เงียบๆ แต่ดูเหมือนจะสู้อยู่เพียงฝ่ายเดียวมากกว่า และถึงมายูริจะจู่โจมมาอย่างดุดัน ฝ่ายหัวหน้าหน่วยสี่ยังคงขยับตัวหลบด้วยท่าทางสบายๆ สวนทางกับอิซาเนะ โคเท็ตสึรองหัวหน้าจากหน่วยเดียวกันที่ยืนลุ้นใจหายใจคว่ำทุกครั้งที่เห็นอาชิโซงิ จิโซเกือบโดนหัวหน้าเธอ

    “หัวหน้าคุโรซึจิ นี่ข้าเอง

     “เคี๊ยยยยกกกย๊ากกกซซซซ์!!!!!! =[]= [มยุรินโหมดดับเครื่องชน]

    “ข้า อุโนะฮานะ เร็ตสึ หัวหน้าหน่วยสี่ หน่วยพยาบะ

     

    ฉับ!

    ปลายดาบสีทองเฉี่ยวเข้ากับเปียผมของหัวหน้าหน่วยพยาบาลจนแหว่งออกเล็กน้อย ลูกน้องจากหน่วยเดียวกันรวมทั้งอิซาเนะถึงกับอ้าปากค้าง

    ………..ซวยแหล่ว =[]=…………..

     

    หัวหน้านักวิจัยหาได้รู้ว่ามีภัยของจริงมาถึงตัว จนกระทั่งคนตรงหน้าเริ่มตอบโต้

    โดยการใช้มือเปล่าๆ ปัดดาบออกพร้อมกับจ้วงเข้าหาเพือโจมตีกลับ  

    …………มือเปล่าปะทะชิไค เทพเกินไปแล้ว! =[]=………..

     

    ทุกคนคิดเป็นเสียงเดียวกัน ยกเว้นเนมที่กำลังอาศัยจังหวะนี้หนีจากพันธนาการมนุษย์  พอร่างบางออกแรงขัดขืนไม่ทันไรก็โดนเสียงเข้มจาก 1 ในบรรดาคนที่จับเธอพูดเตือนขึ้น

    “อยู่เฉยๆ เหอะครับโอ๊ย! พูดไม่ทันขาดคำ รองฯหัวหน้าสาวก้มหัวกัดส่วนหนึ่งของร่างกายของใครสักคนที่ใกล้ปากตนมากที่สุด เหมือนจะไปโดนแขนของคนที่กำลังพูดอยู่พอดีจนชายฉกรรจ์คนนั้นร้องลั่นพร้อมกับสะบัดตัวหนีแต่ท่อนแขนใหญ่ดันพลาดไปฟาดหน้าเนมอย่างจัง

     

    “กรี๊ด”

     

    เสียงเล็กแหลมดังขึ้น  มันจะไม่มีความสำคัญอะไรเลย ถ้ามันไม่ได้ทำให้หัวหน้าหน่วยสิบสองที่กำลังต่อสู้อยู่ชะงักแล้วลอบหันไปดู จนเกิดช่องว่าง

     

    ซวบ!

    !!!!

     

    ถึงอุโนะฮานจะชกเข้าที่ท้องธรรมดาๆ แต่กลับรุนแรงเสียจนอีกฝ่ายจุกจนร้องไม่ออก ร่างของนักวิจัยสติเฟื่องทรุดลงไปกับพื้นช้าๆ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับน้ำลายที่เริ่มฟูมปากหน่อยๆ หากเป็นคนธรรมดาน่ากลัวว่าจะกระอักเลือดไปแล้ว



     

    “ท่านมายูริ!!!!!!!!!!!!!!!!

     

    เสียงกรีดร้องจนสุดเสียงดังกึกก้อง นั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่นักวิจัยสติเฟื่องรับรู้ ก่อนสติจะดับวูบลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×