คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 10 การเริ่มต้นที่หวานหอม?
บทที่ 10 การเริ่มต้นที่หวานหอม?
วันเวลาที่ผ่านพ้นไปช่างรวดเร็วเสียจริง นับตั้งแต่อัคคีบินไปอิตาลี ในความคิดของเปลวเพลิงมันคงจะเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมาก หากไม่เพราะนิกกี้เพื่อนสุดซี้ของเธอบินมาที่ไทย เธอจึงมีเพื่อน และไม่เหงา จนกระทั่งถึงวันสำคัญ
โรงแรมอัคราธรแกรนด์โฮเตลในค่ำคืนนี้ ถูกเนรมิตให้กลายเป็นสวนสวรรค์สถานที่แห่งรักให้แก่คู่บ่าวสาวในค่ำคืนฉลองสมรสสุดอลังการ บรรดาแขกเกรอเริ่มทยอยกันเข้างานด้วยชุดราตรีสีสันสดใส กับเครื่องเพชรแพรวพราวบ่งบอกถึงสถานะได้เป็นอย่างดีว่าเป็นระดับผู้รากมากดีเศรษฐีทั้งนั้น
แสงแฟรชวูบวาบจากช่างกล้องฝีมือดีของแต่ละสำหนักข่าวต่างแข่งกันเพื่อที่จะได้ภาพที่ดีที่สุดไปประโคมข่าวกันอย่างเมามัน
แม้บรรดาไฮโซสาวทั้งหลายจะพยายามแต่งกันสุดฤทธิ์แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถแย้งซีนเจ้าสาวคนสวยได้สำเร็จ เปลวเพลิงในค่ำคืนนี้ช่างสง่างามราวกับเจ้าหญิงในเทพนิยายในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ยืนโปรยยิ้มอยู่ข้างเจ้าบ่าวสุดหล่อและน่าอิจฉา เพื่อเก็บภาพแห่งความทรงจำร่วมกับเพื่อนๆ และบรรดาญาติๆทั้งหลายของชายหนุ่ม
ปลายน้ำในชุดราตรีสีโอรสเรียบหรูทำหน้าที่รับแขกคู่กับคุณราตรี พร้อมกับครอบครัวของทางฝั่งเจ้าบ่าว...
“เหนื่อยไหมเพลิง...” อัคคีก้มกระซิบหญิงสาว หากแต่ไม่มีคำตอบนอกเสียจากในหน้าสวยหวานที่เปื้อนยิ้มส่ายไปมา ก่อนจะหันไปยิ้มทักทายกับบรรดาแขกที่กำลังจะเข้างาน อัคคีเองยังอดประหลาดใจไม่ได้ว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นหลุดมาจากหนังสือนิยายเล่มไหนหรือเปล่ากัน เพราะหญิงสาวตรงหน้าช่างงดงามเสียจริงในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ราวกับมันถูกออกแบบมาเพื่อเธอโดยเฉพาะ...
แม้มันจะเป็นเพียงพันธะสัญญาที่เกิดขึ้นหาใช่เช่นเดียวกับคู่แต่งงานคนอื่นๆ เปลวเพลิงยังอดที่จะรู้สึกตื้นตันไปไม่ได้ ในชีวิตนี้เธอไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่าวันนี้มาก่อน เธอกำลังจะมีชีวิตครอบครัวเป็นของตัวเอง เธอกำลังจะมีสามีที่แสนดี...
พ่อจ๋า..เพลิงอยากให้พ่ออยู่ตรงนี้จัง
เพลิงคิดถึงพ่อค่ะ...
นิ้วเรียวยกขึ้นปาดหยาดน้ำตาที่คลอเคลียเบาๆ หญิงสาวรู้สึกราวกับฝันไปจนกระทั้งเธอกำลังยืนอยู่เคียงข้างอัคคีบนเวทีสีทอง...
สายตาของเธอนั้นช่างพร่ามัว หูทั้งสองก็อื้ออึงไปหมด เค้กแต่งงานที่ถูกตัด บรรดาแขกหลายร้อยคน ก้อนน้ำแข็งสลัก ซุ้มดอกไม้สุดหรูหรา คลอเคลียเสียงเพลงรัก ทั้งหมดนี่คือความจริงใช่ไหม หญิงสาวเพียรถามตัวเองซ้ำไปมา จนกระทั่งเสียงหวานจากนิกกี้เพื่อนสาวคนสวยในชุดราตรีสีชมพูอ่อนเรียบร้อยที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงานดังขึ้น...
“เอาล่ะค่ะ นี่ก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอยกันแล้วนะคะ กี้จะขอถามคำถามเบาๆกับเจ้าสาวกันก่อนเลยดีกว่า” นิกกี้ขยิบตา “แหม เห็นเป็นคู่รักที่น่าอิจฉาบรรดาพี่ๆสื่อมวลชนคงอยากทราบว่าทั้งคู่รู้จักกันได้อย่างไรคะ”
“เอ่อ...พี่คีเป็นเพื่อนสนิทกับพี่น้ำ พี่สาวเพลิงเองน่ะค่ะ เราเลยรู้จักกัน” หญิงสาวแทบจะส่งสายตาอาฆาตไปหาเพื่อนตัวดีที่เริ่มถามคำถามโดนไม่ปรึกษากันก่อน เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่เธอไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร หากแต่นิกกี้ก็ได้แต่ส่งสายตาผิดหวังไปให้ เธอหวังว่าจะได้คำตอบแสบๆของเพื่อนสุดซ่าคนนี้เสียมากกว่า ไม่ใช่ลุคคุณหนูเรียบร้อยแบบนี้...
“งั้นมาถามเจ้าบ่าวที่หล่อที่สุดแห่งปีกันบ้างค่ะว่าคุณอัคคีประทับใจอะไรในตัวเจ้าสาวคนนี้”
“คงเป็นเพราะ...” อัคคีมองหน้าหญิงสาว เปลวเพลิงใจเต้นแรง เธอคาดหวังอะไรในคำตอบของเขาหรือเปล่า ไม่เธอไม่ควรไปคาดหวังอะไรสิ
“เพลิงเป็นเพลิงแบบนี้ล่ะครับ เป็นคนตรงๆชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ก็บอกว่าไม่ หลายคนคงมองเจ้าสาวของผมว่าเป็นผู้หญิงที่สวย และเก่ง แต่สำหรับผม ผมมองว่าเพลิงเป็นเด็ก....”
คนที่ถูกมองว่าเด็กหันมาค้อนเสียยกใหญ่ ก่อนจะกลับกลายเป็นกัดปาก ก้มหน้างุดเพราะความเขินเมื่ออัคคีบอกเธอว่า “...ที่ผมอยากจะดูแลตลอดไป”
เสียงร้องด้วยความเขินปนอิจฉาดังออกมาอย่างปิดไม่มิดจากบรรดาสาวๆในงาน โดยเฉพาะปลายน้ำ เธอได้แต่เบือนหน้าหนีด้วยหัวใจที่ปวดร้าว กรที่เฝ้าสังเกตหญิงสาวเอื้อมมือมาแตะไหล่เธอเบาๆ หากแต่หญิงสาวกลับสะบัด ก่อนจะเดินหายออกไปจากงานอย่างรวดเร็ว...
“ส่วนคำถามสุดท้ายจากกี้เองค่ะ อยากจะรู้จริงๆว่าอัคคีกับเปลวเพลิงอะไรจะร้อนแรงกว่ากัน!”
เสียงเฮลั่นดังขึ้น นิกกี้ยิ้มร่า “เพราะฉะนั้นจูบเลย”
จูบเลย
จูบเลย
จูบเลย
จูบเลย
จูบเลย
เสียงเชียร์ดังระงมไปทั่ว พอๆกับที่ช่างกล้องเตรียมทำงานอย่างแข่งกัน หญิงสาวรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะจนกระทั่งริมฝีปากร้อนๆถูกปิดลงด้วยจูบแสนเร้าร้อนของอัคคี เปลวเพลิงเอามือยันอกชายหนุ่มไว้ หากแต่อัคคีกลับดึงให้มาคล้องคอเขาไว้หลอมๆ ก่อนจะแทรกสิ้นอุ่นๆเขาไปในโพรงปากของหญิงสาวที่อ้ารับอย่างเต็มใจ เพิ่มดื่มด่ำความหอมหวานที่เขาแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่อย่างไม่แคร์ต่อสายตาบรรดาแขก และช่างภาพเลยทีเดียว จนกระทั่งเสียงของนิกกี้ดังขึ้นเป็นสัญญาณให้ยุติจุมพิต
“เอาล่ะค่ะๆ เห็นทีคงจะแยกไม่ออกซะแล้วว่าใครร้อนกว่าใคร...ๆ
“พ่ออยากอุ้มหลานแล้วล่ะ”
“รักกันนานๆนะลูกนะ ลูกกำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ขอให้มีแต่สิ่งดีๆเข้ามา ยังไงซะแม่ก็ขอให้ลูกของแม่ทั้งคู่อดทนนะจ๊ะ ส่วนตาคีในวันข้างหน้าแม่ก็ขอให้ลูกหนักแน่นและมั่นคง มองหน้าผู้หญิงที่อยู่ข้างๆไว้นะ เค้าคือแม่ของลูกนะจ๊ะคี...”
อัคคีและเปลวเพลิงก้มกราบเท้าบิดามารดา
“น้าฝากน้องด้วยนะคี รักน้องให้มากๆเหมือนกับที่คุณพ่อคุณแม่และน้ารักน้องนะจ๊ะ ส่วนหนูเพลิง...น้าดีใจ และภูมิใจแทนทุกๆคนในอัคราธรมาก มีความสุขมากๆนะจ๊ะลูก”
ทั้งสองก้มลงกราบแทบเท้าคุณราตรีผู้ซึ่งเป็นญาติผู้ใหญ่เพียงคนเดียวของหญิงสาว ราตรีลูบเส้นผมหนาอย่างอ่อนโยน หล่อนรักและเอ็นดูเพลิงไม่ต่างจากลูกสาวในไส้ของหล่อนเลยสักนิด หล่อนหวังเพียงว่าสักวันเพลิงคงจะเรียกหล่อนว่าแม่บ้างเท่านั้น...
“ไป...พวกเราไปกันเถอะ ปล่อยให้เด็กๆเค้าพักผ่อนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
บุคคลสำคัญสำหรับทั้งสองค่อยๆทยอยกันออกไปจนกระทั่งห้องนอนของอัคคีเหลือเพียงเขาและเธอ หญิงสาวเลือกนั่งลงบนโซฟาอย่างทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่ชายหนุ่มถอดสูทพาดไว้บนเก้าอี้ใกล้ตัว...
“เอ่อ...” หญิงสาวพยามทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนี้ “พี่คีจะอาบน้ำไหมคะเดี๋ยวเพลิงไปผสมน้ำให้ หรือว่าจะยังไง”
ชายหนุ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะตรงไปช้อนร่างบางในชุดเจ้าสาวแสนสวยที่เขาอยากเป็นคนถอดมันเองกับมือ “พี่ว่า...เราข้ามตรงนั้นกันไปดีกว่า”
อัคคีก้าวยาวๆเพื่อพาร่างอ้อนแอ้นไปสู่เตียงสี่เสาขนาดใหญ่ของเขา เพื่อบรรเลงเพลงรักบทใหม่ที่แสนรันจวนใจ และตราตรึงอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยกว่าครั้งไหนๆ...
เช้าแห่งการเริ่มต้นชีวิตคู่ดูเหมือนว่าจะราบรื่นและหอมหวานสำหรับสองหนุ่มสาวผู้ไม่เคยคาดคิดว่าจะได้มาบรรจบเส้นทางด้วยกันมาก่อน...
เปลวเพลิงตื่นนอนแต่เช้ากว่าทุกครั้ง ร่างบางสวมใส่เดรสสีหวานดูเรียบร้อยแปลกตา ใบหน้าสวยหวานยิ่งดูอ่อนเยาว์กว่าครั้งในๆเนื่องด้วยไร้เครื่องสำอางเผยผิวเนียนขาว เรือนผมนุ่มถูกรวบเป็นหางม้าอย่างหลวมๆ หญิงสาวถือถาดกาแฟ และขนมปังที่ส่งกริ่มหอมกรุ่มเข้ามา ก่อนจะวางลงบนโต๊ะเบาๆ หญิงสาวส่ายหน้าให้คนขี้เซาช้าๆ
เปลวเพลิงยืนกอดอกมองแสงแดดสีทองรำไรที่สาดส่องโอบไล้เรือนร่างกำยำที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา ใบหน้าคมสันยามหลับช่างแลดูอบอุ่นและน่าหลงใหล คิ้วเข้มเหนือดวงตาคู่คมที่ปิดสนิท จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางเฉียบที่เพียรมอบจุมพิตแสนร้ายกาจ แผงอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามชวนสัมผัสขยับขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอตามห้วงหายใจ
น่าแกล้งชะมัด...
รอยยิ้มฉายวาบบนดวงหน้าสวย ก่อนที่เปลวเพลิงจะกระโดดลงไปคร่อมร่างหนา หวังจะคว้าหมอนมากดใบหน้าหล่อๆนั่นซะ แต่ดันกลายเป็นว่าคนขี้เซาดันรู้สึกตัวทะลึ่งพรวดดันร่างบางให้หงายผึ่งราบไปกับเตียง
อ้าย!! หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจ
“พี่คีปล่อยเพลิงนะ”
ชายหนุ่มยิ้ม ก่อนจะจูบหนักๆใบบนริมฝีปาดอวบอิ่มอย่างรวดเร็ว
“มอร์นิ่งคิส” อัคคีปล่อยร่างบางออกจากตัว ชายหนุ่มปิดปากหาววอด เพราะยัยตัวแสบนี่แหละที่เล่นทำเอาเขาแทบไม่ได้นอนทั้งคืน มือหนาเกาหัวแครกๆจนเส้นผมสีเข้มยุ่งเหยิงดูเท่แปลกตา เขาเพิ่งสังเกตว่าเพลิงแต่งตัวเรียบร้อยกว่าทุกครั้ง
“เพลิงแต่งแบบนี้น่ารักดีนะ”
คนที่ถูกชมไม่ทันได้ตั้งตัว เบือนหน้าหนีอย่างเขินอาย พลางเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ
“กาแฟค่ะพี่คี” หญิงสาวรินกาแฟใส่ถ้วยกระเบื้องเคลือบชั้นดี ก่อนจะดันมันใส่มือชายหนุ่มไวๆจนอัคคีหัวเราะร่วน
“ฝนจะตกไหมเนี่ยที่ได้ดื่มกาแฟที่เมียตัวเองมาเสิร์ฟถึงเตียง”
“บ้า...!”
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวจึงอาสาไปเปิดเอง แต่ก็จัดแจงดันร่างสูงให้เข้าไปอาบน้ำเสียที เพราะเปลวเพลิงอยากจะชวนชายหนุ่มไปซื้อของสักหน่อย
“ขอโทษที่รบกวนค่ะ พอดีว่ามีคนส่งของมาให้ค่ะ”
สาวใช้ยื่นกล่องของขวัญที่ถูกห่อด้วยกระดาษสีเลือดหมูเป็นมันวาวติดโบว์สีทองดูโดดเด่น
“จากใครหรอ?”
“หนูก็ไม่ทราบค่ะ แต่เค้าบอกว่าเป็นของขวัญแต่งงานของคุณๆค่ะ ฝากมาขอโทษเพราะเมื่อคืนลืมหยิบไปค่ะ”
เปลวเพลิงไม่ได้คิดอะไรคงจะเป็นแขกในงานที่ลืมให้ล่ะมั้ง หญิงสาวจึงรับมาถืออย่างงงๆ ร่างบางตรงเข้าไปนั่งบนเตียง มือเรียวฉีกกระดาษดังแควก อยากรู้เสียจริงว่ามันคืออะไรกันน้า...!
ก๊อกๆ !
ไม่ทันที่เธอจะแกะของขวัญเสร็จ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง หญิงสาวขมวดคิ้ว ก่อนจะพบว่าเป็นสาวใช้คนเดิม...อะไรกันนักหนานะ!
“เอ่อ ขอโทษค่ะ พอดีว่ามีโทรศัพท์ถึงคุณเพลิงค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดิมตามแม่สาวใช้ออกไปอย่างเสียไม่ได้
อัคคีเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปิดเรือนร่างหน้าหลงใหลไว้ เส้นผมสีเข้มเปียกลูกโดยที่เขาใช้ผ้าขนหนูอีกผืนเช็ดมันเบาๆ ร่างสูงพยายามมองหาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า อัคคียักไหล่ ก่อนจะรีบแต่งตัวอย่างรวดเร็ว เขาเลือกสวมเสื้อโปโลสีดำกับกางเกงสีครีมขาห้าส่วนสบายๆทำให้เขาดูเด็กกว่าอายุจริงมาก ชายหนุ่มคว้าขนมปังเข้าปาก ก่อนที่สายตาจะไปสบกับกล่องของขวัญที่ยังแกะไม่เสร็จวางอยู่บนเตียง คิ้วเข้มขมวดเป็นปม ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา...
“ของขวัญแต่งงาน เมื่อคืนเพลิงยังแกะไม่หมดอีกหรอ”
ทางด้านหญิงสาว เปลวเพลิงตามมารับโทรศัพท์บ้านด้วยความงุนงง ว่าปลายสายเป็นใครกันนะถึงได้โทรเข้าเบอร์บ้านแบบนี้
“ฮัลโหล...”
“ไงน้องรัก...”
ใบหน้าสวยหวานแปรเปลี่ยนเป็นเรียบตึงทันทีที่รู้ว่าปลายสายนั้นเป็นใคร
“น้ำ!!”
“อย่าเย็นชากับพี่อย่างนี้สิจ๊ะน้องรัก”
“ต้องการอะไรก็รีบๆพูดมา ฉันกำลังจะออกไปช้อปปิ้งกับพี่คี”
“พี่แค่จะมาถามว่าได้รับของขวัญที่ส่งไปให้หรือยังจ๊ะน้องรัก...”
“อะไร แกส่งอะไรมา!!”
“รับรองว่าต้องถูกใจเธอแน่ ดีไม่ดีอาจจะถูกใจคีด้วยก็ได้น้า...”
“แก...” หญิงสาวกำหมัดแน่น กระแทกโทรศัพท์ลงอย่างแรง ก่อนจะใจหายวาบเมื่อนึกได้ว่าเธอได้วางกล่องของขวัญนั้นไว้บนเตียง ไวเท่าความคิด ร่างบางรีบสาวเท้าไปยังห้องนอนอย่างรวดเร็ว ในใจก็ได้แต่ร้องภาวนาขออย่าให้ชายหนุ่มเปิดมันออกเลยก็ที่เธอจะไปเจอด้วยเถิด....
____เม้นๆๆๆเป็นกำลังใจให้ไร้เตอร์หน่อยน้า__
เนื้อเรื่องกำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว จนหนูเพลิง
แทบตั้งตัวไม่ติดแล้วนะคะ^^
ความคิดเห็น