คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 4 : รู้จักเปลวเพลิงน้อยไป!(1)
บทที่ 4 : รู้จักเปลวเพลิงน้อยไป!
ร่างสูงใหญ่สวมสูทราคาแพงสีดำปรอททั้งตัวก้าวเข้าประตูโรงแรมอันเป็นของเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย อัคคี วัฒนากร นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เดินเข้ามาด้วยท่าทีอิดโรยผิดไปจากที่เขาเป็นทุกครั้ง
“ไงวะไอ้คี...” กรซึ่งนั่งรอเขาอยู่รีบตรงมาทักเพื่อนชาย “แปลกแฮะ ทุกทีเห็นมาแต่เช้านี่”
“หรอวะ..” เขาตอบหน่ายๆ ทั้งคู่เดินเคียงกันเข้าไปยังลิฟล์ส่วนตัวของเขา นิ้วเรียวของอัคคีกดชั้นสองร้อยอันเป็นที่หมาย ก่อนจะปิดปากหาววอด โดยไม่สนใจว่ากรจะแหย่เขายังไง
“อะไรวะไอ้บ้าคี เล่นด้วยทำเป็นไม่เฉยนะมึง” กรบ่นอุบ
“พอกูด่ามึงก็โกรธ พอกูเฉยมึงก็ด่า” เขาเริ่มหัวเสีย
“โหยเดี๋ยวนี้ขึ้นมึง ขึ้นกูนะ!” กรจ้องหน้า แต่ดันเจอสายตาเย็นๆอย่างไม่เล่นด้วยตอบกลับจนเจ้าตัวต้องรีบกลืนน้ำลายลงคอ “เอ๊อ กูขอโทษ...ว่าแต่แกไปอดนอนที่ไหนมาวะ หน้าแกจะเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้ว”
จะไม่ให้เป็นหมีแพนด้าได้ยังไง ชายหนุ่มนึก ก็ในเมื่อยายตัวแสบเล่นเอาเขาถึงกับนอนไม่หลับ เขามัวแต่คิดเรื่องของเธอวนไปวนมาซ้ำแล้วซ้ำอีก ใบหน้าสวยหวานฉายแววบึ้งตึงมองเขา เรือนร่างอ้อนแอ้นเชิดหยิ่งอย่างถือตัวตลอดเวลา ผิวเนียนนุ่มขาวอมชมพูน่าสัมผัส และเรียวปากอิ่มที่สร้างความวาบหวามให้แก่เขา แต่ที่เขาลืมไม่ลงเห็นจะเป็นความร้ายกาจของเจ้าหล่อน!
“ยายตัวแสบ!”
“อะไรของมันวะ...”กรพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะรีบออกตามชายหนุ่มที่สร้างความงุนงงให้แก่เขาที่เดิมลิ่วๆโดยไม่รอทันทีที่ประตูลิฟล์เปิดออก
“สวัสดีค่ะบอส มีคะ--”
อัคคีไม่สนใจที่จะฟัง เลขาสาวได้แต่มองตาม พลางยิ้มเจื่อนๆ แจนเอ๋ย วันนี้จะซวย โดนด่ายับอีกไหมเนี่ย
“อย่าไปสนใจมันเลยแจน วันนี้ไอ้คีมันบ้าน่ะ” กรยิ้ม ก่อนจะตามชายหนุ่มเขาไป
“อรุณสวัสค่ะบอส!”
ทันทีที่อัคคีเปิดประตูเข้ามา กลิ่นน้ำหอมผู้หญิงก็โชยขึ้นแตะจมูก ก่อนที่กระแสเสียงหวานจะดังเข้าสู่โสตประสาทจนชายหนุ่มรู้สึกปวดจี๊ดขึ้นสมอง “อ๊ะ แต่นี่ก็จะสิบโมงแล้ว คงต้องเป็นสวัสดียามสายแทน...”
อัคคีถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขากวาดตาไปรอบๆห้อง ก่อนจะพบว่าเจ้าของเสียงหวานนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้หนังของเขา วันนี้เปลวเพลิงแต่งตัวต่างไปจากทุกครั้ง หล่อนสวมเสื้อเชิ้ตรัดรูปสีครีมติดกระดุกมิดชิด กับกระโปรงสั้นสีช็อกโกแลตทรงสอบเหนือเข่าผ่าสูงจนน่ากลัว เรือนผมสีดำสนิทถูกรวบตึงส่งผลให้ใบหน้าดูโดดเด่น หล่อนแต่งหน้าบางๆไม่จัดจ้านเหมือนทุกครั้ง กำลังยิ้มหวานให้เขา
“อ้าว...สวัสดีค่ะพี่กร” เมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคน เปลวเพลิงจึงหันไปทักด้วยท่าทียิ้มแย้ม
“สวัสดีจ๊ะ ...อ๊ะ ไม่ต้องลุกให้เมื่อยหรอกน้องเพลิง พี่เข้ามาเอาเอกสารเฉยๆ “ เขายิ้มร่าพลางชูแฟ้ม แต่คนที่ดูจะหน้าบูดเห็นจะเป็นพ่อหนุ่มนักธุรกิจใหญ่ที่ยืนกอดอกทำหน้าเหมือนคนอมทุกข์
“ไปก่อนนะไอ้คี” เขาตบไหล่เพื่อนเบาๆ “พี่ไปก่อนนะน้องเพลิง ว่างๆเดี๋ยวมาคุยด้วย ต้องรีบไปทำงานเดี๋ยวจะโดนไล่ออกซะก่อน” ไม่วายคนชอบแซวก็ยังไม่หยุดปาก แม้คนถูกแซวจะทำหน้าบอกบุญไม่รับก็ตามที
“ต้องการอะไรอีก...”
“พนักงานทุกคนต่างก็เป็นเจ้าของคนหนึ่งที่พร้อมจะบริการลูกค้าดุจพระเจ้า..” กระแสเสียงหวานเอื้อนเอ่ยขึ้น หากแต่คนฟังกลับไม่รู้สึกเคลิบเคลิ้มไปด้วย “ฉันเองก็อยากเป็นเจ้าของที่นี่เหมือนกันนี่คะ”
“ไม่ต้องอ้อมค้อมหรอก” เขามองหล่อนไม่วางตา
“ฉันต้องการทำงานที่นี่ค่ะ” หล่อนเหยียดยิ้ม “ในตำแหน่งรองประธานบริษัท!”
“โอ! เห็นที่ผมคงให้คุณได้แค่ทดลองงานฝ่ายประชาสัมพันธ์”
เปลวเพลิงลุกพรวด “ฉันไม่ทำงานต่ำๆ!!”
“ไปทดลองงานฝ่ายประชาสัมพันธ์!”
“คนอย่างเปลวเพลิง อัคราธร เกียรตินิยมจากต่างประเทศไม่มีทางที่จะทำงานแบบนั้นแน่!”
“โอ ดีเลย” ชายหนุ่มยิ้มเยาะ จริงอยู่ที่เขาพอใจในรูปลักษณ์ของหล่อนมากเป็นพิเศษ แต่เด็กดื้ออย่างนี้ไม่มีทางที่เขาจะตามใจแน่! “งั้นคุณก็เชิญไปอวดไอ้ใบกระดาษแผ่นเดียวที่ทำให้คุณยโสได้ถึงขนาดนี้กับบริษัทอื่นเถอะครับ เห็นทีผมคงไม่มีปัญญาจ่ายเงินเดือนให้นักเรียนนอกอย่างคุณผู้หญิงไหวหรอกครับ”
หญิงสาวกำหมัดแน่น “ปากดี!!”
“ครับ เมื่อวานคุณเองก็น่าจะรู้นะว่าผมปากดีขนาดไหน?”
“ไอ้...” หญิงสาวพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ยังไงเสียหล่อนก็ต้องทำงานที่นี่ให้จงได้ สงบไว้เปลวเพลิง ใจเย็น!
“ก็ได้...”
“ครับ?” อัคคีแสร้งตีหน้าไม่เข้าใจ
“ฉันยอมทำงานบ้าๆนั่นก็ได้...”
ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม “แจน!!!”
“ค่ะบอส!” เลขาสาวรีบกระวีกระวาดเข้ามา
“พาคุณผู้หญิงไปทดลองงานฝ่ายประชาสัมพันธ์”
“ค่ะบอส....” หล่อนขยับแว่นสายตานิดๆ “เชิญค่ะคุณ”
“แล้วคุณจะเสียใจ...” เปลวเพลิงพึมพำเบาๆ
ทันทีที่ลับร่างของยายตัวแสบ อัคคีก็ได้แต่เป่าลมออกปาก พลางส่ายหน้าไปมา
“...ฉันจะต้องปราบเธอให้ได้เปลวเพลิง!”
ครืดด ครืด! !! เสียงโทรศัพท์มือถือสั่น เรียกให้อัคคีหลุดจากห้วงแห่งความคิด
น้ำ!
“ไงน้ำ” เขาทัก
“ฮัลโหลคี ยุ่งอยู่หรือเปล่า น้ำคุยได้ไหม?” ปลายสายเอ่ยถาม
“เมื่อกี้ก็ไม่แน่ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว น้ำมีอะไรหรือเปล่าน้ำเสียงฟังดูเครียดๆนะ”
“เอ่อเปล่า น้ำแค่จะมาถามว่าเพลิงไปที่โรงแรมหรือเปล่า เมื่อคืนเพลิงไม่ได้กลับบ้าน เพิ่งเข้ามาตอนเช้า แล้วก็แต่งตัวออกไปบอกว่าจะไปหางานทำ”
“อืม...” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อคืนหายไปไหน?
“ว่าไงคี?”
“อ๋อๆ อืมๆเพลิงอยู่ที่นี่ คีให้เพลิงไปทดลองงานดูน่ะ”
“โอ้ว!ตายจริง ยายเพลิงไม่ได้ไปอาละวาท หรือก่อเรื่องนะ...”
ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เมื่อนึกถึงสาวสวยที่พรวดพราดเข้ามาจนการประชุมล้มไม่เป็นท่า แล้วยังจะเรื่องที่ทำกับเขาไว้แสบอีกล่ะ!
“ไม่หรอกน้ำ” เขากลั้นใจพูด “ไม่เลย...”
“คีพูดแบบนี้น้ำค่อยสบายใจหน่อย เอาเป็นว่าน้ำไม่กวนคีแล้วนะจ๊ะ บายนะ”
ชายหนุ่มก้มมองโทรศัพท์ในมือ ถ้ายายตัวแสบพูดจากับเขาดีๆได้สักเสี้ยวของน้ำ เขาคงไม่ลังเลเลยที่จะตามใจหล่อนทุกอย่าง!
ฮึ คิดได้ไงวะไอ้คี แกต้องบ้าแน่ๆ!
ครืด! !!
“ว่าไงแจน” อัคคีรับโทรศัพท์อย่างหน่ายๆ
............
“อะไรนะ!!”
............
“สองรายหรอ!!”
............
“ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ!!”
ปัง!
“บ้าเอ้ย!!”
ร่างของชายหนุ่มกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากลิฟล์มุ่งตรงไปสู่จุดเกิดเหตุอันทำให้เขาต้องรีบร้อนลงมาจากห้องทำงานถึงเพียงนี้
ทันทีที่อัคคีมาถึง เขาเห็นเปลวเพลิงยืนลอยหน้าลอยตาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว และพนักงานอีกห้าหกคนต่างขอโทษขอโพยลูกค้าสองราย
“คุณใช่ไหมที่เป็นเจ้าของโรงแรม!”
“ครับ!”
“ไม่!!” เปลวเพลิงร้องดังแขกสองรายปลายตามอง
“ไม่มีทางที่จะไม่ใช่” หล่อนเหยียดยิ้ม จนอัคคีหรี่ตามอง
“ดี เจอตัวคุณก็ดีแล้ว ผมคงต้องต่อว่าคุณเสียหน่อยแล้ว!”
“ใจเย็นๆครับนี่มันเรื่องอะไรกัน...”
“ก็ผมกับเพื่อนมาเช็คอินตามปกติ แต่คุณผู้หญิงคนนี้เค้าตะโกนด่าว่าผมลวนลามเค้า...”
“หรือไม่จริงล่ะ!!”
“ไม่จริง!”
“อ๋อหรอค่ะ! พฤติกรรมของคุณมันไม่ได้บอกอย่างนั้นเลยนี่คะ ดิฉันว่าอย่างพวกคุณนี่คงจะเข้าโรงแรมผิดที่ไปหน่อย นี่มันโฮเต็ลนะคะ ไม่ใช่โมเต็ล!”
“นี่เธอ!!” เขาชี้หน้าหล่อน ใบหน้านั้นเบี้ยวบูดด้วยความอับอาย เมื่อพวกเขากลายมาเป็นจุดสนใจของบรรดาแขกทั้งหลาย
“ขอโทษนะครับ ผมขอโทษแทนลูกน้องผมด้วยนะครับ...”
“เปลวเพลิงขอโทษลูกค้าซะ!”
“ไม่มีทาง” หล่อนยืนกราน อัคคีกำหมัดแน่น
“เอ่อ งั้นเชิญคุณพักที่นี้ตามสบายเลยนะครับ ทางโรงแรมจะให้คุณพักฟรีแทนเรื่องที่เกิดขึ้น...”
“ไม่ ให้ตายยังไงผมจะไม่มาเหยียบโรงแรมบ้าๆนี่อีก พนักงานก็ปากจัดปากร้าย เห็นว่าเป็นโรงแรมระดับห้าดาวหรือไงถึงได้ทำเป็นหยิ่งใส่ลูกค้า...”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ...”
“ผมจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก!!!”
คล้อยหลักลูกค้าทั้งสองออกพ้นประตูไป...
“ไม่มีงานทำกันหรือไงฮะ!!”
“ครับ/ค่ะ มะ มี...” พนักงานทั้งหลายละล่ำละลักตอบแทบไม่ทัน
“ก็ไปทำซิไป!!!”
ทั้งหลายรีบวิ่งแยกย้ายกันอย่างลนลานแทบไม่ทัน เมื่ออัคคีเหนือหัวพวกเขากำลังจะปะทุ
“เดี๋ยว!!” มือใหญ่คว้าแขนบางไว้ “เธอยังไงไปไม่ได้”
เปลวเพลิงปรายตามองเขาอย่างเย่อหยิ่ง “อะไรอีกคะบอส ฉันมีงานต้องทำนะคะ”
ร่างสูงใหญ่ของอัคคีออกแรงเพียงน้อยนิดก็เพียงพอที่เขาจะต้องลากคนตัวเล็กกว่าที่แม้ว่าเจ้าตัวจะขัดขืนเพียงไรแต่มันก็ไม่เป็นผล อัคคีลากเปลวเพลิงไปยังมุมลับตาคน และพ้นจากสายตาสอดรู้ของเหล่าขาเม้าทั้งหลาย
“ฉันเจ็บนะปล่อย!”
“เธอสมควรจะโดนมากกว่านั้นด้วยซ้ำ!”
“คุณมันไม่เป็นสุภาพบุรุษ”
“สุภาพบุรุษ!” อัคคีทวนคำ “กับคุณน่ะหรือคงไม่ต้องหรอกมั้ง”
“นี่นาย!!!”
“ผมขอเตือนคุณไว้ก่อนเลยนะอย่าริอาจก่อเรื่องอีก...”
“ฉันน่ะหรือก่อเรื่อง!!!” หล่อนร้องเสียงสูง
“ใช่ และไม่ว่าคุณจะหาเรื่องมาคอยปั่นหัวผม หาเรื่องให้ชื่อเสียงโรงแรมเสียหายยังไงมันก็ไม่เป็นผล เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ผมหมดความอดทนกับคุณ”
หล่อนอ้าปากจะเถียง
“ผมไล่คุณออกอย่างไม่ไว้หน้าแน่!!!”
“นายอัคคี!!”
“ทีนี้จะไปทำงานต่ออย่างสงบ หรือจะเดินออกไปอย่างสงบก็เลือกเอา”
อัคคีหันหลังกลับ หวังว่าหล่อนคงจะหายซ่าเชื่อคำขู่ของเขาบ้าง หากแต่เขาต้องชะงัด เมื่อน้ำเสียงหวานเอ่ยปนซะอื้น
“เห็นแก่ตัว...” เปลวเพลิงเอ่ยขึ้นเบาๆ ตั้งแต่เล็กจนโต หล่อนเติบโตขึ้นพร้อมกับความอ้างว้าง พร้อมกับผู้คนที่รายล้อมที่มักจะจ้องหาผลประโยชน์ และเอาเปรียบหล่อนอยู่เสมอ โดนเฉพาะผู้ชาย!
“อย่ามามารยากับผมเปลวเพลิง...” อัคคีเปรยขึ้นเมื่อเห็นดวงตาคู่สวยมีหยาดน้ำคลอไหววูบอย่างน่าประหลาดใจ
“ใช่ฉันมันมารยา ฉันไม่ได้แสนดีอย่างน้ำ ฉันมันนางมารร้ายที่ใครๆก็ชัง!!!”
“นี่คุณ....”
“เชิญคุณไปทำงานของคุณต่อและโปรดอย่ามาสนใจพนังงานกระจอกๆของคุณเลย ฉันจะกลับไปทำงานอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และอาจจะรับจ้อบพิเศษเป็นโปรโมชั่นให้ลูกค้าคนสำคัญของคุณได้รับบริการชั้นเลิศจนถึงสวรรค์!”
“อย่ามาประชดผมนะเปลวเพลิง”
“ฉันพูดจริง! คุณต้องการอย่างนี้ไม่ใช่หรือไง ฉันจะเป็นพนักงานที่แสนดี ไม่มีปากมีเสียงถึงแม้ว่าจะโดนลูกค้าจับก้น และชวนขึ้นเตียง!!”
“เปลวเพลิง!!”
“คะ...มีอะไรจะให้ฉันรับใช้อีกหรือคะ?”
ทุกคนมองฉันเป็นนางร้าย! แม้ว่าหล่อนอยากจะร้องไห้ต่อคำถากถางเพียงใด แต่มันก็เหลือเพียงคำพูดแสบๆคันๆของหล่อนเท่านั้น ความอ่อนแอของหล่อนนั้นไม่ได้ช่วยอะไร น้ำตาที่ไหลอาบแก้มของหล่อนไม่เคยมีใครซับมันนอกจากมือทั้งสองข้างของหล่อนเอง...
“คุณถูกสองคนนั่นลวนลาม?” ชายหนุ่มเริ่มลังเล
หากแต่หญิงสาวกับเหยียดยิ้ม “มารยาของฉันต่างหากล่ะ ฉันจ้องจะทำร้ายคุณอยู่แล้วนิ...”
“ผมไม่ชอบคนประชดประชันนะ ถ้ามีอะไรก็พูดมาตรงๆ”
“ฉันก็ไม่ต้องการให้คุณมาชอบอยู่แล้ว...”
หล่อนทิ้งทาย ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่แคร์ใคร ทิ้งให้ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังของลูกน้องสาวไปอย่างลังเลใจ
“เธอคงอยากจับบอสมากสินะ”
เสียงพนักงานในยูนิฟอร์มโรงแรมคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างลอยๆ ในขณะที่เปลวเพลิงเดินสวนไป ทีแรกหญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ถ้าไม่เพราะเสียงน่ารำคาญนั่น ยังคงราวีอยู่เป็นระยะๆ
“ได้ข่าวมาว่า เป็นไฮโซตกอับ ยอมทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน กุซซี่ที่ถืออยู่ก็ไม่รู้ของจริงหรือของเก๊กันแน่ ฮ่าๆๆๆ”
“นี่..” หญิงสาวหันมาประจันหน้า เปลวเพลิงรู้สึกอารมณ์เสียเป็นสองเท่า เพราะเธอยิ่งหงุดหงิดกับการตามหาร่มของโรงแรมเพราะวันนี้ฝนดันตกแล้ว เธอยังต้องเจอพวกหมารอบกัดอีก
นิ้วเรียวเคลือบสีทาเล็บสีสดชี้หน้าพนักงานปากเก่ง
“หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้มีเวลาว่างมากเสียจนมาคอยเห่าชาวบ้านเค้าเนี่ยฮะ”
“อ๊ะ อย่าทำมาปากเก่งนักเลยยัยคุณหนูตกอับ ฉันรู้ดีหรอกน่าว่าเธอจ้องจะจับบอสจนตัวสั่น เพราะอยากกอบฐานะ แต่อย่างเธอน่ะ คงมีเสี่ยเลี้ยงได้สบายๆอยู่หรอก อย่ามาเสียเวลาจับบอสซะให้ยากเลย เพราะบอสน่ะรู้ดีว่าอะไรคู่ควรอะไรไม่คู่ควร”
“นี่ ฉันจะบอกอะไรให้นะ ต่อให้ฉันตกอับ ฉันก็ไม่มีวันใช้ของปลอมอย่างหล่อนหลอกย่ะ ระวังนะกระเป๋าที่ถือเค้าจะตรวจรหัสหลุยร์ขึ้นมาเธอจะยุ่ง
” เปลวเพลิงเหยียดยิ้ม “อีกอย่างนะฉันไม่ต้องมาคอยจับผู้ชายหรอกรู้เอาไว้ด้วย แค่นี้บอสเธอก็อยากได้ฉันจนตัวสั่นไม่ต้องเสียเวลาเลียแข้งเลียขาอย่างเธอเสียให้ยากหรอกนะ นังร่าน”
“กรี๊ดด!! อี อีบ้าแกกล้าด่าฉันว่าร่านหรอ”
“มากกว่านี้ฉันก็กล้าย่ะ!!”
“แก นังตัว...”
เพี๊ยะ!!
มือเรียวสวยสาดกระทบใบหน้าพนักงานสาวอย่างแรง ในขณะที่อีกมือของเปลวเพลิงจิกทึ้งผมที่ถูกเกล้าอย่างสวยงามจนกระเซิง
“อย่าบังอาจมาสะเออะใส่ฉันอีกนะนังร่าน!!”
ถ้อยคำร้ายกาจเจอยาพิษร้ายถูกพ่นใส่หน้าพนักงานสาว ไม่มีใครในบริเวณนั้นกล้าเข้ามายุ่งเลยสักคน นอกเสียจากยืนมุงดูด้วยความกระหายใคร่รู้ตามประสามนุษย์ ในขณะที่บางคนยืนซุบซิบอย่างโจ่งแจ้ง
“ถ้าฉันเป็นแก ฉันคงจะตรวจดีเอ็นเอไปแล้วว่าใช่ลูกของอัคราธรแน่หรือเปล่า ทั้งนายใหญ่ที่ตายไป คุณราตรี คุณหนูน้ำก็ดูผู้ดี มีแต่แก นังนอกคอกคนเดียวที่ทำตัวต่ำกว่าอีพวกแม่ค้าซะอีก...”
เปลวเพลิงหันขวับ หญิงสาวคิดจะปล่อยนังพนักงานปากดีนี้ไปแล้วแท้ แต่นังนั่นดันหาเรื่องใส่ตัวเอง
ไม่ใช่อัคราธรน่ะหรือ!ฉันไม่ใช่ลูกงั้นหรือ? อีน้ำมันดีกว่าฉันงั้นหรือ? อีนี่เป็นใครถึงได้กล้าพูดกับฉันแบบนี้...!
ฉันจะฆ่าแก!!
ดวงตาสีดำหรี่ลงอย่างน่ากลัว ใบหน้าสวยขึ้นสีตามแรงอารมณ์ ส่วนพนักงานปากดี เริ่มหน้าซีด หล่อนยังไม่หายเจ็บหน้าที่ถูกตบไปเมื่อครู่ แต่อย่างไรซะหล่อนจะสู้ตาย ถ้านังไฮโซตกอับนี้ตบหล่อนอีกครั้ง
“คอยดูนะฉันจะให้บอสไล่แกออก!”
“คราวนี้ฉันจะไม่แค่ตบแกแน่..”
เพี๊ยะ!! เปลวเพลิงหน้าหันไปตามแรงเหวี่ยง
“ฉันก็ไม่ปล่อยให้แกตบฉันฟรีๆหรอกนังเพลิงมอด “
เพี๊ยะ!!
ไม่ทันที่เปลวเพลิงจะได้ตั้งตัว หญิงสาวก็ต้องล้มกลิ้งลงไปนอนกองกับพื้นอีกรอบ เมื่อพนักงานสาวเริ่มบุกเข้าใส่เธอ พนักงานหญิงอีกสองสามคนเริ่มเข้ามารุม พร้อมกับล็อกร่างบางไว้
“แกอีกพวกหมาหมู่!!!” เสียงรอดไรฟันออกจากปากที่บวมเจ่อ
เพี๊ยะ !!
พนังงานสาวเริ่มสาดแรงลงฝ่ามือไปยังหน้าของหญิงที่หล่อนนึกหมั่นไส้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็น
“สมน้ำหน้านังหน้าด้าน แกต้องเจอแบบนี้แหละ!” พนักงานสาวที่เข้ามาร่วมวงหัวเราะร่วน หล่อนนึกหมั่นไส้เปลวเพลิงตั้งแต่วินาทีแรกที่โยนกุญแจรถให้พนักงานต้อนรับ ทีแรกก็นึกว่าเป็นลูกค้า ที่แท้ก็อีเด็กฝึกงานตกอับ ทำท่าหยิ่งผยอง ลูกจ้างประจำหรือก็ไม่ใช่ แต่ดันได้รับความสนใจจากบอสเป็นพิเศษ
“หยิ่งนักใช่ไหม”
เพี๊ยะ!!
ถุยย !!! เปลวเพลิงไม่สิ้นฤทธิ์ ถ่มน้ำลายปนเลือดใส่หน้าพนักงานคนหนึ่งจนมันร้องกรี๊ดลั่น หญิงสาวจะไม่มีวันยอมอีพวกนี้แน่ แม้จะต้องตายคามือมัน เธอก็จะไม่มีวันร้องออกมา แค่นี้ยังน้อยไปเมื่อเทียบกับสมัยมัธยมที่อังกฤษ เธอเองก็เคยถูกรุมแบบนี้แล้วนี่ ...
“แก...อยากตายนักใช่ใหม่!!!!
เปลวเพลิงหลับตาเตรียมพร้อมรับความเจ็บปวดอีกครั้ง หากแต่หญิงสาวรู้สึกว่าผ่ามือมันไม่ได้โดนหน้าหล่อนเลย จู่ๆร่างบางอ่อนปวกเปียกก็ถูกปล่อยยวบลงมาสู้อ้อมแขนแข็งแกร่งของใครบางคน
เปลวเพลิงค่อยๆเงยหน้ามองด้วยความมึนงง ก่อนจะพบดวงหน้าหล่อเหลาคมเข้มอยู่ไม่ห่าง ดวงตาคมกริบจับจ้องไปยังเหล่าพนักงานพวกนั้น
อัคคีได้รับโทรศัพท์แจ้งว่ามีพนักงานสามคนกำลังรุมตบกับเด็กทดลองงานคนใหม่ เท่านี้ใจเขาก็หล่นวูบ เมื่อนึกถึงคนตัวเล็กที่กำลังเดือดร้อน เขาพอจะรู้ดีว่าพนักงานของเขาไม่ค่อยชอบขี้หน้าเปลวเพลิงสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขึ้นลงไม้ลงมือกันแบบนี้ ยังเป็นวิธีรุมแบบนี้เขายิ่งเกลียดเป็นที่สุด...
“ไม่ว่าใครหน้าไหน ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกล่ะก็ฉันไล่ออกแน่!”
“เข้าใจไหม!!”
“คะค่ะ!!” เหล่าพนักงานสาวพยักหน้ากันหงึกหงักด้วยความกลัว พวกหล่อนรู้ดีว่าแม้อัคคีจะไม่ใช่คนใจร้าย แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาโมโหขึ้นมาแล้วล่ะก็ คำว่าปราณีก็อย่าหวังได้เลย...
“คุณดวง ช่วยสอบเรื่องราวทั้งหมดด้วย แล้วก็อย่าลืมลงโทษขึ้นรุนแรง พร้อมทั้งอบรมพนักงานเหล่านี้ด้วย อ้อ อย่าลืมไปตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมด้วย...” เขาเว้นวรรค จนทุกคนพากันกลืนน้ำลายหนืดๆลงคอ “เพราะถ้าใครพูดโกหกล่ะก็...เตรียมหางานใหม่ไว้ได้เลย”
อัคคีค่อยๆช้อนร่างอ้อนแอ้นไว้แนบอก ก่อนจะก้าวเดินออกไปโดยไม่สนใจสายตาของเหล่าแขก และพนักงานทั้งหลายที่มองมา เขาพาหล่อนขึ้นตรงไปยังห้องพักชั้นบน ซึ่งเป็นชั้นวีไอพี และห้องพักผ่อนส่วนตัวที่พนักงานทั่วไปไม่สามารถเข้ามาได้ ชายหนุ่มวางร่างบางลงบนเตียงคิงไซด์อย่างทะนุถนอม ก่อนจะรับกล่องปฐมพยาบาลจากแม่บ้านอาวุโสที่เดิมตามมาติดๆ...
อัคคีถอนหายใจยาว มือหน้าค่อยๆสัมผัสใบหน้าสวยอย่างแผ่วเบาราวกับเป็นแก้วเนื้อดีที่กำลังจะร้าว
ใบหน้าสวยหวานตราตรึงใจเขาตั้งแต่วินาทีแรกนั้น กลับบวมแดงจนหน้าใจหาย ปากเรียวบางน่าสัมผัสที่ขยับพ่นคำเถียง ปนประชดเจ่อจนน่ากลัว เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ขาดยับจนเห็นบราลูกไม้สำดำปิดอกอวบไว้อย่างหมิ่นเหม่ ตามเนื้อตัวอัคคีก็ยังเห็นลอยเล็บข่วนเป็นริ้วแดงๆเต็มไปหมด...
ดวงตาที่เคยถือดี กลับเต็มไปด้วยคำถามยามที่จ้องมองมา
“ทำไม...” หญิงสาวเอ่ยอย่างยากลำบาก พยามจะหาคำตอบให้กับตัวเองว่าเหตุใดกันอัคคี ที่ขึ้นชื่อว่าเกลียดหล่อนนักจึงต้องยื่นมือมาช่วยด้วย ทั้งๆที่ไม่เคยได้ขอร้องสักนิด ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนะ ทำไม?
นิ้วยาวแตะปากเธอเบาๆ ก่อนที่อัคคีจะค่อยๆทำแผลให้กับหญิงสาวผู้น่าสงสารอย่างเบามือ โดยไม่ทันสังเกตเห็นรอยหยาดน้ำที่กำลังจะไหลริน
ทั้งชีวิตของเปลวเพลิง ไม่เคยมีใครอ่อนโยนกับเธอขนาดนี้เลย แม้แต่คุณพ่อของเธอเอง ภาพในอดีตย้อนกลับมาราวกับเทปที่ถูกกลอกลับ หญิงสาวตัวน้อยไม่อยากจากบ้านไปต่างแดน จำใจต้องเดินทางไปเรียนยามที่ผู้เป็นมารดาแท้ๆสิ้นใจ เนื่องจากบิดาทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลา และต้องการให้ลูกสาวคนเล็กได้รับการศึกษาที่ทันสมัย ปีแล้วปีเล่าที่คอยแต่ส่งเงินทองไปกองไว้ไม่ให้ขาดมือ โดยลืมนึกถึงสิ่งที่เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งเรียกร้อง และร่ำไห้ถึงอ้อมกอดของบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบุพการี หญิงสาวตัวน้อยทั้งเหงา และเปล่าเปลี่ยว ต้องคอยนอนตื่นผวากับเสียงฟ้าร้อง หากแต่ไร้การปลอบโยนจากใครนอกเสียจากตัวเอง น้ำตาที่รินไหลยามถูกกลั่นแกล้งกลับต้องใช้สองมือของตัวเองเช็ด ภาพสาววัยรุ่นชั้นมัธยมปลายที่ถูกเหล่านักเรียนหญิงรุม เนื่องจากตัวเองหงอและยอมคน บาดแผลจากการตบตี ทั้งทางกายและทางใจมีเพียงตัวเองเท่านั้นที่เป็นคนรักษา นับแต่นั้นหญิงสาวผู้อ่อนต่อโลกก็ได้ปฏิญาณกับตัวเองว่าจะต้องแกร่งกว่าใคร และต้องเป็นที่น่าอิจฉาให้ได้ จากเด็กสาวเหนียมอาย กลายมาเป็นนางพญาสุดมั่นใจในมหาวิทยาลัยที่ใครก็อยากคบด้วย เธอเลิศ เธอมั่นใจ เธอมีทุกอย่างที่ต้องมี หากแต่สิ่งที่เธอขาดหาย และโหยหานั่นก็คือความรักอย่างแท้จริง...!
“เพลิง...” อัคคีเรียกชื่อหญิงสาวเบาๆ หลังจากเห็นดวงตาที่ไหววูบ ชายหนุ่มทำแผลให้หญิงสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากแต่เธอกลับเหม่อลอย “เป็นอย่างไรบ้าง ยังเจ็บตรงไหนอีกหรือเปล่า”
ไม่มีคำตอบจากหญิงสาว นอกจากร่างบางที่โผเข้ากอดเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ ชายหนุ่มก็ได้แต่อ้าแขนรับ ก่อนจะลูบไล้เส้นผมอย่างปลอบประโลม เขาไม่เคยรู้ลึกตื้นหนาบางของหญิงสาวคนนี้ว่าเป็นเช่นไร หลายครั้งที่เขาไม่พอใจกับความยโส ความรั้นและอวดดี แต่ก็หลายๆครั้งที่เขาเหมือนจะเห็น และสัมผัสได้ถึงอีกมุมหนึ่งภายใต้ความร้อนแรง และวาบหวาม ที่มีเพียงสาวน้อยบอบบางผู้น่าสงสาร และน่าปกป้อง อย่างไหนกันแน่นะคือตัวตนที่แท้จริงของเธอ เปลวเพลิง?
“ฮึก..นายทำดีกับฉันทำไมฮะนายอัคคี ทำไม ทำไม เราเกลียดกันไม่ใช่หรอ นายไม่สะใจหรือไงเล่าฮะๆ ตอบมาสิ ตอบมานะ ฮือ...” เสียงหวานติดอู้อี้ดังขาดเป็นช่วงๆ ส่วนชายหนุ่มได้แต่ลูบเส้นผมเธออย่างแผ่วเบา
“รู้ไหมว่ามันเจ็บนะ ฉันเจ็บนะ ฮือ เจ็บที่นายต้องมาทำดีด้วย ฮือ หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉันอย่างที่คนอื่นๆเขาคอยที่จะทำกันสินายอัคคี
”
“ไม่มีใครหัวเราะเยาะเธอเลยนะเพลิง...”
“ไม่จริง ฮึก ทุกคนคอยเหยียบ ยะย่ำฉันอยู่ ฮือฉันตกอับ พ่อตาย ฮือ ละล้มละลาย ฮึกมันน่าเยาะเย้ยจะตายไป..ใช่ไหม”
“ไม่เอาน่าเพลิง...ไม่มีใครคิดแบบนั้นเลยนะ”
“ฉันเกลียดๆๆๆนาย ฮือๆ” มือบางกอดรัดร่างของคนตัวสูงอย่างร้าวรานเมื่อสัมผัสถึงไออุ่นที่ถวิลหา
“ฉันไม่เคยเกลียดเธอนะเพลิง...” อัคคีจูบศีรษะหญิงสาวอย่างแผ่วเบา เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเจ็บปวดไปกับเปลวเพลิงยามเมื่อต้องสบดวงตาที่ไหววูบ และเศร้าหมอง เขาไม่เคยเกิดความรู้สึกเช่นนี้กับผู้หญิงคนไหน แน่นอนว่าคนอย่างเขาย่อมผ่านสตรีมากหน้าหลายตามาอย่างโชกโชน แต่ทำไมกันนะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเธอ ความรู้สึกต่างๆมันก็เริ่มเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง อัคคีผู้ไม่เคยต้องการการผูกมัด กลับเริ่มอยากลองศึกษาใครบ้างคน อัคคีที่ไม่เคยแยแสกับสตรีคนไหน กับต้องมาคอยกังวลและพาลกลุ้มใจไปกับแม่ตัวดีอยู่เรื่อย เขาได้แต่บอกตัวเองว่ามันเป็นเพราะความสวยของแม่ตัวดีนี้มากกว่า....
หรือมันเป็นเพียงข้ออ้างกันนะ!
“และไม่เคยคิดที่จะเกลียดด้วย...”
ริมฝีปากบางทาทาบลงบนกลีบปากนุ่มอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงมอบความหวานหอมให้แก่หญิงสาว มือเรียวค่อยๆยกประคองใบหน้าหวานให้รับรสสัมผัสของเขา ความมึนงงเข้าครอบงำชั่วขณะ ก่อนที่หญิงสาวจะเริ่มตอบรับเขาอย่างเต็มใจ ความหวานหอมเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นรัญจวนใจมาแทนที่ มือนุ่มเลื่อนโอบรัดรอบคอชายหนุ่ม ขณะที่ทั้งสองร่างเริ่มแนบชิดจนแทบจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง... ชั่วอึดใจชายหนุ่มจึงพยายามรวบรวมสติที่กำลังจะแตกกระเจิงกลับมา และตัดสิ้นใจปล่อยร่างอ้อนแอ้นนั่น เนื่องจากเขายังไม่อยากทำให้เธอเจ็บไปมากกว่านี้ ร่างกายของหญิงสาวยังไม่พร้อม...
ตึกๆๆ ๆ
ใช่เสียงหัวใจตัวเองหรือเปล่า?
หญิงสาวพยายามถามตัวเองให้แน่ใจ ถึงความรู้สึกประหลาดที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนในชีวิต ชายหนุ่มตรงหน้าที่เธอนึกชังตั้งแต่แรกพบ กลับเป็นคนๆเดียวกันที่เธอโหยหาและมอบความอบอุ่น ในขณะเดียวกันก็ปั่นป่วนในใจแก่เธอได้
เปลวเพลิงคนเก่งหายไปไหนแล้ว หญิงสาวย้ำกับตัวเองว่าไม่ให้หลงเสน่ห์ผู้ชายคนนี้เด็ดขาด เขาก็เหมือนผู้ชายคนอื่นๆที่ต้องการเพียงแค่ลากไปขึ้นเตียงด้วยเท่านั้นเพลิง จำเอาไว้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายน่ะเหมือนกันหมดทั้งนั้น...!
ร่างบางจึงค่อยๆ ดันอกแกร่งออกอย่างฝืนความรู้สึกตัวเอง ขณะที่อัคคีค่อนข้างงุนงงกับการกระทำของหญิงสาวตรงหน้า
“...นั่นไม่ใช่หน้าที่ของเจ้านายกับลูกน้องหรอกนะที่มานั่งกอดจูบกันแบบนี้” หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบ พยายามเบือนหน้าหนีไม่ให้สบสายตาร้อนๆคู่นั้นที่ทำเอาใจเธอเต้นแรง
“เพลิงผม...”
“มันก็แค่อุบัติเหตุ” หญิงสาวกัดปาก พลางจิกเจ็บลงบนผ่ามือ ขณะที่ชายหนุ่มฉวยมือบางมากุมไว้แน่น
“แล้วถ้าที่ผมพูดไปมันไม่ใช่อุบัติเหตุล่ะ แล้วที่ผม....”
“ เราแค่เผลอไปเท่านั้น!”
“เพลิง..”
“เราสองคนอยู่ในสถานะที่ต่างกันมากนะคะ เข้าใจไว้ด้วย ฉันรู้ตัวเองดีอย่าพยายามพูดอะไรอีกเลย เรื่องทั้งหมดฉันจะลืมมันซะว่างใจได้”
เขาไม่เข้าใจในตัวหญิงสาวเลยสักนิด ทำไมนะ...ทำไมการที่เธอบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุมันถึงทำให้เขาเจ็บแปลบได้ขนาดนี้
“ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นแค่ลูกน้องนะเพลิง...ผมยินดีถ้าเราจะเปลี่ยนสถานะของเราเสียใหม่ ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้นะเพลิง”
“ผู้ชายทุกคนก็เหมือนกันทั้งนั้น ฉันไม่ต้องการรู้จักคุณมากกว่านี้” เปลวเพลิงเบือนหน้าเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มเห็นหยาดน้ำที่คลออยู่เต็มเบ้า “จุดหมายสูงสุดคือการลากฉันขึ้นเตียง แล้วก็ทิ้งไป”
ไม่มีคำตอบจากอัคคี นอกเสียจากเสียงถอนหายใจหนักๆ เขาขยับสูทราคาแพงลิบเข้าที่ ก่อนจะตัดสินใจลุกออกไปช้าๆ โดยไม่หันกลับมามองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงอย่างบอบช้ำ นอกเสียจากเสียงทุ้มที่เอ่ยก่อนเจ้าของร่างจะพาตัวเองออกไปอย่างไม่ใยดี...
“ถ้าคุณคิดแบบนั้น...ผมก็จะเป็นอย่างที่คุณคิดนะเพลิง”
แก้ไขคำผิดครั้งที่ 1
ปล.บทนี้ยาวมากๆค่ะ
ความคิดเห็น