คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 4 : รู้จักเปลวเพลิงน้อยไป!(2)
เดือนแรกในการทำงานของเปลวเพลิงผ่านไปอย่างรวดเร็วและค่อนข้างสงบเสงี่ยม ต่างจากช่วงแรกๆโดยสิ้นเชิง หญิงสาวไม่ต้องการสุงสิงกับใคร โดยเฉพาะพวกเหล่าพนักงานที่มักจะคอยจ้องนินทาหล่อนรับหลังกันอย่างสนุกปาก หากแต่หล่อนกับไม่สน เพราะจุดหมายของหล่อนคือ หาโอกาสเอาโรมแรมของหล่อนคืนต่างหาก!
“ช่วยเอาเอกสารไปให้บอสทีเพลิง...”
“ค่ะ” หญิงสาวในชุดยูนิฟอร์มพนักงานสีสดใสรับคำอย่างว่าง่าย หัวหน้าแผนกเป็นคนเดียวที่หญิงสาวพูดคุยด้วย และเชื่อฟังคำสั่งอย่างเคร่งครัด
หลังจากวันนั้นเปลวเพลิงก็ไม่พยายามจะเจอกับอัคคีอีกเลยนอกเสียจากมีงาน หรือธุระสำคัญเท่านั้น และก็รวมถึงวันนี้
“สวัสดีค่ะคุณเพลิง” แจนยิ้มทัก หากแต่หญิงสาวไม่สนใจ นอกเสียจากเคาะประตูห้องครั้งหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
“ไม่ครับพ่อ อย่างไงผมก็ไม่แต่งงาน!” อัคคียืนกรานเสียงหนักแน่น จนผู้เป็นพ่อกุมขมับ
“ลูกจะสามสิบแล้วนะคี พ่อไม่ขออะไรอีกแล้วนอกจากให้ลูกแต่งงาน เพราะพ่อก็สัญญากับคุณหญิงไว้แล้ว ถ้าตาใหญ่ไม่ทำเมียมันท้องพ่อก็ไม่ต้องมาขอร้องลูกอย่างนี้หรอก...”
“แล้วถ้าผมบอกว่าผมซุกเมียไว้ล่ะ”
“โธ่! แกก็ยัดเงินไปซะก็สิ้นเรื่อง แล้วถ้าแกแต่งงานแล้ว แกจะซุกไว้กี่คนพ่อจะไม่ว่าแกสักคำเลย เอาน่าขอแค่ไม่มีเด็กก็พอ”
ก๊อกๆ!
สองพ่อลูกหันไปมองตามต้นเสียง
“สวัสดีค่ะ” เปลวเพลิงยกมือไว้ตามมารยาท ใบหน้าของผู้เป็นพ่อหันไปสบตากับลูกชาย ก่อนจะกระซิบเบาๆ “เมียที่แกซุกไว้หรือ”
อัคคีขมวดคิ้ว ก่อนจะตัดบทให้ผู้เป็นพ่อออกไปก่อน
ไม่รีรอเปลวเพลิงไม่รอชายหนุ่มเอ่ยปาก หล่อนวางเอกสารตรงหน้า พลางบอกให้คลายสงสัยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับว่าหล่อนไม่ได้ยินบทสนทนาของสองพ่อลูก
“เดี๋ยว!”
“ว่าไงคะบอส” แม้น้ำเสียงจะฟังดูเฉยชาไม่สมกับเป็นเปลวเพลิงจอมยโสคนเดิม หากแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจ
“เมื่อกี้พ่อฉันต้องการให้ฉันแต่งงาน สินสอดสักห้าสิบล้านเป็นไงค่าที่เธอเซ็นกระดาษแผ่นเดียวให้ฉันเปลวเพลิง”
“ไปให้พวกเมียที่คุณซุกไว้นั่นสิคะ..”
แม้จะเบาซ่าไปบ้างแต่เธอก็ยังคงทิ้งท้ายให้เขาคันๆเล่นตามประสา หากหญิงสาวเอาจริง เขาเองก็ไม่ขัด ได้เปลวเพลิงไว้ในห้องสักคน ก็ดีกว่าต้องมาแต่งงานกับลูกสาวคุณหญิงนั่น ขนาดพี่ใหญ่ที่ว่าแน่แล้วยังไม่ยอมแต่ง แล้วเขาหรือจะกล้า สู้ร้อนๆคันๆกับแม่เพลิงพิศวาสของเขาเสียยังดีกว่า
ชายหนุ่มยิ้ม พลางกดโทรศัพท์
“ไงน้ำ”
“ฝนตกแน่เลยวันนี้ คีโทรมาหาน้ำก่อน ว่าแต่มีเรื่องอะไรหรือ”
“คิดถึงน่ะ”
“บ้า” ปลายสายร้องเสียงแหลม จนเพื่อนชายหัวเราะเบาๆ
“จริงๆนะ ไปกินข้าวกันนะเย็นนี้”
“ที่เดิมหรอ บอกกรหรือยัง หรือจะให้น้ำโทรไปล่ะ”
“ไม่ๆคีไปคนเดียวน่ะ”
“อ่าจ๊ะ”
“แต่ที่บ้านน้ำนะ กินที่ไหนก็ไม่อร่อยสู้ฝีมือคุณน้าหรอก” ชายหนุ่มหมายถึงคุณราตรี มารดาของเพื่อนสาวผู้แสนอ่อนโยน และใจดี
“ตามใจ แต่มาไวๆนะคี อ๊ะเดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะ น้ำเปิดแก็สทิ้งไว้น่ะ”
“วันนี้กลับเร็วจังนะคะคุณเพลิง” ลิตายิ้มเอาใจทันทีที่ร่างนายสาวก้าวออกจากรถคันงาม
“เอาไปใส่จานนะ” หญิงสาวยื่นถุงให้ลิตา
“น่าทานจังเลยค่ะ แต่เอ๊ะไอ้ปลาหิมะนี่ เหมือนลิตาเห็นคุณน้ำเข้าครัวทำเองเมื่อเย็นนี้นะคะ”
หญิงสาวเลิกคิ้ว “งั้นเธอก็ยกไปให้ฉันข้างบนก็แล้วกัน วันนี้ฉันไม่ร่วมโต๊ะ บอกคุณน้าด้วยนะว่าฉันเหนื่อย”
“แต่ว่าวันนี้มีแขกมาบ้านเรานะคะ กับข้าวน่ากินๆเต็มไปหมดเลยค่ะ คุณเพลิงน่าจะมาร่วมโต๊ะน้า เพราะยังไงซะเค้าจะได้รู้ว่าคุณเพลิงเป็นเจ้าของบ้าน”
จริงสินะ หญิงสาวหรี่ตา ฉันก็เจ้าของบ้านนี่นะ
“เปลี่ยนใจแล้ว เธอเอากับข้าวไปให้ป้ามะลิแทนก็แล้วกัน ฉันจะร่วมโต๊ะด้วย”
เอี๊อดดด!! !
เสียงล้อรถบดถนนดังลั่นส่งผลให้คนที่กำลังรอคอยใครบางคนลุกพรวดออกไป หากแต่กลับต้องผิดหวังอย่างแรง เมื่อกลับกลายเป็นบุคคลที่คาดไม่ถึงแทน!
“คีมาแล้วหรอลูก”
“อ้า อยู่กันพร้อมหน้าเชียวนะ ช่างดีเสียจริง”
“คุณศักดิ์!” ราตรีถึงหน้าถอดสี
“ไม่ต้องทำหน้าดีใจขนาดนั้นก็ได้ครับคุณราตรี” ศักดิ์เป็นชายสูงวัยร่างใหญ่ สวมสร้อยทอง แล้วแหวนบ่งบอกถึงความมีอันจะกินของตน เขาถือวิสาสะก้าวอาดๆไปอย่างไม่เกรงใจใคร
“งั้นผมไม่อ้อมค้อมนะครับ” ศักดิ์หยิบอาหารบนโต๊ะเข้าปากอย่างเสียมารยาท
“แขกของเรามาแล้วหรอคะ” เสียงหวานเอ่ยลอยมาแต่ไกลอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เปลวเพลิงขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเสียสวยเช้งกะเอาชนะปลายน้ำให้ราบคาบ หล่อนใส่เสื้อแขนกุดสีเหลืองสดรัดรูปอวดสัดส่วนที่ตนภูมิใจ คว้านคอลึกเห็นเนินอกอวบอิ่ม กับกางเกงขาสั้นเก๋สีดำเป็นมัน
ซึ่งก็ส่งผลตามคาด แขกไม่ได้รับเชิญจ้องเหยื่อรายใหม่ตาเป็นมัน ศักดิ์มองเปลวเพลิงราวกับจะกลืนกินลงไป เขายื่นมือให้หญิงสาว
“หนูเพลิงสินะ” มันบีบมือเรียวเบาๆ
“ค่ะ...”
ราตรีกับปลายน้ำสบตากันอย่างยากจะคาดเดา สองแม่ลูกไม่อยากจะนึกภาพเหตุการณ์ต่อจากนี้เลย
“หนูมาก็ดีแล้ว เข้าเรื่องของเราเลยดีกว่า”
“อะไรกันคะ...” หล่อนยังคงไม่เข้าใจเรื่องราว
“เพลิงไปยกอาหารมาเพิ่มกับยายน้ำไปลูก”
“อย่าเลยครับคุณราตรี ให้หนูเพลิงอยู่ฟังความจริงดีกว่า”
ศักดิ์เหยียดยิ้ม “เข้าเรื่องกันดีกว่า...”
“เรื่องอะไรกันคะเพลิงงงไปหมดแล้ว...”
“ก็เรื่องหนี้ทั้งหมดที่ตระกูลอัคราธรติดค้างไว้ และหากไม่ใช้คืนภายในอาทิตย์หน้า ผมก็จะกลายเป็นเจ้าของทุกอย่างอย่างถูกต้องตามกฎหมาย”
“นี่มันเรื่องโกหกบ้าบออะไรกันคะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง หากแต่ปลายน้ำได้แต่กุมมือหญิงสาวไว้
“แต่ไม่ต้องห่วงไปจ๊ะหนูเพลิง” รอยยิ้มนั้นช่างโลมเลียและดูกักขฬะ “หนี้ทั้งหมดอาจหายไปในพริบตาได้ หากหนูทำตัวน่ารักๆแบบนี้ แล้วเป็นกรรมสิทธิ์ของฉัน”
เมียแกน่ะหรอ! ไม่มีทาง
“ไม่มีทาง!”
“เราจะเอาเงินมาใช้คุณแน่ ขอเวลาเราสามแม่ลูกหน่อย แต่ต้องไม่ทำอะไรกับหนูเพลิงนะ” ราตรีร้อง หล่อนหน้าซีดเมื่อรู้เป้าหมายที่แท้จริงที่ถูกเพ่งมา ความสวยของลูกเลี้ยงเธอกำลังจะย้อนมาเล่นงานตัวเธอเองเข้าซะแล้ว
ศักดิ์เอื้อมมือหมายจะลูบใบหน้าสวย หากแต่หญิงสาวเบี่ยงหน้าหลบ
มันหัวเราะหึๆ ในลำคอ “ถ้าอาทิตย์หน้าเงินยังไม่กองตรงหน้าฉันล่ะก็ เตรียมเก็บข้าวของได้เลยหนูเพลิง”
ทันทีที่ร่างใหญ่นั่นหายไป หญิงสาวก็ร้องลั่น ร่างบางสั่นเทาตามแรงอารมณ์
“กรี๊ดดดดดด นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
“เพลิงใจเย็นๆนะ มันต้องมีทางออกสิ” ปลายน้ำพยายามมองหาลู่ทาง
“เพลิงจะถูกจับไปเป็นนางบำเรออยู่แล้วพี่น้ำจะให้ใจเย็นได้อีกหรือคะ!” นัยน์ตาสีดำแข็งกร้าวขึ้น “เราเป็นหนี้พวกมันอยู่เท่าไหร่”
“ห้าสิบล้าน”
“อะไรนะ!!!”
หญิงสาวแทบลมจับกับตัวเลขที่มันพุ่งสูงขึ้น แน่นอนว่าเธอไม่มีทางหาเงินจำนวนนี้มาได้ภายในอาทิตย์เดียวแน่!
อยู่ๆหญิงสาวก็วิ่งไปคว้ามีดปอกผลไม้วิ่งออกประตูไป
“เพลิงๆๆไปไหนเพลิง อย่าทำบ้าๆนะ!”
“ฉันจะไปฆ่ามัน!!!”
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อัคคีเข้ามาพอดี ชายหนุ่มตกใจกับท่าทีหุนหันของหญิงสาว ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปถามเพื่อนสาว
“น้ำเกิดอะไรขึ้น เพลิงเป็นอะไร”
“คีๆ เร็วลูกไปจับตัวน้องมาเร็ว น้องเอามีดไปด้วย”
ชายหนุ่มรับคำอย่างงุนงงก่อนวิ่งตามเปลวเพลิงออกไป
“น้ำๆเดี๋ยวลูกแม่--”
“แม่!!” หญิงสาวร้องเมื่อเห็นผู้เป็นแม่เป็นลมพับไป “ใครก็ได้ช่วยที ลิตาๆ ป้ามะลิ”
“ไอ้แก่ตัณหากลับ!!!”
“กลับมาเซ่ ไอ้สารเลว”
หญิงสาวตะโกนด่าป่าวๆ มือหนึ่งกำมีดไว้แน่นส่วนอีกมือปารองเท้าส้นสูงใส่หลังรถคันงามที่เคลื่อนออกไป
“กลับมาเซ่วะ!!”
“พอได้แล้วเพลิง” ชายหนุ่มรวบตัวหญิงสาวจากด้านหลัง “หยุดได้แล้วเพลิง”
“ปล่อยนะ ฮือ ปล่อย บอกให้ปล่อยไงเล่า”
หญิงสาวดิ้นเล้าๆในอ้อมแขนของอัคคี ชายหนุ่มปามีดในมือหญิงสาวทิ้ง พลางปล่อยให้หล่อนดิ้น พลางด่าจนในที่สุดก็เหนื่อยไปเอง...
ผ่านไปหลายอึดใจ หญิงสาวได้แต่หอกแฮกๆในอ้อมแขนของอัคคี ใบหน้าสวยที่มองในระยะใกล้ขนาดนี้ทำให้ชายหนุ่มไม่อยากจะปล่อยหล่อนไป นั้นชื้นด้วยเม็ดเหงื่อ ชายหนุ่มซับให้หล่อนอย่างเบามือ
“เหนื่อยแล้วใช่ไหม”
หญิงสาวค้อนควับ “ปล่อยๆๆๆๆๆ”
“ยังไม่หายบ้าก็ไม่ปล่อย เข้าใจไหม ทำไมชอบใจร้อนสมชื่อจังนะ ถ้าอยากฆ่ามันนักแล้ววิ่งเท้าเปล่าแบบนี้จะทันไหมฮะ ถ้าเธอฆ่ามันแล้วก็ต้องติดคุกจะทำไง”
“ไม่กลัว” หญิงสาวเถียงทันควัน
“อย่าทำตัวเป็นเด็กน่า”
“ฉันไม่ใช่เด็ก!” หล่อนร้อง ชายหนุ่มมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า
“รู้น่าว่าไม่ใช่เด็ก แต่ความคิดเธอนะเด็กชัดๆ คิดง่ายๆเอาสะใจเข้าว่า ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ทำทุกอย่างตามที่ใจต้องการ เอาแต่ใจเป็นที่สุด”
หญิงสาวอ้าปากจะเถียงหากแต่ชายหนุ่มกลับชิงพูดซะก่อน
“แล้วก็ชอบเถียง”
“นายไม่เข้าใจหรอก!”
เสียงอ่อนลง ใจเย็นลงแล้วสินะ อัคคีนึกขัน ร่างอ้อนแอ้นนุ่มนิ่มในอ้อมแขนเขา ช่างใจร้อนเหมือนเด็กเอาแต่ใจเสียจริง...
“ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับฉันมันมากจนแทบจะรับไม่ไหว นายเข้าใจไหมฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว เข้าใจไหม!!!”
พ่อตาย ใช่! สิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต ไม่เท่าไหร่โรงแรมของเธอกลับกลายเป็นของคนอื่น นักเรียนนอกอย่างเธอกลับกลายเป็นแค่พนักงานกระจอกๆ บ้านของเธอกำลังจะถูกยึด อยู่ๆเธอกกลับมีหนี้ก้อนโตถึงห้าสิบล้าน และท้ายที่สุดเธอกำลังจะกลายเป็นนางบำเรอ!
ในที่สุดชายหนุ่มก็ยอมปล่อยหญิงสาว แต่ไม่ทันที่เขาจะตั้งตัวติด ร่างบางก็เหวี่ยงประตูรถคันงามด้านคนขับออก
คากุญแจไว้..! คิดได้เท่านี้ชายหนุ่มก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ร่างสูงใหญ่รีบเปิดประตูรถฝั่งตรงข้ามเข้าไปนั่งข้างหญิงสาวทันที
“ลงไปนะนายอัคคี!” หญิงสาวตวาดลั่น เมื่อเบาะนั่งข้างคนขับบัดนี้ร่างสูงใหญ่ครอบครองมันเสียแล้ว
“นี่มันรถผม คุณนั่นแหละต้องลงไป”
“แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน!!!”
หญิงสาวเหยียบคันเร่งเสียมิด รถคันงามพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูง ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สงสัยเขาคงต้องพิจารณาฤทธิ์เดชแม่คุณใหม่เสียแล้วสินะ
“จะไปตายที่ไหน!”
“เงียบน่า!” หล่อนตะหวาด แน่ละหญิงสาวไม่มีจุดหมาย เธอแค่ต้องการออกไปให้พ้นๆจากเรื่องบ้าๆทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกินกว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งจะรับไหว
รถคันงามพุ่งไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย ภายในรถถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบน่าอึดอัด หล่อนเงียบ เขาก็เงียบ!
1 2 3 not only you and me..*
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายบรรยากาศให้เบาบางลง
“ไงน้ำ”
“คีอยู่ไหน เพลิงอยู่กับคีด้วยหรือเปล่า แล้วมีใครบาดเจ็บอะไรไหม บลาๆ”
“ใจเย็นๆ ไม่มีใครเป็นอะไรทั้งนั้นแหละ ตอนนี้คีอยู่กับเพลิง บอกคุณน้าว่าไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวให้เด็กดื้อใจเย็นลงก่อน ก็กลับบ้านเองนั่นแหละ”
“ได้ยินอย่างนั้นก็เบาใจ...”
“น้ำไม่ต้องห่วงนะ...บาย”
“อื้ม บายจ๊ะ”
“บาย”
ทันทีที่วางสาย ชายหนุ่มเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆจากคนข้างตัว ดวงหน้าสวยดูกระจ่างขึ้นมาก เมื่อเรียวปากอิ่มแต้มรอยยิ้มน้อยๆ
“ขำอะไร”
“ป่าว แค่ไม่คิดว่านักธุรกิจเค้าจะให้ริงโทนกันแบบนี้น่ะ”
“ถ้าริงโทนโทรศัพท์ผมทำให้คุณหัวเราะได้ก็ดี..”
หญิงสาวมองหน้าเขา รอยยิ้มหายไปในพริบตา
“จอดๆ หยุดรถก่อน” ชายหนุ่มบอก เปลวเพลิงชะงัก หากแต่หญิงสาวก็ยอมผ่อนคันเร่ง เลี้ยวจอดในตำแหน่งที่ชายหนุ่มชี้
นิ้วเรียวชี้ออกไปนอกหน้าต่าง “นั่นอะไร”
“ถามแปลกๆก็ทุ่งหญ้าไงเล่า”
“ฮ่า ฮ่า บ้านนอกจังคุณ นั่นเค้าเรียกว่าทุ่งนาต่างหาก”
ชายหนุ่มนึกขันนักเรียนนอกหัวสูง จอมถือดี เสียจนหญิงสาวค้อนควับ
“ฉันไม่รู้จัก ไม่เคยคิดจะสนใจด้วยเลยสักนิด”
“คุณไม่รู้จักผมก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด มาลงมาเร็ว” ชายหนุ่มจัดแจงจูงหญิงสาวลงมานั่งข้างต้นไม้ แต่หญิงสาวดันขัดขืนไปตามนิสัย จนคนตัวโตต้องเพิ่มแรงนิดๆหน่อยๆโดยการอุ้มแม่ตัวดีที่ดิ้นขลุกขลักมาแทน ลมแรงๆพัดผ่านช่างให้ความรู้สึกสดชื่น และแปลกใหม่แก่หญิงสาว เปลวเพลิงนั่งยองๆอย่างไม่กล้านั่งลงกับพื้นที่ไร้เก้าอี้ชั้นดี
“ไม่ตายหรอกน่า นั่งลงมาเลย” อัคคีตบลงบนพื้น ก่อนจะดึงร่างบางลงมาบนตักของเขา
“นี่นาย!” หญิงสาวร้อง เมื่อชายหนุ่มกอดเธอไว้อย่างไม่ให้ยอมขัดขืน
“สบายใช่ไหม”
ใช่! หากแต่เธอเลือกจะเงียบไว้ “นายพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“ไม่รู้สิ ไม่มีเหตุผล คุณดูเครียดๆนะ รู้อะไรไหม วันไหนที่ผมเบื่อ ผมชอบที่จะมานั่งที่นี่คนเดียว มันทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ที่นี้ไม่น่าเบื่อ ไม่มีตึกสูงๆ ไม่มีรถติด ไม่มีควัน มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนหลุดออกจากโลกที่น่าเบื่อนั่น”
หญิงสาวยอมนั่งบนตักรับฟังเขาเงียบๆ เมื่อชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีล่วงเกินเธอแม้แต่น้อย
“คุณบอกฉันทำไม คุณเองก็เกลียดฉันไม่ใช่หรือไง คุณไม่ต้องมาแสร้งทำดีกับฉันหรอกนะ เพราะยังไงซะเราสองคนก็เป็นศัตรูกัน คุณแย่งโรงแรมของฉันไป”
ชายหนุ่มถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่ “ผมไม่ได้แกล้งทำดีกับคุณนะเปลวเพลิง”
“หรือกำลังสมเพสฉัน” หล่อนยิ้มหยันให้ตัวเอง
“คุณเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายมากนะรู้ไหม”
“รู้สิ แต่นายก็ต้องรู้ไว้นะว่าฉันอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะฉันมองโลกในแง่ร้าย ไม่สิฉันมองโลกแห่งความจริงที่โหดร้ายต่างหาก”
อัคคีเห็นดวงตาคู่สวยไหววูบ หล่อนคงมีหลายๆเรื่องอยู่ในใจ
“คุณจะไม่มีความสุข...”
“ฉันไม่รู้จักความสุขมานานแล้วค่ะ”
เงียบชั่วอึดใจ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจพูดขึ้นอีกครั้ง “ความลับของผมคือ ตอนเด็กๆผมคลั่งพาเวอร์พับเกิร์ลมาก ถึงขนาดติดสติกทูลายพาวเวอร์พับเกิร์ลที่ก้นด้านขาว”
บทสนทนาที่เปลี่ยนไป หากไกลจากเรื่องเครียดๆทำเอาหญิงสาวเลิกคิ้ว ก่อนจะหัวเราะเสียงใสออกมาเบาๆ “ทุเรศ”
“ถ้าคุณไม่เชื่อเดี๋ยวผมเปิดให้ดูเลยเอ้า...”
“บ้า!!” หญิงสาวร้องห้ามเมื่อชายหนุ่มทำท่าขยับ “แค่สติกทูไม่ใช่แทดทูซะหน่อย”
“ฉันเคยเอาบุ้งทาโถชักโครกครูใหญ่ตอนมัธยมปลาย”
ชายหนุ่มยิ้ม ยายตัวแสบ!!
“รู้อะไรไหม...นี่ไม่เหมือนนายอัคคีที่ฉันรู้จักเลย...”
“นั่นไม่ใช่ความลับนะ”
“นี่แหละความลับ ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้มาพูดเรื่องลับๆกับคนที่เป็นศัตรู”
“ผมไม่เคยคิดสักครั้งว่าคุณเป็นศัตรู”
“นั่นไม่ใช่ความลับ”
“ใครบอก นี่แหละความลับ คุณเป็นคนแรกที่ผมพามาที่นี่นะ”
หญิงสาวยิ้มตดวงตาเป็นประกาย ลืมเรื่องร้ายๆไปชั่วขณะ เธอไม่แน่ใจว่านี่เป็นเรื่องจริง หรือความฝันกันแน่ แต่อย่างน้อยเธอก็กำลังรู้สึกดีๆกับผู้ชายตรงหน้า...หรือไม่ก็ลืมความเป็นศัตรูกันไปชั่วขณะ
“รู้อะไรไหมผมมีเซ็กครั้งแรกตอนอายุสิบสี่”
หญิงสาวหัวเราะเบาะๆ “รู้อะไรไหมจนตอนนี้ฉันยังไม่เคยมีเซ็กกับใคร”
อัคคีเลิกคิ้ว เหลือเชื่อชะมัด สำหรับนักเรียนนอกพราวเสน่ห์ แสนร้ายกาจคนนี้น่ะหรือ จะเป็นสาวน้อยใสซื่อไปได้!
“ขอกอดได้ไหม” หญิงสาวก้มหน้าลงราวกับบอกกับตัวเอง อัคคียิ้มก่อนจะดึงร่างบอบบางตรงหน้ามากอดไว้ หญิงสาวแนบหน้าลงกับอกแกร่งราวกับเด็กน้อยที่โหยหาไออุ่น ไม่ใช่เพราะความเสน่หา มือเรียวกอดรัดคนตัวโตอย่างแนบแน่น เปลวเพลิงไม่นึกเลยว่าเธอจะโหยหาอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นได้มากมายขนาดนี้
“วันนี้ฉันจะไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น...ไม่อีกแล้ว” หญิงสาวพึมพำกับอกแกร่งที่ทำให้เธอร๔สึกถึงความปลอดภัย “วันพรุ่งนี้เราค่อยกลับมาเป็นศัตรูกัน...”
“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย มันยังไม่ถึงวันพรุ่งนี้ ที่รัก”
“หลับตรงนี้ได้ไหม
”
“ได้สิคนดี...” น้ำเสียงทุ้มลึก ฟังดูผ่อนคลาย หญิงสาวหลับตาลง ภาวนาให้เรื่องในตอนเย็นเป็นเพียงฝันร้ายที่คอยหลอกหลอน และกำลังจะผ่านพ้นไปเท่านั้นเอง
“พ่อจ๋า เพลิงคิดถึงพ่อเหลือเกิน ... เพลิง เพลิงกลัวค่ะ เพลิง...”
“หลับเถิดคนดี คุณเหนื่อยมากแล้ว...ผมจะอยู่ตรงนี้กับคุณเอง”
อัคคีจุมพิตแผ่วเบาที่หน้าผากมน เขาไม่นึกเลยว่าแม่สาวเผ็ดร้อนของเขาจะกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆน่าสงสารไปได้ อย่างน้อยๆเขาก็ยินดีจะมอบอ้อมกอดนี้ให้หญิงสาวตลอดไป ถ้าเธอยังต้องการมันอยู่...
* เสียงเรียกเข้าหลังทำงานของอัคคี คือเพลง 3 -Britney spears
แก้คำผิดคั้งที่1
ความคิดเห็น