คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 1 การกลับมาของอัคราธร
บทที่ 1 การกลับมาของอัคราธร
ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ท่ามกลางความขวักไขว่ และจอแจไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา และหลากเชื้อชาติ หญิงสาววัยยี่สิบห้าผู้ซึ่งมีใบหน้าสวยจัดจ้าน ดวงตากลมโตสีดำสนิทมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด จมูกโด่งรั้นแสดงถึงความเป็นคนหัวดื้อรับกับริมฝีปากอิ่มฉ่ำไปด้วยลิปสติกสีแดงสด รูปร่างสง่างามสมวัยสาวถูกซ่อนอยู่ภายใต้เดรสสั้นสีดำสนิทตัดกับผิวขาวผ่อง ความสง่างามของเธอนั้นกลายเป็นที่สนใจของเหล่านักท่องเที่ยว หากแต่ใบหน้าสวยจัดกลับนิ่งเฉย และก้าวเดินไปด้วยท่าทีค่อนข้างถือตัว ไม่สนหัวใคร
“นั่นใช่คุณเพลิงหรือเปล่าแม่...” มาลิตาวัยยี่สิบปีบอกแม่ หล่อนเป็นลูกสาวของมะลิแม่บ้านประจำตระกูลอัคราธร มะลิจงรักภัคดี และสำนึกบุญคุณบ้านนี้ที่ส่งเสียให้ลูกสาวคนเดียวของหล่อนได้เรียนมหาวิทยาลัย การจากไปของคุณท่าน ย่อมสร้างความโศกเศร้าให้แก่ทุกคน
“คุณเพลิงคะ!”
ดวงตาสีดำสนิทตวัดมอง หญิงสาวหยุดเดินทันทีเพื่อรอให้แม่บ้านมารับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของเธอ
“สวัสดีค่ะคุณเพลิง...” มะลิเอ่ยทักด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คุณหนูกลับมาอย่างนี้ บ้านของเหล่าจะได้คลายเศร้าสักทีนะคะ”
“สวัสดีค่ะคุณเพลิง” มาลิตายกมือไหว้ “หนูลิตาเองค่ะ”
หญิงสาวยกมือรับไหว้ตามมารยาท ก่อนจะปรายตามองมาลิตา เด็กในบ้านที่คุณพ่อส่งเรียนสินะ...
“คุณเพลิงกลับมาแบบนี้บ้านอัคราธรจะได้มีสีสันสักทีนะคะ” มาลิตาพูดเอาใจ
“อะไรกันคุณพ่อจากไปทั้งคน พวกเธอจะให้ฉันมาเป็นสีสันของบ้าน ถ้าวิญญาณคุณพ่อได้ยิน ท่านคงเจ็บพิลึกนะที่คนทางนี้จ้องแต่จะหาเรื่องรื่นเริงกันท่าเดียว”
มาลิสาเริ่มวางสีหน้าไม่ถูก เธอไม่นึกว่าคุณเพลิงคนสวยของหล่อนจะเปลี่ยนไปจากเมื่อสิบสองปีที่แล้ว จากเด็กสาวหน้าตาสะสวยขี้อาย กลายมาเป็นสาวสวยพราวเสน่ห์แสนเย่อหยิ่ง ถือตัว
“แล้วเมื่อไหร่จะไปกันล่ะคะ” เสียงหวานฉาบไปด้วยความหงุดหงิด “...เดินทางมาเหนื่อยก็เหนื่อยยังจะต้องมายื่นอยู่แบบนี้อีก!”
มะลิละล่ำละลักสั่งให้ลูกสาวไปยกกระเป๋าให้คุณหนูคนเล็กของบ้านแทบจะทันที
“อะไรกันแม่ เจอหน้าไม่ทันไรหนูก็โดนดุซะแล้ว...” มาลิตาบ่นอุบเมื่อเปลวเพลิงเดินออกไป
“แกมันหาเรื่อง คุณเพลิงกำลังเสียใจ...”
“คนละเรื่องกับคุณน้ำเลย...”
“เอ๊ะยายตา!” มะลิทำท่าจะตีลูกสาว “เดี๋ยวถึงหูคุณเข้าแกจะเดือดร้อน”
“ก็มันจริงนี่แม่”
“นางนี่! เร็วๆรีบลากกระเป๋าตามคุณเพลิงไปเร็วๆไป”
รถบีเอ็มคันหรูเคลื่อนตัวผ่านรั่วประตูทางเข้าคฤหาสน์อัคราธรเข้าไปด้วยความรวดเร็ว ตลอดหลายสิบปีที่เธอจากที่นี่ไป ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งสวนย่อมที่เธอเคยวิ่งเล่น ทั้งบ้านหลังใหญ่จนเกือบจะเรียกว่าคฤหาสน์ที่ยังคงแลดูหรูหราไม่เปลี่ยนแปลง หากแต่สิที่เปลี่ยนไปตลอดกาลสำหรับเธอคือ...
เธอจะไม่มีคุณพ่อคอยเคียงข้างอีกต่อไปแล้ว
คุณพ่อหลับให้สบายนะคะ... ดวงตาสีดำสนิทฉายแววเศร้ามอง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอย่างหน้าใจหาย
ใครที่เอาอะไรจากเราไป หนูจะเป็นคนไปเอาสิ่งที่ควรเป็นของเปลวเพลิง อัคราธรกลับเองมาค่ะคุณพ่อไม่ต้องห่วง!
ทันทีที่ประตูรถคันงามเปิดออก เปลวเพลิงก้าวลงจากรถด้วยท่าทีผยองตามแบบฉบับของหล่อน หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ สีหน้าของเปลวเพลิงปรากฏรอยไม่พอใจ ก่อนที่เจ้าตัวจะตีหน้าเฉยชาดังเดิม เมื่อเห็นแม่เลี้ยงและพี่สาวต่างมารดาของเธอ
พร้อมหน้ากันดีนักนะ!
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ๊ะหนูเพลิง” คุณราตรี ภรรยาคนแรกของคุณทรงธรรม และเป็นแม่เลี้ยงของเธอเอ่ยทักด้วยความดีใจ
ปลายน้ำรีบตรงเข้าสวมกอดน้องสาวต่างมารดาทันที ปลายน้ำนั้นมีใบหน้าละม้ายคล้ายเปลวเพลิง ทั้งสองมีรูปหน้าเรียวสวยเหมือนกัน หากแต่ปลายน้ำไม่ได้มีความสวยที่โดดเด่น และสะดุดตาเยี่ยงน้องสาว
“มาทำไมไม่โทรบอกพี่ล่ะ...พี่จะได้ออกไปรับ”
เปลวเพลิงจะต้องยกมือไหว้ทั้งสองอย่างเสียไม่ได้
“เพลิงคงไม่กล้ากวนพี่น้ำหรอกค่ะ”
“กวนอะไรกัน” ปลายน้ำยิ้มหวาน “น้องสาวคนเดียวของพี่กลับมาทั้งทีทำไมพี่จะไปรับไม่ได้ล่ะจ๊ะ”
เสแสร้ง..!.
“หนูเพลิงเหนื่อยไหมลูก...ทานอะไรก่อนไหม”
“ไม่ค่ะ ช่วงนี้หนูทานอะไรไม่ค่อยจะลง”
“เพลิงขอตัวไปพักก่อนนะคะ...” หญิงสาวเดินเข้าบ้านไปได้สักพักก่อนจะหันมาเหมือนลืมอะไรบางอย่าง “...คืนนี้เดี๋ยวเพลิงไปวัดด้วยคนนะคะ”
ทันทีที่หญิงสาวก้าวมาในห้องนอนของเธอที่ถูกดูแลไว้เป็นอย่างดี ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างนั้นยังคงอยู่ครบทุกชิ้น หญิงสาวทิ้งตัวลงบนเตียงสี่เสาอย่างเหนื่อยอ่อน ดวงตากลมโตปิดลงด้วยความอ่อนล้า
ก๊อกๆ !
“ลิตาเองค่ะคุณเพลิง!”
“เข้ามา...” เสียงเอ่ยตอบอย่างอ่อนล้า
“คุณเพลิงมีอะไรให้ลิตารับใช้คะ” มาลิตาเอ่ยถามเสียงใส นิ้วเรียวงามของนายหญิงชี้ไปยังกระเป๋าเดินทาง
“ให้ลิตาจัดของให้หรอคะ?” หญิงสาวค่อยๆเปิดกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ออกช้าๆ
“เอาถุงออกมา...” หล่อนสั่งทั้งๆที่ยังคงนอนหลับตาอยู่ “น้ำหอมให้คุณน้า กล่องเล็กๆที่ใส่สร้อยข้อมือให้พี่น้ำ ผ้าพันคอของป้ามะลิ”
“อุ๊ย!สร้อยมุกสวยจังเลยค่ะ...คุณน้ำต้องชอบมากแน่ๆเลย”
รอยยิ้มกึ่งหยันฉายวาบ
ก็แค่ของที่พวกหนุ่มๆเอามาปรนเปรอเธอ อย่างพวกนั้นไม่มีค่าพอที่เธอจะต้องซื้อของมาฝาก...โดยเฉพาะปลายน้ำ ของมือสองต่อจากเธอน่าจะเหมาะที่สุดแล้ว!
“ส่วนเครื่องสำอาง กับเสื้อผ้าฉันให้เธอ...”
“อะไรกันคะ!” มาลิตาอุทานเสียงดัง “ของแพงๆทั้งนั้นเลย”
“เอาไปเถอะฉันให้...” เปลวเพลิงพูดอย่างไม่แยแส ขณะที่มาลิตากำลังเพลิดเพลินไปกับเสื้อผ้าสวยๆนั่น ของแพงๆแบบนี้หล่อนไม่มีทางซื้อได้แน่
“เธอเล่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับบ้านหลังนี้ในตอนที่ฉันไม่อยู่ และเรื่องของคุณพ่อด้วย!”
“ถือพวงหรีดลงไปด้วยไอ้คี” เสียงทุ้มฟังดูร่าเริงเอ่ยขึ้น ทันทีที่รถคันงามถูกจอดที่ลานวัด ชายหนุ่มเจ้าของเสียงก้าวลงมาเขามีผมสีดำสนิทตัดสั้น ใบหน้าคมคายดูร่าเริงอยู่เป็นนิจ ซึ่งอาจเป็นเพราะลักยิ้มข้างซ้ายของเขาก็เป็นได้ ชายหนุ่มผู้นี้ชื่อ กรวิชย์ เขาเป็นทนายหนุ่มอายุยี่สิบเก้าปี
“แกกล้าใช้เจ้านายเชียวหรือวะ...” เสียงของชายหนุ่มอีกคนฟังดูทุ้มลึก และเยือกเย็นกว่าเพื่อนของเขามาก คี หรือ อัคคี วัฒนากร นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง ที่กำลังเป็นที่จับตามองของเหล่าสาวน้อยสาวใหญ่ ด้วยเพราะใบหน้าที่คมคายชวนฝันหา คิ้วหนาเข้มเหนือดวงตาสีน้ำตาลเข้มเฉกเช่นผมของเขา จมูกโด่งรับกับริมฝีปากบางเฉียบ เขาเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามจนน่าอิจฉา และจัดได้ว่าเป็นหนุ่มโสดสุดฮอตที่ร้อนแรงคนหนึ่ง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อัคคีจะใช่เสน่ห์ในตัวของเขาควงสาวสวยมากหน้าหลายตา เขารู้สึกท้าทายทุกครั้งกับการเปลี่ยนคู่ควง มันทำให้เขาภาคภูมิใจที่ปราบสาวๆเหล่านั้นได้
“เออ ฉันจะใช้แกถือมีอะไรไหม”
สองหนุ่มในชุดสูทสีดำเดินเข้างานศพของคุณทรงธรรม อัคราธรด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย แขกในงานนี้ค่อนข้างมากทำให้อัคคีไม่สามารถหาเพื่อนสาวได้พบ เขาจึงนำพวงหรีดไปให้แก่คุณอาราตรีซึ่งกำลังรับแขกแทน
“สวัสดีครับคุณอา”
“ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ” อัคคีกล่าวอย่างนอบน้อม ราตรียิ้มบางๆ เขาสั่งให้เด็กนำพวงหรีดไปตั้ง
“กรล่ะลูก...”
“ไปไหว้ศพน่ะครับ” ราตรีพยักหน้ารับ “เอ่อ ผมยังไม่เห็นน้ำเลย”
“ยายน้ำนี่ก็ไม่ไหว นู่น นั่งร้องไห้อยู่ข้างหลังนู่น อาบอกให้มาช่วยกันรับแขกแต่ยายน้ำดันบอกว่าทำใจไม่ได้ ดีนะที่ได้หนูเพลิงมาช่วยรับแขก”
“เพลิง?” อัคคีทวนคำ “ลูกสาวคนเล็กที่อยู่อังกฤษน่ะหรือครับ”
“จ๊ะ หนูเพลิงเพิ่งกลับมาเมื่อเช้านี่เอง นู่นไงจ๊ะ ที่กำลังคุยกับคุณหญิงน่ะ”
อัคคีมองไปตามมือของราตรี เขาเห็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งแต่ไม่ผอมแห้งอย่างผู้หญิงสมัยใหม่ อกอวบอิ่มรับกับเอวคอดกิ่วและสะโพกผาย เพราะชุดที่หล่อนสวมนั้นเป็นเดรสสีดำที่รัดเน้นรูปร่างทุกสัดส่วน รูปร่างของหล่อนช่างสะดุดตาเสียจริง ใบหน้างดงามนั้นกำลังแย้มยิ้มต้องตาเขาขณะกำลังสนทนากับคุณหญิงท่าน
เปลวเพลิง..อยากรู้จริงว่าจะร้อนแรงสมชื่อไหมนะ รอยยิ้มแห่งความพอใจฉายวาบบนดวงหน้าคมคาย
“งั้นผมขอตัวไปหาน้ำก่อนนะครับ ถ้าไอ้กรมันถามรบกวนคุณอาบอกทีนะครับว่าผมไปหาน้ำ”
“คี...”
ทันทีที่ปลายน้ำเห็นเพื่อนชาย หญิงสาวก็โผเข้าสู่อ้อมกอดชายหนุ่มทันที
“ขี้แยเป็นเด็กไปได้น้ำ...” ชายหนุ่มพูดกับเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน มือใหญ่ลูบเส้นผมสีดำสนิทของเพื่อนสาวอย่างเบามือ
“คีว่าน้ำอีกแล้วนะ...” หญิงสาวสะอึกสะอื้น
“คีไม่ได้ว่าน้ำซะหน่อย เฮ้อ แล้วกัน คีเคยปลอบใครที่ไหนเล่า” ชายหนุ่มเกาหัวแกรกๆ “แค่จะบอกว่า น้ำออกไปช่วยคุณอารับแขกได้แล้ว ร้องไห้ไม่อายน้องเลยนะน้ำ”
หญิงสาวชะงัก ดวงตากลมโตจ้องหน้าชายหนุ่ม
“เจอเพลิงแล้ว?”
“เฮ้ย! ทำไมมามองกันอย่างนี้เนี่ยน้ำ อย่าบอกว่าหวงน้องสาว”
“ไงน้ำคุณอาบอกว่าเธอมานั่งร้องไห้ขี้มูกโป่ง!” กรวิ่งมาสมทบ เขาตีไหล่เพื่อนสาวเบาๆ “น้ำๆกรชักอยากจะเป็นน้องเขยน้ำซะแล้วสิ” เขายิ้มกริ่ม
“น้อยๆหน่อยนะเว้ย...”
“น้ำ กรจีบน้องเพลิงนะ ผู้หญิงอะไรสวยชะมัด”
“กรได้แต่คีห้าม!”
“อ่าว” ชายหนุ่มร้อง “ทำไมพูดแบบนี้เนี่ย”
“ก็คีน่ะอันตรายจะตาย ทิ้งมากี่คนแล้วล่ะ”
“คิดว่าคีจะฟังหรอ...”
“ไม่สน น้ำไม่คุยด้วยแล้ว ไปช่วยแม่ดีกว่า” หญิงสาวค้อนเพื่อนชายเสียยกใหญ่ ก่อนจะรีบออกไปหน้างาน ทิ้งไว้แต่เพียงสองหนุ่มเท่านั้นที่กำลังสนทนาถึงน้องสาวคนสวยอย่างออกรส
“ฉันว่านะน้ำเนี่ยจัดว่าสวยแล้ว เจอน้องเพลิงนี่น้ำเรียบไปเลย” กรเอ่ย
จะไม่ให้เรียบได้ไงล่ะ ชายหนุ่มคิด การแต่งตัว การวางตัวที่ดูมั่นใจขนาดนั้น น้ำสู้ได้ก็แปลกแล้ว...
แก้คำผิดครั้งที่ 1
ความคิดเห็น