ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    It's just Business เพื่อเงินข้าทำได้ !!

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ : นิทานวิปริต

    • อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 50


                 กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว… ณ ร้านตีเหล็กเล็กๆใจกลางเมืองใหญ่อันสงบสุขไร้ซึ่งความโกลาหล มีไอ้แก่ตนหนึ่งได้คว้าถุงเงินจากตู้ไม้ที่หลานสาวเก็บหอมรอมริบรักษาไว้อย่างดีออกมา แม้จะรู้ดีว่ากระบาลแยกแน่ถ้ากลับไปแบบตังไม่ครบ
                 เหตุว่าในเพลานั้นเสียงเดียวที่ไอ้แก่ขี้ขโมยตนนั้นได้ยินกลับเป็น “คาสิโนจ๋า ป๋ามาแล้ว…” ทั้งรู้เต็มอกก็ไม่อาจหักห้ามใจ อนิจจา
                 ไอ้แก่บ้าตนนั้นได้กระบาลแยกจริงๆแน่
     
                 ครั้งหนึ่ง… ร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งนามโอลด์สมิท อยู่กินกันสงบสุข
                 ครั้งหนึ่ง… เจ้าของร้าน โจเซฟช่างตีเหล็กแห่งลอเรนซ์ มือฉมังในการหลอมดาบ ดูแลรักษาร้านร่วมกับหลานสาวนาตาลี ทั้งสหายโจชัวร์เซียนแร่ อยู่ในมุมอับเล็กๆใจกลางเมือง
                 ครั้งหนึ่ง… หลานสาวผู้มีสิทธิโดยชอบธรรมในการรับช่วงต่อร้านตีเหล็กโอลด์สมิทจากโจเซฟ คือนาตาลี อ้างอิงถึงพินัยกรรม
     
                 มันเป็นเพียง ครั้งหนึ่ง เท่านั้น เพราะเรื่องราววุ่นๆได้บังเกิดแล้ว…
     
                 ครั้งหนึ่ง… หากตาเฒ่าโจเซฟไม่ได้หนีนาตาลีไปเที่ยวคาสิโนสำราญใจ ทุกอย่างคงไม่วุ่นวายแบบนี้หรอก”…
    _____________________________________
     
     
                 "โอ้ไม่นะ ! ข้าแพ้อีกแล้วหรอตานี้"  เสียงชายชราคนหนึ่งร้องเสียงหลงดังขึ้นท่ามกลางกลุ่มหนุ่มฉกรรจ์ที่นั่งล้อมวงเล่นไพ่กันบนโต๊ะเล็กในมุมอับของคาสิโนโสโครก นับได้ว่าเป็นจุดทำเลดีทีเดียวสำหรับกลุ่มคนที่ต้องการเล่นไพ่อย่างสงบ
     
                 ใช่แล้ว ไอ้แก่ของเรามาหลบอยู่ตรงนี้นี่เอง… คาสิโนกลางเมืองดาร์ทคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นขยะ และซากสาบสัตว์เหม็นเน่า
     
                 หากแต่ว่าเมื่อพิจารณาดูแล้วอะไรจะเป็นสิ่งที่ทำให้ชายชราในชุดรัดกุมท่าทางมาดขรึมแลดูจากภายนอกเมื่อพักพิงอยู่ในมุมสงบนี้ ร้องโหยหวนอย่างกับหมูที่กำลังถูกเชือดได้  นอกซะจากที่แม้พ่นเพียงเบาๆยังสามารถสร้างอิทธิพลได้อย่างมหาศาลในวงการไพ่เลขแปดเลขเก้าอันเลื่องลือ...
     
    "ป้อกเก้าสองเด้ง"

                 ‘ให้ตายสิ’
                 ภายในโต๊ะนอกจากท่านเจ้ามือผู้หัวเราะร่าไม่เกรงใจคนควักตังจ่าย  ก็มีแต่เหล่าผู้แพ้ที่พากันหมั่นไส้ไอ้ผู้ชนะคนนี้ซะเหลือเกิน พิศได้จากใบหน้าอันเหยเกเซ็งโคตร กัดฟันกรอดๆสลอนทั่วไป
                 "เอาใหม่ๆ ตานี้รับรองข้าไม่แพ้แน่"  ชายชราไม่ยอมแพ้ ควักนาฬิกาเรือนสวยสีทองเปล่งประกายแสดงค่ามหาศาลให้ดูเพื่อต่อรอง
                 ทางตัวท่านเจ้ามือก็พิจารณาอยู่ครู่นึง รับนาฬิกาเรือนทองมาตีราคาแต่โดยดีครั้นเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าไอ้แก่นี่มันเล่นไพ่ห่วยขนาดไหน หวานหมูสบายจริง เชือดนิ่มๆได้เลย
                 "ได้    ข้าให้ค่านาฬิกานี้เท่ากับสองพันเหรียญ" ท่านเจ้ามือยื่นข้อเสนอ ด้วยราคามิตรภาพสุดๆ และมากล้นเท่าที่จะให้ได้
                 “โอ เค๊?”
                 "อะ..อะไรกัน นาฬิกานี้ตอนที่ข้าได้มา มันยังมีค่าสูงกว่านี้เลยนะ" ชายชราเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวังสุดขีด แย้งเมื่อพบว่าราคาที่ให้นั่นมันกดขี่กันชัดๆ สู้เอาไปปาหัวหมายังสนุกกว่านี้เลย... เขาไม่ยอมแน่ๆราคานี้ไม่ผ่าน !!
                 ท่านเจ้ามือก็มิได้ตื่นตระหนกตกใจใครจะกลัวอะไรเล่า ยิ้มกริ่มตอบมา "เอ้า ตกลงจะเล่นหรือไม่เล่น?”
                 “……………………………..” ชายชรานิ่งไปไม่ทราบว่าลังเลใจหรือเกรงกลัวเหตุใด
                 "อ่ะ จ้าๆ สองพันก็สองพัน... " ตนกัดฟันพูด จำต้องยอมรับข้อตกลงแม้จะเห็นว่าเป็นการรังแกคนแก่ไร้ทางสู้อย่างเห็นได้ชัด ก็ได้แค่บ่นงึมงำอย่างไม่สบอารมณ์เบาๆกันตนเอง
                 ณ ตอนนี้ความมืดมันบังตา จิตใจถูกครอบงำไปหมด การตัดสินใจทุกอย่างเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
                ในที่สุด...
                 "ข้ารู้สึกว่าตานี้ข้าต้องโชคดีแน่ !!" เป็นเสียงสุดท้ายในห้วงความคิดชายชรา
                 สติสตางค์ทั้งหมดจมดิ่งหายลงในกองไพ่หมดแล้ว...           
     
     
                 "อ๋า ท่านเจ้ามือเล่นเก่งเสียเหลือเกิน เห็นทีว่าตานี้ข้าจะแพ้อีกแล้ว"
     
                 สำหรับคนปกติ เงินจำนวนสองพันเหรียญนั้นก็เป็นเงินจำนวนมากโขอยู่ เมื่อท่านสามารถนำไปใช้ได้นาๆประการเช่น ซื้อดาบเล่มสวยอันใหม่ให้ตัว ไปเที่ยวกลางคืนตามที่ดีๆ ตั้งเป็นกองทุนหาเมียใหม่ ยาวไปถึงแม้กระทั่งจัดงานเลี้ยงย่อมๆ มีอาหารวางเรียงรายบนโต๊ะมากมาย
                 แต่หากว่าด้วยการเล่นไพ่บวกด้วยชายชราผีพนันแล้ว ใครมันจะไปรู้หล่ะว่าวันเวลามันจะผ่านไปอย่างรวดเร็วซะเหลือเกิน...            
     
                 "รอข้าครู่หนึ่งนะ ขอหยิบชิพก่อน ตาหน้าข้าต้องโชคดีแน่" นักพนันดวงอับพูดอย่างไม่ยอมแพ้ใครแม้ตัวจะโดนกินมานับครั้งไม่ถ้วน ใช้มือคลำลงไปในถุงชิพที่แต่ก่อนยังเคยเต็มไปด้วยเหรียญโทเคนมากมาย
                 น่าสงสารเหลือเกิน ตอนนี้ อนิจจา ในถุงมีแต่เพียงอากาศธาตุ

                 "ชิบหายแล้วตู" เสียงสบถพ่นออกมาทันที หากยังคงสีหน้าปกติไว้ เมื่อภาพที่เห็นทำให้ตัวเลิ่กลั่ก รวบรวมสติความกล้าลองส่องลงไปดูอีกครั้งด้วยจิตภาวนาท่อง พุทโธๆ ครั้งนี้ตาไม่ฝาดแน่ เขาพบว่าถุงนั้นมันกลวงโบ๋อย่างที่คิดจริงๆ ไม่มีอะไรเหลือ

                 “ท่านเจ้ามือบังเอิ๊นบังเอิญ ข้าคิดว่าวันนี้ข้าควรพอแค่นี้แล้วหล่ะ ข้ายังมีธุระที่ยังต้องไปจัดการ ไว้วันหน้าค่อยมาเล่นกันใหม่"
                 "เดี๋ยวก่อน โจเซฟ เจ้ายังไปไม่ได้!"  ขณะชายชราคิดชิ่งทันที หันตูดลุกหนีจากวงไพ่พลัน หวังปกปิดไม่ให้รู้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่มีเงินจะกลับบ้านไปแล้ว  ท่านเจ้ามือก็ร้องตะโกนกร้าวดังสนั่นในชั่วอึดใจ
                 กี้ๆๆ !
                 ไอ้พวกสมุนจอมขี้เกียจทั้งหลายที่อุดอู้อยู่ รวมหัวกรูรุมล้อมรอบตัวชายชราไว้หมดทุกทิศทุกทางราวกับสมุนซอกเกอร์ทันทีที่ได้ยินเสียงเจ้านายมีน้ำโห
     
                 "นี่มันเกิดอะไรขึ้น !!"  ทันทีที่ไอ้พวกซอกเกอร์เริ่มวิ่งวน ชายชราร้องเสียงดังตื่นตระหนก  ดวงตากลอกซ้ายขวาด้วยความตกใจ งงว่าไอ้พวกบ้านี่จะทำอะไรเขา
     
                 ท่านเจ้ามือดูลูกน้องของตนจัดการอยู่เงียบๆ ไม่แสดงอาการใดๆพร้อมเดินตรงมาที่ชายชราด้วยสีหน้าราบเรียบ แววตาเปลี่ยนไปราวกับคนละคน
                 "นี่เจ้าลืมไปแล้วหรือไง ว่าเจ้าหน่ะยังไงก็ยังจะไปจากที่นี่ไม่ได้ ถ้ายังมีหนี้สินที่ติดค้างไว้ที่คาสิโนแห่งนี้อยู่
    ”  ท่านเจ้ามือกล่าว
                 “และข้าคงต้องเตือนความจำเจ้าสินะ ว่าไอ้เงินสี่พันเหรียญที่เจ้าติดค้างดอนเดอะบาร์เทนเดอร์ของคาสิโนแห่งนี้ เจ้ายังไม่ใด้ใช้คืน"  ท่านเจ้ามืออธิบายพร้อมกับชี้ไปทางดอนที่พยักหน้าหงึกๆเป็นเชิงสนับสนุน

                 "เขายังไม่ใช้คืนข้าจริงๆ"  เสียงของเจ้าหนุ่มอันไม่พึงประสงค์ต่อชายชราเอ่ย แต่ก็เงียบไปเมื่อเห็นสายตาโจเซฟที่จ้องเขม็งมาทางเขา…

                 "เมื่อ หลักฐานแน่นหนาขนาดนี้ ข้าคงจะให้เจ้าไปไม่ใด้นะโจเซฟสหายข้า ข้าให้เจ้าออกไปไม่ใด้จริงๆ"  ท่านเจ้ามือย้ำบอกชายชรา เรียกสติชายแก่ให้เลิกสนใจดอน และหันมามองปัญหาตรงหน้าตัวเองที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะรอดออกไปได้หรือเปล่า
                 "แต่...แต่ ท่านเจ้ามือก็รู้ว่าข้ามีภาระที่ต้องรับผิดชอบนี่"  โจเซฟยังคงเอ่ยเชิงขอร้องท่านเจ้ามือด้วยเสียงออดอ้อน ไร้ซึ่งความหวัง
                 "เจ้ารู้มั้ย ว่าไอ้พวกที่มันติดหนี้ข้า มันก็พูดแบบนี้เหมือนกันทุกคน และถ้านี่เป็นแต่ก่อนข้าอาจจะปล่อยเจ้าไป…หมายถึงแต่ก่อนนะ"  ท่านเจ้ามือพูดด้วยเสียงราบเรียบก่อนที่จะหันไปสบตากับชายชราอีกครั้งหนึ่ง
                 "ดังนั้นด้วยเหตุผลแค่นั้น ข้าขอบอกว่าไม่ผ่าน"  สายตาคู่นั้นปิดท้ายด้วยการถลึงใส่ชายชราจนถึงแก่ผวาทันทีที่สิ้นเสียง
     
                 ทำไงดีหล่ะเนี่ย บัดนี้เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว จะให้ว่ากันจริงๆเขาก็เห็นเหล่าลูกหนี้ที่ติดค้างกับคาสิโนแห่งนี้ ถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ในนี้จริงๆ หลักฐานที่ดีเห็นได้และชัดคงเป็น ทาร์ พ่อค้าดอกไม้ที่จำได้ว่าหายตัวไปอย่างลึกลับเมื่อเดือนก่อน ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไป ตอนนี้ได้มาปรากฏตรงหน้าเขา กำลังขัดถูขาโต๊ะบัคคาร่าอย่างขมีขมัน...
                 อืม…ซวยแล้วหล่ะ มันเอาจริง
                 เกิดมานี่ทั้งชีวิตเคยติดคุกหนหนึ่ง ตอนลอบเอาเหล็กเถื่อนเข้าอาณาจักร ไม่นึกว่าวันนี้จะได้ลองเป็นทาสมันครั้งแรก
     
                 "...ข้ารู้ว่าเจ้ามีร้านตีเหล็กที่ชื่อว่า "โอลด์สมิท" อยู่ที่เมืองลอเรนซ์ซึ่งตัวเจ้าก็เป็นเจ้าของคนปัจจุบันและผู้สืบทอดจากพ่อของเจ้า..." ท่านเจ้ามือว่ามายังชายชรา
                 "ข้ารู้ว่าที่ร้านขาดเจ้าไม่ใด้"  คำพูดอธิบายเสริมต่อของเจ้ามือน่าปลื้มใจนัก จิตใจชายชราพองโตอย่างมีความหวังขึ้นมาซะเหลือเกิน ในใจจินตนาการต่อไปว่าคงจะพูดว่า “ข้าก็เลยปล่อยเจ้าไป” ทำให้มีรอยยิ้มน้อยๆผุดขึ้นมาในใบหน้าเคร่งเครียด เล่นเอาท่านเจ้ามือถึงกับหัวเราะเสียงดังเมื่อได้เห็นใบหน้ากะล่อนของชายแก่
                 "เอ แต่ว่าถ้าข้าปล่อยเจ้าไป ข้าอาจจะตกเป็นผู้เสียหายก็ได้ แบบนี้เจ้าว่ามันคุ้มกันหรือ?"  คราวนี้ความคิดที่สองของท่านเจ้ามือไม่ถูกหูชายชรานัก จิตใจที่พองโตเมื่อครู่นั้น กลับมาแฟ่บเหมือนเดิมอีกทั้ง สองเท้าที่เตรียมเผ่นเป็นอันต้องถูกไอ้พวกซอกเกอร์ลากกลับมาฟังประกาศผลครั้งใหม่ ย้อนรอยไปถึงวัยเด็กที่ไปยืนลุ้นผลสอบหน้าหอการเปรียญ        
                 "อืมๆ หลังจากคิดมาหลายประเด็นแล้ว  ข้าคิดได้แล้วหล่ะว่าข้าจะให้เจ้า....."  ท่านเจ้ามือพูดช้าๆพลางเอามือลูบคางอย่างครุ่นคิดแบบนักสืบ ลีลาเยอะเหลือเกิน
                 อา
                 คำตัดสินที่เขารอคอย...

                              คำตัดสินที่จะพลิกชีวิตเขา !!....

                 "เอ่อ....ข้าให้เขียนจดหมายได้ฉบับนึงเพื่อส่งหาใครก็ได้คนนึงที่เจ้าต้องการละกัน"
                 ฮ่วย !
    !!! 
                 “ให้ข้าเขียนจดหมายได้ฉบับเดียวเนี่ยนะ"  ชายชราเอ่ยอย่างผิดหวังหลังจากได้ยินคำตอบ "ไอ้ขี้ตืดเอ๊ย"  เสียงบ่นงุบงิบอย่างไม่พอใจตามมาพลัน
                 "ข้าให้เจ้าได้แค่นี้แหละจะเอาไม่เอา หรือว่าจะไม่ต้องเขียนไรเลย ทำงานเป็นทาสมันที่นี่แบบไม่มีใครรู้เลยดีมั้ยหล่ะ?"   คำพูดอันเหนือกว่าของท่านเจ้ามือสะกดให้ชายชราต้องกลับไปอยู่ในภวังค์อีกตามเคยเหมือนเดิม
     
                 เห็นทีเขาคงต้องทำตามที่มันให้ ก็คือเขียนจดหมายบ้าๆนี่ เป็นตัวเลือกสุดท้ายของเขาที่พอจะมีให้เลือกตอนนี้ จริงหรือนี่
                 เห้อ…
                 ชายแก่ถอนหายใจอย่างเศ้ราจิต
     
                 ถึงยังไงอย่างน้อยโชคยังดี  ชายชราก็หายห่วงไปปลอดหนึ่ง ที่ร้านโอลด์สมิทของเขาตอนนี้ ยังมีพนักงานประจำการอยู่สองคน ก็คือ "นาตาลี" หลานสาวผู้น่ารักและเชี่ยวชาญงาน อีกทั้ง "โจชัวร์" ช่างแกะสลักและตีดาบฝีมือดีที่เป็นสหายร่วมโลกกับเขามาตั้งแต่ยังเยาว์วัย สองคนนี้เป็นคนที่ดีมากเลยทีเดียว ชายชราหวังพึ่งพวกเขาได้ด้วยชีวิตชัวร์ป๊าด…
     
     
                 กิ๊ง ก่องๆ
                 นาฬิกาบอกเวลาห้ายามในเพลาเย็น
     
                 “อ่ะท่านเจ้ามือ”
                 เวลาผ่านไปได้ไม่นาน ชายชราเขียนจดหมายเสร็จสิ้นตามที่ต้องการ บรรจงม้วนกระดาษแผ่นนั้นส่งให้ท่านเจ้ามือหลังจากตรวจตราจนแน่ใจ
                 "ข้าบอกม้าเร็วแล้วนะว่าให้นำจดหมายไปส่งให้หลานสาวท่านที่เมืองลอเรนซ์"  นายจ้างใหม่บอกแก่ชายชรา “เธออาศัยอยู่ที่ร้านของท่านใช่มั้ย?”
                 "ผิดแล้วท่านเจ้ามือ ข้าไม่ใด้คิดจะส่งให้นาตาลีหลานสาวข้า"  ชายแก่แย้งปฏิเสธ สร้างความฉงนให้แก่ผู้คนรอบข้างรวมไปทั้งตัวของท่านเจ้ามือ
                 “เจ้าหมายความว่าอะไรเนี่ย?” ท่านเจ้ามือถามด้วยความแปลกใจ
                 ไอ้หมอนี่คิดจะทำอะไรของมันกันแน่เนี่ย ใครก็ตามที่ได้รับสารนี้ไปก็เทียบเท่ากับเป็นคนที่โจเซฟให้สืบต่อดูแลธุรกิจแทนเขา แล้วที่มันพูดมาหมายความว่าอย่างไร ถ้าไม่ใช่เขาจะให้นาตาลีหลานสาวเขา สืบทอดธุรกิจตีเหล็กโอลด์สมิท แล้วเขาจะไปให้ใครดูแลแทนหล่ะ !!!
                 ท่ามกลางความสงสัยมากมายและปัญหาที่หาคำตอบไม่ได้ชายชราที่ไม่ต้องการให้ท่านเจ้ามือหรือ “นายใหม่” รอนานไปกว่านี้ เพราะท่านไม่มีทางเดาได้แน่ว่าแท้จริงเขาคิดจะทำอะไร
                 "คนที่ข้าต้องการให้เจ้านำจดหมายนี้ไปส่ง..." ชายชรากล่าวก่อนจะชี้ให้ดูส่วนจ่าหน้าซองพูดชื่อที่เขียนอยู่บนหน้ากระดาษนั้นเสียงดังฟังชัด
                 "คือเอริก เลอนาร์ด พ่อค้าแห่งเมืองแครนส์ตั่งหาก"

     
                 'อ่าวเวรกรรม แล้วทำไมจู่ๆมันไม่ส่งให้หลานสาวตัวเองหล่ะฟระ !! ไอ้ตาแก่นี่มันเสียสติไปแล้วรึไง !!' ท่านเจ้ามือตะโกนก้องใจจิต แต่ว่าใครจะไปรู้หล่ะว่าบัดนี้ในใจชายแก่คิดอะไรอยู่และตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ !
     
                 เล่าไปเล่ามา ก็รู้สึกมีลางสังหรณ์รับรู้ได้ว่า นิทานไม่จบตอนเรื่องนี้มันต้องวิปริตเป็นแน่แท้… เหอ เหอ เหอ/// แต่ไม่ต้องห่วงว่ามันจะจบได้โดยง่ายแบบแฮปปี้เอนดิ้งแน่ เมื่อตัวแปรใหม่อย่าง เอริค เลอนาร์ด ได้เข้ามามั่วตั้วในสมการอลม่านนามโอลด์สมิท ร้านตีเหล็กอับโชคแห่งนี้แล้ว

    อ่านเสร็จขอคอมเมนต์ด้วยเน้อ~ พยายามปรับปรุงอยู่
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×