คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 1 : New Term
โรงเรียนแห่งเวทมนตร์....บนโลกใบนี้ มีโรงเรียนสอนเวทมนตร์มากแค่ไหนกันเชียว?...ถ้าจะให้ตอบหล่ะก็...โรงเรียนแบบนี้ก็มีกันเป็นพันๆโรงเรียนเลยหล่ะ โรงเรียนที่สอนให้นักเรียนรู้จักประเภทของเวทมนตร์ต่างๆ รวมไปถึงทฤษฎีและวิธีการปฏิบัติ แต่ทุกคนนั้นคงจะไม่มีใครไม่รู้จักโรงเรียนสอนเวทมนตร์อันดับหนึ่งอันเป็นที่เลื่องลือหรอกใช่มั้ย?... ชื่อของโรงเรียนแห่งนั้นงั้นเหรอ?...ก็โรงเรียนลาสท์ออคโทเบอร์ยังไงหล่ะ...
ก่อนอื่นเลย...มาทำความรู้จักกับโรงเรียนนี้กันก่อนดีกว่า สถานที่แห่งนี้คือโรงเรียนมัธยมเวทมนตร์อันมีชื่อว่าลาสท์ออคโทเบอร์ มีระดับชั้นตั้งแต่ม.ต้นปี1 ไปจนถึงม.ปลายปี3 โดยแต่ละลำดับชั้นจะมี3ห้องคือห้องA ห้องB และห้องC
ในช่วงระดับมัธยมต้นนั้น แบบการเรียนจะเป็นการสอนเกี่ยวกับวิชาเวทมนตร์ทั่วไป รวมไปถึงทั้งประโยชน์และโทษของมันด้วย... ส่วนในระดับชั้นมัธยมปลาย เมื่อขึ้นม.ปลายปี1เมื่อไหร่ นักเรียนทุกคนจะต้องทำการเลือกประเภทสายพลังที่ตัวเองจะต้องเรียนหรือที่เรียกว่าพิธีมอบสายพลัง โดยทุกคนไม่มีสิทธ์ที่จะเลือกว่าตัวเองอยากจะเรียนสายไหน แต่จะเป็นสายพลังนั้นต่างหากที่จะเลือกเรา โดยมีขั้นตอนคือนักเรียนแต่ละคนจะต้องวางมือลงบนแผ่นกระจกใส โดยรอบๆนั้นจะมีสายพลังทั้ง7สายอยู่ คือ ไฟ น้ำ ลม ดิน สายฟ้า น้ำแข็ง และแสงสว่าง เมื่อวางมือลงไปสักพัก รอบๆตัวนั้นจะเกิดแสงวนไปมา จนสุดท้าย แสงจะหยุดอยู่ที่สายพลังอันใดอันหนึ่ง นั่นแสดงว่าเราถูกรับเลือกจากสายพลังนั้น
ถัดมาคือเครื่องแบบนักเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ สิ่งที่บังคับให้ใส่มีอยู่เพียงแค่สองอย่างเท่านั้น อย่างแรกคือเข็มกลัดชื่อที่สลักชื่อของนักเรียนไว้เป็นภาษาอังกฤษ โดยในม.ต้นนั้น เข็มกลัดชื่อจะเป็นสีเงิน ส่วนในม.ปลาย เข็มกลัดชื่อจะเป็นสีทอง ถัดมาคือเสื้อสูทตัวนอก ในม.ต้นนั้น สูทจะเป็นสีน้ำเงินเข้ม ส่วนในม.ปลาย สูทจะเป็นสีเหลือง โดยองค์ประกอบของสูทก็จะมีตราประจำโรงเรียนที่ปักอยู่ตรงทางด้านขวา ส่วนด้านซ้ายจะเหลือที่ให้ปักเข็มกลัดชื่อ อีกอย่างหนึ่งคือเส้นขีดที่อยู่ทางแขนซ้ายของเสื้อสูท มีตั้งแต่1ขีด 2ขีด และ3ขีด โดยเส้นขีดตรงแขนเสื้อนี้จะเป็นสิ่งที่สื่อถึงระดับชั้นปี1 ปี2 และปี3 ยกตัวอย่างเช่นถ้าอยู่ม.ต้นปี1 ก็ต้องใส่สูทสีน้ำเงินเข้มที่มีขีดตรงแขนซ้ายขีดเดียว แต่ถ้าเป็นม.ต้นปี2 ก็จะใส่สูทสีน้ำเงินเข้มที่มีขีดตรงแขนซ้ายสองขีด อย่างนี้เป็นต้น ไล่ไปจนถึง ม.ปลายปี3 ที่จะต้องใส่สูทสีเหลืองและมีขีดตรงแขนซ้ายสามขีด ที่บังคับให้ใส่ก็มีแค่นี้เท่านั้น นอกนั้นจะใส่กางเกง หรือกระโปรง หรือรองเท้าแบบไหนมาก็ตามใจ เสื้อข้างในสูทจะใส่เสื้อยืด เสื้อเชิ้ต หรือเสื้ออะไรก็ใส่ได้หมด แต่ต้องใส่สูทกับปักเข็มให้ถูกต้องก็พอแล้ว
อย่างสุดท้ายที่เกี่ยวกับโรงเรียนนี้ก็คือตึกต่างๆ ตึกเรียนจะมีสองตึก แบ่งออกเป็นตึกของม.ต้น และม.ปลาย นอกจากนี้ก็ยังมีหอสมุดของโรงเรียน ซึ่งมีสมุดหนังสือให้เลือกอ่านหลายหมื่นเล่ม เยอะจนนับไม่ถ้วน ถัดมาก็จะมีลานกีฬา สระว่ายน้ำ ลานประลอง ลานกว้างสำหรับนั่งเล่น ลานกว้างของโรงเรียน ตึกสำหรับอาจารย์ โรงอาหารมีทั้งหมด4แห่ง แล้วก็ตึกอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน อีกอย่างที่สำคัญก็คือหอพักของนักเรียน ทางโรงเรียนจะบังคับให้นักเรียนทุกคนอยู่หอของที่นี่ ยกเว้นตอนปิดเทอมจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ซึ่งหอของทางโรงเรียนมีทั้งหมด6หอ เป็นหอพักชาย3หอ และหอพักหญิงอีก3หอ โดยทั้งหอชายและหญิงจะแบ่งเป็นหอพักของปี1 ปี2 และปี3 ยกตัวอย่างเช่น หอพักหญิงของนักเรียนปี1 ก็เป็นหอสำหรับนักเรียนหญิงม.ต้นปี1 และม.ปลายปี1 เป็นต้น
และวันนี้เป็นวันเปิดเทอมใหม่ของโรงเรียน จะมีอะไรน่าตื่นเต้นกันนะ?
.
.
.
.
.
.
.
เสียงฝีเท้าย่ำกับพื้นระรัวอย่างเร่งรีบ ร่างสูงวิ่งหอบตรงไปยังลานกว้างของโรงเรียน ยกมือข้างซ้ายขึ้นมามองนาฬิกาแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่านี่มันเลยเวลานัดมาแล้ว เขารีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากขึ้น เสื้อสูทสีเหลืองและขีดสีทองเส้นเดียวตรงแขนซ้ายเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ดีว่าเขาอยู่ชั้นม.ปลายปี1 นัยตาร่างสูงมองไปยังข้างหน้า แล้วก็ต้องเบิกตาโพลงเมื่อเห็นนักเรียนชั้นเดียวกันยืนต่อแถวเป็นห้องโดยมีอาจารย์เช็คชื่ออยู่
“ตายหล่ะ! จะทันไหมเนี่ย โธ่...ดันมาตื่นสายในวันที่มีพิธีมอบสายพลังเนี่ยนะ” ร่างสูงบ่นตัวเองอย่างอารมณ์เสียพลางวิ่งตรงไปยังแถวให้เร็วที่สุด
“ยุนอา! เร็วหน่อยสิ! เขาเช็คชื่อกันหมดแล้วนะ!” เสียงของใครคนหนึ่งตะโกนมาทำให้ร่างสูงยิ่งเร่งฝีเท้ามากขึ้นพลางตะโกนกลับไป
“กำลังวิ่งไปนี่ไง! อย่าเร่งนักสิยูริ!” ในที่สุดยุนอาก็วิ่งมาถึงแถว ร่างสูงรีบเดินไปต่อหลังยูริ พลางหอบหายใจตัวโยน
“เปิดเทอมวันแรกก็สายเลยนะแกเนี่ย” ยูริพูดก่อนจะหัวเราะอย่างสนุกสนานที่เห็นเพื่อนของตัวเองหอบมาขนาดนี้
“โธ่ นี่ฉันก็รีบบึ่งมาจากบ้านสุดๆแล้วนะ ยังไม่ได้ขนของเข้าหอพักเลยเนี่ย”
“เออ จริงสิ ปีนี้รูมเมทเหมือนเดิมนะ แกอยู่ห้องเดียวกับฉัน” ยูริหันมาพูดด้วย ยุนอาพยักหน้า แต่สักพักหนึ่งก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้
“แล้วคนอื่นๆไปไหนกันหมดหล่ะเนี่ย?”
“คนอื่นๆมากันตั้งแต่เช้าก็เลยไปต่อแถวอยู่ข้างหน้าหมดแล้ว นั่นไงแทยอนกับทิฟฟานี่” ยูริพูดพลางชี้ไปยังเพื่อนคนอื่นๆที่ยืนต่อแถวอยู่ทางด้านหน้า ยุนอาจึงชะโงกไปมองบ้าง
“แถมข้างหน้ายังมีเจสสิก้ากับฮโยยอน แล้วก็ซันนี่ ซูยองด้วย โหยยยย....ทำไมเจ้าพวกนี้ตื่นเช้ากันจัง”
“มีแต่แกคนเดียวนั่นแหละที่ตื่นสายหน่ะ”
“แล้วที่แกมาต่อแถวข้างหลังนี่ไม่ใช่ว่าแกก็มาสายเหมือนกันรึไง” ยุนอาตอบกลับพลางหรี่ตาใส่ยูริ แต่ยังไม่ทันที่บทสนทนาของทั้งสองคนจะยืดยาวมากกว่านี้ แถวก็เริ่มเดินไปข้างหน้า จนทั้งสองต้องรีบขยับขาตาม
“แล้วนี่เราจะไปไหนกันหน่ะ” ยุนอาถามพลางหันซ้ายหันขวา ยูริจึงเอื้อมมือมาเขกหัวไปหนึ่งที
“ก็ขึ้นไปห้องประชุมใหญ่ไงเล่า วันนี้พวกเราต้องเข้าพิธีมอบสายพลังนะ” เมื่อได้ยินดังนั้น ยุนอาก็ร้องอ๋อในทันที
จริงด้วยสิ....ปีนี้พวกเราขึ้นม.ปลายปี1 แล้วนี่นา...
สักพักหนึ่งพวกเขาก็มาถึงห้องประชุมใหญ่ของโรงเรียน มันเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ มีที่นั่งไล่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ และตรงกลางห้องก็มีแท่นยืนอยู่ ทั้งยูริและยุนอากวาดสายตาไปจนเจอกลุ่มเพื่อนของตนที่กำลังกวักมือเรียกให้ไปนั่งทางนั้น
“ให้ตายเถอะ หายไปไหนมาหน่ะ ตามหาตั้งแต่เช้า” ซูยองบ่นในขณะที่เอามือประสานไว้ตรงท้ายทอยเตรียมเอนหลังนอน
“โทษที พอดีพวกฉันตื่นสายหน่ะ” ยุนอาเกาหัวพลางยิ้มแหยๆ ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆทิฟฟานี่ที่กำลังอ่านหนังสือในมืออยู่
“ปิดเทอมเป็นไงบ้าง?” ทิฟฟานี่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือก่อนจะยิ้มกว้างให้คนตั้งคำถาม
“เราก็เรื่อยๆแหละ ไม่มีอะไรมากหรอก ยุนอาหล่ะ?” ยุนอาทำหน้าเบื่อโลกก่อนจะตอบกลับ
“โดนพ่อบังคับให้ฝึกวิชาเวทย์เทเลพอร์ตเกือบทุกวันเลยหน่ะสิ ก็แค่ตกวิชานี้ตอนสอบปลายภาคเอง ไม่เห็นต้องโหดขนาดนี้เลย” เสียงบ่นอุบอิบของยุนอาเรียกเสียงหัวเราะจากทิฟฟานี่ได้เป็นอย่างดี ร่างสูงเองก็หัวเราะตาม ก่อนจะหันไปถามคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆกับทิฟฟานี่
“แล้วแทยอนหล่ะ ปิดเทอมเป็นไงบ้าง” ร่างเล็กซึ่งได้ยินคำถามก็หันกลับมาตอบพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“ก็ดีนะ” ยุนอาพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่ไหนแต่ไรแทยอนก็เป็นคนเงียบๆอยู่แล้วอ่ะนะ
“แต่ตอนปิดเทอมหน่ะ แทแทชอบแอบหลบไปวาดรูปแถวๆภูเขาหลังโรงเรียนใช่มั้ย เรารู้นะ” ทิฟฟานี่หันมาใช้นิ้วชี้แตะตรงปลายจมูกของแทยอน แล้วก็ทำท่าดุใส่อย่างน่ารักๆ ใบหน้านิ่งของคนตัวเล็กค่อยๆมีรอยยิ้มบางๆยังไม่ทันได้ตอบอะไร ไฟในห้องโถงก็ค่อยๆดับลงจนแทบมืดสนิท สักพักหนึ่งแสงไฟก็สาดไปที่แท่นยืนกลางห้องโถงที่บัดนี้มีชายวัยกลางคนยืนอยู่บนแท่นนั้น ข้างๆกันมีแผ่นกระจกใสและสัญลักษณ์ของสายพลังทั้ง7ล้อมรอบ
พิธีมอบสายพลัง...กำลังจะเริ่มแล้ว...
ชายร่างสูงคนนั้นกระแอมสองสามที เขาอยู่ในชุดสูทสีแดง เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ดีว่าเขาคือใคร นัยตาสีเทากวาดมองไปมารอบห้องโถง รอยยิ้มแห่งความภูมิใจฉายที่ใบหน้าที่บ่งบอกถึงประสบการณ์ของเขา ผู้อำนวยการโรงเรียนเอื้อมมือมาจับไมค์ เคาะมันสองสามที ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง
“สวัสดีนักเรียนชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งทุกคน”
“นักเรียนทั้งหมด ทำความเคารพ!” เสียงของหัวหน้าสายชั้นดงขึ้น เรียกให้บรรดานักเรียนในห้องโถงรีบลุกยืนโค้งตัวให้คนที่ยืนอยู่บนแท่น แล้วค่อยๆนั่งลง ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับคำทักทาย
“ก่อนจะเข้าสู่พิธี ครูอยากฝากประโยคหนึ่งไว้ให้พวกเธอสักเล็กน้อย เก็บมันเอาไว้เป็นคติในใจนะ” เขากวาดสายตามองขึ้นไปยังนักเรียนทุกคน
“ไม่ว่าเธอจะได้รับเลือกจากสายพลังไหน จงยอมรับในตัวเอง เชื่อมั่นในพลังที่เธอได้รับ เชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองเป็น ศรัทธาในสิ่งที่ตัวเองมี มันจะทำให้พวกเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี และเธอจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสายพลังของเธอ” ชายคนนั้นยกยิ้ม
“อย่าลืมซะหล่ะ” เมื่อพูดจบเขาก็หันไปหาคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง ผู้หญิงวัยชราพยักหน้าก่อนจะเลื่อนแท่นแผ่นกระจกใสมาไว้ข้างหน้า หล่อนหยิบไมค์อีกตัวขึ้นมา
“เอาหล่ะ...ต่อจากนี้ไปจะเข้าสู่พิธีแล้ว นักเรียนทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ” หญิงชราพูดพลางโค้งตัวให้ผู้อำนวยการที่เดินลงจากแท่นไปนั่งที่โซฟารับรอง
“ผ.อ.เนี่ยนะ...ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ต้องพูดไอ่คติคำคมอะไรนี่อยู่เรื่อยเลย” เสียงยูริบ่นขึ้นทำให้ซูยองกับฮโยยอนที่นั่งข้างๆต้องใช้ศอกกระทุ้งที่ท้องเพื่อบอกให้พูดเบาๆ เจสสิก้ากับซันนี่ที่นั่งถัดไปจากซูยอง เมื่อเห็นยูริอ้าปากร้องเจ็บปวดแบบไม่มีเสียงก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“ครูจะเรียกชื่อนักเรียนทีละคนโดยไล่ตามห้อง ถ้าได้ยินชื่อตัวเอง ให้เดินมาที่แท่นนี้ แล้ววางมือไว้บนแผ่นกระจก” หญิงวัยชราอธิบาย ก่อนหล่อนจะหยิบแฟ้มใบรายชื่อขึ้นมา แล้วเริ่มอ่านชื่อของนักเรียนคนแรก
“ปาร์คกาฮี ม.ปลายปี1 ห้องA” จบคำพูดนั้น ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งก็ยืนขึ้น เธอหันไปโค้งตัวให้ผู้อำนวยการที่นั่งอยู่ตรงโซฟาเล็กน้อย ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งมายังแท่นยืน กาฮีค่อยๆวางมือลงบนแผ่นกระจกใสนั้นอย่างเบาๆ เพียงแค่แตะมันเต็มฝ่ามือ ทันทีทันใดนั้น แสงสว่างก็วาบขึ้นรอบๆกายของสาวร่างสูง นักเรียนทุกคนในห้องโถงต่างมุ่งสายตาไปยังภาพตรงหน้า
“โห...นี่มันสุดยอดเลย...” ยุนอาพึมพำเบาๆอย่างตกตะลึง ถึงแม้จะเคยได้ยินเกี่ยวกับพิธีนี้มาบ้างแล้วก็เถอะ แต่พอได้เห็นของจริงแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้จริงๆ
แสงสว่างนั้นค่อยๆลดความกว้างลงเหลือเพียงส่องสว่างวนรอบสัญลักษณ์สายพลังทั้ง7นั้น มันค่อยๆเคลื่อนวนช้าลงจนสุดท้ายแสงก็หยุดส่องไปที่แท่นสัญลักษณ์อันหนึ่งที่มีรูปคล้ายๆก้อนหินสลักอยู่ อาจารย์หญิงวัยชรามองเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้กาฮี
“ปาร์คกาฮี...สายพลังแห่งดิน...” จบคำพูดนั้น ทั่วทั้งห้องโถงก็ดังไปด้วยเสียงปรบมือ กาฮีโค้งตัวให้หญิงชราเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง
หลังจากนั้น เสียงเรียกของหญิงชราก็ขานเรียกชื่อนักเรียนแต่ละคนไปเรื่อยๆ พิธีกรรมดำเนินต่อไปอย่างไม่เร่งรีบนัก
“เจสสิก้าจอง ม.ปลายปี1 ห้องA” จบคำขานชื่อ ร่างบางค่อยๆยืนขึ้นพลางยิ้มให้กับเพื่อนๆที่เหลือของตนเอง
“โชคดีนะ” ซูยองพูดพลางยกนิ้วโป้งให้ ร่างบางพยักหน้า ก่อนจะโค้งตัวให้ผู้อำนวยการแล้วเดินไปยังกลางห้องโถง ร่างบางชั่งใจอยู่สักพัก ก่อนจะตัดสินใจวางมือลงบนแผ่นกระจกใส แสงสว่างวูบขึ้นรอบกายเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ก่อนมันจะค่อยๆส่องวนเวียนมายังสายพลังทั้ง7 หมุนอย่างนั้นอยู่ครู่ใหญ่ จนสุดท้ายก็ชะลอลง และหยุดนิ่งตรงแท่นสัญลักษณ์ที่สลักรูปพายุ
“เจสสิก้าจอง....สายพลังแห่งลม…”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกเช่นเคย เจสสิก้าโค้งตัวให้อาจารย์หญิงวัยชรา ก่อนจะเดินกลับมายังที่ของตัวเอง
“สุดยอดเลยสิก้า” ซันนี่ที่ยังคงมีสีหน้าตกตะลึงหันมายกนิ้วให้รัวๆ
“สุดยอดตรงไหนเนี่ย...ทุกคนเขาก็ทำแบบนี้กันหมดไม่ใช่รึไง” ยูริพูดพลางอ้าปากหาวหวอดๆจนถูกฝ่ามือของซูยองตบไปอีกที
“พูดมากจริงแก” ร่างสูงบ่นเพื่อนข้างกาย ก่อนที่เจสสิก้าจะพยักหน้ารัวๆเป็นเชิงเห็นด้วย
“ควอนยูริพาโบ พูดมากจริงๆเลย” เจสสิก้าบ่นต่อจนยูริได้แต่มองค้อนกลับไป
“ทิฟฟานี่ฮวัง ม.ปลายปี1 ห้องA” เสียงขานชื่อดังขึ้นอีกรอบ เรียกให้ทุกคนหันไปมองเด็กสาวหน้าหวานที่ค่อยๆยืนขึ้น ยุนอาปรบมือเสียงดังเกินหน้าเกินตาจนแทยอนต้องห้ามโดยการดันหัวไปอีกทาง ร่างบางหันไปยิ้มให้เพื่อนคนที่เหลือ
“ไม่ต้องตื่นเต้นนะ” เสียงทุ้มของแทยอนเรียกให้ทิฟฟานี่หันไป ร่างเล็กยิ้มบางๆให้คนตรงหน้า ซึ่งร่างบางเองก็พยักหน้าขึ้นลงก่อนจะยิ้มกลับไป
ทิฟฟานี่ทำทุกขั้นตอนเหมือนกับคนอื่นๆ แสงสว่างวนรอบๆแท่นสัญลักษณ์เหมือนเดิม ก่อนจะหยุดอยู่ที่แท่นที่สลักรูปหยดน้ำเอาไว้ ร่างบางมองภาพตรงหน้าก่อนจะยิ้มขึ้น พลางหันไปหาหญิงวัยชราที่ส่งยิ้มมาทางเธอเช่นกัน
“ทิฟฟานี่ฮวัง...สายพลังแห่งน้ำ…”
ทิฟฟานี่โค้งตัวให้ผู้เป็นอาจารย์ ก่อนจะกลับมานั่งที่ตัวเองเช่นเดิม
“ฟานี่ดีจัง ได้สายพลังที่ตัวเองชอบด้วย” ฮโยยอนเอ่ยอย่างตื่นเต้น
“ฟานี่ของฉันเก่งที่สุดเลย!” ยุนอาปรบมือระรัวจนร่างบางหัวเราะออกมา
“ลีซันนี่ ม.ปลายปี1 ห้องA” สาวร่างเล็กหยัดตัวลุกเต็มส่วนสูงเมื่อได้ยินอาจารย์ขานชื่อของเธอ
“เฮ้ สู้นะ!” ยูริชูสองนิ้วให้ ซันนี่หันมาชูสองนิ้วกลับแล้วเดินลงไปกลางห้องโถง ร่างเล็กทำตามขั้นตอนเดียวกับคนอื่นๆ แสงสว่างไปหยุดอยู่ที่แท่นสัญลักษณ์อันหนึ่งที่สลักเป็นเส้นหลายขีดไว้บนนั้น
“ลีซันนี่...สายพลังแห่งแสงสว่าง...”
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกรอบ ก่อนการขานชื่อจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงชื่อของฮโยยอน
“คิมฮโยยอน ม.ปลายปี1 ห้องB” ซูยองกระทุ้งศอกคนที่กำลังนอนหลับอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเขาเรียกชื่อตัวเองแล้ว ฮโยยอนเด้งตัวยืนทันทีก่อนจะขยี้ตาด้วยความง่วง แล้วตรงดิ่งไปยังแท่นยืน ทำตามขั้นตอนเดิมทุกอย่าง
“คิมฮโยยอน...สายพลังแห่งดิน...” เสร็จเรียบร้อยแล้วคนตัวเล็กก็เดินกลับมานั่งที่เดิม ยูริเลิกคิ้วมองคนข้างๆ
“นี่ตื่นยังวะเนี่ย...” ร่างสูงตบกะโหลกคนที่ทำท่าจะหลับอีกรอบ จนฮโยยอนต้องเด้งตัวขึ้นสะบัดหัว
“คิมแทยอน ม.ปลายปี1 ห้องB” ทิฟฟานี่หันหน้าไปหาคนที่ถูกขานชื่อ แทยอนเองก็หันมายิ้มให้ ก่อนจะลุกขึ้นยืนโค้งตัว
“โชคดีนะแทแท”
“อื้อ” แทยอนพยักหน้าพลางใช้มือยีหัวคนหน้าหวานไปหนึ่งที แล้วตรงดิ่งไปยังแท่นยืนกลางห้องโถง แสงสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง ทิฟฟานี่เอามือประสานไว้ใต้คางอย่างน่ารัก แล้วมองภาพตรงหน้าอย่างตั้งใจ แสงสว่างหยุดการเคลื่อนไหวเป็นที่เรียบร้อย ครูหญิงวัยชรามองสัญลักษณ์ที่ตอนนี้กำลังส่องแสงอยู่
“คิมแทยอน...สายพลังแห่งน้ำแข็ง...”
“ไม่แปลกใจเลยที่แทยอนมันได้สายพลังนี้ เหมือนตัวมันเป๊ะ!” ซูยองดีดนิ้วอย่างถูกใจกับคำพูดของตัวเอง ซึ่งมียูริพยักหน้าอย่างเห็นด้วยอยู่ข้างๆ
“ชเวซูยอง ม.ปลายปี1 ห้องC” คนตัวสูงที่ได้ยินชื่อตัวเองแทบจะเด้งตัวลุกยืนขึ้นแทบไม่ทัน ก่อนจะรีบวิ่งลงไปกลางห้องโถงอย่างรวดเร็ว
“คิดว่าซูยองมันจะได้สายไหนวะ” ยูริเอ่ยถามฮโยยอน แต่พอไม่ได้รับการตอบกลับก็ต้องหันหน้าไปหาอย่างสงสัยแล้วก็ได้คำตอบในทันที
“อ้าวเฮ้ย...ไหงหลับงี้หล่ะ...” ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะประสานมือไว้ตรงท้ายทอยแล้วเอนนอนแต่สายตายังคงตรงไปข้างหน้า
“ชเวซูยอง...สายพลังแห่งสายฟ้า...” เสียงประกาศของหญิงวัยชราเรียกเสียงปรบมือของทุกคนอีกตามเคย
“โหย ไม่ธรรมดานะเนี่ย” ยูริเอ่ยเมื่อซูยองกลับมานั่งที่
“เจ๋งป้ะหล่ะ” ร่างสูงยักคิ้วให้เพื่อนซี้อย่างกวนๆ จนยูริเบ้ปาก
“เจ๊งมากกว่ามั้ง” จบประโยคก็ต้องรีบก้มตัวหลบเมื่อเห็นว่าซูยองกำลังจะฟาดฝ่ามือมาที่หัว
“ควอนยูริ ม.ปลายปี1 ห้องC” เมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ยูริรีบกระโดดขึ้นยืนพลางตะโกนอย่างดีใจ
“ในที่สุดก็ถึงฉันสักที!” จบประโยคของยูริ เพื่อนๆคนที่เหลือแทบจะตะครุบปากไว้แทบไม่ทัน นี่พูดเสียงดังเกินไปไหมเนี่ย...
ร่างสูงเดินผิวปากไปอย่างอารมณ์ดี จนมาหยุดอยู่หน้าแผ่นกระจกใส วางมือบนนั้นอย่างที่คนอื่นๆทำกัน แสงสว่างส่องขึ้นเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วน แล้วสุดท้ายก็หยุดอยู่ที่แท่นสลักลายเปลวเพลิง ยูริดีดนิ้วพลางร้องอุทานอย่างดีใจ แต่ก็ต้องรีบหุบปากเมื่อเห็นสายตาเชือดเฉือนของหญิงชราข้างกาย
“ควอนยูริ...สายพลังแห่งไฟ...” ร่างสูงรีบวิ่งกลับมานั่งที่ด้วยท่าทีร่าเริง
“ดีใจเชียวนะแกเนี่ย” ซันนี่พูดอย่างขบขัน ก่อนจะหันไปนั่งฟังการขานชื่อต่อไปเรื่อยๆ จนสักพักก็มาถึงชื่อคนสุดท้าย
“และอิมยุนอา ม.ปลายปี1 ห้องC ” ร่างสูงโปร่งเจ้าของชื่อลุกขึ้นยืนพลางหันมาชูสองนิ้วอย่างกวนๆให้กับเพื่อนของตนเองที่เหลือ
“คนสุดท้ายเลยนะเนี่ยแก” ยูริพูดพลางโบกมือกวนๆกลับไป
อิมยุนอาทำตามขั้นตอนเดิมเหมือนกับทุกๆคน แสงสว่างส่องหยุดอยู่ที่แท่นสัญลักษณ์เช่นเดียวกับของยูริ
“อิมยุนอา...สายพลังแห่งไฟ...” เสียงของหญิงชราเอ่ยพลางจดข้อมูลลงในแฟ้ม
“เฮ้ย ได้เหมือนฉันเลย” ยูริลุกขึ้นก่อนจะเอื้อมไปแปะมือกับยุนอาอย่างถูกใจ
พลันแสงสว่างในห้องโถงก็ดับลงอีกรอบ แต่คราวนี้มีสปอตไลท์ฉายไปยังชายวัยกลางคนที่ลุกขึ้นจากโซฟาและกำลังเดินมายังแท่นยืน หญิงชราโค้งตัวให้ผู้อำนวยการก่อนจะส่งไมค์ให้ แล้วเดินลงจากแท่นมา ชายร่างสูงเคาะไมค์อย่างที่เขาทำเป็นประจำ ก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความปลื้มปิติในตัวนักเรียนแต่ละคน
“เอาหล่ะ...ในตอนนี้พิธีก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว...ก็อยากจะให้ทุกคนจำคำพูดของครูที่เคยพูดไว้ก่อนพิธีจะเริ่มให้ดีๆหล่ะ ถ้าทุกคนพยายาม ก็จะสามารถหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสายพลังได้...” เขาหยุดเว้นวรรคหายใจเล็กน้อย ก่อนเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ รอยยิ้มผุดบนใบหน้าที่บ่งบอกถึงประสบการณ์ของเขา
“และสุดท้ายนี้...ยินดีต้อนรับสู่การเปิดเทอมใหม่นะทุกคน...”
เสียงปรบมือกึกก้องไปทั่วทั้งห้องโถง ตามด้วยร่างของนักเรียนนับเกือบร้อยคนโค้งตัวให้กับผู้อำนวยการโรงเรียน รอยยิ้มเผยอยู่บนใบหน้าของทุกคน
เปิดเทอมใหม่แล้วสินะ...
ความคิดเห็น