คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : VII การพบกันของโชคชะตาที่ไม่เหนือความคาดหมาย
"แล้วที่ผ่านๆมาเนี่ยมันไม่ปกติยังไงเหรอ?" ธีโอดอร่าถามต่อด้วยอารมณ์ไม่ค่อยแจ่มใสนัก เพราะคำตอบนั้นสำหรับเธอแล้วมันเหมือนกับการกวนประสาทเสียมากกว่า
"ก็ใช่น่ะสิ ฉันน่ะเป็นลูกชายคนเดียวนะ เลยถูกสอนนู่นสอนนี่จนชีวิตมันแปลกๆไป"
"แค่สอนเนี่ยนะก็ทำให้ชีวิตนายเปลี่ยน ใครสอนฮึ? สอนอะไร?"
"ใช่ พ่อกับแม่ แถมลุงก็สอนให้...สอนหลากวิธีสังหารคนน่ะ" เพราะคำตอบหลังทำเอาหนึ่งในนั้นถึงกับผงะไปด้วยความตกใจ
"เป็นนักฆ่าเรอะ ไม่เห็นรู้จักมาก่อน" แม่ตัวยุ่งหัวเงินว่า เธอทำทีเหมือนเยาะเย้ยปกรณ์ที่ดูไม่ใช่มือพิฆาตจากตระกูลอันลือลั่นหรือฝีมือร้ายกาจอย่างที่ควรจะเป็น
"ฉันไม่ใช่ซานาร์กันด์นี่ถึงได้ให้เธอมารู้จักตั้งแต่แรกเห็น"
"บอกนามสกุลใหม่อีกทีซิ เดอ โซลหรือ? ฉันรู้จักนะ เป็นตระกูลนักฆ่าที่อยู่ทางแถบเหนือของเอคาเทอรินเบิร์ก" โจนาธานเอ่ยบ้าง
"ถูกต้องนะคร้าบ มีอะไรก็บอกกันได้ ฉันไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร แถมยังเก็บความลับมิดชิดซะอีก" ทาเทียน่าหันไปขอความเห็นจากคนอื่นๆ สองในสามตกลงที่จะให้เธอบอกไป
"ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาของสำคัญบางอย่าง สำคัญมากๆ สำคัญวำหรับหลายคน ไม่ใช่เฉพาะตัวฉันเอง"
"มันคืออะไร?"
"มันคือ...คือ...กุญแจครองโลก"
"หือ? มีเรื่องประหลาดๆแบบนี้ด้วยเหรอ? งมงายกันจริงๆ"
"นายว่ามันเป็นเรื่องโกหกงั้นเหรอ?"
"ฉันไม่ได้บอกซะหน่อยว่ามันเป็นเรื่องโกหก เพียงแต่บอกว่างมงายกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ มีที่ไหนกุญแจครองโลก ถ้ามีจริงที่ผ่านมาคงมีคนได้ครองโลกทั้งใบแล้ว และคงมีทายาทสืบทอดต่อรุ่นต่อรุ่นไม่ปล่อยให้ใครมาครองแทนหรือมีคิงแต่ละอาณาจักรหรอก จริงมั้ย?"
"ก็...อาจจะใช่ แต่ก็มีคนต้องตายเพราะมันมาแล้วนี่ มันช่าง...น่าขำอะไรอย่างงี้นะ ฮะๆๆๆ" เธอแค่นหัวเราะ
"เป็นญาติเธอเรอะที่ตายน่ะ?"
"เปล่า...แต่...เป็นพ่อ...กับแม่ฉันเอง"
"พ่อแม่เธอ!?" เขาอุทาน แล้วคิดทบทวนอยู่หลายตลบ
"เฮ่ๆ อย่ามาบอกนะว่า พ่อแม่เธอคือคิงควีนแห่งอัสรานเนียองค์ก่อนน่ะ กษัตริย์คริสเตียนที่ 2 แห่งราชวงศ์มาร์เซยแยส"
"ใช่"
"มิน่า นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกเรื่องแรกที่ฉันเจอตอนมาอยู่ที่นี่ เมื่อเช้าวานนี้ฉันบังเอิญไปนั่งบาร์ในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ข้างๆกันมีเด็กหนึ่มคนหนึ่งใส่ชุดแบบเดียวกันกับเธอเปี๊ยบเลย เพียงแต่สลับสีเป็นดำอยู่ท่อนบน ขาวอยู่ท่อนล่าง เห็นนั่งเหม่อๆยังไงก็ไม่รู้เลยชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย จนสุดท้ายก็ถึงได้รู้แหละว่าหมอนั่นก็มาตามหากุญแจพิลึกๆนั่นเหมือนกัน ไม่น่าเชื่อว่าวันนี้ก็มีคนร่วมทางสายเดียวกันมาด้วย แถมสีเสิ้อผ้าก็เหมือนกันอีก" ปกรณ์หยุดเดินแล้วชี้ไปที่ร้านร้านหนึ่งซึ่งดูรูปแบบการตกแต่งแล้วคล้ายกับอยู่ในยุคของคาวบอย
"ร้านนี้แหละ"
"ปกรณ์...?"
"เรียกกอร์นเฉยๆก็ได้ ไม่ถือหรอก"
"กอร์น ถัดจากเมืองนี้ไปเป็นเมืองอะไร?"
"ทิศเหนือเป็นมหารณพบรรจบหนึ่งเดียว ทิศตะวันออกเป็นสองหัตถ์เมตตา ทิศใต้เป็นเศวตหงส์งามสง่า ทิศตะวันตกเป็นบุษบาประณตนภาลัย"
"ชื่อแปลกๆดี" แซมมวลพูดขึ้น
"ไม่หรอก ชื่อมันคล้องจองกันอยู่ งั้นจะสาธยายให้ฟัง ฟังดีๆล่ะนาย 'เมืองแห่งการประลอง สองหัตถ์เมตตา ศึกษาศาสตร์ดำรง เศวตหงส์งามสง่า พาณิชยวัฒน์ มหัศจรรย์เทคโนโลยี วารีธรรมนำศานติ ศิขรินพิชิตฟ้า พงพนามรกต บุษบาประณตนภาลัย ทะเลทรายสุดนัยนา มหารณพบรรจบหนึ่งเดียว'"
"แล้วคนที่นายสนทนาด้วยเมื่อวานนี้ เขาบอกหรือเปล่าว่าจะไปไหน?"
"เอ...จำได้ว่าเขาพูดว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เห็นว่าจะลงใต้ไปเศวตฯนะ"
"ก็ดี งั้นเราจะลงใต้กัน" คำตัดสินลงได้ในทันทีว่าจะไปทางใด
"ประเดี๋ยวก่อน ทำไมเราไม่เดินทางไปให้ครบทุกเมืองทีเดียวเลย แทนที่จะข้ามไปโน่นข้ามไปนี่แล้วค่อยย้อนกลับมาทีหลังล่ะ?" โจนาธานออกความเห็นเชิงคำถามให้พิจารณาใหม่ดูอีกรอบ
"มันจะไม่ดีกว่าหรือ?"
"แล้วถ้าแทสมันหาพบก่อนแล้วได้มันไปล่ะ จะว่าไง?" ทาเทียน่าย้อนกลับมาถามบ้าง ด้วยปัญหาที่เจ้าชายซานาร์กันด์จะทรงตอบได้ยาก แต่แล้วก็เหมือนมีแสงสว่างประกายวาบขึ้นในสมอง ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
"แทสมันจะไม่ยังได้มันไปง่ายๆแน่ ถึงแม้ว่าเขาจะมาก่อนเราก็ตาม แต่คุณหนูลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง คุณหนูยังมีเพื่อนคุณหนูมิใช่หรือ? พวกนั้นอาจจะ ไม่สิ ต้องมาที่นี่ก่อนแทสมันแน่นอน พวกนั้นเก่งพอที่จะหาข้อมูลได้ ฉันมั่นใจและเชื่อใจพวกเขา เอาเกียรติเป็นประกันเลย"
* * * * * * * *
'ฉันจะลงใต้ แหล่งข่าวจากที่นั่นน่าจะมีอยู่บ้างไม่มากก็น้อยแหละ'
'งั้น ไหนๆนายก็ให้ฉันเป็นเพื่อนร่วมเดินทางด้วยแล้ว ฉันไปด้วย'
'ไม่ได้! นายต้องรออยู่ที่นี่ ฉันจะฝากงานให้นายทำ'
'อะไรล่ะ?'
'พรุ่งนี้ จะมีเด็กหญิงคนหนึ่งถูกขโมยถุงเงิน นายต้องช่วยเธอและพยายามร่วมเดินทางไปกับกลุ่มเธอให้ได้ เข้าใจไหม?'
'ฉันไม่รู้ว่าต้องทำไปทำไมนะ'
'งั้นก็รู้ไว้ เด็กหญิงคนที่ใส่ชุดเหมือนฉันแต่สีสลับกันนั้น เป็นเจ้าหญิงแห่งอัสรานเนีย'
'น้องของนายล่ะสิ'
'เปล่า จะว่าเป็นแฝดก็ไม่ใช่ เราเกิดวันเดือนปีเวลาตรงกัน แต่เธอเป็นลูกสาวของอาฉันที่เคยเป็นคิงองค์ก่อน ก่อนที่พ่อฉันจะมาชิงบัลลังก์ไปแทน'
'นายจะให้ฉันคอยขัดขวางการเดินทางของเธอ...?'
'ไม่ใช่ ฉันจะให้นายคอยช่วยเหลือเธอแทนฉัน อีกอย่างถ้าฉันมีเบาะแสอะไรก็จะได้ติดต่อถึงนายและนายก็ได้บอกเธอได้ เข้าใจ?'
'นายนี่แปลกคน บัลลังก์อยู่แค่เอื้อมทำไมคิดจะยกให้คนอื่นล่ะ?'
'คนอื่น? เปล่าเลย มันควรจะตกเป็นของนิค พี่ชายเธอเสียด้วยซ้ำ พ่อฉันไม่น่าโลภมากขนาดนั้น ฉันเพิ่งรู้เหตุผลที่ท่านปู่ยกเก้าอี้ให้ท่านอาแทนพ่อฉันแล้ว ฉันเพียงต้องการช่วยเหลือ ต้องการช่วยเท่าที่ทำได้ และก็ตั้งใจว่าจะหาทางเวนคืนให้สักวันด้วย'
'นายนี่มัน...คนดีจริ๊งเลย งั้นฉันจะบอกเอาให้ว่านายพูดแบบนี้'
'ที่สำคัญ นายแค่บอกว่าเคยคุยกับฉันและรู้ว่าฉันจะลงใต้เท่านั้นพอ ฉันต้องการให้หญิงทาทาเข้มแข็งขึ้นกว่านี้ ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาแพ้ทางให้กับคนประเภทฉัน'
'เข้าใจแล้ว ฉันจะทำตามที่นายบอก'
'อย่าให้ใครจับพิรุธนายได้ละกัน'
นี่คือสิ่งที่แทสมันกำชับมาเมื่อวาน มันทำให้ปกรณ์เริ่มไม่แน่ใจในข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าชายพระองค์นี้เสียแล้วว่าจะเป็นเชื้อไม่ทิ้งแถว พระเจ้าชาร์ลส์ที่สามกับเจ้าจอมมารดาคามิลล่าเป็นที่รู้จักกันทั่วไปถึงพระอุปนิสัยไม่สู้จะดีนัก ทำให้เจ้าชายแทสมันถูกมองว่าได้รับพระโลหิตจากสองพระองค์ทำให้ไม่ดีเป็นสองเท่า โดยมีตัวอย่างอันมาจากเจ้าหญิงฝาแฝดผู้เป็นพระเชษฐภคินี แต่จากการที่สังเกตอากัปกิริยาจากการสนทนาและสัญชาตญาณของนักฆ่า เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าใจจริงแล้ว หมอนี่เป็นลูกไม้ที่หล่นไกลต้น ไกลเสียจนถึงขั้นอาจจะถึงคนละซีกโลกด้วยซ้ำ
'มีอะไรอีกมั้ย?'
'ฮืม...นายอาจไม่เชื่อฉันก็ได้...แต่ก็รีบใช้ชีวิตที่นายต้องการให้สนุกเต็มที่และคุ้มค่าที่เกิดมาก็แล้วกัน'
'เฮ้ย! พูดเป็นลาง'
'ใช่ นายจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แปดปีหลังจากนี้นายก็จะพบสุสานที่สวยงาม เป็นที่ฝังร่างนายโดยคนที่นายรักและรักนายเป็นผู้สร้าง'
'ใคร?'
'เอาไว้ถึงตอนนั้นก็จะรู้เอง'
และนี่เป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจเขามาตั้งแต่เมื่อวานนี้ เขาจะตายเมื่ออายุยี่สิบ ช่างเป็นช่วงชีวิตที่สั้นนักและน่าเสียดายที่ต้องจากไปก่อนวัยอันควร ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนทักเขาแบบนี้ แต่ก็ทำให้เขามั่นใจในคำนายนั้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ เขาไม่ได้รู้สึกกลัวเลย ในวิถีชีวิตแบบมือสังหาร มีผู้จ้างวานและผู้รับคำสั่ง ได้เอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงไม่รู้ตั้งกี่ร้อยหน วันหนึ่งวันใดข้างหน้าแม้ไม่ถูกฆ่าบ้างก็คงต้องแก่ตายไปเอง ไม่ช้าก็เร็ว จะหวั่นอะไรนักหนาถ้ามันจะใกล้เข้ามาเพียงระยะเวลาอีกไม่ถึงทศวรรษ ความจริงเขาก็อยากรู้รายละเอียดว่าชีวิตข้างหน้าในวัยรุ่นนี้จะเป็นยังไงบ้าง เขาควรทำอย่างไรหรือทำอะไรให้หายห่วงก่อนลาจากโลกอันสวยงาม ที่สำคัญคือ เขาจะมอบหัวใจที่มีอยู่เต็มสี่ห้องให้กับใคร แต่ก็มิได้เอ่ยปากถามเพราะถูกตัดบทไปและเจ้าตัวก็พลันลุกออกจากบาร์ไปด้วย ปกรณ์จึงละความปรารถนานั้นแล้วหันมาสนใจกับคำประท้วงจากท้องของตนแทน เขาไม่รู้เลยว่า แทสมันได้หันกลับมามองพลางทำปากขมุบขมิบคล้ายจะพูดอะไรออกมา
'ฉันน่ะ พยายามหนี ไม่ให้มีวันให้มาโคจรเจอนายได้ จนแล้วจนรอดหรือฟ้าลิขิตวงล้อแห่งโชคชะตาหมุนไปหรือไง นายก็เป็นฝ่ายมาหาฉันเองโดยไม่รู้ตัว นายมันปีศาจในคราบเทวา นายนำความสุขกับความทุกข์มาให้คนในตระกูลฉัน และจากไปพร้อมกับรอยยิ้มและน้ำตา หึ ทรายในนาฬิกาเริ่มไหลลงแล้ว!'
* * * * * * * *
กอร์น...กอร์น...ปกรณ์...
"กอร์นี่!" เพราะชื่อเรียกชวนขนหัวลุกสำหรับเขา หรือน้ำเสียงที่ค่อนข้างแปร่งหูไปหรืออย่างไรก็ไม่ทราบที่ฉุดเขาก้าวออกมาจากห้วงความคิด เห็นแซมมวลโน้มตัวลงมานิดหน่อยเพื่อให้ความสูงอยู่ในระดับที่เท่ากัน เขามองหน้าเห็นฝ่ายตรงข้ามขวมดคิ้ว
"จ้องหน้าฉันทำไมน่ะนาย?" คนคิ้วเป็นเลขแปดถาม
"ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่นา ใจลอยไปหาใครเอ่ย" ผู้สูงวัยกว่าเย้าแหย่
"มั่วและๆ" ปากก็รีบปฏิเสธทันควัน แต่สมองก็ยังหวนนึกถึงคำพูดของแทสมันอยู่ดี
'สุสานโดยคนที่นายรักและรักนาย'
เฮ้ยๆ ไม่สมกับเป็นนักฆ่าเลยไอ้กอร์น เลิกคิดๆ
"เอ่อ...ทา...ทาเทียน...น่า..." เจ้าตัวพยายามเอ่ยนามเด็กหญิงผมสีน้ำตาล
"เรียกาทาทาเฉยๆก็ได้ ไม่ถือหรอก" เธอย้อนประโยคเดิมกลับมา
"เอ้อ...ไม่ได้ ข้อแรก ฐานะฉันกับเธอต่างกัน ข้อสอง ฉันไม่ใช่เพื่อนสนิทเธอ ข้อสาม ฉันให้เกียรติสุภาพสตรีดีพอที่จะไม่เรียกชื่อเล่นห้วนๆแบบนั้น"
"งั้นก็ธัญญ่าละกัน ใครๆก็เรียกฉันแบบนั้น"
"เพราะมีคนเรียกชื่อนั้นมากเกินไป ดังนั้นฉันจะไม่เรียกชื่อนั้นเด็ดขาด"
"เรื่องมากจริง!" เป็นธีโอดอร่าอีกตามเคยที่โพล่งออกมาคล้ายจะหมดความอดทน
"เงียบน่า อาย-อาย" เขาเรียกชื่อแม่ตัวยุ่งเสร็จสรรพโดยไม่รอขออนุญาตจากเจ้าของ
"เฮ่ยๆ มาตั้งชื่ออะไรวะ งี้มีเฮ" แม่เสือเริ่มตาลุกวาว
"เฮ!" โจนาธาน แซมมวล และทาเทียน่ารีบสนองความต้องการ
"ฮี!" ทำปากเบ้แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
"เท็ดดี้ เป็นชื่อตุ๊กตาหมี มันอ่อนหวานไปไม่สมกับคนอย่างเธอ ฉันเลยนึกได้ว่า มีเพลงหนึ่งที่ลิงชื่อ อาย-อาย ก็เลยเรียกเธอตามนั้นดีกว่า ส่วนเธอ เจ้าหญิงเล็ก ฉันจะเรียกเธอว่า ทาเที่ยน"
"แล้วมันต่างกับทาเทียน่าตรงไหนเนี่ย แค่ตัดตัวอักษรท้ายไปตัวนึง" แซมมวลหันมาพูดกับโจนาธานซึ่งยืนทำหน้ายิ้มๆ ไม่รู้ว่าข้างในรู้สึกยังไงกันแน่
"ต่างซิ ต่างมากด้วย" เขาไม่ยอมอธิบายต่อพลางก้าวฉับๆเดินนำไปเฉยๆ เหล่าผู้ที่ยืนงงเป็นไก่ตาแตกบางคนเริ่มสงสัยขึ้นมาบ้างนิดหน่อยว่า หมอนี่เต็มบาทหรือเปล่า
"นี่ ทำไมเรียกฉันว่า ทาเที่ยนล่ะ?" เจ้าของชื่อใหม่ถาม เขาเพียงหันมามอง แม้ปากจะเผยอคล้ายจะบอก แต่ก็เห็บมันกลืนลงคอเสียสิ้น แล้วก็หันกลับไป
"ไว้ถึงเวลาแล้ว...ก็ได้รู้เอง ไม่ต้องรีบหรอก" ซ้ำยังดุกลับมาเสียอีก
หนอย! ไอ้นักฆ่าปากจะพาไปตาย ระวังไว้เถอะ แม่จะจัดการซะหงอไปเลย
"ในระยะเผาขนแบบนี้ เธอไม่น่ารีบปล่อยความคิดร้ายๆนั่นออกมาเลยนะ ประเดี๋ยวเขาจะรู้ตัว เธอนั่นแหละจะลำบาก" ปกรณ์เตือนแม้ไม่หันมามอง ทำเอาผู้ถูกชี้แจงถึงกับตาโตเหมือนตะลึงและตกใจในคราเดียวกันที่ได้เจอผู้ช่ำชองตัวจริงเสียงจริง
ดูท่า แม่ธีโอดอร่าจะเจอคู่ปรับซะแล้ว มันส์พะย่ะค่ะล่ะทีนี้
แซมมวลคิดในใจพลางกระหยิ่มยิ้มแย้มกับตัวเอง
ศึกปะทะครั้งนี้ยังอีกยาวนานนัก นี่เพิ่งจะเริ่มโหมโรงเท่านั้น นี่ถ้าเจ้าโซระอยู่ด้วยนี่ มีหวังสนุกเป็นกองแหงๆ
ไม่มีใครล่วงรู้ว่า ภายใต้ใบหน้าที่จะแสดงออกเป็นแบบเดียวทุกสถานการณ์นั้นได้ซ่อนความรู้สึกไว้อย่างแนบเนียน นัยน์ตาสีเขียวใสแต่เดิมจะค่อนข้างไร้แววกลับมีบางอย่างปรากฏขึ้นมาอย่างประหลาด มันไม่ใช่แววตาของผู้ที่เป็นนักฆ่าพึงจะมีได้ หากไม่ใช่เรือนผมสีถ่านที่พลิ้วไหวไปตามสายลมมาปิดบังไว้ล่ะก็ คงจะมีใครสักคนสังเกตเห็นถึงดวงตาอันเป็นประกายระยิบระยับประดุจดวงดารายามราตรี ยังซ่อนความนุ่มนวลและอ่อนหวานที่ส่งความรู้สึกอบอุ่นละมุนละไมแทนที่จะเป็นเย็นชาตายด้าน อีกรอยยิ้มที่มุมปาก แม้จะเพียงน้อยนิดแต่ถ้าหากหญิงสาวทั่วไปได้ทัศนาคงใจละลายปลื้มจนวันตาย เหล่านี้ล้วนเป็นลักษณะที่ไม่เคยมีใครเห็นเลยตั้งแต่เขาเกิดมา แม้แต่บรรดาคนในครอบครัวเขาก็ตาม
ความคิดเห็น