ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Les Keys

    ลำดับตอนที่ #4 : III ที่มาและที่ไป

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 48


         นัยน์ตาสีเทาอันเย็นชาจับจ้องมาพร้อมกับไอยะเยือกที่มุ่งหมายพิฆาตเหล่าบุคคลผู้อยู่ตรงหน้า   แปรเปลี่ยนความรู้สึกที่คุ้นเคยไปเป็นคนแปลกใหม่   แต่ละก้าวที่ย่างมาล้วนเบาสนิทผิดไปจากเดิม

         แสงสีน้ำเงินและแดงเปล่งประกายส่องเป็นแนวเดียวกัน   ชักจูงคนสองคนให้เดินเข้ามาใกล้ๆ ด้วยสายใยแห่งความผูกพันตั้งแต่อดีต

        

         “แพท...แพทใช่มั้ย?”

         “พี่ครับ...”

        

         ยังไม่ทันจะจบบทอารมณ์ซึ้ง   ศีรษะของแพทริคก็ถูกผลักออกไปเต็มแรงจนเจ้าตัวเซถลา   หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความงุนงงกับการกระทำของผู้เป็นพี่สาว



         “หาตัวซะตั้งนาน ที่ไหนได้   มาสุขสบายที่นี่นี้เอง   เฮอะ” คนที่เริ่ม ‘พื้นเสีย’ ย่นจมูกอย่างไม่สบอารมณ์

         “โธ่! พี่ครับ   ผมก็เรียนด้วยนะ”

         “ไม่เรียนก็โง่สิยะ”

         “พี่ครับ   ผมต้องทำงานด้วยนะ”

         “งานอะไร?”

         “ก็...” เจ้าชายน้อยบุ้ยใบ้พระโอษฐ์ไปทางเจ้าชายโจเซฟ

         “ช่วยท่านจอช”

         “ช่วย?” คำถามหมายคาดคั้นเอาความให้ถึงที่สุด



         เอาล่ะนายเอ๋ย   แก้ตัวดีๆแล้วกัน...โจนาธานแอบหัวเราะอยู่ในใจ



         “ก็...แหม   อาเจ๊ง่า   นิดๆหน่อยๆ ไม่มากร้อก” โจเซฟพยายามลดความตึงเครียดลง   แต่ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผลเลย   ซ้ำร้ายยังยิ่งโหมกระพือไฟอ่อนๆให้ยิ่งรุนแรงขึ้น

         “ที่ไม่มากน่ะมันอะไร?”

         “ก็...ง่า   อย่าเพิ่งเครียดซี   งานเล็กๆขี้ปะติ๋วเอ๊ง” พูดพร้อมออกไม้ออกมือทำท่าทาง

         “เถอะจ้ะแม่หนู   จอชเค้าคงเห็นความสามารถของแพทก็เลยให้ช่วยแหละ   ไม่มีอะไรมากหรอก   สบายใจเถอะ” หน้าที่ขัดตาทัพคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพระจักรพรรดินี

         “แล้วนั่น   ท่านจะเดินไปไหนคะ?” ทูลถามพระจักรพรรดิซึ่งกำลังจะทรงย่องหนีออกจากห้อง

         “เอ้อ...แหะๆ   จะไปห้องน้ำหน่อยน่ะ”

         “แต่ต้องไปทางนี้ไม่ใช่เหรอ?” ทรงชี้ไปในทางตรงกันข้าม

         “ก็...”

        

          “เอ๊ะ! คุณลุงคนนั้นนี่” ทาเทียน่าร้องอุทาน

         “เอ๋!” หลายคนอุทานพร้อมกันด้วยความประหลาดใจและสงสัย

         “ลุงเท็ดด์!”

         “แหะๆๆ   ฟามแตกจนได้”

         “นี่หรือว่า...” โจเวียลิลเอ่ยขึ้นบ้าง

         “ท่านพ่อรู้จักเธอ” โจเซฟต่อให้เสร็จสรรพ

         “ก็...” ทรงอ้ำอึ้งพลางเบือนพระพักตร์มายังโอรสองค์โต

         “ง่า   อาป่าป๊าก๊ออยากเห็นเห็งง่าลูกซาพ้ายเร็วๆ   ก็แหม ออกจาน่ารักซะขนาดนี้   อย่าคิดมากซี”



         เฮ้อ!

         เสียงถอนหายใจมาจากแฝดสามองค์ที่ยอมถอดใจไปกับข้อแก้ตัวของบิดา   แม้ว่าจะข้างๆคูๆแต่ก็ต้องยอมรับในความสามารถแบบปลาไหลที่ตามไล่ดักจับไม่ทัน   ส่วนมารดาก็หัวเราะคิกคักชอบใจ



         “ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ?” คนที่เกี่ยวข้องโดยตรงถาม

         “ก็...ตอนที่มีข่าวเรื่องเอ็นลิลน่ะแหละ   ก็เลยอยากรู้จักเจ้าตัวเขา   ไม่คิดว่า...”

         “ไม่ใช่ท่านวางแผนเรียบร้อยแล้วรอให้หมากเดินตามที่คิดหรอกนะครับ” ลูกชายดักคออย่างรู้ทัน

         “ก็...ฮ่ะๆๆ   สมแล้วที่ดูไม่ผิด   เจ้านี่เหมาะสมกับตำแหน่งรัชทายาทจริงๆ   ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วก็ทรงเฉไฉไปเรื่องอื่นจนได้



         เหมือนกัน   ทั้งพ่อทั้งลูก...ทาเทียน่าคิด



         “ไหนๆก็อยู่พร้อมหน้าแล้ว   รู้ภารกิจกันทั้งคู่   ควรจะเตรียมตัวออกเดินทางได้แล้ว”

         “แล้วจะให้ไปหาที่ไหนล่ะคะ?”

         “เออ นั่นสิ   ลุงลืมคิดไปเลย   ดีมากๆ   ไม่เสียทีที่เป็นลูกสะใภ้”

         “ท่านพ่อ! / ลุงคะ!”

         “ล้อแค่นี้เอง   เข้าเรื่องต่อ   ที่ที่จะไปหาน่ะมันไม่มีอยู่บนแผนที่หรอก    แต่มันเป็นโลกอีกโลกหนึ่ง   ทางเข้าออกจะพิสดารอยู่หน่อยแต่ก็มีอยู่ทุกแห่งแหละ”

         “ทุกแห่ง?” ลูกสาวพึมพำออกมาด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง

         “ใช่   ทุกแห่ง   คืนนี้เราจะไปส่งด้วยกัน”

         “คืนนี้!” ทุกคนอุทานประสานเสียงพร้อมเพรียงกัน

         “ใช่ คืนนี้   ยิ่งช้าก็ยิ่งเสียงาน”

        

         “แต่...” พระจักรพรรดินีทรงแย้งขึ้น

         “กะทันหันเกินไปนะคะ   ลูกยังไม่ได้พัก   ยังไม่ได้เตรียมของสัมภาระ   ไหนจะเครื่องมืออุปกรณ์”

         “กังวลเกินไปน่า โจแอนนา   ไม่เห็นจะต้องหอบอะไรไปเยอะเลยนี่   เป้หนึ่งใบก็เกินพอแล้ว” กระแสพระราชดำรัสตอบพระนางเจ้านุ่มนวลอ่อนโยน

         “ไปถึงที่นั่นแล้วก็จะรู้เองว่าควรจะทำยังไงต่อไป”

         “ทำยังกะท่านไปมาแล้วงั้นนี่” ลูกชายคนรองประชดขึ้น

         “ตาแหลมนี่จอช”

         “หรือว่า...?”

         “ถูกต้อง   พ่อเคยไปมาแล้ว   ต้องโทษคริสเตียนที่ลากไปเป็นเพื่อนสำเร็จ   เฮ้อ! เกือบไม่รอด” ทรงเล่าเรื่องในอดีตเมื่อเกือบสามสิบปีก่อนมาแล้ว

         “ไม่ต้องห่วงน่า   แค่สี่ปีเอ๊ง   ถ้าสามารถพอก็สามปีครึ่ง   ทางนี้เดี๋ยวจะออกประกาศให้”



         สะ...สี่ปีเอง...หรือ...ท่านพ่อพูดมาได้ไง   ผมจะไม่ได้อยู่ที่นี่ตั้งสี่ปีต่างหาก



         “นี่ก็จวนจะสามทุ่มแล้ว   ไปเตรียมตัวเถอะ   จอช เราไปตามใครก็ได้ให้มาเอาคำสั่งพ่อไปส่งเสมียนที   จอล เราไปหาเสมียนคนไหนที่ยังตื่นอยู่ให้รอรับงานด้วย   เอ้านี่ ห้าโฟล์คสวาเก้นเป็นค่าเสียเวลา   โจแอนนา เธอจะไปคุยกับจอนก่อนก็ได้” แล้วพระจักรพรรดิก็ทรงหันพระพักตร์มาหาอีกสองคนที่เหลืออยู่

         “แพท   เราไปนอนได้แล้ว   เรื่องร่ำลาคิดว่าไม่จำเป็น   ใช่มั้ย?”

         “ครับ   พี่หญิง โชคดีนะครับ   ราตรีสวัสดิ์ครับ” เจ้าชายแพทริคเสด็จออกไปอีกองค์



         “เห็นมั้ยวิธีไล่คน    ลุงล่ะชำนาญ   มานั่งนี่สิ   คุยสะดวกๆหน่อย   ทำเหมือนที่เคยทำนั่นแหละ   อย่ามาเสียเวลาสำหรับพิธีรีตอง   ลุงไม่ชอบมาตั้งแต่เด็กแล้ว” มิเพียงตรัสเปล่า   ยังทรงเหยียดพระชงฆ์ตามอีกด้วย

        

         “เอาเอ็นลิลมานี่สิ   จะบอกความลับสำมะคัญให้   ก็อย่างที่รู้ๆกันแหละว่ามันเป็นอาวุธธาตุลม   ทั่วไปแล้วก็ดูไม่พิเศษอะไรหรอก   แต่ถ้ารังเพลิงส่วนที่ใช้ปลดปลอกกระสุนออกมา    มีไอ้นี่” ทรงสอดวัตถุทรงกระบอกสีฟ้าลงร่องตรงกลาง

         “ปืนอื่นก็อย่าหวังมาเทียบชั้นซะให้ยาก   ถ้ามีอันต้องเสียไปล่ะก็   เก็บไอ้นี่ไว้ก็พอ   เรื่องทำโทษเมื่อไหร่ก็ได้   เพราะยังไงๆเราก็อยู่ที่นี่อยู่แล้ว” พระพักตร์เจ้าหญิงน้อยขึ้นสีชมพูจางๆ   แต่แล้วความคิดแผลงๆก็แล่นเข้ามา



         ยังอีกนานกว่าจะถึงตอนนั้น...แต่งกับใครไปแล้วก็ชิ่งก็ได้



         “จะลองดูก็ได้   วิธีนั้นก็ไม่เลวเหมือนกันนะ”

         “นิสัยไม่ดี”

         “ดีแตกต่างหาก แม่ตัวร้าย   นี่ถ้าคริสเตียนยังอยู่ล่ะก็คงภูมิใจแย่   ลูกสาวคนเดียวที่หวงยังกะไข่ในหิน   ปีนี้สิบสองแล้วใช่ไหมล่ะ   กลับมาก็เรียนต่อให้จบ   หลังจากนั้นจะเปิดศึกก็ค่อยว่ากันไป”

         “ทาทากลับมาแน่   ลุงคอยดูเถอะ”

        

         “เออ ลุงเชื่อ   เราน่ะเชื้อไม่ทิ้งแถว   หน้าเหมือนพ่อ   ตาดุเหมือนย่า   เสียแต่มีสีเทาเหมือนแม่เลยดูน่ากลัวเข้าไปใหญ่   แม่เราน่ะ   งามหยาดฟ้ามาเยือนดินทีเดียว   ใครเห็นใครก็รัก   ลุงยังอดนิยมชมชอบไม่ได้เลย   แต่เธอไปติดใจเจ้าชายสุดทะเล้นอย่างคริสเตียนเข้า   ลุงเลยถอนตัวดีกว่า   เพื่อนกัน   ทีนี้คนที่ยังดื้อดึงอยู่ก็เหลือแต่ชาร์ลส์   รายนั้นโกรธเป็นไฟ   หาว่าข้ามหน้าข้ามตามกุฎราชกุมาร   คิดใช้อำนาจเข้าช่วงชิง   เกือบแตกกันเลยล่ะ   พวกเราที่เข้ากับรายแรกก็อุตส่าห์ช่วยเต็มที่   จวนจะพลาดท่าเพราะอยู่ๆคิงโทเคย์   ปู่เราน่ะก็ส่งไปอีกโลกหนึ่งโดยไม่บอกไม่กล่าวอะไรซักกะนิด   ผ่านมาอีกปีถึงค่อยรู้แหละ   พอกลับมาท่านก็ยกเก้าอี้ให้   ฮ่ะๆๆ มันส์พะย่ะค่ะล่ะทีนี้   พวกเราดีใจจนตัวแทบลอยก็เมื่อรู้ว่าราชินีท่านทรงตั้งพระครรภ์   สะใจล่ะที่จะเขี่ยรายนั้นตกกระป๋องไปได้ซะที” ราชาธิราชทรงเล่าเรื่องเก่าๆอย่างสนุกสนาน



         “เรามาชุมนุมกันพร้อมหน้าในวันที่แฝดสองคนนั่นเกิด   รายนั้นเหมือนตกนรกเมื่อรู้เหตุผลที่ว่า มารับขวัญรัชทายาท   คงเก็บแค้นหมักโหดเอาไว้อีกตามเคย   พอพระบิดาสวรรคตก็เริ่มออกลาย   แต่ยังไม่เด่นชัดมากหรือเป็นเพราะเรามาชุมนุมกันอีกตอนเจ้าแพทเกิด   เฮ้อ! ใครจะไปคิดล่ะว่าอีกห้าปีต่อมาจะก่อการกบฏเข้า   น่าสงสารคริสเตียนที่ปีนั้นประชาชนก็เอากะเขาด้วย   แผ่นดินแห้งแล้ง   ข้าวยากหมากแพง   แต่ก็ใช่ว่าจะไม่แก้ปัญหา   เพียงแต่ว่าความหิวมันบังตาจนมิด   ถึงจะสะสางเกือบเสร็จก็ตาม”



         “ก็อย่างที่รู้แหละ   ฆ่ากันแต่เหลือหน่อ   ตอนนี้คงนั่งเป็นสุขหรอก   อ้า   สามทุ่มครึ่งแล้วเหรอ   ไปจัดของเถอะไป   แล้วห้าทุ่มครึ่งค่อยมา   เก็บซากหุ่นเราไปด้วยเสียล่ะ   ฝีมือยังเด็กๆ”  

         “งั้น   ขอคำถามสุดท้ายนะลุง”

         “ว่ามาสิ   ถ้าตอบได้ก็ตอบ”

         “ลุงช่วยอธิบายข้อตกลงหน่อยสิ”

         “ข้อตกลง?”

         “ก็   ข้อตกลงง่ะ   ทำไมทาทาต้องมาเป็นสะใภ้ลุงด้วย?” ประโยคท้ายตวัดเสียงห้วน

         “อ้อ    ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง   ไม่เห็นจะมีอะไรมาก   ก็แค่แลกตัวเท่านั้น”

         “แลกตัว? เท่านั้นเนี่ยนะ?”

         “ใช่ ไม่มีอะไรมากหรอก   ไปเถอะ”



         ในเมื่อทำอะไรไม่ได้   ไปทำงานอื่นที่เหลืออยู่จะคุ้มกว่า   เจ้าร่างเล็กจึงผงกศีรษะแล้วเดินออกไปอีกคน



         “เฮ้อ! เฉลียวใจดีจริง   ฉันพยายามอย่างที่สุดแล้วนะที่ช่วยลูกนายน่ะ คริส   ยังไงๆก็ช่วยให้เรื่องลวงๆดำเนินไปได้ด้วยดีเหอะ   รู้น่าว่าหวง” รับสั่งเบาๆกับผู้ที่อยู่ในรูปถ่ายใน ‘ชุดลำลองท่องชลา’   บุรุษผู้มีดวงหน้าคมคาย   คิ้วเข้มหนาพาดยาวเหนือนัยน์ตาสีถ่านที่เต็มไปด้วยประกายแห่งอำนาจ   สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีฟ้าทับเสื้อยืดลายท้องทะเลกับกางเกงขาสามส่วนสีขาวและรองเท้าแตะสีดำ   เป็นภาพที่ประทับอยู่ในความทรงจำสำหรับพระจักรพรรดิผู้ถูกสหายสนิทกอดคออย่างสนุกสนาน   เมื่อครั้งกษัตริย์หนุ่มองค์นี้เสด็จประพาสต้น ณ หาดซาลาฟ



         “เรื่องเจ้าแพทก็อย่าห่วง   อยู่ทางนี้ฉันจะดูแลให้ดีทีเดียว   ฝากบอกหญิงวิสเทเรียด้วยล่ะเพื่อน”





                                                                            * * * * * * * * *





         “เที่ยวกลางคืนมันไม่ดีนะคุณหนู” เสียงเอื่อยๆดังมาจากข้างหลังเด็กหญิงผู้ที่กำลังวุ่นวายอยู่กับการจัดสัมภาระ

         “หรือจะให้ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานกราบทูล ทราบฝ่าพระบาทว่า เพลานี้สมควรแก่การเข้าบรรทมแล้วดีล่ะพะย่ะค่ะ?”



         ทาเทียน่าหับขวับไปมองในทันใด   แต่เจ้าตัวก็ยังนั่งขัดสมาธิกอดอกอยู่อย่างเดิมโดยไม่มีทีท่าทุกข์ร้อนแต่อย่างใด



         “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

         “นานแล้ว   แต่เพิ่งมาแน่ใจเอาเมื่อวานนี้ที่พระจักรพรรดิทรงเรียกไปพบ”

         “จอนล่ะ?”

         “คงเพิ่งจะรู้แหละ”

         “เฮอะๆ ก็ใช่ว่าฉันก็จะไม่รู้ซักหน่อยว่าจอนเป็นเจ้าชาย”

         “หา!”

         “จริ๊ง   รู้มาตั้งแต่ที่เห็นหน้าแล้วล่ะมัง”

         “อุ๊แม่เจ้า!”

         “ไม่งั้นฉันจะสุภาพต่อเขาขนาดนั้นหรือ?”



         “เฮอะๆ สุดท้ายคนที่ถูกหลอกมากที่สุดคือเจ้าชายโจนาธาน   สมล่ะ”

         “แล้วนี่จะไปไหนล่ะ? อย่าบอกนะว่า...”

         “ถูกต้องนะคร้าบ   สามหัวดีกว่าสองหัว   ไม่สิ   สี่หัวดีกว่าสองหัวถึงจะถูก”

         “แล้วอีกคนล่ะใคร?”

         “สงสัยกำลังมา   นั่นไงล่ะ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นสามที   แซมมวลเดินไปต้อนรับผู้มาเยือนในยามวิกาลและก็เป็นหนึ่งในคณะเดินทางเช่นกัน



         “เท็ดดี้!” เสียงเรียกร้องขึ้นด้วยความดีใจตามด้วยร่างที่วิ่งเข้ามากอดราวกับโคจรมาพบกันหลังจากหายหน้าหายตาไปเป็นแรมปี



         เด็กหญิงรูปร่างผอมเพรียวในเสื้อยืดสีดำตัวโคร่งที่ขับเน้นให้ผิวยิ่งขาวเด่น   กางเกงขาสามส่วนสีครีมอยู่เหนือถุงเท้าสั้นและรองเท้าผ้าใบ

         นัยน์ตาสีน้ำเงินภายใต้ผมซอยสีโอทาตทำให้ดูเหมือนเป็นเด็กชายชาวซานาร์กันด์ทั่วๆไป   แม้กระทั่งกิริยาลักษณาการที่ออกจะหมื่นเกินหญิง

         ทาเทียน่ายอมรับ   ธีโอดอร่า พาราก้อน   คือเพื่อนสนิทที่สุดที่ยกระดับเป็นเพื่อนแท้ได้   ด้วยอัธยาศัยดีและมีอะไรๆที่เพื่อนหลายคนของเธอไม่มี



         “นี่ เจ๊   เจ๊รีบๆไปจัดของเร็วๆเลย   เวลาไม่คอยใครนะเจ๊นะ”

         “จ้าๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ว่าแล้วก็กลับไปนั่งพับผ้าต่อตามเดิม

         “ให้มันได้อย่างงี้ซิ   นี่ เจ๊   ถ้าเกิดเป็นเวลาฉุกเฉินนี่สงสัยคงได้เจออะไรต่อมิอะไรเพราะมัวแต่นั่งจัดให้เรียบร้อยแน่ๆ” ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเพื่อนแท้ นั่งบ่นกระปอดกระแปดคล้ายศัพท์ที่รู้ๆกันในกลุ่มว่า ยายแก่แร้งทึ้ง

         “ก็แหม   จะได้มีที่ว่างให้ใส่อย่างอื่นด้วยไง”

         “จะแบกไหวเรอะ?”

         “อื้อ   ไหวซีน่า”

         “ก็ตามใจ   ไม่งั้น   เอางี้ดีไหม   เธอมาช่วยเราจัดใหม่   แล้วถ้าจะฝากอะไรก็ใส่มาละกัน”

         “โห   เป็นพระคุณมากๆค่า”



         สองคนนี้...เป็นเพื่อนกันได้ยังไง   ดูต่างกันสุดขั้วสุดขอบฟ้า   แต่จะว่าไป   นิสัยบางอย่างก็คล้ายๆกันเหมือนแฝดคนละฝา  



         ผู้ที่ถูกละเลยยืนสังเกตอยู่เงียบๆ พลางใช้ความคิดวิจารณ์ไปในตัว



         อย่างเช่น...เสือสาวซ่อนเล็บในคราบนางแมวบ้านธรรมดาๆ!  



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×