ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Les Keys

    ลำดับตอนที่ #2 : I ข่าวใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 49


        

               "ธัญญ่า...ธัญญ่า..." ฝ่ามือหยาบกระด้างจับที่ต้นแขนของผู้ถูกเรียกพลางเขย่าตัวเบาๆให้ตื่นขึ้น

                "อือ..." เสียงครางในลำคอบ่งบอกการรับทราบและส่งปฏิกิริยาตอบรับ

                "ลุกยากจริงนะ   งั้นต้องใช้ท่าไม้ตายผ้าขนหนูพิฆาต" คนปลุกสมมุติตัวเองเป็นวีรบุรุษมาปราบปีศาจที่ชื่อ "ความเกียจคร้าน" ออกจากตัวคนนอนโดยเอาผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำแล้วเช็ดหน้า

               "ตื่นแล้วๆ" ฉันค่อยๆยันตัวเองขึ้นนั่งบนที่นอนที่ปูราบกับพื้นห้องอย่างช้าๆด้วยอาการตาสว่างเต็มที่เพราะน้ำเย็นๆจากวิธีการปลุกของจอห์น

               "เช้านี้จะกินอะไร   เดี๋ยวชั้นทำให้" เขาถามขึ้นทันที

               "โยเกิร์ตราดกล้วยมั้ย?"

               "อือฮึ" ฉันพยักหน้ารับ

                "งั้นก็รีบๆลุกได้แล้ว คุณหนู" เขาพูดทิ้งท้ายก่อนเดินออกไป

                "รู้หรอกน่าว่าตัวเองก็ขี้เซาเหมือนกัน...เจ้าชาย"

         

                ชีวิตฉันดำเนินในทิศทางแบบนี้มาได้สี่ปีแล้ว   นับตั้งแต่วันที่เขามาพบเอากลางป่าแล้วพากลับที่พัก   พอถูกถามชื่อก็ต้องโกหกไปว่า "ธัญญ่า   มาร์เซย" ใครจะกล้าบอกความจริงกันล่ะ   ในเมื่อกำลังถูกตามล่าอยู่   ส่วนคนที่ช่วยฉันและพามาที่นี่ก็คือ จอห์น ไรน์   ซึ่งในความจริงแล้วเขาคือ เจ้าชายโจนาธาน ธีโอดอเรวิช ไรน์คิลลุรินสก์แห่งซานาร์กันด์    แม้เขาจะปิดบังตัวตนที่แท้จริงไว้มากสักเพียงใดก็ตาม   ฉันก็รู้ได้เพราะพลังพิเศษในตัวฉันอันมีพลังของพลอยที่แม่ให้ไว้เป็นแรงเกื้อหนุน

         

                เมื่อลงมาข้างล่าง   ฉันก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อยที่มีแขกมาหาแต่เช้า   และคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแซมมวล ราฟโฟลินสก์   นักเวทย์ฝึกหัดแห่งซานาร์กันด์   ผู้เป็นสหายและคู่หูคู่ซี้ย่ำปึ้กของเจ้าชายจอน   พวกเขานั่งจิบชากันที่โต๊ะอาหารและเหมือนว่าจะคุยเรื่องสำคัญกันอยู่เพราะหน้าตาแต่ละคนดูยุ่งๆยังไงชอบกล

        

                "อ๊ะ!" หนึ่งในสองรู้สึกได้ถึงร่างของผู้มาเยือนทำให้หน้ากากถูกเปลี่ยนไปในทันทีอย่างรวดเร็ว   ไวดีจริงนะ

                "อรุณสวัสดิ์ฮะคุณหนู" แซมร้องทักโดยใช้สรรพนามเช่นเดียวกันกับที่จอนเรียกฉัน

                "อรุณสวัสดิ์แซม"

                "หนอย   ยัยตัวร้าย   ทีกับจอนเอ๊ยจอห์นล่ะพูดดีทำดีด้วย   ทีคนอื่นล่ะตวัดห้วนซะไม่มี" เขาโวยวายเอ็ดตะโรลั่นบ้านของคนอื่นแต่เช้า

                "เฮ้ย เบาๆหน่อย" จอนปรามเบาๆ

                "ไหนเล่าให้ฟังมาซิ   เอ็มเปอเรอร์ทำอะไรบ้าง"

        

                ฉันนั่งกินไปฟังไปอย่างเงียบๆ   ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้เรื่องที่พวกเขาคุยกันหรอกนะ   แต่เพื่อจับประเด็นข่าวสารต่างหาก   ฉันอายุสิบสองแล้ว   ไม่ได้ไร้เดียงสาซะหน่อย

        

                "เท่าที่ชั้นรู้มานะ   ท่านมีแผนจะยึดเมืองใหม่เพิ่มขึ้นอีก"

                "อาณาจักรไหนล่ะ?"

                "คิงดอม ออฟ อัสรานเนีย"

         

                ใจฉันวูบขึ้นวูบลงและดูเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะหนึ่ง   เลือดรักชาติสูบฉีดเดือดพล่านไปทั่วร่างกาย   มือที่ถือช้อนกำแน่นขึ้นและค้างท่านั้นนานพอสมควร      

         

                "เอ๊ะ! ก็ไหนว่าท่านเป็นมิตรกัน?"

                "มิตรน่ะใช่   แต่สำหรับคิงองค์ก่อนต่างหาก"

                "องค์ที่ถูกยิง?"

                "ใช่   คิงคริสเตียนและควีนวิสเทเรีย"

        

                กิ๊ง...

        

                เรี่ยวแรงทั้งหมดแห้งเหือดหายไปในทันที   ช้อนจึงตกลงใส่จานแก้วก้นลึกส่งเสียงแหลมดัง   เรียกความสนใจของคู่สนทนารวมทั้งสติของฉันกลับคืนมาพร้อมกันด้วย

         

               "เป็นอะไรรึเปล่าคุณหนู   หน้าซีดเป็นข้าวมันไก่เลย" แซมถามติดตลกด้วยสำนวนที่ดัดแปลงไปตามใจชอบ

               "ป...เปล่า   ไม่มีอะไร"

               "ต่อซิ   ว่าไงต่อ"

               "กลาโหมก็ค้านพอสมควรว่าไม่เคยมีใครรบชนะเข้ายึดแว่นแคว้นนี้ได้สักคน   ท่านก็ตอบกลับมาว่า   ช่วงนี้สถานการณ์ข้างในยุ่งเหยิง   พวกนกทั้งหลายกำลังซุบซิบเรื่องเหล่าพระหน่อที่รอดมาได้   ล่ะหรือที่คิงจะไม่รู้สึกร้อนๆหนาวๆกระสับกระส่าย   จึงไม่มีเวลามาสนใจประเทศหรอก"

               "ท่านประมาท"

               "เปล่าหรอก   ท่านมองออกแล้วต่างหากถึงหนทางที่จะช่วยเหลือบรรดาพระหน่อของมิตรท่านที่หายไป"

        

               "ยังไง?"

               "ท่านวางแผนยึดเมืองครั้งนี้   ท่านมองว่า หนึ่ง ท่านชนะการรบเอง และสอง ท่านชนะโดยการจำยอม"

               "อะไรที่ทำให้ท่านมั่นใจขนาดนั้น?"

               "ผู้บัญชาการทั้งสามเหล่าทัพ"

               "กะแล้วเชียว" ใบหน้าเริ่มคลี่คลาย ริมฝีปากถูกเหยียดออก

               "ก็ไหนบอกว่าไม่เคยมีใครยึดอาณาจักรนี้ได้ไงล่ะ?"

               "แต่ก็ไม่มีประวัติศาสตร์บรรทัดไหนเขียนว่า ผบ.แฝดสามที่เคยมีนั้นรบแพ้"

               "อ้างไม่ได้"

               "จริงแน่   เพราะทุกประเทศก็เป็นแบบนี้"

        

               เสียงหัวเราะดังก้องมาจากจอน   ไม่รู้ชอบอกชอบใจอะไรนักหนา

        

               "ตอนนี้   ท่านให้จอชไปดูลาดเลามาก่อน   ส่วนจอลกำลังสำรวจภูมิศาสตร์อยู่"

               "งั้นคืนนี้ชั้นจะไปธุระซะหน่อยละกัน"

               "ไปสิ   ทางนี้ชั้นจัดการเอง"

        

               อย่ามาทำเป็นว่าฉันไม่รู้เรื่องอะไรเทือกนั้นหรอก   ฉันรู้แก่ใจดีทุกอย่างแหละเจ้าชาย   ก็ในเมื่อบรรดาพระหน่อนั่นได้นั่งอยู่นี่แล้วคนหนึ่ง

        

               "อยากรู้ชะมัด   ทำไมท่านทำแบบนี้?"

               "เคยมีคนเล่าว่า   ท่านสององค์ตกลงกันเรื่อง...จับคู่..."

               "หืม?" คิ้วเข้มหนาเลิกขึ้นอย่างสงสัย

               "ก็...ทางนี้ก็ลูกสาวคนเดียว   ทางนู้นก็ลูกสาวคนเดียว   ลูกสาวทางนี้ไปทางนู้น   ลูกสาวทางนู้นมาทางนี้"

        

               ใบหน้าจอนขึ้นสีระเรื่อแดงดั่งมะเขือเทศที่โหนกแก้ม   ก่อนจะถูกกลบเกลื่อนให้เป็นปกติ

        

               "เฮ่คุณหนู   เป็นอะไรไปน่ะ   หน้าเป็นโรซ่าซะแล้ว   ไม่สบายหรือเปล่า   ดูอย่างเมื่อกี้นี้"

         

                อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ความหมายนั่นนะ! ฉันสบายดี!

         

               "จริงซี   คุณหนูเป็นชาวอัสรานนี่นา   อย่าเพิ่งโกรธแค้นอะไรนะ   ที่ผู้ใหญ่เขาทำเพื่อช่วยเจ้าชายเจ้าหญิงของคุณหนูนั่นแหละ   อีกอย่างก็ได้ช่วยจอนเอ๊ยจอห์น   เรียกผิดอยู่เรื่อยเลย   ช่วยจอห์นให้สมหวังในความรักด้วย   เป็นมหาบุญกุศลเชียวนา" แซมพรรณนาสาธยายสรรพคุณงามความดีให้ฟัง

        

               สมไปคนเดียวซียะ! ฉันไม่เห็นจะสมตรงไหน!

        

              "รู้สึกจะตกแก่องค์โตเสียด้วย   เห็นเขาว่างั้น"

              "เจ้าชายโจนาธานเรอะ?" จอนกล่าวถึงตัวเองด้วยใบหน้าสีชมพูอ่อน

              "ใช่   เห็นว่าเจ้าหญิงทางนู้นจะเป็นคนที่สามในสี่   รู้สึกว่าอายุจะอ่อนกว่าเจ้าชายท่านประมาณสี่ปีเห็นจะได้"

              "ชื่อล่ะ?"

              "เอ...เรียกยากน่าดูนะ   ทาน่า   ทาท่า   ตาต้าอะไรทำนองนี้"

        

              ชื่อช้านนนนนนนน! เสียหายหมด! ไม่ไหวแล้วนะ!

         

              "ไม่ใช่!" เจ้าตัวโพล่งออกมาเสียงดังอย่างเหลืออด

              "ไม่ใช่ทั้งสามอย่างนั่นแหละ"

         

              แซมและจอนหันมามองทำตาปริบๆด้วยความงุนงงว่าตนไปทำอะไรหืรอจุดชนวนระเบิดตรงไหนของคุณหนูธัญญ่าของพวกเขา

        

              "ฟังนะ! เจ้าหญิงน่ะที่จริงชื่อ   ทาเทียน่า คริสติเนวา มาร์เซยแยส   ไม่ได้ชื่อ ทุ เรศ ๆแบบนั้น!"

              "เอ๊อ! ใช่แล้ว   ทาเทียน่าๆ   เก่งนี่คุณหนู" แซมเอ่ยปากชมเปราะ

              "ทาเทียน่างั้นหรือ" จอนทำท่าครุ่นคิด

              "ใช่แล้ว   ไอ้ชั้นก็ไปจำมาว่า คนในครอบครัวเค้าเรียก ทาทา   แต่สำหรับคนอื่น   เค้าเรียกกันว่า...ธัญญ่า..."

        

               ตายล่ะหว่า! ไม่น่าพูดเล้ย!

         

               "ชื่อเดียวกันกับคุณหนูเลยนะ" จอนแซวเล่น   แต่มันกลับจี้จุดแทงใจดำเข้าให้อย่างเจ็บแสบไปถึงทรวง

               "มิน่าถึงจำได้   ที่แท้ตัวเองก็อยากเป็นเจ้าหญิงเหมือนกันล่ะซี" แซมได้ทีหยอกเอินเข้าให้โดยไม่รู้กับเขาเลยว่า   คนที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้อยากเป็นหรอก   แต่เป็นไปแล้วต่างหาก

               "เอ้า เจ้าหญิง   ไหนลองบอกหน่อยซิ   พี่ชายน้องชายเจ้าหญิงชื่ออะไร? อายุเท่าไหร่? เผื่อจะได้เป็นข้อมูลเบื้องต้นสำหรับเจ้าหญิงโจเวียลิล"

        

               หนอย! จะทดสอบงั้นเหรอ! แค่นี้...เบๆ

        

               "พี่ฝาแฝดคนโตชื่อนิโคลัส คนรองชื่อชาร์ลี   ทั้งคู่อายุสิบเจ็ด   น้องชายชื่อแพทริค   อายุเก้า" คำตอบตรงคำถามโดยเฉพาะอายุที่เจ้าตัวคำนวณบวกลบได้อย่างแม่นยำไม่คลาดเคลื่อน

              "รู้เยอะจริงนะคุณหนู   งี้ก็แสดงว่าเจ้าหญิงอายุอ่อนกว่าเจ้าชายฝาแฝดนั่นปีเดียว   ดูเข้าท่าดี"

               "แซม..." เสียงเตือนเย็นๆ เรียกอาการตื่นเต้นดีใจของสหายกลับคืนมาให้เป็นปกติ

         

               เออว่ะ   ลืมไปเสียสนิท   เจ้าชายนี่หวงน้องสาวน้ำแข็งยังกะอะไรดี   เถอะ   ก็ให้รู้กันไปว่าทางนั้นไม่หวงน้องเหมือนกัน   แถมปราการยังตั้งสามด่านเชียวนา   ลำบากหน่อยแล้วโจนาธาน

        

               "อ้าวเฮ้ย   นี่มันแปดโมงกว่าแล้วนี่   รีบๆไปแปรงฟันเลยคุณหนู   เดี๋ยวก็ได้เข้าเรียนสายพอดีล่ะ" แซมร้องขึ้นเสียงดังหลังจากมองดูนาฬิกาบนฝาผนัง   ทำให้ทั้งทาเทียน่าและโจนาธานผุดลุกจากโต๊ะอาหารแล้วกระวีกระวาดไปทำธุระอื่นๆต่ออีกทันที   ก่อนจะออกเดินทางจากบ้านพักไปยังสถานศึกษาด้วยแผ่นกระดานคนละอันซึ่งใช้การลอยไปในอากาศ

        

                "ได้ข่าวมาว่า   คุณหนูยิงปืนแม่นอันดับต้นของชมรมเลยนี่" แซมว่า

                "จริง?"

                "นี่นายไปมุดหัวอยู่ไหนมาฮะ? อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเล้ย   ก็จริงน่ะสิ   เห็นใครๆในชมรมเขาก็บอกกัน   แถมยังได้พกปืนด้วยนี่   ไหน   ขอดูหน่อยคุณหนู"

        

                ลางสังหรณ์ไม่ดีแล้วสิ เรา

         

               ฉันวางกระเป๋าเป้ลงก่อนจะรูดซิปเปิดแล้วหยิบกล่องไม้ออกมาส่งให้แซมซึ่งมองดูตาลุกวาวยังกะมีทองมากองตรงหน้า   หมั่นไส้!

        

               คนขอชมรับของมาด้วยอาการเหนื่อยจับ   เพราะน้ำหนักปานเหล็กกล้ากดลงบนท่อนแขนของเขา   ยังสงสัยว่าเจ้าตัวเล็กที่อายุอ่อนกว่าถึงสี่ปีรับสภาพนี้ได้อย่างไร   ความสงสัยนี้ส่งผลให้เขาเปิดดูอาวุธที่อยู่ข้างใน

        

               "จอน!" อุทานชื่อเล่นสหายโดยไม่คำนึงถึงความลับที่พยายามปิด

               "มาดูอะไรนี่ดิ   นี่มัน..."

               "เอ็นลิล!"

        

               ปืนพกแบบลูกโม่หรือที่เรียกกันว่ารีวอลเวอร์สีดำซึ่งทำมาเป็นพิเศษสามารถยิงได้แปดนัด   มีลำกล้อง รังเพลิงหรือรังบรรจุกระสุน   กับปลายด้ามจับเป็นคริสตัลใสสีขาวแกะสลักลวดลายเพียงเล็กน้อยเพราะไม่เน้นด้านความสวยงาม   แต่มีมูลค่ามหาศาลไม่สามารถหาอะไรมาแทนได้   มีความแข็งแรง คงทน ใช้ได้นานดีทีเดียว  ไม่สิ   ต้องบอกว่า   ใช้ได้ตลอดไป   เพราะใครต่อใครก็รู้ว่า   สมบัติที่เด็กอายุสิบสองครอบครองอยู่นั้นคือหนึ่งในสี่อาวุธคู่แผ่นดินซานาร์กันด์ที่ถูกสร้างมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งเป็นเพียงเมืองเล็กๆเลยทีเดียว   และนี่คือสาเหตุที่บรรดาอาจารย์ถกเถียงกันราวสามเดือนถึงความเหมาะสมที่จะให้ชาวต่างประเทศถือครอบครอง   แถมยังเป็นนักเรียนเสียด้วย   ถ้าไม่ใช่พระบัญชาจากเจ้าชายคนดีที่มีลายพระหัตถ์จากจักรพรรดิสนับสนุนลงมาล่ะก็   ป่านนี้เรื่องก็ยังไม่จบลงง่ายๆแน่

        

              โจนาธานไม่คาดคิดมาก่อนว่า   อาวุธที่มีปัญหานั้นจะเป็นปืนสังกัดสายธาตุลมที่เขาเคยหมายปอง   แต่มีอันล้มเลิกไปเพราะรับสภาพของมันไม่ไหวจริงๆ   เขาจึงได้ "คี" หอกหยกศักดิ์สิทธิ์มาแทนซึ่งสังกัดสายธาตุดิน   เป็นที่อิจฉาแก่โจเซฟและโจเวียลิลที่มีคุณสมบัติการเป็นเจ้าของพอๆกับเขา   แต่ก็ต้องยอมรับว่า   มันเหมาะสมกับเจ้าชายรัชทายาทมากกว่าตนเองไม่น้อย



                มันก็น่าอยู่หรอกที่เขาจะเถียงกันไม่รู้จักจบ   ถ้าฉันไม่สั่งเปรี้ยงลงมาล่ะก็นะ   คิดต่อไปเองแล้วกัน   ที่จริงก็ดีใจที่เห็นคุณหนูชอบ   และหวังว่าจะไม่ทำพังไปเสียก่อน

         

                "สวยใช่ม้า   นี่แหละของแพง   กว่าจะได้มาล่ะแทบตาย   เกือบถอดใจไปเสียแล้ว   ดีนะที่ยังมีคำสั่งเบื้องบนลงมา" ถ้อยคำพูดกระทบกระเทียบบางคนอย่างตั้งใจ

        

                แต่ยังไงก็...ขอบคุณค่ะ...เจ้าชาย...

         

               ยัยตัวร้ายนี่ไม่ได้รู้อะไรเล้ย   มันได้แพงธรรมดานะ   แต่มันบรมมหาแพงเลยเชียวล่ะ   แต่ลงถ้ามันยอมรับได้อย่างงี้ล่ะก็   เฮอะๆ   เห็นทีตำแหน่งขุนนางคู่บัลลังก์คงอยู่แค่เอื้อมนี่แหละ

               แซมมวลส่งของล้ำค่าคืนแก่เจ้าของคนปัจจุบันซึ่งเวลานั้นก็ได้มาถึงโรงเรียนพอดีและทันเวลาระฆังของโบสถ์ตีด้วย

         

               ชองเบอเรีย   โรงเรียนของชนชาติตระกูลตั้งแต่ชั้นกลางไปจนถึงระดับสูง   ตั้งอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังทางฝั่งทิศใต้โดยมีสวนดอกไม้คั่นแบ่งเอาไว้   แต่มีอาณาบริเวณร่วมกันซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ล้อมรอบด้วยทุ่งหญ้า   ดงป่าใหญ่เป็นฉากหลัง   และแม่น้ำที่ล้อมรอบเกาะกึ่งกลาง   รวมแล้วคล้ายกับเอาเมืองประมาณสี่เมืองเศษมารวมกันจึงจะได้ผลลัพธ์ขนาดเท่ากับพระบรมมหาราชวังแห่งซานาร์กันด์  



                อาคารสิ่งก่อสร้างเป็นปราสาทสีงาช้างหน้าต่างทรงสูงวาดลวดลายงดงาม   โค้งโดมที่อยู่ตรงใจกลางมีรูปปั้นเทพีสีทององค์หนึ่งถือธงประจำโรงเรียนยืนกางปีกอยู่ข้างบน   เหล่านักเรียนเดินมาเดี่ยวบ้างกลุ่มบ้างลานตาไปหมด   แต่สังเกตถึงความแตกต่างของเครื่องแต่งกายก็จะรู้เองว่า   เขาและเธอกำลังศึกษาอยู่ ณ ชั้นอะไร  

        

                ทาเทียน่าอยู่ปีหก   แต่โจนาธานกับเพื่อนอยู่ปีสิบ   เส้นทางการเดินเข้ากลุ่มสมาคมจึงแตกต่างกันทันทีที่เก็บแผ่นกระดานพาหนะไว้ในโกดังเรียบร้อยแล้ว   การแบ่งแยกช่วงชั้นอายุที่ชัดเจนทำให้รู้สึกแปลกประหลาดยามเข้าไปปรากฏในวงสนทนาคนละวัย    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×