คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : โหมโรง
จี้ระย้าบลูแซฟไฟร์สีน้ำเงินที่เจียระไนหลังเบี้ยทรงสูงมีใบไม้เงินคู่ล้อมด้านบน ตัวพลอยมีลำแสงตัดกันสามสาย โดยมีสร้อยแพลทินัมยึดไว้ถูกคล้องคอเล็กๆของเด็กหญิงผู้ที่อยู่ในเสื้อตัวหลวมแขนยาวกว้างกับฮาคามะสีดำสนิทและสวมถุงเท้าสั้นสีขาว รองเท้าแตะที่ใช้เชือกรัดส้นและข้อเท้าไว้อย่างกระชับ
“รักษาของสำคัญไว้ให้ดีนะ ทาทา” สตรีที่นั่งคุกเข่ากล่าวเบาๆขณะหยิบเสื้อคลุมสีดำมาสวมให้อีกชั้นหนึ่ง
“มันจะช่วยให้ลูกแคล้วคลาดทุกสถานการณ์”
“ค่ะแม่” เจ้าตัวรับคำพอดีกับที่มารดาดึงฮู้ดมาคลุมศีรษะไว้
ทันใดนั้นบานประตูก็เปิดออก ตามมาด้วยบุรุษงามฉกรรจ์ผู้มีอำนาจสูงสุดแห่งอัสรองเซียเดินผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็วยังสมาชิกภายในครอบครัว
“เรา...กอดกันหน่อยก่อนลา” ประโยคสั้นๆบอกถึงเด็กชายอีกสามคนที่นั่งอยู่บนโซฟาบุผ้ากำมะหยี่สีครีมขาวให้ลุกมาหา
เด็กๆผลัดกันเข้าหาบิดามารดาแล้วก็เข้าหากันเองก่อนจะโดนผู้ใหญ่โอบล้อมเป็นวงเล็กๆให้อยู่ตรงกลาง อันเป็นช่วงการล่ำลาครั้งสุดท้ายที่แสนสั้น แม้อยากจะหยุดเวลาไว้เพียงแต่ตรงนี้ก็ตาม
“ทูลกระหม่อม ได้เวลาแล้วเพคะ” หญิงวัยกลางคนที่นั่งดูอยู่ห่างๆด้วยความเศร้าสลดใจได้กล่าวเตือนขึ้นเรียกเข้าสู่ความจริงตรงหน้า
วงแขนกลมกลึงอ่อนปวกเปียกตกลงทันใด ส่วนวงแขนใหญ่แข็งแรงก็ดูเหมือนไร้กำลังไปเสียครึ่งหนึ่งแต่ก็ยั้งไว้ทันท่วงที
“วิสเทเรีย...ไปส่งลูกด้วยกัน” กษัตริย์คริสเตียนเอ่ยเบาๆก่อนเดินนำหน้าออกจากห้องไป ตามด้วยหน่อเนื้อเชื้อไขลูกชายสามลูกหญิงหนึ่ง และรั้งท้ายด้วยพระราชินีผู้ที่กำลังก้าวย่างด้วยความลำบากดุจมีแรงโน้มถ่วงมหาศาลดึงรั้งขาเอาไว้
หญิงรับใช้อดรู้สึกเวทนากับสภาพครอบครัวนายเหนือหัวของตนไปไม่ได้ที่ดูไม่ต่างกับบ้านแตกสาแหรกขาดเท่าไรนัก แต่ทว่าเป็นบ้านแตกเพื่ออนาคตของอาณาจักรและชีวิตรอดของเจ้านายน้อยๆสี่คน
ฝาแฝดชายคนโตอายุได้สิบสามปีแล้ว รับรู้เหตุการณ์ได้มากพอสมควรจึงเข้าใจดีว่า อะไรคือเหตุผลในการกระทำของบิดามารดา
เจ้าชายนิโคลัส คริสติโนวิช มาร์เซยแยส มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์และค่อนข้างผมยาวลู่ลงเป็นขั้นบันได ผิวคล้ำกว่าคนอื่นเพราะกรำแดดเล่นกีฬาหลายอย่าง
เจ้าชายชาร์ลี คริสติโนวิช บาร์เซยแยส มีรูปร่างผอมบางท่าทางเก้งก้างและผมตั้งสั้น ผิวขาวธรรมดาเพราะไม่เล่นกีฬากลางแจ้งแต่ก็มีฝีมือด้านกีฬาในร่ม
เจ้าหญิงทาเทียน่า คริสติเนวา มาร์เซยแยส ลูกสาวสุดรักสุดหวงอายุแปดขวบ อยู่ในวัยกำลังซนและช่างซักช่างถาม ซึ่งทำให้ใครๆต้องจนมุมเพราะหาคำตอบไม่ไดกับคำว่า “ทำไม” รูปร่างที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานสากลและผมสั้นที่เลยติ่งหูมาไม่มาก ผิวสีเดียวกับแฝดผมสั้น
เจ้าชายแพทริค คริสติโนวิช มาร์เซยแยส ลูกชายคนสุดท้องที่เพิ่งจะอายุห้าขวบ ยังไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรมากนักเพราะยังเล็ก มีผิวขาวหน่อยๆกับรูปร่างอ้วนท้วมเหมือนแฝดอีกคน แต่ทรงผมไปทางอีกคน
“ระย้าหยดน้ำที่ให้ไว้ต้องเก็บรักษาอย่าดูดาย รู้มั้ย นิคกี้กับลีเป็นเพชรใสให้ธาตุน้ำ แพทเป็นปะการังแดงให้ธาตุไฟ ส่วนทาทาเป็นไพลินให้ธาตุลม มันจะช่วยลูกๆไว้อย่างน่าประหลาด...มาให้แม่กอดเป็นครั้งสุดท้าย...จำไว้เสมอว่า พ่อกับแม่อยู่ข้างๆลูกเสมอ...” มารดาฝืนยิ้มส่งด้วยความรู้สึกทั้งโล่งใจทั้งเสียใจในคราเดียวกัน ส่วนบิดานั้นเก็บงำมันไว้ส่วนลึกของจิตใจ
“ไปเถอะลูก...แล้วเราจะได้พบกันใหม่” บิดาโอบไหล่มารดาไว้ข้างหนึ่งเหมือนถ่ายเทความอบอุ่นที่มีเหลือยู่ให้ทดแทนสิ่งที่กำลังจะจากไปตรงหน้า
และแล้วรถม้าสีดำก็เคลื่อนออกไปจากพระราชวังทางด้านหลัง
เมื่อลับสายตาไปแล้ว ทำนบน้ำตาที่เก็บไว้ก็พังครืนลง หยาดหยดใสร่วงไหลเป็นทางอาบแก้ม มือข้างหนึ่งปิดปากเอาไว้ ผู้ที่ยืนอยู่ข้างๆคอยปลอบประโลมด้วยความโศกาอาลัยไม่แพ้กัน
“ลูก...ยัง...ไม่โต...กลัว...” เสียงสะอื้นไห้เป็นช่วงๆ
“อย่ากลัว ต้องเชื่อว่า ทำได้และมีชีวิตยืนยาวกว่าเราแน่นอน อย่ากังวลใจมากมายนัก เพราะอีกไม่นานเราก็จะได้ไปหาเค้าแล้ว”
“แต่...ก็...ทำไม่ได้...เพราะ...เรา...ตาย...แล้ว...”
“บางครั้งเราก็สื่อถึงกันได้นะ เชื่อเถอะ”
“ฉัน...เชื่อ...”
“ดีมากวิสเทเรีย หยุดร้องได้แล้ว”
* * * * * * * *
“ทาทา วิ่ง!!! หนีไป๊!!!”
“ต...แต่...”
“ไม่ต่งไม่แต่อะไรแล้ว หนีไป๊!!!”
“ถ้าวาสนามีจริงคงได้พบกัน”
“พี่รอง...”
“มัวชักช้าอะไรอยู่ !? วิ่งไป๊!!!”
“พี่ใหญ่...ค่ะๆ แล้วแพท...”
“เดี๋ยวพี่จัดการเอง วิ่ง!!!”
“ค่ะๆ”
* * * * * * * *
“คุณหนูครับ...คุณหนู...” ฝ่ามือแข็งๆเขย่าแขนเด็กหญิงคนหนึ่งที่นอนหมกตัวอยู่ในซอกต้นไม้ ใบหน้าขาวๆมีรอยเปรอะเปื้อนเป็นจุดๆ เธอกำลังพักผ่อนคลายความเหนื่อยล้านานาชนิด
“อือ...” เสียงครางเบาๆตอบรับมาอย่างช้าๆ
“ทำไมมานอนอยู่ที่นี่ฮะ?” เจ้าตัวรีบถามทันที อย่างน้อยก็จะได้รู้ว่าทำไมเด็กหญิงตัวเล็กๆถึงมานอนอยู่กลางป่ากลางเขาคนเดียว
“คุณหนู...”
“เฮ่จอน เจ้าก็ปล่อยๆทิ้งไว้เหอะ เดี๋ยวก็มีคนมารับเอง”
“ยมบาลล่ะไม่ว่า” ผู้ถูกขนานนามยอกย้อนกลับมารวดเร็ว
“ยังไงข้าก็จะพาไปที่กระโจมก่อน”
“ตามสบายเถอะ ข้าไม่กล้าขัดอยู่แล้ว”
“แซม...” เสียงเรียกเรียบเย็นทุ้มลงจนน่ากลัว เจ้าของคำพูดช้อนตัวคนหลับให้นั่งแล้วจัดการให้เธอขี่หลังของตนเอง
“อย่าแดกดันข้านะ”
“ค้าบๆ” แซมมวลรับคำง่ายๆอย่างไร้อารมณ์
ใครมันจะกล้าเบ่งใส่เจ้าชายแห่งซานาร์กันด์กันบ้างล่ะ มันได้หัวขาดยังไม่ทันรู้ตัวเอาสิ คิดแล้วสยองพี่น้องสามคนนี้ชะมัด คนหนึ่งยังกับไฟ แต่อีกคนหนึ่งยังกับน้ำแข็ง ส่วนอีกคน...
ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่ที่แน่ใจคือ...
ร้ายที่สุด!
ความคิดเห็น