คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เร่งรีบ
ย่านถนนรามอินทรา
สี่ทุ่มสามสิบเก้านาที
จ๊อดจ้องมองดูนาฬิกาข้อมือที่กำลังล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว และเงยหน้ามองหาแท็กซี่ในยามค่ำ ดึกของคืนที่เร่งรีบ ไม่มีรถแท็กซี่ผ่านมาสักคัน ถ้าเป็นตอนกลางวันรถที่นี่จะติดเกือบจะเป็นอันดับหนึ่งของกรุงเทพฯ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืนมันช่างต่างกันราวฟ้ากับดินทีเดียว
เขามองดูนาฬิการาวกับว่ามันเป็นนายทาส เข็มวินาทีที่กระดิกเคลื่อนเวียนหมุนเป็นวงกลม ถ้าเป็นได้ เขาอยากวิงวอนให้มันช้าลงอีกซักหน่อย จ๊อดหงุดหงิดกับตัวเองที่ไม่น่าเสียเวลากับการเตรียมต้นฉบับเลย เพราะยังเหลือเวลาอีกตั้ง ๒ อาทิตย์ และนี่มันก็เป็นเทศกาลคริสตมาสเสียด้วย..
หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับเพื่อนและน้องๆ ในมหาวิทยาลัย เกี่ยวกับเรื่องหนังสือดาวินชี ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไป เส้นทางสู่การเป็นนักเขียนในเชิงประวัติศาสตร์ได้รับการตอบรับจากผู้อ่านอย่างมาก เพราะมีคนอีกหลายคนที่สนใจเรื่องของประวัติศาสตร์ถึงกับออกปากชมว่า งานเขียนของเขาช่วยให้คนที่ไม่สนใจประวัติศาสตร์ต้องอ่านเรื่องเหล่านี้อย่างเมามัน
การรับงานเขียนและต้องส่งต้นฉบับเป็นประจำเลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวะนไปเสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นเรื่องที่เขาชอบอยู่แล้ว จะมีกี่คนที่ได้ทำงานที่ตนชอบ และได้เงินค่าตอบแทนด้วย
ระยะหลังเขาซื้อหนังสือเพิ่มขึ้นจากเดิมอ่านจากหนังสือของพ่อ แต่เดี๋ยวนี้เขามีหนังสือของเขาเอง เริ่มจากหนังสือเก่าๆ ที่ลดราคาเล่มลละห้าบาทสิบบาท จนเดี๋ยวนี้เล่มละพันสองพันเขาก็กล้าซื้อเพื่อแลกกับความรู้ใหม่ๆ ซึ่งในสมองของเขาทุกวันนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตในส่วนต่างๆ ของโลก
เขาสนใจประวัติศาสตร์ของกรีกและโรมันเป็นพิเศษ ตามด้วยเรื่องของอียิปต์บ้าง ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาทำงานเป็นนักเขียนอิสระ เขาจะอ่านหนังสือแทบทุกเรื่อง แต่หลังจากค้นพบแนวงานเขียนของตัวเอง การอ่านของเขาก็แคบลง เจาะจงเฉพาะบางเรื่อง จนท้ายสุดจะเลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่สนใจในเวลานั้น แต่การอ่านไม่ได้ลดเวลาลง ยังใช้เวลาเหมือนเดิม
เขาจึงกลายเป็นคนที่มีคนคบหาไม่มาก และนิยมพูดคุยกับคนแนวเดียวกัน บางครั้งดูเหมือนเป็นคนเก็บตัว โดดเดี่ยว
แต่สำหรับเขาเอง การที่เขาได้อ่านหนังสือดีๆ สักเล่ม ก็เหมือนมีเพื่อนที่สนิทกำลังเล่าประสบการณ์ดีๆ ให้ฟัง และยังสามารถเปรียบหนังสือเป็นลักษณะเฉกเช่นบุคคลได้..
เพื่อนบางคนก็เล่าเก่ง เนื้อหากระชับ รู้เรื่อง ก็เป็นหนังสือเรื่องสั้น
บางคนเล่าไม่เก่งแต่ข้อมูลเยอะ หนังสือวิชาการ
บางคนชอบยกตัวอย่างเปรียบเทียบ หนังสือสารคดี
และอีกหลายประเภท จนหลังๆ เขาพบปะผู้คน จะมีความรู้สึกเหมือนกับว่า เขากำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ ซึ่งมันชัดเจน ตรงไปตรงมา บางครั้งก็สามารถอ่านคนบางคนเหมือนหนังสือ และรู้ว่าคนไหนจริงใจไม่จริงใจ และคนที่อ่านยากที่สุดก็คือคนที่พูดน้อยที่สุด ซึ่งมีบางหน้ามีเพียงภาพหนึ่งภาพ ที่เป็นเหมือนการบ่งบอกถึงประเภทของตัวตนของบุคคลนั้น พวกเขาเสมือนหนังสือที่มีแต่ข้อความเพียงเล็กน้อย บางหน้าก็เป็นเพียงกระดาษเปล่าๆ ..
"ว่าง"
โมหจริตลดลงทันทีที่มองเห็นตัวอักษรสีแดงบนแผงกระจกด้านซ้ายของรถยนต์
โดยไม่ต้องใช้สติปัญญาใดๆ มาตัดสิน มือของเขายกขึ้นโบกในทันใด สัญญาณมือที่กลายเป็นสากล โดยไม่ต้องมีใครมาสั่งสอน หรือตั้งเป็นตัวบทกฎหมาย
แม้จะเร่งรีบปานใด ความผิดหวังระลอกสองเข้ามาแทนที่อีกครั้ง เขาอยากจะรอเรียกคันใหม่ เพราะสภาพของรถที่มาจอดเทียบข้างถนนดูทรุดโทรมเกินกว่าจะส่งเขาให้ไปถึงจุดหมาย ขาขยับถอยกลับไปด้านท้ายรถโดยไม่ต้องสั่งการ
จ๊อดเพ่งดูนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง มันออกคำสั่งให้เขาต้องตัดสินใจ
คนขับแท็กซี่คันเก่าเหมือนจะรู้สถานภาพของตน เขารู้ดีว่าควรใช้โอกาสที่มีอยู่มากกว่าที่จะเร่งรีบออกไป โดยที่ห้องโดยสารของเขายังว่างเปล่า
ในที่สุด จ๊อดต้องยอมจำนนกับเวลา แม้จะติดใจกับสภาพรถ
"สุขุมวิท ๑๙ ครับพี่" จ๊อดมุดตัวเข้าไปนั่งพร้อมกับห่อของขวัญกล่องหนึ่ง ตำแหน่งหลักที่ยืนอยู่ทำให้เขาต้องเลือกนั่งในห้องโดยสารด้านหลัง
คนขับแท็กซี่ดีใจยิ้มแก้มปริ ออกรถทันที มุ่งหน้าจากถนนรามอินทรา เจตนาจะเข้าไปวิ่งในถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา
แต่ก็ต้องชะลอรถเมื่อพบว่ามีรถหนาแน่นก่อนถึงทางเข้าช่วงหน้าซอยวัชรพลเสียอีก "เอ รถไม่น่าจะติดขนาดนี้นะ สงสัยจะมีอุบัติเหตุ" คนขับแท็กซี่ออกความเห็นราวกับนักพยากรณ์
"หวออออออ!" เสียงสัญญาณดังขึ้นจากด้านหลังแท็กซี่ และมีรถกระบะแซงขึ้นหน้าไปที่หลังคามีสัญญาณไฟสีแดงหมุนไปมา
"ฮือ.." จ๊อดพ่นลมหายใจออกจากจมูกอย่างผิดหวัง ทำไมวันนี้มันช่างดูยุ่งวุ่นวายไปหมด
"รีบไหมครับ.. เดี๋ยวผมพาไปอีกทาง" แท็กซี่เสนอทางออก
"ไปเลยครับพี่" จ๊อดตอบ และมองหน้าคนขับผ่านกระจกมองหลัง เขาจึงรู้ว่าคนขับมีอายุแล้ว และเหลือบไปดูป้ายชื่อที่อยู่ด้านซ้ายของคอนโซลหน้าก็รู้ว่าคนขับมีอายุถึง ๕๙ ปี จึงรู้สึกว่าเขาน่าจะเรียกสรรพนามแทนคำว่า "พี่" เป็น "ลุง" จะดีกว่า
"แล้วจะไปทางไหนหรือครับ ลุง!"
"ฮึๆ" คนขับแท็กซี่คงนึกขำที่ผู้โดยสารเรียกสรรพนามแทนชื่อเขาเปลี่ยนไปมา
"..ผมว่าจะไปทางซอยมัยลาภ ตรงกิโลสี่ แล้วไปทะลุออกรัชดาตรงซอยเสือใหญ่ ทีนี้วิ่งสบายเลย เพราะตะกี้ผมก็เพิ่งมาจากทางนั้น รับรองรถไม่ติด" เขาตอบ
"ดีครับ" จ๊อดเห็นด้วยกับเสนอที่ดีกว่า
จากนั้นคนขับแท็กซี่ก็เบี่ยงหัวรถไปทางเลนขวามือเพื่อหลบการจราจรที่กำลังจะกลายเป็นจลาจลซึ่งจ่อตรงทางเข้าถนนเลียบทางด่วน เมื่อผ่านพ้นมาเพียงเล็กน้อย รถก็โล่งอย่างเหลือเชื่อ เขามองหันหลังกลับไปก็เห็นควันไฟพร้อมแสงสีแดงอยู่ทางด้านถนนเลียบทางด่วน คงจะเกิดอุบัติเหตุจริงๆ และท่าทางคงจะหนักเสียด้วย
คนขับแท็กซี่เปิดวิทยุในรถ เขาเลือกคลื่น จ.ส.๑๐๐ เพื่อฟังรายงานการจราจรว่ามีข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือเปล่า
<<ใครที่จะใช้ถนนเลียบทางด่วนตอนนี้ ควรหลีกเลี่ยงนะค่ะ
เพราะว่าบริเวณปากทางขึ้นมีอุบัติเหตุรถชนกัน
เป็นรถกระบะชนกับรถมอเตอร์ไซค์ และมีไฟลุกท่วมรถกระบะด้วย
มีผู้บาดเจ็บกำลังส่งเข้าโรงพยาบาล..>>
รายงานจาก จ.ส.๑๐๐ ได้บรรยายถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"ดีนะ ที่เราเลี่ยงออกมาก่อน ถ้าเรามาเร็วกว่านี้ คงอาจจะติดอยู่ในนั้นก็ได้" คนขับแท็กซี่พูดอย่างเย็นใจ
((อืม เห็นจะจริง ถ้ามาเร็วกว่านั้น)) จ๊อดรู้สึกโล่งอก และขอบคุณพระเจ้า
คนขับแท็กซี่ชำนาญทางเป็นพิเศษ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ขับรถเร็ว แต่ก็มาออกสู่ถนนรัชดาภิเษกอย่างรวดเร็วโดยกินเวลาไม่มาก และก็เป็นอย่างที่เขาบอกเอาไว้ในตอนแรกว่า ถนนรัชดาฯ รถไม่ติด
จ๊อดรู้สึกคลายกังวลเรื่องเวลา และลืมเรื่องสภาพรถแท็กซี่ที่เก่า ของขวัญของพ่อที่ให้นำไปฝากให้กับเพื่อนของท่านที่สุขุมวิทนั้น แม้จะดึกไปซักหน่อยก็ยังทัน
พ่อของจ๊อดเดินทางไปต่างประเทศ เพราะการประชุมด่วนที่ประเทศเคนย่า เกี่ยวกับสมาคมพระคริสตธรรมที่พ่อของเขาเกี่ยวข้องด้วย
ส่วนเพื่อนของพ่อก็เป็นคนที่เขารู้จักคุ้นเคยมาตั้งแต่เขาเป็นเด็ก คือคุณลุง "ธอมัส โฮป" ชายชราชาวอเมริกันร่างผอมสูง ที่มาอยู่เมืองไทยก่อนที่พ่อของเขาจะมาอยู่ที่นี่ คุณลุงช่วยเหลือครอบครัวของเขามาตลอดก็ว่าได้ ตั้งแต่จัดการเรื่องที่อยู่ การงานของพ่อ แม้แต่หาเจ้าสาวให้พ่อ คือแม่ของเขา ตอนที่เขาเกิด คุณลุงคนนี้ก็จัดการให้ ทั้งเรื่องโรงพยาบาล แม้คุณลุงจะเป็นคาทอลิก พ่อของจ๊อดเป็นโปรเตสแตนท์ ท่านก็ยินดีมาเป็น "พ่อทูนหัว(God Farther)" ให้กับจ๊อดด้วย เรียกได้ว่าทุกเหตุการณ์ในครอบครัวของเขา คุณลุงเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไปแล้ว
การที่จ๊อดจะนำของขวัญวันคริสตมาสไปให้ท่านจึงไม่ถือว่าเป็นหน้าที่ แต่เป็นความเต็มใจ และเขาก็หงุดหงิดใจที่ต้องทำให้ผู้ใหญ่อย่างคุณลุงธอมัสต้องมารอเด็กๆ อย่างเขา
ภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กผุดขึ้นทันที เขายังจำได้ดีตอนอายุ ๑๐ ขวบ พวกเขาไปเที่ยวที่เกาะช้างกับครอบครัว ในขณะที่พวกเขากำลังเตรียมตัวจะกลับบ้านกัน และต้องมารอเรือข้ามฟาก แต่จ๊อดกลับขอแวะไปเล่นที่น้ำตกธารเสด็จก่อนกลับ ตามประสาเด็กๆ พ่อยอม แต่แม่ไม่ยอม ลุงธอมัสก็ขอเอาไว้ ซึ่งคราวนั้นจ๊อดก็กลับลงมาช้า ทำให้พวกเขาพลาดเรือที่จะกลับ แม่ตีจ๊อดหลายที และลุงธอมัสก็มาขอเอาไว้อีก..
และยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาทำยุ่งๆ เอาไว้ พ่อกับแม่ต้องทะเลาะกันหลายครั้งเพราะความอยากรู้อยากเห็นของเขา และเกือบทุกครั้งที่มีคุณลุงอยู่ด้วย เรื่องก็จะสงบลงอย่างรวดเร็ว ดูแม่จะเกรงใจคุณลุงมากกว่าพ่อเสียอีก จนบางครั้งจ๊อดก็คิดเล่นๆ ว่า อยากให้คุณลุงเป็นพ่อของเขาไปเสียเลยก็คงจะดี แม่จะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าเขา..
จ๊อดกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย มองดูไฟตามข้างทาง และนึกว่าถ้าคนต่างชาติมาเมืองไทยช่วงนี้ก็คงคึกคักเป็นพิเศษไม่แพ้เมืองนอก เพราะตึกรามบ้านช่องบนถนนสายนี้ประดับประดาไฟอย่างกับว่าเป็นเมืองฝรั่ง ป้ายชื่อร้าน และสถานที่เป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด ยิ่งเทศกาลคริสตมาสด้วยแล้ว แทบจะทุกที่จะเปิดเพลง "Jingle
เรื่องประวัติวันคริสตมาสที่นับวันจะเพี้ยนไปเรื่อยๆ นักประวัติศาสตร์ยุคใหม่ยอมรับแล้วพระเยซูไม่ได้ประสูติวันที่ ๒๕ ธันวาคม แต่ประสูติเดือนเมษายน หรือพฤษภาคม ตามการเดินทางของดวงดาวในราศีเมษ และพระเยซุก็มักจะถูกเรียกในคัมภีร์ไบเบิ้ลว่า "ลูกแกะของพระเจ้า"
วันเวลาที่แปรเปลี่ยน ความเชื่อเก่าถูกซ้อนทับความเชื่อใหม่ โรมันคาทอลิกจึงนำเอาวันฉลองเทพแห่งดวงอาทิตย์ในวันที่ ๒๕ ธันวาคมมาแทน
แต่นั่นก็ยังไม่ประหลาดเท่ากับวันคริสตมาสกลายเป็นวันที่ผู้คนนึกถึงซานตาคลอสมากกว่า นิทานของตาแก่ใจดีในชุดเขียวที่เปลี่ยนเป็นสีแดงตามบริษัทน้ำอัดลมของอเมริกา เขาผู้อยู่ถึงขั้วโลกเหนือทำของเล่นให้เด็กๆ และนั่งเลื่อนที่ลากด้วยกวางเรนเดียร์เหาะได้ดูจะประทับใจเด็กๆ มากกว่า และซานตาคลอสก็มีแต่ให้ และไม่ได้มาเป็นพระเจ้าที่พวกเขาต้องกราบไหว้
อิทธิพลของซานตาคลอสผู้อยู่ในแดนหิมะจึงเข้ามาแทนที่ เมืองไทยแม้จะเป็นเมืองร้อนก็พยายามสร้างบรรยากาศโดยเอาสเปรย์ที่พ่นใยสีขาวใส่กระจกหน้าร้านให้เมหือนกับมีหิมะปกคลุม ห้างสรรพสินค้าก็ชอบเทศกาลนี้เพราะอยู่ใกล้วันปีใหม่ หนึ่งสัปดาห์แห่งเทศกาลของขวัญ
คนไทยเราก็ยินดีรับงานฉลองของทุกเทศกาลอยู่แล้ว ทั้งตรุษไทย ตรุษจีน และตรุษฝรั่ง จนมีเพลงแต่งออกมาอย่างน่าสนุกว่า "ตรุษไหนๆ พี่ไทยก็เมา"..
รถพาทั้งคู่ข้ามสะพานตรงแยกลาดพร้าวมุ่งหน้าสู่ถนนรัชดาภิเษกซึ่งเป็นเส้นทางสู่อโศกและสุขุมวิทที่เป็นจุดหมายปลายทาง ต้องลอดผ่านอุโมงค์ ๒ แห่ง ความที่จ๊อดไม่ค่อยได้ใช้เส้นทางนี้มานานนับปี จึงค่อนข้างประหลาดใจว่าถนนรัชดาภิเษกเดี๋ยวนี้ทำไมมีตึกสูงๆ มากมาย และยังสถานบริการที่มีรูปภาพผู้หญิงต่างชาติอยู่มากมายหลายที่อีกด้วย
พอรถเคลื่อนเข้ามาก่อนถึงอุโมงค์ตรงแยกห้วยขวาง จ๊อดก็มองเห็นตึกขนาดใหญ่ทางด้านขวามือของฝั่งถนนแต่ไกล
"โพไซดอน!" จ๊อดอุทานเสียงดังจนคนขับแท็กซี่สะดุ้ง
"จอดที่นี่หรือครับ" แท็กซี่ถาม และหยุดข้างทางโดยอัตโนมัติ
"เปล่าๆ ครับ เพียงแต่ผมไม่เคยเห็นที่นี่มาก่อน"
"อ๋อ ที่นี่มีมาตั้งนานแล้วครับ"
"เอ่อ งั้นผมขอถ่ายรูปซักหน่อยนะครับ"
"ได้เลยครับ ไม่ต้องรีบ" คนขับแท็กซี่ยินดีอยู่แล้ว เพราะยิ่งลูกค้านั่งในรถนานเท่าใด มิเตอร์ก็ยิ่งนับเวลาเพิ่มขึ้นด้วย นั่นหมายถึงรายได้ของเขา..
"โพไซดอน" ที่จ๊อดรู้จัก คือเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของกรีก ชาวโรมันเรียก "เนปจูน" ในเมืองไทยเป็นชื่อน้ำดื่ม เจ้าสมุทรโพไซดอนเป็นพี่ของมหาเทพซุส มีตำแหน่งเป็นผู้ครอบครองทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งชาวกรีกโบราณเรียกว่าทะเลใหญ่ อีกทั้งยังเป็นเจ้าแห่งแม่น้ำทั้งปวง เป็นเทพที่หงุดหงิดและโมโหง่ายเหมือนคลื่นในทะเลหรือมหาสมุทร และยังมีฉายาอีกว่า "ผู้เขย่าโลก" อาวุธประจำตัวคือสามง่าม
ไม่นึกเลยว่ามาอยู่เมืองไทยกลายเป็นเพียงชื่อสถานบันเทิงเริงรมย์เท่านั้น และถ้าเทพเจ้าองค์นี้มีตัวตนจริงก็คงไม่พอใจแน่ เพราะตามสถานะของเทพเจ้าโพไซดอนแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องพรรค์นี้ น่าจะเป็นอโฟรไดต์หรือวีนัสดูจะเหมาะสมกว่าเพราะเธอเป็นเทพีที่เกี่ยวข้องกับโสเภณี หรือว่าเทพเจ้าองค์นี้เกี่ยวข้องกับน้ำซึ่งก็ดูเข้ากับเหตุผลของการเปิดให้บริการ คนไทยนี่ก็เก่งนะเอาชื่อเทพเจ้าโบราณมาใช้อย่างหน้าตาเฉย..
จ๊อดนึกถึงหนังสือเล่มล่าสุดที่เขาเพิ่งอ่าน "เทพธิดา หรือแพศยา?" จุดกำเนิดของตำนานโสเภณี เป็นคำตอบได้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่าใครกันนะที่สร้างเรื่องการให้บริการทางเพศ
เพียงแค่ความเชื่อเรื่องความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดิน ฤดูกาลที่แตกต่าง ความหวาดกลัวต่อภัยพิบัติ ส่งผลให้มนุษย์ในอดีตกาลคิดประดิษฐ์หาหนทางต่อสู้กับธรรมชาติ การแสดงเปรียบเทียบโดยเอามนุษย์เป็นผู้แสดงจริง การมีลูกคือภาพสะท้อนของพืชผล ผู้หญิงจึงกลายเป็นผู้ที่ต้องแบกภาระแห่งโลก มารดาผู้ให้กำเนิด
และการที่จะมีลูกดกๆ ก็ต้องมาจากการผสมพันธุ์ที่มีระยะเหมาะสม เจตนาแรกของพิธีอาจดูชอบธรรมในเวลานั้น แต่ตการเวลาที่ผ่านมามนุษย์ก็เรียนรู้แล้วว่ามีทางแลกอื่น การขายบริการทางเพศเพื่อกามรมณ์จึงมาทดแทนพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่าโบราณที่ร่วมเพศกันต่อหน้าแท่นบูชาในวิหารแห่งเทพเจ้า
และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้รักษากฎหมายบ้านเมืองต้องพิจารณาที่ปล่อยให้มีสถานบริการแบบนี้จนเกลื่อนเมือง ทั้งๆ ที่เมืองไทยไม่ได้เป็นต้นกำเนิดของเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว..
จ๊อดย้ายฝั่งที่นั่งมาหลังคนขับรีบหยิบโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ Sony Ericsson Z550i ที่สามารถถ่ายภาพได้ ส่งภาพไปยัง e-mail ได้ เงินค่าต้นฉบับเรื่อง "ถอดปริศนาดาวินชี" ที่เขาและเพื่อนช่วยกันเขียน มากพอที่จะซื้อเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งปกติเขานิยมซื้อหนังสือมากกว่า แต่เมื่อเห็นคุณสมบัติที่มากมายของโทรศัพท์รุ่นนี้ เขาจึงตัดสินใจไม่ยาก
เขาตั้งระบบถ่ายภาพ โทรศัพท์รุ่นนี้มีคุณสมบัติเป็นกล้องถ่ายรูปได้ดีพอควร เพราะมีทั้งไฟแฟลซ และมาโคร โหมดสำหรับถ่ายภาพที่มีขนาดเล็ก
จ๊อดเปิดกระจกข้างขวาและเล็งกล้องโทรศัพท์ไปที่อาคารโพไซดอนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ที่ประดับด้วยไฟคริสตมาสสวยงาม ต้นสนเทียมถูกสร้างขึ้นมาเพื่อร่วมฉลองเทศกาลนี้ เขาถ่ายไปพอสมควร และยังเก็บภาพรูปสลักโพไซดอนที่ถือสามง่ามอยู่ด้านหน้าได้เล็กน้อย เพราะมันไกลเกินไป และคิดในใจว่าวันไหนว่างๆ จะมาถ่ายภาพอาคารนี้เอาไว้อีก เผื่อมีเรื่องที่จะอ้างอิงถึง
"ขอบคุณครับลุง ไปต่อเลยครับ" จ๊อดสั่งให้คนขับรถแท็กซี่ออกรถ
แท็กซี่กลับเข้าสู่เป้าหมายเดิมที่ตั้งเอาไว้ ปลายทางคือสุขุมวิท ๑๙ แต่จะมีอะไรมาขัดจังหวะจ๊อดอีกหรือเปล่า?
ความคิดเห็น