ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรฟราชีล เจ้าชายพ่อมดจอมขี้เกียจ

    ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ IV หนทาง

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 53



     บทที่ IV หนทาง

     

     

     

     

     

     

     

    บรรยากาศในห้องบรรทมของเจ้าชายเรฟราชีลตอนนี้ตกอยู่ในช่วงตรึงเครียดชวนปวดขมับเป็นที่สุด  แม้ว่าเรื่องแต่ล่ะเรื่องที่เจ้าของห้องเล่ามาจะฟังดูน่าขำ สมน้ำหน้าคนขี้เกียจที่หาเรื่องอู้จนโดนดี    หากแต่ผลลัพธ์ของเรื่องไร้สาระทั้งหมดนี้ก็พอทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองขำไม่ออก

     

    โดยเฉพาะคนไม่เคยยิ้มยิ่งไม่ต้องพูดถึง ว่าตอนนี้ท่านพ่อในสายตาเขาน่ากลัวขนาดไหน

     

    แม้พระเนตรสีไพลินจะทอดมองเขาด้วยสายตาอ่านยากเหมือนปกติ แม้พระพักตร์รูปสลักยังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน    แต่คนทำผิดแล้วผิดอีกจนไม่รู้จะผิดไปถึงไหนก็ไม่กล้าเงยหน้าสบพระพักตร์เสด็จพ่ออยู่ดี   

     

    พอเล่าเรื่องติ้งต๊องของตัวเองจบ เจ้าชายจอมขี้เกียจที่ขี้เกียจจนถูกสาปเป็นผู้หญิงก็กลับไปงัดท่าประจำคือก้มหน้านิ่งสำนึกผิดเหมือนเด็กถูกพ่อแม่จับได้ว่าแอบเอาแมวมาเลี้ยง

     

    คนเห็นท่าไม้ตายนี้มาตั้งแต่เจ้าตัวยังเล็กๆถอดหายใจเบาๆกับท่าทีแบบเด็กๆของเด็กหนุ่มเออเด็กสาวรุ่นลูก   นัยน์ตาสีมรกตหันกลับไปมองเสี้ยวพระพักตร์เรียบเฉยขององค์ราชาที่ทอดพระเนตรมองเด็กสาวตัวสูงอย่างอ่านยากแล้วรู้สึกเหนื่อยใจแทน

     

    ถ้าคนเอาแต่นั่งก้มหน้าลองเงยหน้าขึ้นมามองดูให้ดีๆแบบท่านก็คงจะเห็นความเหนื่อยล้าบนพระพักตร์ขององค์เฟรัวว่าพระองค์ทรงเหนื่อยพระทัยกับเรื่องของพระโอรสอย่างมาก

     

    มันก็ต้องเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว   ในเมื่อพระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองเมืองที่มีแต่บุรุษล้วน

    แต่เจ้าชายเรฟราชีลกลับขี้เกียจเสมอต้นเสมอปลายซะจนไม่ผ่านการทดสอบว่าที่ราชา แถมยังถูกมหาเทพโซเลลงโทษสาปให้กลายเป็นตัวกาลกิณีตามความเชื่อโบราณของบ้านเมือง

     

    ท่านเสนาคาฟัสถอนหายใจอีกรอบเพราะแม้ต่อให้องค์เฟรัวไม่ทรงตรัสอะไร ท่านก็เข้าใจพระดำริของพระองค์ด้วยความเป็นพ่อคนเหมือนกันอยู่ดี 

     

    ชายวัยสามห้าหันไปมองเด็กหนุ่มที่ตกละกรรมมาอยู่ในร่างเด็กสาวแล้วนึกสงสาร ก่อนจะเอ่ยถามคนนั่งก้มหน้านิ่งขอความเห็นใจอย่างแสนเหนื่อยใจ  

     

    “เจ้าชายเรฟราชีล ท่านรู้เรื่องที่อิสตรีถือเป็นตัวกาลกิณีของเมืองเราไหม”

     

    เจ้าของชื่อค่อยๆเงยหน้าสบตาพ่อเพื่อนผมเขียวที่เงียบเป็นหมาง๋อยข้างๆแล้วพยักหน้า

     

    “ครับ ไควูฟัสเคยเล่าถึงกฎลงโทษของสตรีที่แอบเข้าเมืองให้ข้าฟัง แต่ข้าไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเรเฟโอไนท์จึงต้องมีแต่ชายแล้วทำไมถึงต้องคิดว่าผู้หญิงเป็นตัวกาลกิณีของบ้านเมืองด้วย”

     

    ท่านส่ายหัวน้อยๆให้กับคนชอบหลับในเวลาเรียน ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องในอดีตแสนนาน

     

    “จริงๆแล้วเมื่อสามร้อยปีก่อน เมืองของเรายังคงเป็นเหมือนเมืองทั่วไปที่มีทั้งชายและหญิงอยู่ร่วมกัน เรเฟโอไนท์ตั้งอยู่บนภูเขาทางเหนือสุดบนเกาะทรีออนเกาะเล็กๆกลางทะเลมรกต เป็นเมืองปกครองตนเองไม่ขึ้นต่ออาณาจักรใด ภูมิประเทศเป็นดินแดนที่อยู่สูงสุด มีหุบเขาป่าทึบและทะเลลากุซ์ล้อมเหนือออกตก และเบื้องล่างเหวทางใต้เป็นชายแดนติดกับอามีซัง

    ถึงเรเฟโอไนท์จะเป็นเมืองหลวงที่เล็กมากถ้าเทียบกับเมืองหลวงของอาณาจักรทั้งสาม แต่ด้วยภูมิประเทศที่ยากต่อการต่อกรเรเฟโอไนท์จึงเป็นเมืองไร้พ่ายไม่มีอาณาจักรใดเคยตีเมืองอัศวินทมิฬแตกได้ นอกจากจะมีชื่อเสียงในเรื่องเป็นแหล่งบ่มเพาะเหล่านักรบแข็งแกร่งผู้องอาจมีความสามารถรวมถึงช่างตีดาบยอดฝีมือที่ตีดาบออกมาได้คมกริบดีเยี่ยมที่สุดติดหนึ่งในห้าเมืองดัง ยังเป็นเมืองที่ว่ากันว่ามีสตรีที่งามที่สุดในฮาโลกิอาศัยอยู่อีกด้วย   และสาเหตุที่ทำให้เรเฟโอไนท์กลายเป็นเมืองชายต้องสาปก็เพราะมันเริ่มมาจากเรื่องสาวงามนี้แหละ

    นางผู้งามที่สุดในแผ่นดินมีนามว่า พีเยร์ ธิดาท่านจ้าวกลมการคลั่ง นางมีรูปโฉมที่งดงามดั่งเทพธิดาบนสวรรค์และมีเสน่ห์เกินห้ามใจจนชายใดได้แลเห็นต่างพากันหลงใหลและปรารถนาที่จะครอบครองนางราวต้องมนต์สะกดจากแม่มด จึงมักเกิดการต่อสู้เปิดศึกเพียงเพื่อแย่งชิงสาวงามเสมอ  ไม่เว้นเหล่าองค์ราชาของเมืองอื่นในยุคนั้นที่ต่างก่อสงครามกับเรเฟโอไนท์ดันให้องค์ราชาส่งพีเยร์เป็นเครื่องบรรณาการ   ราชาแห่งเรเฟโอไนท์ในยุดนั้นก็ทรงหลงเสน่ห์สาวงามไม่แพ้คนมีตัณหาทั่วไปเหมือนกัน   พระองค์จึงรับสั่งให้พีเยร์มาเป็นพระสนมเพื่อตัดปัญหา แต่การตัดสินใจของพระองค์นั้นนำพาหายนะมาสู่บ้านเมือง   ราชาเมืองอื่นที่หวังเครื่องบรรณาการเป็นสาวงามต่างยิ่งไม่พอใจเมื่อรู้ว่านางในฝันได้ตกเป็นของชายอื่นจึงได้ใช้ข้ออ้างนี้ประกาศสงครามแย่งชิงดินแดน  สงครามเกิดขึ้นณ.เหวแห่งความตาย ทหารร่วมหมื่นต้องมาต่อสู้กันและต้องเสียสละชีวิตไปอย่างเปล่าประโยชน์   แม้จะไม่ถูกตีแตกแน่ๆแต่ชาวเมืองก็พลอยอดอยากเพราะไม่สามารถทำมาหากินท่ามกลางสงครามที่ตัดเรเฟโอไนท์ออกจากโลกภายนอกได้ ทำให้เริ่มมีชาวบ้านที่ไม่พอใจในการตัดสินใจของพระราชาก่อม็อบแตกแยกเป็นฝ่ายโน้นฝ่ายนี้ แล้วตีกันเอง บ้านเมืองลุกเป็นไฟ ไพร์ฟ้าอดอยากยากแค้น  ความตายล้อมรอบ   และคงถึงคราวเรเฟโอไนท์ล้มสลายด้วยมือคนเรเฟโอไนท์เองในไม่ช้า   ในขณะที่บ้านเมืองกำลังล้มจมด้วยคนในชาติขาดความสามัคคีและสติยั่งคิด ราชากลับเสวยสุขอยู่กับพระสนมใหม่จนไม่สนว่าไพร์ฟ้าจะเป็นหรือจะตาย    วันๆพระองค์จะทรงอยู่แต่กับพระสนมพีเยร์ในห้องบรรทม  เอาใจนางยิ่งกว่าอะไรดี  นางพูดสิ่งใดพระองค์ก็จะทรงเชื่อฟัง นางขอสิ่งใดพระองค์ก็จะทรงหาให้   ถ้าพูดให้ภาษาชาวบ้านก็คือหลงผู้หญิงจนงอหัวไม่ขึ้น   หูหนวกตาบอดมองเห็นได้ยินแต่สิ่งที่นางบอกโดยไม่รู้เลยว่าภายในจิตใจของนางนั้นต่างกับรูปโฉมที่งดงามขนาดไหน    พีเยร์นั้นไม่เคยรักชายใดอย่างแท้จริง นางหวังเพียงจะใช้ชายโง่เขล่าเหล่านั้นเป็นทางผ่านไปถึงอำนาจ ชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ และความงามอันเป็นอมตะ จะมีเพียงโซวาซ์ทาสผู้ซื่อสัตย์ของพีเยร์เท่านั้นที่รู้ใจ     

    และการที่นางใช้มารยาหญิงทำให้องค์ราชาทรงลุ่มหลงจนไม่สนราชกิจก็ทำให้องค์ราชินีเป็นห่วงบ้านเมือง จนต้องมาทูลขอองค์ราชาให้พระองค์กลับไปสนพระทัยบ้านเมืองอย่างเก่า  พีเยร์นั้นเกรงว่าพระองค์จะกลับไปหาราชินีจนนางหมดความสำคัญ    จึงกล่าวเท็จทูลว่าพระนางได้ลักลอบเป็นชู้กับองค์รักษ์ของพระนางและมีแผนการร้ายให้พระองค์ไปสวรรคตในสงครามเพื่อจะได้ยกรัชทายาทขึ้นบัลลังก์แทน    แม้คำกล่าวจะไม่มีมูลความจริงและเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้สำหรับองค์ราชินีผู้ซื่อสัตย์ที่เป็นมิ่งขวัญของไพร์ฟ้าและทุกคนในวัง   แต่องค์ราชาก็หลงเชื่อน้ำคำลวงหลอกจากนางจิ้งจอกง่ายดาย  พระองค์ทรงกริ้วชักพระแสงออกจากฝัก แม้องค์ราชินีคู่พระทัยมานานนับสิบปีจะเสด็จไปใกล้คมดาบอย่างนิ่งสงบเพื่อเตือนสติให้ทอดพระเนตรมองเห็นความจริง แต่คำยุยงของพระสนมจอมเจ้าเล่ห์ก็ทำให้พระองค์ลงดาบสังหารพระนางอย่างเลือดเย็นโดยไม่ลังเล  ซ้ำยังรับสั่งให้จับพระโอรสพระองค์เดียวของพระองค์กับองค์ราชินีไปแขวนคอในฐานะกบฏอย่างไม่มีความเป็นมนุษย์ลงเหลือในจิตใจเลย

    สนมได้ถูกแต่งตั้งเป็นองค์ราชินีองค์ใหม่ทันทีที่องค์ราชินีสวรรคต ทำให้เหล่าประชาชนที่รักองค์ราชินีเฟร่าและรู้ว่าพระนางถูกพระสนมใส่ร้ายจึงพากันประท้วงไล่นางเพศยาออกไป

    พีเยร์ที่ตอนนั้นได้เสมือนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดได้สั่งให้โซวาซ์นำทหารไปสังหารหมู่พวกชาวบ้านหรือใครก็ตามที่คัดค้านนาง การนองเลือดจึงเกิดขึ้นทั้งในเมืองและนอกเมือง”

     

    “ทำไมถึงใจคอโหดเหี้ยมเลือดเย็นกันขนาดนี้ แม้แต่แม่ของลูก แม้แต่ลูกตัวเองแท้ๆ”

     

    คนฟังสะเทือนใจจนตาแดงด้วยสงสารพระนางกับรัชทายาทที่ถูกหญิงใจร้ายกล่าวหาจนต้องตายด้วยมือพ่อตัวเองอย่างจับใจ  ไม่คิดว่าจุดเริ่มต้นของเรื่องเลวร้ายทั้งหมดจะมาจากเพียงกิเลสตันหาของมนุษย์ที่หวังจะแย่งชิงครอบครองสาวงามไม่ต่างกับแย่งชิงอำนาจหรือทรัพย์สมบัติ ที่เพียงเพื่อสิ่งนั้นแล้วถึงกลับยอมสูญเสียชีวิตที่มีค่ามากเกินกว่าของพวกนั้นไปได้ลงคอ

     

    ท่านคาฟัสพักดื่มน้ำชาที่ลูกชายรินให้แก้คอแห้ง ก่อนจะหันมององค์เฟรัวแล้วเล่าต่อ

     

    “ท่ามกลางการปกครองของชายโฉดกับหญิงชั่ว ที่พึ่งเดียวที่เหลืออยู่ของชาวเมืองเห็นจะมีก็เพียงแต่น้องชายขององค์ราชินีองค์เก่าเท่านั้น นั้นคือ เรชเป เยรันไนท์ น้องชายต่างมารดาของราชินีเฟร่า บุตรแห่งไนท์เอลฟ์กับเซอร์เรสปาซีย่องผู้ค้นพบดินแดนบนภูผาแล้วถวายดินแดนแห่งนั้นให้แก่ราชวงศ์รัวซีออสปกครองในนามแสงดาวตกหรือเรเฟโอไนท์

    ก่อนเรื่องเลวร้ายจะเกิดขึ้น พระนางเฟร่าได้มอบหมายให้น้องชายไปทำหน้าที่สำคัญคือเป็นแม่ทัพป้องกันเมืองและพยายามเจรจาสงบศึกครั้งนั้น  เรชเปเป็นชายหนุ่มสง่างามฝีมือดี และมีจิตใจดีไม่ต่างกับพี่สาว เขาสามารถชนะกองทัพศัตรูได้โดยที่ให้สูญเสียน้อยที่สุด สงครามยาวนานติดต่อกันสองเดือนเรชเปก็สามารถจัดการกองทัพจากหัวเมืองต่างๆที่พยายามปีนขึ้นมาได้หมดพร้อมทั้งยังส่งสารเจรจากับบรรดาทูลของเมืองต่างๆจนสงครามยุติลงด้วยดี ทุกคนจึงเคารพและนับถือเขาเป็นเทพแห่งสันติสุข  วีรบุรุษที่ทำให้ชาวเมืองมีกำลังใจขึ้นเยอะและหวังว่าน้องชายราชินีจะโค่นล้มพระราชาใจโฉดและนำพาความสงบมาสู่บ้านเมืองอีกครั้ง

    แต่ชาวเมืองก็ต้องผิดหวัง เมื่อเรชเปทราบเรื่องการสิ้นพระชนม์ของพี่สาวกับหลานชายแทนที่เขาจะสังหารผู้ที่ฆ่าพี่สาวของตัวเอง เขากลับขอละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง และออกบวชเป็นบาทหลวงเพื่อขจัด รัก โกธร โลภ หลง ออกจากจิตใจและสวดภาวนาให้แก่ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตในสงครามรวมถึงพี่สาวที่เขารักยิ่ง

    เมื่อเรชเปไปเป็นบาทหลวงชาวเมืองก็ต่างต้องทนทุกข์ทรมารเพราะไร้คนจะต่อต้านราชินี พีเยร์เสพสุขกับอำนาจ ทรัพย์สมบัติ จนไม่ว่าใครก็ไม่อาจสุขได้เท่านางหากนางจะรู้จักพอ

    ช่วงหลังนางรู้สึกเบื่อพระสวามีเฒ่าที่มีดีแค่ตำแหน่งราชาเป็นอย่างมาก   ครั่นพอได้เห็นรูปโฉมอันสง่างามและความหนุ่มแน่นของเรชเปตอนเขากลับมาจากสงคราม สาวงามก็เผลอตกหลุมรักน้องชายของคนที่นางใส่ร้ายจนต้องตายด้วยมือของพระสวามีเข้าเสียแล้ว

    แม้รู้ว่าเรชเปได้บวชเป็นบาทหลวงไปแล้ว แต่พีเยร์ก็คิดว่าต่อให้เป็นนักบุญมานานขนาดไหนก็ย่อมต้องหลงใหลในความงามของนางจนเกิดกิเกสกันทุกคน นางจึงได้แอบลักลอบเข้าโบสถ์ตอนกลางดึกเข้าหาบาทหลวงเรชเปเพื่อหว่านเสน่ห์และบอกว่านางรักและปรารถนาจะให้เขามาเป็นองค์ราชาแทนพระสวามีของนาง   แต่ผิดคาด ชายหนุ่มไม่ได้หลงใหลสาวงาม และไม่ได้โลภหวังเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเอง ทั้งยังสอนให้นางซื่อสัตย์ต่อสามีและขอให้นางสารภาพบาปอย่าได้ทำเช่นนี้อีก   เป็นครั้งแรกที่มีคนไม่สนใจความงามของนาง พีเยร์รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก นางกลับไปอาละวาดที่วังจนวังแทบแตก  พอโซวาซ์เห็นความโกธรกริวของเจ้านายที่ตนแอบรักจึงเสนอแผนลอบสังหารองค์ราชาและให้นางแต่งตั้งเรชเปเป็นราชาองค์ใหม่เพราะไม่ว่าใครพอได้มีอำนาจมหาสานก็ยากที่จะไม่เปลี่ยนไปเพราะอำนาจนั้น พีเยร์เห็นด้วย คืนนั้นเองนางจึงได้วางยาพิษในเหล้าของพระสวามี  ซึ่งกว่าองค์ราชาจะรู้ว่าคำตรัสของพระชายาที่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์จนวันตายด้วยมือของพระองค์เองนั้นถูก พระองค์ก็ได้ดื่มยาพิษของนางจิ้งจอกเสียแล้ว และการตายอย่างทรมารทุรนทุราน่าสมเพชก็เป็นจุดจบของราชาองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์รัวซีออส   พีเยร์ได้ประกาศกับทุกคนว่าพระองค์สวรรคตด้วยโรคระบาดร้ายแรงอย่างเฉียบพลัน   แม้ใครๆจะไม่เชื่อและรู้ว่าสาเหตุการสวรรคตขององค์ราชาย่อมมาจากนางแน่นนอน  แต่ก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านนาง   เมื่อไม่มีใครกล้าขัด นางก็ไม่รอช้ารีบสั่งขุนนางให้ไปเชิญเรชเปมาเป็นราชาองค์ต่อไป   แต่เขาก็ปฏิเสธ ทำให้ชาวบ้านต้องมาวินวอนขอให้เรชเปขึ้นครองราชย์ถึงสามวัน ด้วยทนให้ชาวบ้านต้องมาทรมารต่อไม่ไหว เขาจึงยอมศึกแล้วขึ้นเป็นองค์ราชาเพื่อปกครองให้บ้านเมืองกลับมาร่วมเย็นอีกครั้ง  จากฟ้าที่อึมคึมก็เริ่มกลับมาสดใส  แต่คนที่กำลังถดถอยเห็นทีจะเป็นพีเยร์ เพราะอำนาจไม่สามารถทำให้เรชเปเปลี่ยนไปได้อย่างที่นางหวัง เขายังคงเป็นคนจิตใจดี เที่ยงตรง มีคุณธรรม และที่สำคัญไม่แม้นจะชายตามองสนใจนางในทางชู้สาวเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังให้นางได้พักผ่อนไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับราชกิจซึงเป็นการตัดอำนาจของนางเป็นอย่างมาก จากความปรารถนาที่จะครองอำนาจและสามีที่เหมาะสมกับนางกลับกลายเป็นดาบสองคมที่ทิ่มแทงนางทุกวันนี้ พีเยร์จึงสั่งให้โซวาซ์ไปลอบปลงพระชนม์องค์เรชเป   โซวาซ์จึงได้ใช้จังหวะที่องค์ราชาเสด็จไปนอกเมืองตามลำพังสังหารพระองค์ แต่องค์เรชเปก็คาดไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พระองค์สามารถจับกุมมือสังหารก่อนจะสั่งทหารนำไปเข้าคุกหลวง แล้วพระองค์ก็เปลี่ยนฉลององค์ปลอมตัวเป็นโซวาซ์ไปหาพีเยร์ ครั้นพอองค์เรชเปที่พีเยร์คิดว่าเป็นโซวาซ์ไปถึง นางก็ถามว่าสังหารพระองค์ได้หรือไม่ พระองค์จึงออกอุบายว่าพระองค์สิ้นพระชนแล้ว พร้อมออกอุบายถามนางว่ามีแผนอย่างไรต่อพีเยร์จึงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง   พอฟังจบองค์เรชเปจึงแสดงองค์แล้วตรัสว่าพระองค์รู้แต่แรกแล้วและลองให้โอกาสนางกลับตัวกลับใจแต่สุดท้ายนางก็ไม่ยอมสำนึกทั้งยังทำบาปอีกไม่สิ้นสุด  แต่ด้วยความที่พระองค์ไม่อยากต้องเห็นใครต้องตายอีก จึงเพียงรับสั่งเพียงเนรเทศพีเยร์กับโซวาซ์ออกไป พีเยร์ซ็อดที่สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างทั้งอำนาจ เงินทอง หรือแม้แต่ชื่อเสียง นางคลุ้มคลั่งสาปแช่งองค์เรชเปและทายาทในราชวงศ์เยรันไนท์รวมถึงทุกคนในเมืองเรเฟโอไนท์ให้ถูกสาปพบเจอแต่ความอาภัพต้องอยู่อย่างเดียวดายไร้สตรีคู่ใจไปชั่วลูกหลานและให้อิสตรีเช่นนางได้ทำลายเมืองนี้ให้พังพินาศ   พอพีเยร์สาปแช่งจบนางก็ได้ดื่มยาพิษปลดชีพตัวเองโดยที่ไม่ทันที่พระองค์จะได้ทรงห้าม พระองค์ทรงเวทนาผู้ที่ปล่อยให้ตัวเองถูกกิเกสและความโลภครอบงำจนต้องมามีจุดจบเช่นนี้จึงได้รับสั่งให้นำศพนางไปฝังในป่าลึกทางเหนือพระราชวังและเมืองเรเฟโอไนท์ พอทหารฝังร่างของนางได้สักพักก็มีต้นไม้สีดำพุดขึ้นจากหลุมศพของนางทุกคนเลยเรียกต้นไม้นั้นว่าต้นพีเยร่า”

     

    คนกลัวผีรู้สึกขนลุกเมื่อนึกถึงต้นพีเยร่า จะว่าไปแล้วว่ากันว่าเจ้าต้นไม้พิสดาลนั้นก็มีรูปร่างคล้ายๆคนที่ลำตัวงอบิดเบียดเหมือนคนกำลังกรีดร้องด้วยความทรมาร สยอง..!

     

    “หลังจากที่พีเยร์ตายก็ไม่มีใครเห็นโซวาซ์อีกเลย  ตอนแรกไม่ว่าใครก็ไม่เชื่อว่าคำสาปแช่งของนางจะเป็นจริงเพราะเรเฟโอไนท์กลับมาสงบสุขเหมือนเดิม จะมีก็บางกลุ่มที่เกลียดชังพีเยร์เป็นอย่างมากพยายามไปโค่นต้นพีเยร่าทิ้ง แต่ไม่ว่าจะทั้งพยายามเอาขวานฟัน จุดไฟเผา หรือใช้เวทย์ทำลายล้างใดๆก็ตามก็ไม่สามารถจะทำให้ต้นพีเยร่ามีรอยขีดขวนได้ แถมคนที่พยายามทำลายต้นพีเยร่าคนคนนั้นก็จะตายอย่างปริศนาโดยถูกคว้านหัวใจในวันรุ่งขึ้นทุกราย”

     

    บูลนนน......

     

    “ว๊าก! ต้นไม้ผีสิงมาจกหัวใจไปกินแล้ว...!

     

    เด็กหนุ่มขี้กลัวในร่างเด็กสาวกระโดดกอดคนข้างๆแน่นอย่างลืมตัวเมื่อหมาที่ไหนไม่รู้ดันมาหอนสร้างบรรยากาศชวนขนหัวลุก   ส่วนคนโดนกอดก็ทำหน้าไม่ถูกสิครับท่านเพราะจะผลักคนกลัวขี้ขึ้นสมองออกก็เกรงใจเสด็จพ่อมันที่ประทับอยู่ตรงข้าม แต่ถ้าไม่ทำอะไรเดี่ยวได้เข้าใจผิดกันไปยกใหญ่

     

    “เรฟราชีล นั้นแค่เสียงหมาเดือนสิบเอ็ดเฉยๆ”

     

    “ง่ะ”คนหน้าแตกหน้าแดงก่อนจะรู้สึกตัวว่ากอดองค์รักษ์อยู่จึงผลักอีกฝ่ายอย่างแรงจนไควูฟัสแทบตกโซฟาจึงหันไปส่งสายตาฝากไว้ก่อนกับคนผิดที่แกล้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    ท่านพ่อของคนเสียหายนึกขำก่อนจะกระซิบกับเสด็จพ่อของคนลวนลามลูกชายตนแต่ดังพอให้ทั้งสองได้ยิน

     

    “เห็นไหมฝ่าบาท ทางดีควรจะให้เจ้าหญิงกับลูกชายกระหม่อมหมั้นหมายกันโดยเร็วก่อนที่ลูกชายกระหม่อมจะเสียความบริสุทธ์ไปมากกว่านี้นะพะยะค่ะ”

     

    ตลกร้ายคลายเครียดของท่านเสนาทำเอาคนจะได้หมั้นกันหน้าหวอไปตามๆกันและดูท่าแม้แต่เสด็จพ่อของคนโดนขอก็ไม่ปลื้มเหมือนกันเลยส่งพระเนตรสีไพลินเย็นๆปราม คนพูดเล่นจึงหยุดขำแล้วกลับไปเข้าเรื่องซีเรียสต่อ

     

    “หลายปีผ่านไปเรเฟโอไนท์ก็ยังคงสงบสุขเหมือนเดิม จนกระทั้งองค์เรชเปอภิเษกกับเจ้าหญิงเอเลน่าแห่งราชวงค์รีวีเย่ผู้เป็นที่รัก พายุร้ายก็พัดเข้าใส่เรเฟโอไนท์ให้ตกอยู่ในวังวนคำสาป   เพียงคืนเดียวหลังจากอภิเษกองค์ราชินีก็บรรทมไปตลอดกาล ไม่ว่าหมอหลวงจะหาวิธีรักษาอย่างไรองค์ราชินีก็ไม่มีวันตื่นขึ้นมา โหรหลวงได้ทำนายว่าเป็นเพราะคำสาปแช่งของพีเยร์

    องค์เรชเปทอดพระเนตรมองพระชายาที่ไม่อาจตื่นขึ้นมาอีกแล้วทรงกรรแสงด้วยความเสียพระทัยทุกวัน พระองค์ยังคงเก็บรักษาร่างไร้ลมหายใจของคนรักอย่างดีและไม่ยอมรักใครอีกเลย พระองค์ไม่อยากให้คนในราชวงศ์ต้องเสียพระทัยและสูญเสียคนที่รักเหมือนพระองค์จึงได้รับสั่งห้ามคนในราชวงศ์แต่งงานกับใคร องค์เรชเปครองราชย์อย่างเดียวดายตามคำสาป

    แต่แม้แม่เมืองจะสิ้นพระชนม์แล้วแต่อาเพศก็ไม่จางหาย ทั้งฟ้าฝนโรคภัยและสงครามจากราชาแห่งเวเนร่าพระบิดาของเจ้าหญิงเอเลน่าต่างถาถมเข้าใส่เรเฟโอไนท์ทุกวี่วัน  ความกลัวความวิตกกังวลต่างๆนานาชาวเมืองบางพวกที่เชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปเพราะคำสาปแช่งของพีเยร์โทษว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะสตรีเป็นกาลกิณีจึงรวมกลุ่มจับผู้หญิงไปโยนลงเหวแห่งความตาย ใครโชคดีหน่อยก็แค่แขนขาหัก ใครชะตาขาดก็ตกลงไปตายเท่านั้น ผู้ใดที่ขัดขวางก็จักโดนพลักลงไปตายเช่นกัน ไม่ว่าเด็กผู้หญิงหรือแม่เฒ่าก็โดนโยนลงเหวไม่มีเว้น พรากแม่พรากลูก พรากผัวพรากเมีย ดั่งฝูงแร้งบ้าเลือดที่ไล่ฉีกกินไม่เลือก ความบ้าคลั่งที่แม้พอองค์เรชเปได้ทรงทราบเรื่องแล้วออกกฎคุ้มครองสตรีแน่นหนามากยิ่งขึ้น ก็ไม่อาจหยุดโศกนาศกรรมที่ยังคงเกิดขึ้นได้หมด แม้มีกฎหมายแต่เหล่าคนที่หวาดกลัวต่อคำสาปจนกลายเป็นคนสิ้นรู้ผิดชอบชั่วดีก็ยังเข่นฆ่าสตรีในเมืองไม่หยุด   สามีสูญเสียภรรยา  ลูกชายสูญเสียแม่   พ่อสูญเสียลูกสาว  พี่ชายสูญเสียน้องสาว น้องชายสูญเสียพี่สาว   ความโหดร้ายทารุณและความโศกเศร้าเกิดขึ้นทุกวี่วัน”

     

    “นี้หรอชาวเรเฟโอไนท์ มีแต่ความโหดเหี้ยมป่าเถือน หัวใจคนเมืองนี้ทำด้วยอะไรกัน ฆ่าแม่คนอื่นแล้วมองดูคนอื่นฆ่าแม่ตัวเองอย่างเลือดเย็นได้อย่างไง ทำกับพวกนางอย่างนั้นได้ไง”

     

    ท้องฟ้าร่ำไหให้แก่ผู้สูญเสียและผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ที่ไม่น่าให้อภัยครั้งนั้น องค์เฟรัวหลับพระเนตร เวลาพักนิ่งที่ท่านคาฟัสหยุดเล่าในห้องจึงมีแต่เสียงสะอึนกับเสียงตบหลังปลอบ

     

    “เพราะองค์เรชเปต้องการปกป้องผู้บริสุทธิ์จึงได้ออกกฎหมายให้สตรีและครัวครอบออกไปตั้งต้นชีวิตใหม่ที่เมืองอามีซังและห้ามให้อิสตรีเข้าเรเฟโอไนท์ที่ไม่ต่างอะไรกับบ้านป่าเมืองเถื่อนอีก พร้อมตั้งกฎลงโทษที่คิดว่าไม่ว่าหญิงใดก็ไม่อยากลองเข้ามา

    อาเพศทั้งหลายหายไปทันทีที่หญิงคนสุดท้ายออกจากเมืองยิ่งทำให้พวกชาวบ้านที่งมงายอยู่แล้วยิ่งปักใจเชื่อว่าสตรีเป็นตัวกาลกิณีของเมืองชายต้องสาปจึงสอนลูกหลานให้งมงายตาม

    ชายคนนึงที่สูญเสียภรรยาและลูกสาวในโศกนาศกรรมสังหารสตรีตัดสินใจไปแขวนคอตายที่ต้นพีเยร่า เขาพบว่ามีคนบางคนจัดพิธีสังเวยเลือดให้แก่ต้นไม้ประหลาดที่เริ่มออกผลคล้ายลูกมะพร้าวแต่เป็นสีเทาเต็มต้น ครั้นเมื่อผ่าผลพีเยร่าก็พบตัวอ่อนเด็กอยู่ข้างใน ชายคนนั้นจึงได้นำผลสีเทากลับไปศึกษาทดลองจนในที่สุดก็ค้นพบวิธีสืบสายเลือดโดยไม่ต้องพึงสตรีของชาวเรเฟโอไนท์ที่ใช้กับมานับจากวันนั้นจนถึงวันนี้”

     

     ความกลัวจะทำให้คนเรากลายเป็นเหมือนปีศาจได้ขนาดนั้นจริงหรอ   เรฟราชีลยังหาคำตอบของคำถามนั้นไม่ได้เพราะประตูห้องได้ถูกเปิดพร้อมการของเทสกับอีกคนที่ตอบแทน

     

     “ความรัก ความโลภ ความโกธร ความหลง ความกลัว สามารถครอบงำจิตใจที่อ่อนแอให้กระทำที่ชั่วร้ายเพียงเพื่อการเอาตัวรอดได้มากมายนัก   แต่หากเป็นจิตใจที่มีเข้มแข็งมุ่งมั่นมั่นใจมั่นคงและเชื่อมั่นในความถูกต้องไม่ว่าสิ่งได้ก็ไม่อาจทำให้คนคนนั้นเปลี่ยนไปได้”

     

    เสียงแหบแห้งสั่นๆตามประสาคนชราดังมาจากคนชุดคลุมยาวสีขาวปกปิดใบหน้าเรียกสายตาจากทุกคนในห้องให้หันไปมองดูผู้มาใหม่

     

    ท่านเสนารีบลุกทำความเคารพสูงสุดเช่นเดียวกับองค์เฟรัว ไควูฟัสจึงลุกทำความเคารพตามแม้ไม่รู้ว่าชายชราเป็นใคร แต่คนที่องค์ราชาให้เกรียติขนาดนี้ต้องเป็นบุคคลสำคัญแน่

     

    ขณะที่คนไม่รู้จักสัมมาคารวะยังคงนั่งมองชายชราที่เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ดูแลอย่างสงสัย

     

    ชายชราเดินมานั่งตรงข้ามกับเขาแทนท่านพ่อที่ยืนทอดพระเนตรนิ่งๆอยู่ห่างๆ เรฟราชีลรู้สึกเหมือนคนตรงหน้ากำลังมองเขาทั้งๆที่มองไม่เห็นดวงตาอีกฝ่าย

     

    “เราพบกันอีกแล้วนะเจ้าชายเรฟราชีล”

     

    คนถูกคนแปลกหน้าทักรู้สึกแปลกใจ ทั้งๆที่เขาอยู่ในร่างผู้หญิงที่ขนาดคนอยู่ด้วยกันมาแต่เกิดยังจำแทบไม่ได้ แล้วคนตรงข้ามรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นใคร และที่สำคัญเขาไม่เคยรู้จักเจ้าตัวมาก่อน

     

    “ขอโทษนะครับ ข้าจำไม่ได้ว่าเคยพบท่าน”

     

    เขาบอกคนทำรู้จักไปตรงๆ ก่อนเสียงหัวเราะเบาๆกับน้ำเสียงเอ็นดูตอบกลับมา

     

    “ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ท่านจะจำไม่ได้ ในเมื่อตอนนั้นสำหรับท่านมันผ่านมานานมากและท่านก็ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกเลยด้วยซ้ำ”

     

    คำกล่าวของอีกฝ่ายทำให้เด็กสาวผมทองพยายามคิดแล้วคิดอีกว่าตนพบคนพูดจาแบบนี้ตอนไหน แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออกชายชราจึงเฉลย

     

     “เมื่อตอนท่านประสูติ ข้าได้มาทำนายจากปานแดงรูปดาบศักดิ์สิทธิ์กลางอกท่าน ว่าท่านจะเป็นเจ้าชายแห่งความหวังผู้ลบล้างจ้าวแห่งความโหดร้ายทารุณและปลดปล่อยผู้รอคอย”

     

    “ปาน?ข้ามีปานซะทีไหนครับ แล้วที่บอกเจ้าชายแห่งความหวังอะไรนั้นท่านทำนายผิดคนแล้วมั่งครับ คนอย่างข้านี้นะจะให้ความหวังอะไรใครได้”

     

    คนถูกทำนายตอนเด็กเอ่ยอย่างไม่เชื่อ และมั่นใจสุดๆว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดเพราะเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตัวเองมีปานรูปดาบศักดิ์สิทธิ์อะไรนั้นกลางอกเลยแม้แต่น้อย   ไควูฟัสเองก็คงไม่เชื่อเหมือนกันเพราะคิ้วของเจ้าตัวผูกเป็นปมเหมือนเทสที่ก็เคยเห็นๆอยู่ว่าอกเขาไม่มีปาน

     

    แต่คนกำลังถูกพวกคนรุ่นหลังสงสัยก็ยังคงพูดจาตามปกติไม่มีพิรุณอะไรออกมาให้จับ

     

    “พวกท่านไม่เห็นก็เป็นเรื่องปกติ เพราะพอข้าทำนายจบปานนั้นก็ได้เลือนหายไปและจะไม่ปรากฏขึ้นมาอีกจนกว่าจะถึงเวลาที่จ้าวแห่งความโหดร้ายทารุณกลับมา ส่วนเรื่องจะใช่เจ้าชายแห่งความหวังหรือไม่ คำตอบนั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวของท่านเอง”

     

    ถึงจะฟังดูงงๆที่อยู่ดีๆปานคนเราก็เดี่ยวมีเดี่ยวหายกันได้ แต่ไอ้ชื่อพิลึกที่ได้ยินเป็นครั้งที่สองกลับเรียกความสนใจจากเจ้าของปานแปลกๆได้มากกว่า

     

    “จ้าวแห่งความโหดร้ายทารุณ ใครหรอครับ”

     

    “ท่านคงเคยได้ยินชื่อของโซวาซ์มาบ้างแล้วสินะ”

     

    คนถูกถามพยายามนึก รู้สึกเหมือนได้ยินจากที่ไหนมาก่อนแต่ก็จำไม่ได้อยู่ว่าเป็นใคร จนท่านเสนาที่พึงเล่าอดีตของเรเฟโอไนท์จบทนรอให้เจ้าชายความจำปลาทองคิดเองไม่ไหว

     

    “ก็โซวาซ์ทาสผู้ซื่อสัตย์ของพีเยร์ไงเจ้าชายเรฟราชีล”

     

    “อ้อ ทาสผู้ซื่อสัตย์ของพีเยร์นี้เอง   ว่าแต่.. แล้วพีเยร์นี้ใครอ่ะครับ”

     

    คำถามแสนซื่อบื่อที่คนนั่งข้างๆอยากตบกบากให้รางวัลเพื่อนขี้ลืมได้ใจยิ่งนัก องค์รักษ์ที่จำต้องเป็นเลขาด้วยรีบกระซิบข้างหูคนทำเอ๋อได้โล่ทันที

     

    “พีเยร์ก็ผู้หญิงที่ตายแล้วกลายเป็นต้นพีเยร่าไงล่ะ”

     

    “อ้อต้นไม้ผีสิ่งนี้เอง แล้วโซวาซ์เกี่ยวอะไรกับจ้าวแห่งความโหดร้ายอะไรนั้นล่ะครับ”

     

    “ถ้าจะเล่าเรื่องของจ้าวแห่งความโหดร้ายทารุณก็คงต้องเริ่มเล่าตั้งแต่โซวาซ์เกิด โซวาซ์เกิดจากพ่อแม่ที่ยังไม่พร้อม หลังคลอดเสร็จแม่ของโซวาซ์ก็นำเขาไปทิ้งในป่าลึก ไม่มีใครได้เสียงทารกแรกเกิดที่กำลังร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและความหิวเลยสักคนสิงสาราสัตว์ต่างมาดมตัวเล็กที่ยังคงมีคราบเลือดกับสายครกติดตัว   และกลืนคาวเลือดเรียกให้เสือที่หิวโหยมาหาเหยื่อที่ไม่มีทางสู้   ทารกร้องไห้ไม่หยุดเมื่อเจ้าเสือร้ายอ้าปากเข้าใกล้ตัว  ครั้งนั้นอาจเป็นจุดจบของโซวาซ์  หากท่านจ้าวกลมการคลั่งที่มาล่าสัตว์ไม่ได้ยิงลูกธนูใส่กลางหน้าผากของเจ้าเสือนั้นจนมันตายทันที ท่านรีบส่งคนให้พาทารกตัวชุมเลือดที่หายใจรวยรินในปากเสือไปหาหมอทันที   มือซ้ายของเด็กถูกกัดจนขาด นับปีกว่าจะอาการดีขึ้น ท่านจึงได้รับเลี้ยงทารกเหมือนลูกทาสคนอื่นๆจนโตเป็นหนุ่ม โซวาซ์มักถูกกดขี่ข่มเหงสารพัดตั้งแต่เด็กจนโตเพียงเพราะเขาขี้โรคอ่อนแอและมีร่างกายพิการ เขาโกธรทาสคนอื่นที่ทำเป็นรังเกลียดเขารังแกเขาและแค้นพ่อแม่ของตัวเองที่ทิ้งให้เขาต้องมาเจอเรื่องร้ายๆเป็นอย่างมาก    แล้ววันนึ่งสิ่งที่เก็บกดไว้ก็ระเบิดออกเมื่อเขาถูกพวกทาสด้วยกันรุมรังแกตอนกำลังทำสวน โซวาซ์โกธรจนลืมตัวใช้เคียวตัดหญ้าฟันคอทาสด้วยกันจนคอขาด  เขามองดูร่างที่ไร้ศีรษะอย่างคนเสียสติ แล้วฆ่าพวกทาสที่เห็นเหตุการณ์ปิดปาก กว่าจะรู้สึกตัวรอบตัวก็มีแต่ศพ  ในขณะที่เขากำลังหวาดกลัวต่อความผิด พีเยร์ที่แอบมาเดินเล่นคนเดียวเห็นโซวาซ์ที่กำลังเชิดคราบเลือดออกจากเคียวและศพเข้า แรกนั้นโซวาซ์กลัวนางจะไปฟ้องท่านจ้าวกลมจึงคิดจะฆ่านาง แต่ด้วยเพราะความงามของพีเยร์ที่ทำให้เขาหลงรักแต่แรกเห็นทำให้เขาไม่กล้าลงมือ เขาทิ้งอาวุธและยอมรับความผิดทุกอย่างและขอให้นางลงโทษเขา พีเยร์มองดูศพเหล่านั้นสลับกับทาสที่กำลังคุกเข่าขอให้นางลงโทษ นางบอกโซวาซ์ว่าจะช่วยเขาปกปิดความลับนี้โดยให้เขารับใช้เธอไปตลอดชีวิต เขาจึงสาบานว่าจะจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อนางไปตลอดชีวิต  แต่นั้นมาโซวาซ์ก็ได้เป็นผู้รับใช้คนสนิทของพีเยร์หน้าที่ของเขาคือทำทุกสิ่งทุกอย่างตามที่นางสั่งโดยหน้าที่หลักๆคือลอบสังหารคนที่มาพัวพันกับนาง และทำตามคำสาบานทุกประการ จนกระทั้งนางตาย โซวาซ์แม้ไม่ต้องเป็นทาสใครแล้ว แต่ด้วยความที่รักในตัวเจ้านายมากทำให้จิตใจที่มืดมนของเขายิ่งดำทมิฬ เขาพยายามหาทุกวิถีทางที่จะทำให้พีเยร์ฟื้นคืนจากความตาย เขาฆ่าทุกคนที่มาทำร้ายต้นพีเยร่าและนำหัวใจและเลือดของคนเหล่านั้นไปทำพิธีสังเวยให้นางฟื้นคืนจนกระทั้งความมืดในจิตใจของโซวาซ์ได้ก่อตัวเป็นรูปร่าง ร่างที่มีเพียงเงาสีดำรางได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาและบอกว่าหากขายวิญญาณให้แก่มันมันจะให้สิ่งที่เขาปรารถนา โซวาซ์ได้ขายวิญญาณให้กับปีศาจ เขากลายเป็นศพเดินได้ที่ไม่มีวันตายและมีพลังแห่งความมืดทั้งมวลอยู่ในตัว เขาหาเครื่องสังเวยที่แลกด้วยชีวิตคนกว่าร้อยทำพิธีแต่ก็ไม่อาจชุบชีวิตพีเยร์ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ได้ เขาจึงยิ่งโกธรเกลียดทุกคนในโลกและอยากจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้พังวินาศเริ่มจากเรเฟโอไนท์เป็นแห่งแรก โซวาซ์ได้ใช้มนต์ดำทำให้เรเฟโอไนท์เป็นตามคำสาปแช่งของพีเยร์ และสาปให้เจ้าหญิงเอเลน่าหลับใหลไปตลอดกาล ทั้งได้โปรยโรคร้ายใส่ในทะเลสาบ ครอบงำราชาแห่งวาเนร่าที่จิตใจอ่อนแอเพราะสูญเสียพระธิดาให้ทำสงครามกับเรเฟโอไนท์ ทั้งยังครอบงำจิตใจที่หวาดของชาวเมืองให้กระทำในสิ่งที่โหดร้ายจับสตรีที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลยไปโยนลงเหว และนี้ก็คือที่มาของชื่อจ้าวแห่งความโหดร้ายทารุณ”

     

     เรฟราชีลรู้สึกงงไปหมด   สรุปไอ้ที่ชาวบ้านในยุดนั้นลุกมาทำเรื่องเลวร้ายเพราะโซวาซ์ที่ขายวิญญาณให้กับปีศาจจนสำเร็จเป็นดาร์ดพรีสครอบงำจิตใจที่อ่อนแอนะหรอ แถมภัยร้ายต่างๆก็ไม่ได้เกิดจากสตรีที่พวกชาวเมืองเชื่อกันผิดๆว่าเป็นตัวกาลกิณีด้วย แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้ความเชื่อแย่ๆนั้นมีมาจนถึงตอนนี้

     

    “ทำไมไม่บอกความจริงเรื่องนี้กับทุกคนเลยล่ะครับ พวกเขาจะได้หูตาสว่างเลิกเชื่อความเชื่อผิดๆแบบนี้กันซะที”

     

    เด็กรุ่นหลังถามชายชราอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะรู้สึกเหมือนเห็นอีกฝ่ายส่งยิ้มเอ็นดูมาให้ทั้งๆเคราสีขาวยาวปิดปากคนตรงข้าม

     

    “เจ้าชายเรฟราชีลท่านยังคงเป็นเด็กไร้เดียงสาจริงๆ”

     

    คนถูกชมหรือว่าไม่รู้ค้านในใจเพราะคิดว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดแบบผู้ใหญ่ที่สุดแล้วนะ แต่ก็รับฟังที่ผู้ใหญ่กว่าผู้ใหญ่เล่าต่อ

     

    “คนที่รู้ความจริงนี้ในตอนนั้นมีน้อยมากต่อให้พูดให้ใครฟังก็ไม่มีใครเชื่อ ยุคนั้นไม่ใช่แค่เรเฟโอไนท์เมืองอื่นๆก็กำลังวุ่นวายโกลาหลไปหมดเพราะโซวาซ์อยู่เบื้องหลังเหมือนกัน และเพื่อยุติความชั่วร้ายทั้งมวลคงมีเพียงต้องกำจัดจ้าวแห่งความโหดร้ายทารุณเท่านั้น 

    แสงแห่งความหวังได้ปรากฏขึ้นร่ำไรท่ามกลางความมืดมนที่ปกคลุมทั่วผื่นแผ่น  พ่อมดผู้ได้รับบัญชาจากสวรรค์ได้ออกเดินทางตามหาผู้พิทักษ์ทั้งสี่พร้อมชายผู้มาจากโลกต่างที่โซวาซ์เรียกมาเพื่อต้องการเลือดกับหัวใจคนโลกต่างสังเวยชุบชีวิตพีเยร์   พ่อมดกับชายคนนั้นร่วมกันฝ่าฟันการทดสอบสอบต่างๆจนสามารถรวมกลุ่มของผู้พิทักษ์ได้ ท้ายที่สุดโซวาซ์ถูกผู้พิทักษ์จองจำไว้ในเหวนิลกาลบนเกาะมรณะโดยแลกด้วยชีวิตของผู้พิทักษ์ทั้งสี่และคนโลกต่างทำให้มนต์ดำทั้งมวลหายไป แม้ท้องฟ้าจะกลับมาโปร่งสดใสความมืดมิดและความโหดเหี้ยมจะเลือนหายไปจากใจคนที่ถูกโซวาซ์ครอบงำ  แต่พ่อมดผู้นำทางที่ต้องนำมนุษย์ธรรมดาที่ถูกกำหนดให้มาเป็นผู้พิทักษ์ต้องมาเสียสละชีวิตเช่นนี้ รู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ไม่อาจช่วยคนโลกต่างและผู้พิทักษ์ได้ จึงได้สร้างโรงเรียนผู้พิทักษ์ขึ้นตรงที่ผู้พิทักษ์ทั้งสี่สละชีวิตกักขังโซวาซ์”

     

    ที่เขาอยู่อย่างสงบสุขได้ทุกวันนี้ก็เพราะการเสียสละของคนในอดีต แต่เขากลับตอบแทนด้วยการนำพาความเดือดร้อนมาสู้บ้านเมือง รู้สึกละอายจนไม่กล้าเอาแผ่นดินนี้กลบหน้าตัวเอง

     

    “เจ้าชายเรฟราชีลท่านรู้ไหมว่าตอนนี้ท่านเหมือนใครในอดีต”

     

    “ครับ?”จู่ๆชายชราก็ทักว่าเขาเหมือนคนในอดีต แล้วเขาจะไปรู้ไหมนี้   เรฟราชีลพยายามนึกพลางมองไปทั่วห้องก่อนจะสบเข้ากับพระพักตร์เสด็จพ่อที่ทอดพระเนตรมองเขาอยู่

     

    “ข้าเหมือนองค์เรชเปหรอครับ”

     

     “ท่านเหมือนเรชเปตรงหัวใจที่บริสุทธิ์กับจิตใจดีงามสมสายเลือดท่านเรสปาซีย่อง”

     

    แม้จะถูกผู้ใหญ่ชมว่าเป็นเด็กดี แต่เขาคิดว่านั้นเป็นเพียงคำปลอบคนตอบผิดมากกว่า ก็เขารู้อยู่แก่ใจดีอยู่แล้วนี้หนาว่าตัวเองนั้นเป็นคนเลวแสนเลวขนาดไหน

     

    “แต่ที่ข้าบอกว่าท่านเหมือนไม่ใช่เรชเป”คำบอกกล่าวให้คนกลับมาฟังยิ่งคิดหนัก

     

    แล้วจะเป็นใครอีกล่ะ โซวาซ์รึไง

     

    “ท่านเหมือนพีเยร์ต่างหาก”

     

    “ห๊ะ!”คำเฉลยทำเอาทุกคนในห้องยกเว้นองค์เฟรัวกับคนเฉลยต่างหันมองเรฟราชีลอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ผู้หญิงเซ่อๆเซอร์ๆ กริยาดูไม่มีความเป็นกุลสตรีมีสกุลชาติแบบนี้น่ะหรอเหมือนนางที่งามที่สุดในแผ่นดิน  เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว

     

    “สิ่งที่เหมือนคือรูปภายนอก ทั้งเส้นผมสีทองดุจไหมล้ำค่า คิ้วเสี่ยวจันทร์สวยหยื่ง นัยน์ตาสีทองมนดูมีอำนาจมากเสน่ห์ ริมปากเล็กสีกุหลาบและผิวขาวนวลดุจพญาหงส์”

     

    คนงามยิ้มเหยเกเมื่อคิดว่าถ้าเกิดวันใดมีพวกบ้ามาฆ่ากันตายเพราะแย่งกันจีบชายก็ไม่เหลือหญิงก็ไม่สมอย่างตนคงเป็นวันอัปยศสุดๆของเขา

     

    “แต่คนในอดีตก็คือคนในอดีต คนปัจจุบันก็คือคนปัจจุบัน เหมือนกันภายนอก แต่ใจต่างสุดขั้ว และพีเยร์นอกจากจะงามยังมีเสน่ห์ยั่วยวนมากด้วยจริตมารยา แต่ท่านถึงจัดว่าสวยแต่ไร้เสน่ห์ดึงดูดดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องเหมือนนางหรอก”

     

    ท่านผู้เฒ่าบอกให้สบายใจเหมือนรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เขาควรจะดีใจหรือเสียใจที่ไม่มีเสน่ห์ดีเนี้ย

          

    องค์เฟรัวทอดพระเนตรดูเวลาที่ล้วงเลยไปก่อนตรัสเข้าประเด็น

     

    “ท่านอาเปรย์ซีเย่เรื่องที่เราต้องขอรบกวนท่านคือ...”

     

    “ข้ารู้หมดทุกอย่างแล้วองค์เฟรัว ทั้งเรื่องที่เจ้าชายไม่ผ่านการทดสอบ และองค์มหาเทพทรงลงโทษสาปเจ้าชายด้วยพระองค์เอง หรือแม้แต่เรื่องที่ฝ่ายนั้นพบตัวเจ้าชายแล้ว”

     

                ฝ่ายนั้นที่ว่าหมายถึงพวกคนชุดดำที่โจมตีพวกเขาระหว่างทางไปวิหารโซเลรึเปล่านะ

    เรฟราชีลมองหน้าไควูฟัสอย่างขอความคิดเห็น แต่ก็ได้คำตอบเพียงการยักไหล่ไม่รู้อย่างกวนๆชวนเตะเพื่อนเลิฟตกโซฟาด้วยความรักและเอ็นดูโชว์พ่ออีกรอบ

     

    “แล้วพอมีวิธีแก้คำสาปให้เจ้าชายกลับมาเป็นชายไหมขอรับ”ท่านเสนาถามท่านผู้เฒ่าอย่างกังวล ดูเหมือนพวกผู้ใหญ่จะไม่สงสัยว่าพวกคนชุดดำเป็นใครกันเลย หรือจะรู้กันอยู่ก่อนแล้ว?

     

    “คำสาปนี้จะหายไปเองเมื่อเจ้าชายเลิกขี้เกียจได้ถาวร   แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เจ้าชายเรฟราชีลคงต้องผ่านอะไรมากมายนัก”

     

    คนกำลังใช้จังหวะที่ไม่มีใครสนใจนั่งเคาะขี้มูกรีบเอานิ้วชี้เขี่ยๆเบาะรองนั่งทันทีเมื่อทุกคนหันมาจ้องป็นตายเดียว

     

    “ทำไมมองข้ากันด้วยสายอย่างงั้น”  

     

    ก็ขืนรอให้เจ้าชายพ่อมดจอมขี้เกียจเปลี่ยนไปเหมือนเจ้าชายปกติได้ตายเกิดตายเกิดกันไปไม่รู้อีกกี่ชาติอ่ะสิ   แต่ประโยคต่อมาของท่านผู้รู้ก็ทำให้เหล่าผู้ที่ต้องเดินทางไปในทางที่ไม่รู้สิ้นสุดที่ตรงไหนได้พอเห็นทางสว่างจากทางลัดที่อาจเอือมถึง

     

    “ยังมีอีกวิธี นั้นคือใช้มณีถอนมนตราของวิเศษแห่งผู้พิทักษ์ที่สามารถหักล้างเวทได้ทุกอย่าง มันเป็นของสำคัญที่ใช้ได้อีกเพียงแค่ครั้งเดียวจึงถูกเก็บซ่อนในโรงเรียนกาเรเดียน่า”

     

    “โรงเรียนกาเรเดียน่า?”เรฟราชีลทวนอย่างตะงิใจ

     

     “กาเรเดียน่าหรือโรงเรียนผู้พิทักษ์ได้ถูกตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้พิทักษ์ทั้งสี่ที่สละชีวิตตัวเองเพื่อผนึกเจ้าแห่งความโหดร้ายไว้ในห้วงนิลกาล นอกจากนั้นยังสอนวีชาความรู้หลักธรรมและปณิธานเจตจำนงแห่งพิทักษ์ให้เหล่าคนรุ่นหลังให้รู้จักใช้การชีวิตและทำหน้าที่ที่ถูกต้อง”

     

    นิอาซ์ที่เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เอ่ยขึ้น เขามองเห็นประกายเศร้าๆในนัยน์ตาสีหมอกคู่นั้นยามกล่าวถึงผู้พิทักษ์

     

    “นั้นก็..”ยังไม่ทันที่ท่านเสนาจะพูดอะไรบางอย่างนิอาซ์ก็ขัดขึ้น

     

    “มณีถอนมนตราเป็นของวิเศษที่มีเพียงเกลาซ์ผู้เป็นเจ้าของมันเท่านั้นที่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน จนบัดนี้ไม่ว่าใครก็รู้เพียงแค่ว่ามันอยู่ในโรงเรียนผู้พิทักษ์แต่ไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนบนเกาะการ์เดียน”

     

    “ถ้าจะถอนคำสาปด้วยวิธีนั้นคงต้องให้ผู้โชคดีเข้าไปหาลูกแก้วล้างอาคมในโรงเรียนกาเรเดียน่าด้วยตัวเองสินะ” ท่านคาฟัสเอ่ยแล้วถอดหายใจไว้อาลัยใครบางคนที่กำลังจากไป   

     

    หนังตาข้างขวาของเด็กสาวกระตุก 

     

    “ครับ ทางที่ดีพรุ่งนี้ควรให้คนที่จะหามันรีบออกเดินทางกันเลย ถึงกาเรเดียน่าจะเป็นโรงเรียนที่ไม่ได้เลิศหรูและมีความสะดวกสบายให้นักเรียนมากนัก แต่เพราะบุคคลสำคัญมากมายล้วนจบจากที่นี้เช่นเดียวกับองค์เฟรัวและท่านเสนาจึงทำให้นักเรียนเข้าไปสมัครกันเกินจำนวนที่โรงเรียนจะดูแลไหว และการคัดเลือกนักเรียนก็จะมีอีกห้าวันนี้แล้วพะยะค่ะ”

     

    นิอาซ์ตอบเหมือนรู้จักโรงเรียนนี้ดีมากๆ ราชาที่เคยจบจากที่นั้นพยักพระพักตร์รูปสลักก่อนรับสั่งโดยที่คนไม่ถูกสั่งแต่ก็รู้สึกโดนพระบิดาผู้เด็ดขาดดุจภูผาน้ำแข็งมัดมือชกเข้าเต็มๆ

     

    “เทส เทซัส จัดการเตรียมสัมภาระให้เจ้าชายสำหรับเดินทางวันพรุ่งนี้ ไควูฟัส วูฟไมรอส เจ้าเองก็เตรียมสัมภาระไปเรียนที่กาเรเดียน่าพร้อมกับเรฟราชีลด้วย”

     

    “หา...!ท่านพ่อจะให้ข้าไปเรียนโรงเรียนผู้พิทักษ์อะไรนั้นทั้งๆที่ยังอยู่ในสภาพอย่างงี้หรอครับ”เด็กสาวตัวสูงทำหน้าอยากตาย

     

     ไอ้ตอนปกติก็ไม่อยากไปเรียนเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งร่างเขากลายเป็นแบบนี้ด้วยยิ่งไม่อยากไป เขาส่งสายตาวิงวอนไปยังเสด็จพ่อแต่ก็ต้องรีบหันไปทางเจ้าตัวเล็กทันทีได้ยินอีกฝ่ายว่า

     

    “มันก็ยังดีกว่ารอให้ท่านเลิกสันดานสันหลังยาวเองนะครับ”พระอาจารย์คนเก่งกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าใคร และยิ่งเห็นท่านพ่อเงียบเห็นดีเห็นงามด้วยคนขอความเห็นใจก็ยิ่งปลงตก

     

    “ในเมื่อหมดเรื่องแล้วก็ข้าขอไปก่อน ถึงเวลาที่ข้าจะได้พักสักที”ชายชราบอกแล้วยืนขึ้น

     

    ทุกคนในห้องหันไปทำความเคารพสูงสุดกันหมดเว้นเด็กที่กำลังงอแงไม่อยากไปเรียน

     

    อะไรสักอย่างถูกยัดใส่มือคนกำลังแอบคิดแผนการชั่วร้ายร้อยแปดเพื่อที่จะไม่ไปเรียนจนสะดุ้ง นัยน์ตาสีทองมนมองมีดสั่นเก่าๆขึ้นสนิมในมือตนก่อนมองผู้ให้อย่างขอคำตอบ

     

    “เมื่อใดที่ท่านต้องเผชิญหน้าจ้าวแห่งความโหดร้ายทารุณ จงใช้มีดเล่มนี้แทงหัวใจแห่งโซวาซ์ปลดปล่อยผู้ที่รอคอย”

     

    แม้จะงงๆรู้สึกขัดๆว่าทำไมเขาต้องโง่ไปเผชิญหน้ากับจ้าวแห่งความมืดด้วย แต่ด้วยถูกสอนมาว่าเวลาผู้ใหญ่ให้อะไรไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่เด็กดีจะต้องตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า

     

    “ขอบคุณครับ”

     

    ทั้งที่ไม่เห็นปากใต้เคราหนา แต่เขามั่นใจว่าท่านผู้เฒ่าต้องกำลังยิ้มเอ็นดูในความน่ารักแสนดีของเขาอยู่แน่ มือตามวัยจึงได้มาลูบหัวเขาอย่างแผ่วเบา

     

    “เจ้าชายเรฟราชีล อย่าได้น้อยใจในโชคชะตาเลย เมื่อท่านสามารถผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตได้ คำสาปนี้ก็จะหายไป อย่าคิดว่าตัวเองไร้ค่า ทุกคนมีค่า จงเห็นค่าของตนแล้วมีชีวิตอย่างเป็นสุข เรื่องบางอย่างใครก็หยุดยั้งไว้ไม่ได้ จงยอมรับมันด้วยรอยยิ้มเถอะ”

     

    แสงไฟดวงเล็กๆลิบลี่เหมือนหิ่งหอยมากมายล่องลอยออกจากผ้าคลุมของคนตรงหน้า ภาพที่นัยน์ตาสีทองเงยเห็นคือร่างชราของคนที่ลูบหัวเขาอยู่กำลังสลายกลายเป็นแสงหิ่งหอย

     

    “ท่านผู้เฒ่า!

     

    ขณะที่เขา ไควูฟัส และเทสต่างตกใจจนประสานเสียงกันโดยมิได้นัดหมาย แต่ท่านพ่อ ท่านเสนา นิอาซ์ หรือตัวท่านผู้เฒ่าเองกลับไม่แปลกใจแต่อย่างใดที่ท่านกำลังจะหายไป

     

    “ไม่ต้องห่วงหลานรัก เราสบายแล้ว คนที่ต้องห่วงคือพวกเจ้าเองมากกว่า”

     

    ดูเหมือนแสงสว่างเบื้องหน้าเป็นสิ่งที่ท่านรอคอยมาจนถึงวันนี้  แต่ใจพวกเขาล่ะ จู่ๆท่านก็มาทำให้รู้สึกเหมือนได้พบญาติผู้ใหญ่ที่ไม่เจอกันนาน แต่ไม่ทันไรก็จะไม่มีญาติคนนั้นอีกแล้ว

     

    ไหนใครบอกว่าองค์เรชเปใจดี ท่านน่ะใจร้ายชอบมาหลอกให้ลูกหลานเสียน้ำตาเล่น

     

    “หากปานแดงรูปดาบศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นกลางอกเจ้าอีกครั้งนั้นหมายถึงจ้าวแห่งความโหดร้ายทารุณได้กลับมา ขอให้พยายามปกป้องคนข้างกายของเจ้าสุดชีวิตนะสายเลือดแห่งข้า”

     

    ท่านทิ้งท้ายคำทำนายครั้งสุดท้ายไว้ก่อนเหล่าแสงไฟจิตวิญญาณที่ห่วงลูกหลานของปฐมกษัตริย์เยรันไนท์จะลอยออกนอกหน้าต่างลอยกลับขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าที่สถิตแท้จริงของพระองค์

     

    เรฟราชีลนึกถึงคำพูดของพระอาจารย์คนนึงที่เคยสอนเขาตอนยังจำความไม่ค่อยได้ พระอาจารย์เล่าว่าก่อนองค์เรชเปเสด็จสู่สวรรศ์คาลัยพระองค์ได้รู้แจ้งถึงสิ่งต่างๆที่เกิด พระองค์จึงได้ทิ้งจิตวิญญาณที่ยังคงมีห่วงไว้ในโลกมนุษย์เพื่อรอคอยวันที่จะได้ถ่ายทอดสิ่งที่ท่านรู้ให้แก่ใครบางคน แต่กระนั้นเวลาสองร้อยกว่าปีก็ต้องแลกด้วยการเห็นลูกหลานล้มหายตายจาก ไม่แปลกถ้าการรู้แล้วเสียใจไม่รู้แล้วไม่เสียใจท่านจะเลือกอย่างหลังเมื่อหาคนที่จะสานต่อจากท่านได้

     

    รอบข้างองค์เรชเปมีแต่ความสูญเสียตลอดทั้งชีวิต เวลาแห่งความสุขคงมีเพียงแค่ตอนที่ได้ครองรักกับเจ้าหญิงเอเลน่า แล้วตอนนี้พระองค์ทั้งสองคงได้พบความสุขที่เฝ้ารอคอยมานาน

     

    แล้วเขาล่ะ จะมีช่วงชีวิตแบบพระองค์หรือไม่ จอมกษัตริย์ผู้ทรงธรรมเสียสละทุกสิ่งของพระองค์ได้เพื่อแผ่นดิน พยายามรักษาบ้านเมืองเกิดสุดความสามารถ แม้จะสูญเสียคนสำคัญยิ่งก็ยังคงยืนยั่ดเพื่อเป็นร่มเงาให้แก่ชาวอัศวินทมิฬอย่างเสมือนเป็นลูกที่เพียงหลงผิดของพระองค์

     

    แต่ถ้าเป็นเขา ลูกเลว ลูกชั่ว ต่ำช้าเช่นนั้น เขาจะลงโทษ ทรมารให้สาสมกับที่มันกระทำ!

     

    “ข้าจะคุยกับลูกตามลำพัง”องค์เฟรัวรับสั่งขึ้นหลังเสร็จจากการประทับยืนไว้อาลัย

     

    ลูกพระองค์สะดุ้งตื่นจากห้วงคิดนึกขึ้นได้ว่าคงถึงคราวลูกเหลวไหลคนนี้โดนท่านพ่อผู้เด็ดขาดดุจภูผาน้ำแข็งจะลงโทษอย่างสาสมที่กระทำไว้แล้ว     

     

     “พะย่ะค่ะ”คนทั้งสี่ยิ้มกว้างรับแล้วออกจากห้องไปปล่อยให้พ่อลูกได้คุยกันโดยไม่รู้เลยว่าคนเป็นลูกร้องในใจให้ใครก็ได้อยู่เป็นเพื่อนหน่อย

     

    พอไม่มีคนอื่นอยู่บรรยากาศมันจึงยิ่งหนาวจับใจ ยิ่งพอเสด็จพ่อกลับมาประทับนั่งบนโซฟาตรงข้ามแล้วก็ทำให้เขานึกกลัวหลับหูหลับตาก้มหน้าเตรียมโดนเสด็จพ่อดุ

     

    “เรฟราชีล..”

     

    “ข้าขอโทษครับท่านพ่อ ข้าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วข้าสำนึกผิดแล้วครับ”คนขี้กลัวรีบหลับหูหลับตาขอโทษรัวโดยไม่ทันฟังว่าเสียงสุจของพระองค์อ่อนล้าลงกว่าปกติ

     

    “ไม่ว่าใครก็เคยทำผิดพลาดกันได้ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่พ่อ”

     

    “ขอโทษครับข้าจะไม่... เมื่อกี้ ท่านพ่อว่าไงนะครับ?”เรฟราชีลหยุดหลับหูหลับตาขอโทษแล้วพยายามคิดว่าหูเขาเพี้ยนไปหรือไม่ถึงได้ยินท่านพ่อตรัสเรื่องไม่น่าเป็นไปได้แบบนั้น

     

    “พ่อเองก็เคยทำเรื่องผิดพลาดมาแล้วเหมือนกัน”

     

    “อย่างท่านพ่อนะหรอครับจะเคยทำผิด”แม้จะได้ยินคำเดิมจากเสด็จพ่อแต่เขาก็ไม่อยากเชื่อว่าคนสมบูรณ์แบบแทบทุกอย่าง(ยกเว้นการแสดงอารมณ์)อย่างท่านพ่อของเขาจะทำผิดเป็น  ถ้าให้บอกว่าแรมโบ้อย่างเทสเป็นกระเทยปลอมตัวมาลักหลับไควูฟัสเขายังเชื่อมากกว่าอีก

     

    นัยน์ตาสีทองเงยขึ้นมองพระพักตร์รูปสลักแสนเรียบเฉยเช่นปกติแต่พระเนตรสีไพลินที่มักนิ่งสงบจนยากจะอ่านออกกลับมีความเศร้าโศกและสำนึกผิดเบื้องหลังความเย็นชาให้ได้เห็น   

     

    “พ่อเคยทำผิดอย่างร้ายแรงจนไม่อาจให้อภัยตัวเองได้และไม่หวังว่าใครจะให้อภัย มันเป็นบทเรียนที่จะติดตัวเราไปจนตายและคอยย้ำความผิดของเราไม่ให้ทำแบบนั้นอีก ที่พ่อไม่ตามใจเจ้ามากไปกว่านี้เพราะพ่อไม่อยากให้เจ้าทำผิดเหมือนที่พ่อเคยทำอีก”

     

    “ท่านพ่อ...”เขาพูดอะไรต่อจากนั้นไม่ออก อะไรบางอย่างจากความเข้าใจผิดที่เคยขุ่นมัวเริ่มหายไป ความตื้นตันและความสำนึกเข้ามาแทนที่ อคติไร้สาระก็หายไปจนหมด

     

    “ที่โรงเรียนผู้พิทักษ์จะสอนอะไรหลายๆอย่างให้กับเจ้า พ่อไม่ได้หวังให้เจ้าเป็นเจ้าชายแห่งความหวัง พ่อหวังเพียงว่าลูกจะมีความสุขที่แท้จริงโดยไม่ทำให้ใครเดือดร้อน”

     

    แม้พระองค์จะทรงรับสั่งด้วยสุจเสียงแสนเรียบตามเดิมแต่เขากลับรู้สึกถึงความรักและความอบอุ่นที่เขาโหยหามาตลอดแต่ไม่รู้จักเข้าใจว่าเขาได้รับมันมาตลอดจนกระทั้งวันนี้

     

    “พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีกไกล”องค์เฟรัวตรัสก่อนจะทรงลุกจากไป

     

    “ท่านพ่อ...”เรฟราชีลเรียกเบาๆ ร่างสง่าที่กำลังเดินออกไปหยุดรอสดับฟังโดยไม่หันมา

    เขาจึงค่อยๆรวบรวมความกล้าพูดออกไปได้

     

     “ข้าขอโทษครับท่านพ่อ ที่ข้าทำแต่เรื่องแย่ๆ ข้าขอโทษที่เป็นลูกไม่เอาไหน ข้าขอโทษที่เอาแต่ใจไม่เข้าเรื่อง ต่อไปนี้ข้าสัญญาว่าข้าจะเปลี่ยนตัวเอง ข้าจะไม่ทำให้ท่านพ่อต้องเหนื่อยพระทัยอีกแล้ว ข้าจะพยายามทำให้ท่านพ่อภูมิใจในตัวลูกไม่ได้เรื่องคนนี้ให้ได้”

     

    พอเขาพูดจบได้สักพักเสด็จพ่อก็เสด็จออกไปโดยไม่ตรัสอะไร แม้จะไม่รู้ความคิดท่าน แต่อย่างน้อยเขาก็รู้สึกดีที่ได้ขอโทษท่านพ่อและคงรู้สึกดียิ่งขึ้นหากเขาจะทำตามสัญญาที่ให้ได้

     

    เด็กสาวตัวสูงลุกกลับไปนอนบนเตียงตน นัยน์สีทองมองออกไปนอกหน้าต่าง จากดวงจันทร์ที่ลงต่ำก็บอกได้ว่าใกล้เช้าแล้ว

     

     วันนี้มีแต่เรื่องวุ่นๆทั้งวันเลย มีบางคนเคยบอกเขาว่าถ้าในวันเกิดตัวเองเป็นอย่างไงก็จะเป็นอย่างงั้นไปตลอดทั้งปีซึ่งเขาหวังว่าคงไม่จริง

     

    นัยน์ตาทองมนหลับตาลงเพื่อพักผ่อนตามที่ท่านพ่อบอก

     

    โจ๊ก~

     

     แต่เสียงท้องตัวเองร้องก็ทำให้เขาตื่น ก็วันนี้วุ่นจนยังไม่ได้กินข้าวเลยนี้หนา

     

    ร่างสูงบางลุกนั่งจ้องประตูห้องที่ไม่มีใครบางคนเปิดเข้ามาซะทีจนทำให้เขาหงุดหงิด

     

    “ไควูฟัสเมื่อไหร่เจ้าจะเข้ามาได้ซะทีฮะ จะต้องให้ข้าจุดธูปเรียกหรือไง”

     

    หลังจากที่เด็กสาวโวยวายคนเดียวไม่นานประตูห้องก็ถูกเปิดโดยไม่ต้องให้จุดธูปเรียกพร้อมเสียงกวนๆของอีกฝ่าย

     

    “เจ้าหญิงมันไม่เหมาะสมเลยนะที่ท่านตะโกนเรียกผู้ชายเข้าห้องกลางดึกแบบนี้น่ะ”

     

    หมอนใบหนึ่งพุ่งใส่คนพูดสองแง่อย่างแรง แต่เจ้าตัวกวนก็ชะโงกหัวหลบอย่างง่ายดาย

     

    อย่ามาพูดชวนฟ้าผ่าอีกได้มั้ยฮะ ข้ายิ่งโมโหหิวอยู่ด้วย”

     

    “อะไรกันเจ้าพึงเป็นผู้หญิงแค่ไม่กี่ชั่วยามเองนะ”

     

    “หิวข้าวโว้ยหิวข้าว สมองเจ้ามันจะคิดเรื่องอื่นนอกจากไอ้เรื่องลามกบ้างได้ไหมฮะ”

     

    “เรื่องปกติของผู้ชาย นักบวชอย่างเจ้าไม่เข้าใจหรอก”

     

    “แต่แบบนี้มันเข้าขั้นหมกม่นแล้ว”

     

    “แล้วตกลงเจ้าเรียกข้ามาจะให้ข้าไปเอาข้าวให้หรือเรียกข้ามาด่ากันแน่ อย่าลืมนะว่าตอนนี้เจ้าออกไปพบใครไม่ได้ ถ้าข้าไม่ไปเอามาให้เจ้าก็ไม่ได้กิน”

     

    “เออๆ เจ้าจะทะลึ่งตึงตังต่อไปก็เชิญ แต่ช่วยไปเอาอะไรก็ได้มาให้ข้ากินที หิวจะแย่แล้ว"

     

    “นั้นรอแปป อย่าออกไปไหนตอนข้าไม่อยู่ล่ะ เดียวใครเจอเจ้าในสภาพแบบนี้ล่ะยุ่ง”

     

    “รู้แล้วน่า”

     

    พอไควูฟัสออกไปห้องนอนของเจ้าชายเรฟราชีลก็กลับมาเงียบสงบ เจ้าของห้องนอนนอนคิดถึงการเดินทางพรุ่งนี้คนเดียว

     

    พรุ่งเขาต้องออกเดินทางโดยยังไม่ทันได้เตรียมใจเลยแม้แต่น้อย

     

    ข้างนอกจะเป็นอย่างไงนะ จะมีหิมะสีขาว ท้องฟ้าสีฟ้า ต้นหญ้าสีเขียว สายน้ำสีน้ำเงินแบบเรเฟโอไนท์ไหมนะ  แล้วเขาจะเจอพวกกวนประสาทแบบไควูฟัส พวกรู้มากแบบนิอาซ์ พวกจอมโหดแบบเทสที่จะมาทำให้การเดินทางของเขายิ่งวุ่นวายอีกรึเปล่านี้

     

    แล้วจะได้เจอเด็กผู้หญิงคนนั้นกับเจ้าหน้าหวานนั้นอีกมั้ยนะ

     

    แค่คิดก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับแล้วอยากให้พรุ่งนี้มาถึงเร็วๆจัง

     

    “อ่ะเรฟราชีลข้าเอาอาหารเช้ามา..”ไควูฟัสหยุดบอกเมื่อเห็นคนที่ใช้ให้ตนไปเอาอาหารหลับไปซะแล้ว

     

    เด็กหนุ่มยิ้มขำวางถาดอาหารเช้าบนโต๊ะข้างเตียง  แล้วนั่งลงบนเตียงห่มผ้าให้คนนอนน้ำลายยืดไม่สมร่างผู้หญิง   มือหนาบัดผมยาวสีทองที่แหย่จมูกออกอย่างเบามือ ก่อนจะซ้อนหมอนให้คนนอนตกหมอน ร่างสูงลุกขึ้นกำลังจะเดินไปนอนบนโซฟา  แต่มือเรียวของคนนอนดิ้นมาดึงชายเสื้อเขาไว้ซะก่อน  นัยน์ตาสีมรกตหันไปมองคนบนเตียงที่คงละเมอจับชายเสื้อเขา

     

    “เป้นเพือนร้าก ของข้า ตาลอดปายน้า”

     

    เด็กสาวละเมอแบบตอนเด็กๆแม้ฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่คนหูดีก็ยังคงได้ยินเหมือนเดิม เด็กหนุ่มยิ้มอ่อนโยนแต่เจือความเศร้าบางอย่างที่คนหลับไม่มีวันได้เห็น ก่อนจะเอ่ยเหมือนเช่นทุกที

     

    “ข้าให้สัญญาด้วยชีวิต จะเป็นเพื่อนเป็นเพื่อนตายกับท่านไปจนกว่าข้าจะสิ้นแรงหายใจ”

     

    เขาแกะมือเรียวออกอย่างนิ่มนวลแล้ววางลงที่เดิม  ก่อนจะหันไปนอนบนโซฟาแล้วพยายามข่มตาหลับเพื่อเตรียมแรงพร้อมรับสิ่งไม่คาดฝันเหมือนวันนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นพรุ่งนี้ด้วย

     

     

     

     

    eg

     

     

     

     

    “มณีถอนมนตราจะสามารถทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้จริงๆใช่ไหมพี่เฮโลวิส”

     

    เด็กสาวในคราบบุรุษเอ่ยถามคนในร่างตนด้วยความดีใจ เจ้าตัวแทบจะกระโดดโลดเต้นอย่างลืมตัวเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วได้ฟังข่าวดีจากพี่ชาย

     

    “ท่านผู้เฒ่าบอกว่ามณีถอนมนตราเป็นของวิเศษของท่านเกลาซ์ผู้พิทักษ์แห่งสายน้ำที่สามารถหักล้างมนต์ดำและคำสาปได้ทั้งหมดจะช่วยทำให้เรากลับไปเป็นอย่างเดิมได้จริง”

     

     แม้จะเอ่ยเรื่องน่ายินดีสำหรับพวกเขาสองพี่น้องที่เจอหนทางที่ตามหามานาน แต่น้ำเสียงของคนพูดช่างราบเรียบไร้ความยินดียินร้ายจนคนเป็นน้องรู้สึกแปลกใจ

     

    “มันเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรอ แล้วทำไมพี่เฮโลวิสถึงทำเสียงไร้ความรู้สึกแบบนั้นล่ะ”

     

    วีเนสย่าเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพี่ชายดูที่แปลกไป ด้วยเพราะเขาอยู่ในร่างของเธอนัยน์ตาสีท้องฟ้าจึงไม่อาจมองเห็นอีกฝ่ายได้   ยิ่งพอเจ้าตัวเงียบไม่ยอมตอบเด็กสาวก็ยิ่งรู้สึกเหมือนพูดคนเดียวจริงๆ

     

    “พี่เฮโลวิสมันมีอะไรมากกว่าแค่ตามหามณีถอนมนตราที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในโรงเรียนผู้พิทักษ์ใช่ไหม”

     

    เด็กหนุ่มยังคงใช้ความเงียบแทนคำตอบทำให้เธอต้องถามย้ำไปอีกหลายรอบจนเขายอม

     

    “ท่านผู้เฒ่าไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนในโรงเรียนกาเรเดียน่า”

     

    “โถ เรื่องแค่นี้เองหรอท่านพี่ ก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี้ ขนาดไร้จุดหมายเรายังหามากันแล้ว แค่หาของในโรงเรียนยังง่ายกว่าเยอะ ไม่เห็นต้องเครียดเลย” วีเนสย่าบอกพี่ชายอย่างร่าเริง   

     

    ตอนนี้เธอกลับมายิ้มได้อย่างสบายใจเพราะอย่างน้อยเธอกับท่านพี่ก็ยังมีความหวังที่จะได้กลับมาเป็นอย่างเดิม    ตอนแรกเธอเองก็เริ่มท้อและเตรียมใจไว้แล้วเหมือนกันว่าการเสี่ยงมาเมืองต้องสาปอาจจะเป็นการมาเสียเทียว  แต่พอพี่เฮโลวิสเล่าว่าได้พบท่านผู้หยั่งรู้ที่เพื่อนเธอให้มาหาบอกว่ายังมีวิธีทำให้พวกเธอกลับมามีชีวิตเหมือนเดิมโดยไม่ต้องมาอยู่ร่วมวิญญาณกันได้

    มันทำให้เธอมีความหวังและอยากที่จะก้าวต่อไปเพื่อที่จะได้ก้าวเดินไปพร้อมกับพี่ชายอีกครั้ง

     

                นัยน์ตาสีท้องฟ้าคู่สวยที่ดูสดใสขึ้นมองไปยังกำแพงเมืองด้านหน้าที่มองเห็นแต่ไกล

     

    “ในที่สุดก็ออกมาจากป่านั้นจนได้ คราวนี้ล่ะจะซื้อเสื้อผ้าและเสบียงเตรียมไว้ให้เต็มกระเป๋าเลยจะได้ตรงไปกาเรเดียน่าโดยไม่ต้องแวะเมืองอื่น แล้วถ้าเงินไม่พอข้าจะเอาเพลิงอเวจีไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่าท่านพี่จะได้ไม่มีดาบไว้มีเรื่องกับใครจนเสื้อไหม้อีก”

     

    เรื่องเดิมถูกขุดขึ้นมาหวังให้คนเงียบผิดปกติสะดุ้งหรือเอ่ยอะไรเพื่อปกป้องอาวุธคู่กายตัวเองบ้าง  แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบจนคนกำลังอารมณ์ดีต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงอีกรอบ

     

    “พี่เฮโลวิสมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าค่ะ”

     

    “เปล่า”

     

    “ท่านพี่มีเรื่องกลุ่มใจอะไรหรือเปล่า”

     

    “เปล่า”

     

     “มีอะไรก็บอกข้ามาเถอะ”

     

    “พี่บอกว่าไม่มีอะไรไงล่ะ”

     

    “พี่เฮโลวิสข้าไม่ชอบเลยเวลาท่านพี่เป็นแบบนี้ ท่านพี่กำลังปิดบังอะไรข้าอยู่อีก เราเหลือกันแค่สองคนพี่น้องนะท่านพี่ มีอะไรก็บอกข้ามาเถอะ อย่าให้ข้าโง่อยู่คนเดียวอีกเลย”

     

    คนแววตาอ้างว้างบอกเสียงสั่นด้วยรู้สึกเหมือนยืนอยู่ในความมืดลำพัง อึดอัดเพราะรู้ดีว่าเวลามีเรื่องอะไรพี่ชายของเธอจะไม่ยอมบอกเธอสักคำว่าเกิดอะไร อย่างเรื่องของท่านแม่ เรื่องวันนั้นก็เหมือนกัน ถึงจะรู้ว่าที่ท่านพี่ไม่บอกเพราะไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาต้องมาจัดการเรื่องร้ายๆอันตรายคนเดียวเพื่อปกป้องเธอที่ดันโง่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้

          

    เป็นอีกครั้งที่สายลมต้องปลอบโยนคนเข็มแข็งไม่จริง แต่ความหนาวของลมนั้นก็มีแต่กรีดให้หัวใจยิ่งเจ็บปวดไม่สามารถเปลี่ยนอารมณ์คนได้เท่ากับคนทำเศร้าที่ยอมเปิดปากซะที

     

    “พี่แค่สงสัยว่าเจ้าชายของเราตายไปแล้วหรือไง ถึงได้ไม่รีบมารับเราไปเป็นเจ้าสาวซะที”

                   

    ใบหน้าหวานแดงก่ำ“พี่เฮโลวิสถ้าจะพูดถึงตาบ้านั้นก็เงียบไปเลย ข้าไม่ยุ่งด้วยแล้ว”

     

    เด็กสาวในคราบเด็กหนุ่มปรามด้วยความโมโหเมื่อนึกถึงพวกเจ้าคนที่ทำให้เธอเกือบติดคุกเมื่อวาน  วีเนสย่าที่กำลังหงุดหงิดจนลืมเป็นห่วงพี่ชายคงไม่รู้ว่าคืนที่ผ่านมาได้ทำให้แฝดพี่ตนเปลี่ยนไปขนาดไหนเพราะเจ้าตัวไม่มีวันยอมให้เธอรู้  

     

     

     

     

    eg

     

     

     

     

    คล่อก~ ฟี่~ คล่อก~ ฟี่~ คล่อก~ ฟี่~ ซ่า~

     

    “โอ๊ย!ไอ้หมาสาดิสเจ้าจะปลุกข้าอ่อนโยนกว่านี้หน่อยไม่ได้เลยหรือไงฮะ”

       

    เจ้าของผมสีทองเปียกโซกโวยวายอย่างหัวเสียพลางลูบหยดน้ำออกจากหน้าสวย นัยน์สีทองจ้องเอาเรื่องคนเอาน้ำสาดหน้าตนแล้วยังมาทำปากเสียใส่อีกตาเขม็ง

     

    “ก็เจ้าอยากตื่นยากตื่นเย็นเองนี้เรฟราชีล  ที่สำคัญเดี๋ยวเราต้องออกเดินทางกันแล้วนะ”

     

    แต่เพราะเหตุผลที่ต่อให้หาข้ออ้างอย่างไงเขาก็ผิดเลยทำให้คนโมโหต้องถอนหายใจ

     

     “เฮอ... ก็ได้ วันนี้ข้าขี้เกียจจะทะเลาะกับเจ้าหรอกนะ”

     

    ไควูฟัสยิ้มกวนๆเมื่อเห็นเจ้าชายขี้โวยสิ้นฤทธิ์เพราะยังเหนื่อยล้ากับเรื่องเมื่อคืน เจ้าตัวโยนเสื้อผ้าใส่หน้าคนที่คอยๆคลานออกจากที่นอนอย่างเกียจคร้าน

     

    “รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ เดี๋ยวข้าจะไปรอข้างนอก เร็วๆล่ะ”

     

    “เฮอ.. แล้วนี้เจ้าพวกนั้นไปแล้วใช่มั้ยถึงไม่เห็นมาปลุกข้าเลย ลาออกไปได้ก็ดีจะได้ไม่มีใครมาโยนข้าลงน้ำอีก”

     

    เรฟราชีลบ่นถึงเทสกับเบสที่ไม่มาทำหน้าที คนที่กำลังก้าวออกจากห้องจึงรีบหันกลับมา

     

    “ให้ข้าช่วยอาบให้ก็ได้ ถ้าไม่ถือหากข้าเผลอไปโดนอกบวมๆของเจ้านะ”

     

    คนพึงนึกได้ว่าตัวเองกลายเป็นผู้หญิงอยู่รีบส่ายหน้ารัวแล้วเอ่ยไล่ทันที

     

    “ไม่ต้อง!  เจ้ารีบออกไปได้แล้ว แล้วก็ห้ามให้ใครเข้ามาตอนข้ากำลังอาบน้ำด้วย”

     

    องค์รักษ์ตัวกวนยักไหล่ก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่ไม่วายทิ้งประโยคกวนประสาท

     

    ไม่ต้องกลัวน่า ไม่มีใครแอบดูเจ้าอาบน้ำหรอก เห็นไปก็เท่านั้น ไม่ได้อามรณ์สักนิด”

     

    “ไอ้ทะลึ่ง...!

     

    โป๊ก! โอ๊ย!

     

    ถังนมที่อยู่ใกล้เท้าที่สุดถูกเตะไปกระแทกประตูที่คนควรโดนปิดหนีไปซะก่อนทำให้คนเจ็บเท้าฟรีไม่พอโดนถังที่กระเด็นกลับมาโขกเข้ากลางหน้าผากอย่างจังจนหงายหลัง

     

    “โอ๊ย เจ็บๆๆ  ทำไมข้าถึงได้ซวยนักนะ”เขาบ่นพรางลูบหน้าผากตัวเองที่เจ็บไม่หายและคาดว่าคงโนในไม่ช้าจึงลุกไปล้างหน้าให้หายมึน  ก่อนจะส่องกระจกแล้วพบหน้าคนที่ยังไม่คุ้นเคยอีกครั้ง นัยน์ตาสีทองมนของเด็กสาวในกระจกที่มองเขากลับมาเหมือนกันมีแววหนักใจ

     

    สรุปเขาไม่ได้ฝันร้ายว่าตัวเองถูกมหาเทพโซเลลงโทษสาปให้กลายเป็นผู้หญิงจริงๆสินะ

     

    แล้วเวลาเข้าห้องน้ำจะทำไงดีเนี้ย   ไอ้ส่วนที่เคยมีก็เปลี่ยนไป ไอ้ส่วนที่เคยราบก็ดันนูน แถมจะเดินเหินทำเหมือนตอนเป็นผู้ชายก็ไม่เหมาะด้วยสิ  โหชีวิตรันทด กลั่นใจตายเลยดีกว่า

     

    เด็กหนุ่มในร่างเด็กสาวมองส่วนต่างๆที่ไม่เหมือนเดิมแล้วอยากแอบนอนร้องไห้อีกหน เขาตัดสินใจแค่เปลี่ยนชุดใหม่โดยไม่อาบน้ำเพื่อยังไม่ต้องยุ่งกับส่วนที่ยังไม่คุ้นนั้น

     

    นัยน์ตาสีทองหันมาสนใจชุดที่องค์รักษ์ทิ้งไว้ให้แทน ชุดคลุมยาวสีดำที่คงปกปิดทุกสัดส่วนได้อย่างมิดชิดทำให้คนต้องใส่มองแล้วรู้สึกอึดอัด แต่เพื่อการพรางตัวจึงต้องยอมเปลี่ยน

     

    “เรฟราชีลเจ้าเสร็จรึยัง ท่านพ่อให้เบสมาตามแล้วนะ”เสียงเร่งจากข้างนอกทำให้คนพึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จที่กำลังล้มตัวลงบนเตียงต้องล้มแผนนอนต่อ

     

    “อ้อๆ”เขาตอบกลับไป   ก่อนจะมองดูไปรอบๆห้องนอนของตัวเอง

     

     การไปครั้งนี้กว่าจะกลับก็คงอีกนาน ทำให้เขาอดใจหายไม่ได้ที่ต้องจากบ้านไปที่ไหนก็ไม่รู้ที่จะสุขสบายเหมือนที่นี้หรือไม่ จะมีเตียงแสนนุ่มเหมือนที่เขาใช้นอนมาต้องแต่เด็กนี้หรือไม่ จะมีอาหารอร่อยๆให้เขากินเหมือนที่พ่อครัวทำให้กินทุกวันรึเปล่า จะมีที่ซุกหัวนอนแสนอบอุ่นแบบนี้มั้ยนะ  และที่สำคัญ เขาจะมีโอกาสได้กลับมา บ้านที่มีคนที่เขารักและรักเขาที่สุดอยู่นี้อีกไหม

     

     เรฟราชีลมองไปรอบห้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกไปเมื่อโดนเรียกอีกหน

     

     

     

    “เจ้าไม่ได้อาบน้ำ?”ทันทีที่ออกจากห้องเจ้าตัวกวนก็เอ่ยถามเขา   คนไม่อาบน้ำไหวตัวน้อยๆไม่ตอบสาเหตุ

     

    “เรื่องของข้า  ไหนเจ้าบอกรีบไม่ใช่หรอ ไปกันเถอะ”เขาเปลี่ยนเรื่องแล้วรีบออกเดินทันที แต่อีกฝ่ายกลับเลิกคิ้วสูงแล้วเดินตามมากระซิบข้างหู

     

    “ไม่ใช่ว่าเจ้าเขินร่างสาวน้อยของตัวเองอยู่หรอ”

     

    คนโดนรู้ทันหน้าแดงพูดอะไรไม่ออกทำให้คนได้กำความลับสดใหม่ของเจ้าชายขี้อายยิ้มร่าแล้วเอ่ยให้กำลังใจ “เรื่องแค่นี้เอง เดี๋ยวไม่นานก็ชินเองแหละ หัดเข้าไว้”

     

    “เจ้าลองมาเป็นแบบข้าบ้างเซ่แล้วจะขำไม่ออก”คนในร่างเด็กสาวกัดฟันบอก แต่เด็กหนุ่มผมเขียวกลับหัวเราะชอบใจ

      

    “ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง สาวๆคงหันมาเล่นเพื่อนกันหมดเพราะหนุ่มที่มีสาวหมายปองเยอะที่สุดในฮาโลกิอย่างข้ากลายเป็นหญิงที่มีหญิงหมายปองเยอะที่สุดในโลกล่ะนะ”

     

    “เหอะ ในหัวเจ้ามันมีแต่เรื่องพันฐ์นี้จริงๆเลยนะ”

     

    “ก็ยังดีกว่าเจ้าที่ไม่มีอะไรเลยแล้วก็กัน”

     

    “ก็แล้วไงข้าไม่ได้หมกมุ่นแบบเจ้า”

     

    “ก็เพราะเจ้าไม่รู้จักใช้สมองอ่ะสิ”

     

    “ไอ้หมาปากเสีย…!

     

    “ไอ้แมวดีแต่ปาก...!

     

    “พวกท่านมัวชักช้ากันอยู่ได้ องค์เฟรัวทรงรอนานแล้วยังไม่รีบไปอีก!

     

    เทสที่วิ่งมาตามเร่งเสียงโหด ทำให้หมากับแมวต้องยอมสงบศึกรีบเร่งฝีเท้าตาม 

    มัมมี่ที่ไม่กล้าพูดอะไรเหงื่อตกยามมองเด็กหนุ่มผู้เป็นองค์รักษ์จูงมือเด็กสาวผู้เป็นนายให้รีบวิ่ง

     

      เดียวทะเลาะกัน เดียวสามัคคีกันแบบนี้ ถ้าไม่มีคนคอยคุม จะเสียผีกันก่อนไปถึงที่หมายไหมนี้

     

     

     

     

    eg

     

     

     

     

    “โอ้ มากันได้ซะที”ท่านคาฟัสเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นร่างของคนทั้งสี่กำลังวิ่งมา 

     

    นี้ถ้าเจ้าชายเรฟราชีลกับลูกชายท่านมาช้ากว่านี้ล่ะก็ ท่านก็กะจะชวนองค์เฟรัวออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและรำลึกถึงวันเวลาวัยเยาว์ที่เคยประลองกันตอนปีหนึ่งฆ่าเวลาเล่นซะเลย

     

    ความเงียบสงบของเนินหญ้าหลังพระราชวังที่ไม่มีใครเดินผ่านหายไปทันทีเมื่อลูกชายของคนรอทั้งสองมาถึง

     

    “ท่านพ่อ~ เจ้าไควูฟัสมันลากข้ามาจนแขนข้าเกือบหลุดเลยดูสิครับ”

     

    คนขี้ฟ้องรีบตรงไปหาเสด็จพ่อที่ทรงทอดพระเนตรสีไพลินมองดูแขนพระโอรสเงียบๆ

     

    “ก็วิ่งช้าข้าก็เลยช่วยจูงมือให้รีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น”คนถูกกล่าวหารีบแก้พรางเดินไปยืนข้างๆท่านพ่อที่กำลังยิ้มขำก่อนจะเอ่ยเข้าเรื่อง

     

    “เอาล่ะ เอาล่ะ จะจูงมือหรือลากก็เก็บไว้ไปเคลียกันเองแล้วกัน ม้ากับเสบียงเตรียมไว้ให้แล้วรีบไปเถอะ”

     

                ท่านส่งสายจูงเชอวาลให้ลูกชายพร้อมฝากฝั่ง

     

    “จงทำหน้าที่คุ้มครองรัชทายาทสุดความสามารถ อย่าปล่อยให้ท่านเดินขึ้นที่สูงตามลำพังเดี๋ยวจะมีคนใช้บันไดผิดวิธีอีก คอยระวังก้อนหินเล็กใหญ่ตามทางให้ดีด้วยเดี๋ยวจะสะดุดเท้าใครหัวล้มฟาดตอไม้ได้ แล้วก็อย่าปล่อยให้หมาตัวอื่นมาคาบเจ้าหญิงเรฟราชีลไปได้ล่ะไควูฟัส”

     

    “ครับ แต่ข้าเกรงว่าตัวเองจะไม่มีสามารถขนาดนั้น ก็เจ้าหญิงของท่านพ่อออกจะแสนโก๊ะซะขนาดนั้น”คนเป็นลูกรับมุขพ่ออย่างสนุกสนาน แล้วสองพ่อลูกวูฟไมรอสหัวเราะไม่เกรงใจใคร แต่เหล่าคนได้ยินต่างรู้สึกเหนื่อยใจกับตลกร้ายของท่านเสนายิ่งนัก

     

    ไควูฟัสคำนับท่านพ่อกับองค์เฟรัวแล้วกระโดดขึ้นม้าสีขาวรอคนลาพ่อไม่เสร็จ

     

    “ท่านพ่อรักษาตัวดีๆนะครับ อย่าทำงานหนักเกินไป  ไม่ต้องเครียดตลอดเวลาหรอกครับ   ข้าไม่อยู่ท่านอาจจะเหงาแต่ข้าจะคอยส่งจดหมายมาหา ท่านพ่อไม่ต้องห่วง ข้าสัญญาว่าจะเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น จะไม่ทำเรื่องเสียๆให้กระทบถึงท่านพ่ออีก ข้าจะไม่ลืมว่ายังมีท่านพ่อรอข้าอยู่ที่นี้.. ท่านพ่อ .... ข้าไม่อยากไปแล้วข้าอยากจะอยู่กับท่านพ่อที่นี้ ฮือ...”

     

    “อ้าว!”สองพ่อลูกวูฟไมรอสกับสองผู้ดูแลเจ้าชายต่างร้องเป็นเสียงเดียว เมื่อเจ้าชายทำบรรยากาศซึ้งๆของคนรักพ่อกลายเป็นตลกติ่งต๊องซะงั้น

     

    องค์เฟรัวยังคงรักษามาดนิ่งสงบแม้พระโอรสหรือตอนนี้เรียกให้ถูกว่าพระธิดาโตแต่ตัวจะมากอดพระองค์พร้อมปล่อยโฮเป็นเด็กๆ

     

    “ไปโรงเรียนนะครับพี่เรไม่ได้ไปตายซะหน่อย แล้วอีกอย่างปิดเทมอท่านก็ต้องกลับมาอยู่แล้วไม่ได้จะไม่ได้กลับมาอีกสี่ปีนี้ครับ”

     

    นิอาซ์ที่โผล่มาจากไหนตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้บอก นัยน์ตาสีทองที่นองไปด้วยน้ำตาเงยขึ้น

     

    “ถึงจะไปแค่หนึ่งปีก็จริง แต่แม้แต่วันเดียวข้าก็ไม่เคยห่างบ้านไปไกลเลย แล้วถ้าเกิดมีอะไรร้ายๆเกิดขึ้นกับท่านพ่อตอนข้าไม่อยู่ล่ะ อย่างเช่นสงคราม หรือมีพวกก่อกบฏ แล้วข้าจะยังไปมีกะจิตกะใจเรียนได้อีกหรอ”

     

    เหตุผลหรือข้ออ้างของเด็กดื้อไม่ยอมไปโรงเรียนทำเอาเหล่าคนฟังพูดไม่ออกยกเว้นพระอาจารย์ตัวเล็กที่ตอบทันควัน

     

    “ไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้นกับองค์เฟรัวหรอกครับ ท่านก็รู้ว่าเสด็จพ่อของท่านทรงปีชาสามารถในทั้งการรบการปกครองและยังเป็นที่เคารพรักนับถือของประชาชนมากขนาดไหน

    แต่ถ้าท่านยังอยู่มันก็ไม่แน่ หากใครรู้ว่าองค์รัชทายาทกลายเป็นผู้หญิงการต่อต้านท่านจะต้องเกิดขึ้นแน่ พระองค์ก็ต้องปกป้องท่านในฐานะพระบิดาทำให้ประชาชนไม่พอใจและอาจเกิดการก่อกบฏโค่นล้มบัลลังก์ราชวงศ์เยรันไนท์ขึ้นจริงๆ”

     

    เหตุผลและความเป็นไปได้ที่มากว่าข้ออ้างนั้นทำให้เด็กดื้อไม่อาจหาข้ออ้างอะไรได้อีก   พระหัตถ์อบอุ่นจับบ่าของเขา นัยน์ตาสีทองมนสบพระเนตรของผู้ที่จะเดือดร้อนหากเขายังอยู่

     

    “ไม่ต้องห่วงทางนี้ ไปทำอนาคตของเจ้าให้ดีขึ้นเถอะ อย่าเอาแต่จมอยู่กับอดีต ข้างหลังนี้มีไว้ให้เจ้ากลับมาพักได้เสมอ แต่ทางเดินของเจ้าอยู่ข้างหน้า เจ้าจะต้องโตขึ้นไม่ใช่เพียงแต่ตัวแต่ต้องโตขึ้นทั้งความคิดและหัวใจที่เข้มแข็ง แน่วแน่มั่นคง แม้อะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”

     

    เสด็จพ่อทรงตรัสเสียงเรียบเหมือนทุกครั้งแต่ประโยคหลังแฝงความเศร้าบางอย่างที่เขาไม่เข้าใจ เรฟราชีลยอมพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังในรอบหลายปี

     

    “ข้าจะทำตามที่ท่านพ่อสอนครับ”

     

     “ไปได้แล้วครับพี่เร เดี๋ยวขึ้นเรือไม่ทันหรอก”พระอาจารย์เอ่ยเร่งคนมีแววจะลานานอีก

     

    เขาจึงยอมปล่อยเสด็จพ่อแล้วเอ่ยลาจริงๆซะที“ข้าไปก่อนนะครับท่านพ่อ”

     

     “ขอให้เจ้าโชคดี”ประโยคสั่นๆธรรมดาๆจากท่านพ่อกลับฟังแล้วรู้สึกดียิ่งกว่าได้ฟังคำอวยพรหลายร้อยพันคำใดๆ นี้แหละพรอันประเสริฐจากพ่อ

     

    เขารับด้วยรอยยิ้มแล้วรีบขึ้นม้าโดยมีมือเจ้าของม้าช่วยดึงขึ้น นิอาซ์เดินเข้ามาลาบ้าง

     

    “พี่เร พี่ไค แล้วเจอกันนะครับ”

     

    ลูกศิษย์เจ้าตัวเข้าใจว่าพระอาจารย์ตนคงหมายถึงเจอกันตอนที่เขาปิดเทมอจึงยิ้มชั่วร้าย

     

    “อืม จะไม่ได้เจอพระอาจารย์คนเก่งตั้งครึ่งปีแน่ะ ข้าคงคิดถึงท่านมากๆถึงมากๆที่สุด”

     

    “ใครบอกว่าจะไม่เจอกันนานขนาดนั้นล่ะครับ”นิอาซ์ตอบด้วยรอยยิ้มที่ทำเขาใจคอไม่ดี

     

    “หมายความว่า..หวอ!”ไม่ทันจะถามให้กระจ่างเจ้าตัวเล็กก็เอาไม้เท้าตีก้นเจ้าเชอวาลทำให้เจ้าม้าตุ๊ดยกขาหน้าสูงกะทันหันจนคนกำลังถามเกือบตกหลังม้าถ้าไม่ได้คนคุมม้าจับเอวไว้ซะก่อน แล้วเจ้าม้าสีขาวก็ออกวิ่งไม่ปล่อยโอกาสให้ใครทำชักช้าอีก

     

    เมื่อตั้งหลักได้แล้วนัยน์ตาสีทองจึงหันกลับไปมองข้างหลังที่กำลังจากมา  เทสคำนับส่งพวกเขาโดยข้างๆมีเบสที่กำลังร้องไห้ฟูมฟายด้วยเสียใจที่ดูแลเขาได้แค่วันเขาก็ต้องไปซะแล้วหรือดีใจสุดๆที่ไม่ต้องรองมือรองเท้าเขาอันนี้ก็ไม่ทราบได้  นิอาซ์ ท่านคาฟัส และท่านพ่อมองส่งพวกเขาเงียบๆจนลับตา   ภาพการจากลาทำให้เจ้าชายสาวสัญญากับตัวเองว่าไม่ว่าไงเขาก็จะต้องมีชีวิตกลับมาหาคนข้างหลังที่รอคอยเขากลับมาให้ได้

     

    เรฟราชีลหันกลับมามองข้างหน้าเมื่อห่างพระราชวังมาจนมองไม่เห็นพวกท่านพ่อแล้ว

     

    เจ้าม้าสีขาววิ่งเร็วสมเป็นม้าชั้นดี จะว่าไปตั้งแต่เมื่อคืนที่เขากลายเป็นผู้หญิงเจ้าม้าหวงนายนี้ก็ไม่ได้แกล้งเขาอีกอย่างที่นายมันบอกจริงๆว่ามันไม่ชอบให้ผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของขึ้น

     

    เส้นผมสีเขียวถูกแรงลมพัดมาปิดหน้าปิดตาคนนั่งหลังจนต้องแกะริบบิ้นมัดผมตัวเองมามัดให้ด้วยความรำคาญ     คนถูกมัดผมให้หันมามองคนที่หันไปปล่อยผมสีทองสวยไหวตามลม

     

    “เจ้าคิดอย่างไงถึงได้มามัดผมให้ข้าเนี้ย”

     

    “ก็ข้ารำคาญเวลาตะไครมาทิ่มหน้าทิ่มตาข้า”

     

    “หรอ  ข้าก็นึกว่าเจ้ากลัวใจตัวเองจะตกหลุมรักความหล่อเกินห้ามใจของข้าซะอีก”

     

    “เหอะ ถ้าข้าตาบอดไปชอบเจ้าด้วยหน้าตา ข้ารักตัวเองตอนเป็นชายดีกว่าหล่อกว่าเยอะ

     

    “จริงหร๊อ~    

     

    เด็กสาวผมทองทำหน้าอยากตายเพราะความกวนประสาทของเจ้าเพื่อนรักตัวแสบ

     

    เฮ้อ.. ไม่รู้ว่าเขาจะไปถึงโรงเรียนนั่นก่อนเผลอฆ่าองค์รักษ์ตัวกวนนี้ทิ้งได้ไหมเนี้ย

     

     

     

     

    eg

     

     

     

     

                      

    อาณาเขตของเมืองเรเฟโอไนท์เริ่มตั้งแต่ก้าวย่างออกจากป่า เบื้องหน้าเป็นกำแพงเมืองสูงลิบที่ล้อมตัวเมืองเป็นวงรีขนาดใหญ่ มีประตูทางเข้าออกสองทางทิศใต้คือประตูเข้าหน้าเมืองและทางเหนือไปสู่พระราชวังบนเนินเขาด้านหลัง

    ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเข้าประตูเมืองมาได้ สองข้างทางถนนหินอ่อนสีขาวก็เป็นโชนอาคารบ้านเรือนของชาวเมืองที่ปลูกด้วยไม้บ้าง อิฐบ้าง เด็กเล็กเล่นวิ่งไล่ฟันดาบไม้ใส่กัน เด็กโตมาหน่อยก็ฝึกเพลงดาบกันอย่างแข็งขังที่สนามหญ้าข้างโรงเรียนสอนดาบเล็กๆแต่เปี่ยมด้วยวิชาดาบขั้นสูงสมชื่อเมืองแห่งบุรุษชาตินักรบ รุ่นๆไม่ท้าประลองกันหรือออกเที่ยวกับเพื่อนก็ช่วยพ่อทำงาน นอกนั้นเลยเด็กไปผู้คนที่นี้ก็ดูต่างทำอะไรเร่งรีบไปหมดราวทุกนาทีเป็นเงินเป็นทองจนน่าปวดหัว จะว่าไปตั้งแต่ก้าวเข้ามาไม่มีเลยที่ผู้มาครั้งแรกจะเห็นชาวเรเฟโอไนท์อายุเกินสี่สิบเดินเล่นอยู่ในเมืองนี้ ที่พอเห็นก็คงเป็นเพียงพ่อค้าหรือนักเดินทางจากต่างแดนเท่านั้น

     

    เด็กหนุ่มผมฟ้าเข้มหยุดสงสัยเรื่องที่ไม่เห็นคนเถ่าคนแก่ในสภากาแฟเมื่อเดินมาถึงที่หมายหลังจากที่ซื้อของจำเป็นในการเดินทางเป็นที่เรียบร้อย ร่างบางก้าวเข้าไปในร้านที่ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ กลิ่นควัน และกลิ่นของมึนเมาแรงๆโชยเข้าจมูกทันทีที่เดินผ่านประตูเข้ามา ใบหน้าหวานสวยเหมือนผู้หญิงเบนหลบกลิ่นเวียนหัว

     

    “พี่ว่าไปถามที่อื่นดีกว่านะ”เสียงที่ผู้อื่นไม่ได้ยินแนะนำ แต่เจ้าหนุ่มหน้าหวานในสายตาใครๆก็ส่ายหน้าไล่ความมึนก่อนกระซิบกับตัวเองเบาๆ

     

    “ข้าไม่เป็นไรหรอก เท่าที่ดูมาที่นี้ล่ะแหล่งข่าวดีที่สุดในเมืองแล้ว แค่นี้น่ะสบาย”

     

    “นั้นก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน   พี่ขอนอนก่อนล่ะง่วง”    

     

    วีเนสย่าพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะเดินผ่านโต๊ะที่กำลังเมาเสียงดังไปยังหน้าบาร์

     

    “เมื่อคืนน่ะ ข้ากำลังเดินกลับบ้าน อยู่ดีๆฟ้าก็มืดสนิททำให้ข้ามองทางไม่เห็น เลยสะดุดก้อนหินล้มหน้าทิ่มอึม้าไปเต็มๆ พูดถึงแล้วก็ยังแหวะไม่หายเลย”

     

    หนุ่มคนหนึ่งในโต๊ะนั้นกำลังบ่นกับเพื่อนร่วมวงเหล้าอีกสามคนที่กำลังเมาได้ที่

     

    “นั้นไม่เท่าไหร่ ข้านอนอยู่ในบ้านดีดี๊ ลูกเห็บก้อนเท่าฝ่ามือก็ทะลุผ่านหลังคาลงมาใส่หัวข้า ไม่พอหลังคาบ้านข้ายังพังไม่มีชิ้นดีอีก ไม่รู้ข้าต้องขอนอนบ้านเจ้ากว่าบ้านข้าซ่อมเสร็จกี่วัน”

     

    คนมีผ้าพันแผลพันหัวบอกเพื่อนก่อนชายหัวล้านข้างๆจะเอาแก้วที่ว่างเปล่ากระแทกโต๊ะ

     

    “ข้าซวยกว่าพวกเจ้าอีก งานพึ่งเข้าแท้ๆ ไต้ฝุ่นดันเข้าพัดเอาโรงเลือยข้าหายไปเลย หมดตัวแล้วยังมีหนี้เพิ่มอีก ไม่รู้ปีนี้ข้าจะเอาเงินที่ไหนส่งลูกเข้าโรงเรียน ยิ่งพูดก็ยิ่งเครียดว่ะ”

     

    ชายแก่สุดที่นั่งดื่มเงียบๆส่ายหน้าเบาๆแล้วเอ่ยด้วยเสียงที่ปวดร้าวราวคนเล่าใจสลาย

     

    “พวกเจ้ายังโชคดีกว่าข้านักที่แค่เจ็บตัวเสียบ้านเสียที่ทำมาหากิน แต่ลูกชายข้า เขาเพียงแค่ออกไปหาสมุนไพในป่ามาให้ข้าบำรุ่งตัวเองหลังโดนเขากล่อมให้เลิกของมึนเมาได้ แต่ไอ้พายุนรกก็ทำต้นสนใหญ่โค่นทับเขาตาย เขาเป็นเด็กดี ดีเกินไปจนใครๆก็บอกว่าเขาไม่ใช่คนแดนนักรบทมิฬ แต่ข้าก็ไม่เข้าใจประสงค์องค์โซเลเลยว่าทำไมต้องตอบแทนความดีมันแบบนี้”

     

    “เสียใจด้วยนะอา ดูพวกเราจะเจอกันหนักไม่ใช่น้อย เหมือนเมื่อคืนเกิดอาเพชร้ายเลย”

     

    คนเซ่อหกล้มหน้าทิ่มอึเองว่าก่อนคนโรงเลือยหายจะกระแทกแก้วลงโต๊ะเสียงดังอีกครั้ง

     

    “ข้าว่าเมื่อคืนต้องมีตัวกาลกิณีแอบเข้าเมืองเราแน่…!

     

    เสียงโหดที่เต็มไปด้วยแรงโกธรแค้นทำเอาคนที่กำลังเดินผ่านโต๊ะนั้นสะดุ้งหายใจติดขัดพยายามทำตัวเป็นอากาศธาตุเดินผ่านโต๊ะนี้ไปอย่างเงียบๆ แต่ดูจะไม่ได้ผล

     

    “ว่างั้นไหมคุณชาย”ชายไม่มีผมหน้าแดงก่ำโต๊ะนั้นหันมาถามคนเด็กสุดในร้านที่แอบสะดุ้งก่อนพยายามตีหน้าปกติแล้วหันไปชี้หน้าตัวเอง

     

    “ท่านถามข้าหรอครับ”

     

    “อือสิวะ มีด้วยหรอที่ปกติเด็กท่าทางลูกคุณหนูอย่างเจ้าจะเข้ามาในที่แบบนี้ คงมาเช็ดข่าวดูให้แน่ใจล่ะสิว่าสาเหตุของเรื่องเมื่อคืนคืออะไร ข้าบอกเจ้าได้เลยว่าต้องเพราะตัวกาลกิณี”

     

    “โถท่านมันจะเป็นไปได้ไง ผู้หญิงที่ไหนเขาจะกล้ามาล่ะครับ”หนึ่งในหญิงกล้าที่มีเพียงเวทพรางตาเป็นชายเป็นตัวช่วยว่าอย่างพยายามให้เสียงไม่สั่น

     

    “ก็พวกรนหาที่ตายทั้งเป็นไง”คนโดนลูกเห็บพังบ้านบอกเสียงสยอง ให้คนไม่ตั้งใจมารนหาที่ตายทั้งเป็นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากตัวแข็งทื่อขยับขาไม่ออก

     

    “พี่ๆปล่อยเด็กมันไปเหอะ ไอ้พวกเด็กรุ่นหลังมันไม่ค่อยเชื่อเรื่องนี้กันหรอก ข้าเองก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งเลย ถ้าได้เห็นผู้หญิงตัวเป็นๆมาเดินเล่นในเมืองเราก็ว่าไปอย่างเนอะ”

     

    คนหนุ่มสุดในกลุ่มคนเมาเรียกความสนใจกลับไป วีเนสย่าลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก  ก่อนจะต้องรีบเดินไปนั่งตรงเก้าอี้หน้าบาร์ด้วยอารมณ์หงุดหงิดเมื่อไอ้พี่ทิ่มอึนั้นบอกว่า

     

    “ยังไม่รีบกลับไปกินนมโคที่บ้านอีกหรอคุณชายน้อย เดี่ยวก็งานเข้าอีกหรอก ฮ่าๆๆ”

     

    เสียงหัวเราะหลอนๆดังขึ้นโดยที่คนโดนดูถูกกำหมัดแน่แต่ก็ไปถึงที่หมายได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากสายตาของลูกค้าในร้านที่เหล่มองดูเธออย่างสนใจ   บรรยายมืดๆทำให้เห็นควันสีเทาที่คนนั่งบนเก้าอี้ข้างบาร์ใกล้ๆพ่นออกมาได้อย่างชัดเจน  คนไม่ชอบกลิ่นมึนๆจึงเลือกนั่งห่างออกไปสี่ห้าโต๊ะกันตัวเองจามแล้วมีเรื่อง   มือบางโบกเรียกบาร์แทนเดอร์ร่างสูงใหญ่

     

    “จะเอาอะไร”เสียงที่ไม่เป็นมิตรทำเอาคนเรียกชักลังเลว่าตัดสิ้นใจถูกมั้ยที่มาที่นี้

     

    “เอาชาแก้วนึ่งครับ”

     

    “ชา?”ชายหน้าบากทวนแล้วหัวเราะแปลกๆเรียกให้ลูกค้าคนอื่นๆหันมามองคนสั่ง

     

    “คุณชาย นี้มันบาร์สำหรับชายจริง ลูกผู้ดีคออ่อนอย่างท่านน่ะร้านกาแฟโน้นเลย”

     

    เสียงหัวเราะของคนในร้านดังขึ้นให้คุณชายเข้าผิดที่ชักของขึ้น กำปั่นทุบบาร์ไม้เสียงดัง

     

    “สงสัยเมื่อกี้ท่านคงตีความผิด ชาที่ข้าสั่งหมายถึงราชาสุราต่างหาก”

     

    นัยน์ตาสีน้ำตาลคมเข้มเหมือนเหยี่ยวจ้องนัยน์ตาสีฟ้าครึ้มที่ฉายแววแน่วแน่จนไม่มีพิรุธอะไรให้จับผิดได้ว่าตอนแรกเจ้าตัวสั่งน้ำชาในบาร์เหล้าเองๆแท้ เรียกได้ว่าแถหน้าตายด้านๆ

     

    “หึ อย่าเสียใจทีหลังล่ะ รัวบิแยร์ที่แรงที่สุดในฮาโลกิมันต่างกับน้ำชามากนะ”

     

    “ลูกคุณหนูแบบนั้นจะไหวหร๊อ ขนาดผู้ใหญ่บางคนดื่มราชาแห่งเบียร์เข้าไปแค่อึดเดียวยังสลบเลย ข้าว่าเตรียมโรงไว้ให้คุณชายเจ้าสำอางเลยดีกว่ามั่ง ฮ่าๆๆ”

     

            คำดูถูกจากเจ้าหัวมัมมีทำให้คนเกลียดการโดนดูถูกยกแก้วที่ได้รับกระดกของเหลวสีทองรวดจนหมดแก้วท่ามกลางความตะลึงของคอทองแดงทั้งหลาย ก่อนจะหันหน้าแดงๆไปเกทับ

     

    “อย่าเอาแต่ตัดสินคนจากเพียงรูปร่างหน้าตาหรือฐานะ ไม่งั้นจะเป็นคนโง่โดยไม่รู้ตัว”

     

    พวกเมาหาเรื่องสะอึกหยุดหอนทันที คุณชายจำเป็นผู้แก้พริกขี้หนูได้จึงกลับเข้าเรื่องหันไปเปรยลอยๆเบาๆพอให้คนเก็บแก้วได้ยินคนเดียว

     

    “มณีถอนมนตรา ลูกแก้วล้างอาคม ต้องดิ้นรนเท่าไหร่ ถึงจะได้มันมา”

     

    หน้าคมบาดหันกลับไปมองหน้าตรงข้ามกันของคนเอ่ยแล้วรีบก้มลงพูดใกล้ๆเด็กหนุ่มหวานราวกันคนอื่นได้ยินเรื่องลับสุดยอด

     

    “เจ้าคิดจะหมายเอาของวิเศษที่อยู่ในโรงเรียนกาเรเดียน่า”

    “ใช่ แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าข้าไม่รู้ว่ามันอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนผู้พิทักษ์  เพื่อนคนนึงของข้าเคยบอกว่าสถานที่แบบนี้เป็นแหล่งร่วมข่าวใต้ดินข้าจึงมาหาข่าวคิดว่าท่านคงพอช่วยข้าได้ จริงไหมท่านเหยี่ยวข่าว”

     

    ตาสีน้ำตาลคมกริมเหมือนตาเหยี่ยวของชายหน้าบากสบนัยน์ตาสีท้องฟ้าสวยคู่โตที่มีประกายมุ่งมั่นของเด็กหนุ่มท่าทางสำอางแล้วยิ้มมุมปาก พรางเอ่ยแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ

     

    “ท่านมาหาถูกคนแล้ว ข้า อีเกล์  ฟีคอน เหยี่ยวข่าวแห่งเรเฟโอไนท์ ไม่ว่าเรื่องเล็กใหญ่ที่ไหนข้ารู้หมด รวมถึงเรื่องที่ท่านเอ่ยด้วย”

     

    วีเนสย่าลอบยิ้มดีใจก่อนจะกลับไปเรียบตรึงเพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอจริงจังกับเรื่องนี้มาก

     

    “นั้นท่านรู้ใช่ไหมว่ามณีถอนมนตราอยู่ส่วนไหนของโรงเรียนกาเรเดียน่า”

     

    “ข้าไม่รู้”อีเกล์รีบตอบโดยไม่ต้องคิดทำให้คนตั้งความหวังไว้สูงเผลอหน้าเสียแว๊บนึง

     

    “ไหนท่านบอกว่ารู้ทุกเรื่องแล้วทำไมถึงบอกข้าไม่ได้ว่ามณีถอนมนตราอยู่ไหน”

     

    “ข้าจะตอบเฉพาะสิ่งที่ข้ารู้จริงเท่านั้น หากสิ่งใดที่เป็นข่าวลือหรือยังหาข้อพิสูจน์ความจริงเท็จไม่ได้ข้าจะไม่บอกว่าข้ารู้เพราะแบบนั้นมันเรียกว่ารู้ไม่จริง”   

     

    เธอเริ่มเข้าใจแล้วนึกปวดหัวกับวิธีสร้างความน่าเชื่อถือของอีกฝ่าย ก่อนจะเปลี่ยนคำถาม

     

    “นั้นท่านเคยได้ยินข่าวลืออะไรเกี่ยวกับที่ซ่อนของมณีถอนมนตราไหม”

     

    อีเกล์พยักหน้าแล้วกระชิบข้างหูเด็กหนุ่มที่จำต้องให้อีกฝ่ายมาพูดใกล้หูตน“เคย  ว่ากันว่ามันอยู่ในห้องลับที่ซ่อนอยู่ในวิหารวารี  มีคนคนนึงที่เคยไปเรียนอยู่นั้นพยายามหาทางเข้าไปในห้องลับจนได้ แต่ก็กลับมาโดยไม่ได้มณีถอนมนตราติดมือมาด้วยเพราะโดนผีหลอกจนเสียสติ”

     

    “ผี?”เธอทวนอย่างไม่อยากเชื่อ เหยี่ยวข่าวจึงเอ่ยเสริม

     

    “บางคนบอกว่าเป็นวิญญาณของคนที่คิดจะเอาของวิเศษไปแต่โดนคำสาปจนตาย บ้างก็บอกว่าเป็นวิญญาณของหญิงสาวที่ถูกฆ่าเพื่อให้เฝ้ามัน บ้างก็บอกว่าเป็นวิญญาณของเจ้าของมันที่ไม่ยอมยกของรักตนให้กับใคร”

     

    ก็อ่ะนะขนาดสมบัติยังมีปู่โสมเฝ้าทรัพย์แล้วทำไมของวิเศษจะไม่มีผีผู้พิทักษ์เฝ้าบ้าง

     

    “แล้วห้องลับอยู่ตรงไหนของวิหารวารีครับ”

     

    “ห้องลับก็บอกแล้วว่าเป็นห้องลับไม่มีใครเขารู้กันหรอก คนที่รู้ไม่ตายก็เสียสติไปแล้ว”

     

    “แล้วยังมีข่าวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกไหมครับ”

     

    “มณีถอนมนตราสามารถใช้ได้ครั้งเดียวเพราะเกลาซ์ผู้เป็นเจ้าของที่เคยให้พลังแก่มันไม่มีชีวิตอยู่แล้ว มันจึงเป็นของมีค่ามหาสานที่ใครๆก็อยากได้ และการที่จะได้ครอบครองก็คงไม่ได้มาง่ายนัก ที่ข้าได้ยินมาก็หมดแล้วล่ะ น้อยคนนักที่จะได้รู้เรื่องนี้ หรือถ้ารู้ก็รู้เพียงปูๆปลาๆ”

     

    คนหน้าเริ่มแดงก่ำถอนหายใจเบาๆ แต่อย่างน้อยๆ เธอก็ได้ขอบเขตที่แคบลงแล้ว

     

    ที่เหลือก็ไปสมัครเรียน หาเรื่องเข้าวิหารวารีบ่อยๆแล้วก็หาห้องลับให้เจอ

     

    “ขอบคุณนะครับ”ร่างบางลุกขึ้น  แต่ก่อนจะได้หันหลังเดินออกจากร้านก็ถูกเรียกไว้

     

    “เดี่ยวคุณชาย”

     

    คนถูกเรียกหันไปมองเจ้าของร้านอย่างงงๆ แล้วยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่อใบบางอย่างถูกยื่นให้

     

    “ใบเสร็จนี้มันอะไรกันครับ”

     

    “ค่ารัวบิแยร์หนึ่งแก้วสองหมื่นเรฟ และก็ ค่าถามข่าวห้าหมื่นเรฟ”

     

    “ค่าถามข่าวห้าหมื่นเรฟเนี้ยนะ...!”คนต้องชำระบริการถามตาค้าง

     

     ยัยนั้นไม่เห็นบอกว่ามีเก็บค่าข่าวเลยนี้หนา

     

    “ใช่ ปกติข้าจะคิดหนึ่งแสนเรฟ แต่มันเป็นข่าวลือข้าจึงคิดเพียงห้าหมื่นก็รวมเป็นเจ็ดหมืนเรฟ ข้ารับเฉพาะเงินสกุลเรฟเท่านั้น”

     

    อย่าว่าแต่เงินจ่ายค่าข่าวเลย แค่ค่าเครื่องดื่มที่เธอสั่งมามั่วๆเธอยังไม่มีปัญญาจะจ่ายเลยเพราะเอาไปซื้อทั้งเสื้อผ้าและเสบียงเต็มกระเป๋าจนเหลือแค่หมืนกว่าเรฟเอง

     

    เธอส่งยิ้มแห้งๆให้ชายหน้าบากที่มองลูกค้าท่าทีอึดอัดมีพิรุธอย่างเธอตาไม่พริบ

     

    “อา.. คือ..พอดีข้า..ลืมเอาเงินมานะครับเดียวขอกลับไปเอาที่บ้าน..”

     

    “คิดจะชักดาบงั้นรึ...!”เพียงเธอก้าวขาถอยแค่ก้าวเดียวเจ้าของร้านก็ตะคอนเสียงดังให้คนทั้งในร้านและนอกร้านมองคนกำลังชักดาบกันใหญ่

     

    “ขอโทษครับ!”ลาแล้วก็รีบวิ่งทันที  เจ้าหนี้จึงสั่งลูกน้องหุ่นเดียวกันสองคนไล่ตามติดๆ

     

    “ตามไอ้คุณชายหัดชักดาบไป...!

     

     ไม่ได้ชักดาบแต่กลับไปหาเงินก่อนต่างหาก เข้าใจกันบ้างเซ่

     

    แม้อยากจะตะโกนบอกไปอย่างนั้น แต่พูดไปใครจะเชื่อ

     

    ร่างบางเร่งฝีเท้าวิ่งตัวเบาผ่านตลาดใจกลางเมืองโดยมีชายฉกรรจ์หุ่นนักกล้ามไล่ตาม

     

    “หยุดนะไอ้คุณชายชักดาบ...!

     

    “กินแล้วหนีเรอะ...!

     

                เสียงตะโกนไล่หลังทำให้วีเนสย่าอับอายยิ่งนักยามคนในตลาดหันมามองเธออย่างดูถูก

     

    เธอไม่เคยมีนิสัยกินแล้วหนีแบบนี้หรอกนะ แต่เธอไม่รู้จริงๆว่าค่าน้ำนรกที่กำลังทำเอาในร่างกายเธอร้อนราวดื่มน้ำกระทะทองแดงเข้าไปนี้จะแพงขนาดนั้น ยิ่งค่าข่าวลือที่ไม่รู้เชื่อได้ไหมยิ่งไม่ต้องพูดถึง เจ้าอีเกล์นั้นมันหลอกโกงเงินลูกค้าชัดๆ   หรือเธอจะผิดเองที่ไม่ดูให้ดีก่อน

     

    ภาพเบื้องหน้าที่นัยน์ตาสีท้องฟ้าเห็นเริ่มพร่ามัวด้วยฤทธิ์สุราที่ช่างบาดคอตอนฝืนดื่มเพื่อเอาชนะเรื่องงี่เง่าในบาร์กำเริบ คนกำลังย่ำแย่คิดถึงพี่ชายในร่างตนที่ช่างหลับได้จังหวะจริงๆ

     

    พี่เฮโลวิสข้าจะทำไงดี ต่อให้ทำงานใช้หนี้ก็ไม่รู้อีกกี่ปีจะใช้หนี้หมด แบบนั้นก็ไม่รู้ว่าข้าจะยังมีสิทธิ์ไปเรียนเพื่อหาของวิเศษแก้คำสาปให้เราสองคนได้อีกไหม

     

    ร่างบางเริ่มวิ่งเซเดินช้าลงจนพวกที่ไล่ตามใกล้มาถึงตัว

     

    ข้าอยากให้ท่านพี่กลับมาอยู่ข้างๆข้า อยู่เป็นเพื่อนข้า หัวเราะด้วยกัน ร้องไห้ด้วยกัน

     

    “กลับไปใช้หนี้ซะดีๆ ฝืนไปก็เหนื่อยเปล่าเก็บแรงไว้ใช้คืนนี้ดีกว่า”ลูกน้องของเจ้าเหยี่ยวขี้โกงบอกพรางช่วยเพื่อนหิ้วเธอที่เวียนหัวจนไม่มีแรงขัดขืนลุกขึ้น   

     

    “ใช่ๆ คืนแรกอาจจะหนักหน่อยนะ เพราะเจ้านายคืนกำไรให้พวกเราด้วย”

     

    คนหมดแรงหนีพยายามมองขอความช่วยเหลือจากพวกชาวเมืองที่เอาแต่มองโดยไม่คิดช่วยเธอเลย

     

    ข้าไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้อีกแล้ว.....

     

    เฮ้ย....!”

     

    อาชาไนยสีขาวตัวหนึ่งกระโดดข้ามหัวชายสูงใหญ่ทั้งสองจนทำให้คนโดนหิ้วถูกปล่อยร่วงลงพื้นด้วยความตกใจไม่แพ้คนบนหลังม้าที่กระโดดข้ามหัวชาวบ้าน

     

    “ไอ้หมาบ้า แค่ข้าแอบดึงเส้นผมเจ้าออกมาสามเส้น เจ้าจะให้ข้าตกม้าตายเลยหรอ”

     

    คนนั่งหลังโวยวายใส่คนบังคับม้าตัวการณ์ที่ทำให้พวกชาวบ้านต่างตกใจกับวินาทีเฉียดหัวหลุดของสองชายจากบาร์อีเกล์   

     

    เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตที่บัดนี้ฉายประกายกร้าวชี้นิ้วไปยังคนนอนกองบนพื้นอิฐ

     

    “เจ้านั้นมันทำอะไรผิดถึงได้ทำกับมันแบบนั้นฮะ”

     

    คนในชุดคลุมดำปิดหน้าปิดตาหันมองเจ้านั้นที่เพื่อนซี้ชี้ ก่อนนัยน์ตาสีทองจะเบิกกว้างด้วยความตกใจแล้วรีบไต่ลงจากหลังม้ามาดูอาการร่างบางบวกเปียกอย่างร้อนรน

     

    “นี่เจ้าเป็นอะไรอ่ะ ใครทำกับเจ้าแบบนี้”

     

    คนที่เธอไม่รู้จักกำลังถามด้วยความเป็นห่วงพรางเขย่าให้สติ แต่เธอก็ทนคงสติต่อไม่ไหว

     

    “ข้าถามทำไมไม่ตอบอีกฮะ..!”ชายผมเขียวตะคอนใส่สองคนที่กำลังอัมอึ้งทำให้พวกชาวบ้านที่พึงเคยเห็นทายาทเสนาขี้เล่นอารมณ์ดีเป็นประจำแสดงด้านมืดต่างรู้สึกตื่นตัว

     

    “เจ้าหนุ่มนี่มันกินแล้วชักดาบนะครับ เจ้านายเลยให้พวกข้าพากลับไปใช้หนี้”หนึ่งในคนกำลังซะตาขาดตอบ

     

    “เรื่องแค่นี้ทำไมต้องใช้กำลังทำร้ายกันด้วย”คนในชุดคลุมที่กำลังกุมมือคนหมดสติว่าด้วยความโมโห พวกคนโดนเข้าใจผิดรีบส่ายหน้า

     

    “เปล่านะครับ เด็กหนุ่มคนนั้นน่ะสั่งรัวบิแยร์แล้วดื่มเข้าไปเองจนหมดแก้วด้วย ฝืนวิ่งมาฟุ่บตรงนี้ได้ก็เก่งมากแล้ว ข้ากับเพื่อนร่วมงานแค่กำลังพากลับไปพักที่บาร์ให้หายมึนก่อน”

     

    “แล้วไอ้ที่บอกว่า คืนแรกอาจจะหนักหน่อยนะ เพราะเจ้านายคืนกำไรให้พวกเจ้าด้วยน่ะมันหมายความว่าอย่างไงกัน”

     

    คนหูดีเหมือนมีพรายกระซิบถามเสียงเรียบแต่เป็นความสงบก่อนพายุร้ายจะมา ไอเวทสีดำแผ่ออกจากร่างในชุดคลุมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เรียกให้คนจุดไฟต้องรีบลงมาจับบ่าปราม

     

    “ก็หมายความอย่างที่พูดแหละครับ ถ้าเจ้าหนุ่มสำอางนี่ไม่ยอมจ่ายเงินก็ต้องไปล้างแก้วล้างจานเก็บโต๊ะถูร้านหลังร้านปิดจนกว่าจะหมดหนี้ แล้วคืนนี้พวกข้าก็ยังจะได้พักผ่อนเพราะเจ้านี่ต้องทำงานของพวกข้าสองคนเป็นค่าตอบแทนที่พวกข้าต้องคอยดูแลตอนยังเมาไม่หาย”

     

    แฟร๊ง! เจ้าคนมีความคิดลึกซึ้งทั้งสองหน้าแตกโดยไม่มีใครรู้นอกจากตัวเอง ไอทมิฬหายไปจากร่างคนหน้าบางที่ก้มหน้าหลบอายทันที ขณะที่คนหน้าหนากว่ายังคงทำเป็นโหด

     

    “แล้วเจ้านั่นมันเป็นหนี้เท่าไหร่”

     

    “เจ็ดหมื่นเรฟครับ”

     

    “แค่เจ็ดหมื่นเรฟเนี้ยนะ ท่าจะจนแฮะ”คนเก็กหลุดขำก่อนจะหยิบถุงเงินออกมา

     

    “เอาไปแปดหมื่นเรฟแล้วก็กลับไปเอายาแก้มึนมาให้เจ้านี้เร็วๆด้วย” คนที่ก้มหน้าไม่ยอมปล่อยมือคนกำลังมึนหนักสั่ง คนถือเงินเลยจัดไป

     

    “ครับท่าน ข้าจะรีบไปเอาแก้มึนมาให้”พอได้เงินปุ๊บก็รีบไปปั๊บ นี้แหละอำนาจเงินตรา

     

    “ไม่มีเรื่องอะไรให้ดูแล้วล่ะ พวกท่านกลับไปทำมาหากินเถอะ”คนแกล้งเก๊กโหดหันไปไล่พวกชาวบ้านที่ยังเอาแต่ยืนมุงดูพวกเขาอย่างอยากดูการประลอง  ทุกคนเลยเลิกสนใจออกนอกหน้าด้วยตอนนี้ยังไม่มีใครอยากลองดีกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านเสนาที่ได้ชื่อว่าเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่แกร่งสุดในเมืองแสงดาวตกให้เสียกำลังและเวลาไปโดยไม่ได้ได้อะไร

     

    เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจแล้วไควูฟัสจึงจูงเชอวาลมาใกล้เรฟราชีลที่ยังนั่งก้มหน้าจับมือคนเมาไม่ได้สติด้วยความเป็นห่วง

     

    “นี่ เจ้าปล่อยได้แล้วมั่ง ข้าเห็นเจ้าห่วงเจ้าหน้าหวานนี่ออกนอกหน้านอกตาแล้วข้าหึง”

     

    เด็กหนุ่มผมเขียวพูดล้อพูดเล่นเบาๆหวังให้เพื่อนเปลี่ยนอารมณ์ แต่เจ้าตัวก็ยังนั่งเศร้า

     

    “เมื่อวานเจ้านี่เกือบได้กลายเป็นพรายน้ำแล้ว แต่ข้าไปช่วยไว้ก็เลยถูกจับเข้าคุกเพราะโดนเข้าใจผิดว่าทำร้ายข้าแทน  ตอนหนีออกจากคุกคงลำบากมาก คงมีเรื่องกลุ่มใจท้อแท้ผิดหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อเป็นอย่างมากถึงได้ทำอะไรโง่ๆโดยการไปดื่มเหล้าย้อมใจให้ยิ่งแย่หมดท่าเหมือนลูกหมาตกน้ำแบบนี้”

     

    “คงกลุ้มเรื่องไม่มีเงิน”เขาพยักหน้าเห็นด้วย  ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อได้ยินความต้องการของเจ้านาย

     

    “ไควูฟัส ข้าอยากจะชดเชยให้กับเจ้านี่”

     

    “แม้เป็นคนที่ทำเจ้าหัวแตก ตบเจ้าจนแก้มบวมสองข้างและว่าเจ้าเป็นขอทานนะหรอ”

     

    นัยน์สีทองมองคนเหมือนเป็นเจ้ากรรมนายเวรตนดั่งเพื่อนว่าแล้วถอนหายใจยาว ก่อนเงยหน้ามาสบตาข้างเดียวคนถาม“ใช่   แล้วอีกอย่าง ข้าคิดว่าเจ้านี่อาจจะเป็น เด็กผู้หญิงคนนั้น”

     

    “ว่าไงนะ..!”นัยน์ตาสีมรกตเปิดกว้างด้วยความตกใจยิ่งกว่าตอนแรกที่เห็นมันเป็นผู้หญิง

     

     “ยาแก้มึนมาแล้วครับท่าน”ลูกจ้างร้านเหยียวข่าวที่พึงวิ่งมาถึงส่งยาแก้มึนให้เด็กหนุ่มที่ยืนเบลอจนน่าป้อนยาให้ แต่คนในชุดคลุมดำกลับไม่ห่วงยังรับยาไปให้คนอาการหนักกว่า

     

    “ขอบใจ ไปได้แล้ว”เรฟราชีลรับยาแล้วไล่กลับทันที เขาค่อยๆอ้าปากคนไม่รู้สึกตัวแล้วบรรจงหยดของเหลวสีฟ้าที่เป็นยาล้างพิษสุราอย่างดี พลางเอ่ยกับคนยังยืนทื่อให้เข้าใจความคิด

     

    “ก็ยังไม่แน่ใจร้อยเปอร์เซนหรอก แต่ความรู้สึกมันเหมือนกันเลย แถมยังมีอะไรแปลกๆ”

     

    ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันสักพัก ก่อนคนทำอึ่งจะยิ้มโล่งอกเมื่อเห็นคนเมาหลับค่อยๆลืมตา

     

    “ไงฟื้นซะทีนะ เจ้าเนี้ยมันชอบขยันหาเรื่องใส่ตัว อัค!

     

    “เฮ้ย...!”จู่ๆคนพึ่งฟื้นก็ชกหน้าคนช่วยซะงั้น ทำเอาสองหนุ่มมึนโดยไม่ต้องดื่มอะไร

      

    “นี้พวกเจ้าจะทำอะไรข้าฮะ…!”เจ้าคนทำคนอื่นมึนตวาดใส่พรางกอดตัวเองแน่นแล้วถอยห่างด้วยความตกใจกลัว 

     

     คนโดนเข้าใจผิดกับเพื่อนคนโดนเข้าใจผิดมองหน้ากัน ก่อนคนเป็นองค์รักษ์เพื่อนรักจะหัวเราะแล้วช่วยแก้แทนเจ้าชายดวงตก

     

    “เจ้าคงจะเมาไม่หายแฮะ นักบวชอย่างเพื่อนข้าจะไปทำอะไรเจ้าได้ ถ้าเป็นข้าก็ว่าไปอย่าง แต่ไม่ต้องห่วง เห็นแก่เพื่อนข้าที่เป็นห่วงเจ้ามากข้าจะเว้นโทษให้แล้วกัน” 

       

    นัยน์ตาสีฟ้ามองคนพูดงงๆแล้วกระพริบปรับสายตาที่เบลอให้เข้าที่ ก่อนจะรู้สึกเหมือนเคยเห็นใบหน้าหล่อเหล่าราวหยกที่เต็มไปด้วยความขี้เล่นในนัยน์ตาสีมรกตกับรอยยิ้มกวนๆและทรงผมสอยปิดตาขวาสีเขียวที่โดดเด่นจนน่ารำคาญลูกตาที่ไหนซะแห่ง

     

    แล้ววีเนสย่าก็นึกออกทันทีที่ท่านพี่ของเธอผู้ตื่นมาได้ถูกจังหวะจนน่าสงสัยทักขึ้น

     

    “นั่นศัตรูทางหัวใจของเรากับเจ้างั้งนั่นนี้หนาวีเนสย่า”

     

    “ไอ้เกย์หัวเขียว…!

     

    คนโดนเรียกเกย์หัวเขียวซึ้งๆหน้าครั้งแรกในชีวิตยิ้มค้างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนทันที   ขณะที่เจ้างั้งพยายามกลั่นขำแต่ก็ขำไม่ออกเมื่อนัยน์ตาสีฟ้าตวัดมองมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง

     

    “ส่วนเจ้าผ้าคลุมนี้ก็คงเป็นไอ้ขอทานกำมะลอสินะ หึ คราวนี้แต่งตัวอย่างกะโจร คิดจะไปต้มอะไรใครอีก ไม่มีอะไรอย่างอื่นทำรึไงถึงได้ชอบออกจากวังมาหลอกลวงคนอื่นเล่น จะเล่นบทไหนอีกล่ะคราวนี้ เมื่อวานขอทานผู้น่าหดหู่น่าสงสารไม่พอเลยจะเปลี่ยนเป็นคนดีที่จำใจต้องเลือกทางผิดปล้นคนรวยไปช่วยครอบครัวผู้อาภัพรึไง”

     

    วาจาอันร้ายกาจที่ไม่เข้ากับหน้าหวานๆของคนพูดเลยรัวใส่เป็นชุดทำให้ เจ้าชายปากดี กับ องค์รักษ์ปากเสียต้องยอมซูฮกให้ คุณชายปากร้ายที่กำลังโมโหเพราะนึกถึงเรื่องเมื่อวาน

     

    “ท่านครับ...”

     

      แต่คุณชายจอมอาฆาตก็ต้องหน้าหวอ เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่จากบาร์ที่ตนเป็นหนี้วิ่งมา  นัยน์ตาสีท้องฟ้าหันกลับมามองเจ้าของนัยน์ตาสีทองมนที่กำลังงงอย่างแค้นใจ

     

    “เจอเจ้าทีไรข้าซวยทุกที อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีกนะ ไอ้เจ้าชายบ้า...!” เจ้าตาฟ้าว่าด้วยความแค้นฝังใจก่อนจะรีบวิ่งหนีไปทิ้งให้เจ้าชายบ้ากำลังเอ๋อว่าตกลงใครกันแน่ที่บ้า

     

    แม้แต่ไควูฟัสเองก็ฉงนงงเหมือนกัน แต่พอเห็นชายหุ่นนักกล้ามที่วิ่งมาถึงก็เข้าใจไปว่าเจ้าหน้าหวานคงเครียดเรื่องหนี้จัดจึงมีอาการคลั่งอย่างที่เห็น คนพึ่งมาถึงเองก็งงไม่แพ้กัน

     

     “อ้าว คุณชายวิ่งไปไหนแล้วล่ะครับ ข้าอุตส่าห์เอาของสัมมนาคุณทางร้านมาให้”

      

    “คงตกใจกล้ามเจ้ามั่ง”เด็กหนุ่มผมเขียวว่าขำๆ  ก่อนจะยิ่งขำแบบไม่มีเหตุผลเข้าไปใหญ่เมื่อเจ้านายของเขาเอ่ยคำสั่งที่เขาชอบใจเอามากๆ

     

    “ไควูฟัส ไปจับเจ้านั้นมา ข้าจะพามันไปรักษาที่กาเรเดียน่าพร้อมกับข้าด้วย”

     

    รอยยิ้มมุมปากเชิดขึ้นข้างเดียวเหมือนยามเจ้าชายพ่อมดคิดแผนชั่วร้ายอยู่ปรากฏขึ้นบนริมปากบางเล็ก ซึ่งเขาเองก็เห็นด้วยกับแผนชั่วครั้งนี้มาก

     

    “แล้วถ้าเจ้านั้นขัดขืน”เขาแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าต้องทำไง รอยยิ้มชั่วร้ายยิ่งเด่นชัดขึ้น

     

    “เจ้าก็รู้ดีว่าต้องทำอย่างไงนี้ ไควูฟัส วูฟไมรอส   หึๆหึๆหึๆหึๆหึๆ”

     

    เจ้าของนามมองคนให้คำอนุญาตจัดการคนขัดขืนได้เต็มที่ ที่พูดเสร็จก็จมกับจินตการสยองๆของตัวเองพลางปล่อยเสียงหัวเราะหลอนๆ ด้วยแววตาที่ไม่อาจอ่านได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

     

    ในตอนนั้นเรฟราชีลคงไม่รู้เลยว่า เพราะคำพูดแบบไม่ได้ยั่งคิดในครั้งนี้ของเขา จะทำให้เกิดเรื่องที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งนั้นคือการเดิมพันด้วยชีวิตของเจ้าชายพ่อมดจอมขี้เกียจแห่งฮาโลกิจากโชคชะตาหรือเวรกรรมที่ขี้เกียจจนลืมเลือนหน้าที่ที่ได้รับตั้งแต่เกิด!

     

     

     

     

    eg



    โค๊ด กรอบทอง moon of

    sky


    sky
    บาร์เขียว moon of
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×