คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ II หนี
-
อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 53
โค๊ด กรอบทอง moon of
บทที่ II หนี
พอขึ้นรถม้าออกเดินทางได้สักพัก เรฟราชีลก็เอนตัวพิงเบาะอย่างเอาสบายเต็มที ทอดนัยน์ตาสีทองมองวิวนอกหน้าต่างอย่างเรื่อยเปื่อย
ขบวนเสร็จเล็กๆของเขาออกจากวังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผ่านสะพานข้ามคลอนที่รายรอบกำแพงประสาทซึ่งเป็นตัวบอกอาณาเขตของพระราชวัง ไปตามถนนหินอ่อนที่ทอดยาวเข้าไปในตัวเมืองก่อนลัดผ่านทางขึ้นเขาที่ไม่มีผู้คนสัญจร ตามกฎมนเทียรบาลแห่งราชวงศ์เยรันไนท์นั้นห้ามเปิดเผยรัชทายาทให้ประชาชนรับรู้อย่างเป็นทางการก่อนวันครองราชเมี่ออายุครบยี่สิบเอ็ดปีทำให้เรฟราชีลสามารถใช้ชีวิตก่อนถึงเวลานั้นได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องยุ่งเกี่ยวราชกิจ
แต่สำหรับเขาแล้ว ความอิสระที่ว่านั้นไม่มี ในเมื่อวันๆต้องเอาแต่อยู่ในวังคอยฟังพวกพระอาจารย์มาสอนโน่นสอนนี้ฝึกโน่นฝึกนี้อย่างนั้นอย่างนี้สารพัด ถึงเขาจะขี้เกียจ ชอบอยู่กับที่สบายๆ แต่บางทีก็อยากจะไปเปิดหูเปิดตาบ้าง แต่ก็ไปไม่ได้ เพราะอะไรไม่มีใครเคยบอก จนทำให้เขาอดรู้สึกว่าตัวเองเป็นกบในกะลาทองคำที่ถูกขังในกรงทองอย่างเสียไม่ได้ แต่ถ้าหากนอกกรงทองมันลำบากมากนักเขาก็ยอมเซาตายดีกว่า
นัยน์ตาสีทองค่อยๆปิดลงเมื่อวิวด้านนอกมีเพียงต้นไม้กับต้นไม้และต้นไม้เอง หากแต่ก็ต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆแต่ร้ายกาจจากคนที่เขาลืมไปว่ามันก็นั่งอยู่ในรถม้าด้วย
“ขนาดออกมานอกวังแล้วพี่เรยังไม่วายคิดจะนอนต่ออีกหรอครับ ไม่รู้สึกละอายบ้างเลยหรือไงครับหากประชาชนมารู้เข้าว่าว่าที่ราชาองค์ต่อไปของพวกเขาขี้เกียจส้นหลังยาวขนาดนี้”
คำทัดทวนที่เด็กหนุ่มผมยาวไหวตัวน้อยๆก่อนจะข่มตาข่มใจตอบกลับไปอย่างข้างๆคูๆ
“ก็ตอนนี้ไม่มีอะไรให้ข้าทำนี้พระอาจารย์ กว่าจะถึงวิหารโซเลก็อีกสักพักใหญ่ๆ และดั่งที่คำกล่าวว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ก็เช่นเดียวกับข้าที่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้เข้าพิธีศักดิ์สิทธิ์อะไรนั้นอย่างตื่นตัว แล้วหากข้าจะหลับพักผ่อนระหว่างเดินทางที่ได้แต่รอคอยให้ถึงที่หมายอย่างแสนจะน่าเบือหน่ายเพื่อฟื้นฟู่พละกำลังให้เต็มที่มันจะน่าอายตรงไหน”
ด้วยคำพูดชักทะเลทั้งสามในฮาโลกิที่คิดว่าอีกฝ่ายคงหาคำค้านไม่ได้และทำให้ตัวเองได้นอนต่ออย่างสบายกลับทำให้เขาสะดุดลมหายใจตัวเองเมื่ออีกฝ่ายบอกอย่างติดแขวะติดแซวว่า
“ก็น่าอายตรงที่ท่านเอาเวลามีค่าที่จะทบทวนบทสวดศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบทมาทำเรื่องไร้สาระให้ตัวเองหน้าแตกตอนไปขอพรปูๆปลาๆในพิธีศักดิ์สิทธิ์นะสิครับ”
“อะไรนะ!”เรฟราชีลถามลั่นด้วยความตกใจ นัยน์ตาสีทองเบิกกว้างก่อนจะหลุบลงแล้วคิดถึงคำพูดของคนคนหนึ่งที่คงขี้ม้าหัวเราะเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลอย่างเจ็บใจ
ไหนไอ้หมานั้นมันบอกกับเขาว่าแค่ขอพรแล้วก็เสร็จไง
แล้วไอ้บทสวดศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบทนี้มันอะไรกัน!
เขาโดนมันหลอกให้เข้าไปติดกับดักของมันอีกแล้ว
นิอาซ์มองใบหน้าหลุดโลกไปแล้วของลูกศิษย์ตนแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะกล่าวเรียกสติคนที่นั่งตรงข้าม
“ก็อย่างที่ท่านถ้าไม่หูหนวกก็คงได้ยิน พี่เรไม่เอะใจบ้างเลยหรอครับว่าทำไมข้าถึงต้องถ่อสังขารมารับท่านไปวิหารโซเลด้วยตัวเอง”
คำถามตามสไตล์คนเก่งเกินตัวทำให้คนไม่ได้เรื่องฉุดคิดขึ้นมาได้ เพราะตอนนั้นเขามัวแต่คิดว่าเจ้าไควูฟัสคายมนต์ที่ปิดปากเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่จึงลืมสนใจเจ้าตัวเล็กไปเสียสนิก
เจ้าคนที่นานๆครั้งจะมาสอนเขาที แต่มาแต่ล่ะทีนี้ทำเอาเขาปวดหัวไปสามวันสี่วันไข้ขึ้นเป็นเดือนๆ แล้ววันนี้ก็ไม่ใช่วันที่เจ้าตัวชอบมาสอนเขาเสียด้วย
‘แล้วมาทำไม?’
ดูเหมือนนัยน์ตาสีหมอกคู่นั้นจะอ่านออกว่าลูกศิษย์ยังหาคำตอบไม่ได้จึงเฉลยให้หายสงสัยแต่ไม่วายที่จะสอดคำแขวะไว้ด้วย
“ท่านยังฉลาดน้อยเหมือนเดิมเลยนะครับ ดูท่าหากข้าจะปล่อยให้ท่านหาคำตอบด้วยตัวเองมีหวังข้ารอจนท่านแก่ตายก่อนข้า สาเหตุที่ข้ามาคือมาสอนบทสวดศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบทที่จะใช้ในพิธีคืนนี้ให้กับคนความจำปลาทองอย่างท่านระหว่างเดินทางไงล่ะครับ”
เขาว่าแล้วว่าถ้าเจ้ายมทูตตัวจิ๋วนี้ขึ้นมาจากขุมนรกอีกมันต้องเอาเคียวมาเฉือนคอเขาแน่ๆ
เด็กหนุ่มผมยาวนึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเสียเฉยๆ วันเกิดตัวเองแท้ๆแต่ดันเจอแต่เรื่องร้ายๆทั้งนั้น ดูเหมือนนางฟ้าประจำตัวเขาคงอยากให้เขารีบกลับไปอยู่ด้วยเร็วๆแล้วสิ
พระอาจารย์เด็กแต่ตัวส่ายหน้ากับอาการซึมของเจ้าชายโตแต่ตัว ก่อนจะเข้าเรื่องหลังจากที่เสียเวลาไร้สาระอยู่นาน
นิอาซ์สอนเกี่ยวกับการเข้าพิธีศักดิ์สิทธิ์ขอพรมหาเทพโซเลให้กับเรฟราชีลตั้งแต่ต้นจนจบคร่าวๆพอเข้าใจพร้อมบังคับขู่เข็นลูกศิยษ์ด้วยเคียวให้คัดลายมือใส่สมุดพกไปด้วยสองจบ
เจ้าตัวบอกว่าพอพระจันทร์ขึ้นถึงเหนือหัวรัชทายาทที่อายุครบสิบเจ็ดแล้วซึ่งก็คือเขาจะต้องขึ้นเขาเข้าไปในวิหารโซเลเพียงลำพัง ค่อยๆใช้เชิงเทียนจุดเทียนที่ตั้งอยู่ทั่ววิหารทีล่ะเล่มทีละเล่มจนครบทั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเล่ม แล้วไปนั่งชันเข่าข้างขวาตรงกลางวิหาร มือซ้ายเตะพื้นมือขวาแนบอกแล้วเงยหน้าสบพระพักตร์เทวารูปมหาเทพโซเลพร้อมท่องบทสวดศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าร้อยเก้าสิบเก้าบทจนจบ แล้วจึงออกมารับแสงของเช้าวันใหม่หน้าวิหารก็เป็นอันจบพิธีขอพรมหาเทพโซเลให้ทรงคุ้มครองว่าที่ราชาองค์ต่อไปและให้บ้านเมืองแสงดาวตกนี้รุ่มเย็น
พอฟังจบรัชทายาทที่ต้องไปเข้าพิธีก็เซงชีวิตรู้สึกอยากตายตั้งแต่ยังไม่ทันทำอะไร
แต่ละอย่างนี้ช่างดูง่ายดายดั่งที่เจ้าตัวกวนไควูฟัสมันว่าเสียเหลือเกิน แล้วทำไมอะไรอะไรต้องเก้าร้อยเก้าสิบเก้าด้วย เก้าเดียวจบก็น่าจะพอแล้วไม่รู้จะให้เก้าไปถึงไหน
แต่ยังมีอีกอย่างที่ยังคงคาใจของเขายิ่งนักจึงเอ่ยถามผู้รอบรู้ด้วยความสงสัย
“พระอาจารย์ ในเมื่อพิธีนี้จัดขึ้นตอนเที่ยงคืน แล้วทำไมข้าต้องตื่นแต่เช้าด้วยในเมื่อต่อให้ตื่นตอนค่ำก็น่าจะทันเวลา”
เด็กหนุ่มผมเงินยิ้มแบบที่เรฟราชีลนึกขยาด
“เป็นคำถามที่ดีมากครับศิษย์ข้า”เจ้าตัวว่าโดยที่เขาไม่แน่ใจนักว่าจะเป็นคำชม
ไม้เท้าเก่าแก่ที่สูงกว่าความสูงเจ้าของมากในมือคนตัวเล็กกระแทกพื้นรถม้าสองทีเบาๆ
คัมภีร์ปกสีทองเก่าๆใหญ่ๆเล่มหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าคนเรียก เจ้าตัวรับมันมาเปิดพลิกหน้าผ่านๆอย่างรวดเร็วเหมือนอยากให้เขาประจักษ์ถึงความมากมายของจำนวนหน้าหนังสือในมหาคัมภีร์นั้นว่ามีมากขนาดไหน
เจ้าเด็กรุ่นน้องหยุดโชว์ความสยองที่เจ้าตัวภูมิใจเสนอ ก่อนจะดันแว่นเล็กๆตรงจมูกให้เข้าที่ นัยน์ตาสีหมอกที่ฉายความเป็นผู้รอบรู้หันกลับมาสบมองเขาด้วยรอยยิ้มตามแบบฉบับ ก่อนเจ้าตัวจะเอ่ยสิ่งที่เขาต้องส่ายหน้ารัวทันที
“ท่านคิดว่าตัวเองจะถอดภาษาโบราณในคัมภีร์นี้หมดภายในหนึ่งวันได้ไหมครับ”
ต่อให้หนึ่งปีเขาก็ไม่แน่ใจนักว่าจะอ่านจบ
คนถามยังคงยิ้ม ก่อนจะโยนคัมภีร์นั้นมาให้เรฟราชีลที่รับมาอย่างงงๆ
นี้ถ้าหากเขารับไม่ทันขึ้นมามีหวังเขาได้หัวแตกแน่ๆเพราะคัมภีร์เล่มนี้นั้นทั้งใหญ่ทั้งหนักจนขนาดเขายังแบกแทบไม่ไหว แล้วเจ้าเด็กนี้ถืออ่านอย่างสบายๆแบบเมื่อกี้ได้อย่างไร นัยน์ตาสีทองมองคนตรงข้ามตาปริๆ เจ้าตัวเล็กยิ้มให้เขาอย่างไร้เดียงสาก่อนจะทำให้เขาเลิกสนว่ามันถือไปได้ไง แล้วถามตัวเองว่าเขาจะไปทำอย่างที่มันบอกได้อย่างไร
“นี้แหละครับ เหตุผลที่ทำไมท่านถึงต้องตื่นแต่เช้า และทำไมข้าถึงต้องเป็นมาในวันนี้
เอาล่ะครับพี่เร เราเสียเวลามามากพอแล้ว เรามาเริ่มอ่านกันเลยดีกว่าครับ เพราะในคืนนี้พี่เรจะต้องท่องบทสวดศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในคัมภีร์นี่ให้จบก่อนตะวันขึ้น”
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.....!!!!!!!!!!!!!!
เสียงร้องอย่างโหยหวนดังขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม ก่อนคนตัวเล็กจะเริ่มสอนไปเรื่อยๆโดยไม่สนอามรณ์อยากตายของใครเลย เรฟราชีลได้แต่ก้มหน้าก้มตาอ่านตามที่พระอาจารย์สอน
หน้าหนังสือที่เต็มไปด้วยอักษรโบราณช่างมากมายจนลายตายิ่งนัก แต่ล่ะคำก็ช่างแสนจะอ่านลำบากออกเสียงยาก ทั้งหมดจึงเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไปเสียหมด แถมแม้เขาจะอ่านมาได้กว่าครึ่งชั่วยามแล้วหน้าแรกก็ไม่หมดสักที เรฟราชีลจึงแอบภาวนาขอให้เกิดอะไรสักอย่างขึ้นเพื่อให้การเข้าพิธีคืนนี้ล้มเลิกด้วยเถอะ
ตูม!
เสียงระเบิดดังขึ้นไม่ไกลจากรถม้าก่อนเสียงโวยวายและเสียงการต่อสู้จะดังไปทั่วบริเวณ คนได้ดั่งใจทันใจไปสะดุ้งตกใจเล็กน้อยด้วยไม่นึกว่าสิ่งที่ตนขอไปแบบไม่ยั้งคิดจะเกิดขึ้นจริง
ไม้เท้าคนตรงข้ามกระแทกพื้นรถม้าเบาๆสองที คัมภีร์สีทองในมือของเด็กหนุ่มก็หายไป นัยน์ตาสีทองสบนัยน์ตาสีหมอกที่ดูเหมือนจะรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้านนอกของคนอายุน้อยกว่าอย่างขอความคิด เจ้าตัวยิ้มก่อนพูดแผ่วเบาเหมือนกับพูดกับตัวเอง
“ดูท่าข่าวดวงแก้วออกนอกปราการเพธรแล้วจะรั่วไหลเร็วกว่าที่คิด”
“เจ้าหมายความว่าไง?”
คนฉงนถามแต่ไม่ได้รับคำตอบจากพระอาจารย์รุ่นน้องที่เพียงส่งยิ้มเอ็นดูมาให้เขา ยิ้มแบบที่เด็กอย่างมันไม่ควรใช้กับคนอายุมากกว่า นัยน์ตาสีหมอกดูอ่านยากจนเขาไม่อาจเดาได้
ประตูรถม้าถูกเปิดขึ้นอย่างเร็วโดยฝีมือของคนบังคับรถม้าที่โผล่เข้ามาแจ้งอย่างร้อนรน
“แย่แล้วพะย่ะค่ะเจ้าชาย เรากำลังโดยโจมตีจากกลุ่มคนชุดดำที่ไม่ทราบที่มาแล้วตอนนี้พวกมันก็ล้อมเราไว้หมดทุกทางแล้วด้วยพะย่ะค่ะ”
“ว่าไงนะ!”
เรฟราชีลแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง มีคนคิดจะฆ่าเขาจริงๆด้วยหรอ นอกจากในวังก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นรัชทายาทและเขาก็ไม่มีพระญาติคนอื่นๆที่จะมาคิดแย่งตำแหน่งรัชทายาทกับเขา
แล้วทำไมถึงได้มีคนอยากฆ่าเขา?
หรือบางทีอาจไม่ใช่อย่างที่เขาคิด?
ความสับสนถูกคลายลงด้วยเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยก่อนจะเปลี่ยนเป็นความฉุนจัดใส่คนพูด
“เจ้าคงขี้เกียจสันหลังยาวจนมีผู้ใหญ่ทนเห็นเจ้าชายที่ชกมกสกปรกที่สุดในหกภพนี้ได้เป็นว่าที่ราชาองค์ต่อไปไม่ได้กระมั่ง”
“และข้าก็แน่ใจอย่างมากว่าเจ้าเองก็คงอยู่ในกลุ่มกบฏนั้นด้วยใช่มั้ย ไควูฟัส วูฟไมรอส!”
เจ้าของชื่อโผล่หน้ามายิ้มใสชื่อให้กับเขาราวมันไม่ได้คิดอย่างนั้นจริง(หรือเปล่า?) ก่อนจะหันไปถามพระอาจารย์ที่ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับมุข
“ท่านเองก็ด้วยนี่พระอาจารย์นิอาซ์”
“เออดี!พวกเจ้าสองคนจับข้าไปให้พวกมันฆ่าเลยสิ ข้าเองก็จะได้ไม่ต้องมีชีวิตรอดไปเข้าพิธีหฤโหดบ้าๆนั้นด้วย”
เจ้าเพื่อนทรยศกับเจ้าน้องล้างพี่ขำกับคำประชดของเขาจนเจ้าคนน่าหยิกชักสงสัยว่าท่านเสนาไปบริจาคโลหิตให้ต้นพีเยร่าเลยมีลูกชายอีกคนเป็นนิอาซ์รึเปล่าถึงได้นิสัยเหมือนกันนัก
เจ้าองครักษ์กวนประสาทหยุดหัวเราะก่อนจะเอ่ยสิ่งที่เขาควรจะเลิกโกธรแล้วฟังมัน
“เรื่องนั้นไว้ข้าเบื่อจะอยู่กับเจ้าก่อนแล้วกัน แต่ตอนนี้เห็นทีเราคงต้องรีบหนีกันแล้วล่ะ”
หากแต่ประโยคที่ไม่เคยได้ยินจากปากคนตรงหน้าทำให้เขาอดแขวะกลับไม่ได้
“แล้วเหตุอันใดองค์รักษ์คนเก่งไม่เคยกลัวตายอย่างเจ้าถึงได้เอ่ยปากชวนข้าหนีได้”
“ถ้าท่านเห็นศึกครั้งนี้แล้วจะยอมเป็นฝ่ายหนีตามข้าไปอย่างเต็มใจ”ไควูฟัสยิ้มรับก่อนจะหลบให้เขาได้ออกไปยืนมองด้านนอกที่กลายเป็นสมรภูมิรบกลางป่าที่มีรถม้าเป็นจุดศูนย์กลาง
คนชุดดำร่วมร้อยที่ไม่รู้มาจากไหนเต็มไปหมดล้อมปิดทุกทางเอาไว้และค่อยๆตีวงเหล่าองครักษ์ที่มีเพียงเก้าคนร่วมไควูฟัสด้วยตอนนี้จึงเหลือที่กำลังสู้อยู่แค่แปดคนเข้ามา
นัยน์ตาสีทองกวาดมองตามพื้นหญ้าที่เต็มไปด้วยร่างคนชุดดำนอนนิ่งอยู่มากมาย ดูท่าองครักษ์เขาจะจัดการพวกมันไปได้กว่าครึ่งแล้ว ฝีมือพวกมันนับว่ายังห่างชั้นกับคนของเขานัก
เฟ๊รง! เฟ๊รง! เฟ๊รง!
“อะไรน่ะ!”
นัยน์ตาสีทองมนเบิกกว้างเมื่อจู่ๆร่างที่นอนจมกองเลือดพวกนั้นค่อยๆปริแตกละเอียดอย่างรวดเร็วราวกับกระจกแตกไปที่ละร่างละร่างจนหายไปหมด แล้ววงล้อมรอบนอกก็เริ่มมีคนชุดดำเข้ามาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนศัตรูจากร้อยมีจำนวนเพิ่มอีกสองเท่า
เสียงหนึ่งเรียกให้นัยน์ตาสีทองหันไปมองคนที่ดูจะรอบรู้ไปเสียทุกเรื่องสมตำแหน่ง
“พวกมันเป็นร่างมายาน่ะครับ ต่อให้ฆ่าให้ตายสับสิบรอบเจ้าของร่างมายาก็สร้างมันขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆจนกว่าเจ้าตัวจะหมดพลัง และเพราะต้องแบ่งพลังให้ร่างมายาเท่าๆกันยิ่งสร้างเยอะเท่าไหร่ฝีมือก็ยิ่งอ่อนกว่าตัวจริงมากนักอย่างที่เห็น”
“แต่ต่อให้ฝีมืออ่อนแค่ไหนหากเจอเข้ามากๆติดๆกันโดยไม่ให้ได้หยุดพักหายใจแบบนี้พวกเราอาจเป็นฝ่ายเหนื่อยก่อนแล้วสิ้นท่าเสียเองได้”
คำกล่าวของเจ้าตัวแสบที่เรฟราชีลเห็นด้วยเป็นครั้งแรกของวันนี้
อย่างไงตอนนี้พวกเขาก็เสียเปรียบอยู่ดี ทั้งจำนวนคนและกำลังที่กำลังถดถอย
ขืนสู่ไปก็รั้งแต่จะตายเปล่า แต่ถ้าหนี...
“แล้วเจ้าพวกนั้นล่ะ จะปล่อยให้พวกเขาสู้กันตามลำพังหรอ”
เจ้าชายที่มีมุมเป็นพระเอกอยู่กับเค้าเหมือนกันถามด้วยความเป็นห่วงพวกราชองครักษ์ของท่านพ่อที่ดูท่าจะสู้เพื่อเขาอย่างถวายชีวิต
องครักษ์รัชทายาทที่พึงได้องครักษ์ราชันในสังกัดบิดามาอยู่ในอานัสชั่วคราวส่ายหน้า
“เจ้ากำลังดูถูกฝีมือคนที่กำลังอารักษ์ขาเจ้าอยู่นะ คนที่น่าห่วงที่สุดก็คือเจ้าเองนั้นแหละ
ไม่รู้จักฝึกจับดาบจับคทาให้มั่นสุดท้ายเลยต้องมาเป็นตัวถ่วงคนอื่นอย่างนี้”
“เจ้ากำลังดูถูกข้า!”
คนโดนดูถูกตวาดด้วยความโมโห ตวัดมือเรียกคทาทองคำหัวไพลินออกมาจับแน่น
“ถึงข้าจะยังหาอาวุธคู่กายไม่พบ แต่ใช่ข้าจะจับคทาไม่เป็น”
“เจ้าก็แค่ถือไว้ให้มันหนักมือเล่น จะร่ายเวทสักบทได้รึเปล่าก็ไม่รู้”
คำดูถูกไม่ดูฉายาจากเจ้าคนปากหมาที่คนถูกดูถูกไม่ยอมรับก่อนจะชี้หัวคทาไพลินไปยังคนชุดดำคนหนึ่งที่กำลังช่วยพวกรุมองครักษ์ราชันอยู่
“ข้าจะแสดงให้ดูว่าข้าร่ายเวทสักบทได้มั้ย”
เรฟราชีลกล่าว ริมปากบางเริ่มท่องคาถาบทหนึ่งที่จำได้ว่าเป็นเวทไฟอย่างรวดเร็ว
หัวคทาไพลินส่องแสงสีทองสว่างจ้าเมื่อเจ้าของร่ายเวทเสร็จ
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นหยุดชะงักทั้งคนชุดดำและองค์รักษ์ต่างหันมามองแสงสีทองที่ทำให้ทั่วบริเวณสว่างจ้าจากหัวคทาไพลินของเจ้าชายแห่งเรเฟไนท์อย่างตื่นตาว่าเจ้าตัวจะสำแดงมหาเวทย์รุนแรงบทไหนออกมา ซึ่งแม้แต่คนร่ายเวทเองก็ยังไม่อาจคาดเดาพลังของตัวเองได้
และทุกคนก็ได้ประจักษ์ถึงเวทที่เจ้าชายพ่อมดปล่อยออกมาว่า
เป็นเพียงควันสีขาวที่ออกมาจากหัวคทาน้อยๆ
แล้วก็สลายไปเป็นอากาศธาตุอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!ทำไมออกมาแค่นี้ล่ะ จริงๆต้องมีลูกไฟขนาดยักษ์ออกมาไม่ใช่หรอ”
คนกะเล่นเวทแรงๆแต่ออกมาได้แค่ควันหน้าชืด เอามือตบหัวคทาด้วยหวังว่าไอ้เวทแรงๆนั้นจะออกมาแก้หน้าแตกได้บ้าง แต่สุดท้ายผลก็ออกมาเหมือนเดิม
นัยน์สีทองมองไปรอบๆที่เต็มไปด้วยสายตาของคนอื่นที่มองตนอย่างขบขันด้วยความขายขี้หน้าสุดๆ
เจ้าคนกวนประสาทตบบ่าเขาเบาๆก่อนจะพูดขึ้นเหมือนมันตั้งใจทำให้ทุกอย่างแย่ลง
“ข้าก็เตือนท่านแล้วไง เจ้าชาย เรฟราชีล เยรันไนท์ ว่าอย่าทำให้พวกเขาตกกะใจกับพลังเวทย์แสนจะร้ายกาจของ เจ้าชายพ่อมดแห่งเรเฟโอไนท์ ท่านก็ไม่เชื่อข้าเลยสักนิด”
พอได้ยินว่าสรรพนามของเขาที่ไอ้ผมเขียวมันเน้นเสียงดังฟังชัดก็ทำให้ศัตรูรู้ทันทีว่าเจ้าคนร่ายไม่เป็นคือใคร เจ้าพวกชุดดำก็จ้องมาทางเขาด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป สายตาที่บอกว่าเขาเป็นเหยื่ออันโอซะของพวกมันและค่อยๆย่างสามขุมมาทางเขา
“นิอาซ์เจ้าจะหนีตามไปกับพวกข้าด้วยไหม”เจ้าคนที่เขาชักไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นฝ่ายใครกันแน่พูดสองแง่เบาๆให้ได้ยินกันแค่สามคน
สถานการณ์เลวร้ายลงเพราะมันเองแท้ๆยังทำมาเป็นพูดเล่น
แต่ดูท่าคนที่น่าปวดหัวกว่าคงเป็นพระอาจารย์คนเก่งที่เป็นไปกับมันด้วย
“ไม่ล่ะครับ ข้าไม่ชอบเป็นมือที่สามใคร แล้วก็ไม่อยากซวยไปด้วยอีกคน”
“งั้นข้าก็ฝากเจ้าเฝ้ารถม้าดีๆล่ะ เพราะอย่างไงเจ้าชายอับโชคก็ต้องไปล้างซวยคืนนี้อยู่ดี”
คำกล่าวของคนปากหาเรื่องที่เขาแย้งสุดตัวว่าเพราะมันนั้นแหละเป็นตัวทำเขาโชคร้าย
ไม่ทันที่เรฟราชีลจะได้พูดอะไรบ้าง คนชุดดำห้าคนก็พร้อมใจกันเย้ยดาบพุ่งเข้าใส่เขาโดยที่เหล่าองค์รักษ์ไม่ทันได้เข้าไปขวาง
เคร้ง!
คนไร้ดาบที่กำลังโดนรุมกินโต๊ะยกคทาทองคำขึ้นป้องกันตัวด้วยความตกใจจนมือชา แม้จะป้องดาบที่หมายฝ่ากลางหัวได้อย่างวุดวิด
แต่คทาหรือจะรับคมดาบได้พร้อมกันถึงห้าทิศ
ไม้เท้ายาวๆเก่าๆบัดวิถีดาบตายทั้งสี่ก่อนถึงเป้าหมายอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนดาบกระเด็นหลุดมือเจ้าของไปปักอกของพวกเดียวกัน
การต่อสู้ของเหล่าองครักษ์ราชันทั้งแปดกับคนชุดดำร่วมสามร้อยจึงเริ่มอีกครั้ง
คนเกือบตายมองคนตัวเล็กที่กระโดดออกจากรถม้ามาช่วยตนอย่างอึ่งๆ ก่อนจะกลืนคำขอบคุณที่จะเอ่ยลงคอ เมื่อไอ้คนช่วยมันดันพูดกับลูกคู่ผมเขียวที่รีบพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ขืนแถวรถม้าที่ข้าต้องเฝ้ามีศพมาตายอย่างน่าสมเพชใกล้ๆข้าคงทนอยู่ไม่ไหวแน่ครับ”
“อ้อ ข้าจะไปตายไกลๆหน้าเจ้า!”คนช่างประชดว่าเรียกเสียงฮาจากสองคู่หูจอมกวนประสาท
เรฟราชีลเอาคทาฟาดลมด้วยความหงุดหงิดก่อนจะเก็บมันเข้าตัวแล้วปื่นขึ้นหลังอาชาสีขาวที่อยู่ใกล้ๆ แต่ก็พลาดตกลงมาด้วยเพราะไอ้ม้านั้นมันพยศไม่ยอมให้คนไม่ใช่เจ้าของขึ้น
คนไม่ถนัดทั้งบุ๋นและบู๋กัดฟันกรรดมองเจ้าคนที่แกล้งทำเป็นลืมหน้าที่อย่างออกคำสั่งด้วยสาย แต่เจ้าตัวกวนก็ยังแกล้งตีหน้าซื่อเลยต้องกัดฟันถาม
“จะไปกันได้ยัง”
“ไปไหน?”คำถามกวนบาทาที่คนโดนกวนต้องพยายามข่มอารมณ์ไม่ฆ่าคนด้วยเพราะจำเป็นต้องใช้มัน
“ก็หนีไง”คำตอบอย่างเบื่อหน่ายเรียกรอยยิ้มร้ายเดียงสาบนหน้าอีกฝ่ายก่อนทำสีหน้าตกใจ
“หา ท่านชวนข้าหนีตามท่านไปหรอ เจ้าชายทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ”
“ไควูฟัส วูฟไมรอส..!”คนชวนหนีเหลืออด แต่อีกฝ่ายก็ยังยิ้มเล่นลิ้นยั่วไม่เลิก
“ตกลงตกลง ข้ายอมหนีตามท่านไปก็ได้ ไม่เห็นต้องบังคับขืนใจกันขนาดนี้เลย”ร่างสูงกระโดดขึ้นม้าแล้วยื่นมือมันมาช่วยดึ่งคนกำลังแปลงร่างขึ้นม้า
“เกาะเอวข้าแน่นๆล่ะเจ้าชาย”คนจับบังเหียนบอกเมื่อเห็นคนข้างหลังขึ้นม้าเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความมีทิฐิต่อคนพูดเด็กหนุ่มผมทองจึงเลือกที่จะนั่งกอดอกแทน
“ทำไมข้าต้องเกาะเอวเจ้าด้วย”
“เชื่อพี่ไคเถอะครับพี่เร ก่อนที่ท่านจะไม่มีโอกาสได้เชื่อใครอีก”
คำตอบราวเขากำลังจะตายกลับมาจากพระอาจารย์ตัวเล็กที่เริ่มเปลี่ยนไม้เท้าตัวเองเป็นอาวุธ ใบมีดโค้งแหลมคมค่อยๆงอกออกจากปลายไม้เท้าจนกลายเป็นเคียวยมทูตขนาดใหญ่สีดำทมิฬที่ชวนคิดถึงเคียวของบาโพราชันแห่งอสูรร้าย และการที่เจ้าแพะจิ๋วมันงัดเอาอาวุธประจำตัวออกมาใช้ก็แสดงว่าสถานการณ์ตอนนี้คงแย่มากกว่าที่เขาจะคาดคิด
นัยน์ตาสีทองมองตามนัยน์ตาสีหมอก จำนวนของศัตรูลดลง แต่ใช่ว่าเพราะพวกองครักษ์จัดการได้ ดูท่าผู้สร้างร่างมายาจะหยุดหยั่งเชิงพวกเขาจึงลดจำนวนร่างคนชุดดำเหลือเพียงยี่สิบแต่ฝีมือเลือนจากทหารเลวเป็นระดับเกือบขุนพล
เหล่าองครักษ์ทั้งแปดรับมือกับศัตรูอย่างยากลำบากด้วยเพราะอ่อนแรงและโดนรุมจากคนที่ฝีมือเกือบเหนือกว่าทำให้มีคนชุดดำหลุดรอดจากวงรอมองครักษ์เข้ามาทางเรฟราชีลได้
เคียวใหญ่สีดำถูกร่างเล็กที่ไม่น่าเชื่อว่าถือมันไหวฟาดตัดร่างคนชุดดำที่พุ่งเข้าหาคนที่คงโดนหมายหัวไว้ขาดเป็นสองท่อน นัยน์ตาสีหมอกหลังแว่นมองร่างนั้นนิ่งอย่างเก็บงำความคิด ก่อนจะหันไปมองสองคนบนหลังม้าที่ยังมัวมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเอ่ยไล่
“ไหนพวกท่านบอกจะหนีตามกันไปตายไกลๆหน้าข้าไงครับ ก็ไปสักทีสิครับ”
“นิอาซ์เจ้าอย่า.. เฮ้ย!”เรฟราชีลที่กำลังว่าเด็กรุ่นน้องตกใจเผลอกอดเอวเจ้าคนข้างตัวแทบไม่ทันเมื่อมันกระตุกบังเหียนให้ม้ายกขาหน้าขึ้นเตรียมวิ่งก่อนจะหันไปกล่าวกับคนไล่
“ในเมื่อท่านไม่หนีตามไปพร้อมกับพวกข้าก็ฝากทางนี้ด้วยแล้วกัน”
“ครับๆ ไปสักทีสิครับ ข้าจะได้วาดรวดลายได้สะดวกๆ”คนอยากออกแรงเต็มทีพูด
ไควูฟัสพยักหน้ารับ ก่อนกระตุกบังเหียนให้ม้าคู่ใจทะยานข้ามกลุ่มคนชุดดำที่เข้ามาขวางออกไปอย่างรวดเร็วจนคนไม่หาที่ยึดแทบตกม้าเลยจำต้องเกาะเอวคนบังคับม้าแน่น
อาชาสีขาวสามารถกระโดดข้ามหัวศัตรูได้อย่างสง่างามจนคนเกือบได้เป็นพระเอกตกม้าตายสบถด่าให้มันอยากพยศเล่นแต่จำต้องวิ่งต่อตามนายสั่งผ่านวงล้อมศัตรูออกไปตามทาง
เด็กหนุ่มผมเงินมองการหนีของลูกศิษย์ตนขำขำ ปล่อยให้คนชุดดำตามคนหนีไปสองสามคนพอป่วนคนหนีเหมาะๆ ก่อนร่างเล็กจะกระโดดเข้าไปขวางทางเหล่าคนชุดดำที่สามารถจัดการองค์รักษ์จนสลบหมดได้ รอยยิ้มใสซื่อดูไร้พิษสงปรากฏขึ้นบนเรียวบนของเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารัก หากแต่จิตสังหารและความกดดันมหาสานที่แผ่ออกมาจากคนตัวเล็กช่างขัดกันจนคนชุดดำสิบกว่าคนที่คิดจะรุมเด็กคนเดียวชักลังเล
เคียวใหญ่ยกพาดบ่าก่อนเด็กหนุ่มจะดันแว่นเล็กๆตรงจมูกให้เข้าที นัยน์ตาสีหมอกดูลึกลับนั้นมองพวกคนชุดดำนิ่งอ่านยาก
“เห็นทีคนอยู่นานเกินไปอย่างข้า คงทนเฝ้ามองดูอยู่เฉยๆอีกไม่ไหวแล้วล่ะ”
พอเจ้าตัวพูดจบหมอกหนาสีเงินก็ครอบคลุมทั่วบริเวณที่เด็กหนุ่มและคนชุดดำยืนอยู่ ไม่มีเสียงใดหรืออะไรที่สามารถเล็ดรอดออกมาจากเมฆหมอกสีเงินนี้ไปได้
e†g
“ไควูฟัสเจ้าบังคับไอ้ม้าเฮงซวยของเจ้าให้มันวิ่งนิ่มนวลกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไงฮะ”
แม้จะเข้าใจดีว่าตอนนี้พวกเขากำลังหนีการตามล่าเลยต้องให้ม้าวิ่งเร็วๆ และทางที่ใช้หนีก็ดันมีแต่สิ่งกีดขวางเช่นรากต้นไม้ที่ยกขึ้นสูงจากพื้นตรงหน้าที่ต้องคอยกระโดดข้ามและก้อนหินเล็กใหญ่ที่น่ากลัวว่าเจ้าม้านี้อาจบ้าจี้สะดุดล้มหน้าทิ่มหิมะทั้งคนทั้งม้าได้เต็มไปหมด
แต่เรฟราชีลก็อดนึกว่าโดนทั้งม้าทั้งเจ้าของแกล้งไม่ได้
เพราะเขาแทบจะตกม้าทุกครั้งที่เจ้าม้าหวงนายมันกระโดดอย่างแรงและพยศเหมือนจงใจให้เขาตกจากหลังม้า แถมมันยังชอบยกก้นสูงให้กิ่งไม้ตามทางคอยฟาดหน้าเขาจนแดงเจ็บไปหมด ผมสีทองยาวก็ยุ่งเหยงเต็มไปด้วยใบไม้
ยิ่งเจ้าของม้าตัวการส่งรอยยิ้มไม่รู้เรื่องด้วยมาให้แล้วยิ่งมั่นใจว่ามันคงสมรู้ร่วมคิดกันแน่
“ม้าข้าเป็นม้าศึกชั้นดีที่วิ่งเร็วราวสายลมหาใช่ลาลากรถที่วิ่งช้าๆให้ศัตรูมันไล่ฆ่าทัน”
“ม้าตุ๊ดอ่ะสิไม่ว่าถึงได้ชอบยกก้น โอ้ย! ไควูฟัสเจ้าบอกให้มันหยุดแกล้งข้าเดี๋ยวนี้นะ”
คนขี้ฟ้องร้องเมื่อโดนวิชายกก้นให้หัวคนนั่งท้ายแตกของเจ้าม้าตัวแสบเข้าให้อีกยก แต่มีหรือคนชอบแกล้งจะเห็นใจ
“เจ้าพูดอะไรของเจ้าน่ะเรฟราชีล คนปกติที่ไหนเขาจะไปพูดกับม้ารู้เรื่อง ยกเว้นแต่พวกที่มีพลังแห่งการรับรู้ทุกสรรพเสียงที่หายากยิ่งนัก”
“เจ้ามันเป็นหมาไม่ใช่คนทำไมจะพูดภาษาสัตว์ไม่ได้”
“เหมือนที่ข้ากำลังพูดอยู่กับแมวขี้เกียจตัวนี้ใช่ไหม”
“ใช่... เฮ้ย!ข้าเป็นคนไม่ใช่สัตว์ อย่าเอาข้าไปด้วยรวมกับเจ้าซี้”คนที่เกือบได้จัดอยู่ในประเภทพูดภาษาสัตว์ส่ายหน้ารีบแก้แทบไม่ทัน
ไควูฟัสเหล่ตามองสภาพดูไม่ได้ของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า“สภาพอย่างนี้ดูอย่างไงก็ไม่ใช่คน ส้นหลังยาว ขนขึ้นเต็มตัว ผมยุ่งเหยง เสื้อผ้าก็สกปรก..”
“หุบปากไปเลย ก็เพราะม้าของเจ้านั้นแหละข้าถึงได้ต้องมาหล่อเซอๆอย่างนี้”
“ปกติของเจ้ากับตอนนี้ข้าก็ไม่เห็นมันต่างกะ.. ก้มหัวลง!”
ยังไม่ทันที่การปะทะฝีปากระหว่างเจ้าชายกับองครักษ์จะจบ คนพูดก็ออกคำสั่งก่อนกดหัวคนที่กำลังอ้าปากจะเถียงให้ก้มลงตาม
เรฟราชีลรู้สึกถึงอะไรบางอย่างพุ่งเฉือนหัวตนไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตามด้วยเสียงฉีก
นัยน์ตาสีทองมองหาสิ่งที่ผ่านหัวตนไปด้วยความสงสัยก่อนจะกลายเป็นตกใจเมื่อเห็นลูกธนูปักลึกบนต้นไม้ข้างทางข้างหน้า มือขาวคล่ำท้ายทอยตัวเองด้วยเสียวแปป
ถ้าเกิดเจ้าไควูฟัสไม่ช่วยเขาไว้มีหวังลูกธนูนั้นคงได้ทะลุศีรษะเขาแหงๆ
เจ้าคนมีความดีความชอบไม่ได้พูดอะไร กระตุกบังเหียนเร่งอาชาคู่ใจให้วิ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมและดูเหมือนเจ้าม้าหวงนายจะเข้าใจสถานการณ์มันจึงหยุดเล่นแล้วตั้งใจวิ่งสุดแรงม้า
เขาหันไปมองด้านหลังแล้วรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก ทั้งๆที่คนชุดดำทั้งสามที่ตามมานั้นอยู่ห่างกับพวกเขาตั้งไกลชนิดมองเห็นเพียงเงาคนรางๆ แล้วทำไมมันถึงได้ยิงธนูแม่นนักนะ
นัยน์ตาสีมรกตมองหาที่ที่พอจะซ่อนตัวได้ ก่อนจะสบเข้ากับถ้ำเล็กๆหลังโพล่งหญ้าแถวนั้น เจ้าตัวบังคับให้ม้าวิ่งเข้าไปในถ้ำ แล้วกระโดดลงจากหลังม้าแล้วลูบหัวมันเบาๆ
“เจ้าทำได้ดีมากเลยเชอวาล”
เจ้าม้าร้องฮี่อเบาๆรับคำรับชมจากนาย ก่อนสะบัดก้นแรงๆไล่คนตัวหนักให้ลงไปเกือบคอหักตายถ้าไม่ได้นายมันใจดีช่วยรับตัวไว้ได้ทัน เจ้าม้าหวงนายทำจมูกฟุตฟิตอย่างไม่พอใจก่อนเชิดหน้าขึ้นเมื่อคนที่มันไม่ชอบขี้หน้าชี้หน้ามันฟ้องนาย
“เจ้าเห็นมั้ยไอ้ม้าบ้านั้นมันจงใจจะให้ข้าตกมาคอหักตาย”
“โทษที ข้าลืมบอกไปว่าเชอวาลไม่ชอบให้ผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของนั่งน่ะ”
ไควูฟัสเอ่ยอย่างพึ่งนึกออกก่อนจะค่อยๆปล่อยให้คนโดนม้าไม่ชอบยืนด้วยตัวเอง
คนเกือบตายเพราะตกม้าหลายหนกลอกตาด้วยคิดว่ามันแกล้งลืมก่อนจะประชดเสียงดัง
“ทำไมเจ้าไม่รอให้ข้าตกม้าตายก่อนแล้วค่อยเคาะโลงบอกในงานศพเลยล่ะฮะ!”
“จุจุ.. เจ้าอยากให้พวกที่ตามมารู้รึไงว่าพวกเราหนีมาสร้างรังรักกันในถ้ำนี้”
คำเตือนเบาๆที่คนพูดเอานิ้วชี้จ่อปากตัวเองเป็นสัญญาให้เด็กหนุ่มจอมประชดหยุดโวยวาย แต่ไอ้ประโยคหลังที่ฟังอย่างไงอย่างไงมันก็กวนประสาทเขาไม่เลิกเลยอดด่ากลับไม่ได้
“ที่ข้าต้องแหกปากก็เพราะปากหมาๆของเจ้านั้นแหละ! ถ้าเจ้ายังพูดอะไรชวนฟ้าผ่าอีกข้าก็จะด่าเจ้าอีก จนกว่าเจ้าจะยอมหุบปากซะที!”
“ดี! นั้นเจ้าก็แหกปากเสียให้พอ เพราะคนที่พวกมันกำลังตามฆ่าคือเจ้าไม่ใช่ข้า เจ้าชาย”
คำประชดกลับที่เจ้าชายเอาแต่ใจต้องยอมเงียบแต่โดยดีเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนวิ่งมานอกถ้ำ ราชองครักษ์จูงมือเจ้านายกับม้าคู่ใจให้มาหลบอยู่หลังหินก้อนใหญ่ในถ้ำ
นัยน์ตาสีทองมองตามคนข้างตัว นอกถ้ำนั้นมีร่างของคนชุดดำสามคนที่ไล่ตามมาทันกำลังหันรีหันขวาหาพวกเขาอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
จากรูปร่างศัตรูที่ไม่ใหญ่มากนักกับฝีมือที่ยังนับว่าห่างชั้นกับเจ้าคนข้างๆ ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัยว่าทำไมมันถึงเลือกพาเขาหนีทั้งๆที่ตัวมันต่อให้โดนคนชุดดำรุมนับสิบก็ยังไหว
คนชุดดำคนหนึ่งเห็นอะไรบ้างอย่างบนพื้นจึงก้มมองดูชัดๆ รอยเท้าม้าที่วิ่งมาจากทิศที่พวกมันมาทอดยาวเข้าไปตรงโพล่งหญ้าที่อยู่ไกลจากตรงพวกมันอยู่ไม่มากนักแล้วถ้าถ้าสังเกตไม่ดีจริงๆก็คงมองไม่เห็นว่ามีถ้ำเล็กๆอยู่ด้านหลังโพล่งหญ้าสูงถึงอก
เรฟราชีลรู้สึกหายใจติดขัดเมื่อเจ้าชุดดำคนนั้นชี้นิ้วมาทางถ้ำที่พวกเขาหลบอยู่บอกเพื่อนนักฆ่าของมัน เด็กหนุ่มหายใจกระตุกยิ่งขึ้นเมื่อพวกมันเริ่มย่างสามขุมมาทางพวกเขา เขาได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นแรงถี่เร็วราวกลองศึกจนน่ากลัวว่ามันจะกระเด็นออกมาจากอก แต่ที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่าคือคำพูดจากคนข้างๆที่กำลังถอดชุดราชองครักษ์ของตัวเองอย่างเร่งรีบ
“ถอดชุดเร็วเข้า”
คนถูกสั่งให้ถอดชุดนัยน์ตาเบิกกว้างชี้หน้าด่าคนสั่งเสียงสั่น
“เวลาแบบนี้เจ้ายัง...”ยังไม่ทันจะได้โวยจบก็โดนมือหนาของอีกฝ่ายปิดปากซะก่อน
“ข้ายังไม่เกิดอารมณ์ตอนนี้หรอกน่า เปลี่ยนเสื้อกัน ข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าแล้วล่อพวกมันออกไปไกลๆ ส่วนเจ้าก็รอข้าอยู่ที่นี้อย่าไปไหนไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรทั้งสิ้น”
เรฟราชีลยอมพยักหน้าทำตามแต่โดยดีเพราะตอนนี้ไม่ใช่เวลามั่วเถียง เขารีบถอดชุดคลุมยาวสีขาวสกปรกๆออกแล้วยื่นให้คนข้างๆที่ยื่นชุดมันมาให้เขาเช่นกัน
แล้วนัยน์ตาสีทองก็พึ่งได้สังเกตตัวเพื่อนชัดๆ และเริ่มเข้าใจสิ่งต่างๆที่คาใจนักในวันนี้
ตามตัวของไควูฟัสเต็มไปด้วยผ้าพันชุ่มเลือดและเป็นแผลสดๆใหม่ๆที่สาหัสไม่ใช่น้อยเลือดสีแดงฉานถึงได้ไหลออกจากแผลโดนฟันตรงเอวฝั่งขวาที่คงเปิดตอนที่เขาเกาะเอวมันแน่นเพราะเกือบตกม้า
เพราะชุดองครักษ์มันดันเป็นสีแดงจึงมองไม่เห็น
เพราะมันชอบเก๊กไม่ยอมแสดงอาการเจ็บปวดออกมา
เพราะเขาไม่เคยคิดจะสนใจ
เลยไม่รู้ว่ามันเจ็บหนักขนาดนี้
“ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อน”
ดูเหมือนคนเจ็บจะรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงรีบใส่ชุดคลุมปกปิดร่างกายตนอย่างรวดเร็ว
หากแต่เลือดที่ไหลจากบาดแผลเปิดก็ซึมชุดขาวออกมาอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวถอนหายใจก่อนดึงผ้าคลุมหัวมาปิดผมสีเขียวกับใบหน้าหล่อเหลาที่เขาไม่อาจเห็นได้ว่ามันทำหน้าอย่างไง
“เมื่อคืนข้าคงไปฟัสกับคนเก่งมาน่ะ เช้ามาเลยเป็นอย่างที่เห็น ข้าเห็นเจ้าคิดมากมาทั้งวันเลยไม่บอกให้ปวดหัวเล่น”
“เจ็บมากขนาดนี้แล้วเจ้ายังมีหน้ามาทำซ่าเป็นวีรบุรุษไปตายแทนข้าอีกเนี้ยนะ!”
เด็กหนุ่มผมยาวเผลอตะคอกด้วยความโมโห โมโหคนงี่เง่า และโมโหตัวเองที่โง่เง่านัก
เสียงของเขาทำให้คนชุดดำยิ่งแน่ใจว่าเป้าหมายของพวกมันอยู่ในถ้ำจริงๆจึงรีบเร่งฝีเท้า
ร่างสูงในชุดคลุมสีขาวที่รับรู้ถึงการมาของศัตรูรีบกระโดดขึ้นม้าก่อนจะพูดแบบที่มันไม่ควรพูดเล่นในตอนนี้โดยไม่มองหน้าเขา
“เรื่องอะไรมาแช่งข้าฮะเรฟราชีล ตราบใดที่ข้ายังไม่เบื่อเจ้า ข้าก็ไม่ปล่อยให้เจ้าได้นอนสบายคนเดียวหรอก ย๊าก!”
เจ้าตัวแสบทิ้งประโยคกวนประสาทให้เขานึกขอให้มันตายไปเสียจริงๆก่อนจะสั่งให้เจ้าเชอวาลวิ่งออกไปจากถ้ำ
คนชุดดำทั้งสามหลบม้าพยศกันแทบไม่ทัน ก่อนจะรีบวิ่งตามเจ้าชายตัวปลอมไป
เสียงฝีเท้าของทั้งคนทั้งม้าค่อยๆห่างไกลออกไปจนเงียบหายไปในที่สุด
นัยน์สีทองหลุบลงอย่างข่มอามรณ์ ก่อนจัดแจงใส่ชุดองครักษ์ที่ตนไม่คิดว่าจะได้ใส่ดีๆ
กลิ่นคาวเลือดกับกลิ่นน้ำหอมจากต้นหญ้าอ่อนๆที่เจ้าของชุดชอบฉีดยังติดอยู่ทีเดิมจนทำให้เขาชักเวียนหัวกับกลิ่นแปลกๆที่ผสมกันออกมา
มือนุ่มๆที่ไม่ค่อยได้จับดาบทำอะไรหนักๆบ่อยนักจับตรงเอวเสื้อที่ยังชุ่มไปด้วยเลือดแล้วมองดูมือตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดอย่างอ่านยาก
ที่มันมาปลุกเขาสายเพราะมั่วไปทำแผลอยู่นาน
ที่มันไม่สู้แล้วเลือกที่จะพาเขาหนีเพราะมันรู้ดีว่าแค่ตัวมันเองก็ลำบากแล้วยังต้องมาคอยปกป้องเขาที่เป็นตัวถ่วงอีกยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
ในขณะที่มันกำลังช่วยเขาเต็มที่ แล้วเขามัวทำอะไรอยู่
แม้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนกล้าหาญ
แม้รู้ว่าตัวเองไม่มีความสามารถ
แม้รู้ว่าตัวเองแค่เอาตัวเองให้รอดยังทำยาก
เขาก็อยากที่จะไปช่วยเพื่อน ไม่ใช่ได้แต่นั่งรอความตายอยู่ตรงนี้
แต่คนอย่างเขาจะไปช่วยใครได้ นอกจากจะไปเป็นตัวถ่วงทำให้มันตายเร็วขึ้น
เด็กหนุ่มชกผนังถ้ำสุดแรงด้วยเจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้จนผนังถ้ำนั้นสั่นไหวน้อยๆ เศษฝุ่นบนเพดานถ้ำตกลงมา พร้อมกับหินก้อนเล็กๆที่ตกใส่หัวเรียกสติเขาอย่างจัง เจ้าชายแสนเซ่อสะบัดมือชุ่มเลือดด้วยความเจ็บสุดๆจากการทำอะไรไม่เข้าท่าที่นอกจากจะไม่อะไรดีขึ้นแล้วยังเจ็บตัวเปล่าๆ
แล้วร่างสูงก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มายืนอยู่ด้านหลัง นัยน์ตาสีทองค่อยๆหันไปเผชิญ
ร่างใหญ่โตของเจ้าของถ้ำที่คงพึ่งตื่นจากการจำศีลเพราะการทำอะไรบ้าๆของผู้บุกรุกยืนสองขาค้ำหัวเขาก่อนคำรามไล่อย่างน่ากลัว
คล่อก!
“จ๊าก!หมีป่า!”
เด็กหนุ่มร้องลั่นรีบวิ่งหนีเจ้าของบ้านสุดชีวิต
เรฟราชีลวิ่งหนีหมีที่ไล่งัดหน้าตื่นด้วยความตกใจสุดขีดจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
ลืมเรื่องที่อยากไปช่วยเพื่อน แล้วก็เรื่องที่มีมันบอกให้รอในถ้ำนี้ด้วย
e†g
ชุดคลุมสีขาวที่ถูกย้อมเป็นสีแดงสดโบกสะบัดไปตามแรงลม โลหิตแดงฉานไหลหยดผ่านหอกยาวที่เสียบคาหัวใจ อาวุธปลิดชีพถูกกระชากออกอย่างแรงจนเลือดกระชูดออกจากศพ
นัยน์ตาสีมรกตมองร่างที่กำลังสลายไปต่อหน้านิ่งๆ ก่อนสบมองคนชุดดำที่เหลืออีกสอง
หลังจากที่เขาขี่ม้าออกจากถ้ำมาไกลจนแน่ใจว่าพวกมันคงไม่กลับไป การต่อสู้เล็กๆก็เกิดขึ้น ‘ปฐพีพิโรธ’ของเขาวาดลวดลายได้ไม่ดีเหมือนปกติเพราะบาดแผลใหญ่ทำให้ร่างสูงขยับร่างไม่ค่อยคล่องเหมือนปกตินัก
ดูเหมือนเขาจะโง่ที่เจ็บตัวอยู่แล้วยังเลือกใช้อาวุธที่ใช้กำลังกายแทนใช้เวทย์ และสาเหตุที่เขาจำต้องยอมเป็นคนโง่ก็ทำให้เขารู้ว่าเจ้าชายพ่อมดของเขาใช่ไร้ฤทธิ์เดชอย่างที่ใครคิด
ไม่ใช่เพราะเรฟราชีลร่ายเวทย์ไม่เป็นหรือท่องคาถาผิด
แต่เพราะเวทย์ใช้กับเจ้าพวกนี้ไม่ได้ผลเลยต่างหาก
ความจริงที่คนชอบใช้เวทย์แกล้งเพื่อนต้องมองอย่างเก็บง่ำความคิดเมื่อมนต์คาถาบทไหนๆก็ไม่สามารถใช้กับคนชุดดำพวกนี้ได้
คนสร้างร่างมายานี้ร้ายใช่เล่น
แต่เขาร้ายกว่านะจะบอกให้
หอกหยกคมกริบบัดดาบศัตรูที่หายแว๊บจากสายตาจะมาแทงข้างหลังแต่ก็โดนคนรู้ทันสวนม่ามทะลุปอดซะก่อน ร่างผู้จะลอบสังหารคนเก่งถูกทิ้งแน่นิ่งลงไปก่อนค่อยๆแตกสลาย
นัยน์ตาสีมรกตที่เห็นเพียงข้างซ้ายมองคนชุดดำคนสุดท้ายที่เรียกความสนใจจากคนมองด้วยหางตาได้เพียงแมลงวันตัวจิ๊ดน่ารำคาญถ้าเทียบกับอีกคนที่กำลังลอบเล่นซ่อนแอบอยู่
พลังเวทย์ทมิฬจากคนถูกมองข้ามพุ่งเข้าใส่คนไม่สนใจทันที แต่คนไม่ค่อยสนก็กระโดดหลบได้ทันท่วงที ต้นไม้หลังจุดที่เขาเคยยืนโดนลูกหลงเวทเข้าไปเต็มๆละลายหายไปเป็นแถบราวถูกลาวาสาด ไควูฟัสเอียงคอมองอตีดมุมสวยๆที่กลายเป็นมุมสยองด้วยรอยยิ้มพอใจ นี้ถ้าเขาโดนเวทเมื่อกี้เข้ามีหวังสาวๆทั่วหล้าได้ร้องไห้เพราะสูญเสียคนหล่อที่สุดในฮาโลกิไปแน่
เล่นเวทแรงแถมยังใช้เวทโต้กลับมันไม่ได้อีก ยอมเล่นด้วยก็ได้
ผู้ใช้เวทได้อยู่ฝ่ายเดียวรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาซะเฉยๆ แม้ตนจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเจ้าชายพ่อมดที่ใช้เวทไม่ได้เป็นไหนๆ แต่ไม่รู้เพราะอะไรบางทีเขาคนนั้นกลับดูน่ากลัวทั้งที่ปากก็ยังยิ้ม
มือหนาคนยังยิ้มอามรณ์ดีบัดผ้าคลุมหัวที่ลงมาบังตาข้างซ้ายขึ้น ก่อนควงหอกหยกนามปฐพีพิโรธในมือให้หมุนวนอยู่บนหัวอย่างรวดเร็ว
พื้นดินรอบตัวเด็กหนุ่มผมเขียวสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนจะรุกรามไปยังพื้นดินที่คนชุดดำยืนอยู่จนทรงตัวไม่ได้จึงรนรานรีบปล่อยพลังเวทบทเดิมพุ่งใส่คนที่น่าจะกำลังทำแผ่นดินไหว
แม้เวทร้ายจะถูกปล่อยไปทางเขาแล้วแต่ร่างสูงก็ยังยืนควงอาวุธคู่กายอยู่ที่เดิมไม่มีท่าทีจะหลบเหมือนเมื่อครู่ และก่อนที่เวทนั้นจะถึงเป้าหมาย พริบตาพื้นดินที่คนชุดดำยืนอยู่ก็แยกออกดึงเอาร่างนั้นลงไปสู่เหวลึกแล้วรอยแยกก็กลับมาปิดสนิกเหมือนเดิม
พลังเวทสีดำหดสลายไปหมดก่อนจะทันถึงคนที่คาดเอาไว้อยู่แล้ว อาวุธคู่กายถูกกระชับแน่นกว่าเดิม พอหมดตัวประกอบก็คงถึงเวลาที่พวกตัวเอกจะต้องเผชิญหน้ากันเสียทีแล้วสินะ
“ออกมาได้แล้วมั่ง ข้าเบื่อที่จะเล่นเกมซ่อนแอบนี้เต็มที”
ไควูฟัสเอ่ยลอยๆแต่สายตาจ้องไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
สัญชาตญาณบอกให้เขาก้มหัวหลบ ลูกธนูชุดเดียวกับที่ตั้งใจยิงเรฟราชีลพุ่งผ่านผ้าคลุมหัวสีขาวก่อนเกี่ยวมันไปปักอยู่บนต้นไม้ด้านหลัง ทำให้ผมสีเขียวอันโดดเด่นของเขาถูกเปิดเผย
นัยน์ตาสีมรกตมองความเคลื่อนไหวบนต้นไม้นั้นอย่างเก็บง่ำความคิด ร่างหนึ่งกระโดดลงจากต้นไม้แตะพื้นดินอย่างแผ่วเบาราวขนนก ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เด็กหนุ่มยิ่งคิดหนัก
“ข้าเองก็เบื่อที่จะไล่ตามเจ้าชายตัวปลอมแล้วเหมือนกัน”เสียงหวานเย็นๆดังขึ้นจากสตรีในชุดคลุมยาวสีดำที่ปกปิดทุกสัดส่วนจนไม่เห็นแม้แต่หน้าตา
เด็กหนุ่มสะบัดข้อมือทำให้‘ปฐพีพิโรธ’หายไปเพื่อแสดงเจตนาไม่คิดจะสู้กับอิสตรี
ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงปกติ
“หากรู้เป็นตัวปลอมไยถึงยังตามมา”
ร่างนั้นค่อยๆเดินเข้ามาใกล้เขาจนทั้งสองยืนห่างแค่หนึ่งช่วงแขนอย่างที่ศัตรูคงไม่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ต้นตอกลิ่นหอมของกุหลาบแสนยียวนชวนเคลิ้มอยู่ห่างแค่ลมหายใจ
“ก็แค่มาชมฝีมือองครักษ์รัชทายาทที่เขาลือกันว่าเป็นหนุ่มที่แกร่งสุดในแดนนักรบทมิฬ”
“ท่านชายคนนั้นคงไม่ใช่ข้า”เจ้าคนที่ถูกลือว่าเก่งนักเก่งหนาเพียงยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ใช่แน่ แต่ที่ได้เห็นนั้นไม่ถึงครึ่งความสามารถ”คนพูดไม่ว่าเปล่าจับตรงเอวที่ชุ่มไปด้วยเลือดอย่างถือวิสาสะ เด็กหนุ่มจึงรีบจับมือนางที่คล่ำแผลเขาเล่นออกอย่างสุภาพรีบกลับเข้าเรื่อง
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่ คิดลอบปลงพระชนม์เจ้าชายแต่กลับตามข้ามา”
“ถึงข้าไม่ต้องออกแรงเจ้าชายละอ่อนนั้นก็หกล้มหัวพาดพื้นตายเองได้ง่ายๆ”
คำกล่าวติดตลกของคนตรงหน้าที่เขานึกขำว่าหาก‘คนหกล้มหัวพาดพื้นตายเองได้ง่ายๆ’มาได้ยินเข้าจะว่าไง
แต่ความนัยแฝงของอีกฝ่ายก็เรียกให้เขาเลิกคิ้วสูง รอยยิ้มกวนประสาทแบบที่เจ้าตัวชอบยิ้มปรากฏขึ้น
“เจ้าก็เลยมาเก็บข้าที่ไม่โง่ตายเองง่ายๆสินะ”
คนมาเก็บเขาหัวเราะเสียงใส มือบางตบแผลคนเจ็บเล่นหากแต่โดนมือหนาจับไว้ก่อน
“ก็อาจใช่ แต่น่าเสียดายที่ข้าไม่ชอบสู้กับคนเจ็บใกล้ตาย”
คำพูดที่คนเจ็บใกล้ตายอยากถาม หรอ... เพราะเห็นเผลอที่ไรเจ้าหล่อนจะซ้ำแผลเขาทุกที
คนใกล้ตายรักษาระยะห่างก่อนตีหน้าเครียดจริงจังสมหยั่งเชิงกับผู้ที่หมายหัวพวกเขาอยู่
“ทำไมพวกเจ้าถึงคิดทำร้ายเจ้าชายแห่งเรเฟโอไนท์”
พอเขาถามจบจิตสังหารและความกดดันมหาสานก็พุ่งออกมาจากร่างบางจนไควูฟัสต้องเลิกคิ้วมองกวนความคิดของอีกฝ่าย
“อย่าได้เอาข้าไปรวมกับพวกโง่เง่านั้น!”จู่ๆสตรีตรงหน้าก็ตวาดใส่เขาอย่างอามรณ์เสีย
ทำให้นึกสงสัยว่าแท้จริงแล้วเธอใช่พวกเดียวกันกับคนชุดดำหรือไม่ หรือนี้ก็เพียงละครฉากนึง
“ก็ได้ ทำไมเจ้าถึงคิดทำร้ายเจ้าชาย”หลังเปลี่ยนคำถามให้ จิตสังหารนั้นก็ค่อยๆหายไป
“ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้น”คำกล่าวเย็นๆที่เขานึกค้านอีกหน
ไม่คิดฆ่าแต่ยิงลูกธนูปักหัวนี้นะ?
“แล้วทำไม..”ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถามอีก เสียงหวานก็ขัดขึ้นอย่างจริงจัง
“ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่ามีคนคิดกำจัดเจ้าชายนั้น แต่ไม่ใช่เพราะละอ่อนนั้นเป็นรัชทายาทแห่งเรเฟโอไนท์ เจ้าเองก็น่าจะรู้”
พอเธอพูดจบควันสีดำก็ปรากฏขึ้นรอบตัวหญิงสาวจนบังมิด
ร่างสูงพยายามจะคว้ามือร่างนั้นไว้“เดี่ยวสิ เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าเจ้าเป็นใคร”
“รู้เพียงแค่ว่าข้าไม่ใช่ศัตรูของเจ้าชายพ่อมดจอมขี้เกียจก็พอ ลาก่อนท่านชายจ้าวเสน่ห์”
ควันสีดำหายไปพร้อมกับร่างของสตรีที่ทึ้งคำถามไว้ในใจไควูฟัสมากมาย
ใครกันที่ต้องการฆ่าเรฟราชีล
ไม่ใช่เพราะหมอนั้นเป็นเจ้าชายแห่งเรเฟโอไนท์ แล้วมันเพราะอะไรกัน
แล้วผู้หญิงที่มองเห็นเสน่ห์อันล้นหลามเกินห้ามใจของเขาเป็นใครกันแน่!
เด็กหนุ่มส่ายหน้าไล่ความคิดที่คิดไปตอนนี้ก็มีแต่ปวดหัวเปล่าๆ ก่อนจะผิวปากเรียกม้าคู่ใจมารับแล้วกระโดดขึ้นม้าไปหาคนที่เขาบอกให้มันรออยู่ในถ้ำที่ปานนี้แล้วไม่รู้ยังอยู่รึเปล่า
e†g
“ไหนพี่เฮโลวิสบอกข้าว่าถ้าเดินตามธารนี้มาก็จะถึงเมืองเรเฟโอไนท์ไง นี้ข้าเดินมาตั้งแต่เช้าจนเย็นยังไม่เห็นเจอสักเมืองเลย”
ร่างหนึ่งที่เดินตามธารน้ำแข็งมาคนเดี่ยวบ่นขึ้นกับคนที่มองไม่เห็นด้วยความเบื่อหน่าย
“อดทนหน่อยน่าวีเนสย่าอีกไม่ไกลคงถึงแล้ว”คนบอกทางผิดๆถูกๆให้กำลังใจแต่กลับเป็นการสร้างความหงุดหงิดให้แก่คนฟังยิ่งขึ้น
“ให้ข้าอดทน พี่เฮโลวิสไม่ใช่คนเหนื่อยก็พูดได้สิ แล้วไอ้ที่บอกไม่ไกลก็ถึงแล้วท่านพี่พูดประโยคนี้มาร้อยครั้งแล้วนะแล้วทุกครั้งข้าก็ไม่เห็นมันจะถึงสักที”
“เราก็ลองบินหาจากบนฟ้าสิรับรองเจอชัวร์”คนไม่รู้จักสำนึกชี้แนะจนคนได้รับคำแนะนำดีๆส่ายหน้าเบาๆก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงด้วยเหนื่อยใจ
“ท่านพี่เคยเป็นคนบอกข้าเองไม่ใช่หรอว่าอย่าให้ใครเห็นปีกแปลกๆของเรา ตอนนี้ยังเย็นอยู่อาจมีคนเห็นเข้าได้ ไว้ท่านพี่บินหาตอนกลางคืนแล้วกัน”
“นั้นเราก็นั่งพักเหนื่อยก่อนสิเดี่ยวพี่เป็นคนไปต่อเอง”คนเป็นพี่บอกอย่างหวังดี แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายห่วงใยแต่คนเป็นน้องก็ยังดื้อไม่เชื่อฟัง
“ไม่ได้ อย่างน้อยๆวันนี้ข้าก็อยากที่จะหาต้นน้ำเจอจะได้ซักผ้าแล้วอาบน้ำด้วย"
“เฮอ...โน้นก็ไม่เอานี้ก็ไม่เอาแล้วเราจะให้พี่ทำไงฮะ”คนตามใจน้องไม่ถูกบ่นอย่างเซงจิต
“ท่านพี่ก็ไม่ต้องพูดอะไรให้ข้าเมื่อยปากอีกเข้าใจมั้ย”เด็กสาวในคราบเด็กหนุ่มว่า
“ฮื่อๆๆ”
คนขี้วีนตกใจน้อยๆเมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้น
“พี่เฮโลวิสร้องไห้หรอ”
“ใช่พี่ที่ไหนเล่า ลองตั้งใจฟังให้ดีสิ”
วีเนสย่าพยักหน้ารับก่อนจะหลับตาแล้วตั้งสมาธิไปยังเสียงนั้นทั้งหมด
“ฮื่อๆๆ”เสียงร้องไห้ที่ได้ยินเป็นเสียงของเด็กผู้ชายที่อยู่ไกลจากเธอไม่มาก
แต่ที่ทำให้นึกแปลกใจคือมีเด็กมาอยู่ในป่าแถวนี้ได้ไง
“พี่ว่ามันแปลกๆนะ”เฮโลวิสว่า นัยน์ตาสีฟ้าลืมตามองไปยังทางที่มาของเสียงร้อง
“ถ้าไม่ลองไปดูก็คงไม่รู้หรอกพี่เฮโลวิส”เธอว่าแล้วรีบวิ่งไปหาเจ้าของเสียงร้องที่ได้ยิน
“ฮื่อๆๆ”เสียงร้องไห้ดังชัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อร่างบางวิ่งออกจากป่าทึกมาเจอทะเลสาบที่เธอรู้สึกเหมือนเคยมาแต่จำไม่ได้ว่าเมื่อไหร่
นัยน์ตาสีฟ้ามองซ้ายมองขวาจนเจอร่างของเด็กชายคนนึ่งกำลังนั่งก้มหน้าร้องไห้ข้างทะเลสาบ วีเนสย่าเดินไปใกล้ร่างเล็กนั้นก่อนเอ่ยถาม
“เจ้าร้องไห้ทำไมหรอ”
“พ่อข้าลงไปเก็บของให้ข้าในน้ำเมื่อครู่จนตอนนี้ยังไม่ขึ้นมาเลย”
เด็กคนนั้นชี้นิ้วไปยังทะเลสาบเบื้องหน้าโดยไม่หันมองหน้าเธอ เด็กหนุ่มหน้าหวานมองตามอย่างครุ่นคิด น้ำแสนจะเย็นจัดและลึกจนมองไม่เห็นก้นใครเล่าจะโง่กระโดดลงไปเก็บของในฤดูหนาว ไม่มีวีแววของฟองอากาศบนผิวน้ำให้เห็น หากมีคนพยายามว่ายขึ้นมาอยู่ก็น่าจะมีแรงกระพืบบนผิวน้ำบ้าง แต่สายน้ำกลับนิ่งสงบจนหน้ากลัวว่าไม่สิ่งมีชีวิตใดเหลืออยู่ในน้ำนั้น
“ระวังนะวีเนสย่านี้อาจเป็นกับดัก”คำเตือนของพี่เฮโลวิสผ่านหูเธอไปเพราะถูกมือเย็นๆสั่นๆของเด็กคนนั้นเขย่ามือเธอพร้อมก้มหน้าขอร้อง
“พี่ชายได้โปรดช่วยพ่อข้าด้วย ท่านคงไม่อยากให้ข้าเป็นเด็กกำพร้าพ่อหรอกนะ”
คำพูดกรีดแทงหัวใจทำให้คนโตกว่าต้องรีบตบปากรับคำโดยไม่ฟังคำค้านจากพี่ชาย
“ตกลงข้าจะช่วยพ่อเจ้าหากเขายังมีชีวิตอยู่”
“วีเนสย่า”เสียงที่เด็กหนุ่มผมฟ้าได้ยินเพียงคนเดียวดุด้วยความเป็นห่วง
หากเจ้าตัวยังอยู่ใกล้เธอเหมือนวันวานคงจับเธอมัดติดกับต้นไม้แล้วเป็นฝ่ายเสี่ยงลงไปในน้ำแทนเหมือนทุกครั้ง
“อย่าคิดมากเลยพี่เฮโลวิสบางทีอาจไม่มีอะไรก็ได้”
ร่างบางว่ากับตัวเองเบาๆก่อนถอดเสื้อตัวนอกที่เต็มไปด้วยคราบเลือดวางไว้บนฝั่งแล้วรีบกระโดดลงไปในน้ำ
โดยไม่ทันได้หันมาเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายของใครบ้างคนบนฝั่ง
วีเนสย่าดำลึกลงไปใต้น้ำที่แสงจากพระอาทิตย์ด้านบนก็ไม่อาจส่องลงมาถึง ความหนาวเย็นยะเยือกของสายน้ำที่แทบแข็งเป็นน้ำแข็งบาดลึกเข้าถึงกระดูกดำจนทำให้ร่างกายของเด็กสาวชาจนเริ่มไร้ความรู้สึก นัยน์ตาสีฟ้ามองซ้ายขวาหาร่างที่เขาหวังว่ายังมีชีวิตอยู่ แล้วก็เห็นร่างหนึ่งที่นอนนิ่งใต้พื้นน้ำ เธอว่ายลงไปใกล้ร่างนั้นเพื่อจะพยุงขึ้นฝั่ง แต่นัยน์ตาก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างนั้นชัดๆ เจ้าของมือที่กำดาบไม้ของเล่นแน่นนั้นคงจะนอนอยู่ใต้ก้นทะเลสาบมาแสนนานจึงเหลือแต่โคลงกระดูก แล้วที่ทำให้เด็กสาวยิ่งตกใจคือโคลงกระดูกนั้นไม่ใช่โครงกระดูกของผู้ใหญ่ แต่เป็นโคลงกระดูกของเด็ก!
“รีบขึ้นจากน้ำเร็วเข้า!”
คำสั่งจากเสียงในหัวที่คราวนี้คนฟังสำนึกแล้วว่าควรเชื่อคนเป็นพี่ตั้งแต่แรก ร่างบางรีบว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็วแต่ขาก็รู้สึกเหมือนมีมือมาดึงไว้ เจ้าตัวมองดูก่อนจะพบว่าตัวเองช้าไปเสียแล้ว พรายน้ำที่หลอกให้เธอลงมาตายแทนเพื่อที่ตนจะได้ไปเกิดใหม่ไม่ยอมปล่อยให้เธอรอดไปได้ มันดึงร่างของเธอกลับลงไปก้นทะเลสาบก่อนไต่ตัวขึ้นมาบีบคอเธอให้ตายเร็วขึ้น เธอพยายามดึ่งมือนั้นออกจากคอแต่ก็เริ่มหมดแรงเพราะหายใจไม่ออก
ในหัวได้ยินเพียงเสียงพี่เฮโลวิสร้องเรียกอย่างเจ็บใจตัวเองไม่อาจช่วยอะไรน้องได้
“วีเนสย่า!ตั้งสติไว้ เรียกวาโยเยียวยาออกมาเร็วเข้า วีเนสย่า วีเนสย่า โถโว้ย...!”
แม้จะอยากทำตามที่ท่านพี่บอก แต่ร่างกายไม่ฟังคำสั่ง สติที่มีก็ค่อยๆหมดไป
มือเย็นยะเยือกของพรายน้ำคลายออกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปแล้ว ก่อนจะปล่อยให้ร่างนั้นจมลงสู่ก้นทะเลสาบ แล้วพรายน้ำเด็กก็ข้ามภพไปเมื่อหาคนมาเป็นพรายน้ำแทนตนได้สำเร็จ
e†g
ร่างหนึ่งนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นหิมะโดยมีหมีป่าตัวใหญ่เข้าไปดมใกล้ๆ ผมสีทองยาวยุ่งเหย็งแผ่อยู่บนพื้นหิมะ นัยน์ตาสีทองที่เคยเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัวหุบสนิก ริมปากที่เคยแหกปากร้องลั่นแม้นแน่น สองขาที่เคยขยับอย่างรวดเร็วจนน่ากลัวว่าจะพันกันนิ่งแข็ง
หน้าสวยชืดจนแทบเป็นสีเดียวกับหิมะรอบตัวนึ่งสงบไร้ลมหายใจเข้าออกจนเจ้าหมีนึกสงสัยว่าเจ้าคนที่มันวิ่งไล่ตะเพิดมาตั้งนานสองนานจะเหนื่อยจัดจนช็อคหัวใจวายตายไปแล้ว
หลังจากที่ดมร่างนั้นจนชักทนดมกลืนตัวคนตายไม่ไหว เจ้าหมีป่าก็คำรามก่อนจะเดินกลับถ้ำไป ทิ้งคนที่บังอาจปลุกมันจากการจำศีลแล้วมาชิงตายเสียก่อนได้หายโมโหไว้เบื้องหลัง
ครั้นพอเงาของร่างใหญ่ไปได้ระยะหนึ่ง นัยน์ตาสีทองก็ค่อยๆลืมขึ้นแอบมองดูว่าหมีน้อยเพื่อนยากกลับไปแล้วหรือยัง เมื่อเห็นว่าไร้วี่แววของมัน คนที่กลั้นหายใจอยู่นานก็รีบหายใจลึกๆเข้าเต็มปอดก่อนสำลักลมหายใจตัวเองไอแฮกๆอย่างคนขาดอากาศหายใจไปนาน
เด็กหนุ่มค่อยๆลุกกึงนั่งกึงนอนพิงขอนไม้ใกล้ๆด้วยความเหนื่อยล้า มือเรียวบัดหิมะที่เกาะเต็มผมออก นัยน์ตาสีทองมองดูสภาพตนเองแล้วนึกสมเพชตัวเองกับการกระทำที่ผ่านมา
เจ้าชายแห่งเรเฟโอไนท์แหกปากร้องลั่นวิ่งหนีหมีป่าเพียงตัวเดียวอย่างกับคนบ้าตั้งนานสองนาน แล้วมาจบความน่าสมเพชด้วยสุดยอดวีชาเอาตัวรอดจากหมีร้ายคือการแกล้งตาย
เจ้าชายเมืองไหนจะยอมเสียศักดิ์ศรีได้ขนาดนี้นะ
ถ้ามีชีวิตอยู่อย่างน่าอัปยศอย่างนี้สู้ยืนนิ่งๆให้หมีมันฆ่าตายไปเสียดีกว่า
แต่ต่อให้เขาเจอแบบนี้อีกหน อย่างไงอย่างไงเขาก็เลือกที่จะหนีแล้วแกล้งตายอยู่ดี
เรฟราชีลถอนหายใจแรงๆ ก่อนจะมองดูมือชุ่มเลือดของตัวเองเงียบๆด้วยแววตาสมเพช
มือที่ไม่เคยหยิบจับอะไรแล้วได้ดี มือที่ไม่เคยทำอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน มือที่ดีแต่สร้างเรื่องสร้างปัญหาดีแต่ทำลายข้าวของ มือของคนที่ ขี้เกียจ ซกมกสกปรก มักง่าย เอาแต่ใจ โง่เง่า ดีแต่ปาก ขี้ขลาด อ่อนหัด อ่อนแอ ไม่มีศักดิ์ศรี มีแต่ข้อเสีย ไม่เคยมีข้อดีอะไรเลย
ก็สมแล้วที่ท่านพ่อจะไม่ต้องการมีลูกอย่างเขา
ก็สมแล้วที่ใครๆจะต่อว่าสารพัด
ก็สมแล้วที่จะโดนหัวเราะเยาะ
ก็สมแล้วที่ใครๆก็ไม่อยากให้คนไร้ค่าอย่างเขาหายใจต่อให้สูญเสียอากาศไปอย่างเปล่าประโยชน์
เด็กหนุ่มเงยหน้าหลับตาลงข่มอามรณ์มากมายที่เก็บกดภายในอกไม่ให้มันโผล่ออกมา
ดูเหมือนเขาจะไม่แคร์คำพูดต่อว่าของใคร เหมือนไม่สนใครจะว่าอะไร
แท้จริงทองไม่รู้ร้อนในสายตาคนอื่นนี้นั้นเก็บกดความร้อนระอุไว้ภายในพร้อมที่จะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ
แต่ถ้าวันใดความร้อนสุมอกมันระเบิดออกไป สุดท้ายก็มีแต่ให้ทุกอย่างแย่ลง
สายลมหนาวเย็นกระทบร่างกายที่ยังครบสามสิบสองดี ความเงียบวังเวงชวนให้นึกถึงผู้ไม่มีชีวิตอยู่ต่อบนโลกนี้แล้ว ไม่มีโอกาสจะได้ลุกมาชดเชยแก้ไขอะไรใดๆ ต่างกับเขาที่ยังมีลมหายใจ ยังมีร่างกายที่พร้อมทำได้ทุกอย่าง แต่ใจไม่สู้ก็ไม่ต่างกับคนนอนรอความตายไปวันๆ
ถ้าวันนั้นเขาจมลึกลงไปสู่ความมืดมิดนั้น เขาคงไม่มีชีวิตอยู่ทำผิดต่อพ่อทำผิดต่อใครได้
แล้วถ้าวันนั้นไม่ได้เจ้าของปีกคู่นั้นช่วยชีวิตไว้เขาคงไม่มีชีวิตอยู่ถึงวันนี้วันที่เขาคิดได้ว่าตราบใดที่เขายังมีลมหายใจอยู่เขาก็ยังมีโอกาสที่จะชดเชยแก้ไขความผิดก่อนมันหมดลงอีกครั้ง
นัยน์ตาสีทองลืมขึ้นด้วยสายตาที่มุ่งมั่น มองฝ่ามือของตัวเองด้วยความคิดที่เปลี่ยนไปก่อนจะค่อยๆกำมือเข้าหากันแน่นพร้อมตั้งปณิธานอันแรงกล้ากับตัวเอง
ถ้าหากเราท้อตอนนี้ก็จะถูกตราหน้าเป็นอย่างที่คนอื่นว่าแล้วก็ถูกหัวเราะเยาะไปตลอด
ในเมื่อข้อเสียของเรามันมากมายนักก็ทำเป็นให้มันเป็นข้อดีจนคนอื่นว่าไม่ได้ก็หมดเรื่อง
ลบคำสบประมาดจนพวกที่ว่าเราพูดไม่ออกแล้วทำให้ตัวเองภูมิใจกับความสำเร็จซะ
และที่สำคัญทำให้คนที่รักเราและเคยเสียใจเพราะเราภูมิใจในตัวเราด้วย
“วันนี้ข้าอาจจะเป็นเพียงคนไร้ค่าคนนึ่งที่ไม่มีความดีอะไรเลยให้ใครจดจำ แต่สักวันนามข้าเรฟราชีล เยรันไนท์จะต้องถูกจารึกในฮาโลกิด้วยการเสียสละเพื่อทดแทนบุญคุณแผ่นดินพ่อ”
เรฟราชีลยิ้มให้กำลังใจตัวเองก่อนจะยันกายลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ
สิ่งแรกที่ตอนนี้ต้องทำคือไปช่วยเจ้าเพื่อนตัวแสบแล้วเดินทางไปวิหารโซเลต่อ
ร่างสูงก้าวเดินไปทำตามความตั้งใจแรกของตัวเองด้วยความมั่นใจ
เด็กหนุ่มเดินทะลุป่าทึกออกไปอย่างมาดมั่น โดยไม่รู้เลยว่า
ตัวเองเดินไปผิดทาง
e†g
“ท่านแม่ค่ะ”
เด็กหญิงตัวเล็กๆน่ารักวิ่งเข้าไปหาหญิงสาวสวยที่นั่งดีดพิณเพียงลำพังท่ามกลางมลดอกไม้และเหล่าผีเสื้อ นางหยุดบรรเลงทำนองแสนเศร้า แล้วอ้าแขนรับเด็กน้อยที่วิ่งมากอด
“ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกินคะ”
เด็กคนนั้นว่าก่อนเงยหน้าสบมองรอยยิ้มอ่อนโยนของมารดา
“ท่านแม่คิดถึงข้ากับท่านพี่บ้างไหมค่ะ”
หญิงสาวพยักหน้างดงามน้อยๆพรางลูบผมบุตรีเบาๆ
“ที่นี้สบายดีไหมค่ะ”
นางยิ้มอ่อนโยนตอบก่อนจะเผยมือให้เด็กหญิงมองดูไปรอบๆที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้และผีเสื้อสุดลูกหูลูกตา ที่ที่สวยงามแต่ก็ดูเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“ข้าอิจฉาท่านแม่จังเลยค่ะที่ได้อยู่ที่สวยๆแบบนี้ หลายปีมานี้โลกของข้าไม่ได้สวยงามเหมือนเมื่อก่อนเลย มันมีแต่ความวุ่นวาย สับสน เต็มไปหมดจนข้าเหนื่อยเหลือเกิน”
เด็กหญิงอายุเพียงหกขวบเอ่ยราวกับตนไม่ใช่เด็ก ดวงตากลมโตค่อยๆหลับลงด้วยความเหนื่อยล้า สาวงามผู้เป็นแม่ดึงศีรษะน้อยๆให้ค่อยๆนอนหนุนตักตนเบาๆ เด็กหญิงยอมทำตามแต่โดยดีด้วยรู้ว่ามีโอกาสได้เชื่อฟังมารดาแบบนี้ได้อีกไม่บ่อยนัก
ความสงบที่ไม่ค่อยได้พบกับความสุขที่ไม่ได้มีมานานทำให้ความรู้สึกที่หายไปเนินนานเริ่มกลับมา ความรู้สึกที่ไม่คิดว่าจะได้มีมันอีกตั้งแต่วันที่คิดว่าจะไม่ได้พบท่านแม่อีก
หญิงสาวยกพิณขึ้นมาบรรเลงเพลงขับกล่อมเด็กน้อยที่ใกล้นอนเต็มที ทำนองที่ฟังแล้วเศร้าแต่เพราะตรึงใจคนฟังไม่มีวันลืม
แม้จันทรา หมดแรง จะส่องแสง
แต่ดารา จะช่วย แต่งเติมฟ้า
ให้สว่าง สดใส แม้สนทยา
ไม่เดียวดาย ก่อนทิวา จะมาเยือน
ลูกแม่เอ่ย อย่าเศร้าเลย หากเดียวดาย
แม้ข้างกาย ไร้ร่างพี่ อยู่เคียงข้าง
ยังมีคน ร่วมเคียงบ่า มิอ้างว้าง
แม้ร้างรา ย่อมพบคน ร่วมทางใหม่
e†g
‘ที่นี้มัน?’
เรฟราชีลขมวดคิ้วเมื่อหลุดออกจากป่าทึกมาได้
ที่ที่เขาคิดว่าจะเป็นที่เดียวกับที่ที่จะเจอราชองครักษ์คนสนิท กลับเป็นทะเลสาบแห่งหนึ่งที่เขาคุ้นอย่างประหลาด เด็กหนุ่มพยายามจะนึกว่าเคยมาที่นี้หรือไม่ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก
นัยน์ตาสีทองมองสำรวจไปทั่วมีเพียงวิวของป่าหลังด้านหลังและทะเลสาบเบี้องหน้ากับท้องฟ้าสีส้มด้านบนไม่เห็นมีวี่แววของผู้คนหรืออะไรที่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย
‘สงสัยจะมาผิดทาง’
เมื่อเห็นว่าไม่จำเป็นต้องอยู่แถวนี้ต่อเรฟราชีลก็ตัดสินใจกลับไปตามหาเพื่อนทางเดิม
แต่เพียงเขาหันหลังก้าวออกไปเท่านั้น
จู่ๆร่างสูงก็ทรุดฮวบมือกุมคอตนด้วยความทรมารเพราะหายใจไม่ออกราวคนจมน้ำ
‘เหมือนตอนนั้น’
เรฟราชีลทิ้งตัวลงไปข้างหลัง นอนหอบอย่างแรงขณะที่อาการเมื่อครู่หายไปเสียเฉยๆ
‘เกิดอะไรขึ้น?’
คำถามที่เด็กหนุ่มสงสัยแต่ไม่คิดจะทดสอบอีกรอบให้ใจขาดเล่น
สัญชาตญาณบางอย่างก็สั่งให้นัยน์ตาสีทองมองไปยังจุดจุดหนึ่งที่เขาไม่ทันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนพื้นใกล้ๆฝั่ง
อะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกใจคอไม่ดีรีบวิ่งไปดูใกล้มันอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนรน
เด็กหนุ่มหยิบสิ่งนั้นมาดูชัดๆ เสื้อนอกเปื้อนเลือดชายเสื้อไหม้ๆที่เจ้าของคงถอดทิ้งไว้ก่อนทำบางอย่าง
สมองสั่งการร่างกายอย่างไม่มีเหตุผลต้องหา รีบกระโดดลงไปในน้ำทันที
ไม่รู้เพราะอะไร แต่รู้ว่าต้องทำ
ไม่รู้หาอะไร แต่รู้ว่าต้องหา
หลังจากที่ดำหาราวรู้ว่าต้องว่ายไปตรงไหนได้ไม่นาน ก็เจอร่างหนึ่งนอนนิ่งอยู่ก้นทะเลสาบข้างๆโครงกระดูกเด็ก ร่างสูงรีบว่ายไปดึงร่างนั้นขึ้นสู่ผิวน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้โดยที่ตัวเองไม่อาจหาคำตอบของคำถามต่างๆได้ว่าอะไรดลจิตดลใจนำทางให้เขาลงมาช่วยเจ้านี้
e†g
เสียงบรรเลงพิณแสนเศร้าหยุดลงกะทันหันทำให้เด็กน้อยที่กำลังหลับบนตักมารดาลืมตาขึ้นมาถามด้วยความสงสัย
“ท่านแม่หยุดเล่นทำไมค่ะ”
ใบหน้างดงามราวเทพธิดายังคงยิ้มอ่อนโยนแต่คำพูดของนางช่างกรีดลึกในใจคนถาม
“ได้เวลาที่ลูกต้องกลับไปแล้ว”
ประโยคแรกที่คนเป็นแม่พูดกับลูกหลังจากที่ไม่ได้พูดด้วยกันมาแสนนานกลับเป็นคำไล่ที่ทำเอาเด็กน้อยแปลกใจก่อนส่ายหน้าแล้วพูดอย่างเอาแต่ใจ
“ไม่ ข้าจะอยู่กับท่านแม่ที่นี้”
หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆกับความดื้อรั้นไม่เปลี่ยนของเด็กน้อยแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นทุกครั้งราวพูดปกติ
“แล้วพี่ชายของลูกล่ะ ลูกจะปล่อยให้พี่เขาอยู่คนเดียวอย่างเอาแต่โทษตัวเองหรือ”
“แต่ข้า....”เด็กหญิงไม่อาจหาคำพูดอะไรมาโต้เถียงได้อีก นัยน์ตาคู่โตฉายความลังเล
“ข้าอยากอยู่กับท่านแม่ แต่ข้าก็ไม่อยากให้ท่านพี่อยู่คนเดียว”
หญิงสาวลูบศีรษะของเด็กหญิงอย่างแผ่วเบาด้วยความเอ็นดู สายลมอุ่นๆพัดมาจากทิศที่นางนั่งอยู่โอบอุ้มเด็กหญิงให้รับรู้ถึงความอบอุ่นที่โหยหาตลอด
“แม่อยู่กับลูกเสมอ แม้บางครั้นลูกอาจมองไม่เห็น แต่สายลมนี้จะโอบกอดไม่เคยห่าง”
นางเอ่ยพรางดึงลูกสาวเข้ามาโอบกอดพร้อมสัมผัสริมปากบนหน้าผากน้อยๆ ก่อนจะผลักร่างนั้นออกเบาๆ
“กลับไปเถอะลูกข้า เวลาของเจ้ายังมีเหลืออยู่ที่จะให้เจ้าได้ทำในสิ่งที่เจ้าอยากทำ และทำในสิ่งที่สมควรทำก่อนเวลาที่เจ้าจะไม่สามารถทำอะไรได้อีก เมื่อนั้นเจ้าค่อยกลับมาอยู่กับแม่”
เด็กหญิงพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง สายลมรอบตัวพัดแรงขึ้นแต่ยังคงโอบกอดอย่างอบอุ่น
เธอมองภาพสาวงามผู้เป็นมารดาชัดๆเป็นครั้งสุดท้ายอย่างพยายามให้ภาพนี้ตรึงตาด้วยรู้ว่ากว่าถึงวันที่จะได้เจอท่านแม่อีกช่างยาวนานนัก เส้นผมยาวถึงกลางหลังสีฟ้าเป็นประกายของดวงดาวถูกสายลมพัดคลอเคี้ยใบหน้างามงดที่ปรากฏรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มไปด้วยความเมตตาบนริมปากสวยสีกุหลาบ จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยที่แม้จะทอประกายเศร้าหมองอยู่เป็นนิจแต่ยังคงเต็มไปด้วยความเมตตาเอ็นดูไม่เปลี่ยน อาทรบางสีขาวบริสุทธิ์ยิ่งขับให้ผิวขาวราวหิมะของร่างระหงปลั่งประกาย ปีกนกสีขาวสะอาดของหญิงสาวที่ทำให้เจ้าตัวสง่าสมเป็นเทพธิดากางออกสะบัดอย่างสง่า สายลมรอบตัวของเด็กน้อยพัดหมุนแรงขึ้นจนบดบังร่างของนาง ทุกอย่างรอบตัวของเด็กหญิงค่อยๆกลายเป็นสีขาวพร้อมกับที่ร่างเล็กๆของเจ้าตัวค่อยๆโตขึ้นเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ด แล้วแสงจ้าก็ทำให้นัยน์สีท้องฟ้ามองเห็นแต่โลกสีขาว
e†g
‘ทำไงดี!ทำไงดี!ทำไงดี๊!’
คำถามที่คนทำอะไรไม่ถูกได้แต่ร้องถามตัวเองในใจหลังจากที่พาคนจมน้ำขึ้นจากผิวน้ำมานอนพิงก้อนหินบนฝั่งได้
เขาก้มลงแนบหูกับอกเย็นๆของอีกฝ่ายเพื่อฟังเสียงหัวใจ แต่ได้ยินเพียงความว่างเปล่ากับสัมผัสนุ่มๆแปลกๆ ทำให้คนไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ยิ่งรนรานเขย่าร่างนั้นแรงขึ้นแล้วตะโกนสั่งอย่างร้อนรน
“ตื่นสิ!ข้าบอกให้เจ้าตื่นไง!ตื่นเซ่!ตื่นขึ้นมาเดี่ยวนี้!”
แม้จะเขย่าแรงจนเขาเป็นฝ่ายเจ็บมือเสียเอง แต่ร่างนั้นก็ยังคงนิ่ง
นัยน์ตาสีทองพยายามมองหาคนอื่นๆแถวนั้น แต่เพราะไม่มีใครจึงมีเพียงเขาคนเดียวที่จะเป็นคนช่วยเจ้านี้ได้
แล้วจะให้เขาช่วยอย่างไงล่ะ ขนาดแค่รักษาแผลหกล้มเขายังทายาไม่ถูกเลย
แล้วคนไม่ได้เรื่องอย่างเขาจะช่วยเจ้านี้ได้อย่างไร
‘เฮอ.. ที่ข้าจำต้องทำเพราะเพื่อช่วยเจ้าหรอกนะ’
จู่ๆคำพูดของบางคนในความทรงจำที่เลือนไปนานก็หวนมาให้หน้าสวยแดงเล่น
นัยน์ตาสีทองมองใบหน้าขาวชืดของเด็กหนุ่มผมน้ำเงินชัดๆเป็นครั้งแรก แล้วก็ต้องตกใจปนยินดีเมื่อหน้าตรงหน้ากับหน้าที่กำลังนึกถึงช่างคล้ายกันจนน่าแปลกใจ
“เจ้าโชคร้ายเองนะที่ดันเหมือนยัยนั่นไม่งั้นข้าปล่อยเจ้าไปสบายแล้ว”
บ่นจบริมปากบางก็ค่อยๆประกบริมปากเล็กสีซีดของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบาเพื่อถ่ายทอดลมหายใจของตนให้คนไม่หายใจ ก่อนจะผละออกแล้วประสานมือกดหน้าอกที่สัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่ของร่างเย็นๆแรงๆเป็นจังหวะให้หัวใจเต้นแล้วกลับมาผายปอดต่อ
แต่ทำสลับกันไปมาหลายต่อหลายครั้งก็ไร้การตอบสนอง ความหนาวเย็นของร่างที่ยังไร้ลมหายใจทำให้คนฝืนพยายามต่อไปอย่างไม่เห็นความหวังเริ่มท้อ
แรงกระตุ้นตรงอกที่แรงขึ้นแรงขึ้นเริ่มเบาลงเบาลงตามกำลังใจเจ้าของมือสั่นๆ
“จะว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ อย่างไงข้าก็ไม่ให้ไป ถึงไม่ใช่ยัยนั้นก็ไม่ให้ไป ได้โปรดเถอะนะ”
หยดน้ำอุ่นๆจากคนร้องขอคำว่าปาฏิหาริย์ที่ตัวเองก็ยังเขียนไม่ถูกหยดลงบนหน้าขาวซืด
ท้องฟ้าสีส้มถูกบดบังด้วยเมฆดำ ก่อนสายฝนจะตกลงมาอาบคนเบื้องล่างจนชุ่มช่ำ
หยดน้ำตาเทพธิดา อิทธิ์ฤทธิ์โดยไม่รู้ตัวของเจ้าชายพ่อมดแห่งเรเฟโอไนท์
พลังแห่งปาฏิหาริย์ที่เคยหยุดภัยพิบัติครั้งใหญ่ในฮาโลกิมาแล้ว ครั้งนี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ หรือได้เพียงขอให้ฟ้าร่ำไห้เป็นเพื่อนเท่านั้น
นัยน์ตาสีทองเบิกกว้างเมื่อสัมผัสถึงอะไรที่หายไปได้กลับมาแล้ว มือเรียวชักห่างจากอกที่เริ่มขยับ ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อเห็นร่างนั้นสำลักน้ำออกมาไอแฮกๆแล้วเริ่มกลับมาหายใจอีกครั้ง!
ท้องฟ้าโปร่งใส ความรู้สึกกดดันต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรฟราชีลหายไปหมดสิ้น
ร่างสูงเผลอโผเข้ากอดคนที่ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆด้วยความดีใจแน่น
“เจ้าโง่เอ๊ยรู้ไหมว่าเจ้าทำข้ากลัวขนาดไหน ยังดีนะที่ท่านเทพมรณะยังไม่เรียกเจ้าไป ไม่งั้นข้าคงต้องเสียใจไปจนตายแน่ที่ช่วยเจ้าไม่ได้ คิดบ้าอะไรฮะถึงต้องโดดน้ำฆ่าตัวตายด้วย”
‘คนโดดน้ำฆ่าตัวตาย’กระพริบตามองคนถามที่ตนอยู่ในอ้อมแขนเขาปริๆด้วยยังเบลอไม่หาย ก่อนสติจะกลับมาแทบทันทีเมื่อเสียงที่เจ้าตัวได้ยินเพียงคนเดียวดังขึ้นบอกเล่า
“ขอบคุณหมอนั่นซะสิวีเนสย่า เจ้านั่นพยายามผายปอดช่วยชีวิตเราตั้งยี่สิบหนเชียวนะ”
แต่แทนที่จะเอ่ยปากขอบคุณไปปฏิกริยาแบบเด็กสาวในคราบชายหนุ่มกลับตอบกลับโดยการผลักคนช่วยตนสุดแรงจนหงายหลังหัวฟาดก้อนหินเลือดไหลนองพื้นหิมะแทน กรรม!
“โอ้ย นี้เจ้าทำบ้าอะไรของเจ้าฮะดูสิหัวข้าแตกแล้วมั่งเนี้ย”
แล้วทันทีที่คนเจ็บยื่นหน้ามาเอาเรื่อง มือเจ้ากรรมก็ดันไปตบหน้ามอมๆนั้นจนหน้าหัน ด้วยเพราะผมยาวๆเปียกๆแถมมีใบไม้กิ่งไม้เกียวปิดหน้าปิดตาอยู่คนเผลอมือเลยไม่เห็นว่าคนโดนตบหน้าเอ๋อลงไปขนาดไหน ฟ้าหลังฝนทำท่าเหมือนจะมีฝนกระหนำลงมาอีกรอบ
“เจ้าบ้ารึไง ข้าไปทำอะไรให้เจ้าโกธรนักหนาถึงทำหัวแตกแล้วยังตบหน้าข้าอีก”
“ใครใช้ให้เจ้ามาผายปอดข้าเล่า พอนึกขึ้นมามือไม้มันก็อยากจะตีเจ้าให้ตายนัก”
“นี่ นึกว่าข้าชอบใจนักรึไงที่ต้องมาผายปอดให้ผู้ชายด้วยกัน แค่นึกยังขนลุกไม่หายเลย
ที่ข้าทำไปน่ะเพราะมันจำเป็น หรือเจ้าจะให้ข้าปล่อยให้เจ้าตายต่อหน้าต่อตาล่ะฮะ”
วีเนสย่าพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ใครๆก็มองเห็นเธอเป็นเด็กหนุ่มหน้าหวาน ดังนั้นหากเจ้าหัวยุ่งนี้ไม่ใช่เกย์หรืออะไรทำนองชายรักชาย เขาก็ช่วยชีวิตเธอจริงๆนะสิ
นัยน์ตาสีท้องฟ้ามองอีกฝ่ายที่กำลังกุมศีรษะที่มีเลือดไหลไม่หยุดพรางบ่นเจ็บๆๆๆแต่ด้วยผมสีทองยาวยุ่งๆเต็มไปด้วยกิ่งไม้ใบไม้ที่อาจมีสัตว์ตัวเล็กๆอยู่ในนั้นด้วยปิดหน้าปิดตา เธอเลยไม่เห็นว่าหน้าตาของคนที่ช่วยเธอแต่เธอกลับทำเขาเจ็บมีสีหน้า โกธร โมโห หรือเจ็บปวดอยู่
มือบางดึงอาวุธคู่กายตนออกมาจากอากาศธาตุอันว่างเปล่า ให้คนเหล่มาเห็นกระบี่ในมือคนที่เขาคิดว่าสติมันยังไม่กลับตามมาใจคอไม่สู้ดี
“นี่เจ้า...คิดจะทำอะไรข้าอีก...”
“ข้าจะช่วยให้เจ้าไม่เจ็บปวดอีกต่อไปไง”
เจ้าตัวว่าพรางลุกถือกระบี่เข้ามาใกล้ ขณะที่คนรู้สึกเหมือนหนีหมีปะคนบ้าคลานถอยหนี
“นี่เจ้าคิดจะฆ่าข้าให้ตายทีเดียวเลยงั้นหรอ ข้าเป็นคนช่วยชีวิตเจ้านะ ถึงเจ้าอยากตายมากขนาดไหนก็ไม่เห็นต้องโกธรที่ข้าไปขัดขวางการฆ่าตัวตายของเจ้าจนต้องฆ่าข้าทิ้งเลยนี้”
แต่พอคนห้ามคลานถอยจนหลังชนท่อนไม้ คนไม่ฟังก็เย้ยอาวุธใส่คนที่หลับตาบี๋ทันที
“อ๊า! ถ้าเจ้าฆ่าข้าข้าจะเป็นผีมาคอยหลอกหลอนเจ้าแม้เจ้าจะฆ่าตัวตายข้าก็จะไม่ยอมปล่อยเจ้าไปสบายง่ายๆข้าจะหลอกเจ้าไปจนกว่าจะผมหงอกหมดหัวเลยคอยดู!”
ดูเหมือนคำขู่รั่วรัวโดยไม่คิดจะได้ผล คนที่คิดว่าตัวเองคงต้องโดนฟันคอขาดแน่นๆเลยไม่รู้สึกเจ็บ ซ้ำความเจ็บปวดจากแผลหัวแตกกับโดนตบเมื่อครู่กลับค่อยๆหายไป
นัยน์ตาสีทองมนลืมขึ้น ปีกนกสีฟ้าตรงที่กั้นกระบี่เรียวยาวที่อีกฝ่ายถืออยู่เหนือหัวเขากระพืบปล่อยขนนกเล็กๆหล่นใส่แผลหัวแตกสดๆของเขาที่กำลังค่อยๆสมานกลับเป็นปกติ
“เจ้ารักษาแผลให้ข้า?”คนกำลังหายสนิทถามอย่างเหลือเชื่อโดยไม่รู้ว่าวอนเจ็บตัวอีกรอบ
“ไม่นึกว่าข้าฆ่าเจ้าต่อไปล่ะ ข้าจะได้ล้างแค้นที่เจ้าขัดขวางการฆ่าตัวตายของข้าให้จบ”
“ที่แท้ เจ้ากะรักษาข้าให้หายแล้วก็เชือดคอข้าเลยทีเดียวหรอ..!”
“ข้าประชด!”วีเนสย่าว่าแล้วรีบเก็บ‘วาโยเยียวยา’ไปก่อนจะเผลอใช้ฆ่าคนคิดมากจริงๆ
“นั้นเจ้าก็ไม่โมโหแล้วใช่ไหมที่ข้าไปขัดขวางการฆ่าตัวตายของเจ้า”
“ข้าจะโมโหก็เพราะเจ้ามากล่าวหาว่าข้าสิ้นคิดนี้แหละ”
“อ้าว เจ้าไม่ได้ตั้งใจจะโดดน้ำฆ่าตัวตายหรอ”
“อ้อ!”เด็กหนุ่มหน้าหวานกุมขมับกับความซื่อบื่อแต่ดันปากดีของคนช่วยชีวิตตน
“แล้วเจ้าไปนอนก้นทะเลสาปทำไม อย่าบอกนะว่าเล่นเป็นเทพารักษ์ดำน้ำไปหาขวาน”
“ก็คงทำนองนั้นแต่ดันกลายเป็นไปเป็นตัวตายตัวแทนให้พรายน้ำแทน”
“พรายน้ำ
”เจ้าผมทองทวนพรางมองซ้ายมองขวาอย่างหวาดๆ
“วิญญาณของผู้ที่ตายในน้ำไง เจ้าพวกนี้จะยังข้ามภพไปไม่ได้จนกว่ามีคนมาเป็นแทน”
“งั้นถ้าข้ามาช่วยเจ้าไม่ทันเจ้าก็ต้องกลายเป็นพรายน้ำคอยดึงขาคนที่ผ่านมาให้ลงไปตายแทนสินะ”คนท่าทางกลัวผีขึ้นสมองว่าพลางถอยห่างจากทะเลสาปสุดสยองที่ไม่รู้ใต้ผิวน้ำมีศพเป็นอาหารปลามากี่ศพแล้ว
คนที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์มองสำรวจคนท่าทางต๊องๆที่ไม่น่าเชื่อว่าเป็นคนช่วยเธอ
ผมเผ้ายุ่งๆดูเหมือนเป็นบ้านของเห็บหมัดแมลงสาบ เนื้อตัวเสื้อผ้าก็ดูสกปรกฉีกขาดอย่างกับขอทาน กริยาท่าทางก็ดูเซ่อๆเอ๋อๆไม่เต็มไม่ค่อยมีเรียวแรงเหมือนพวกขาดสารอาหาร
แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นคนบ้า เป็นขอทาน เป็นเกย์หรืออะไรก็ช่าง เขาคือผู้มีพระคุณของเธอ
“ขอบคุณนะที่ช่วยชีวิตข้าไว้ ถ้าไม่ได้เจ้าข้าคงไม่ได้กลับมารับรู้ว่าในโลกนี้ยังมีคนดีๆแบบเจ้าอยู่”เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าครึ้มสวยเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงตามอารมณ์ที่กลับมาสงบ
คำขอบคุณที่เปล่งออกมาจากใจจริงทำให้คนพึ่งเคยได้รับคำขอบคุณจริงๆครั้งแรกถึงกับอึ่งรู้สึกตัวลอยเผยอยิ้มแก้มปริเหมือนเด็กๆโดยที่อีกฝ่ายมองไม่เห็นเพราะผมยุ่งๆบังอยู่
“แหะๆ ข้าไม่ใช่คนดีอะไรนักหรอก ข้าเองก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่าข้าช่วยชีวิตเจ้ามาได้ไง แต่มันเหมือนกับว่าถ้าเจ้าตายข้าก็ต้องตายไปด้วยงั้นแหละ”
“ถ้าข้าตายเจ้าก็ต้องตายไปด้วย
”วีเนสย่าทวนด้วยรู้สึกเหมือนเคยได้ยินคำพูดนี้มาก่อน
จะว่าไปแล้วเหตุการณ์แบบนี้เธอรู้สึกเหมือนเคยผ่านมาแล้ว ทะเลสาปแห่งนี้ก็เหมือนกัน เจ้าของผมยาวสีทองนี้ก็ด้วยแต่รูปร่างไม่สูงเกินไปอย่างงี่
‘เธอเคยมาที่นี้เมื่อไหร่นะ’
แต่ทันทีที่พยายามนึกเธอก็รู้สึกปวดหัวอย่างหนักขึ้นมาทันทีจนแม้แต่คนมองก็ยังตกใจ
รีบประคองคนที่จู่ๆก็ทำท่าจะล้มตึงลงไปซะเฉยๆ
“เฮ้ย..! เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ หรือว่าวันนี้ทั้งวันยังไม่ได้กินข้าวเลยเป็นลม”
“พอพยายามนึกเรื่องบางอย่างให้ออกข้าก็ปวดหัวขึ้นมา”
“นั้นก็อย่านึกสิ ลองนึกเรื่องอื่น เออ.. ลองนึกว่ามื้อเที่ยงเจ้ากินอะไรดูสิ”
เธอยอมนึกตามความแนะนำของเขาดู อาการปวดหัวมากๆเมื่อครู่นี้หายไป ไม่ใช่เพราะการนึกถึงแซนวิชบาโลน่าในท้องเธอจะทำให้หายปวดหัวได้จริงๆ แต่เพราะไม่ฝืนนึกเรื่องใน‘วันนั้น’ที่ไม่รู้ทำไมนึกทีไรต้องปวดหัวมากด้วยทุกที
“ขอบใจนะข้าหายปวดหัวแล้วล่ะ นี้ข้าถามหน่อยเถอะเมื่อกี้ในหัวเจ้ามีแต่เรื่องกินหรอ”
“อา ก็คงใช่ เมื่อสายข้าต้องรีบออกมาเลยยังไม่ทันได้กินอะไรเลย แถมยังต้องมาออกแรงตั้งหลายรอบโดยที่ท้องยังว่างมันก็เลยหิวน่ะ”คนหิวบอกพรางลูบท้องที่กำลังเกิดสงครามน้ำย่อย
“นี้เจ้ายังไม่ได้กินอะไรเลยงั้นหรอ เสบียงในกระเป๋าสะพายข้าก็พึงหมดไปด้วยสิ เงินที่ข้าเอาติดตัวมาก็ไม่รู้ใช้กับเมืองนี้ได้รึเปล่า อืม... นั้นเอานี้ไปล่ะกัน”
เด็กหนุ่มผมฟ้าเข้มบรรจงถอดต่างหูรูปดาบกางเขนสีเงินที่เรียบง่ายแต่ดูงดงามและล่ำค่ามากส่งให้คนตัวสูงกว่าที่รับมาอย่างงงๆ
“ถ้าใส่ต่างหูนี้จะแก้หิวได้หรอ”คำถามเพี้ยนๆทำเอาคนให้ถึงกับกุมขมับอีกรอบ
“เจ้าต๊องต่างหูที่ไหนใส่แล้วแก้หิวได้ล่ะฮะ ข้าคิดผิดรึเปล่าเนี้ยที่ให้ของสำคัญกับเจ้า”
“ของสำคัญ?”นัยน์ตาสีทองมองพิจารณา‘ของสำคัญ’ในมือที่ในสายตาคนไม่สันทัดเรื่องของสวยๆงามๆดูอย่างไงมันก็แค่ต่างหูที่ขายได้ราคาแพงธรรมดาๆอันนึงแถมขาดไปอีกข้างด้วย
“มันเป็นของชิ้นสุดท้ายที่ท่านแม่ข้าให้ข้ากับท่านพี่ข้าเมื่อตอนเด็กๆคนล่ะข้างน่ะ”
น้ำเสียงที่อบอุ่นอ่อนโยนยามพูดถึงผู้ที่ให้เจ้าตัวทำให้เรฟราชีลเข้าใจว่าของสิ่งนี้มีค่าทางจิตใจมากกว่าเงินตราสำหรับเจ้าของมากขนาดไหน
“เจ้าให้ของสำคัญอย่างงี้กับข้าทำไม เอาคืนไปเถอะข้าไม่ชอบใส่อะไรให้หนักหูเล่น”เขาส่งคืนให้เจ้าของ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าแล้วบอกพรางยิ้มน้อยๆดูอ่อนหวานใจดีที่เขาพึ่งเคยเห็น
“รับไปเถอะ เจ้าอุตส่าห์ช่วยชีวิตข้าไว้ ตอบแทนแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเจ้าเอาไปขายคงได้เงินมาซื้อของอร่อยๆกินได้อีกนานเลยจะได้ไม่ต้องทนอดทนลำบากไปรอคนบริจาคอีก ถ้าเจอกันคราวหน้าขาดเหลืออะไรอีกก็บอกข้านะ ข้าไปล่ะ”
พอพูดจบเจ้าหน้าหวานก็วิ่งจากไปทิ้งให้เขายืนงงอยู่คนเดียว ก่อนจะนึกออกแล้วรีบวิ่งไล่ตามเจ้าคนที่หาว่าเจ้าชายเป็นขอทาน
“กลับมาเดี้ยวเลยนะเจ้าตาฟ้า เจ้ากล้าดีอย่างไงมาหาว่าข้าเป็นขอทาน ข้าบอกให้กลับมาไง คิดจะขัดคำสั่งของเจ้า..”แต่ไม่ทันที่เจ้าชายมาดขอทานจะได้แสดงตัว ขายาวๆก็ดันไปสะดุดก้อนหินทำให้ร่างสูงล้มหน้าคว่ำหัวฟาดตอไม้น๊อตไปทันทีอย่างดูอย่างไงก็ไม่น่าใช่เจ้าชาย
“วีเนสย่า เจ้างั้งนั้นเดี๊ยงไปแล้ว”เสียงพี่ชายทำให้คนที่กำลังจากไปต้องวิ่งกลับไปดูคนที่กำลังนอนหน้าคว่ำจมกองเลือด
นัยน์ตาสีท้องฟ้าสวยมองผู้มีพระคุณของเธอแล้วทั้งหนักใจและเหนื่อยใจแทน
เฮอ... คนอะไรจะเซ่อซ่าบ้าบอติ๊งต๊องซื่อบื่อได้ปรางนี้ นี้ถ้าเธอปล่อยเขาไว้อย่างนี้จะอดตายกลางป่าหรือเอาหัวทื่อๆไปโขกโน่นชนนี้ตายก่อนรึเปล่าเนี้ย
“เราแน่ใจแล้วหรอที่เอาของที่เรารักมากให้หมอนี้ไปขาย”พี่เฮโลวิสถามย้ำการตัดสินใจที่เธอเองก็ชักไม่แน่ใจว่าเขาจะเซ่อเดินไปเป็นอาหารสัตว์ก่อนได้ทันเอาไปขายซื้อของกินรึเปล่า
“เฮอ... ทำไงได้ล่ะท่านพี่ ในเมื่อข้าบอกให้เขาไปแล้วก็ต้องให้ไปเลยตามเลย พี่เฮโลวิสเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอว่าหมอนี้เป็นคนช่วยชีวิตข้า ในเมื่อผู้มีบุญคุณลำบากเราก็ต้องช่วยเขา ไหนๆก็ไหนๆแล้วพอข้ารักษาแผลหัวแตกให้เขาเสร็จท่านพี่ก็แบกเขาเข้าเมืองหน่อยแล้วกันนะ”
เธอเรียก‘วาโยเยียวยา’ออกมาอีกทีเพื่อรักษาคนสลบอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะรักษาเธอก็นึกอยากเห็นใบหน้าหลังผมยาวยุ่งๆรกรุงรังนั้นดูสักหน่อย มือบางค่อยๆพลิกศีรษะที่คว่ำหน้าทิ่มหิมะให้หงายหน้าขึ้นก่อนจะปัดผมสีทองที่ปิดหน้าคนสลบออก
“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย...!!!!!!!”
แต่ไม่ทันที่จะได้แอบดูใบหน้าปริศนา เสียงโหยหวนหนึ่งก็ดังขึ้นให้สะดุ้งเล่น
ร่างผอมแห้งที่พึงโผล่ออกจากป่าทึบของชายคนหนึ่งที่มีผ้าพันแผลพันหัวกำลังมองมายังคนข้างๆเธอที่กำลังนอนจมกองเลือดด้วยความตกใจแทบซ็อดน่าจะเป็นเจ้าของเสียงร้องเมื่อกี้
นัยน์ตาสีซืดของอีกฝ่ายที่ยังซ็อดไม่หายมองมาทางเด็กหนุ่มหน้าหวานที่ถือกระบี่อยู่สลับคนนอนจมกองเลือดที่ไม่รู้ว่ายังมีลมหายใจหรือเปล่าเหมือนมองฆาตกรที่พึ่งฆ่าคนตาย!
ทำให้คนโดนกล่าวหาด้วยสายตาต้องเดินไปอธิบายก่อนจะโดนเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
แต่เพียงแค่ร่างเพรียวจะก้าวขา ร่างผอมแห้งเหมือนคนขาดสารอาหารก็เข่าอ่อนปากสั่นทันที
“ยะ.. อย่าเข้ามานะ! ขะ..ข้าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น อย่าฆ่าข้าปิดปากเลยข้ากลัวแล้ว ข้าไม่บอกใครหรอกว่าเจ้าทำอะไรร้ายแรงลงไป”
“ข้าไม่ได้..”คนที่ถูกเข้าใจผิดเสียยกใหญ่พยายามจะเข้าไปอธิบายแต่คนขี้กลัวก็เอาแต่หลับหูหลับตาไม่ฟัง
“ว๊าก! ข้ากลัวแล้ว! ข้ากลัวแล้ว! อย่าฆ่าข้าเลย! ม่ายยยยยยยยยยยยยย!”
เสียงโวยวายน่ารำคาญของอีกฝ่ายไม่ได้ทำให้เธอกังวลเท่าเสียงฝีเท้าของคนมากมายที่ดังมาจากในป่าด้านหลังชายคนนั้นที่ทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่าเจ้าแห้งนี้ไม่ได้มาคนเดียว แล้วมันคงจะไม่เป็นการดีสำหรับเธอนักหากพวกที่กำลังมาถึงเป็นพวกพูดไม่รู้เรื่องแบบเดียวกับเจ้าหมอนี้
“นี้หยุดโวยวายได้ไหม ไม่งั้นข้าฆ่าปิดปากจริงๆนะ”
คนโวยวายเงียบทันที ทำให้เธอสบายใจขึ้นหน่อย แต่กว่าจะรู้ว่าที่อีกฝ่ายหยุดเพราะกำลังรวบรวมพลังเสียงจากทวารทั้งเก้าก็เมื่อมันแหกปากเรียกพวกแล้ว
“ท่านเทสช่วยข้าด้วยข้าอยู่นี้
.!”
สิ้นเสียงเรียกของเจ้าหัวมัมมี่ไม่นาน ร่างสูงใหญ่ของพวกชายในชุดสีเขียวก็รีบยกโขยงออกมากันแทบจะทันที แต่เธอคงไม่ตกใจกับการมาของพวกทหารเท่ากับสรรพนามที่พวกนั้นเรียกคนนอนสลบข้างเท้าเธอ
“เจ้าชายรัชทายาท
!”
“หะ เจ้าชายรัชทายาท...!”
“ใช่เจ้าชายจริงๆด้วย”
“เจ้าชายทำใจดีๆไว้นะพะย่ะค่ะ!”
“โอ้โหผู้มีพระคุณของเราเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองขนานแท้เลยนะน้องสาวพี่”เฮโลวิสแหย่น้องเล่นแต่คนโดนแซวไม่ขำ เพราะคนพวกนั้นวิ่งมาพร้อมชี้คมหอกคมดาบมาล้อมตัวเธอ
“เจ้าเป็นคนทำร้ายเจ้าชายแห่งเรเฟโอไนท์เรอะ!”ชายร่างใหญ่ตะคอกใส่เธอด้วยความเข้าใจผิด
ก็สมควรหรอกที่จะเข้าใจอย่างนั้นเมื่อไอ้คนบ้าๆบอๆที่เธอพึงได้รู้เดี๋ยวนี้เองว่ามันเป็นถึงเจ้าชายของเมืองเพี้ยนๆนอนจมกองเลือด แถมเธอที่เป็นคนอยู่ใกล้มันเพียงคนเดียวก็ถือกระบี่อยู่ แล้วถ้าพวกนี้มาได้เร็วกว่านี้คงได้เห็นฉากตอนที่เธอผลักเจ้าชายของพวกเขาล้มหัวฟาดก้อนหินแล้วลุกมาให้เธอตบหน้าเขาจนหัวแทบหลุดแถมยังหาว่าลูกจ้าวเป็นขอทานอีก ข้อหาเยอะจริง!
“ขะ...ข้า...”คนจะแก้ตัวแก้ตัวไม่ออกเพราะตอนนั้นเธออยากจะฆ่าเขาจริงๆ
“โฮ~ เจ้าชายอย่าเป็นอะไรไปน่ะพะย่ะค่ะเจ้าชาย ฮือๆ ท่านเทสเจ้าชายจะรอดรึเปล่า”
เจ้าหัวมัมมีร้องถามชายร่างใหญ่ด้วยความเสียใจนัยน์ตาสีซีดคลอไปด้วยน้ำตาจนคนมองยิ่งรู้สึกผิดไม่คิดว่าเจ้าชายที่เธอคนว่าเป็นขอทานเพี้ยนๆจะเป็นคนดีมีคนจงรักภักดีมากขนาดนี้
โดยหารู้ไม่ว่าไอ้ที่มันร้องไห้ห่วงเจ้าชายจะเป็นจะตายที่แท้เพราะมันกลัวตัวเองจะตกงานตั้งแต่วันแรกต่างหาก
นัยน์ตาสีดำมองปรามคนปากอัปมงคลด้วยสายตาอำมหิตทำให้คนร้องไห้ฟูมฟายหยุดร้องทันทีเพราะกลัวหัวหน้าฆ่าก่อนโดนไล่ออกมากกว่า
เทสหันกลับไปจ้องเด็กหนุ่มตัวเล็กที่บังอาจทำร้ายเจ้าชายได้อย่างเลือดเย็นขัดกับหน้าตาหวานเหมือนผู้หญิงตาเขม็งแล้วเอ่ยถามเสียงโหดพรางเรียกขวานใหญ่ของตนเองออกมา
“เจ้าจะยอมให้จับเป็นดีๆหรือให้พวกข้าจับตาย”
คิ้วตรงของคนโดนถามเฉียงลงพรางลอบมองรอบตัวคิดทางหนีทีไล่
“พี่ว่ายอมให้พวกทหารจับไปเถอะเผื่อเจ้าชายนั้นฟื้นแล้วจะให้เรารับโทษแต่งงานด้วย”
คำแนะนำจากพี่ชายตัวดีที่ไม่รู้จะมาเชียร์เธอให้เจ้าชายติ่งติ๊องนั้นไปทำไมทำให้คนได้ยินอยากจะบ้าตาย เด็กหนุ่มผมฟ้ากัดฟันพูดกับตัวเองเบาๆพร้อมกระชับ‘วาโยเยียวยา’ในมือแน่น
“พี่เฮโลวิส...หุบปากไปซะ”
วีเนสย่าวิ่งตรงพุ่งกระบี่ไปยังชายหนุ่มร่างผอมที่ซ็อคตกใจจนเป็นลมล้มลงทั้งยืนทันที
ชายร่างใหญ่ถือขวานยักษ์มายืนบังคมกระบี่ให้เจ้าคนขี้ขลาดพร้อมกับที่เหล่าทหารต่างพร้อมใจแทงอาวุธตนเข้าใส่ร่างบางของเด็กหนุ่มที่ให้คำตอบทางการกระทำว่า‘ไม่ยอมให้จับเป็นง่ายๆ’จากทุกทิศพร้อมกันจนร่างนั้นยากจะหลบได้
มือบางยั้งกระบี่ตนไม่ให้ถึงร่างที่แกล้งจะโจมตี ก่อนร่างบางที่กำลังโดนแทงจากอาวุธรอบด้านจะกระโดดตีหลังการถอยหลังขึ้นไปเหยียบบนปลายหอกปลายดาบที่พุ่งเข้ามาแทงตนทั้งแปดนั้นแล้วถีบตัวเองออกจากวงล้อมโดยเหยียบหัวทหารที่ขวางทางผ่านไปสามคน แล้ววิ่งข้ามทะเลสาปไปอย่างกับมีวิชาตัวเบา วิ่งบนผิวน้ำได้จนพวกชายร่างใหญ่ที่มองตามต่างอึ่ง
“เฮ้ย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ลอบทำร้ายเจ้าชายแห่งแดนนักรบทมิฬได้แล้วคิดว่าจะหนีรอดเรอะ”ทหารคนหนึ่งว่าก่อนพวกนั้นจะวิ่งอ้อมไปไล่จับเด็กผมฟ้าที่วิ่งหนีไปกลางทะเลสาปแล้ว
‘เรื่องอะไรจะอยู่นิ่งๆให้จับได้เล่า’
วีเนสย่าคิดพรางเร่งฝีเท้าที่ดันตัวบนผิวน้ำเพียงเสี้ยววิให้รีบวิ่งข้ามไปถึงอีกฝั่งให้พ้นๆ
แต่เท้าคู่นั้นก็ต้องซะงักเกือบจมก่อนรีบเปลี่ยนทิศวิ่งกลับฝั่งเดิมด้วยความตื่นตนกเมื่อทะเลสาปเบื้องหน้าที่เคยนิ่งสงบเกิดคลื่นสึนามีซัดมาหาเธอจนคนหนีไม่ทันถูกกลืนลอยตามคลื่นกลับมาฝั่งเดิมพร้อมกับปลาสองสามตัวที่ดิ้นไปดิ้นมาบนพื้นแชะๆ
นัยน์ตาฟ้าของคนเกือบสำลักน้ำตายอีกรอบมองไปยังคทาหยกฝั่งมรกตในมือเด็กหนุ่มผมเขียวที่ขี่ม้ามาข้างเธอ นัยน์ตาสีมรกตดูล้ำลึกที่เห็นเพียงข้างซ้ายสบตาเธอก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“รู้ไหมว่าโทษของการทำร้ายองค์รัชทายาทแห่งเรเฟโอไนท์มันหนักขนาดไหน”
เธออยากตอบกลับไปจริงๆว่า‘เพราะพอเดาออกว่าโทษนั้นหนักมากขนาดไหนถึงได้หนีไง’แต่เพราะน้ำในปอดยังไม่หมดเธอจึงได้แต่กึ่งนั่งกึ่งนอนไอสำลักน้ำออกมาอย่างหมดแรง
ร่างสูงในชุดคลุมยาวสีแดงแซมขาวกระโดดลงจากม้าแล้วเดินไปนั่งคุกเข่าใกล้ร่างที่นอนแน่นิ่ง ก่อนมือหนาจะจับศีรษะชุ่มเลือดของเจ้าชาย แล้วยิ้มแบบที่เธอไม่เข้าใจว่าเจ้านายหัวแตกมันน่าขำตรงไหน เขาก็ค่อยๆซ้อนร่างคนสลบที่ตัวพอกันขึ้นอุ้มแบบที่ใครเห็นก็คิดไปไกล
“แย่แล้วสิ ดูท่าน้องสาวพี่จะมีศัตรูทางหัวใจเป็นเด็กหนุ่มรูปงามท่าทางน่าเป็นเจ้าชายกว่าเจ้าชายตัวจริงด้วยสิ”เสียงในหัวที่เธออยากจะตอบกลับไปจริงๆว่าเธอไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับไอ้เกย์คู่นี้
แต่ก็พูดไม่ได้ และไอ้เกย์หัวเขียวมันก็อุ้มเจ้าชายขอทานมาใกล้ๆ ทำให้เธอได้เห็นหน้าของเจ้ามอมแมมชัดๆว่าจริงๆแล้วหน้าตาเขางดงามสวยซึ้งยิ่งกว่าผู้หญิงธรรมดาซะอีก แต่ก็คงมีดีแต่หน้าตากับปากดีแหละน่า เหมือนกับเจ้าหัวหญ้านี่ที่หน้าตาก็หล่อเหล่าดูดียิ่งเจ้าชายตัวจริงเสียอีก แต่ก็อ่ะน่ะสังกัดชายรักเจ้าชาย ซึ่งผู้ที่คนอื่นเห็นเป็นชายอย่างเธอไม่มีวันขอร่วมสังกัดตามเสียงชวนของคนที่ท่าอยากให้น้องเป็นประเภทเดียวกันด้วยเด็ดขาด!
“ไว้ข้าจะสอบสวนแล้วลงโทษเจ้าทีหลังแล้วกัน”เจ้าตาเดียวว่าอย่างสบายๆผิดกลับตอนแรกที่เห็นลิบลับแถมนัยน์ตาสีมรกตยังฉายแววนึกสนุกบางอย่างที่ทำให้เธอยิ่งรู้สึกไม่ไว้วางใจ
และโดยที่วีเนสย่าไม่ทันได้ตั้งตัวนิ้วชี้อีกฝ่ายก็จิ้มที่ริมฝีปากเธอก่อนร่างบางจะรู้สึกว่าร่างตนถูกพันธนาการไว้ด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น พอจะถามว่าเขาทำอะไรเธอ เสียงก็ดันไม่ออกอีก
“ศัตรูทางหัวใจเราร้ายใช่เล่นแฮะ ใช้เวทพันธนาการได้โดยไม่ร่ายไม่กระจอกเลยนะนี้”
คำชื่นชมคนรังแกน้องจากพี่คนโดนรังแกที่คนได้ยินเพียงคนเดียวรู้สึกเจ็บใจอยากจะวีนยิ่งนัก
แต่นัยน์ตาสีฟ้าก็ได้แต่มองคนกำลังยิ้มอามรณ์ดีด้วยสายตาอาฆาตโดยที่คนโดนมองไม่สลดเลยแม้แต่น้อยแถมยังหันไปเอ่ยกับคนขับรถม้าด้วยเสียงกลั่วหัวเราะอีกต่างหาก
“พาไปคุกหลวงอย่างปลอดภัยที่สุด คิดว่าน่าจะมาจากต่างถิ่น ต้อนรับแขกเมืองดีๆล่ะ”
“ขอรับท่านไควูฟัส”ทหารทั้งหมดรับแล้วทำความเคารพจนสร้างความสังสยแก่คนมอง
ถึงจะได้ยินชื่อที่น่าจะมีเพียงคนเดียวในโลกนี้ใช้ของเจ้าเกย์หัวเขียวชัดเจนเต็มสองหูแต่คนนอกอย่างวีเนสย่าก็ไม่รู้ว่าไควูฟัสเป็นใครบ้านอยู่ไหนเลยบอกให้พี่เฮโลวิสไปเผาบ้านมันไม่ได้อยู่ดี แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นองครักษ์คนสนิทของเจ้าชายแต๋วนั้นแต่ก็เดาไม่ถูกว่าทั้งสองคบกันลึกซึ้งถึงขั้นไหน ยิ่งไอ้คนขี้เต๊ะหันมาส่งแววตาระริกระหรี่แสนยียวนกวนประสาทนั้นก่อนอุ้มเจ้าชายหมดสภาพอย่างกับเด็กทารกขึ้นม้าขาวจากไปโดยไม่หันมามองคนกำลังไปเข้าห้องขังที่มองไปทางเขากับคนในอ้อมแขนอยากจะกินเลือดกินเนื่อแล้วยิ่งแค้นใจสุดๆ
เพราะพวกเจ้าสองตัวที่ทำให้ข้าต้องมาซวยแบบนี้
ชาตินี้ชาติไหนขออย่าได้เจอกันอีกเลยไอ้องครักษ์กวนประสาทกับไอ้เจ้าชายเฮงซวย...!
e†g
sky
sky
บาร์เขียว moon of
ความคิดเห็น