คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ I ตัวต้นเรื่อง
บทที่ I ตัวต้นเรื่อง
“กาลครั้งนึง.เมื่อไม่นานมานี้เอง ราชาหนุ่มแห่งเมืองชายต้องสาปต้องมีพระราชโอรสสืบราชบัลลังก์เพื่อรักษาเชื้อสายแห่งราชวงศ์ พระสหายคนสนิทจึงได้ไปนำผลจากต้นพีเยร่าที่หากแช่งด้วยเลือดเก้าวันเก้าคืนจะมีเด็กเกิดในผลนั้นตามการสืบสายเลือดประจำเมืองที่ห้ามมีผู้หญิงอยู่ตั้งแต่ในอดีต ในเวลานั้นต้นพีเยร่าที่มีเพียงต้นเดียวในฮาโลกิได้ออกผลคล้ายลูกมะพร้าวลูกนึงเป็นสีทองไม่เป็นสีเทาเหมือนปกติจึงถูกดึงไป
หลังจากจบพิธีแบ่งอายุไขพ่อให้ลูกเปลี่อกแข็งๆของลูกพีเยร่าก็ถูกผ่าเอาเด็กออกเผยเจ้าชายน้อยที่มีผมและนัยน์ตาสีทองต่างจากพระบิดา นอกจากนั้นที่กลางอกของเจ้าชายยังมีปานแดงรูปหนึ่งปีกค้างคาวหนึ่งดาบหนึ่งปีกนกด้วย ความปิติยินดีมีอยู่ได้ไม่นานก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ภูเขาไฟที่เคยดับไปแล้วกลับปะทุขึ้นอย่างรุนแรง ลาวาพวยพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนจะตกลงมาเป็นฝนไฟเผาผลาญทุกสิ่ง พอเจ้าชายน้อยได้ยินเสียงร้องโหยหวนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ก็ร้องไห้จ้าตามประสาเด็ก แต่กลับสร้างปาฏิหาริย์ได้อย่างเหลือเชื่อ สายฝนกระหนำลงมาดับทะเลเพลิงและทำให้ลาวาเย็นตัวลงจนกลายเป็นน้ำแข็ง แผ่นดินหยุดสั่นไหว ภูเขาไฟสงบนิ่ง ภัยพิบัติอาเพศเมื่อครู่จบสิ้นลง
ท่านผู้รู้ได้ปรากฏตัวขึ้นและประกาศว่าปานแดงกลางอกเจ้าชายน้อยเป็นปานรูปดาบศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ทั้งยังได้ทำนายอีกว่าในอนาคตเจ้าชายน้อยจะเป็นเจ้าชายแห่งความหวัง ผู้ลบล้างจ้าวแห่งความโหดร้ายทารุณที่จะกลับมาทำให้โลกกลับไปยุดทมิฬ และเป็นผู้ปลดปล่อยผู้รอคอย เจ้าชายจะต้องฟันฝ่าการทดสอบจากโชคชะตาเพื่อที่จะเป็นผู้พิทักษ์โลกทั้งสอง โดยแลกมาด้วยชีวิตมิตรภาพและความรักของตัวเจ้าชายเอง”
“โห๊ แล้วเรื่องนี้จบอย่างไงหรอคับพระอาจาน”
เด็กสี่ขวบตัวเล็กๆถามอย่างสนใจเมื่อคนเล่าหยุดเล่าต่อ
“มันก็คงจบประมาณว่าเจ้าชายกู้โลกช่วยเจ้าหญิงจากปีศาจร้ายได้แล้วก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไปเหมือนนิทานก่อนนอนเรื่องอื่นๆแหละ”
เด็กผู้ชายข้างๆที่อายุเท่ากันแต่ตัวโตกว่าเอ่ยดับความสงสัยของเพื่อนไปทันที ทำให้คนพึงจะเริ่มสนใจอะไรจริงๆจังๆครั้งแรกเลิกสนใจไปซะดิ้อๆกลับไปทำหน้าเบื่อโลกเหมือนเดิม ผู้เล่าเลยต้องรีบกล่าวดึงความสนใจของเด็กสมาธิสั้นกลับมา
“เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ตอนจบหรอกครับ นอกจากจะถึงเวลานั้นที่เจ้าชายน้อยโตเป็นหนุ่มซึ่งต่อให้ถึงเวลานั้นจริงๆแม้แต่ตัวเจ้าชายเองก็คงยังให้คำตอบกับพวกเราไม่ได้”
นัยน์ตาสีทองกลมแป๋วของเด็กคนนั้นมองชายหนุ่มผมเงินด้วยใบหน้าน่ารักแบบเอ๋อๆงงๆก่อนจะเลิกสนใจเรื่องเล่าของพระอาจารย์แล้วกลับไปซุกตัวนอนในผ้าห่มอย่างขี้เกียจเรียนต่อ เพื่อนตัวโตกว่าของเจ้าตัวเล็กเลยดึงผ้าห่มเรียกให้สนใจเรียน แต่คนโดนแย้งผ้าห่มกลับใช้ไม้ตายร้องไห้จ้าให้เพื่อนแต่เกิดต้องรีบโอ๋ก่อนน้ำท้วมฮาโลกิ
นัยน์สีหมอกของผู้สูงวัยกว่ามองเด็กเล็กทั้งสองที่น่าจะเปลี่ยนตัวกันตอนอยู่ในผลพีเยร่า แต่ต่อให้คิดเหตุผลให้ทั้งสองสลับฐานะกันอย่างไร ความจริงก็เป็นความจริง
ชายหนุ่มผู้เฝ้ามองการเติบโตของเด็กที่ภายนอกดูอ่อนแอเอาแต่ใจลอบถอนหายใจเบาๆแล้วพำพึมกับตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า
“หน้าที่ของข้าคือเพียงนำทาง นิทานเรื่องนี้จะจบอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวของเจ้าชายเองว่าจะเลือกเป็นแบบนี้ต่อไป หรือจะเปลี่ยนตัวเองตามความหวังของทุกคน”
e†g
แม้ฮาโลกิจะอยู่ห่างไกลแสนไกลโลกจนไม่มีวันจะมองเห็นแม้แต่จะเป็นเพียงจุดเล็กๆได้ แต่หลายสิ่งหลายอย่างในฮาโลกิกับโลกช่างคล้ายกันอย่างน่าประหลาดจนมีความเชื่อกันว่าพระเจ้าผู้สร้างโลกกับฮาโลกิอาจเป็นพระองค์เดียวกัน หรือแม้แต่ว่าบรรพบุรุษของมนุษย์ฮาโลกิก็อาจเป็นมนุษย์ที่มาจากดาวเคาระห์สีน้ำเงินก็เป็นได้ ยิ่งกว่านั้นการหมุนรอบตัวเองและโซเลที่เป็นดาวฤกษเหมือนดวงอาทิตย์ในระบบสุริยะของฮาโลกิยังใช้เวลาเท่าโลกราวเป็นโลกคู่ขนาน
ดังนั้นทุกคนจึงมีเวลาเท่ากันคือ 1นาทีมี60วินาที 1 ชั่วโมง มี 60 นาที 1 วัน มี 24 ชั่วโมง
1 ปี มี 365 วัน 10 ปี มี 5256000 นาที แต่มนุษย์แต่ละคนกลับใช้เวลาไม่เท่ากัน
บางคนก็พยายามใช้เวลาทุกนาทีทำในสิ่งที่คิดว่าคุ้มค่าที่สุด
บางคนก็พยายามที่จะใช้เวลาทุกนาทีอยู่กับคนที่รัก
บางคนก็ปล่อยให้ทุกนาทีผ่านไปอย่างเรื่อยเปื่อยไม่เคยคิดเห็นค่าของมัน
และบางคนก็ต้องทุกข์ทรมารกับทุกนาทีที่แสนยาวนาน
แต่ไม่ว่าจะต้องการให้มันผ่านไปเร็วๆ หรือต้องการให้เข็มของนาฬิกาเดินช้าลง เวลาก็ยังคงเดินต่อไปไม่เคยหยุดไม่เคยเร่งไม่ว่าเราจะมองดูมันด้วยมุมมองแบบไหน
เมื่อถึงเวลาไม่ว่าใครก็ไม่อาจหลีกเหลีงเวลานั้นของตัวเองไปได้ดั่งเช่นที่มนุษย์ธรรมดาๆอย่างเราไม่อาจห้ามให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกได้
แต่หากไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาล่ะ?
มันก็ไม่แน่!
แสงแรกของเช้าวันใหม่เป็นนาฬิกาปลุกอย่างดีที่ทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตไม่ขี้เซาทั้งหลายรู้ตัวว่าได้เวลาต้องตื่นจากการหลับไหลออกมาทำมาหากินได้แล้ว ทั้งยังเป็นเพลงกล่อมให้กับพวกค้างคาวนกเค้าแมวได้บินกลับรังไปพักผ่อนหลังจากที่ออกเที่ยวเริงร่ายามราตรี
เช่นเดียวกับพวกที่ออกแรงใส่กันอย่างหนักหน่วงมาตลอดคืน
ขนรุงรังสีดำชุ้มเลือดสีแดงฉานเริ่มหดหายไปเมื่อจันทร์ได้ลับหายไปจากขอบฟ้า ร่างที่สูงใหญ่กว่าสองเมตรค่อยๆหดเล็กลงเช่นเดียวกับใบหน้าที่เหมือนหมาป่าเริ่มกลับมาเป็นมนุษย์ด้วยอาการคุ้มคลั่งสับสนไม่หาย สองมือที่ยังคงมีเล็บแหลมคมดั่งสัตว์ป่ายกขึ้นปกปิดหน้าตาที่แท้จริง ก่อนวิ่งผ่านผู้ที่พึงสู้กันเลือดสาดทั้งคืนหนีหายเข้าไปในป่าลึกทิ้งชายหนุ่มคนนั้นให้เพียงมองตามนิ่งๆ
นัยน์ตาสีเดียวกับคราบเลือดที่สาดเลอะเสื้อผ้าที่สวมใส่ละสายตาจากทางที่มนุษย์หมาป่าหนีไปหันกลับไปมองพระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นระหว่างภูเขาสองลูกเหมือนภาพวิวที่เด็กๆชอบวาด ซึ่งเมื่อราตรีลาจากไปนั้นหมายถึงเวลาที่เขาต้องไปเช่นกัน นัยน์ตาสีโลหิตถูกซ่อนหลังเปลือกตาเมื่อแสงแดดส่องกระทบใบหน้าคมคาย
สายลมเย็นสบายพัดหมุนรอบกายร่างสูงและหมุนแรงขึ้นราวพายุขนาดเล็กหมุนอยู่รอบตัวชายหนุ่ม เส้นผมสีแดงเพลิงยาวถึงอกสะบัดไปมาตามแรงลมค่อยๆสั้นลงถึงบะบ่าและเปลี่ยนเป็นสีฟ้าเข้ม ความหล่อเหลาแบบลูกผู้ชายก็ค่อยๆอ่อนลงจนใบหน้าออกสวยหวานเหมือนหนุ่มจ้าวสำอาง ทั้งสัดส่วนรูปร่างก็ค่อยๆเปลี่ยนไปราวกับอีกคนที่มีหน้าตาคล้ายกันแต่กลับให้ความรู้สึกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เปลือกตาที่ตอนนี้ประดับไปด้วยแพขนตางอนยาวค่อยๆเผยให้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าเข้มราวท้องฟ้าก่อนฝนตกที่แม้ดูเหงาเศร้าๆก็ดูเด็ดเดียวและเข็มแข็งงามไม่แพ้มณีใดๆ
เด็กหนุ่มคนนั้นทอดมองไปรอบตัวเหมือนกำลังสำรวจดูว่าตนอยู่ที่ใดก่อนจะเริ่มสำรวจตัวเอง แล้วก็ต้องขมวดคิ้วแน่นทันทีเมื่อพบสิ่งผิดปกติ
“พี่เฮโลวิสทำชุดเลอะอีกแล้วนะ ข้าล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมท่านพี่ถึงขยันทำเลอะนักทั้งๆที่ก็รู้อยู่ว่าชุดที่ท่านพี่ไม่ทำไหม้หรือทำขาดน่ะไม่เหลือจะให้ใส่กันแล้ว”
หากคนอื่นมาเห็นอาจคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้สติไม่ดีหรือไม่ก็ประสาทหลอนถึงได้บ่นราวกำลังพูดกับใครบางคนทั้งๆที่ยืนอยู่กลางป่าคนเดียว
ไม่แปลกที่คนอื่นจะคิดอย่างนั้นในเมื่ออีกเสียงที่ตอบกลับมานั้นมีเพียงเขาเท่านั้นที่ได้ยิน
“ก็ใครใช้ให้เจ้าหมานั่นมาโจมตีพี่ก่อนเล่า พี่ก็ต้องป้องกันตัวบ้างสิ แล้วอีกอย่างเลือดนี้ของมันทั้งนั้นแหละไม่ใช่ของพี่”
คนที่ได้ฉายา‘จอมทำเลอะ’จาก‘คนเก็บกวาด’โยนความผิดไปให้ตัวที่ไม่ได้อยู่ที่นี้เสียดื้อๆ ทำให้คนพึ่งตื่นที่พยายามไม่คิดเอาเรื่องเจ้าของเสียงนั้นกลับยิ่งอารมณ์ไม่ดี
นัยน์ตาสีฟ้าครึ้มจ้องมองความเสียหายไปทั่วแล้วกล่าวประชดเสียงเรียบ“ป้องกันตัว..”
นิ้วเรียวบางชี้กราดไปยังรอยดาบฟัน รอยกรงเล็บ รอยระเบิด รอยไหม้จากเปลวไฟใกล้ดับตามพื้นหิมะและต้นไม้ทั่วบริเวณ ก่อนปลายนิ้วชี้จะมาหยุดที่ดาบใหญ่สีนิลที่มีที่กั้นทรงปีกค้างคาวในมือซ้ายสลับกับจ้องชายเสื้อตนที่ไหม้กรอบตาเขม็ง
เส้นขมับเต้นตุบๆแต่อีกฝ่ายยังปิดปากเงียบเลยอดขึ้นเสียงด้วยความโมโหไม่ได้
“ถ้าพี่เฮโลวิสป้องกันตัวจริง คงไม่เรียก ‘เพลิงอเวจี’ ออกมาฟาดฟันให้ฮาโลกิมันร้อนขึ้นจนทำชายเสื้อข้าไหม้ไปด้วยแบบนี้หรอกนะ!”
หลักฐานคามือกับน้ำเสียงเอาเรื่องของผู้สอบสวนขี้วีนทำให้จำเลยต้องจำนงต่อทุกข้อกล่าวหาแต่โดยดี
เสียงพี่เฮโลวิสถอนหายใจดังขึ้นในหัวคนกำลังของขึ้นอีกรอบตามมาด้วยคำพูดอย่างเหมือนสำนึก
“ก็ได้พี่ผิดเอง ฝีมือเจ้าหมานั้นมันก็ไม่ใช่ย่อยเหมือนกัน พี่เลยเผลอเอาจริงกับมันไปหน่อย วีเนสย่า เราอย่างอนกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยน่า”
“พี่เฮโลวิส!”คนงอนเรื่องไร้สาระหันขวับไปส่งสายตาเอาเรื่องใส่พี่ชายตัวดีที่มองการมีเลือดเต็มตัวเป็นเรื่องปกติอย่างลืมตัว
จึงพบว่าร่างของคนที่อยู่เคียงข้างเสมอนั้นไม่ได้อยู่ข้างกายตนเหมือนเมื่อก่อนจนใจหาย ความเป็นจริงตรงหน้าทำให้หัวใจที่แสร้งเข้มแข็งของคนที่กี่ปีกี่ปีก็ยังทำใจไม่ได้ซะทีสั่นคลอน
มือขาวยกขึ้นลูบต่างหูรูปดาบกางเขนตรงหูซ้ายอย่างเคยตัว มันเป็นของสิ่งเดียวที่ใช้แทนตัวเจ้าของต่างหูอีกข้าง แม้สัมผัสเงินจะเย็นเฉียบแต่ยังคงอบอุ่นเหมือนเจ้าของเก่าที่ตอนนี้ไม่อาจได้รับความอบอุ่นนั้นเหมือนวันวานได้อีก
คนข้างในรับรู้ถึงความเงียบผิดปกติของคนชอบวีนที่คงลืมโมโหเขาแล้ว เลยหยุดแหย่น้องเล่น แล้วปล่อยให้สายลมปลอบโยนแทนตนที่ไม่สามารถสัมผัสร่างน้องได้
วีเนสย่าจำไม่ได้ว่าเมื่อสี่ปีก่อนเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ตนกับแฝดพี่ต้องมาใช้ชีวิตร่วมวิญญาณในร่างเดียวกันคนละเวลาเช่นนี้ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าลงมาโลกมนุษย์ได้อย่างไง คล้ายความทรงจำในช่วงเวลานั้นหายไป ท่านพี่เองก็บอกจำเรื่องวันนั้นไม่ได้เช่นกัน
เขาจึงรู้เพียงว่าสิ่งที่เขาต้องทำคือการหาทางให้เขากับพี่ชายกลับมาเป็นอย่างเดิม
แต่มันไม่ง่ายเลย...
นี้ก็ผ่านมาได้สองปีแล้วที่เขากับท่านพี่เดินทางอย่างไร้จุดหมายอยู่นาน
จนในที่สุดก็ได้คำแนะนำให้มาหาคนคนหนึ่งที่อาจจะชี้หนทางแก่พวกเขาได้
แม้หนทางที่ว่าอาจไม่มี... แต่ก็ไม่เสียที่จะลองหา
เด็กหนุ่มผมฟ้ายืนคิดอย่างเมอลอยโดยไม่รู้เลยว่า‘เพลิงอเวจี’ในมือได้หายไปด้วยฝีมือเจ้าของที่มองไม่เห็น ก่อนจะถูกฉุดขึ้นจากภวังค์ด้วยเสียงห้าวคนชอบหลับตอนเช้า
“อาว~ ถ้าเราไม่บ่นอะไรแล้วพี่นอนก่อนล่ะนะ เมื่อคืนต้องเล่นกะหมาดุทั้งคืน แถมยังโดนน้องบ่นยาวอีก ง่วงซะมัด”
คนไม่ยอมให้พี่ชิงหลับตบหน้าผากตัวเองแรงๆหนึ่งทีด้วยหวังว่าเจ้าคนที่เขาไม่สามารถแตะต้องตรงๆได้จะตาสว่าง แล้วก็ได้ผลเพราะนอกจากเขาจะเจ็บแปปๆยังได้ยินเสียงร้องโอ๊ยในหัวให้สะใจเล่นที่ทำร้ายร่างกายพี่ชายฝาแฝดได้ ดูๆแล้วก็เหมือนบ้าจริง
“อย่าหวังว่าวันนี้ท่านพี่จะได้นอน ตื่นฟังข้าบ่นนี่แหละ วันๆดีแต่หาเรื่องหาราวไม่เคยช่วยกันหาวิธีทำให้เรากลับไปเป็นอย่างเดิมเลย แล้วนี้พี่เฮโลวิสพาข้าออกมานอกเส้นทางอีกแล้วใช่ไหมเนี้ย ถ้าพามาห่างจากที่เมื่อวานข้าเดินมาห้าร้อยลี้นะข้าจะเอาเพลิงอเวจีของท่านพี่ทิ้งลงแม่น้ำแถวนี้ให้สนิมกินซะเลย”
พอขู่พี่ชายเสร็จมือขาวเนียนก็หยิบกาเย่สมุดเวทที่บอกตำแหน่งที่ตั้งต่างแผนที่‘ฮาโลกิ’อย่างละเอียดในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูตำแหน่งที่ตนอยู่ปัจจุบัน หากแต่สัมผัสหยาบๆและขนาดรูปร่างที่ต่างจากเดิมมากก็ทำให้คิ้วที่ผูกแน่นอยู่แล้วยิ่งแน่นเข้าไปใหญ่
“พี่เฮโลวิส..”
“อืม”
“ใครทำให้กาเย่เป็นแบบนี้”
“เจ้าหมาตัวเมื่อกี้”
“หรอ.. ”
“อืม”
“แล้วหมาที่ท่านพี่ฟัสกับมันเมื่อคืนพ่นไฟออกจากปากจนเผากาเย่ซะเกรียมแบบนี้ได้ด้วยสินะ”
“อืม”
“ไม่ต้องมาแถเสียงเรียบเลย...! พี่เฮโลวิสทำกาเย่ไหม้แบบนี้แล้วเราจะไปที่นั้นถูกได้อย่างไง ข้าอยากจะให้เรากลับไปเป็นอย่างเดิมจะแย่อยู่แล้ว ท่านพี่ไม่ช่วยยังทำให้ล่าช้าอีก โอ๊ย..ตายซะเถอะ..!”
คนฉุนจัดลงมือบีบคอตัวเองปลิดชีพคนดีแต่สร้างเรื่องกับหาเรื่องให้คอยอยากจะบ้าตาย ซึ่งก่อนที่คนข้างในจะตาย ตัวเองนั้นแหละจะตายซะก่อน บ้าชัดๆ
“ใจเย็นก่อนใจเย็น ทุกปัญหามีทางออก พี่ว่าถ้าเราเดินไปตามธารน้ำนั้นเราคงจะเจอเมืองเรเฟโอไนท์แล้วล่ะ หยุดทำร้ายพี่แล้วรีบไปกันเถอะ เราจะได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่เปลี่ยนเร็วๆด้วยไง”
นัยน์ตาสีฟ้ามองตาม‘ธารน้ำนั้น’ที่แข็งจนเป็นน้ำแข็งเบื้องหน้าที่ทอดยาวเข้าไปในป่าด้านนอกและอาจเป็นสายน้ำหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนในเมืองอันห่างไกลที่ทำให้เขาต้องขอให้เพื่อนแสนดีคนนึ่งร่ายเวทมายาใส่ตัวเพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาทีหลังเมื่อไปถึงที่นั้น
แม้จะรู้ว่าแฝดพี่บอกด้วยหวังดี แต่คนที่คนอื่นเห็นเป็นผู้ชายด้วยเวทย์พรางตากลับรู้สึกตงิดใจกับประโยคท่อนหลังของคนที่ไม่น่าไว้ใจที่สุด
“พี่เฮโลวิสคิดว่าถ้าข้าได้เสื้อผ้าใหม่แล้วจะลบล้างเรื่องที่ท่านพี่ทำไว้ได้หรอ!”
“อย่าเข้าใจพี่ผิดสิวีเนสย่า พี่ก็แค่อยากให้เรามีเสื้อผ้าใหม่เปลี่ยนเท่านั้นเอง”
“ไม่ต้องทำเป็นพูดดี อย่างไงข้าก็ไม่มีทางยกโทษเรื่องที่ท่านพี่ทำไว้ง่ายๆได้หรอก”
“....”แล้วเฮโลวิสก็ต้องเงียบและคาดโทษตัวเองที่หวังดีแบบไม่ถูกใจน้องรักเพราะเสียงเทศน์เกี่ยวกับเรื่องการใช้เงิน การรักษาความสะอาด ความยากลำบากในการซักคาบเลือดออกในฤดูหนาวและอีกฯลฯที่วีเนสย่าบ่นดังไม่หยุดจนคนชอบหลับในตอนตะวันขึ้นไม่เป็นอันหลับ
เลยได้แต่แอบหวังลึกๆว่าให้สักวันมีคนมาโดนน้องสาวสุดที่รักของเขาบ่นด้วยรักแทน
e†g
“ช่วย...ด้วย...ข้า...ว่ายน้ำ...ไม่เป็น..”
เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังมาจากเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังจมน้ำ เขาพยายามร้องขอความช่วยเหลือสุดเสียง
หากแต่ไร้วี่แววของใครที่จะมาได้ยินในทะเลสาปกลางป่าอันห่างไกลผู้คน
“ใครก็ได้...ช่วย...ข้า...ด้ว..ย”
ทุกครั้งที่เขาอ้าปากน้ำในทะเลสาบก็จะไหลเข้าปากจนทำให้สำลัก สองแขนขาพยายามตะกรีดตะกายให้พ้นผิวน้ำอย่างผิดวิธีซึ่งนอกจากจะทำให้ไม่สามารถว่ายขึ้นฝั่งได้แล้วมันยังยิ่งทำให้หมดแรงเร็วขึ้นมากเท่านั้น ความเหนื่อยล้ากับความเย็นยะเยือกของสายน้ำฤดูหนาวที่แทบเป็นน้ำแข็งกำลังกลืนกินกำลังและบั่นทอนความหวังอันน้อยนิดที่จะได้รอดชีวิตของผู้ดิ้นรน สองตาพร่ามัว สติเริ่มขาดหาย หมดเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนต่อ ร่างของเด็กชายค่อยๆจมลงสู่ข้างใต้
แสงสว่างอยู่ห่างไปเรื่อยๆ มือน้อยพยายามไขว้คว้าหาอากาศหายใจที่ใกล้หมดลงด้วยแรงเฮือกสุดท้ายอย่างอ่อนแรง ภาพทุกอย่างค่อยๆมืดลง ในหัวสมองตอนนี้มีแต่หวังให้หลุดพ้นความทรมารจากการขาดหายใจนี้ไปเร็วๆ แม้หนทางที่ทำให้หลุดพ้นเป็นนิทราตลอดกาลก็ยอม
แต่ก่อนที่จะเป็นเช่นนั้น นัยน์ตาสีทองมนมองเห็นท้องฟ้าบนผิวน้ำแตกกระจายด้วยแรงของร่างที่พุ่งลงมาจากที่สูง มือนึ่งยื่นมาจับมือเขาไว้และพยายามฉุดขึ้นไปจากความมืดเบื้องล่าง
ดวงตาที่ใกล้ปิดลงไม่อาจมองเห็นใบหน้าที่เข้ามาใกล้ได้ชัดเจน ที่พอเห็นติดตาและคิดว่าคงไม่มีวันลืมได้ก็คือ ปีกนกสีขาวบริสุทธิ์ กับ ปีกค้างคาวสีดำทมิฬ ปีกต่างขั้วที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ด้วยกันได้เหมือนฝันไป คล้ายเทพบนสวรรค์กับมารในนรกตามในเทพนิยายต่างมาแย่งกันรับวิญญาณของเขาไป
แต่ไม่นานก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่นๆที่ริมฝีปากกับลมหายใจที่รั่งให้วิญญาณเขายังไม่ต้องไปไหนและเจ้าของปีกคู่ที่เขาเห็นนั้นนั่นคือผู้มีพระคุณที่เขาขอให้พันธสัญญาด้วยชีวิตว่าจะปกป้องปีกคู่นี้จนกว่าจะหมดลมหายใจ
และหากเขาเผลอลืมผู้มีพระคุณเมื่อใดแล้วล่ะก็เขาก็ไม่สมควรเป็นลูกผู้ชายอีก
e†g
“ตื่นเถอะพะย่ะค่ะเจ้าชาย”
อา..
“เจ้าชายตื่นเถอะพะย่ะค่ะ”
เดี๋ยวก่อนน่า...
“เลยเวลาต้องตื่นบรรทมมามากแล้วนะพะย่ะค่ะ”
ช่างมัน...
“เจ้าชาย... เจ้าชายเรฟราชีล”
อย่ามากวนจะได้มั้ย เดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะเลยเนี้ย!
แม้เวลานี้จะย่างเข้าสายกว่าๆแล้ว แต่ร่างหนึ่งที่ซุกตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนาบนเตียงอันแสนหรูในห้องบรรทมก็ยังไม่ยอมตื่นเสียที สร้างความลำบากใจให้แก่ผู้ดูแลใหม่ทั้งสองคนที่พึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นคนปลุกเจ้าชายที่เรียกเท่าไหร่เท่าไหร่ก็ไม่ตื่นเป็นอย่างมาก
สีหน้าของคนจนปัญญาในการปลุกวิบากซีดลงเมื่อมองนาฬิกาที่อีกไม่นานก็ถึงเส้นตาย
“เจ้าชายเรฟราชีลตื่นเถอะพะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มร่างใหญ่ปลุกคนที่นอนน้ำลายไหลอยู่บนเตียงอย่างพยายามข่มอามรณ์พลางเขย่าร่างนั้นเบาๆ แต่ร่างนั้นก็ไม่ยอมตื่นสักที จึงเพิ่มแรงเขย่ามากขึ้นจนหัวคนโดนเขย่าแทบหลุด แต่เจ้าตัวก็ยังคงหลับสนิก จนเขาต้องยอมหยุดเขย่าต่อด้วยกลัวจะห้ามใจตัวเองไว้ไม่ให้เผลอเขย่าจนหัวคนขี้เซาหลุดต่อกลับเหมือนเดิมไม่ได้
“ถ้าเจ้าชายยังไม่ตื่นอีก มีหวังเราตกงานตั้งแต่วันแรกแน่เทส”
ชายหนุ่มอายุยี่สิบสามเท่ากันแต่ดูทุกอย่างตรงข้ามพูดขึ้นอย่างวิตกพลางกัดเล็บ ส่วนอีกคนที่ชื่อเทสก็ยังพยายามหาวิธีปลุกเจ้าชายจอมขี้เกียจสุดความสามารถ
นัยน์ตาสีเงาของหนุ่มผมดำมองเจ้าหนุ่มอายุน้อยกว่าตัวเองหกปีแต่ศักดิ์สูงจนตบกะโหลกไม่ได้อย่างครุ่นคิด
เขาปลุกเด็กหนุ่มคนนี้มากว่าชั่วโมงแล้ว แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะกลับจากการเข้าเฝ้ามหาเทพโซเลแม้แต่น้อย แล้วจะให้เขาปลุกอย่างไงอีกล่ะ เรียกก็แล้ว เขย่าก็แล้ว เหลือแต่ยังไม่ได้หาอะไรแข็งๆมาฟาดกบากคนหลับลึกแรงๆสักทีซึ่งอาจได้ฝันหวานต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ต้องลุกขึ้นมากินอะไรได้อีกเลยก็ได้..
“ได้เวลาเสวยอาหารเช้าแล้วพะย่ะค่ะเจ้าชายเรฟราชีล วันนี้มีข้าวผัดไส้กรอกแฮมบาโรน่าของโปรดพระองค์ด้วยนะพะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มเอาของกินมาล่อหวังให้ผู้ที่ข่าววงในว่าเห็นแต่กินกับนอนให้ลุกขึ้นมา
เกิดความเคลื่อนไหวขึ้นที่ร่างสูงบนเตียง แม้เทสจะปล่อยมือแล้วก็ตาม สร้างความลุ้นระทึกกับคนทั้งสองเป็นอย่างมากดั่งตอนลุ้นเปิดอ่านตำแหน่งใหม่ที่จะได้รับ
แต่...
ร่างนั้นก็แค่พลิกตัวเปลี่ยนท่านอนเฉยๆ
คนข้างๆหนุ่มร่างใหญ่ล้มทั้งยืน
นัยน์ตาสีซีดหันกลับไปจ้องมองเข็มนาฬิการาวอีกนาทีโลกจะแตกก่อนกล่าวขึ้นลอยๆอย่างวิกตกังวลจัด
“แบบนี้มีหวังข้าต้องกลับไปเลี้ยงม้าในคอกหลวงแหง ส่วนเจ้าก็ต้องกลับไปเป็นองครักษ์รา..”แต่ยังไม่ทันได้แช่งจบ เสียงดุโหดๆก็ดังขัดซะก่อน
“เงียบไปเลยเบส ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้าคิดวิธีปลุกเจ้าชาย ก็หุบปากเน่าๆของเจ้าซะ ก่อนที่ข้าจะปิดปากอัปมงคลของเจ้าถาวร”เจ้าของ‘ปากอับมงคล’จึงยอมเงียบแต่โดยดี
เทสหันกลับมามองร่างที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างเซงจิต
ไม่รู้ท่านเสนาคาฟัสคิดอย่างไงถึงได้ทูลเสนอย้ายเขามาทำงานจุ่มจิ่มราวเด็กเล่นขายของแบบนี้ สำหรับเขาแล้วให้ไปบุกน้ำลุยไฟยังง่ายกว่าการดูแลเจ้าชายขี้เกียจนี้เยอะ
ความคิดนึงปรากฏขึ้นในหัวชายหนุ่ม
แม้จะเป็นการกระทำที่น่าอาย แต่เพื่อหน้าที่สำคัญที่ได้รับมอบหมายจากเหนือหัว
ต่อให้ต้องแก้ผ้าวิ่งรอบปราสาทเพื่อปลุกเจ้าชายก็ต้องยอมอายว่ะ
“ไฟไหม้...! ไฟไหม้ราชวังแล้ว...! เสด็จเร็วพะย่ะค่ะ ไฟไหม้...! ไฟไหม้รามมาทางอุทยานแล้ว!”
หนุ่มร่างใหญ่ร้องลั่นพรางวิ่งไปรอบๆเตียงที่เจ้าชายนอนอยู่อย่างกับกำลังวิ่งหนีไฟไหม้จริงๆโดยที่ไฟยังไม่ไหม้ พลอยทำให้อดีตคนเลี้ยงม้าตกใจจนเผลอปากเมื่อเห็นอาการอดีตองครักษ์ราชันที่อายุน้อยที่สุดคล้ายเสียสติไปแล้ว
“ไอ้บ้าพูดซี้ซั้วเดียวก็หัวขะ..”แต่ก็ต้องรีบเอามือปิดปากแทบไม่ทันเมื่อ‘ไอ้บ้า’ที่เผลอเรียกหันมาส่งจิตสังหารโหดอำมหิตมาให้ ก่อนนัยน์ตาสีทมิฬนั้นจะหันไปมองดูผลงานแทน
ร่างที่นอนอยู่... ก็ยังนอนอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
คนแสดงจึงคิดว่าอาจจะยังดูไม่สมจริง เลยเรียกเตาเผาถ่านมาเผากระดาษให้เกิดควันขึ้นในห้อง ร้อนจนกลายเป็นห้องอบรมควันชวนน้ำหูน้ำตาไหลสำลักควันไอแฮกๆกันราวไฟไหม้จริงๆ แต่มุขนี้เพียงแค่คนบนเตียงละเมอคลุมโป่งไม่รับอากาศหายใจก็คล่อกฟี๊ต่อได้ชวนเตะ
ทำให้คนที่ไม่รู้จะใช้วิธีไหนปลุกอีกได้ยอมแพ้ รีบรูดผ้าม่านหนาทึบสีเย็นเปิดหน้าต่างทุกบานระบายควันออก แล้วนั่งนิ่งรอรับซะตากรรมอันเลวร้ายที่จะเกิดขึ้นตามลูกน้องที่มาตบไหล่ให้กำลังใจทั้งที่ตัวเองน่าห่วงกว่าว่าจะวิตกจริตจนเป็นลมไปซะก่อน
แปะ แปะ แปะ
เสียงตบมือดังขึ้นจากทางประตูห้องเรียกให้สองคนที่กำลังนั่งท้อเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจกับฉงน
“ท่านคือ ท่าน เทส เทซัส หัวหน้าผู้ดูแลเจ้าชายคนใหม่สินะ ความพยายามของท่านข้ารู้สึกชื่นชมจริงๆ”
เสียงนั้นดังมาจากเด็กหนุ่มตัวสูงที่ยืนพิงประตูห้องอย่างสบายๆ โดยที่ไม่มีใครได้รู้เลยว่าเจ้าตัวมายืนดูพวกเขาทำงามหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่
เจ้าของชื่อมองผู้เอ่ยปากชมตนด้วยสายตาอึ้งๆแต่ก็กลับมาเป็นปกติเมื่อนึกถึงแบล็คหลังของเจ้าตัว ขณะที่เบสเผลออุทานออกมาเสียงดังอย่างตกใจแทบหงายหลัง
“ทะ..ท่านองครักษ์รัชทายาท ไควูฟัส วูฟไมรอส! ทะ..ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่ขอรับ”
“ก็ทันดูอะไรสนุกๆอ่ะนะ แล้วก็ ตำแหน่งของข้าไม่ควรเปิดเผยนะท่านเบส เบอบาส ท่านรองผู้ดูแลเจ้าชายคนใหม่และคนเดียวในสังกัดของหัวหน้าผู้ดูแลเจ้าชาย”
เด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดแต่ต้องรับผิดชอบตำแหน่งที่ถ้าพลาดอาจหมายถึงชีวิตของเขากับบุคคลสำคัญแห่งแผ่นดินแสงดาวตกเตือนคนปากสว่างด้วยยิ้มแสนดูดีชวนเคลิ้ม มือหนาบัดเส้นผมสีเขียวสอยทรงปกปิดใบหน้าคมคายฝั่งขวามิดให้เห็นนัยน์ตาสีมรกตข้างซ้ายมีแววนึกสนุกฉายอยู่แต่กลับน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูกซะจนเบสเผลอถอยไปหลบหลังเทสโดยไม่รู้ตัว
ร่างสูงโปร่งกือบสองเมตรแบบที่หาได้เพียงสองคนในเรเฟโอไนท์เดินผ่านคนทั้งสองไปยังเตียงหรูที่ตั้งอยู่มุมห้อง นัยน์ตาสีมรกตที่เห็นเพียงข้างซ้ายมองร่างที่ยังนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายจัดแล้วส่ายหน้าเบาๆ ก่อนหันไปยักไหล่กับคนมาใหม่ทั้งสอง
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครกล้าหาญไม่กลัวตายเสี่ยงมาทำหน้าที่นี้อีก ก็อย่างที่รู้ๆกัน หน้าที่ดูแลเจ้าชายของเรานี้ใครๆก็ต่างโบกมือลา ถึงแม้เงินเดือนดียิ่งกว่าข้าเสียอีก แต่ด้วยความขี้เกียจขั้นเทพของเจ้าชายที่เป็นที่กล่าวขวัญถึงมันเป็นอุปสรรคใหญ่ที่ทำเอาคนเก่าๆเก็บกดอยากฆ่าตัวตายประชดชีวิตเสียให้รู้แล้วรู้รอดมานักต่อนัก สภาพแต่ละคนในสังกัดนี้ ไม่ปางตายก็เหมือนศพเดินได้ ดูไม่ได้ซะราย”
‘คนกล้าหาญไม่กลัวตาย’หมดแรงเข่าอ่อนตั้งแต่ยังไม่ทันทำอะไรจนล้มทั้งยืนอีก แต่ยังโชคดีหรือโชคร้ายไม่รู้ที่หัวหน้าผู้ดูแลเจ้าชายรับตัวไว้ได้ก่อนหัวฟาดพื้นด้วยยังไม่ยอมให้เจ้าตัวได้ไปสบายก่อน
เป็นภาพที่ไควูฟัสเห็นแล้วหัวเราะให้กับความสำเร็จของแผนรับน้องสยองขวัญ ก่อนโบกมือเรียกให้คนจะเป็นจะตายฟังให้ใจชื่นราวได้ดมยาดมของหมอเทวดา
“เห็นแก่ความพยายามของท่านหัวหน้าผู้ดูแลเจ้าชายคนใหม่เมื่อครู่ ข้าจะแนะอะไรดีๆให้ฟัง ถ้าพวกท่านจับหลักได้หน้าที่นี้ก็ทำได้สบายๆอย่างกับเป็นเลี้ยงเด็ก แต่อาจเป็นเด็กโข่งมากไปเสียหน่อยเท่านั้นเอง อย่างเช่นการปลุกเจ้าชายให้ตื่น”
นัยน์ตาสีมรกตเปรยไปทางคนหลับลึก ทำเสียงจุๆพรางกระดิกนิ้วชี้ไปมาก่อนบอกว่า“ในเมื่อเขาไม่เกรงใจเรา เราก็ไม่ต้องเกรงใจเขา ปลุกให้เต็มที ไม่ต้องปราณี”
คทาหยกฝังมรกตปรากฏขึ้นในมือคนสอนทริกพร้อมกับเริ่มส่องแสงสีเขียวที่ให้ความรู้สึกสยองพิลึก
และโดยที่ยังไม่ทันที่ใครจะได้ตั้งตัว ความร้อนไร้ที่มาก็ระอุขึ้นในห้องอย่างรวดเร็วทั้งๆที่อยู่ในช่วงปลายฤดูหนาว
เทสกับเบสเหงื่อแตกมองคนที่นอนห่มผ้าหนาอยู่บนเตียงอย่างสงสารด้วยเกรงว่าคราวหน้าหากเจ้าตัวไม่ยอมตื่นดีๆ พวกตนคงต้องหาญกล้าเสี่ยงคุกตะรางย่างสดเจ้าชายเพื่อปลุกดูบ้าง
คนใต้ผ้าห่มเริ่มรู้สึกถึงอณุภูมิในร่างกายที่ร้อนร้อนขึ้นอย่างรวดเร็วจนราวกับเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายกำลังถึงจุดเดือด
ร่างของเด็กหนุ่มที่เคยนอนหลับอย่างสงบดิ้นไปดิ้นมาอย่างแรง ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อร้อนๆที่ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังโดนต้มในน้ำเดือดจนเผลอละเมออย่างอึกอัก
“ขอ.. น้ำ... ขอน้ำเย็นๆหน่อย”
ซ่า~ ตุบ! ตามคำขอน้ำถังหนึ่งปรากฏขึ้นสาดเข้าเต็มหน้าผู้ขอจนทั้งตัวทั้งเตียงเปียกไปหมดทำให้ร่างสูงที่สะดุ้งตื่นอย่างแรงกลิ่งตกเตียง
มือเรียวยาวของคนโดนน้ำเย็นสาดปลุกงัวเงียบัดเส้นผมสีทองยาวถึงเอวของตัวเองที่ได้ฤกษ์สระผมหลังจากหมกไว้หลายเดือนออกจากหน้าอย่างครึ่งหลับครึ่งตื่น แล้วยันตัวลุกออกจากกองผ้าห่มเปียกๆอย่างเกียจคร้าน
ฟู่~ ความร้อนราวนรกแตกเมื่อกี้หายไปหมดสิ้นเหลือเพียงความหนาวเย็นยะเยือกของสายลมหนาวทางหน้าต่างห้องนอนที่ถูกเปิดออกกว้างๆโดยมีแสงสีเขียวจากคทาหยกฝั่งมรกตในมือยอดองค์รักษ์ดีเด่นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอย่างเปิดเผยแถมมันยังมีหน้าส่งคำถามชวนตายมาอีก
“สายสวัสดิ์เจ้าชาย ไม่ทราบน้ำเย็นชื้นใจพอมั้ย”
“อยากรู้ก็ลองให้คนอื่นเอาน้ำสาดหน้าเจ้าในฤดูหนาวจัดแบบนี้บ้างสิ”
เด็กหนุ่มผมยาวว่าอย่างฉุนๆร่างสูงของเจ้าตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าด้วยความหนาวที่องครักษ์เพื่อนรักจอมกวนช่วยคลายร้อนให้เกินจำเป็น
“โอ้ น่าเสียดายจัง ข้ามันดันเป็นคนชอบตื่นเองโดยไม่ต้องให้ใครมาปลุกแล้วปลุกอีกแบบเจ้าซะด้วยสิ”
แทนที่จะสำนึกในการกระทำอันเกินเหตุกับเจ้านาย ไควูฟัสกลับแกล้งทำหน้าเสียดายเหลือเกินจนโอเวอร์แต่ไม่วายที่จะแขวะคนตื่นยากทิ้งทาย
นัยน์ตาสีทองมนที่เหมือนจะปิดลงอีกครั้งจึงถลนด้วยความฉุน
“ถ้าเจ้าเสียดายนักก็ไปกระโดดน้ำตายเลยไป๊ ข้าจะนอนอย่ามายุ่ง!”
ไม่ว่าเปล่าเจ้าชายผมทองก็ลงทุนล้มตัวนอนบนพรมหน้าตาเฉย โดยไม่สนฝุ่นและเศษขยะตามพื้นที่ตนโยนทิ้งอย่างมักง่ายไว้เลย ทำเอาคนมาใหม่สองคนทำหน้าไม่ถูก
“อ้อ เรื่องนั้นไว้ทีหลังแล้วกัน เจ้ารีบแต่งตัวเถอะเดี่ยวจะสายมากกว่านี้”
แต่แม้นเขาจะลงทุนทำขนาดนี้แล้ว แทนที่จะได้หลับต่อ ราชองครักษ์ผู้ซื่อสัตย์(?)กลับพูดคำขาดโดยไม่สนใจคำทัดท้วนจากคนกำลังโดยกระทำผู้หน้าสงสาร(?)สักนิด
“ไม่เอาข้าไม่อาบน้ำ! ถ้าให้อาบน้ำตอนนี้มีหวังข้าแข็งตายแน่”
เรื่องอะไรเขาต้องยอมอาบน้ำเย็นจัดในฤดูหนาวล่ะ คนไม่ถูกกับการอาบน้ำตอนเช้าสายบ่ายเย็นดึกดึนค่ำคืนรุ่งสางพยายามค้านหัวชนฝาแล้วรีบมุดหนีเข้าไปใต้เตียงอย่างกับแมลงสาบ
ผู้ไม่สนใจว่าศพใต้เตียงจะถูกแช่แข็งแสร้งเอามือเกยหน้าผากส่ายหน้าอย่างละอายกวักมือเรียกพวกผู้ดูแลที่ยังเอาแต่ยืนอึ้งกับกระทำที่น่าประทับใจของเจ้าชายพ่อมดจอมขี้เกียจไม่หาย
เทสที่รู้สึกตัวก่อนมองเพื่อนร่วมงานที่อ้าปากค้างทำหน้าหลุดฮาโลกิแล้วรู้สึกแสนเอือมละอายเจ้าผู้ช่วยคนนี้ยิ่งกว่า ก่อนจะจัดการส่งไปตรงอ่างอาบน้ำในห้องให้ได้สติ คนถูกถีบแทบล้มหัวโข่งอ่างหันไปมองคนถีบเอ๋อๆ คนยังรู้หน้าที่เลยต้องไปแสดงให้ดูโดยการเดินตรงไปยังเตียงหรูที่มีแมลงทองยักษ์หลบอยู่ใต้เตียงก่อนคุกเข่าลงแล้วกล่าวเสียงเรียบใกล้หมดความอดทน
“ประทานอภัยให้ด้วยพระเจ้าค่ะ”
“!?!”
ไม่ทันที่เรฟราชีลจะได้ตั้งตัว ชายหนุ่มร่างใหญ่ก็ยื่นมือแข็งแรงไปฉุดขาเขาลากออกจากใต้เตียงอย่างแรงจนตัวลอย เสื้อผ้าสีขาวเปือกๆเปื้อนๆสกปรกๆจนแทบดำที่เขาใส่ไม่เปลี่ยนมาสิบวันถูกกระชากถอดออกอย่างอุอาจจนคนที่กำลังหนาวสั่นตาเบิกกว้างด้วยไม่เคยมีใครกล้าทำรุนแรงแบบนี้กับตน
แม้คนโดนกระทำจะไม่ชอบใจอย่างแรง แต่การทำงานที่รวดเร็วและเด็ดขาดของอดีตองครักษ์ราชันรุ่นพี่ช่างถูกใจรุ่นน้องอย่างองครักษ์รัชทายาทยิ่งนัก เพราะในขณะที่เขากำลังเดือดร้อน(?)เจ้าเพื่อนทรยศกลับยืนมองด้วยรอยยิ้มชอบใจหน้าตาเฉย
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ข้าไม่อ๊า...”
โดยไม่ทนฟังคำสั่งไร้สาระของเจ้าชายเอาแต่ใจให้จบ เทสก็จัดการจับเด็กหนุ่มโยนลงอ่างน้ำอุ่นที่เพื่อนร่วมงานจัดการเตรียมไว้ด้วยเวทมนต์หลังจากที่คิดว่าต้องทำอะไรอยู่นาน
คนถูกอุ้มโยนลงน้ำโผล่ขึ้นมาสำลักน้ำฟองสบู่ นั่งหอบหายใจ หมดแรงจะต่อต้านต่อเพราะไอ้ชายร่างยักษ์มันมีแรงมากกว่าเขาหลายเท่า เรฟราชีลจึงจำต้องยอมปล่อยให้ผู้ดูแลคนใหม่ทั้งสองมารุมสระผมอาบน้ำขัดขี้ไคเขาไปเสียทุกระเบียบนิ้วจนเจ็บตัวไปหมดอย่างไม่เต็มใจนัก ทำได้แค่ส่งนัยน์ตาสีทองลุกวาวมองพี่ๆทั้งสองที่รุมทำความสะอาดร่างกายเขาอย่างเจ็บใจที่พวกนั้นไม่เชื่อฟังคำสั่งแถมยังทำร้ายเขาปางตาย(?)
แต่เมื่อลองนึกถึงใจเจ้าคนที่ต้องมาตัดเล็บเท้ายาวๆแข็งๆกับเจ้าคนที่ต้องทนแหวะแคะขี้หูเหลืองๆให้เขาแล้วว่าจำต้องทนทำไปตามหน้าที่ เขาเองก็จำต้องยอมยกโทษให้อย่างเสียไม่ได้
แต่...
เด็กหนุ่มในอ่างกัดฟันกรรดเมื่อไอ้คนที่จับเขาลงน้ำเอาหินขัดถูฝ่าเท้าเขาอย่างแรงเพื่อขัดสันเท้าแตกออกอย่างไร้ความปราณีเป็นที่สุด
“ฮ่าๆฮ่าๆ”
แม้จะพยายามกลั้นใจไม่ให้หัวเราะอย่างยากลำบากแต่ไอ้เพื่อนกวนประสาทมันก็ดันหัวเราะเยาะสีหน้ากลั่นกลืนของเขาอย่างไม่ไว้เหน้าแถมมีหน้าพูดติดตลกอีกว่า
“เสียดายที่ผ้าใบกับสีน้ำมันหมดข้าเลยอดวาดรูปเจ้าเก็บไว้ดูเล่นแก้เครียดเลย”
“ไอ้หมา...อึก”ไม่ทันที่คนดีแต่ปากจะได้ด่า ก็ต้องกลืนคำพวกนั้นลงคออย่างยากลำบากเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นไม้ขัดตัวในมือของพี่ที่ทำหน้ากลัวราวเขาเป็นจระเข้มาจ่อตรงเอวข้างซ้ายเขาอย่างใกล้ชิดพรางเริ่มขัดขี้ไคขี้กลานและเชื้อโรคอื่นๆออก ร่างสูงผิดปกติพยายามจะเอี้ยวเอวหลบความเสียว แต่ไม่ได้ผล เพราะเอวข้างขวาเองก็กำลังมีปัญหากับแปลงของไอ้โหดอำมหิตที่พึ่งเสร็จจากการขัดเท้าเขาจนใสสะอาดเนียนราวก้นเด็ก ร่างสูงสั่นสะท้านพยายามจะลุกหนีความจักจี้หฤโหดนี้ แต่ไม่สามารถทำได้เพราะไอ้ตัวแสบร่ายเวทที่ทำให้เขาขยับไม่ได้ และแล้วการกลั่นหัวเราะสุดแสนยากลำบากของเขาก็หยุดลงเมื่อตัววุ่นใหม่สองตัวมารุมสะกรรมรักแร้เขาอย่างสนุกสนานเสียเหลือเกิน
“หนอยไอ้เพื่อนทรยศ หึหึ รู้ทั้งรู้ว่าข้าบ้าจี้แล้วยัง ฮ่าๆฮ่าๆ โอ้ยไม่ไหวแล้ว”
ร่างสูงหัวเราะไปด่าไปน้ำตาเลิดไปจนตัวงอ คนยืมมือคนอื่นแกล้งเพื่อนสำเร็จยิ้มรับคำด่าอย่างอามรณ์ดี
“อ้าวหรอ ข้าก็นึกว่าเจ้าเส้นลึกซะอีกเห็นทนได้อยู่ตั้งนาน”
ไควูฟัสพูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจจริงๆ หากแต่นัยน์ตาสีมรกตที่กำลังระริระหลีนั้นทำให้เขายิ่งเจ็บใจนักเพราะรู้มันดีว่าเล่นละคร
ที่เขาไม่ชอบให้คนอื่นอาบน้ำให้ก็เพราะอย่างนี้น่ะสิ
รู้ทั้งรู้ว่าไม่ชอบมันจักจี้ มันก็ยังจะแกล้ง ไอ้หมาตัวแสบ ไม่รู้ว่าเมื่อคืนมันไปฟัสกับหมาบ้าที่ไหนมานะถึงได้มาคอยกัดเขาตั้งแต่พระจันทร์ยังไม่เต็มดวงอีกรอบแบบนี้
หลังจากเสร็จจากการทรมารสุดโหดจากไอ้สองตัวจี๋ได้สักพักจนท้องหายแข็งเช็ดน้ำตาที่เล็ดออกเรียบร้อย เจ้าชายจอมขี้เกียจจึงถามสิ่งคาใจกับท่านชายแสบที่ท่านคาฟัสแสนภูมิใจทำ
“เขี้ยวใหม่เจ้าพึ่งขึ้นรึไง ถึงได้มากวนบาทาข้าแต่เช้าเนี้ย”
“เช้าบ้านเจ้าดิ นี้เลยเวลาที่วันนี้เจ้าควรต้องตื่นมาหลายชั่วโมงแล้วนะเรฟราชีล”
ไควูฟัสว่าแทนในใจของใครอีกหลายคนในห้องก่อนบ่นอย่างเหนื่อยใจกับคนไม่รู้จักเวล่ำเวลาที่ไม่รู้จักสำนึกด้วย
“ข้าก็นอนของข้าแบบนี้ทุกวันไม่เห็นจะหนักหัวใคร”
คำกล่าวของคนที่กำลังลุกจากอ่างน้ำหลังจากถูกอาบน้ำจนสะอาดหมดจดแล้วทำท่าจะเดินตัวเปียกไปนอนต่อบนเตียงโดยยังไม่ทันได้ใส่เสื้อผ้าหน้าตาเฉย ทำเอาคนหัวเบาหัวหนักขึ้นมาทันใด เทสข่มอารมณ์ไม่ให้เผลอฆ่าเจ้าชายหมกน้ำดำๆในอ่างที่เจ้าตัวทิ้งความโสโครกไว้ก่อนไปลากคอคนเดินตัวปลิวไปใส่ชุดให้เรียบร้อย
“เฮ้ย!เจ้าอย่าบอกข้าเชียวนะว่าเจ้าลืมว่าวันนี้วันอะไร”
คำพูดอย่างเหมือนตกใจขององครักษ์จอมกวนทำให้คนที่กำลังถูกจับใส่ชุดคลุมยาวสีขาวสะอาดเหมือนชุดเทพเจ้าตามฝาผนังที่ไม่เคยใสมาก่อนหมวดคิ้วใช้ความคิดอย่างหนักราวกำลังหาคำตอบในข้อสอบปลายภาคการเป็นราชันที่ดี
วันนี้วัน... อะไรหว่า..?
จะว่าไปวันๆเขาก็เอาแต่กินแล้วก็นอนไม่ก็นอนกินลมชมวิวเล่นเกมเวทไปวันวันไม่ได้นับวันนับคืนจนลืมไปเสียจริงๆว่าวันนี้วันอะไร จะให้ถามมันตรงๆก็กระไรอยู่วางฟอร์มไว้หน่อยคงไม่เสียหาย
“วันนี้วันอะไรก็ช่างอย่างไงข้าก็จะนอนต่ออยู่ดี”
“อ้าอ่า!ข้ากะแล้วว่าเจ้าต้องลืมแหงๆ ข้าน่าจะไปเป็นหมอดูจริงๆนะนี้"
‘หมาไคฟันทิ้ง’ดิ้ดนิ้วถูกใจในความสามารถตัวเองอย่างน่าหมั่น จน‘ตุ๊กตาเด็กหนุ่มสุดเซอร์’ที่พึ่งถูก‘ตุ๊ดโหด’กับ‘ตุ๊ดหวาด’จับแก้ผ้าอาบน้ำใส่ชุดขาวเตรียมบวชเสร็จอดแขวะไม่ได้
“อ้อไอ้อับดุล ถ้ารู้แต่แรกแล้วจะมาถามหาแป๊ะอะไรฮะ”
“ก็แค่จะให้โอกาสแมวมันดูเผื่อไอ้ที่กินนมวันล่ะลิตรทุกวันจะทำให้กลายเป็นสิงโตได้”
“เอ่อๆ แล้วตกลงวันนี้มันเป็นวันอัปมงคลอะไรของเจ้าฮะไควูฟัส”
“วันนี้เป็นวันอัปมงคลของเจ้าต่างหากล่ะเรฟราชีลไม่ใช่ของข้า”
“วันอัปมงคลของข้า?”เจ้าของผมสีทองยาวยุ่งๆถึงเอวที่เทสกับเบสกำลังช่วยกันสางแล้วรวบด้วยเส้นไหมสีดำอยู่ทวนพรางชี้นิ้วมาที่ตน แล้วยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง
วันนี้จะมีอะไรซวยกว่านี้อีกหรือไง หลับอยู่ดีๆก็ถูกหมาย่างเกือบตายแถมยังโดนน้ำเย็นสาดหน้า ไม่พอสองตุ๊ดมือใหม่หัดแต่งยังจับเขาไปทารุณกรรมจนเจ็บเนื้อเจ็บตัวไปหมด
ใช่ว่าเขาจะโดนแบบนี้ทุกวันซะที่ไหน
วันนี้เป็นวันอัปมงคลที่สุดในชีวิตเขาจริงๆด้วย
แล้วจะมีวิธีไหนล่ะที่จะผ่านวันอัปมงคลไปได้ไวไวโดยไม่โชคร้ายไปมากกว่านี้
นอกจาก...
“เฮ้ย!เรฟราชีลไม่ต้องนอนแล้ว อย่างไงวันนี้เจ้าก็หนีความซวยมันไม่พ้นหรอกเพื่อน”
เพื่อนผู้หวังดี(?)ปลอบแบบไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเลยสักนิดพรางช่วยเทสลากเขาที่ใช้ผ่ามือตุ๊กแกเกาะเสาเตียงแน่นจนเตียงแทบถูกลากติดมาด้วย
ในเมื่อรู้ว่าจะเจอเรื่องไม่ดีใครจะอยากตื่นขึ้นมาเจอว่ะ
“ไม่! ปล่อยข้านะ ข้าจะนอนต่อ ปล่อยสิ ปล่อย!”เขาสั่งลั่นแต่ไอ้สองตัวนี้ก็ไม่มีที่ท่าจะยอมฟังแม้แต่น้อยแถมยังเพิ่มแรงดึงจนตัวลอย
“ข้าบอกให้ปล่อยข้าไง ปล่อยเซ่!”
“เทส ไควูฟัส รีบปล่อยเจ้าชายลงเดี้ยวนี้ พวกเจ้าไม่เห็นรึไงว่าใครมา”
เสียงนั้นดังจากผู้จัดการให้เสือมาเป็นผู้ดูแลเขา ผู้ที่ก้าวเข้ามาตามอีกบุรุษผู้ที่หยุดทุกการกระทำในห้องทุกอย่างจนเงียบกริบยกเว้นเสียงตุบของร่างที่ถูกปล่อยลงพื้นทันทีโดยมิต้องตรัส
ร่างสง่าที่ทำให้เบสตกใจรนรานรีบก้มหัวคุกเข่าโดยไม่มองเลยว่าข้างหน้าตนเป็นอ่างอาบน้ำหัวเลยโข่งเข้าให้เต็มแรงจนได้ก้มลงต่ำสุดโดยไม่ต้องลุกขึ้นมาสักพัก บุคคลที่ทำให้คนถือดีอย่างเทสกับไควูฟัสต้องรีบปล่อยเขาแล้วทำความเคารพสูงสุดอย่างนอบน้อม และคนคนนั้นคือคนที่ทำให้เรฟราชีลรู้สึกอุ่นใจที่สุดแต่ก็เป็นคนที่เขารู้สึกกลัวที่สุดเช่นกัน
“ถวายบังคมฝ่าบาท”ไควูฟัสกับเทสกล่าวพร้อมกันด้วยความเคารพนับถือ
น่าเสียดายที่เบสไม่มีโอกาสได้ทำด้วย และน่าเสียดายอย่างมากที่มีตัวทำลายบรรยากาศความขังของการเสด็จมาขององค์เฟรัว เยรันไนท์ องค์ราชาองค์ปัจุจบันแห่งเรเฟโอไนท์ เป็นคนหัวแตกนอนจมกองเลือดอย่างน่าอนาถจอยู่ข้างอ่าง อาเมน
“ท่านพ่อครับ เจ้าพวกนี้มันมาทำร้ายร่างกายและจิตใจของข้า ข้าหลับอยู่ดีๆก็ถูกมันปลุกอย่างโหดร้ายแล้วยังถูกจับอาบน้ำอย่างทารุณไร้ความปราณีที่สุด ท่านพ่อรีบจัดการพวกมันให้ข้าเลยนะครับ”
เรฟราชีลฟ้องพรางชี้ไปยังชายหนุ่มทั้งสองที่สะดุ้งน้อยๆกับข้อกล่าวหาก่อนตีสีหน้านิ่ง
‘หึๆหึๆ ได้เวลาข้าเอาคืนบ้างแล้ว ถึงจะเป็นไควูฟัสกับพี่ชายร่างยักษ์นั้นก็เถอะเจอท่านพ่อ’ผู้เด็ดขาดดุจภูผาน้ำแข็ง’ของข้าเข้าไปเสร็จแน่ๆงานนี้ หึๆหึๆ ฮ่าๆๆ’
องค์เฟรัวทอดพระเนตรมองรัชทายาทสืบบัลลังก์ที่ถือศักดิ์ความเป็นโอรสสั่งพระองค์อย่างไม่รู้จักสมมาคารวะแล้วล้มตัวนอนหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียวอยู่บนเตียงไม่รู้จักเกรงใจใครก่อนพระเนตรสีไพลินจะจ้องมองลึกไปในนัยน์ตาของคนมีชะงักติดหลังทั้งสองอย่างอ่านยาก
ท่าทีนิ่งๆแต่เกรงว่าอาจกำลังเกิดคลื่นใต้น้ำอยู่ ทำให้คนไม่คุ้นนึกแช่งตัวเองว่าคงงานเข้าเข้าให้แล้ว และยิ่งหันไปสบเห็นแววตาดุๆจากผู้อยู่ข้างกายพระองค์แล้วยิ่งฟันธง ว่างานเข้าชัวร์
“เจ้ากล้าบังอาจทำอย่างนั้นกับเจ้าชายจริงๆหรือไควูฟัส”
ท่านเสนาคาฟัสที่ปกติแสนอามรณ์ดีถามเจ้าของชื่อเสียงดุ นัยน์ตาสีมรกตสบนัยน์สีเดียวกันของอีกฝ่ายเขม็งจนราชองครักษ์รัชทายาทหนุ่มผู้ลูกซึมอย่างเห็นได้ชัด
“ขอโทษครับ ท่านพ่อ”ไควูฟัสตอบเสียงอ่อนใจเพราะรู้ดีว่าไม่ว่าจะหาเหตุผลอะไรมาอ้างท่านพ่อของเขาก็จะเข้าข้างเจ้าชายขี้ฟ้องอย่างลำเอียงเหมือนตอนเด็กๆอยู่ดี
‘ข้าล่ะชอบจริงๆเวลาเจ้าเพื่อนตัวดีเจอท่านพ่อมันแล้วกลายเป็นหมาซึมแบบนี้ หึหึหึ’
เจ้าชายนิสัยเสียลอบหัวเราะเบาๆแต่ก็ต้องรีบแกล้งทำเป็นหลับเมื่อไอ้องครักษ์ดีเด่นมันหันมาส่งสายตาประมาณว่า ‘ให้ท่านพ่อไปก่อนแล้วจะคิดบัญชีให้หนักเลย’
แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอย่างนั้นกับเขาก็คงโดนท่านพ่อมันด่าชนิดตัดหางปล่อยวัดแล้วล่ะ
“ขอโทษงั้นหรอ ไควูฟัส วูฟไมรอส..!”
นั่นไงท่านเสนาเริ่มเทศน์ลูกชายแล้ว เอามันให้ตายเลยครับท่านคาฟัส
นัยน์ตาสีมรกตที่มักดูอบอุ่นใจดีอยู่เป็นนิจดูดุจนน่ากลัวยามตัดเตือนอย่างจริงจัง
“คิดว่าแค่คำขอโทษจะลบล้างความผิดที่เจ้าทำไว้ได้เรอะ..! เจ้ามีหน้าที่เป็นหัวหน้าองครักษ์รัชทายาทแต่กลับทำร้ายเจ้าชายเสียเองนี้นะ หากวันใดวันหนึ่งการเล่นคึกคะนองแพลงๆของเจ้าเกิดไม่แค่ทำให้เจ้าชายเจ็บตัวปางตายแต่ถึงขั้นทำให้เจ้าชายสิ้นพระชนม์อย่างน่าอนาถคาเตียงขึ้นมาแล้วล่ะก็ เจ้าจะไปหาเจ้าชายขี้เกียจส้นหลังยาวนิสัยเสียหนักแผ่นดินแบบนี้ที่ไหนมาทำให้องค์ราชาหนักใจได้อีกหา!”
คำต่อว่าเจ้าตัวแสบของท่านเสนาแสบตัวพ่อที่คนถูกเข้าข้างรู้สึกเหมือนถูกต่อว่าเสียเองเลยหัวเราะสะใจเพื่อนถูกด่าไม่ออก แล้วดูท่าไอ้คนถูกพ่อด่าจะเป็นฝ่ายสะใจเสียเองมันถึงได้พยายามฝืนหน้าตาตัวเองไม่ให้ยิ้มนัก ทั้งๆที่ในใจมันหัวเราะลั่นจนดังมาถึงในหัวเขา
“พอเถอะคาฟัส ให้ข้าจัดการเอง”
ไม่รู้เพราะท่านพ่อทรงสงสารคนมีความผิดติดตัวหรือทนฟังคำยกยอลูกตัวเองจากพระสหายคนสนิทไม่ได้หรืออย่างไรถึงได้ตรัสสั่งห้ามเรียบๆ
ท่านเสนายิ้มซื่อเหมือนลูกชายไม่มีผิดไม่สิต้องเรียกว่าลูกชายได้เชื้อพ่อมาไม่มีตกหล่น ท่านโค้งคำนับก่อนหลบฉากให้พระองค์เข้าไปใกล้คนทั้งสองที่ยังคงคุกเข่าทำความเคารพอยู่ พระพักตร์รูปสลักสง่างามทรงอำนาจและเรียบเฉยเช่นทุกครั้งยากคาดเดา
“ไควูฟัส วูฟไมรอส เทส เทซัส”
สุจเสียงเรียบที่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าพระองค์ทรงอยู่ในพระอามรณ์ไหนเรียกให้เจ้าของชื่อต่างเงยหน้าสบตาเพราะองค์อย่างนอบน้อมเคารพนับถือแม้รู้อาจถูกพระองค์ว่ากล่าว
เรฟราชีลยิ้มระรื่นนึกถึงบทลงโทษต่างๆนานาที่อยากให้ท่านพ่อจัดการพวกมัน
‘จะเป็นการลงโทษแบบไหนนะ ตัดนิ้ว ตัดมือ ตัดลิ้น หรือว่าจะตัดหัวทิ้งไปเลยน๊า’
“ต่อไปนี้ ข้าให้สิทธิ์พวกเจ้าในการดัดนิสัยเจ้าชายเรฟราชีลเต็มที่โดยไม่ต้องกลัวอาญาใดๆทั้งสิ้น โดยเฉพาะในคืนนี้ถ้าหากเจ้าชายออกนอกลู่นอกทางเมื่อใดก็จัดการได้เลยโดยไม่ต้องขออนุญาตข้าก่อน”
“รับพระบัญชาพะย่ะค่ะ”รับสั่งขององค์เฟรัวที่ทำให้คนทำความผิดได้เต็มที่ยิ้มกว้างรับหน้าที่ใหม่อย่างเต็มใจสุดๆ
ส่วนคนกำลังโดนดัดนิสัยก็อ้าปากค้าง เม้นปากแน่นก่อนลุกกล่าวค้านเสียงดัง
“ท่านพ่อ ท่านพ่อพูดอย่างงี้ได้ไง ท่านพ่อจะปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายข้าหรอ ทำไมกัน ทำไมท่านพ่อไม่เคยปกป้องข้า ทำไมท่านพ่อไม่เคยเข้าข้างข้าบ้างเลย”
พระเนตรสีไพลินหันมาสบนัยน์ตาสีทองที่เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจต่อพระบิดาอย่างอ่านยาก ก่อนเสียงตรัสอย่างเย็นชาของพระองค์จะแทงใจคนฟังให้อารมณ์ขุ่นๆที่มีอยู่ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
“เพราะเจ้าผิดน่ะสิ”
อย่างนี้ทุกที เป็นอย่างงี้ทุกครั้ง ท่านพ่อไม่เคยเข้าใจเขา ไม่เคยเข้าข้างเขาสักครั้ง
มีแต่จะมองว่าเขาเป็นคนผิด ปล่อยให้คนอื่นว่าเขา ทำร้ายเขา ไม่เคยเห็นใจเขาบ้างเลย
ความไม่เข้าใจและความน้อยใจที่มีอยู่ทำให้คนถูกเอาใจจนเสียคนลืมตัวตะคอกใส่ผู้เป็นพระบิดาอย่างเอาแต่ใจ
“แต่ข้าเป็นลูกของท่านนะ! ท่านควรจะเข้าข้างข้าเข้าใจข้าบ้างสิไม่ใช่เอาแต่ทำตัวเย็นชาใส่ข้าอย่างกับเห็นข้าเป็นอากาศธาตุแบบนี้!”
บรรยากาศเริ่มอึดอัดจนคนที่ลอบหัวเราะเขาเมื่อครู่ต่างเงียบกริบตีสีหน้าเครียด ขณะที่ผู้เป็นพ่อเพื่อนเพื่อนพ่อจนเสมือนพ่อบญธรรมเริ่มอยู่ไม่สุขส่งสายตาตำหนิมาให้แบบที่ไม่เคยทำ
“เจ้าชายเรฟราชีลท่านมิสมควรกล่าวเช่นนั้นกับเสร็จพ่อนะ มันจะทำให้ท่าน..”
แต่ไม่ทันที่ท่านเสนาคาฟัสจะเอ่ยจบ องค์เฟรัวก็ยกพระหัตถ์ขึ้นห้าม
ตอนนี้เรฟราชีลไม่สนคำเตือนอะไรจากใครทั้งนั้น เขาอยากได้ยินคำตอบหรือเห็นท่าทีอะไรจากท่านพ่อบ้างเท่านั้นเอง
นัยน์ตาสีทองสั่นไหวมองเข้าไปในพระเนตรสีไพลินที่มองมาอย่างเย็นชาเพื่อหวังว่าจะเจอความรักหรือความอบอุ่นที่หลบซ่อนลึกๆอยู่เบื้องหลังความเย็นชานี้บ้าง แต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ก็ไม่เจอสิ่งที่หวังว่าจะเจอเลยแม้แต่น้อยประกอบกับท่าทีนิ่งเฉยของท่านพ่อที่ยิ่งทำให้เขาไม่มั่นใจ จนเผลอเอ่ยถ้อยคำที่ทำร้ายทั้งตัวเองและผู้มีพระคุณสูงสุด
“หรือเพราะท่าน.. ไม่เคยต้องการมีข้าเลย... สินะฝ่าบาท”
พระเนตรไพลินไหวเพียงวูบเดียวก็กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม ขณะที่คนพูดเองซ้ำใจเอง
แต่เล็กจนโตแม้จะพยายามไม่คิดถึงว่าทำไมตอนเด็กๆท่านพ่อถึงไม่เคยเล่นกับเขาเหมือนพ่อลูกคู่อื่นเลย เวลาเขาล้มท่านไม่เคยยื่นมือมาให้เขาจับ เวลาเขากลัวท่านไม่เคยมานอนเป็นเพื่อน ไม่ว่าท่านจะไปจะทำอะไรที่ไหนก็ไม่เคยบอก มันก็อดไม่ได้ที่จะนึกว่าท่านไม่ต้องการเขา
พระเนตรของทั้งสองพระองค์สบกันอยู่นานอย่างไม่มีใครยอมหลบ คู่หนึ่งสับสนน้อยใจตัดเพ้อ ส่วนอีกคู่นิ่งจนอ่านยากซะยากหยั่งถึง
ความเงียบปกคลุมอยู่นาน ก่อนองค์เฟรัวจะเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดและทำให้อารมณ์บางคนที่มีอยู่หายไปเสียเฉยๆ
“สุดท้ายสิ่งที่พ่อพยายามชดใช้ให้กลับทำร้ายตัวเจ้าเสียเอง”
คำตรัสแผ่วเบาที่เหมือนทรงพูดกับพระองค์เองของเสด็จพ่อทำให้เจ้าชายรู้สึกผิด
รู้สึกผิดทั้งๆที่ไม่เข้าใจว่าท่านพ่อหมายถึงอะไรและเสียงตรัสนั้นก็แสนจะเย็นชาเช่นทุกครั้ง แต่กลับทำให้ให้เขารู้สึกว่าตัวเองทำผิดอย่างมากจนต้องก้มหน้าหลบพระเนตรอ่านยากคู่นั้น
องค์เฟรัวทอดพระเนตรมองราชโอรสที่ไม่ยอมสบพระเนตรพระองค์อีกสักพักเงียบๆ ก่อนหันไปตรัสอะไรบางอย่างที่เรฟราชีลฟังไม่รู้เรื่องเพราะรู้สึกหูอื้อไปหมดกับชายร่างใหญ่แล้วเสด็จออกไปพร้อมกับท่านเสนาที่มองตำหนิเขาก่อนจากไป
เทสค่อยๆพยุงคนที่เสียเลือดมากจากการหัวโข่งอ่างไปหาหมอหลวง
ในห้องจึงเหลือเพียงแต่เขากับราชองค์รักษ์ตัวป่วนที่เขาอยากไล่มันไปไกลๆหูไกลๆตายิ่งนักด้วยรู้สึกอยากอยู่คนเดียว
เด็กหนุ่มผมเขียวถอนหายใจเมื่อเห็นเจ้าชายยืนก้มหน้านิ่ง ก่อนวางมือบนบ่าน้ำตาก็ไหล แต่ไอ้คนควรน้ำตาไหลกลับเงยหน้ามามองเขาอย่างเอาเรื่องพรางเอ่ยไล่เขาอย่างกับหมาข้างถนน
“อย่ามายุ่งกับข้า! เจ้าจะไปหากระดูกกินที่ไหนก็ไปเลยไป๋!”
แม้วาจาจะเราะร้ายจนน่าเอาขี้หมายัดปาก แต่เขาก็ไม่ใส่ใจด้วยรู้ว่าเจ้าคนดีแต่ปากมันกำลังเศร้าใจอยู่จึงเอ่ยชวนคุย
“เจ้าอยากรู้มั้ยว่าทำไมวันนี้ถึงเป็นวันอัปมงคลของเจ้า”
“ไม่! ข้าจะนอนต่อแล้ว จะได้ผ่านวันเฮงซวยนี้ไปเร็วๆ”ไม่พูดเปล่าร่างสูงก็ทิ้งตัวลงนอนคลุมโปงทันที
ไควูฟัสส่ายหน้าเพราะรู้ดีว่าเจ้าคนอ่อนไหวง่ายทิ้งไว้คนเดียวเดี๋ยวได้แอบทำฝนตกเหมือนตอนเด็กๆ
ร่างสูงนั่งลงบนเตียงข้างๆคนนอนคลุมโปงที่ทำเป็นหลับทั้งที่นอนไม่หลับ
“วันนี้น่ะเป็นวันปล่อยผีแล้ววันฮาโลวีนปีนี้ก็ยังเป็นวันครบรอบวันประสูติปีที่สิบเจ็ดของเจ้าแมวขี้เกียจความจำปลาทอง”
เด็กหนุ่มเปรยขึ้นลอยๆถึงคนใกล้ตัวที่คงพึงนึกออกว่าวันนี้วันเกิดตัวเองนี้เองถึงได้โชคร้ายนักอย่างเจ็บใจ
“ข้าไม่อยากรู้ข้าจะนอน”
แม้อีกฝ่ายจะพูดงั้น แต่เขาก็รู้ว่ามันคงกำลังตั้งใจฟังอยู่จึงพูดต่อ
“แล้วแมวสันหลังยาวตัวนั้นก็ดันเป็นรัชทายาทสืบบัลลังก์แห่งราชวงศ์เยรันไนท์ด้วย”
“ก็แล้วไง”ดูเหมือนไม่สนใจแต่ที่จริงแล้วก็คงอยากรู้เต็มแก่
“ก็แค่ถ้ารัชทายาทเมืองเรเฟโอไนท์ของเราพออายุครบสิบเจ็ดปี ก็จะต้องมีการจัดพิธีศักดิ์สิทธิ์ขึ้นที่วิหารโซเล เพื่อขอพรมหาเทพโซเลให้ปกป้องคุ้มครองเมืองเราและว่าที่ราชาองค์ต่อไปน่ะสิ แล้วเคราะห์ร้ายก็จะจบลงพร้อมการกลับมาของความสงบสุข”
“แค่ขอพร?”เสียงที่ฟ้องว่าเจ้าตัวคงคิดว่าจะมีอะไรยุ่งยากทำให้เขาหัวเราะที่เดาถูกอีก
“ใช่แค่นี้แหละ ความซวยของเจ้าก็จะหายไปแถมยังทำให้ไม่มีใครมาซวยไปกับเจ้าด้วย”
คำหลอกล่อของเขาดูท่าจะได้ผลเจ้าผมทองจึงโผล่หัวออกมาจากผ้าห่มแล้วจ้องเขาเขม่ง
“แล้วทำไมเจ้าไม่บอกข้าตั้งแต่แรกข้าจะได้ไม่ต้องมาซวยอย่างนี้ตั้งนานสองนาน”
เรฟราชีลโวย นัยน์ตาสีทองมองมาทางเขาด้วยสายตาอย่างกับเขาไปขืนใจมันซะงั้น
องครักษ์หนุ่มยิ้มใสซื่อพรางยักไหล่อย่างไม่รู้“ก็เจ้าบอกไม่อยากฟังเองนี้”
“อ้าวหรอ ข้าก็นึกว่าหมาไคฟันทิ้งมันจะเป็นอับดุลจริงๆซะอีกถึงได้ไม่บอกว่าอยากฟัง”
น้ำเสียงกับนัยน์ตาแสร้งไม่รู้จริงๆที่ล้อเลียนต้นแบบทำเอาไควูฟัสหัวเราะชอบใจแต่ไม่วายแขวะคนเลือนแบบไม่เนียน
“แมวขี้เกียจยังไงก็เป็นแมวขี้เกียจวันยังค่ำไม่มีทางปลอมตัวเป็นหมาป่าจ้าวเสน่ห์สุดหล่อได้หรอก”
คำพูดหลงตัวเองสุดๆที่คนฟังรีบค้านสุดใจโดยไม่รู้เลยว่าภัยกำลังเยือน
“หมาหลงเงาในน้ำต่างหาก”
แทนที่คนถูกด่า‘หลงตัวเอง’จะหลุบยิ้มอย่างที่เรฟราชีลหวังไว้ว่าจะได้เห็นสักวัน มันกลับยิ่งยิ้มกว้างจนเขาสงสัยว่าคำที่เขาชอบใช้ว่ามันจะฟังจนชินแล้วถึงได้ไม่ทุกข์ร้อนอะไร
แล้วพอเขาจะด่ามันให้สะอึดอีกสักประโยคนัยน์ตาสีทองก็ต้องเบิกกว้างแล้วจ้องนัยน์ตาสีมรกตที่กำลังมองเขาด้วยความสะใจอย่างเจ็บใจ
“อย่างที่เจ้าคิดแหละเรฟราชีล ข้าได้ลงเวทพันธนาการเจ้าหากเจ้าเอ่ยคำตามข้อตกลงไว้ตอนที่ข้าแตะบ่าเจ้า และคำนั้นก็คือคำที่เจ้าชอบว่าข้าเมื่อกี้ไง”
บ้าที่สุด! ปลาหมอตายเพราะปากแท้ๆ เขาเสียรู้มันจนได้ จะด่ามันก็ทำไม่ได้ จะไปต่อยมันก็ทำไม่ได้เพราะถูกเวทพันธนาการของมันทำให้พูดก็ไม่ได้ขยับตัวเองก็ไม่ได้ เจ็บใจที่สุด!
“เอาล่ะเสียเวลามามากแล้วรีบไปขึ้นราชรถไปวิหารโซเลกันเถอะเจ้าชาย ฮ่าๆๆ”
สุดท้ายแล้วเรฟราชีลก็ได้แต่มองไอ้คนยิ้มระรื้นพาเขาไปตามแผนมันอย่างเจ็บใจ
e†g
ไควูฟัส วูฟไมรอส ชื่อของเจ้าคนที่เรฟราชีลหมายหัวไว้ว่าหากหลุดออกจากเวทพันธนาการบ้าๆนี้ของมันไปได้จะจับมันไปตัดหัวเขียวๆและสับร่างเป็นหมื่นๆชิ้นบีบเป็นก้อนๆแล้วเอาไปทอดน้ำมันร้อนๆทำลูกชิ้นให้หมากินให้หายแค้น
แล้วยิ่งมันอ้าปากหมาๆแล้ว อารมณ์อยากฆ่าคนของเขาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
“เรฟราชีลเจ้าอย่ามองหน้าข้าอย่างกับข้าพึงลักหลับเจ้ามาอย่างนั้นสิ เจ้าทำเหมือนโกธรแค้นข้าแบบนี้แล้วข้ารู้สึกเสียใจนะ”
เจ้าคนที่บอกเสียใจพูดเสียงเศร้า หากแต่รอยยิ้มแก้มบิในนัยน์ตาสีมรกตข้างนั้นมันฟ้องว่าเจ้าตัวไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นจริง
เขาล่ะอยากด่ามันให้เสียหมาจริงๆ
แต่พอร่างของพวกเขาผ่านห้องโถงใหญ่แล้ว‘คนเสียรู้หมาไปแล้ว’ก็ต้องหยุดจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วหลับตาบี้ไม่อยากเห็นสายตาแปลกๆจากเหล่ายามและผู้รับใช้ที่ก้มหน้าก้มตาทำความเคารพเขาอย่างกลั่นหัวเราะสุดกำลังด้วยความอับอายขายขี้หน้าเป็นที่สุด
จะไม่ให้เขาอับอายขายขี้หน้าแล้วแค้นมันจับใจได้ไงล่ะ
ในเมื่อไอ้ราชองครักษ์ตัวกวนมันหน้าหนาเลือกที่จะ ‘อุ้ม’ เขาเดินไปไหนต่อไหนของมันอย่างไม่กลัวฟ้าฝ่าตายผ่านผู้คนมากมาย
แล้วคิดดูสิ!
ผู้ชายอุ้มผู้ชายด้วยกันแถมยังดูสำอางกันอีกต่างหาก มันจะไม่ชวนให้คนอื่นคิดได้ไง ยิ่งเรื่องชายรักชายเป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในเมืองนี้ด้วยแล้ว ถึงเขาจะรู้ดีอยู่เต็มอกสองศอกครึ่งว่าพวกเขาไม่ใช่แบบนั้น แต่ในเมื่อมันแกล้งให้ภาพออกมาแบบนี้ เขาแก้ข่าวไปใครจะเชื่อ โอ้ย จะเอาหน้าที่ไหนไปพบท่านพ่อได้อีก!
“แค่นี้ก็อายแล้วหรอเจ้าชาย ทีทุกคืนท่านเรียกให้ข้าไปอยู่ด้วยสองต่อสองในห้องบรรทมของท่านจนถึงเช้า ข้ายังไม่เคยเห็นท่านเขินอายเช่นนี้เลย หรือท่านชอบให้ข้าอุ้มท่านเข้าห้องตอนกลางคืนมากกว่า”
คำพูดชวนคิดลึกที่มันกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคนทำให้เขาอยากชกหน้ามันแรงๆให้ฟันหักหมดปากนัก ทั้งๆที่ความจริงเป็นไงมันก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาแค่กลัวสิ่งที่ชอบโผล่มาในความมืดเวลาอยู่คนเดียวยังจะมาพูดยั่วโมโหเขาอีก
และแม้เขาจะส่งจิตสังหารชนิดคนรอบข้างยังต้องกลั่นหายใจ แต่เจ้าตัวกวนก็ไม่ได้สำนึกสักนิดแถมยังยิ้มกว้างจนเขาต้องพยายามปลงข่มใจไม่ให้สาปแช่งมันให้สักวันมันโดนแบบนี้บ้าง
แต่พอลองคิดสภาพไควูฟัสใส่กระโปรงแล้วโดนแรมโบ้อย่างเทสอุ้มเข้าหอไปทารุณกรรมแบบเขาวันนี้แล้ว เรฟราชีลก็อดสะใจแล้วนึกสาปส่งมันในใจให้เจอแบบนั้นบ้างไม่ได้
“หึหึหึ...”
ไควูฟัสมองคนยิ้มชั่วร้ายในอ้อมแขนตนอย่างนึกสยองด้วยรู้ว่าหากเรฟราชีลนิ่งเงียบเมื่อใดแสดงเจ้าตัวว่าคงกำลังคิดแผนการอันชั่วร้ายอยู่แน่ๆ เด็กหนุ่มผมเขียวส่ายหน้าเบาๆปล่อยให้เจ้าชายโกธรง่ายหายเร็วแช่งเขาต่างๆนานาให้สมใจไปคนเดียวดีกว่าที่จะเจ้าตัวทำตามที่คิดจริงๆ
หลังจากผ่านออกมาจากห้องโถงใหญ่ได้ไม่นานเด็กหนุ่มทั้งสองก็มาถึงที่หมาย ไควูฟัสอุ้มเรฟราชีลมาหยุดอยู่หน้าลานกวาง นัยน์ตาสีมรกตมองหารถม้าที่ยังมาไม่ถึง
“เรฟราชีล...”
คนที่กำลังคิดสาปแช่งคนอุ้มตนต่างๆนานาตกใจเล็กน้อยเมื่อจู่ๆเจ้าคนที่อุ้มเขาก็หยุดเดินแล้วเรียกชื่อเขาเบาๆ หากแต่นัยน์ตาสีมรกตของมันกลับมองลอยไปข้างหน้าโดยไม่มองหน้าเขา นัยน์ตาสีทองมองตามและพบว่าตัวเองถูกอุ้มออกมาถึงนอกปราสาทที่ไม่มีวี่แววของผู้คนแล้ว
น้ำพุตรงลานกว้างหน้าปราสาทที่เขาจำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่ออกมามันยังมีน้ำไหลออกมาจากปากของรูปปั่นเสือขาวอยู่เลยแต่ตอนนี้น้ำที่เคยไหลกลับแข็งเป็นน้ำแข็งทำให้น้ำพุที่เคยชุ่มชื่นดูแห้งแล้ง แล้วถ้าจำไม่ผิดสองข้างทางน้ำพุที่หิมะสีขาวปกคลุมทั่วบริเวณนี้เคยเต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีดำมากมายที่เขาจำได้ว่าเคยหนีเรียนมาหลับแถวนี้บ่อยๆแต่ก็โดนไอ้ตัวยุ่งหาเจอจนถูกลากกลับไปโดนท่านพ่อทำโทษ และทางเดินหินสีขาวข้างหน้าที่ทอดยาวออกไปนอกวังเขาเคยพยายามวิ่งหนีออกจากวังประชดที่ท่านพ่อลงโทษแล้วก็โดนมันอีกนั้นแหละที่วิ่งไปดักทางหนีเขาซะก่อน
นัยน์ตาสีทองหันกลับมามองหน้าคนที่ยังอุ้มไม่ปล่อยอย่างเก็บงำความคิดด้วยไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหนอีก แล้วก็ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่เมื่อมันพูดออกมาว่า
“ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิงก็ดีสิ”คำพูดเสียงเศร้าของอีกฝ่ายทำเอาเด็กหนุ่มสยดสยอง
มันคิดบ้าอะไรของมันน่ะถึงได้คิดอยากให้เขาเป็นผู้หญิง
มันคงไม่คิด... อย่างนั้นกับเขาหรอกนะ ม่ายยยย!
นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆหันมาสบนัยน์ตาสีทองที่ฉายแววตกใจช้าๆอย่างอ่านยาก
“ถ้าเจ้าเป็นผู้หญิง ข้าคง...”จู่ๆมันก็พูดน้ำเสียงจริงจังแล้วเงียบไปเสียเฉยๆ
คนได้ยินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเมื่อจินตนการถึงคำพูดต่างๆนานาที่เจ้าเพื่อนจอมพิเลทน์อาจพูดแล้วขนลุกสู้ ได้แต่ภาวนาอย่าให้มันได้พูดอะไรชวนฟ้าฝ่าอีกเลย สยอง!
ริมผิปากบางของคนที่ใบหน้าอยู่ใกล้แค่คืบแม้นแน่นก่อนเริ่มขยับอีก นัยน์ตาสีทองหลับตาบี้ด้วยทนมันพูดอะไรพิลึกๆไม่ได้ เสียงนุ่มๆนั้นค่อยๆเอ่ยช้าๆให้ใจเขาจะวายเล่น
“ข้าคง... ไม่เมื่อยมากขนาดนี้จนแขนแทบหัก”
แฟ๊ง! เสียงหน้าบางๆแตกละเอียดเละดังขึ้นในหัวคนคิดไปไกลแล้วโดนฉุดกลับมาโดนคมแฝดพิตฆาตเวรไตยบรรลัยแล้วไง
คนพึ่งพูดจริงจังกลับมาพูดเสียงปกติอย่างกวนบาทาโดยไม่สนอามรณ์ใครขึ้น
“นี้ข้าถามจริงๆเถอะเรฟราชีล วันๆอะไรๆที่เจ้ากินเข้าไปได้ออกมาบ้างมั้ยนี้ ทำไมถึงได้หนักนักนะ แล้วอีกอย่างข้าล่ะคั๊นคันเวลาเส้นผมยาวๆของเจ้าโดนแขนข้าเอามากๆแถมตัวเจ้าก็แสนจะแข็งกระด้างราวกับข้ากำลังแบกถุงข้าวสารสามถุง"
ไอ้....@#$%^&*!
“แต่ก็อ่ะนะ บางทีต่อให้เจ้าเป็นผู้หญิง ข้าก็คงรับไม่ได้อยู่ดี ผู้หญิงอาร๊าย ซกมก สกปรกขี้เกียจเป็นที่สุด แถมนิสัยไม่น่ารักอีกต่างหาก ไม่ไหวไม่ไหว”
ไอ้ตัวกวนประสาทพูดพรางส่ายหน้าก่อนจะค่อยๆวางเขาที่กำลังของขึ้นสุดๆลงยืนข้างๆมันเหมือนปล่อยแมลงสาปออกจากกับดัก แล้วจึงหมุนไหล่ไล่ความปวดเมื่อยราวไปเป็นจับกัง
ไควูฟัสเอียงคอมองเพื่อนรักที่กำลังทำตาถลนใส่ด้วยความฉุนจัดอย่างน่ารักใสชื่อ
“เหมือนเจ้าอยากพูดอะไรกับข้า”มันพูดก่อนจะเอานิ้วชี้จิ้มปากทำท่าครุ่นคิด
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกับข้าน๊า~ ข้าล่ะเดาไม่ออกจริงจริ๊ง~”
เรฟราชีลกลอกตาด้วยรู้มามันก็รู้ว่าเขาอยากด่ามันใจจะขาด มันยังมาทำเป็นเล่นลิ้นยั่วให้เขาตบะแตก สักพักเจ้าตัวกวนก็กำมัดทุบมือตัวเองเบาๆอย่างพึงคิดอะไรออก
“ก็ให้เจ้าพูดมาซะก็สิ้นเรื่องข้าจะได้ไม่ต้องคิดให้ปวดหมอง”
ไม่รู้ฉลาดหรือโง่มันถึงได้พูดอย่างกับจะคลายมนต์พันธนาการให้เขา
รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนริมปากเด็กหนุ่มที่ถูกพันธนาการอย่างบอกชัดว่าถ้าขยับได้เมื่อไหร่จะทำอะไร ก่อนจะหลุบยิ้มด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆนิ้วชี้อีกฝ่ายมาจิ้มที่ริมปาก
ไม่นานร่างสูงก็รู้สึกว่าตัวเองเริ่มขยับตัวได้อีกครั้ง เรฟราชีลขยับนิ้วมือคลายความชาก่อนจะเงยหน้าจ้องคนยิ้มร่าอย่างเอาเรื่องพร้อมอ้าปากด่าคนตรงหน้าด้วยทุกคำที่คิดสรรค์หามาได้ตั้งแต่บรรพบุรุษแววูฟมันจนถึงไอ้ด่างญาติห่างๆของมัน
หากแต่...
ไม่มีเสียง
ไอ้@#$$%^&%&*&^(*&()&*&)!
“เจ้าพูดอะไรนะเรฟราชีล ข้าไม่ได้ยิ๊น”มันว่าเสียงสูงอย่างอารมณ์ดี๊ดีพรางยื่นหูมาใกล้ๆ
ไอ้ตัวแสบไม่ได้คลายพันธนาการที่ปิดปากเขาไว้ให้ด้วย
ความจริงที่คนโกธรจัดอยากด่าแต่ด่าไม่ได้จึงใช้กำลังแก้แค้นแทน
คนหัวเสียสุดๆกำหมัดชกหน้าคนอามรณ์ดีสุดๆสุดแรงหวังให้มันเขี้ยวหักทั้งสองชี้ แต่ยังไม่ทันที่หมัดเขาจะชกหน้ามัน เจ้าของใบหน้ายิ้มกวนบาทานั้นก็เอี้ยวตัวหลบได้อย่างสบายๆทำให้คนชกลมสุดแรง ล้มหน้าคว่ำจูบพื้นธรณีอย่างดูดดื่มรสหิมะเย็นๆเต็มปาก
เด็กหนุ่มผมทองสะบัดหน้าไล่หิมะออกเหมือนแมวตกน้ำสลัดขน ก่อนหันไปมองคนที่ถอนหายใจแล้วทำเป็นพูดสั่งสอน
“เฮอ เรฟราชีล เจ้าเนี้ยนะ ไม่รู้จักทำตัวให้สมเป็นเจ้าชายเล๊ย ทั้งเอาแต่ใจ ชอบประชด ขี้โวย ขี้โมโห ขี้งอน ขี้น้อยใจ นิสัยอย่างกับผู้หญิง อืม..ไม่สิไม่สิ ไม่มีผู้หญิงที่ไหนจะซกมกสกปรกอย่างเจ้าเลยสักคน อย่างเจ้าต้องเรียกว่า เฮ้ยยยย!”
ไม่ทันที่เจ้าคนปากหมาจะพูดจบ เรฟราชีลก็จัดการดึงขามันให้ล้มลงมาหน้าจิ้มหิมะบ้าง หากแต่คนที่กำลังจะได้หัวเราะสะใจที่ได้แก้แค้นคืนกลับได้รับกรรมสนองเมื่อไอ้คนที่มันควรได้พองหน้าขาวด้วยหิมะเต็มหน้า มันดันมาล้มทับตัวเขาแทนจนคนกะดึงแล้วชึ๊งลุกหนีไม่ได้
แรกนั้นนัยน์ตาสีมรกตก็มีแววตกใจที่มานอนอยู่บนตัวเจ้าชายหมดสภาพโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แววตาข้างนั้นก็ฉายความนึกสนุก เมื่อคนที่โดนทับอยู่พยายามทั้งดันทั้งชกทั้งเตะให้เขาลุกอย่างแรงจนเจ็บไปหมด ปากก็พะงาบพะงาบด่าเขาสารพัดชนิดไม่หยุดพักหายใจแต่โชคดีที่ไม่มีเสียงไม่อย่างนั้นเขาคงโดนด่าจนเสียคน อามรณ์ชอบแกล้งในสายเลือดเลยต้องตอบสนองหน่อย
ไควูฟัสแกล้งยิ้มกรุ้มกริ่มมองคนที่ตัวเองทับอย่างโลมเลียพลางพูดประโยคที่ทำให้คนข้างใต้หน้าชืดเล่นก่อนจะรีบเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกธรจัด
“ที่ท่านอยากพูดกับข้าคือเรื่องนี้นี่เอง ข้าพึ่งรู้นะว่าเจ้าชายชอบให้ข้าทำกับท่านแบบนี้กลางแจ้งด้วย ไม่กลัวคนอื่นมารู้เรื่องของเราสองคนหรือไง หรือท่านอยากเปิดเผยให้คนอื่นรู้”
คนรู้ตัวดีว่าโดนแกล้งเย้ยหมัดชกใบหน้าเจ้าของคำพูดกับสีหน้าชวนฟ้าฝ่านั้น หากแต่มือหนาอีกฝ่ายกลับรวบมือเขาไว้ก่อนได้ทันหายแค้น เจ้าคนชอบแกล้งหัวเราะขณะที่เขายิ่งฉุนจัดพยายามจะฆ่ามันอยู่นานแต่ทำได้เพียงดิ้นไปดิ้นมาเท่านั้นเพราะอีกฝ่ายแข็งแรงกว่า ไม่สิ เพราะเรฟราชีลแปลว่าอ่อนแอ่ เขาเลยเป็นผู้ชายบอบบางจนน่ากัดลิ้นฆ่าตัวตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด ไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมท่านพ่อถึงตั้งชื่อให้เขาแบบนี้ อีกเหตุผลที่ทำให้คิดว่าท่านไม่รัก
เสียงฝีเท้าม้าวิ่งมาแต่ไกลทำให้คนสิ้นท่านึกกังวลยิ่งกว่าตอนถูกอุ้มผ่านห้องโถง
ถ้าตอนนี้มีใครมาเห็นเขากับมันในสภาพแบบนี้เข้า ชื่อเสียงของเขาที่แทบไม่มีเหลืออยู่แล้วยิ่งมีชื่อเสียมากขึ้นอีก และดูเหมือนไอ้ราชองครักษ์ตัวแสบมันจะรู้จึงลดความด้านบนหน้าได้บ้าง มันยอมลุกขึ้นจากตัวเขาแล้วฉุดลุกตาม ตอนแรกก็กะจะไม่อะไรกับมันด้วยแล้วเชียวแต่ไอ้ตัวกวนยังเล่นยั่วโมโหเขาต่ออย่างไม่รู้พอ
“ข้าว่าตอนนี้คงยังไม่เหมาะ เก็บแรงไว้สำหรับคืนนี้เถอะเจ้าชาย เพื่อเป็นการชดเชยให้กับที่เมื่อคืนข้าไม่ได้อยู่กับท่าน คืนนี้ข้าจะทำให้ท่านไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลย”
คำพูดสองแง่ที่ถูกกระชิบข้างหูทำให้หมัดจากคนเดิมชกไปที่เดิม
แล้วก็พลาดอย่างเดิม แถมล้มหน้าคว่ำจูบพื้นหิมะเหมือนเดิมอีกต่างหาก
ไควูฟัสขำจนท้องแข็ง ส่วนเรฟราชีลที่นอนหน้าคว่ำจมกองหิมะก็ได้ข้อคิดอย่างหนึ่งว่าไม่ควรไปเต้นตามคนอื่นเพราะใช้กำลังแก้ปัญหาไปก็มีแต่จะทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้น
อย่างเช่นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อจากนี้
ไม่ทันที่จะได้ลุกขึ้นจากท่านอนคว่ำหน้าจูบพื้นหิมะ เสียงรถม้าวิ่งที่ได้ยินแต่ไกลก็มาจอดใกล้ๆพวกเขา พร้อมกับเสียงใครคนหนึ่งที่ไม่อยากได้ยินที่สุด
“ไม่นะเจ้าชายเรฟราชีล! ท่านไควูฟัสทำไมถึงปล่อยเจ้าชายให้มาสิ้นพระชนม์อย่างน่าอนาถตรงหน้าปราสาทนี้ได้ล่ะครับ รู้มั้ยครับว่ามันทุเรศลูกตาคนเดินผ่าน”
ไควูฟัสกลั่นหัวเราะสุดกำลังเช่นเดียวกับองครักษ์คนอื่นๆที่มากับขบวนราชรถ
แล้วยิ่งต้องพยายามกลั่นหัวเราะกันใหญ่เมื่อเจ้าคนที่ลูกจ้าวแผ่นดินแสงดาวตกก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้เอาไม้เท้ายาวๆของมันมาจิ้มๆตัวศพอย่างเด็กเอาไม้จิ้มอุนจิเล่น
“ข้ายังไม่ตายพระอาจารย์”คนยังไม่เป็นศพจริงๆลากเสียงยาวลุกขึ้นยืนบัดหิมะออกจากหน้า ก่อนก้มมองคนชอบทำให้เขาอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าคนอื่นอย่างแสนเหนื่อยใจ
เจ้าเด็กผมเงินส่งยิ้มโลกสดใสให้เขาหากแต่เรฟราชีลรู้ดีว่านั้นมันเป็นรอยยิ้มยมทูตชัดๆ
นิอาซ์ อาร์ชังในสายตาใครๆเป็นเพียงหนุ่มน้อยผมเงินตาสีหมอกตัวเล็กน่ารักราวตุ๊กตา แต่ในสายตาเขาเจ้าเด็กนี้ไม่ต่างอะไรกับพ่อมดแพะเฒ่าในร่างแกะน้อยผู้น่ารักแสนบริสุทธิ์
ใครๆก็คงไม่คาดคิดว่าเจ้าเด็กอายุสิบสี่นี้จะมีศักดิ์เป็นถึงพระอาจารย์ของเขาตั้งแต่มันอายุแค่ห้าขวบ แรกนั้นใครก็ไม่ยอมรับ แต่นิอาซ์เมื่อเก้าปีก่อนก็แสดงให้ทุกคนที่ครหาเจ้าตัวได้ประจักษ์ถึงความรู้อันไม่มีที่สิ้นสุดของเด็กโครตอัจริยะด้วยการเป็นที่ปรึกษาเฉพาะกิจในโครงการพระราชดำริขององค์เฟรัวได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง แถมโครงการป้องกันน้ำป่าที่ท่านพ่อมอบให้รับผิดชอบยังประสบความสำเร็จดีอยู่ทุกวันนี้ พระอาจารย์คนเก่งเกินตัวที่ทนสอนเขามาได้ยาวนานที่สุดและร้ายกาจที่สุดจนเขาอยากตายเพื่อหนีเจ้ายมทูตตัวจิ๋วให้พ้น
“หรอครับ น่าเสียดายจังแบบนี้แผ่นดินเราเลยอดสูงขึ้นอีกเยอะเลยนะครับเนี้ย”
คำพูดที่ดูเหมือนสุภาพที่เขานึกขยาดว่าเจ้าตัวเล็กลอกเลือนแบบเจ้าตัวกวนประสาทมาหรือมันเองกันแน่ที่เป็นต้นฉบับความร้ายเดียงสา
พอคิดถึงเรื่องการพูดก็ทำให้เขาเอะใจขึ้นมาได้ ก่อนจ้องมองคนที่กำลังยืนขำตาขวาง
เจ้าหมานั้นคลายมนต์ที่ปิดปากเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
เรฟราชีลไม่อาจรู้ได้เพราะจู่ๆก็ถูกพระอาจารย์ตัวเล็กจูงมือขึ้นราชรถโดยไม่บอกกล่าว เขามองเจ้าเด็กรุ่นน้องอย่างงงๆก่อนถามไปตรงๆด้วยรู้ว่าการวางฟอร์มของเขาใช้กับคนตรงหน้าไม่ได้ผลแถมจะได้ปวดหัวหนักขึ้นกว่าเดิม
“นิอาซ์เจ้าจะพาพี่ไปไหน”
“ถามได้ฉลาดมากๆเลยครับพี่เร ท่านต้องไปเข้าพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนก็ไปที่นั้นแหละครับ”
คำพูดเหมือนชมแต่ด่าอ้อมๆว่าโง่ทำให้เขาต้องข่มอารมณ์ไม่ตบกบาลเด็กด้วยมันมีศักดิ์เป็นพระอาจารย์ค้ำหัว
เขาพยักหน้ารับก่อนจะตามขึ้นรถม้าไปโดยดีด้วยรู้ว่าขัดขืนเจ้าแพะน้อยนี้ไปก็มีแต่ปวดหัวเปล่าๆ แถมท่านเสนาคาฟัสยังเล่นแบ่งองครักษ์ราชันของท่านพ่อมาคุมเขาซะจะไปไหนได้
เมื่อเขาขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้วคนบังคับม้าที่ยืนอยู่ใกล้ประตูก็ปิดประตูรถม้าแล้วขึ้นไปนั่งประจำที่พร้อมเดินทาง
เจ้าองครักษ์รัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของเขาหันมายิ้มกวนประสาทให้เขาอยากไม่มีองครักษ์เลยสักคนดีกว่า ก่อนเจ้าตัวจะกระโดดขึ้นม้าสีขาวที่รุ่นพี่องค์รักษ์ในสังกัดท่านหัวหน้าองค์รักษ์ราชันจูงมาให้ แล้วโบกมือให้สัญญาณพร้อมออกคำสั่ง
“ไปได้”แล้วขบวนเสด็จเล็กๆของเจ้าชายจอมขี้เกียจก็ออกเดินทาง
โดยที่คนถูกมัดมือชกให้ไปเข้าพิธีขอพรพนันได้เลยว่าการเดินทางไปวิหารเทพครั้งนี้ทำให้อดหลับอย่างเป็นสุขแน่
นี้เขากลับไปแอบงีบต่อใต้เตียงทันไหมเนี้ย
e†g
โค๊ด กรอบทอง moon of sky
บาร์เขียว moon of
ความคิดเห็น