ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` Decadence Avenue .

    ลำดับตอนที่ #9 : Daybreak’s Bell: III - Clair De Lune (Hokuto)

    • อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 63


    Daybreak’s Bell: III - Clair De Lune
    RELEASE DATE :
    NOVEMBER 7, 2020
    ------------------------------------------------------------
    -----------
    ฟิค
    SixTONES แด่คุณยู :3 ฟิคใช้หนี้เพราะติดหนี้มึงอยู่: พาร์ท 3

    - แคลร์เดอลูน แด่คำนี้ที่มึงรัก แต่มึง แต่งไปแต่งมากูองค์ลงมาก มันไม่ได้เป็นฟิคสั้นแล้วว่ะ เอาไงดีวะ...
    ปล. ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะโผนโจนจากอีโรติกที่ตั้งใจไว้แต่เดิมไปเป็นอะไรที่มากกว่านั้นมั้ย กูตั้งใจแต่งให้ไม่มากเกินพอดีแล้ว แต่ถ้าเกินไปก็ตามนั้นฮ่ะ แบนได้เลย T v T
    .
    https://i.imgur.com/Q4p911u.png

    BGM : Daybreak
    ’s Bell – LArc-en-Ciel
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ลูเอลล่าได้พบกับมาดามบัตเตอร์ฟลายในอีกหนึ่งสัปดาห์ถัดมาที่บาร์ของหล่อน หลังจากคืนปาร์ตี้แรกในเซี่ยงไฮ้ที่เธอไม่มีวันลืมได้ลงนั้น หญิงผู้นอกกายคนรักก็ตื่นมารับคืนใหม่พร้อมอาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่ขลุ่ย เธอไม่รู้ว่าป่วยกายหรือป่วยใจมากกว่ากัน กระนั้นมันก็ทำให้เธอได้แต่นอนซมเซื่องซึมอยู่ในห้องตลอดทั้งวันโดยมีไทกะคอยพยาบาลแทบไม่ห่าง จนบ่อยครั้งที่ลูเอลล่าผู้อยู่ในภาวะอ่อนแอก็จะห้ามน้ำตาไว้ไม่อยู่ และทุกครั้งที่เป็นอย่างนั้น เธอก็จะอ้างกับชายคนรักว่าเป็นเพราะเธอเกลียดที่ต้องทรมานกับอาการปวดหัวตัวร้อน เกลียดที่ไม่มีเรี่ยวแรงจนทำอะไรเองแทบไม่ได้ เกลียดที่ต้องเห็นไทกะวิ่งวุ่นดูแลเธอไม่หยุดราวกับเธอเป็นคนไข้หนักที่ต้องคอยเฝ้าระวัง เพราะมันไม่ควรเป็นหน้าที่เขา เธอต่างหากที่คอยดูแลไทกะเสมอ แค่เพียงเขาเอ่ยบอกว่าต้องการอะไร ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟเธอก็จะไปตามหาไขว่คว้ามาให้ ทว่ายามที่ลูเอลล่าอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด คนรักที่อ่อนโยนที่สุดในโลกก็จะปลอบโยนเธอ พยายามจะเข้าอกเข้าใจเธอ ทั้งที่เขาไม่มีทางเข้าใจตราบใดที่เธอไม่พูด

    ต่ทุกครั้งที่ไทกะพูดว่า “ไม่เป็นไรนะ เราจะดูแลเธอเอง เราไม่มีวันทิ้งเธอไปไหนหรอก” พร้อมกับมือที่ลูบกลุ่มผมสีม่วงของเธอแผ่วเบา พร้อมกับอ้อมกอดอบอุ่นดั่งจะไม่ให้ภยันตรายใดแผ้วพานเธอได้ พร้อมกับจูบที่ประทับซับน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล ก็ยิ่งทำให้ลูเอลล่ากลายเป็นเพียงเด็กน้อยกระอึกกระอือในอ้อมแขนของเขา และได้แต่พร่ำขอโทษชายผู้แสนดีอยู่ในใจไม่หยุดหย่อนด้วยไม่อาจบอกความจริงแก่เขาได้

    เพราะเจสซี่จะต้องเป็นเพียงอดีตคนรักที่จะเป็นแค่คนในความลับของเธอ


    มาดามบัตเตอร์ฟลายที่กำลังยืนคุยกับลูกน้องชายหลังเคาน์เตอร์บาร์เดินมากอดลูเอลล่าอย่างร่าเริงยินดีเหมือนทุกครั้งที่ได้เจอ หล่อนยกหลังมือมาทาบหน้าผากที่ตอนนี้หายร้อนแล้วของลูเอลล่าและถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย หลังรู้ข่าวเรื่องอาการป่วยของเด็กสาวจากไทกะที่หล่อนบังเอิญเจอเมื่องสองสามวันก่อน ครั้นลูเอลล่ายืนกรานหนักแน่นว่าเธอหายดีแล้ว มาดามบัตเตอร์ฟลายก็ไม่เซ้าซี้ บอกแค่ว่าจากนี้เธอควรรักษาสุขภาพให้มากพร้อมเอ่ยขอโทษที่งานยุ่งมากจนปลีกตัวไปเยี่ยมไม่ได้ ก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักหลังเคาน์เตอร์และยื่นกระดาษแผ่นเล็กแผ่นหนึ่งมาให้ บอกคนที่รับมาอย่างประหลาดใจแต่เพียงว่า

    “เจสซี่ฝากมาให้”

    เมื่อก้มดูก็เห็นว่ามันคือตัวเลขตามจำนวนเบอร์โทรศัพท์บ้านด้วยลายมือที่เธอเคยจดจำทุกตัวอักษรได้ขึ้นใจ มาดามบัตเตอร์ฟลายอธิบายเสริมขณะมองใบหน้าผ่านม่านผมปรกของคนที่ก้มลงไปว่า “ที่จริงเขาขอเบอร์กับที่อยู่เธอด้วย แต่ฉันไม่ได้ให้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่เขาควรรู้จากฉัน จริงมั้ย”

    ลูเอลล่าเงยมองมาดามบัตเตอร์ฟลายด้วยใบหน้าที่เผือดสีจนเห็นได้ชัดทั้งที่ก็แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างประณีตแล้ว และสีหน้าของมาดามบัตเตอร์ฟลายที่มองจ้องเธอก็ชัดเจนว่าหล่อนรู้...มากพอ หากไม่ทันจะได้พูด อธิบาย หรือแก้ตัวอื่นใด ลูกน้องของหล่อนก็เดินมากระซิบกระซาบบางอย่างจนหล่อนต้องขอตัวและไม่ได้แวะเวียนกลับมาในเวลาอันใกล้ ทว่ามือขาวที่ดูยิ่งสว่างจากเล็บสีแดงของมาดามบัตเตอร์ฟลายที่บีบบนไหล่ก่อนเดินจากไป ก็ทำให้ลูเอลล่ารู้ว่าหล่อน เข้าใจเธอมากกว่าที่เธอคิดแคลงเมื่อครู่นี้ หล่อนรู้เรื่องภาวะไร้สมรรถภาพของไทกะที่ลูเอลล่าเคยพลั้งปากเล่าให้ฟัง และหล่อนก็เข้าใจฮอร์โมนพลุ่งพล่านของหญิงสาววัยรุ่นผู้ปรารถนาจะได้รับการเติมเต็มทางเพศจากชายที่ปกติแข็งแรงดี และการแสดงออกของมาดามบัตเตอร์ฟลายที่บอกเป็นนัยว่า “ฉันไม่ตัดสินเธอ” ก็ทำให้ลูเอลล่ายิ่งรู้สึกผิดมากจนถึงกับรู้สึกแย่

    รั้นเหลือแค่เธอที่เคาน์เตอร์บาร์ หญิงสาวก็ก้มมองดูตัวเลขที่เขียนด้วยลายมือไม่เป็นระเบียบของผู้ชายไม่เป็นระเบียบอย่างเจสซี่ แล้วก็นึกอยากขยำกระดาษแผ่นนั้นให้ยู่ยี่ จากนั้นก็ใช้ส้นรองเท้าเหยียบย่ำลงไปให้ยับเยินเหมือนที่เขาทำกับหัวใจเธอในคืนนั้นที่โตเกียว หรือไม่ก็ฉีกมันทิ้งลงถังขยะเหมือนตอนที่เธอตัดสินใจหันหลังให้เขากับโตเกียว เรื่องระหว่างเธอกับเจสซี่ในคืนนั้นเป็นแค่ความผิดพลาดที่ต้องไม่มีวันเกิดขึ้นอีก แต่ความสุขสมที่ทำให้ร่างกายสั่นสะท้าน ทำให้ปวดหน่วงที่ท้องน้อยแค่เพียงนึกถึง ก็ทำให้เธอกำกระดาษแผ่นนั้นในมือแน่นจนเล็บจิกลงไปในฝ่ามือให้รู้สึกเจ็บ ที่หากเป็นไปได้ลูเอลล่าก็อยากให้มันกลายเป็นมีดแหลมทิ่มแทงลึกเข้าไปในผิวหนัง ให้เลือดสีแดงฉานอาบย้อมตัวเธอ ให้ร่างกายเธอปริแยกแตกออกเกิดเป็นรอยแผลที่ไม่มีวันหายเพื่อตอกย้ำซ้ำเติมความชั่วช้าของตัวเอง ให้อกถูกผ่าและหัวใจถูกกรีดออกมาจากตัวเธอทั้งที่ยังเต้นตุบ

    แต่ทุกอย่างนั้นก็ยังไม่สาสมกับความผิดที่เธอได้กระทำต่อผู้ชายที่เปราะบาง โศกเศร้า และน่าสงสารอย่างไทกะเลยแม้แต่นิดเดียว

    และมันช่างน่าเศร้า น่าสังเวช และน่าสมเพชที่ลูเอลล่าเลือกจะโยนเบอร์โทรของเจสซี่ลงไปในกระเป๋าสะพายใบเล็กที่พกมา เหมือนที่เธอคิดว่าลบลืมเขาและโตเกียวไปได้สนิทแล้ว ทว่าเมื่อได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ลูเอลล่าผู้คิดว่าตัวเองได้กลายเป็นคนใหม่แล้วในเซี่ยงไฮ้ ก็ไม่อาจตัดขาดชายผู้เคยเป็นที่รักของลูเอลล่าคนเก่าในโตเกียวอีกคราวได้


    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    “ท่ามกลางผู้หญิงที่ผู้ชายได้พบเจอในชีวิต
    จะมีแค่สามคนเท่านั้นที่มีความหมายแท้จริงกับเขา ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น”

    ก้อนหินรูปไตที่ขยับย้ายไปในแต่ละวัน (มูราคามิ ฮารูกิ)


    ลูเอลล่าไม่รู้ตัวเลยว่าเธอดื่มเบียร์ที่บาร์ของมาดามบัตเตอร์ฟลายไปแล้วถึงสามขวด ในหัวตอนนั้นคิดแต่เพียงว่าอยากลืมเรื่องของผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตไปสักพัก ไม่ว่าจะเจสซี่หรือไทกะ หากก็เพิ่งรู้ตัวว่าได้ทำเรื่องผิดพลาดจากการขาดสติยั้งคิดไปแล้วหลังถูกมาดามบัตเตอร์ฟลายสะกิด ลูเอลล่าไม่อยากให้ไทกะได้กลิ่นเบียร์หึ่งจากตัวเธอ เขาไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลย ขาวสะอาดกับเรื่องพวกนั้นอย่างที่สุด ลูเอลล่าเองก็เลิกดื่มเลิกเที่ยวตั้งแต่ย้ายมาอยู่เซี่ยงไฮ้ ครั้งยังอยู่โตเกียวอาจดูเหมือนเธอเสพติด ทว่าบทจะหักดิบก็ง่ายดายจนเข้าใจได้ว่าแท้จริงก็แค่เพราะสังคม แต่เหตุผลที่เธอกลับมาเยี่ยมเยือนแอลกอฮอล์เพื่อนเก่าในวันนี้ เพราะเป็นข้อยกเว้นของคนที่ต้องการให้หัวสมองพาเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา แทนที่จะวิ่งผ่านเลยไทกะเพื่อวนกลับไปหาเจสซี่

    กะจะเข้านอนหลังตีสองเป็นต้นไปและไม่ตื่นหากฟ้าไม่ถล่มดินไม่ทลาย ดังนั้นลูเอลล่าจะรอให้ถึงเวลานั้นจึงค่อยกลับบ้าน สายลมเย็นในยามราตรีของเซี่ยงไฮ้อันกลายเป็นเมืองที่คุ้นเคยก็คงทำให้เธอสร่างได้ระหว่างที่เดินไปเรื่อย แสงสีพริบพราวจากตึกสูงนับร้อยสะท้อนเข้ามาในดวงตาที่เหม่อลอยไม่จับจดกับสิ่งใด เธอรู้สึกเหมือนกำลังมองภาพผ่านน้ำตาแต่พอยกหลังมือขึ้นปาดก็ไม่พบว่ามีน้ำที่ไหนในตา อากาศก็เริ่มเย็นขึ้นมาก หรือไม่แอลกอฮอล์ก็คงเริ่มหมดฤทธิ์จนคนที่สวมเพียงชุดกระโปรงแขนสั้นตัวสั่น ก่อนลูเอลล่าจะมองเห็นแกลเลอรีขนาดย่อมแห่งหนึ่งที่ยังเปิดไฟสว่างโร่แม้ในยามตีหนึ่งเช่นนี้

    ริมฝีปากสีธรรมชาติเพราะสีลิปที่ไม่เหลือแล้วเหยียดยิ้มหยันที่มุมปากอย่างนึกขันระคนสมเพชตัวเอง เมื่อเห็นชื่อนิทรรศการกำลังจัดแสดงที่ขึ้นป้ายตั้งพื้นอยู่ด้านหน้า

    เลิฟเลส (ไร้รัก)

    ากเป็นไปได้ ลูเอลล่าก็อยากเป็นหญิงไร้หัวใจอันไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรยไปเสียเลย แต่เธอมีหัวใจและมันก็ยังมีเลือดมาสูบฉีดหล่อเลี้ยงชีวิตเธอเป็นอย่างดี ทว่าหากพูดถึงรูปนามธรรม ลูเอลล่าก็แยกสมองกับหัวใจออกจากกันโดยสิ้นเชิงตั้งแต่เสียพ่อไป กระทั่งได้รู้จักเจสซี่ คนที่ทำให้หัวใจเธอแตกสลาย เพื่อเขาจะได้...เพื่อเธอจะได้ยอมให้เขา...กลับมาต่อมันอีกครั้ง ความรักจากสมองที่ลูเอลล่าเคยมีให้เจสซี่นั้นมากมายเพราะเขาไม่มีอะไรเหมือนเธอเลย ทว่ามันก็แตกต่างมากมายกับความรักจากก้นบึ้งของหัวใจที่เธอมีให้ไทกะ คนที่เหมือนเธอราวกระจกเงาส่องกันและกัน แต่บางทีการที่เจสซี่หวนกลับมาก็คงเพื่อให้ลูเอลล่าได้จดจำอดีตที่เธออยากลบลืม หรือได้รู้ว่าเธอไม่จำเป็นต้องใช้หัวใจเพื่อจะมีเซ็กซ์กับใคร

    แกลเลอรีร้างคนในโมงยามวิกาลนี้มีชื่อว่า ฟอร์เรสต์ ไม่ใช่ฟอเรสต์ที่มีความหมายว่าป่า แต่เป็นฟอร์เรสต์ที่มีความหมายว่า เพื่อพัก ตรงต้องตามจุดประสงค์ที่ลูเอลล่าตั้งใจเข้ามา ข้างในนั้นปราศจากใครอื่นอีกนอกจากชายหนุ่มคนขายบัตรที่นั่งอยู่หลังตู้กระจก ผู้ดูจะไม่สนใจสิ่งใดมากไปกว่าได้กลับไปอยู่กับหน้าจอทีวีที่กำลังเล่นหนังฮอลลีวูดยุคเก่า ลูเอลล่าคิดว่าน่าจะเป็นหนังของฮิตช์ค็อกที่เธอโปรดปรานเป็นที่สุด แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์อยากทายหรือเอ่ยถามเขาว่ามันคือหนังเรื่องอะไร ไม่ทันที่เธอจะคล้อยหลังดีด้วยซ้ำ เขาก็กลับไปจดจ่อกับฉากที่อนงค์นางกำลังรับโทรศัพท์ในภาษาซาวนด์แทร็กพร้อมกับซับภาษาจีน

    ลูเอลล่าเดินดูภาพถ่ายในกรอบติดผนังไปเรื่อยเปื่อยอย่างไม่ใส่ใจมากนัก ภาพพวกนั้นดึงดูดใจเธอไม่พอ ทั้งยังไม่จับใจเธอมากพอ มันไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ใช่ภาพที่สวยเลิศเลอพอจะไปจัดในแกลเลอรีที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงกว่านี้ได้ กระทั่งในความเห็นของลูเอลล่าที่ก็ไม่ได้เรื่องมากหรือจุกจิกกับงานศิลปะสักเท่าใดนัก พวกเขาอาจถ่ายมันอย่างไร้รักตามชื่อนิทรรศการก็ได้ แต่แล้วคนที่คิดว่าควรแก่เวลากลับบ้านแล้วก็ตอกฝีเท้าชะงักกึกอยู่เบื้องหน้าภาพหนึ่งที่มุมห้อง

    ท่ามกลางตึกรายล้อมมากมายที่เปิดไฟอาคารสว่างไสวในตอนกลางคืน ตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นก็คือสิ่งปลูกสร้างทรงแหลมสูงเทียมฟ้าที่ไฟประดับเป็นสีส้มอร่าม

    “สลีปเลส โตเกียว ทาวเวอร์”

    ลูเอลล่าเลื่อนสายตาอ่านชื่อภาพใต้รูปที่เธอก็รู้ตั้งแต่ก่อนเห็นว่าจะเป็นอะไร ในเมื่อเธอเคยมองดูมันมาไม่รู้ตั้งกี่ล้านรอบ นานเนิ่นก่อนจะได้รู้จักเจสซี่ นานนมก่อนจะได้รู้จักไทกะ มันเคยเป็นเพื่อนที่ทำให้เธอสงบใจได้จากความงดงามของมันในทุกค่ำคืนที่เธอไม่เคยหลับใหล ลูเอลล่าคิดว่าเธอทิ้งทุกอย่างในโตเกียวไว้เบื้องหลังได้แล้ว หากเมื่อได้เห็นมันตรงหน้าอีกครั้งก็เข้าใจว่าไม่มีสิ่งใดในเซี่ยงไฮ้ที่จะเสมอเหมือนโตเกียวทาวเวอร์ได้ โดยไม่ทันรู้ตัว น้ำตาของเธอก็หยาดหยดลงมาจนภาพที่อยู่ตรงหน้ามัวพร่าโดยไม่ต้องพึ่งโบเกต์เหมือนช่างภาพคนไหน แม้แต่กับเจ้าของภาพที่ชื่อเขียนด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษพิมพ์ใหญ่หกตัวว่า...โฮคุโตะ

    หตุใดการจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเมืองใหม่ถึงได้ยากเย็นนัก เหตุใดความสุขของเธอกับไทกะในเซี่ยงไฮ้ถึงคงอยู่ได้เพียงไม่นาน มันเป็นอย่างนี้ใช่ไหม ลูเอลล่าไม่มีวันหนีจากญี่ปุ่นพ้น ต่อให้เธอคิดว่าหนีไปได้ไกลโพ้น มันก็จะตามมาหลอกหลอนเธอ เรียกร้องให้เธอกลับไปเป็นฟุคาโฮริ ฮิเมนะคนเดิมคนนั้น เป็นตัวตนที่เธอไม่มีวันสลัดทิ้งได้ ลูเอลล่าเป็นเพียงตัวตนลวงตาที่ไม่เคยเป็นจริง...ไม่มีวันเป็นจริง

    “ไม่รู้เพราะอะไรทำไมคุณถึงร้องไห้ แต่ผมจะถือว่าเป็นเกียรติกับรูปของผม”

    หันไปทางขวาอันเป็นทิศทางที่ได้ยิน ในวิสัยที่รางเลือนไม่ชัดเจน เธอก็เห็นเงาร่างของผู้ชายที่เข้ามาอยู่ในห้องจัดแสดงขนาดเล็กแห่งนี้กับเธอตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ทว่าสิ่งที่สะกิดใจเธอได้มากที่สุดก็คือภาษาของเขา

    “คุณเป็นคนญี่ปุ่นเหรอคะ”

    จนทำให้โพล่งถามแบบนั้นออกไปเป็นอย่างแรก หากเมื่อกำลังจะใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตาที่ทำให้มองเห็นภาพเขาได้แต่เพียงมัวพร่า มือเล็กผอมของเธอก็จะถูกหยุดด้วยมือใหญ่ที่ฉวยจับไว้พร้อมนิ้วโป้งที่มาไล้เช็ดน้ำตาบนแก้มให้ เธอไม่ชอบเลย ผู้ชายคนนี้เป็นแค่คนแปลกหน้า เขาไม่มีสิทธิ์มาแตะต้องตัวเธอก่อนเธอจะอนุญาต ผู้ชายคนเดียวที่ตอนนี้เธอจะอนุญาตก็มีแค่ไทกะ ใช่ แค่ไทกะ เธอพยายามสะกดจิตตัวเองซ้ำไปมาอย่างนั้นในหัว ทว่าลูเอลล่าก็ได้แต่ยืนนิ่งและปล่อยให้ชายผู้นี้ทำต่อไป เหมือนที่เธอยอมให้เจสซี่ทำอะไรกับร่างกายเธอได้ตามใจชอบในคืนนั้น และหญิงสาวจะโทษว่าเป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ทำให้ความคิดของเธอลดน้อยถอยลง อย่างที่ค็อกเทลแก้วเดียวในงานปาร์ตี้ดิสโก้นั้นกระทำต่อเธอ

    ดวงตาของเธอกลับมาเห็นได้กระจ่างชัด เมื่อเขาเอามือออกจากใบหน้าของเธอที่คงไร้สีสันจากเครื่องสำอางไปแล้ว

    “ผมโฮคุโตะ”

    และชายหนุ่มจากญี่ปุ่นอีกคนที่ลูเอลล่าได้พบเจอในเซี่ยงไฮ้ ก็คือภาพเดียวที่เธอมองเห็นในยามนี้


    ลูเอลล่าจะอ้างว่าเพราะเธอไม่ชอบสายลมเย็นจัดที่หนาวเหน็บจับใจ จึงตอบรับคำชวนของโฮคุโตะที่บอกว่าที่พักของเขาอยู่ใกล้นี้หลังออกมาจากแกลเลอรีด้วยกัน ทั้งที่ก็อยู่ในเสื้อกันหนาวสีดำของเขาที่ทำให้เธออุ่นจนเดินไปโบกแท็กซี่ได้ ขณะที่โฮคุโตะบอกว่าเขาไม่หนาวแม้ว่าแค่เชิร์ตสีขาวไม่น่าจะทำให้อุ่นได้มากนัก นาฬิกาที่เห็นได้จากเชิร์ตพับแขนที่ข้อมือซ้ายของชายตัวสูงที่เดินอยู่ข้างเธอบอกเวลาตีหนึ่งห้าสิบห้า อีกห้านาทีก็ถึงเวลาที่ลูเอลล่าตั้งใจว่าจะกลับบ้านไปหาผู้ชายที่เธอรักและเขาก็รักเธอ เธอกับไทกะมีความรักมากมายให้แก่กัน ความรักที่ต่อให้กวาดทั้งโลกมารวมกันก็ยังไม่เพียงพอจะอธิบาย

    แต่ตอนที่โฮคุโตะจับข้อมือเธอให้หยุดเดินเพื่อบอกว่ามาถึงแฟลตของเขาแล้ว ตอนที่ดวงตาสีดำเหมือนหลุมดำมองสบกับดวงตาที่ไหวสั่นของเธอจนลูเอลล่าเหมือนจะหายใจไม่ออก ตอนที่เขาจับกลุ่มผมสีม่วงของเธออย่างนิ่มนวล บอกว่าผมสลวยสีสวยนี้ทำให้เขานึกถึงดอกฟูจิโนะฮานะที่ชิซึโอกะบ้านเกิด ตอนที่ปากของเธอถูกนิ้วโป้งเดิมนั้นลากไล้ ตอนที่ร่างของเธอถูกรวบเข้าไปและริมฝีปากก็ถูกรวบรัดอย่างไม่ทันตั้งตัว ลูเอลล่าก็ได้เข้าใจทันใดว่าสิ่งที่เธอต้องการในคืนที่ยากจะหลับใหลนี้ไม่ใช่ความรัก ท่ามกลางความมืดในคืนจันทร์กระจ่าง เธอมองเห็นพระจันทร์หนึ่งดวง สองดวง ไม่ใช่ สามดวงต่างหาก มันทับซ้อนกัน และฤทธิ์ของแสงจันทร์ก็ทำให้คนเราไม่เป็นตัวของตัวเอง ลูเอลล่าเชื่อว่าเพราะอย่างนั้น เธอถึงได้ยิ่งฟั่นเฟือนจนภาพของไทกะพร่าเลือนไป บัดนี้เธอลุ่มหลงจมหายไปกับทุกอย่างของผู้ชายตรงหน้า ดิ่งไปจนถึงเนื้อหนังมังสาของเขาใต้เสื้อเชิร์ตสีขาวที่เธอทาบมือประทับ และหญิงผู้เฟือนฟั่นรู้ว่าอีกไม่ช้าโฮคุโตะก็จะให้เธอได้เห็นมากกว่านั้น


    โฮคุโตะบอกแขกของเขาอย่างสุภาพว่าให้ไปนั่งรอบนเตียงขณะที่เขาเดินไปใส่แผ่นดิสก์ในเครื่องเล่น ลูเอลล่ามองเห็นทุกการเคลื่อนไหวของเขาได้ เพราะนอกจากห้องน้ำ แฟลตแห่งนี้ก็ควบรวมทุกอย่างไว้เป็นห้องเดียวกันในพื้นที่เดียว มันไม่ได้หรูหราน่าอยู่เหมือนแมนชันในโตเกียวที่เธอเคยอยู่กับเจสซี่ หรือกว้างขวางอบอุ่นเหมือนอพาร์ตเมนต์ที่เธออยู่กับไทกะในเซี่ยงไฮ้นี้ แต่มันก็เป็นที่ที่ลูเอลล่าไม่รังเกียจหากจะมาพักพิงในชั่วขณะหนึ่ง อย่างเช่นชั่วขณะนี้ สักพักที่ท่วงทำนองเริ่มบรรเลงกังวานไปทั่วห้อง ลูเอลล่าก็จดจำได้ว่ามันคือเพลง แคลร์ เดอ ลูน ของคลอด เดอบุสซี่ เธออาจไม่ได้ฟังมันทุกวันดั่งกิจวัตร แต่มันก็เป็นเพลงคลาสสิคเพลงโปรดเพลงหนึ่งของเธอตั้งแต่ชั้นเรียนดนตรีตอนมัธยมปลาย ห้องนี้อาจกันความเย็นได้ไม่มากแต่เธอก็ห่อตัวในเสื้อกันหนาวของโฮคุโตะให้อบอุ่นได้ ทว่าตอนนี้เธอเหมือนจะหลอมละลายลงไปราวกับอยู่ในอุณหภูมิจุดเดือดจากฉากที่เขาประดิษฐ์ให้ ลูเอลล่ารู้สึกเหมือนภาพที่นัยน์ตาเธอเห็นเริ่มบิดเบี้ยวพร่าเลือน อาจเพราะแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างที่ถูกปิดทำให้สตินึกคิดของเธอลดลง แต่เมื่อร่างสูงของโฮคุโตะเข้ามาบดบังแทนที่แสงนวลกระจ่างนั้น ลูเอลล่าก็พบว่าสตินึกคิดของเธอไม่ได้ลดน้อยถอยไปไหนเลย แท้จริงมันชัดแจ้งจนเธอไม่ปฏิเสธเบียร์เย็นเจี๊ยบที่เขารินใส่แก้วให้เธอแก้วหนึ่ง ตัวเองแก้วหนึ่ง เพราะหญิงสาวต้องการความกล้ามากกว่าเบียร์สามขวดที่คงออกจากกระแสเลือดไปหมดแล้ว เพื่อจะหลับนอนกับชายแปลกหน้า ผู้ที่ก็ไม่ได้มีสิ่งใด...หากดูแต่ภายนอก...ด้อยกว่าไทกะหรือเจสซี่

    ริมฝีปากของโฮคุโตะที่ตรึงประทับกับเธออีกครั้งในหนนี้ที่เธอรับรู้และยิ่งกว่าเต็มใจตอบรับนั้นเย็นเพราะเบียร์ ผิดกับจูบครั้งแรกที่ทำให้เธอผ่าวร้อนไปถึงข้างใน หากมันก็ยังคงติดแน่นเหมือนแม่เหล็กต่างขั้วแรงสูงที่ถูกดูดเข้าหากัน ทำให้เธอโหยกระหายเขามากขึ้นอย่างไม่คิดต้านทานผลักไสแม้เพียงนิด โฮคุโตะมีวิธีจูบที่ไม่เหมือนใคร อย่างน้อยก็ไม่เหมือนไทกะหรือเจสซี่ ความชำนาญของเขาดูจะมีไว้เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ และทำให้ลูเอลล่าแน่ใจว่าเขาต้องเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการเล้าโลมก่อนจะมีอะไรกัน ก็อีกครั้งที่เขาไม่เหมือนไทกะ ผู้ปฏิบัติต่อเธออย่างอ่อนโยนที่สุดเหมือนเธอเป็นแก้วที่จะแตกสลายได้จากความรุนแรงแค่เพียงเล็กน้อย เขาจะถามเธอทุกครั้งว่ารู้สึกดีไหม พอใจหรือเปล่า เจ็บไหมตอนที่นิ้วล่วงล้ำเข้าไป หรือกับเจสซี่ผู้แทบไม่ยอมเล้าโลม ไม่สนว่าเธอจะพร้อมหรือไม่ ต่อให้เธอเจ็บเขาก็ไม่หยุด และดูเหมือนเขาก็จะนิยมชมชอบเรื่องความซาดิสม์บนเตียงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่แน่ว่ามันอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ลูเอลล่าเคยมอบความรักมากมายให้กับเขาภายใต้ความดีงามมากมายที่ฉาบเขาไว้ เพราะเบื้องลึกในใจเธออาจคิดว่าตัวเองต้องถูกลงโทษด้วยทางใดสักทาง

    โฮคุโตะดูจะเชี่ยวชาญชำนาญในการใช้ริมฝีปากจูบปรนเปรอเธอให้อ่อนระทวยด้วยความละเมียดละไมอย่างลึกซึ้งภายใต้แรงเร้าปรารถนาที่เร้นเร่าอยู่ภายใน หากทว่าก็เร่งเร้าอารมณ์จุดติดให้เธอจนเปียกแฉะไปหมด ยามเมื่อเสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องออก ลูเอลล่าก็รู้สึกเหมือนเธอเป็นแม่มดที่ถอดอาภรณ์อาบแสงจันทร์เพื่อให้มีฤทธา หาใช่เพียงผ้าผ่อนที่ถูกเปลื้องปลด แต่ยังรวมถึงทุกความปรารถนาในกายเธอ ริมฝีปากของโฮคุโตะที่ลดต่ำเลื่อนไหลจากปากไปเป็นซอกคอ หน้าอก หน้าท้อง จนถึงกึ่งกลางร่างเธอ ก็ทำให้ลูเอลล่ารู้สึกเหมือนเธอกำลังพุ่งทะยานขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นเจ็ดโดยไม่ต้องรอผู้ใดประกาศิต ความเป็นหญิงของเธอเปิดรับเขาดั่งดอกไม้ฉ่ำน้ำท่ามกลางป่าเขาอันมีเพียงผู้ถูกเลือกที่จะได้ลิ้มรสน้ำหวานที่ถูกเก็บกัก ผมของโฮคุโตะที่เธอขยุ้มไว้จากอารมณ์กระสันที่ยั้งไม่อยู่เป็นสีดำสนิท ไม่เหมือนผมสีม่วงของเธอที่เขาบอกว่าทำให้นึกถึงฟูจิโนะฮานะ ผมสีทองของไทกะที่ทำให้เขาดูเหมือนเทวดา หรือผมสีแดงที่ร้อนเร่าของเจสซี่ แต่ในพริบตาจากนั้น ทุกความคิดถึงชายอื่นก็พลันมลายหายไปจากความนึกคิดของเธอจนสิ้น มีเพียงแค่ชายตรงหน้าเท่านั้นที่ลูเอลล่าจดจ่อ หัวใจเต้นรัวเร็วจนเหมือนจะระเบิดแม้เขาจะช่วยปลดปล่อยให้เธอด้วยริมฝีปากได้แล้วก็ตาม ยามที่เขาฝังกายเข้าไปในตัวเธอก็ไม่ได้เร่งรีบ แต่คอยสังเกตสีหน้าของเธอ รอให้เธอได้ปรับตัว แล้วจึงค่อยเคลื่อนไหวในจังหวะที่เธอต้องการด้วยการอ่านสีหน้าร่างกายของเธอแม้ไม่ต้องเอ่ย ลูเอลล่ารู้สึกเหมือนเธอมองเห็นสวรรค์ ไม่แน่ใจว่ากำลังกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่หรือเปล่าขณะกอดรัดขยับกายไปตามจังหวะเดียวกับเขา เธอได้กลิ่นเหงื่อจากตัวเขา ได้กลิ่นลมหายใจของเขาที่รินรดบนตัวเธอ ไม่เพียงถูกเติมเต็มทั้งกาย แต่ยังลึกซึ้งไปถึงจิตใจ เขาให้ได้ในทุกความใคร่ที่เธอปรารถนา เธอปล่อยอารมณ์ไปกับเขา เปล่งเสียงวิงวอนขอให้เขาไปถึงฝั่งกับเธอด้วยกันกี่ครั้งกี่หนก็ไม่รู้ได้

    แต่โฮคุโตะก็ยังให้เธอมากกว่านั้น มากกว่านั้น และมากกว่านั้น ราวกับวันสิ้นโลกจะมาถึง และเขาคือคนสุดท้ายในชีวิตที่จะร่วมรักกับเธอในวินาทีที่โลกทั้งใบแตกดับ


    ณะที่ฝีเท้าในรองเท้าบู๊ตย่ำไปตามตรอกซอกซอยของเซี่ยงไฮ้ในยามกลางวันที่ดวงอาทิตย์สาดแสงมาพร้อมกับไอร้อน หลังออกมาจากแฟลตของโฮคุโตะที่เจ้าของห้องไม่อยู่แล้วเมื่อเธอตื่นขึ้น แต่ข้อความภาษาญี่ปุ่นที่เขาทิ้งไว้บนโต๊ะข้างเตียงด้วยลายมือที่ไม่คุ้นตาก็ยังฝังแน่นอยู่ในโสตประสาทและในกระเป๋าสะพายใบเล็กของเธอ จากชายที่ควรเป็นแค่คู่นอนคืนเดียวของเธอ

    ผมมีธุระต้องไปก่อนเลยไม่ได้ลาคุณ แต่หวังว่ากลับมาจะยังได้เจอคุณ หรือถ้าไม่ ก็หวังว่าคุณจะทิ้งช่องทางติดต่อไว้ให้กับผม ผมชอบคุณมาก

    แต่แล้วเสียงเพลงหนึ่งที่แว่วดังมาก็ทำให้ลูเอลล่าต้องชะงักฝีเท้า มันเป็นเพลงในท่วงทำนองเก่าที่ฟังโบราณน่าดูในยุคปัจจุบันแม้จะเพิ่งออกมาได้แค่เจ็ดปี แต่มันก็คือหนึ่งในเพลงที่ลูเอลล่าชอบนอกเหนือจากเพลงของวงเอ็ม-โฟลที่เธอรัก เพราะมันเป็นเพลงที่ไทกะชอบ เพลงที่ไทกะบอกว่าพ่อของเขาที่เป็นนักร้องเคยร้องให้ฟัง ชิอาวาเสะ นะ เคตสึมัตสึ (ตอนจบแสนสุข) ของโอทากิ เอย์อิจิ เธอหันมองซ้ายขวาเพื่อตามหาที่มาหากก็ไม่รู้เลยว่าเพลงนั้นดังมาจากที่ใดในหมู่อาคารมากมายนี้ ทว่ามันก็ลอยวนอยู่ในชั้นบรรยากาศเหมือนเป็นอากาศที่ลูเอลล่าใช้หายใจ...อากาศที่ไทกะก็ใช้หายใจ เพราะความรักบริสุทธิ์และงดงามที่เขามีต่อพ่อผู้ล่วงลับเป็นอย่างนั้น

    และในตอนที่เนื้อเพลงโปรดของชายคนรักไปถึงท่อนที่เขาเคยดีดกีตาร์ร้องให้เธอฟังด้วยรอยยิ้มที่งดงามที่สุดในโลกว่า เราย่อมได้พบตอนจบที่แสนสุข ลูเอลล่าก็ทรุดตัวลงไปนั่งปิดปาก ร้องไห้สะอึกสะอื้นราวกับรับน้ำตาทุกหยาดหยดบนโลกมาเป็นของตนเอง เพราะเนื้อเพลงท่อนต่อจากนั้นที่มีว่า ‘บัดนี้ฉันพูดได้แล้ว ฉันจริงใจได้แล้ว ฉันจะรักเธอตลอดไป ที่รัก เธอเป็นของฉัน มันไม่อาจเป็นจริงกับเธอเหมือนอย่างไทกะที่ขับร้องมอบมันให้เธอได้ เธอจมอยู่ในห้วงมหาสมุทรและไม่อาจขึ้นมาได้ ไม่ว่ามือของใครในสามคนนั้นจะยื่นมาให้จับ มันก็ลื่นเสียจนเธอไขว่คว้าไม่ได้ตราบที่ไม่ฉุดพวกเขาให้ลงมาจมด้วยกัน

    ลูเอลล่าไม่รู้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงทุเรศพรรค์ไหนกันแน่ เธอตกหลุมรักความอ่อนโยนของไทกะ เธอพร้อมยอมตายได้กับความดิบเถื่อนของเจสซี่ และเธอก็หลงใหลมัวเมาไปกับสิ่งที่อยู่กึ่งกลางระหว่างนั้นจากโฮคุโตะ เธอกลายเป็นผู้หญิงอย่างที่ได้เคยปรามาสตราหน้าหญิงอื่นตอกหน้าว่าแพศยา ไม่ซื่อสัตย์กับคนรักของตัวเอง มีคนรักเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักพอ หากเมื่อชะโงกมองดูเงาตัวเองในยามนี้ ลูเอลล่าก็รู้ว่าเธอตรงต้องกับคำนิยามที่เคยหยามหมิ่นไว้ทุกประการ

    เธอควรต้องตัดคนสองคนทิ้งไปและเลือกแค่ใครคนเดียว และคนคนนั้นก็ต้องเป็นไทกะ มันควรต้องเป็นอย่างนั้น

    ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาได้สอนให้ลูเอลล่ารู้ว่าเซ็กซ์ไม่ใช่รัก ทว่าตราบใดที่ไทกะยังให้ความสุขบนเตียงกับเธอด้วยตัวตนของเขาไม่ได้ ลูเอลล่าก็ไม่มีทางจะมีแค่เขาคนเดียวได้ เพราะความรักกับความใคร่อยู่คนละส่วนกัน เธอสามารถอยู่ได้แค่จากความใคร่โดยไม่จำเป็นต้องมีความรัก แต่หญิงแพศยาอย่างเธอไม่สามารถอยู่ได้ด้วยความรักเพียงอย่างเดียว แม้จะรู้ว่าสิ่งที่เธอทำก็คือการสร้างบาดแผลบาดลึกทับถมกันไปอย่างนั้นจนยากจะลบเลือนยิ่งมันพอกพูน และคนที่เจ็บก็ไม่ได้มีเพียงเธอ...แต่ยังมีไทกะผู้คงเจียนตายหากได้รู้ความจริง

    ลูเอลล่าไม่ได้แค่กลัวความว้าเหว่และโดดเดี่ยวที่เปราะบางของไทกะจะแตกกระจาย

    แต่ยังกลัวว่าการต้องกลับไปโดดเดี่ยวอีกครั้งหลังจากได้มีเขาที่เธอรักจนแทบบ้าจะทำให้เธอตาย

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    - เนื่องในโอกาสที่มึงกลับบ้านเราไปดูอินเดอะมู้ดฟอร์เลิฟ และมีการอวยฟิคนี้ของกูว่าได้ฟีลหว่องกาไว (น่าจะเป็นหว่องอีกาหรือเปล่า) กูก็เลยคิดว่าเฮ้ย จะชมกันมากไปแล้ว (ทำเป็นถ่อมตัว แต่ในใจก็คือว้ายบ้าน่า TvT) แต่ที่มึงคิดอย่างนั้นก็แค่เพราะเรื่องมันเกิดในจีนเท่านั้นแหละ แต่กูก็จะน้อมรับและยอมรับอย่างน่าหมั่นไส้ให้คนแอบด่าลับหลังได้เลยว่ามันดีจริง ไม่เถียง เพราะกูพูดเลยว่าเรื่องนี้เป็นหนึ่งในงานที่กูรักและภูมิใจที่สุดที่เคยได้แต่งมา ใครไม่คิดไม่เป็นไร เราคนแต่งคิดเองได้
    -
    มีความบังเอิญหลายเรื่องด้วยกันในเรื่องนี้ เช่นทั้งสามคนให้โน้ตกับลูเอลล่าเพื่อจะสานต่อความสัมพันธ์กันหมด (สาบานว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่พอมาสังเกตก็เฮ้ย!) และquoteที่พูดถึงคนสามคนในชีวิตที่กูได้หยิบยกมาใส่ในตอนนี้ เอามาจากหนังสือลึกลับโตเกียวเรื่องสั้นของมูราคามิที่บังเอิญได้อ่านพอดี และเรื่องนี้ก็มีผู้ชายสามคนที่นางเอกเชื่อมโยง แค่ของลูเอลล่าเกิดในช่วงเวลาเดียวกันหมด ในช่วงต้นที่พูดถึงเจสซี่เยอะเพราะมีแค่คนเดียวอยู่ แต่พอมีโฮคุโตะมาแล้วก็จะเริ่มพูดถึงด้วย เอาตามตรงเลยคือทุกครั้งที่พูดถึงผู้ชายคนนึง ลูเอลล่าก็จะคิดถึงผู้ชายอีกสองคนตลอด เป็นอย่างนี้แหละเวลาเรารักใครหลายคนนะพี่นะ
    -
    จะบอกว่าเพลง Shiawase na Ketsumatsu กูไม่ได้ฟังมานานมาก ทีนี้พอหลงไปฟังก็เฮ้ย! ปลุกผีแล้ว ใครถามหาอดีตคอเพลงละครญี่ปุ่นยุคเก่าอย่างกูคะ (ไม่ได้จะแอ๊บว่ากูฟังเพลงเก่าอย่างไทกะงี้นะ แต่จำได้ว่าเป็นผลพวงจากสมัยนั้นรักดารารุ่นแก่ แต่มาคิดดู ส่วนใหญ่เพลงที่กูชอบจะประกอบละครของป๋าคิมุทั้งนั้นเลยว่ะ ว่าแต่ขอฟิคสักเรื่องให้นางเอกกูชอบมิสเตอร์ชิลเดรนหน่อยค่ะ) แล้วมันคือเพลงหนึ่งที่กูรักมากที่สุดมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว แต่คิดดูสิว่ากูยอมยกให้มึงกับฟิคเรื่องนี้ พี่ หนูเล่นด้วย T_T
    - พูดจริงว่าเราสามารถลงตอนจบให้นางเอกได้กับไทกะ เจสซี่ โฮคุโตะ หรือไม่ได้กับใครในนี้เลยก็ได้ (นึกถึงเรื่อง Tsuki no Koibito แต่อันนั้นตัดเคโกะออกได้เลย รู้เลยว่ายังไงก็ไม่มีหวัง อย่างเซ็ง แต่เรื่องนี้กูสามารถแต่งให้ทุกคนเป็นพระเอกได้จริงนะ 555 ตอนแต่งกูสนุกมากกับผู้ชายทั้งสามคน แม้กระทั่งกับโฮคุโตะ คิดดู!) แต่ถ้าถามเราคนแต่งนะ...ไทกะ...ที่สุด (ได้ข่าวเค้าให้มึงแต่งฟิคโฮคุโตะให้)
    - อันนี้ออกตัวก่อน แต่เจสซี่เป็นคนดีนะ หมายถึงไม่ได้เอะอะก็ซ้อมแฟนอะไรอย่างนี้ แต่เวลาอารมณ์ขึ้นหรือไม่พอใจก็หน้ามืดได้ (ก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไรหรอก แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายร่างกายแฟนเหมือนเป็นกระสอบทราย) เรื่องรสนิยมบนเตียงก็แบบนึงไม่เกี่ยว แล้วโฮคุโตะก็ไม่ใช่ช่างภาพหรอกนะ เพราะก็ไม่ได้ถ่ายรูปสวยอย่างที่ลูเอลล่าว่า สปอยล์นะ 555 และลูเอลล่าก็คงเป็นหญิงเลวแหละ แต่ก็ไม่ได้ตั้งใจจะแต่งนางเอกดีจ๋าหรือร้ายออกเหมือนในละครไทยแต่อย่างใดอยู่แล้วล่ะนะ 555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×