คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : The Town That Dreaded Sunrise (Prologue) | Twin Peaks (1990)
INSPIRED BY : Twin Peaks (1990) | Creators - David Lynch, Mark Frost
RE-RELEASE DATE : APRIL 30, 2021
---------------------------------------------------------------------------------------------------
- เผอิญย้อนไปอ่านแล้วก็รำลึกได้ว่าเคยเอาลงแต่ปิดตอนไว้ แต่คิดไปคิดมาก็เฮ้ยไม่ได้ไอเดียแจ่มว้าวแถมแต่งดีอย่างนี้ก็ต้องให้โลกได้เห็นอีกสักครั้งมั้ย ไอเดียหลักมาจากทวินพีคส์ ที่พยายามมาสามสี่ปีแต่จนบัดนี้ก็ยังแต่งฟิคที่ได้แรงบันดาลใจมาจากทวินพีคส์ไม่ได้สักที ทั้งที่ก็แนวเราหมดเลยมั้ย :p แรงบันดาลใจหลักมากรองมาก็ Marianne, The Third Day และ The Devil All The Time จ้า
- เดือนที่แล้วเพิ่งได้แปลเรื่องเดอะเทิร์นนิ่ง พอดูก็อยากแต่งฟิคให้น้องฟินน์ วูล์ฟฮาร์ดเป็นพระเอกมากไม่ไหวแล้ว น้องเป็นหนุ่มแล้ว ปีนี้สักเรื่องได้มั้ย (บอกตัวเองงิ T v T)
.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
PROJECT STARTS : AUGUST 31, 2020 & SEPTEMBER 30, 2020
INSPIRATIONS : MARIANNE | THE THIRD DAY | TWIN PEAKS | THE DEVIL ALL THE TIME | RIVERDALE
AMERICAN HORROR STORY | ALL THE FILMS IN THAT ERA OR SET IN THAT ERA I’VE EVER WATCHED :3
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มันออกจะเป็นเรื่องชวนหัวที่เด็กผู้ชายอายุสิบสาม มานั่งดูหนังหลอน พิลึกพิลั่น และเข้าใจยากของลินช์ ท้ายกะบะที่จอดอยู่ในโรงหนังไดรฟ์อินแค่เพราะพ่อจะมาดื่มเหล้า
ถึงมันจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตถ้าคุณมีพ่อเฮงซวยอย่างผม แต่บางทีผมก็คิดว่าพ่ออาจเตรียมตัวโดยไม่ตั้งใจให้ผมพร้อมกับชีวิตเฮงซวยที่เขาจะทำให้ผมเจอในอนาคตก็ได้
เพราะหลังจากนั้น ผมก็ได้เรียนรู้อย่างถ่องแท้ไปจนถึงแก่นแท้ว่าชีวิตจริงของผม...ของคุณ...ของเรา...หรือของใครก็ตาม มันทุเรศได้กว่านั้นเยอะ
ไม่ว่าหน้าฉากของคุณจะสวยงามขนาดไหน แต่หลังฉากของทุกคนล้วนฟอนเฟะด้วยกันทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่กับผู้มาใหม่อย่างเธอที่ผมพยายามจะมองแต่ความงดงาม
แต่อย่างไรผมก็ได้รู้ไปถึงขั้วหัวใจเลยล่ะ ว่าเดวิด ลินช์ มองทะลุถึงแก่นแท้ของจิตใจมนุษย์ได้ลึกขนาดไหน
อ้อ เขาเป็นผู้กำกับคนโปรดของผมเลยนะ”
.
ราวกับมีบางอย่างดึงดูด ราวกับเมืองนี้เรียกเธอกลับมา ลูซี แบล็ควู้ดยังคงคิดอย่างนั้นแม้เธอจะย้ายกลับมาอยู่ในเมืองโอฟอร์เรสต์ได้พักใหญ่แล้วก็ตาม เด็กสาวเคยคิดว่าเธอไม่ได้ผูกพันกับเมืองที่ดูจะไม่มีสิ่งใดให้จดจำหรือรำลึกถึงแห่งนี้ ทว่าเมื่อได้กลับมาก็พบว่าทุกสิ่งในเมืองนี้คือทุกสิ่งที่เธอปรารถนามากถึงขนาดโหยหา และสิ่งนั้นก็รวมถึงเด็กหนุ่มที่กลายมาเป็นคนรักของเธอ ผู้มอบความรักที่ใครต่อใครต่างก็อิจฉาให้ จนวันหนึ่งเขาก็ทำให้ทุกอย่างนั้นพังทลายด้วยการทำร้ายที่ฉีกทึ้งไม่เพียงร่างกายแต่กรีดลึกไปถึงจิตใจ โดยไม่มีผู้ใดไยดีจะเยียวยาแม้กระทั่งคนเดียวในครอบครัวที่เหลืออยู่ของเธอ นับตั้งแต่วินาทีที่พบว่าตนถูกทอดทิ้ง บนท้องฟ้าของลูซีก็ไม่มีหมู่ดาวหรือเพชรนิลจินดาอีกต่อไป
เมื่อบาดแผลถูกเปิดอ้า เธอก็สดับรับฟังเสียงกระซิบที่เพรียกเรียกหามาเนิ่นนาน จากหลุมมืดดำใจกลางต้นไม้แห่งชีวิตที่หลับใหลในผืนป่ากว้างใหญ่มายาวนานกว่าชีวิตของผู้ใดบนพื้นพิภพ เพื่อเปิดรับความมืดดำที่เคยได้เพียงคืบคลานอยู่รอบตัวเข้ามา จิตวิญญาณที่เคยศักดิ์สิทธิ์ โอบล้อมด้วยความรัก อาบล้อมด้วยแสงสว่าง บัดนี้ถูกความมืดเข้ามาแทนที่ กลืนกินทุกความดีงามที่เคยมี ไม่เพียงแค่เธอ แต่แผ่กระจายไปถึงทุกคนรอบตัวเธอ ลูซีกลายเป็นภาชนะของความชั่วร้าย เพื่อเปิดทางให้ความมืดดำกลับคืนสู่ผืนดินอีกครั้ง เพื่อต้อนรับบิดาผู้รอเพียงการถูกปลุกจากการหลับใหลให้มารับสืบทอดตำแหน่งที่พึงมีโดยชอบธรรม เพื่อให้เขานำพาเมืองนี้ไปสู่ทิศทางที่ถูกต้องพร้อมกับมารดาที่ถูกต้อง จากสถานที่ที่เป็นดั่งใจกลางของโลกใบนี้ โลกที่ไม่ปรารถนาจะให้ดวงอาทิตย์ฉาดฉายแก่คุณงามความดีใดอีกต่อไป
เพราะซาตานในรูปเทพบุตรกระซิบบอกเด็กสาวผู้โง่เขลาว่า ความงามที่แท้จริงอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
ทั้งความมืดแท้จริงจากปีศาจที่เดินดินอยู่ท่ามกลางปุถุชนเฉกเช่นเรา...และความมืดที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวพวกเขาทุกคน
ขโมยชื่อเรื่องมาจากหนังเรื่อง The Town That Dreaded Sundown (เคยดูแต่ฉบับปี2014จ้า) เห็นชื่อนี้ครั้งแรกก็ชอบมากจนอดไม่ไหวขอเอามาใช้นะพี่นะ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Introduction & Prologue : ANNA LEE, THE DESTROYER
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เชอร์รี รอยซ์ แน่ใจตั้งแต่ก่อนต้องย้ายจากนิวยอร์กเพราะการงานของพ่อเลี้ยงมาเป็นเมืองเล็กในเวสต์เวอร์จิเนียที่ชื่อ ‘แอนนาลี’ แล้ว ว่าเธอจะไม่ได้พบอะไรที่เฉียดกรายกับความหมายในเนื้อเพลง ‘อันนา ลี เดอะ ฮีลเลอร์’ (อันนาลีผู้รักษา) ของวงเดอะบีชบอยส์ที่พ่อผู้เสียไปด้วยอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อสองปีก่อนชอบ และแค่ย้ายมาอยู่ได้ไม่นาน เด็กสาววัยสิบแปดก็มั่นใจว่าเมืองที่มีคำขวัญว่า “เมืองแห่งการรักษาเยียวยา” กับประชากรไม่ถึงพันคนนี้มีความลับดำมืดเหมือนในหนังเรื่อง บลู เวลเว็ท อย่างที่อีไล คาร์สัน เพื่อนร่วมห้องที่ก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเธอยืนยัน เขาว่าชีวิตของใครหลายคนในเมืองนี้มืดหม่นยิ่งกว่าในหนังเสียอีก (อีไลเองก็คนหนึ่ง) ฉะนั้นสิ่งหนึ่งที่เชอร์รีรู้และมั่นใจโดยไม่กังขาก็คือไม่มีอะไรจะรักษาอะไรได้ อุปมาในความหมายหนึ่ง เป็นความจริงในความหมายหนึ่ง
แอนนาลีเป็นเมืองเล็กมากเมื่อเทียบกับเมืองกรุงที่เด็กสาวจากมา แต่น่าอัศจรรย์ที่มันมีสีสันไม่เบาในตอนกลางคืน ช่วงเวลาที่เธอรักที่สุดของวัน ‘บาร์บราแอน’ (ชื่อเพลงของเดอะบีชบอยส์ที่เธอหนีไม่พ้นอีกแล้ว) เป็นไดเนอร์หนึ่งเดียวของเมือง เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง อาหารขึ้นชื่อคือเชอร์รีพายชั้นเยี่ยมกับกาแฟชั้นยอด (ตามที่ลิสซาเบธผู้ดื่มมันทุกเช้าค่ำเล่าให้เธอที่ไม่ดื่มกาแฟฟัง) แต่ของโปรดที่สุดของเชอร์รีคือมื้อเช้าโดยเฉพาะไข่ดาวกับเบคอนอร่อยเหาะ และจูกบ็อกซ์ตู้เดียวในร้านที่ไม่มีเพลงของวงเดอะบีชบอยส์ให้เธอร้าวรานใจ แชรอนเจ้าของร้านหน้าตาสะสวย พูดจาฉะฉาน แต่งหน้าแต่งตัวแจ่มเจิดเหมือนหลุดออกมาจากละครโทรทัศน์ เป็นผู้หญิงในแบบที่เชอร์รีชมชอบและชื่นชมไม่ต่างจากนายอำเภอเบนฟอร์ดที่เป็นแฟนของหล่อน
ย้ายมาได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ เชอร์รีก็ขอย้ายออกจากบ้านที่ผนังห้องบางมากจนได้ยินเสียงแม่กับโจอี้พ่อเลี้ยงมีอะไรกันทุกคืน เรอเนอนุญาตตราบที่ไม่รบกวนการเงินของหล่อน ลูกสาวที่มีเงินเก็บตลอดหลายปีจากงานพาร์ทไทม์จึงขนของออกไปเช่าโมเทลแห่งเดียวในเมืองที่ชื่อ ‘ฟาราเวย์แลนด์’ ห้องพักไม่แคบ ไม่แย่ ไม่อันตราย คุณบรินสันเจ้าของห้องเช่าก็ใจดี และเทรเวอร์หลานชายของเขาก็น่ารักดี เพื่อนห้องข้างเคียงของเธอคือเอฟบีไอที่มาทำงานในเมืองเพราะคดีฆาตกรรม เชอร์รีกับเจ้าหน้าที่เรย์มอนด์ มิลเลอร์ไม่เคยคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเว้นแต่ตอนเธอถูกเรียกไปสอบสวน นอกนั้นก็ทักทายพูดคุยกันเล็กน้อยเมื่อเจอหน้า เขาแก่กว่าเธอมาก แต่ก็ดูดีไม่เบาหากมองในวัยของเขา
นั่งพอนทีแอค(มือสองสามสี่ห้า)สีฟ้าน้ำทะเลของอีไลจากฟาราเวย์แลนด์ไปราวสิบห้านาทีก็จะเจอโรงหนังไดรฟ์อิน เขาใช้ชีวิตกินนอนอยู่ในรถเทรเลอร์คับแคบข้างหลังนั้น ทำงานเป็นคนฉายหนังให้โรงหนังกลางแจ้งที่เปิดฉายเฉพาะตอนเย็นถึงดึกนี้ อีไลเป็นคนฉลาดและรอบรู้เรื่องหนังมากที่สุดที่เชอร์รีเคยรู้จัก ลิสซาเบธเพื่อนสนิทของเขาที่ก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเธอยืนยัน และเหตุผลที่เด็กหนุ่มต้องระเห็จมาอาศัยอยู่ในรถบ้านก็คือเหตุผลมืดหม่นเกี่ยวกับพ่อที่หนีไป พร้อมหนี้ก้อนโตที่หาทั้งชาติก็ไม่มีปัญญาชดใช้ได้หมด
และหากพูดถึงลิสซาเบธ อัลไบรต์ ก็ต้องเอ่ยถึงบ้านเล็กหลังโบสถ์ที่เธออาศัยอยู่กับพี่ชาย เพรสตัน อัลไบรต์ สาธุคุณหนึ่งเดียวของโบสถ์ ‘เวลาแห่งพระหรรษทาน’ ลิสซาเบธบอกว่าเขาไม่ใช่นักบุญน่าศรัทธาอย่างที่ใครคิด แล้วก็ไม่ใช่พี่ชายแสนดีอย่างที่ใครเห็น และเรื่องหลังนั้นก็เกี่ยวข้องกับเรื่องของเธอและแฟนเก่าที่ชื่อโรมัน ก็อดเซนด์ นามสกุลก็อดเซนด์อาจไม่ได้สร้างเมืองนี้ แต่ตอนนี้เกือบทั้งเมืองเป็นของครอบครัวเขา ยกเว้นสิ่งเดียวที่โรมันครอบครองไม่ได้อีกต่อไปก็คือลิสซาเบธ เชอร์รีผู้ไม่เข้าโบสถ์ในวันอาทิตย์หรือนับถือพระเจ้าองค์ไหนดูออกว่าเพรสตันไม่ค่อยชอบอีไลกับเธอ อาจคิดว่าพวกเธอจะชักนำน้องสาวคนเดียวของเขาเข้าสู่ทางบาป แต่ลิสซาเบธบอกว่าพี่ชายของเธอต่างหากที่เป็นคนบาปโดยแท้จริง
พวกเขาทั้งสามเป็นเพื่อนร่วมห้องกันในรั้วโรงเรียนมัธยมแอนนาลี ที่นักเรียนใหม่ถูกเขม่นโดยสองสาวลีแอนน์ ก็อดเซนด์ กับออดรีย์ แชโดว์ อานิสงส์มาจากความสัมพันธ์ที่ไม่เข้าทีของลิสซาเบธกับพวกหล่อนอันเนื่องมาจากโรมันเป็นตัวกลาง เพราะหนึ่งคือน้องสาวของเขา อีกหนึ่งคือแฟนใหม่ของเขา หรือจะเป็นเลียม เพื่อนสนิทของโรมันที่หาโอกาสมุดเข้ากระโปรงเด็กใหม่อย่างเธอ แต่สตีเวนที่เป็นเพื่อนสนิทของพวกนั้นนับเป็นข้อยกเว้นได้เพราะเป็นคนดี ไม่แค่นั้นโรงเรียนยังเป็นสถานที่พบศพเบย์ บริสเซตต์ หรือก็คือคดีฆาตกรรมแรกในรอบห้าสิบปีของเมือง จนเจ้าหน้าที่เอฟบีไออย่างมิลเลอร์ถูกส่งมาสืบสวน ร่วมกับนายอำเภอเบนฟอร์ดและผู้ช่วยเทอร์คอตต์ที่ดูไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย ไม่นานจากนั้นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอเซปเทมเบอร์ก็ถูกส่งมาสมทบ ทุกคนในเมืองรู้ว่าเด็กสาวบริสเซตต์ตายเพราะถูกรัดคอ ศพถูกทิ้งไว้ในห้องน้ำชาย แต่ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรหรือใคร
หากก็มากพอที่จะทำให้เชอร์รีรู้ว่าเมืองแอนนาลีนั้นไม่ปกติ ภายใต้ฉากหน้าที่ดูสวยงาม แท้จริงทุกอย่างพิลึกพิลั่นและผิดที่ผิดทาง หรือที่อีไลบอกว่า ‘เน่าเฟะ’
และเชอร์รีก็จะได้รู้เองในที่สุดว่าสิ่งเดียวที่เมืองแอนนาลีรักษาได้ ก็คือการรักษาคนดีสุดขั้วให้กลายเป็นคนชั่วสุดขีด
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
- แต่งทิ้งไว้ตั้งแต่กุมภาปี2019แล้วจ้ะ เผอิญย้อนไปอ่านแล้วเฮ้ยชอบว่ะ แต่ที่จริงก็เหมือนแต่งใหม่อยู่ดีเพราะแก้บทเพิ่มบทลดบทอะไรไปหมด แต่เอาน่า มันตั้งต้นมาจากตรงนี้ว้อย! ชื่อเมืองแอนนาลีก็ไม่ได้เปลี่ยน ที่จริงอยากเปลี่ยน แต่พอเอามาจากชื่อเพลงแล้วก็คิดว่ามันเล่นในเรื่องได้สนุกดี (เนื้อเพลงอันนาลีเหมือนเรื่องสั้นมือน้ำแข็งของคุณเอมีเลยว่ะ มึงไปอ่านเนื้อเพลงดู)
- จะบอกว่าตอนแรกไม่มีหรอกทั้งศพทั้งเอฟบีไอ มันควรเป็นแค่เรื่องรักวัยรุ่นในยุคนั้นสิโว้ย! แต่เมื่อวานดูหนังเรื่อง ANNA แล้วก็คิดว่าพี่คิลเลียนน่าเล่นบทเอฟบีไอว่ะ อีท่าไหนไม่รู้ในหัวนึกถึงทวินพีคส์แล้วพล็อตนี้ก็มา เลยคิดว่าเอาวะ มาก็มา! (เนี้ย พี่คิลเลียนอดเป็นคนขับรถบรรทุกเลยวะ อย่างเซ็ง 555) แล้วก็ไม่ได้เล่นเรื่องศาสนาอะไรด้วย ปลอมทั้งนั้นแหละ ไม่เอาแนวสืบสวนอะไรด้วย แต่เหนือธรรมชาติมั้ยยังไม่แน่ใจ เพราะเราจะเล่นเรื่องความเน่าของคนในเมืองมากกว่า (น้ำเน่าตามสไตล์กูหรือเปล่า T v T)
- สุดท้ายก็ทำใจเทลิซไม่ได้ เลยคิดว่าเอามาเล่นฟิคนี้กับโรมันแล้วเราพอโอเคอยู่ เคยแต่งฟิค90sที่ลิซเป็นนางเอกก็อยากให้เป็นนางเอกฟิคยุคนั้นต่อไป T_T
ความคิดเห็น