คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : V - Before I fall (+ the reason about Discontinued)
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“เธอสนใจเรื่องเขียนบทหนังด้วยเหรอ”
เอดีนาที่ก้มหน้าจดจ่อกับหนังสือเล่มหนึ่งเงยหน้าขึ้น ทีแรกก็ไม่แน่ใจว่าเป็นคำถามถึงเธอหรือเปล่า แต่เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะมองจ้องหน้าเธอเหมือนตั้งใจรอฟังคำตอบ ก็ทำให้แน่ใจได้ว่าเขากำลังถามเธอ
“อ๋อ อื้ม แต่ยังอยู่แค่ในขั้นเริ่มต้นนะ”
จึงตอบออกไปด้วยความประหม่าระคนเขินอาย ขณะงับปิดหนังสือการเขียนบทหนังเบื้องต้นที่มีในห้องสมุดโรงเรียน มันเป็นเพราะเธอยังใหม่กับเรื่องเขียนบทหนังนี้ และมันก็คล้ายกับการถูกคนแปลกหน้ามาแอบเห็นความลับที่ยังไม่พร้อมจะเปิดเผย แต่เพราะเขาไม่มีทางรู้ความคิดนั้นของเธอ จึงชี้นิ้วไปยังเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามแล้วถามว่า
“ขอนั่งได้มั้ย”
และเมื่อเอดีนาพยักหน้า เด็กหนุ่มคนนั้นก็นั่งลงเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะเธอ...ในตำแหน่งที่เคยเป็นของใครอีกคน
เป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้วที่เธอกับจิมไม่ได้ปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยกันเหมือนอย่างที่เคย เขามีประชุมเรื่องค่ายวิทยาศาสตร์ทุกเย็น ต้องกลับบ้านดึกดื่นทุกคืน ไม่เว้นแม้กระทั่งในวันหยุด ช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับเขาลดน้อยลง นอกจากตอนเช้าที่ไปโรงเรียนด้วยกัน ในบางวิชาเรียนที่ตรงกัน ตอนบังเอิญเจอกันตามทางเดินในโรงเรียน หรือตอนกลางคืนที่เธอรอทักทายเขาก่อนเข้านอน เขาจะบอกราตรีสวัสดิ์กับเธอด้วยใบหน้าอิดโรย แต่ก็ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนทุกครั้งที่เป็นมา
เอดีนาไม่คิดเรียกร้องอะไรจากเขา แต่เธอหวังว่าเขาจะเรียกร้องอะไรจากเธอในยามเหน็ดเหนื่อย—อะไรก็ได้ทั้งนั้น เธอหวังว่าเขาจะทำแบบนั้น...สักวันหนึ่ง
เพราะอย่างนั้น เอดีนาจึงเริ่มใช้เวลาว่างในยามเลิกเรียนที่ไม่มีเขาไปกับการเข้าห้องสมุด หาอ่านตำราเกี่ยวกับการเขียนบทภาพยนตร์ ควบคู่กับบทหนังที่มีตีพิมพ์ออกมา เพื่อเริ่มดัดแปลงนิยายของตัวเองเป็นบทหนังที่สักวันจิมอาจจะได้เอามันไปทำเป็นหนัง เธอเชื่อมั่นว่าเขาจะได้ทำ...ดังนั้นเธอก็เชื่อมั่นว่าตัวเองจะทำได้เช่นกัน
แต่มันไม่ใช่ก้าวแรกของเธอ มันเพื่อก้าวแรกของเขา...ของการเป็นอิสระจากชีวิตที่ถูกตีกรอบ
“ฉันนิค ดันนิง อยู่ปีสุดท้าย”
“ฉันเอดีนา พรีกเกอร์ ปีสุดท้ายเหมือนกัน” เธอแนะนำตัวกลับขณะยื่นมือไปจับ
“เธอเขียนบทหนังเหรอ” นิคตรงเข้าเรื่องที่อยากถามทันทีราวกับไม่อยากเสียเวลาพูดอะไรที่ไม่จำเป็น เอดีนากัดริมฝีปากล่างด้วยไม่อยากให้เขาเห็นรอยยิ้มเขินอายกับเรื่องที่เธอเพิ่งเป็นมือใหม่ หากก็พยักหน้าตอบรับตามตรง เพราะไม่เห็นเหตุผลที่ต้องปิดบัง
“พ่อของฉันเป็นคนเขียนบทหนัง” เขาบอกชื่อพ่อตามด้วยผลงานของท่าน มีแต่หนังเรื่องดังที่แม้แต่เอดีนาก็ยังรู้จักจนต้องทำตาโตด้วยความทึ่ง นิคยังบอกด้วยว่าหนังเรื่องล่าสุดที่พ่อของเขาเขียนบทได้รับรางวัลสิงโตทองคำเมื่อปีที่แล้ว (เอดีนาไม่รู้ว่ามันคือรางวัลอะไร แต่เธอจะเก็บไปถามจิม) แต่ชวดรางวัลออสการ์ไปอย่างน่าเสียดายทั้งที่เป็นตัวเต็ง
“และฉันก็เก่งเรื่องนี้ด้วยเหมือนกันนะ ถึงจะยังไม่เท่าพ่อก็เถอะ”
ตั้งแต่เริ่มพูดจนตอนนี้ นิคก็ไม่ได้ถ่อมตัวเลยแม้แต่นิดเดียว มันอาจฟังน่าหมั่นไส้ โดยเฉพาะเมื่อเขาพูดด้วยใบหน้านิ่งและโทนเสียงธรรมดากับประโยคที่ติดจะโอ่ หากเอดีนาก็ไม่ได้รู้สึกแย่หรือคิดกับเขาในแง่ลบแต่อย่างใด
“ถ้าเธอจริงจังกับมัน อยากได้คนช่วยมั้ย”
โดยเฉพาะเมื่อเขาเอ่ยประโยคนี้ออกมา ก็ยืนยันความคิดของเธอที่มีต่อนิค ดันนิงได้ชัดเจน ว่าเขาไม่ใช่คนที่แย่เลยแม้แต่นิดเดียว เอดีนาอาจไม่ใช่ผู้หญิงที่ดูคนเก่ง แต่เธอรู้ว่าตัวเองเก่งพอจะดูคนออก เพราะอย่างนั้นจึงหลุดยิ้มออกมากับความมีน้ำใจอย่างไม่มีเจตนาเคลือบแฝงของเขา
“เอาไว้พอฉันเขียนได้สักหนึ่งในสามของเรื่อง แล้วค่อยเอามาให้นายช่วยวิจารณ์ หรือไม่ก็...เอ่อ ช่วยแก้ได้มั้ย แบบนั้นโอเคมั้ย”
“ทำไมจะไม่ล่ะ” แล้วนิคก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มแรกจากเขาที่ทำให้เอดีนายิ้มกว้างกว่าเดิมได้ด้วยความรู้สึกดีใจและขอบคุณ
ไม่แค่นั้น เอดีนายังรู้สึกว่าเธอเหมือนเด็กที่ตื่นเต้นตอนพ่อแม่บอกว่าจะพาไปซื้อของเล่นชิ้นใหม่ เธอดีใจที่ได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ ตื่นเต้นที่ได้รู้จักกับเขาที่รอบรู้เรื่องบทหนัง มันเหมือนกับของขวัญอีกชิ้นที่พาโลส เวอร์เดสมอบให้เธอ—เหมือนจิม หากพอนึกถึงเขาก็เหมือนเธอนึกอะไรออก จึงถามไปว่า
“นายมีบทหนังเรื่องเดอะ ทรี ออฟ ไลฟ์มั้ย”
มันคือหนังที่จิมรัก เธอรอจะดูมันกับเขาสักวันหนึ่ง แม้เขาจะแทบไม่มีเวลาเลยนับตั้งแต่มีเรื่องค่ายวิทยาศาสตร์เข้ามา จิมได้แต่ขอโทษที่ยังหาเวลาดูมันกับเธอไม่ได้ แต่มันไม่เป็นไรเลย เอดีนารอได้เสมอ แม้การได้แต่เปิดดูเทรเลอร์หนังเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาจะมีแต่ทำให้เธอยิ่งตั้งตารอก็ตาม
แต่หนังที่จิมบอกว่าเป็นของเธอ...จะมีประโยชน์อะไรหากไม่ได้ดูกับเขา
“เธอก็ชอบเรื่องนี้เหรอ”
“เปล่าหรอก ฉันยังไม่เคยดูเลย” เอดีนาส่ายหน้า รู้สึกว่าผิวแก้มเริ่มร้อน การบอกว่าไม่เคยดูหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ต่อหน้าลูกชายคนเขียนบทหนังดังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่น่าอาย ไม่รู้ทำไมถึงคิดอะไรงี่เง่าอย่างนั้นได้ แม้จิมผู้รักหนังจะไม่เคยว่าอะไรเธอเรื่องนี้ และยิ่งกว่าเต็มใจที่จะแนะนำหนังโปรดหรือหนังน่าดูให้เธอ เอดีนาแน่ใจว่านิคก็จะเป็นคนประเภทเดียวกัน แต่มันก็ทำให้เธอนึกอายไม่ได้อยู่ดี
“งั้นอย่าเพิ่งอ่านจนกว่าจะได้ดูดีกว่า” เด็กหนุ่มพูดโดยไม่ได้คิดอะไรกับท่าทีของเอดีนาที่เขาคงอ่านออกได้ไม่ยาก “แล้วบทหนังเรื่องนี้ก็ไม่เหมาะกับมือใหม่ด้วย บทบรรยายเยอะเกินไป เว้นแต่ว่าเธอจะอยากทำหนังอาร์ตหรือหนังปรัชญา เน้นงานภาพ เน้นสัญลักษณ์ อะไรพวกนั้นน่ะนะ จะว่าไป...นานแล้วนะที่แทร์เรนซ์ มาลิคทำหนังโดยไม่มีบทหนัง ไม่คิดว่าบทหนังเรื่องแรกที่เธอถามถึงจะเป็นงานของเขา” นิคหัวเราะ แม้เอดีนาจะไม่ค่อยเข้าใจว่าเขาพูดอะไร แต่การได้เห็นเขาพูดเรื่องที่รอบรู้อย่างสนุกสนานก็ทำให้เธออดรู้สึกดีไปด้วยไม่ได้ “ฉันว่าเธอน่าจะเริ่มจากเรื่องลอสต์ อิน ทรานสเลชัน ของโซเฟีย คอปโปลา บทบรรยายกับบทสนทนาเรียบง่าย แต่สร้างอารมณ์ร่วมได้ แล้วเรื่องนี้ก็ได้รางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย เคยดูหนังเรื่องนี้แล้วใช่มั้ย”
เอดีนาพยักหน้า “อื้ม ฉันชอบเรื่องนี้”
“เย็นนี้หรือพรุ่งนี้?”
“หา?” เธอทำหน้างงกับคำพูดที่ไม่มีประโยคอธิบายของเขา
“ถ้าอยากได้บทหนังเย็นนี้ เดี๋ยวนั่งรถไปเอาที่บ้านฉันเลย แต่ถ้าจะเอาพรุ่งนี้ที่โรงเรียนก็ได้”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่รบกวนนายขนาดนั้นดีกว่า” เอดีนารีบส่ายหน้าโบกมือ “พรุ่งนี้ก็ได้”
“โอเค ได้” นิคตอบรับอย่างไม่คิดมาก เขานิ่งไปอึดใจหนึ่งก่อนว่าต่อ
“รู้มั้ย บังเอิญนะ เสาร์หน้าเรื่องเดอะ ทรี ออฟ ไลฟ์จะเข้าโรง คืนเดียว รอบเดียว” แล้วนิคก็พูดชื่อโรงภาพยนตร์ในเมืองที่จิมพาเธอไปดูหนังอยู่บ่อยๆ “ไปดูด้วยกันมั้ย”
และคำชวนของเขาก็ทำให้เอดีนาเผลออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ จะบอกว่าไม่ตกใจก็คงไม่ได้ ในเมื่อพวกเขาเพิ่งรู้จักกัน และเอดีนาก็เข้าใจมาตลอดว่าการชวนใครไปดูหนัง หากไม่เป็นเพื่อนกันมาได้ระยะหนึ่ง การที่คนเพิ่งรู้จักมาชวนไปก็คือ—เดต แม้เธอจะไม่คิดว่านิคจะชวนไปเดต มันก็แค่เรื่องบังเอิญที่พวกเขาพูดถึงหนังเรื่องนี้พอดี และเอดีนาก็ถูกชะตากับเพื่อนใหม่คนนี้อย่างมาก แน่นอนว่าเธอจะตอบตกลงถ้าเขาชวนเธอไปดูเรื่องอื่น แต่จิมเคยบอกว่าอยากดูเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์มากกว่าจากโฮม เธียเตอร์ที่บ้าน และเขาจะต้องตื่นเต้นกับข่าวดีนี้มากแน่
“ขอบคุณที่ชวนนะ แต่ฉันมีคนที่จะไปดูด้วยแล้ว” จึงตอบออกไปอย่างนั้น
“แฟน?”
เอดีนาสะอึกไปกับคำถามอย่างไม่ทันตั้งตัวนั้น เป็นครั้งแรกที่มีใครเคยพูดคำนี้กับเธอ คำที่ราวกับเป็นนิยามอธิบายความสัมพันธ์ของเธอกับจิม
และใช่...มันใช่คำนั้น หากพวกเขาอยู่ในโลกใบอื่น อยู่บนแห่งหนอื่นที่ไม่ใช่พาโลส เวอร์เดส
“พี่ชายของฉัน”
แต่ไม่...มันคือคำตอบเดียวที่เธอตอบได้ในตอนนี้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------