ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` Purgatory Boulevard .

    ลำดับตอนที่ #5 : Over The Silver Lake | inspired by Donnie Darko (2001)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 169
      1
      15 ก.ค. 62

    Donnie Darko (2001) Dir. Richard Kelly
    Word Count : 1,848 | First Release Date : JULY 12, 2019

    https://i.imgur.com/4tcDwgM.png

    SOUNDTRACK : The Killing Moon – Echo & the Bunnymen | Donnie Darko Insert Song

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    “เจซ! กาแฟ!”

    หญิงสาวที่กำลังย่อตัวไขกุญแจปิดตู้เกมลุกขึ้น หันมองชายหนุ่มคนเรียกที่ยื่นแก้วกาแฟเย็นมาให้ เธอรับมาพร้อมเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม ก่อนได้รับรอยยิ้มไม่ต่างกันกลับมาเมื่อเขาบอกเธอว่าไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เองน่า ฉันเต็มใจ!

    ไม่ใช่ครั้งแรกกับภาพที่ใครหลายคนได้เห็นจนชินตาในร้านเกมตู้ที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้ มันเหมือนเป็นกิจวัตรของเธอและเขาไปแล้ว อาจตั้งแต่แรกเริ่มของเมื่อสี่เดือนก่อนที่เจเซเบลเข้ามาทำงานในอาร์เคด เธอเป็นพนักงานกะดึกเข้าใหม่ ส่วนเดเกอร์เป็นพนักงานกะดึกที่ทำงานมานานกว่าเธอ รุ่นพี่ที่อายุน้อยกว่าเธอหนึ่งปีคอยช่วยสอนงานให้เธออย่างดี เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี

    แต่แม้เดเกอร์จะไม่เคยพูดออกมา การกระทำทุกอย่างก็ฟ้องให้เจเซเบลรู้ว่าเขาคิดกับเธอ...มากกว่านั้น

    ทั้งคู่เดินออกมาจากตู้เกมที่อยู่เกือบในสุดของอาร์เคดด้วยกัน พูดคุยหัวเราะกันด้วยเรื่องสัพเพเหระเรื่อยเปื่อย แต่แล้วทันใดก็ต่างหุบยิ้ม หยุดฝีเท้าชะงักกึกโดยพร้อมเพรียงกัน เมื่อเห็นด้านหลังของชายตัวสูงที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะแลกเหรียญ แต่คนทั้งคู่รู้ว่าเขาไม่ได้มารอแลกเหรียญ และรู้ดีว่าเขามาทำไม

    ชายคนนั้นหมุนตัวหันมาเห็นพวกเขาเข้าพอดี เขายิ้มให้เธอ—แค่เธอ เจเซเบลได้เพียงถอนหายใจออกมา ไม่ยิ้ม ใช่จะไม่ยินดีที่ได้พบหน้าเขา แต่เธอไม่อยากยินดีที่ได้เห็นเขาในเวลาทำงานของเธอ

    “กลับไปเถอะ คืนนี้ฉันเฝ้าคนเดียวได้”

    เจเซเบลไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลยเมื่อคนข้างกายเข้าใจทุกอย่างดี...ทั้งที่เขาไม่ควรต้องเข้าใจ เธอหันมองเดเกอร์ ริมฝีปากขยับเหมือนจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ชะงัก กลับมาหุบสนิท เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรออกมา ผู้ชายอีกคนก็จะขัดเธอ หาข้ออ้างมาให้เธอ ราวกับมันเป็นข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้ และใช่, เธอปฏิเสธไม่ได้

    เดเกอร์ยอมให้เธอทุกครั้ง...เพราะเขาชอบเธอ

    ละมันก็คือเหตุผลเดียวกันไม่ต่างสำหรับเธอ

    ความรักไม่ใช่เรื่องผิด แต่การรักคนผิดเป็นเรื่องผิด เจเซเบลเก็บความรักเป็นความลับที่ไม่เคยบอกใคร ไม่มีวันแพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ได้ เพราะเควนติน—ผู้ชายคนนั้น มีคนรักแล้ว

    ละ คนรักของเขาก็คือ พี่สาวของเธอ

    หากพระผู้เป็นเจ้าล่วงรู้ความลับที่น่ารังเกียจนี้ พระองค์คงจะลงโทษเธออย่างสาสม หรือไม่, พระองค์ก็กำลังทำอยู่


    “เวลาทะเลาะกับพี่ ช่วยเลิกดึงฉันเข้าไปเอี่ยวสักทีได้มั้ยคะ ฉันไม่อยากถูกไล่ออก

    เจเซเบลถามทั้งที่ยังได้แต่ก้มหน้าหดคอมองตักของตัวเอง รถของเควนตินพ้นจากอาร์เคดมาได้สักพักแล้ว เขาไม่ได้เปิดเพลงที่ชอบฟังผ่านเครื่องเสียงหน้ารถ ยามนี้มีเพียงแค่เสียงของสายลมเอื่อยที่พัดมาปะทะร่างของพวกเขาบนรถเปิดประทุนสีน้ำเงินเข้ม เควนตินขับขี่ด้วยความเร็วปกติ รถแล่นไปอย่างนิ่มนวล แต่ไม่ได้ทำให้คนบนรถใจเย็นไปด้วยได้เลย

    “ออกได้สิดี” คนหลังพวงมาลัยรถสวนทันควัน “ทำงานนอกบ้านตอนกลางคืนแบบนี้มันอันตราย”

    “ไม่อันตรายสักหน่อย!” เจเซเบลเงยหน้าขึ้นท้วง “มีเดเกอร์อยู่ทั้งคน!”

    เควนตินละสายตาจากถนนทางตรงที่ทอดยาวเพื่อหันมองคนนั่งข้าง รอยยิ้มเหยียดเยาะผุดขึ้นที่มุมปาก บ่งบอกเจตนาจากคำพูดที่ประชดประชันกลับมาว่า

    ทำอย่างกับไม่รู้ว่าเจ้าจอมเพ้อ ดอนนี ดาร์คโค นั่นแหละที่อันตรายที่สุด”

    ทั้งยังตอกย้ำด้วยการเปลี่ยนชื่อเพื่อนร่วมงานของเธอ ที่มีนามสกุลเหมือนกับตัวละครในหนังชื่อเดียวกันกับชื่อเรื่องนั้น ดอนนี ดาร์คโคไม่ได้เพ้อสักหน่อย! เขาคือคนที่ได้รู้ทุกอย่างต่างหาก! ทว่าเจเซเบลก็ต้องข่มใจอย่างมากที่จะไม่พูดในสิ่งที่ใจคิดออกไปตอบโต้

    จึงตัดสินใจเบือนหน้าหนีไปอีกทาง เกยคางพิงบนแขนที่วางพาดกับขอบประตูรถ ด้วยไม่ต้องการต่อความยาวสาวความยืดกับเขา ไม่อยากมองหน้าเขา เธอไม่ชอบทั้งรอยยิ้มเยาะและคำพูดเย้ยราวกับรอบรู้ไปซะทุกอย่าง เควนตินชอบทำเหมือนเขารู้ทุกเรื่องดีซะเต็มประดา และใช่มันก็คงจริง

    ใจหนึ่งก็นึกอยากยอกย้อนกลับไปด้วยเรื่องคนรักของเขา แต่ก็ไม่อยากพูดถึงอิสซาเบลให้ทรมานใจตัวเอง...แม้รู้ว่ามันจะทำให้เขาทรมานใจได้ไม่ต่างกัน แล้วก็ไม่อยากเปิดปากพูดเพียงเพื่อให้เขาเหน็บแนมอะไรกลับมาได้อีกเมื่อเธอไม่เคยชนะ จึงเลือกจะนิ่งเงียบเสีย

    “ฉันพูดจริงนะเรื่องออกจากงาน” หากเป็นเควนตินที่ทำลายความเงียบที่เขาสร้างขึ้นเอง

    “ทำแบบนี้อีกสักรอบสองรอบ ฉันก็คงโดนไล่ออกจากงานเองค่ะ” เรื่องนี้เธอย้อนกลับไป

    เจเซเบลหมายถึงเรื่องที่เขาชอบมารับเธอออกจากงานกลางครันแบบนี้ บางครั้งเธอก็เพิ่งเข้างานได้ไม่ทันไร อย่างวันนี้ก็ยังเหลืออีกตั้งหกชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเลิกงานตอนหกโมงเช้า และทุกคราวที่เป็นแบบนี้ เธอก็ต้องส่งข้อความไปขอโทษเดเกอร์ หอบหิ้วของกินไปขอโทษเขาในคืนถัดมา เพื่อเขาจะได้บอกเธอด้วยรอยยิ้มว่าไม่เป็นไร เรื่องเล็กแค่นี้เอง

    แต่ไม่เลย, มันไม่ใช่เรื่องเล็ก เขาแค่ชอบเธอ...เขาถึงไม่เคยตำหนิหรือว่ากล่าวเธอ

    ใช่จะไม่รู้ว่าตัวเองทำผิด การทำงานไม่ใช่การเล่นเกมที่เธอจะทำตามใจตัวเองได้ แต่พอเป็นเรื่องของเควนตินทีไร เธอก็ควบคุมอะไรไม่ได้เลย

    เพราะมันคือความรัก...และเธอกับเดเกอร์ต่างก็รู้ดีว่าความรักทำให้คนโง่งมได้มากขนาดไหน

    “เธอไม่มีทางถูกไล่ออกจากงานนั้นหรอก” เจเซเบลได้ยินเสียงหัวเราะของเควนตินกลั้วไปกับคำพูดนั้น เขาทำให้เธอหงุดหงิด แต่เธอโกรธตัวเองที่สุดที่ต่อให้เขาจะทำแบบนี้กับเธออีกกี่ครั้ง เธอก็ยังไม่ยอมหยุดโง่งม

    “ชอบวงเอคโค แอนด์ เดอะ บันนีเมน มั้ย” เขาเปลี่ยนเรื่อง

    “ไม่ค่ะ” เจเซเบลตอบห้วน ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถามคำถามนี้กับเธอ เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าคำตอบจะเป็นอะไร เหมือนที่เธอก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น เควนตินจะยิ้ม กดเปิดเพลงจากเครื่องเล่นหน้ารถ และมันจะเป็นเพลงของวงที่เขาเพิ่งถามไปเสมอ

    บทเพลง คิลลิง มูน ของวงนี้เริ่มเล่นขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน เจเซเบลนึกสมเพชตัวเองที่แม้เธอจะไม่ชอบวงนี้ แต่พอรู้ว่ามันเป็นวงที่เขาชอบ รู้ตัวอีกที เธอก็จะกดฟังมันทุกครั้งในมือถือเธอ และเสียงของเขาที่ร้องคลอตามบทเพลงไปด้วยอย่างแผ่วเบา ก็น่าฟังกว่าเสียงของนักร้องนำเป็นไหนในโสตประสาทของเธอ

    เธอรับฟังได้ทั้งชีวิต...ถ้าเพียงแต่เสียงของเขาจะมีเพื่อเธอ

    “ไปดูหนังรอบดึกกันมั้ย อันเดอร์ เดอะ ซิลเวอร์ เลค ยังเข้าโรงอยู่ไม่ใช่เหรอ

    แม้คนอย่างเจเซเบลจะไม่เกี่ยงอะไรกับการดูหนังอีกรอบ หรืออีกหลายรอบหากเป็นหนังที่ชอบ และแน่นอนว่าไม่เกี่ยงเลยหากจะได้ดูมันกับเควนติน แต่โรงหนังไม่ควรเป็นที่ที่เธอจะไปดูหนังกับแฟนของพี่สาวตัวเองสองต่อสอง

    ...มันไม่ควรต้องเป็นอย่างนั้น

    “ไม่ค่ะ ฉันดูแล้ว”

    “แต่ฉันยังไม่ได้ดู”

    ...แต่ทุกครั้งมันก็จะเป็นอย่างนี้

    ทิศทางที่รถกำลังมุ่งไป ไม่ใช่ทางกลับบ้านของเธอกับเขา แต่เป็นทางไปโรงภาพยนตร์ในเมือง เควนตินเป็นคนเอาแต่ใจ ชอบทำอะไรตามใจตัวเองเสมอ แต่เธอก็ยินยอมให้เขาทำตามใจ...แค่เขาคนเดียว

    ทว่าคนที่เขาตามใจไม่เคยใช่เธอ แต่เป็นอิสซาเบล—พี่สาวของเธอ

    เจเซเบลทอดสายตากลับไปริมทาง เห็นเพียงทิวทัศน์มืดๆบนถนนสองข้างทางโล่งๆ รถขับไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบด้วยความเร็วคงที่ ภูมิทัศน์ข้างทางก็ยังคงเงียบเหงา ปราศจากอะไรให้มอง แต่แล้วเธอก็เห็นคนคนหนึ่งอยู่ตรงมุมมุมหนึ่งที่ไกลออกไป ใครคนนั้นอยู่ในชุดเดรสสายเดี่ยวเหนือเข่าสีแดง สวมรองเท้าส้นแหลมปรี๊ดสีเดียวกัน แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนดูเหมือนไม่ใช่ความจริง...คือส่วนหัว มันไม่ใช่ใบหน้าคน แต่เป็นหัวกระต่ายสีดำเป็นเงาขลับ ไม่ใช่ว่าหัวหล่อนเป็นกระต่าย มันเป็นแค่หัวตุ๊กตากระต่ายแบบที่พวกตัวแมสคอตสวมกัน แม้รถจะเคลื่อนไป กระต่ายตัวนั้นก็ยังคงอยู่ที่เดิม แต่มันมองตามเจเซเบลอยู่ตลอดเวลา เหมือนที่เจเซเบลก็มองมันไม่ละสายตาเช่นกัน ไม่นึกตระหนกหรือตกใจเมื่อได้เห็นมันจนชาชิน

    และบางครั้งคราว เควนตินก็จะละสายตาจากถนนและหันมองคนที่นั่งรถมาด้วย เธอเอาแต่เหม่อมองไปริมทาง ให้เขาได้เห็นแต่แผ่นหลังที่ได้เห็นเสมอเวลาที่เธอไปไหนมาไหนกับเขาและอิสซาเบล เจเซเบลไม่มีอะไรเหมือนกับคนรักของเขาเลยสักอย่าง

    ก็เหมือนที่เขาไม่ได้รักเธอ—อย่างที่รักคนรักของเขา

    แรกเริ่มเขาก็แค่ใส่ใจเธอในฐานะน้องสาวของคนรัก เพราะอย่างนั้น จึงคอยดูแลเธอมาตลอดหนึ่งปีที่คบกับอิสซาเบล หากยิ่งผ่านไปนานวัน เธอก็ยิ่งทำให้เขานึกถึงน้องสาวที่เขารัก แต่เควนตินก็รู้ดีแก่ใจว่าเจเซเบลไม่เหมือนน้องสาวของเขา เพราะน้องสาวของคนรัก...ตกหลุมรักเขา

    และเจเซเบลไม่รู้...ว่าเขารู้มาตลอด

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



    - เมื่อวานเราไปดูฟาร์ฟรอมโฮมรอบสองมาฮ่ะ แล้วเราก็พบว่าเราไม่อาจทานทนกับมิสเตริโอได้อีกต่อไป o<-< บวกกับเมื่อสองสามวันก่อน เราเอา Donnie Darko มาดูอีกรอบ เลยย้อนไปอ่านฟิคที่เราเคยแต่งโดยได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนี้ เลยคิดว่าไม่ไหวแล้ว ขอแปลงเหอะ ต้องเอาพี่เจคเป็นพระเอกแล้วล่ะ OJL

    - สรุปก็คือ..มันเป็นฟิคเก่าเล่าใหม่ และที่จริงมันก็ไม่ใช่ชอร์ตฟิคด้วย แต่เป็นตอนที่หนึ่งที่ไม่มีตอนต่อ มันก็เลยจบตัดอย่างนี้แหละ 555 (ได้เหรอวะ T v T) แต่เราคิดว่ามันก็โอเคนะ เอามาลงเพื่อเป็นการรำลึกว่าตอนนี้เราบ้าพี่เจคก็ได้ (มาว่ะ..) อนึ่ง ตัวละครเควนตินเวอร์ชันก่อนแปลงเด็กกว่านี้มาก พอเปลี่ยนเป็นอิมเมจที่โตอย่างนี้มาทำอะไรแบบนี้มันก็แปลกเหมือนกัน แต่ก็เนียนอยู่ ค่ะ พูดเองเออเองได้

    - ความจริงมันเป็นแนวที่เราอยากแต่งมากกกกกกเพราะเราชอบแนวนี้มากกก แบบเหนือจริง เล่นกับmind เมากาวหน่อย (เพราะเดิมทีแรงบันดาลใจของเรื่องนี้มาจากทั้ง Donnie Darko, Under the Silver Lake และผลงานทั้งหมดทั้งมวลของผกก. David Lynch อันมีครบทุกอย่างนั้น..) ก็คงเป็นสักวันหนึ่งที่เราพัฒนาไปไกลกว่านี้ล่ะนะ :3

    ปล. เราชอบ Jena Malone ที่เป็นนางเอกดอนนี ดาร์คโคมาก และรู้สึกว่า Madison Davenport ที่เราเอามาเป็นเจเซเบลหน้าละม้ายคล้ายนางมาก ก็เลยนะ..นางเอกจ้าาา
    T
    B
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×