ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` Rosa Mystica .

    ลำดับตอนที่ #3 : ENTERLUDE : Once Upon A Night

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.พ. 62


    WARNING : มีการสปอยล์เนื้อหาสำคัญบางส่วนของหนังเรื่อง Arrival (ผู้มาเยือน)

    https://i.imgur.com/pewEIBe.png

    BGM : Electricity - Silk City, Dua Lipa ft. Diplo, Mark Ronson

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    มันเป็นเรื่องราวในตอนที่เดียร์ดรียังใช้ชื่อว่าเดียร์ ตอนที่ผมยาวระอกของเธอยังเป็นสีน้ำตาลไม่ใช่บลอนด์ทอง ตอนที่แม่อันเป็นที่รักผู้ตั้งชื่อเล่นให้เธอว่าที่รักจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้แค่สามเดือนกว่า ตอนที่มาร์ติน พ่อเลี้ยงยังไม่ได้แต่งงานใหม่กับเรเชล ตอนที่ทอนย่า พี่สาวพ่อแม่เดียวกัน เพิ่งฉลองวันครบรอบหนึ่งปีกับคนรักสุดเพอร์เฟคท์ที่ชื่อจอร์แดนไปเมื่อสามวันก่อน

    และคืนนั้นพวกเขาอยากพาเธอออกไปดูหนังในโรงหนังไดรฟ์-อินนอกเมือง ด้วยรถเปิดประทุนสีแดงคันหรูของจอร์แดน เพราะมันเป็นอีกหนึ่งคืนวันศุกร์ที่เดียร์ดรีก็ไม่ทำอะไรมากไปกว่านอนฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือดูทีวีอยู่บ้าน และมันเป็นแค่ไม่กี่สิ่งที่เธอทำมาได้พักใหญ่แล้ว ตั้งแต่แม่เสีย เด็กสาวก็ตัดขาดตัวเองจากสังคมที่เดิมทีก็มีน้อยนิดจนกลายเป็นโดยสิ้นเชิง เธอลาออกจากชมรม ไม่สุงสิงกับเพื่อนคนไหน เลิกเรียนก็ตรงกลับบ้าน สิ่งที่ใกล้เคียงกับการเข้าสังคมที่สุดคือการออกไปซื้อของที่ห้างแถวบ้าน จอร์แดนอธิบายให้คนรักฟังว่ามันเป็นกลไกรับมือกับความเสียใจที่เรียกว่า Coping Mechanisms ในแบบของเธอ แต่มันเป็นเรื่องที่ทอนย่าผู้รักการอยู่ท่ามกลางสังคม มีเพื่อนฝูงมากมาย และนิสัยแตกต่างจากน้องสาวลิบลับ ไม่เห็นด้วยและไม่เข้าใจ แต่ต่อให้หล่อนจะพูดกรอกหูจนเสียงแหบแห้ง ก็ไม่มีทางเปลี่ยนใจน้องสาวหัวดื้อจอมขบถได้ ทำได้เพียงคอยช่วยเหลือเท่าที่น้องจะยอมเปิดโอกาสให้

    หนังวิทยาศาสตร์อัดแน่นปรัชญาเรื่อง อาร์ไรวอล คือหนังที่ฉายในคืนนั้น มันทำให้เดียร์ดรีทึ่งหลายอย่าง หนึ่งคือมันเป็นหนังค่อนข้างใหม่ที่ไม่น่าจะมาฉายในโรงหนังไดรฟ์-อิน สองคือมันเป็นหนังเนื้อหาหนักเข้าใจยากที่ไม่ใช่แนวของทอนย่าเลยสักนิด ถึงเดียร์ดรีกับจอร์แดนต่างเนื้อเต้นที่จะได้ดูเรื่องนี้กันอีกรอบก็ตาม สามคือมีคนมาดูน้อยกว่าที่เธอคิดว่าน่าจะเป็น นับได้แค่สิบสองคันในโรงหนังที่รองรับรถได้ราวหกสิบคัน แต่ทุกข้อนั้นไม่มีอะไรแย่ ตรงกันข้ามจำเพาะเจาะจงที่ข้อสุดท้าย เดียร์ดรีไม่เคยชอบความวุ่นวาย เธอรักความเงียบสงบเสมอ กลายเป็นความสงัดได้ยิ่งดี แน่นอนว่าโดยเฉพาะตอนดูหนัง

    เมื่อโพรเจคเตอร์ขึ้นฉากเอนด์ เครดิตส์ของหนังที่สะเทือนอารมณ์เดียร์ดรีได้ตลอดสองชั่วโมงนั้น ทอนย่าก็หันมาบอกคนที่นั่งบนเบาะหลังว่า ให้ไปใช้เวลาอิสระต่อจากนี้ได้ตามสบาย หล่อนกับจอร์แดนจะนั่งคุยกันบนรถต่อ หรือก็คือพวกเขาต้องการใช้เวลาสองต่อสองด้วยกันโดยไม่มีเธอ และแม้เดียร์ดรีจะไม่ได้อยากรีบร้อนกลับบ้าน แต่เธอไม่ชอบเวลาที่พี่สาวทำอะไรตามใจตัวเองเพื่อจะได้ใช้เวลากับคนรัก และไม่ชอบยิ่งกว่าที่จอร์แดนตามใจพี่สาวเธอเสมอ ไม่พอใจจนไม่อยากแม้แต่จะตอบรับ ได้แต่ทำหน้าเรียบเฉยขณะเปิดประตูลงไปจากรถ เธอจะฆ่าเวลาด้วยการซื้อขนมในซุ้มกิน

    แต่เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ คนที่มัวเดินดุ่มพร้อมกับคิดอะไรไปเรื่อย ก็จะถูกบางอย่างพุ่งเข้ามาทำให้ความคิดที่ไม่จับจดของเธอแตกกระจาย

    แชร์รี! เดี๋ยว! อย่าเพิ่งไป! คุยกันก่อน!

    เมื่อหันมองทางต้นเสียง ก็เห็นภาพชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังตะโกนเรียกหญิงสาวผมแดงที่เดินกระแทกฝีเท้าไปทางอื่น เดียร์ดรีรู้ดีว่ามันเป็นการกระทำที่เสียมารยาท แต่ก็หยุดตัวเองไม่ให้มองจ้องพวกเขาเหมือนคนสอดรู้ไม่ได้ ผู้ชายคนนั้นยังร้องเรียก แชร์รี! เดี๋ยว! หยุดก่อน! โธ่เว้ย! อยู่อีกหลายครั้ง แต่สาวเจ้าของชื่อก็ไม่ยอมหยุดฝีเท้าหรือแม้แต่จะหันกลับมา จนเขาล้มเลิกความพยายาม สบถออกมาเป็นคำสุดท้ายว่า ช่างแม่ง! แต่แล้วคนที่กำลังเสยผมหน้าขึ้นก็หันมาสบสายตากับคนนอกอย่างเธอเข้า

    เดียร์ดรีรีบค้อมหัวปลกแทนคำขอโทษที่ยุ่งวุ่นวายเรื่องของเขาด้วยสายตา ทว่าชายหนุ่มหาได้มีท่าทีโกรธเคืองหรือไม่พอใจอย่างที่เธอคิดว่าจะเป็น เขาเพียงยกมุมปากและยักไหล่ราวกับมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร จากนั้นก็หยิบซองมันฝรั่งที่วางอยู่บนหลังคารถสีน้ำเงินเข้มขึ้นชู แล้วตะโกนออกมาว่า

    “มากินด้วยกันมั้ย!

    เดียร์ดรีหลุดหัวเราะออกมาก่อนจะได้เห็นรอยยิ้มของเขาตามมา


    ชายหนุ่มให้เธอมานั่งด้วยกันที่กระโปรงหน้ารถ ในทีแรกเดียร์ดรีก็ลำบากใจเพราะจะมีสักกี่คนที่ยอมให้คนแปลกหน้านั่งบนรถของตัวได้ หากเขาก็ยืนยันด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อยแต่เจตนาหนักแน่นว่าไม่เป็นไร เดียร์ดรีจึงเอ่ยขออนุญาตจากปากเธอเองให้ชัดเจน ก่อนขึ้นนั่งห้อยขาบนกระโปรงหน้ารถข้างคนที่นั่งขัดสมาธิรออยู่ก่อนแล้ว ข้างกายมีขนมหลายซองที่คงซื้อมาตุนตอนดูหนังแต่กินไม่หมด เขาขอให้เธอช่วยจัดการมันให้หมด และเดียร์ดรีก็ยินดีอนุเคราะห์พวกมันลงกระเพาะของเธออย่างยิ่ง ช่วยไม่ได้ เธอจะปฏิเสธของกินอร่อยได้ยังไง!

    ตลอดเวลานั้นพวกเขาก็พูดคุยกันเรื่อยเปื่อยไปด้วย เริ่มจากเรื่องสัพเพเหระทั่วไป อย่างขนมที่กำลังกินกันอยู่ ดินฟ้าอากาศในซานฟรานซิสโกช่วงนี้ รถสีแดงเพลิงของจอร์แดนที่เขาชมว่ามันสวยเป็นบ้า คนรักขี้งอนของเขาที่ชื่อแชร์รี...นิดหน่อย ก่อนจะวกมาถึงเรื่องหนังที่เพิ่งดูจบกันไป

    “เป็นนายจะทำมั้ย?

    คนถูกถามหันมองเพราะไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร เด็กสาวรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้นจึงอธิบายต่อทันควันว่า “ถ้ารู้ว่าอนาคตที่งดงามไม่ได้จบอย่างสวยงาม แต่นายเปลี่ยนแปลงมันได้ จะยังเลือกทำตามทางเดิมอยู่มั้ย?

    “เหมือนที่นางเอกยังไงก็จะให้กำเนิดลูกคนนี้ ที่สุดท้ายก็ตายเพราะเป็นโรคที่รักษาไม่ได้?

    ทวนคำถามของเธอตามความเข้าใจของตัวเองจนมันฟังง่ายทั้งยังชัดแจ้ง เดียร์ดรีพยักหน้ารับ

    ทำสิ” เขายิ้มออกมา “สิ่งสำคัญไม่ใช่ตอนสุดท้ายที่อาจต้องเจอกับผลลัพธ์ที่โหดร้ายที่สุด แต่คือการใช้ช่วงเวลาระหว่างนั้นกับคนที่รักให้คุ้มค่าที่สุดต่างหาก”

    พูดจบก็หยิบมันฝรั่งในซองเข้าปาก ผิดกับเดียร์ดรีที่ได้แต่นิ่งอึ้งไปกับคำตอบของเขาที่เหมือนจะทำให้หัวใจเธอเต้นผิดจังหวะขึ้นมา หากไม่ทันจะได้พูดหรือทำอะไรต่อ ก็มองเห็นสาวผมแดงกำลังตรงมาทางนี้ เมื่อนั้นเธอจึงรู้ว่าเวลาของตัวเองหมดลงแล้ว คนนั่งข้างหันมองตามสายตาเธอแล้วก็เข้าใจได้ในทันที เขาไม่ได้ว่าอะไรที่เดียร์ดรีขอตัวกลับรถก่อน พร้อมข้ออ้างว่าพวกเขาคุยกันนานเกินไปแล้ว (ทั้งที่มันอาจผ่านไปแค่สิบห้านาที) คงใกล้ได้เวลาที่พี่สาวกับแฟนจะกลับแล้ว แต่เขาก็รู้เหมือนที่เธอรู้ว่าเหตุผลแท้จริงก็คือคนที่กำลังเดินหน้าบึ้งมาหา

    “ขอบคุณที่แบ่งขนมให้กินนะ”

    เด็กสาวกระโดดลงจากกระโปรงหน้ารถที่เขาบอกว่าเป็นรถมือสอง รองเท้าผ้าใบสีขาวส่งเสียงตุ้บเมื่อร่อนลงบนพื้นคอนกรีต

    “ขอบคุณที่มาช่วยกินขนมเช่นกัน”

    ชายหนุ่มตอบเธอกลับด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร เดียร์ดรีจับมือกับเขาที่ยื่นออกมาด้วยรอยยิ้มไม่ต่างกัน เขาหยุดเขย่ามือเธอแล้ว แต่ก็ยังจับมันไม่ปล่อยเมื่อพูดคำสุดท้ายในคืนนั้นให้กันด้วยคำที่น่าจะเป็นคำทักทายแรก

    “ฉันนิค”

    “ฉันเดียร์”


    มันเป็นช่วงเวลาแสนสั้น ที่เธอกับเขาต่างก็หวังว่าจะได้พบเจอกันอีกให้ยาวนานกว่านั้น แต่ซานฟรานซิสโกกว้างใหญ่เกินไป และชื่อของพวกเขาก็ธรรมดาสามัญเสียจนไม่ช้าก็ถูกลืมเลือน กลายเป็นความทรงจำที่จางหายไปตามกาลเวลา พวกเขาต่างจดจำกันไม่ได้ แม้เมื่อจะได้กลับมาพบกันในอีกหนึ่งปีถัดมา

    แต่โชคชะตาก็มีหนทางเล่นตลกของมัน เราไม่จำเป็นต้องจดจำความทรงจำเมื่อแรกพบได้ถึงจะรักกันได้

    เพราะสิ่งสำคัญที่สุด—คือการใช้ช่วงเวลาระหว่างนั้นกับคนที่รักให้คุ้มค่าที่สุดต่างหาก

    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    First Published : February 27, 2019
    Actually, this idea came from my another short fiction and I do have a plan to write too but suddenly I do think that I want these two to be in this story. The ideas are; Watching ‘Arrival’ at drive-in theater. Eating and talking while sitting on hood of his old car. And that’s gonna make one of their most wonderful times together that
    ’ll be forever :)

    P U F F
    PASTRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×