bombombom
@bombombom
ตอนนี้ยังไม่มีคำขอเป็นเพื่อน
มีเพื่อนๆ เล่น My.iD อีกเยอะเลย ลองไปดูกันเถอะ
dummyaliasname
@dummyusername
dummymsg
ตอนนี้ยังไม่มีข้อความลับ
ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือน
เล่าเรื่องราวของคุณหรือสิ่งที่สนใจผ่านการตั้งกระทู้ ถ้ามีเพื่อนๆ มาตอบจะได้รับการแจ้งเตือนด้วยนะ
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อรับแจ้งเตือนบทความมาใหม่ในหมวดที่คุณสนใจ
ตอนนี้ได้ติดตามบทความเรียบร้อย
เมื่อบทความที่ติดตามอัปเดตจะแจ้งเตือนทันที ขอให้สนุกกับการอ่านบทความนะครับ
คุณยังไม่ได้ตั้งรหัสผ่านในบัญชีของคุณ
ตั้งรหัสผ่านตอนนี้เพื่อให้สามารถเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านได้
ค่าเริ่มต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
‘เพราะความทุกข์ทน ฉันจึงมองไม่เห็นความดี’— เนื้อเพลง ‘เคจ’ (เดอร์ ออง เกรย์)
แต่โคโตเนะคิดผิด
นรกยังคงดำเนินแม้เมื่อเธอจะตายไปแล้ว และยมโลกแห่งนี้ก็คือนรกภูมิที่แท้จริง
เด็กสาวจะตื่นขึ้นในทุกเช้าที่ท้องฟ้าเป็นสีแดงฉานราวกับไม่มีแสงสว่างใดจะฉายฉาดสาดแสงมาถึงคุสึชิกิบาระ โนะ เซย์โบะได้ ทว่านอกจากซิสเตอร์คิริมิยะกับมารดาของเธอ ทุกใบหน้าของนางชีชุดดำกับนักเรียนประจำก็ล้วนแต่เป็นใบหน้าเกลี้ยงราวไข่ปอกที่เคยทำให้โคโตเนะหวีดร้องดังลั่นจนเป็นลมล้มพับ กระทั่งแน่ใจว่าหัวใจถึงกับหยุดเต้นได้ในช่วงแรก กระนั้นความตายใดก็ไม่อาจทำให้เด็กสาวพ้นจากโลกหลังความตายนี้ไปได้ โคโตเนะได้เข้าใจในบัดนั้นเองว่าพระเจ้าที่พวกนางรับใช้หาใช่พระเจ้าองค์เดียวกันกับที่เธอคิด
หรือบางที...พระเจ้าองค์นั้นก็อาจไม่เคยมีอยู่จริง
เด็กสาวจะถูกบังคับให้ศึกษาพระคัมภีร์กับเรื่องราวปรัมปราที่มีคนบ้าพอจะแต่งนิทานเป็นตุเป็นตะเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนั้นได้ ท่องคำสวดภาวนาขอทางอภัยที่เด็กนรกอย่างเธอริอ่านเกิดมา วิงวอนขอให้พระเจ้าช่วยชำระเธอให้บริสุทธิ์ผุดผ่องจนหลุดพ้นจากบาปได้...อย่างที่โคโตเนะก็ปรารถนาเหลือเกิน การเล่าเรียนจะจบลงในยามเย็นย่ำที่ท้องฟ้าก็ยังคงเป็นสีเดิมไม่ว่าเช้าค่ำ โคโตเนะจะมีเวลาอิสระของวันคือหนึ่งชั่วโมงก่อนเริ่มมื้ออาหารเย็น แม้นรกแห่งนี้จะไม่เคยมีอิสระแท้จริงก็ตาม มื้ออาหารเดียวของเธอก็เป็นมื้ออาหารชั้นเลวเหมือนที่ได้กินเมื่อครั้งยังมีชีวิต แต่อย่างน้อยเธอก็ขอบคุณที่มันไม่แย่ไปกว่านี้ เพราะสิ่งที่แย่กว่านี้เกิดขึ้นหลังจากนั้น เด็กสาวจะถูกเหล่านางชีไร้หน้าจับร่างลากเธอไปมัดกับเก้าอี้เนื้อแข็งตัวเดิม
ในห้องที่เธอเรียกว่า ‘คุก’
ทุกอย่างก็เหมือนที่เป็นเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่บนโลก แม้ว่าแท้จริงโลกอาจไม่ได้อยู่ข้างบน แต่เป็นข้างนอกนี้ที่เธอไม่สามารถก้าวพ้นรั้วประตูโรงเรียนเพื่อจะไปต่อจากความว่างเปล่าสีแดงนั้นได้ ทว่าแบบแผนที่ผิดแปลกไปก็คือคนที่ท่องบทสวดจากไบเบิลเล่มหนาเตอะจะเป็นซิสเตอร์คิริมิยะ ขณะที่คนด่าทอพร้อมเฆี่ยนตีเธอจนระบมเจียนตาย—แต่ไม่ยอมให้ตาย—ก็คือแม่ของเธอ ปิดท้ายด้วยการถูกสาดน้ำยาสีดำใส่ผมสีทองเพื่อให้มันเปลี่ยนเป็นสีแต่กำเนิดของชาวญี่ปุ่นถึงจะไม่เคยสัมฤทธิ์
ทั้งหมดนี้ก็คือนรกของเด็กสาวผู้ทุกข์ทน ที่อาจเป็นสวรรค์ของหญิงชั่วช้าทั้งคู่
ในนรกแห่งนี้ โคโตเนะไม่เคยได้ตายด้วยไฟ หากต้องทนทุกข์ทรมานซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับพิธีขับไล่ปีศาจที่ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดจากพ่อที่เธอไม่เคยเห็นหน้า และโคโตเนะก็รู้ว่ามันจะไม่มีวันนั้นเพราะเธอไม่มีวันพ้นจากนรกเพื่อจะไปพบหน้าเขาที่ไหนได้ เธอไม่เคยโกรธเกลียดเขาที่ให้เธอเกิดมาเผชิญและรองรับความเลวร้ายของโลกนี้ เธอแค่อยากเห็นว่าผู้ชายแบบไหนกันที่ทำให้แม่รักขนาดนี้ได้ หากจะเรียกทุกการกระทำบ้าคลั่งของหล่อนว่าความรักได้
ทว่าใจหนึ่ง โคโตเนะก็เคยคิดจนถึงขั้นภาวนาว่าคงดีหากพ่อของเธอจะเป็นปีศาจอย่างพวกนางว่า เธออยากให้เขาถ่ายทอดความชั่วร้ายให้เพื่อเธอจะได้ทำลายนรกแห่งนี้ เด็กสาวได้รู้ไปถึงแก่นแล้วว่าพระเจ้าไม่มีจริง เฉกเช่นแม่มดหรือปีศาจที่ก็เป็นเพียงการโยนบทบาทให้เธอเพื่อเป็นแพะรับบาปหรือเพื่อหาเหยื่อมาเล่นสนุกจนสาแก่ใจเท่านั้น เพราะหากปีศาจมีจริง เขา...ผู้ชั่วช้าจนถูกพระเจ้าขับออกจากสวรรค์...ก็ต้องพาเธอที่ถูกสวรรค์ขับไล่ ออกไปจากขุมนรกที่เธอต้องเวียนวนพานพบไม่รู้จบนี้ได้
ความหวังริบหรี่จนไม่อาจเรียกได้ว่ามี แต่โคโตเนะก็เพียรคิดอยู่ทุกวันคืนจนเป็นกิจวัตรว่าจะปีศาจหรือซาตาน เธอก็พร้อมมอบวิญญาณทั้งดวงให้เขาโดยไม่มีข้อแม้ ขอเพียงเขามาพาเธอออกไปจากคุสึชิกิบาระ โนะ เซย์โบะ ที่ไม่มีพระแม่มารีอามามอบความอารีให้เธอได้ประจักษ์เหมือนชื่ออันไพเราะงดงามแต่จอมปลอมของมัน และหวังว่าเขาจะช่วยชำระนรกแห่งนี้รวมถึงซิสเตอร์คิริมิยะกับนางอายาโกะจนไม่เหลือแม้เศษซาก...ดั่งไม่เคยมีอยู่
.
‘เสียงเข็มขัดหนังยามกระทบนั้นเจ็บปวด มาทำให้บาดแผลยิ่งฝังลึกลงไปเถอะ’— เนื้อเพลง ‘เคจ’ (เดอร์ ออง เกรย์)
เนิ่นนานจนโคโตเนะเลิกนับไปแล้วเพราะมันไม่เกิดประโยชน์รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ อาจเป็นคืนที่ร้อย คืนที่พัน หรือคืนที่ล้านที่ร่างกายบอบช้ำและจิตวิญญาณแทบตายดับ เพื่อจะฟื้นขึ้นมาเผชิญกับนรกซ้ำซากในวันใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปฏิบัติตามแบบแผนเดิมทุกวี่วันราวกับมนุษย์มีหน้ามีนามทั้งสามชีวิตคือเครื่องจักรที่ไม่มีวันหมดอายุขัย แต่คืนนี้เป็นครั้งแรกที่แบบแผนผิดแปลกไปเหมือนเครื่องจักรสะดุดค้างชะงักกลางครัน
ไม้ไผ่ของอายาโกะหยุดหวดทันควันที่กลางอากาศเหมือนคำด่าทอที่ขาดช่วงไม่ต่างจากบทสวดบาดหูของซิสเตอร์คิริมิยะ ก่อนหญิงทั้งสามชีวิตจะได้เห็นร่างของคนที่คว้าจับมือผอมหุ้มกระดูกของอายาโกะไว้ ชายหนุ่มปริศนามาถึงเมื่อไร เช่นไร หรืออย่างไรไม่มีใครหมู่พวกเธอรู้ได้ ผู้มาเยือนอยู่ในชุดสีดำทั้งตัว ขับเน้นผิวขาวที่เป็นประกายเหมือนแก้ว ผมสีทองสว่างเหมือนโคโตเนะ และใบหน้างดงามดั่งอัครเทวทูตที่เธอเคยอ่านเจอในไบเบิล แม้หลังจากวิญญาณของเธอร่วงดิ่งลงมาอยู่ในนรกภูมิแห่งนี้ โคโตเนะจะเปลี่ยนมาคิดว่าซาตานผู้ตรงข้ามกับความดีงามจอมปลอมทั้งปวงต่างหากที่ควรมีใบหน้าสลักเสลาถึงเพียงนี้
ทว่าเทวทูตตนนี้คงจะไม่ใช่อย่างนั้นสำหรับอายาโกะและซิสเตอร์คิริมิยะ เขาทำให้อายาโกะแผดเสียงลั่นยิ่งกว่าตอนด่าทอสาปแช่งเมื่อข้อมือของหล่อนถูกบิดดังกร๊อบจนไม้ไผ่หลุดไปพร้อมมือขวา เขาบิดมันออกอย่างง่ายดายเหมือนหักหัวไชเท้าจนมองเห็นกระดูกขาวที่หักรุ่ยไม่เป็นระเบียบ เลือดสีแดงสดพุ่งกระฉูดอาบมันและใบหน้าของโคโตเนะประดุจน้ำพุแห่งชีวิต และมันต่อชีวิตให้โคโตเนะได้จริงหากหมายถึงการทำร้ายหญิงคนนี้ อายาโกะแหกปากกรีดร้องด้วยเสียงดังที่สุดที่โคโตเนะเคยได้ยินในชีวิตจากผู้หญิงที่จะกรีดเสียงเร่าแค่โดนมีดบาดมือเพราะอาจทิ้งรอยแผลเป็นไว้ ขณะที่ซิสเตอร์คิริมิยะก็ร้องลั่นเมื่อเห็นภาพที่เกิด นางวิ่งลนลานไปนั่งกอดเข่างันงกที่มุมห้องเหมือนหนูติดจั่นที่ไม่อาจไปไหนได้ กุมสองมือเข้าด้วยกันแล้วก็เริ่มต้นขมุบขมิบคำสวด แต่แม่ชียังไม่ใช่จุดสนใจของเทวทูต เพราะความสนใจของเขาคือหญิงโฉดชั่วอีกคนก่อน
“คนเป็นแม่ไม่ควรทำแบบนี้กับลูกของตัวเองนะ” เทวทูตพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและใบหน้านิ่มนวลต่างจากการกระทำอันเหี้ยมโหดลิบลับ พร้อมกับที่ถัดมาเขาก็พูดด้วยเสียงดังฟังชัดว่า “อายาโกะ”
“แก!” อายาโกะแผดเสียง “แกเป็นใคร! ทำไมแกถึงรู้ชื่อของฉัน!”
เทวทูตไม่ตอบแต่เผยอรอยยิ้มที่ส่งให้ใบหน้าของเขายิ่งพิลาสจนวิปลาส เมื่อถัดมาเขาจะกรีดนิ้วไปบนร่างอายาโกะที่ถอยร่นไปจนติดมุมห้องเพราะฝีเท้าที่ก้าวหา เขาลากนิ้วชี้โดยเริ่มจากคอเสื้อชุดกระโปรงตัวยาวกรอมเท้าสีขาวจนผ้าแยกออกเหมือนถูกผ่า เคลื่อนมันอย่างแช่มช้าลงมาถึงหน้าท้อง หล่อนกรีดร้องทุกคราวที่นิ้วกรีดลงไปเพราะเล็บที่สั้นกุดของเขาไม่ต่างจากใบมีดคมกริบ มันผ่าชุดกระโปรงสีดำไปถึงเนื้อหนังข้างในจนผิวหนังปริแยก เลือดไหลทะลักออกมาจากช่องว่าง แต่ที่ทำให้หญิงทั้งสามต้องตกใจและตื่นตะลึงยิ่งกว่านั้นคือรอยแยกบนผิวหนังที่กลายเป็นเพลิง สะเก็ดไฟเต้นเร่าอยู่บนผิวหนังขาวซีดประหนึ่งปีศาจเริงระบำ เขากรีดนิ้วอีกครั้งไปเป็นอีกทิศทาง ลากจากบ่าซ้ายไปถึงบ่าขวา
เทวทูตวาดมันเป็นไม้กางเขน
“หวังว่าพระเจ้าจะรับคุณไปอยู่ด้วย”
เทวทูตหาได้ปิดบังว่าประชดแดกดัน เขาเดินถอยหลังผละจากอายาโกะเพื่อร่างที่ไฟโชนจะได้ร่วงไปบนพื้น แม้เสื้อผ้าจะขาดวิ่นจนเกือบเปลือยเปล่าแต่สิ่งเดียวที่โคโตเนะรู้สึกได้ก็มีเพียงความเวทนา อายาโกะได้แต่กรีดเร่าดิ้นร่างทุรนทุรายอยู่นานแต่ก็ยังไม่อาจตายได้หากเขาไม่อนุญาต
“อายาโกะ” เทวทูตคุกเข่าลงไปเอ่ย “ถ้าคุณทำดีกับเธอ เจสซี่ก็พร้อมจะอ้าแขนต้อนรับคุณ แต่ไม่อีกแล้ว เขาไม่มีวันอภัยให้คุณ เขาจะโกรธเกลียดเคียดแค้นคุณไปตลอดกาลต่อให้ดวงวิญญาณของคุณจะไม่เหลือ ทุกความรักของเขาที่เคยมีให้คุณจะเป็นของลูกสาวคุณ และเธอจะได้รับมันยิ่งกว่าที่คุณเคยได้รับ”
จบประโยคเทวทูตก็ก้มไปกระซิบบางอย่างข้างหูหญิงที่แม้จะยังไม่หยุดดิ้นหากก็หาได้รบกวนจิตใจเขาแต่อย่างใด โคโตเนะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร แต่เธอรู้ว่าถ้อยคำนั้นทิ่มแทงหล่อนอย่างแรงมากจนเสียงแหกปากดังยิ่งกว่าเดิม กระทั่งเสียงกรีดร้องที่ราวกับจะไม่มีวันจบสิ้นลับหายไปในที่สุดเมื่อร่างของอายาโกะกลายเป็นเนื้อเกรียมสีดำ เหมือนในวาระสุดท้ายของชีวิตลูกสาวหล่อนเมื่อ...ชาติที่แล้วถ้าจะเรียกเช่นนั้น
เมื่อวิญญาณของหล่อนไปจากนรกแห่งนี้แล้ว แม้โคโตเนะก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะไปอยู่ที่ใด อาจเป็นนรกอีกแห่งก็ได้ เสียงถัดมาที่เธอได้ยินหรืออาจมีอยู่ก่อนแล้วแค่ไม่ได้รับฟังก็คือเสียงสวดของซิสเตอร์คิริมิยะที่ด้านหลังห้อง เทวทูตเปลี่ยนความสนใจมาเป็นนางชี หากโคโตเนะก็ไม่อาจมองเห็นภาพต่อจากนั้นได้เพราะร่างที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้กลางห้อง แต่แม้ดวงตาจะมองไม่เห็น เสียงสวดอ้อนวอนขอพระเจ้าเมตตาช่วยให้มารร้ายแพ้พ่ายของนางก็ก้องดังอยู่รอบทิศ ไม่ว่าพระเจ้าจะมีจริงหรือไม่ โคโตเนะก็หวังว่านรกขุมนี้จะลึกสุดหยั่งจนคำวิงวอนไปไม่ถึงเบื้องบน
“คุณว่าพระเจ้าจะรับฟังมั้ย”
น่าอัศจรรย์ที่เทวทูตเอ่ยถามออกมาได้ตรงกับความคิดในหัวเธอ แต่คำถามนั้นก็ทำให้เสียงสวดของซิสเตอร์คิริมิยะดังขึ้น รัวขึ้น และฟังไม่เป็นภาษามากขึ้น ไม่นานจากนั้นมันก็กลายเป็นเสียงกรีดร้องพร้อมกับที่โคโตเนะได้ยินเสียงเหมือนของหนักกระทบกระแทกอย่างแรง ครั้นแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองก็เห็นร่างของซิสเตอร์คิริมิยะกางแขนกางขาอยู่บนผนังปูนเปลือยราวกับถูกอูดตรึงไว้ด้วยกาว ศีรษะเกือบชนเข้ากับเพดาน จากนั้นโคโตเนะก็รู้สึกถึงเงาร่างสูงของชายหนุ่มในชุดสีดำที่มายืนข้างเธอ
“คุณเคยคิดมั้ยว่าเรื่องที่เยซูถูกตรึงกางเขนมันเหมือนกับอะไร” โคโตเนะหันไปเห็นใบหน้าอาบยิ้มของเขาที่ราวกับขบขันเสียเต็มประดา “การเผาพวกแม่มดยังไงล่ะ”
นางชีชุดดำหาได้กระซิบพรายร่ายคำสวดอีก บัดนี้นางเริ่มพูดถึงปีศาจ ซาตาน และสิ่งเลวร้ายจากอเวจีที่เทวทูตชุดดำผู้นั้นอาจเป็น ก่อนคำพูดนานาที่โคโตเนะคิดว่านางควรหมายถึงตัวเองมากกว่าหากมองจากความชั่วช้าที่นางเคยทำจะถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีด เมื่อเหล็กดัดสนิมเกาะสองซี่จากหน้าต่างบานเดียวในห้องลอยข้ามหัวเธอไปเสียบที่ฝ่ามือเหี่ยวย่นทั้งคู่ เลือดแดงฉานของนางไหลรินเป็นครั้งแรกในนรกภูมิแห่งนี้ ขณะที่นางกรีดร้อง เทวทูตก็หัวเราะ
“อะไรกันแม่ชี มันเพิ่งเริ่มต้นเองนะ เยซูที่คุณรักนักหนาต้องเจ็บปวดยิ่งกว่านี้อีก”
แล้วเหล็กทั้งคู่จากมือนางที่ไม่ฝังในฝ่ามือก็หักออกเพื่อจะปักลงมาที่เท้าทั้งสองข้าง ทะลุรองเท้าส้นเตี้ยสีดำไปจนถึงถุงเท้าสีขาว แต่ก็สร้างความเจ็บปวดมหันต์ให้ได้เมื่อฟังจากเสียงกรีดร้อง จากนั้นเหล็กดัดอีกซี่ที่ถูกบิดงอเป็นทรงครึ่งวงกลมก็พุ่งจากหน้าต่างมาปักลงบนศีรษะของนางเหมือนเป็นมงกุฏ
“ผมต้องเสียใจด้วยที่ไม่ใช่มงกุฎหนาม” เทวทูตยิ้มหยัน “แต่คุณก็ยังได้ทุกข์ทนเหมือนเขานะ”
ซิสเตอร์คิริมิยะกรีดร้องกับความเจ็บปวดเกินคณา ของเหลวเหนียวข้นหลั่งรินจากเหล็กที่เจาะเข้ากะโหลก ชุดชีสีดำถูกลนด้วยโลหิตร้อนเร่าที่แผดเผาดั่งไฟ เลือดสีชาดอาบชโลมเป็นรูปไม้กางเขนขนาดใหญ่ ร่างที่ถูกติดตรึงของซิสเตอร์คิริมิยะทำได้เพียงดิ้นเร่าพร่ำคำก่นด่าสาปแช่งปีศาจตรงหน้า หาได้สนใจวอนขอความเมตตาจากพระเจ้าอีก เหมือนที่เทวทูตก็ไม่ได้สนใจจะรับฟังคำพูดของนางอีก
เพราะบัดนี้ความสนใจของเขามาเป็นโคโตเนะในที่สุด เทวทูตก้มมองหญิงสาวที่ไม่มีความกลัวแม้สักเสี้ยวเศษกับการกระทำของเขาต่อหญิงทั้งคู่ เพราะการได้เห็นหายนะของพวกนางก็มากพอจะปลดปล่อยเธอจากทุกความกลัวได้แล้ว หากต้องตายเป็นรายต่อไปด้วยฝีมือของเทวทูตผู้งดงามองค์นี้เธอก็ยินดี แต่ความคิดในแง่ร้ายที่สุดของโคโตเนะผิดถนัดเมื่อเขายิ้มอ่อนโยนให้และพูดว่า
“ผมมารับคุณกลับไป”
เชือกที่บีบรัดมัดเธอจนเจ็บถูกคลายออกโดยที่ชายผู้นี้ไม่ได้ขยับมือเลย โคโตเนะถามเขาด้วยเสียงแผ่วเบาอย่างระโหยโรยแรง มันไม่ดังไปกว่าเสียงกรีดร้องของซิสเตอร์คิริมิยะ ทว่าต่อให้ไม่พูด โคโตเนะก็รู้ว่าเขาจะเข้าใจ
“ไปไหน”
“ไปมีชีวิต”
เทวทูตที่โคโตเนะคิดว่าหากปีกของเขาจะงอกสยายได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งก็ไม่เกินจริงช่วยพยุงร่างซวนเซของเธอ ประตูหนาหนักถูกเปิดออกทั้งที่ก็ไม่มีใครแตะต้อง อาจด้วยเวทมนตร์ อำนาจมืดดำ พลังเหนือธรรมชาติ ซาตาน ปีศาจร้าย หรืออะไรก็ช่าง โคโตเนะไม่สนใจอีกต่อไป ขอเพียงให้เธอได้ออกไปจากที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของความชั่วร้ายใดเธอก็จะไม่แยแส แต่ก่อนจะได้ออกไป เทวทูตก็หยุดฝีเท้าที่ปรับให้เป็นจังหวะเดียวกันกับเธอเมื่อถึงธรณีประตู เงยหน้าขึ้นบอกซิสเตอร์คิริมิยะว่า
“พระเจ้าอาจรับคุณไปอยู่ด้วยนะ แม่ชี หรือไม่ก็อาจเป็น...พ่อของผม”
เทวทูตยกมือซ้ายขึ้น ฉับพลันจากนั้นเก้าอี้ก็ลอยหวือมาเฉียดโดนนิ้วโป้งของเขาจนเลือดไหล แต่เขาก็ไม่สะทกสะเทือนและไยดีเท่าการได้เห็นขาเก้าอี้แทงเข้าไปที่สีข้างของซิสเตอร์คิริมิยะ เขาทำให้มันเป็นเหมือนแผลศักดิ์สิทธิ์ที่เยซูเคยได้รับจากการทนทุกข์ ในเมื่อนางศรัทธาชายคนนั้นเป็นนักหนา เช่นนั้นก็จงเป็นเหมือนชายที่นางบูชา โคโตเนะไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของซิสเตอร์คิริมิยะอีกหลังจากประตูปิดลง เทวทูตช่วยประคองร่างที่อ่อนแรงของเธอไปตามทางเดินโดยมีเปลวเพลิงที่ลุกโหมประกอบเป็นฉากหลัง หญิงสาวรับรู้ได้ในวินาทีนั้นเองว่าเขาคือผู้ที่จะเผานรกของเธอจนเหี้ยนเหมือนที่เธอเฝ้าปรารถนามาชั่วกัลป์ ร่างของเหล่านางชีกับนักเรียนประจำไม่อาจส่งเสียงร้องได้จากใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้ปาก เพียงระเนระนาดเกลื่อนอยู่ตามทางที่เทวทูตพาเธอเดินไปเหมือนกองซากศพในการฆาตกรรมหมู่ที่ไม่ช้าเปลวเพลิงก็จะชำระทุกอย่างจนไม่เหลือแม้ร่องรอย
ท้องฟ้าภายนอกหาได้เป็นสีเลือดดั่งคืนวิปโยคที่โคโตเนะต้องตายหรือทุกคืนที่เธอต้องทุกข์ทนอยู่ในนรกนี้ แต่เป็นสีของท้องฟ้ายามค่ำคืนบนโลกเหมือนครั้งสุดท้ายที่เธอก็ยังจดจำได้ น้ำตาไหลรินลงมากับเรื่องรื่นรมย์เล็กน้อยนั้น แล้วเทวทูตก็เริ่มต้นพูดอีกครั้ง
“ผมชื่อเคียวโมโตะ ไทกะ”
เขาแนะนำตัวเป็นชื่อที่ไพเราะที่สุดในโลกด้วยรอยยิ้ม ใบหน้างดงามที่สุดในโลกห่างจากโคโตเนะแค่คืบราวจะจูบซับน้ำตาบนแก้มให้แต่ก็ไม่ได้ทำ เขาใช้นิ้วที่เปรอะเลือดจากเก้าอี้บาดปาดไปบนใบหน้าที่มีเลือดกรังของเธอ กระทั่งนิ้วเปื้อนเลือดปาดเข้าไปถึงในปากที่ลิ้นของโคโตเนะบังเอิญแตะโดน ทว่าเทวทูตก็หาได้ตระหนกเหมือนหญิงข้างกาย เขายังค้างมันไว้อย่างนั้น โคโตเนะถึงกับคิดว่าเขาพึงพอใจจากรอยยิ้มมุมปากที่เธอมองเห็น จากนั้นอีกมือหนึ่งก็ล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
“ทางข้างหน้ายังอีกไกล กินขนมปังก่อนนะ คุณจะได้มีแรง”
ขณะที่โคโตเนะกินขนมปัง เทวทูตก็เอานิ้วโป้งของตนที่เปื้อนเลือดและน้ำลายของเธอไปเลียพร้อมกับจ้องตาเธอ หญิงสาวได้เข้าใจในวินาทีนั้นเองว่ามันไม่ได้ต่างจากศีลมหาสนิทเลย หากขนมปังแทนกายของเขา ไวน์แดงก็คือโลหิตของเขา ทว่าโคโตเนะได้ลิ้มรสโลหิตของจริงของเขา และเธอก็ยินดีรับเขาเข้ามาสถิตอยู่ในกายเธอ พร้อมมอบทุกอย่างให้เขาดั่งการอุทิศเพื่อตอบแทนเขาที่ช่วยเธอออกมาจากนรก
เพราะเธอในตอนนั้นไม่มีทางรู้ได้เลยว่าบุตรแห่งซาตานในร่างเทวทูต แค่พาเธอออกจากคุกนรกใต้ดินเพียงเพื่อจะพาเธอไปอยู่ที่นรกบนดิน
นรกที่เขาจะเป็นผู้สร้าง
โคโตเนะตื่นขึ้นหลังได้นอนหลับเต็มอิ่มบนเตียงนุ่มเป็นครั้งแรกในนิรันดร์ ทุกอาการบาดเจ็บและทุกร่องรอยบาดแผลล้วนหายสนิทเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น พอละจากเนื้อหนังของตัวเองก็เห็นเงาร่างของใครคนหนึ่งที่เก้าอี้โยกตรงมุมห้อง แม้ไฟจากเตาผิงจะไม่ได้สว่างมากนักแต่เขาก็เป็นประกายได้โดยไม่ต้องพึ่งมัน ไทกะนั่งไขว่ห้าง สองมือสอดวางไว้ใต้คาง โคโตเนะอดคิดไม่ได้ว่ารอยยิ้มอ่อนโยนที่มุมปากทั้งสองข้างอาจเป็นแค่แสงเงาที่เล่นตลกกับตาเธอ
“คุณหายดีแล้วด้วยพลังของผมเอง” ไทกะลุกมาหาก่อนจะยื่นมือออกมาให้เธอ “ออกไปเดินเล่นกับผม”
มือของเขาคือทุกความวางใจของโคโตเนะ ไทกะกระชับมือของเธอแน่นดั่งจะยืนยันให้มั่นใจ แต่แค่ครู่ก็ปล่อยออกเพื่อจะเอาไปเปิดประตูห้องด้วยมือไม่ใช่ด้วยพลังอำนาจเหนือธรรมชาติอีก แล้วก็เอามันไขว้หลังขณะเดินเคียงข้างตีฝีเท้าไปกับเธอโดยไม่ได้พูดอะไรอีก กระทั่งจะพาเธอมาหยุดที่สุดทางเดินของโถงที่ทอดยาว โคโตเนะจึงได้เห็นรูปใบเล็กในกรอบไม้บนโต๊ะติดผนัง มันเป็นภาพถ่ายซีดจางสีน้ำตาลของชายหญิงคู่หนึ่ง ซ้ายมือคือชายตัวสูงกับผมสีสว่าง ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้างสดใส ข้างกันคือหญิงสาวผมยาวสีสว่างในเฉดเดียวกัน พวกเขาดูเหมือนชาวต่างชาติ ทว่าใบหน้างดงามแต้มรอยยิ้มอ่อนบางของหล่อนต่างหากที่ทำให้โคโตเนะต้องเพ่งจ้อง เธอหันไปหาคนข้างกาย หากไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร เขาก็ชิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟังเหมือนทุกคราวที่เปิดปากไม่ว่าจะพูดอะไรก็ตามว่า
“พ่อของคุณขอให้ผมไปช่วยคุณออกมาจากนรก”
โคโตเนะมองหน้าเขาด้วยความรู้สึกมากมายที่ผสมปนเปกันไป แล้วจึงกลับไปเป็นรูปถ่ายนั้นอีกครั้ง
“พ่อของฉัน...” ทันใดก็รู้สึกเหมือนก้อนบางอย่างมาจุกอยู่ในคอ ขณะมองดูชายในรูปที่เธอได้รู้แล้วว่าเขาคือใคร “ยังมีชีวิตอยู่เหรอคะ”
“เจสซี่ไม่เคยได้ตาย” ไทกะตอบ “ไม่เหมือนกับน้องสาวของเขา”
โคโตเนะเลื่อนสายตาไปเป็นเด็กสาวข้างกายชายในรูป หล่อนมีใบหน้าพิมพ์เดียวกับเธอไม่ผิดเพี้ยนราวกับโคโตเนะกำลังมองดูตัวเองในฉากที่เธอไม่เคยได้ถ่ายหรืออยู่ ฉับพลันคำว่าแม่มดก็หวนคืนมาในความคิด มันยังเป็นเข็มที่สะกิดใจเธอ ทำให้เธอเจ็บจี๊ดที่ใจเมื่อคิดว่าคำนี้ทำให้เธอต้องพบพานกับอะไรบ้าง ทสึเนมิเป็นคนแรกที่กล่าวหาหลานสาวของนางเช่นนั้น หกปีพ้นผ่านไปแสนนานจนเหมือนเป็นอดีตที่แสนไกล ราวกับเป็นความทรงจำของอามาคุสะ โคโตเนะในชาติที่แล้ว
“แล้วฉัน...เป็นอะไร” จึงเอ่ยถามออกไป “แม่มด ปีศาจ เพราะอะไรทำไมคุณถึงมาช่วยฉัน พ่อของฉัน น้องสาวของพ่อฉัน พวกเขาเป็นใครกันแน่”
เทวทูตก้มมองเธอ คราวนี้โคโตเนะแน่ใจได้ว่ารอยยิ้มของเขานั้นจริงแท้ไม่ใช่ภาพที่ไฟอาจหลอกตาอีก
“คุณคงปะติดปะต่อได้แล้วว่าผู้หญิงที่อยู่ในรูปคือน้องสาวของพ่อคุณ” เขาไม่ได้ตอบคำถามของเธอในทันที “เธอชื่อมาริอะ หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดจนถูกจับเผา”
ไทกะพูดประโยคต่อมาที่โคโตเนะไม่เข้าใจเลยในตอนนั้น แต่เธอจะได้เข้าใจทุกอย่างชัดเจนในภายหลังว่า
“แต่คุณรู้มั้ยว่าบางครั้งศรัทธาแรงกล้าก็ทำให้ความเชื่อเป็นจริงได้”
ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด
อีบุ๊ก ดูทั้งหมด
ความคิดเห็น