คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : PILOT : Beautiful You (Beautiful Boy Fanfiction)
ที่จริงเราเคยลงเรื่องนี้ไว้ในบทความอื่น แต่ตัดสินใจยกมาลงในนี้ เพราะอยากเรียกมันว่าเป็นpilotของเรื่องนี้ pilotคือการสร้างตอนหนึ่งขึ้นมา ถ้าสถานีถูกใจก็จะอนุมัติให้สร้างเป็นซีรีส์ยาว เรื่องนี้จะว่าเป็นแบบนั้นก็ได้ค่ะ :) จากนั้นถึงค่อยต่อยอดออกมาเป็น Rosa Mystica แน่นอนว่าย่อมมีหลายจุดที่เปลี่ยนแปลงไปจากนี้ แต่จุดตั้งต้นก็มาจากฟิคสั้นเรื่องนี้เองแหละค่ะ :D
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
. เราเพิ่งไปดูเรื่องบิวตี้ฟูลบอยมาเมื่อวาน ไอเดียนี้แล่นอยู่ในหัวตอนดู ที่เราเองก็ไม่คิดว่าจะกลับมาแต่งเป็นฟิคสั้นได้หนึ่งเรื่องจริง เป็นหนังที่ดี(มาก)แม้จะเรียกได้ไม่เต็มปากว่าเป็นหนังโปรดของเรา แต่เรื่องนี้มีmaterialsที่ดีเยอะมากจนเราอยากแต่งฟิคให้ตัวละครนิค เชฟฟ์
. อย่างหนึ่งในเรื่องบิวตี้ฟูลบอยที่ดีโคตรดีคือเพลงinsertในเรื่อง เรายกให้เป็นหนังที่มีเพลงinsertตรงใจเราที่สุดไปแล้ว เพลงที่เราเอามาใส่ในเรื่องนี้ก็คือหนึ่งในนั้น ไม่คิดว่าจะได้เจอหนังที่ใช้เพลงSigur Rosอีกไวอย่างนี้หลังจากAquaman แนะนำอัลบั้มsoundtrackเรื่องนี้มากค่ะ เรารักทุกเพลงมากจนอยากเอามาแต่งให้หมดเลยด้วยซ้ำ T _ T
. พล็อตหนึ่งที่เราอยากแต่งมาตลอดก็คือเรื่องของคนสิ้นหวังสองคนที่ช่วยเยียวยากันและกัน เราแต่งเรื่องนี้ไปด้วยความรู้สึกว่ามันมีpotentialจะเป็นฟิคยาวอย่างนั้นได้ เพราะเราอยากลงลึกถึงตัวละครและความรู้สึกมากกว่านี้ ก็อาจเป็นสักวันหนึ่ง :)
. เป็นฟิคที่เราแต่งจบได้ในไม่กี่ชั่วโมง เกลาจบได้ในหนึ่งวัน ถึงจะเป็นฟิคที่ไม่ยาวมาก แต่ก็ออกจะเป็นเรื่องเหลือเชื่อสำหรับคนที่ทำอะไรช้ามากอย่างเรา ดังนั้นมันจึงเป็นฟิคเรื่องหนึ่งที่เราประทับใจมากนะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เดียร์ดรี คาร์สัน ได้รู้จัก นิโคลัส เชฟฟ์ ครั้งแรกในวิชาบทกวี ถอนตัวไม่ขึ้นตั้งแต่เห็นเขาอ่านบทกลอน ‘ให้มันโอบกอดเธอ’ ของชาร์ลส์ บูคาวสกีให้ทุกคนในชั้นเรียนฟังอย่างตั้งใจด้วยรอยยิ้มงดงาม กระทั่งได้เจอเขามากขึ้นในห้องสมุดที่เธอมักไปขลุกอยู่ในนั้น โลกอีกใบของคนที่แทบตัดขาดตัวเองจากสังคมอย่างเธอ
เดียร์ดรีไม่ใช่เด็กชอบเข้าสังคม เรียกว่ากลัวการเข้าสังคมคงถูกต้องมากกว่า ไม่เพียงเพราะตนเป็นคนต่างชาติที่ได้มาอยู่อเมริกาเพราะแม่ชาวไทยแต่งงานใหม่กับชายชาวอเมริกัน แต่เด็กสาวกลัวการผูกมิตรหรือสนทนาทำความรู้จักกับคนแปลกหน้ามาแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยในเมืองไทย ไม่พักต้องพูดถึงต่างแดน แม้จะมาอยู่ที่ซานฟรานซิสโกได้ห้าปีแล้ว เดียร์ดรีก็ยังไม่เคยมีเพื่อนสนิทอยู่อย่างนั้น แต่ภาษาของเธอก็พัฒนาขึ้นจนถึงระดับเดียวกับเจ้าของภาษาได้ด้วยการสนทนากับพ่อเลี้ยง ครู และเพื่อนบ้านต่างวัยที่พูดคุยทักทายกันได้อย่างมีไมตรี
หากเดียร์ดรีก็ไม่เคยทุกข์ร้อนกับการขาดไร้มิตรสหาย เธอมีหนังสือและเสียงเพลงเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจอยู่แล้ว ทว่ามิตรภาพกับความรักเป็นคนละเรื่องกัน จึงเป็นเธอเองที่รวบรวมความกล้าเข้าไปทักทายนิคก่อน นิคบอกว่าเขารู้จักเธอ ไม่ใช่เพราะพวกเขาได้เจอกันในห้องสมุดทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์นั้น ที่นิคมาเล่นคอมพิวเตอร์ หาหนังสืออ่าน หรือทำการบ้าน แต่เขาจำเด็กเอเชียผมสีทองคนนั้นได้ตั้งแต่ในวิชาบทกวีแล้ว
นับจากวันนั้น พวกเขาก็เริ่มไปไหนมาไหนด้วยกัน เดียร์ดรีได้รู้จักหนังสือน่าอ่านเพิ่มมากขึ้นจากการแนะนำของนิค ได้รู้จักบทเพลงสุดเจ๋งมากมายที่เขาแบ่งปันให้ฟัง เพลงพวกนั้นที่เขาฟังตามพ่อ รวมถึงจดหมายรักที่นิค—ผู้ชายที่รักการเขียน—เขียนให้ด้วยใจ เท่านั้นก็มากพอจะทำให้เดียร์ดรีมอบทั้งใจให้นิคโดยไม่มีข้อแม้ เหมือนที่นิคได้รับความรัก ความอบอุ่น และความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากเดียร์ดรี คนที่เป็นทุกสิ่งของเขาโดยไม่มีเงื่อนไข
เขาเป็นของเธอ...มากเท่ากับที่เธอเป็นของเขา
เพราะฉะนั้น ในตอนที่เดียร์ดรีรู้ว่าคนรักติดยาเสพติด ก็ราวกับโลกทั้งใบแตกเป็นเสี่ยงไปในพริบตา เธอพยายามรวบรวมหัวใจที่แตกสลายมาต่อให้ติด วิงวอนให้ทุกความรู้สึกไหลไปกับน้ำตาที่กลั่นออกมาจากความผิดหวัง ความเสียใจ และมากที่สุดคือความกลัว—กลัวจับใจว่าสักวันมันจะพรากนิคไป เธอเห็นข่าวคนมากมายที่ต้องตายก่อนวัยอันควรเพราะยานรกพวกนี้ เหตุใดเดียร์ดรีจะไม่หวั่นกลัวว่าสักวันมันก็อาจเป็นคนรักของเธอ
ยาเสพติดไม่เพียงผลักเดียร์ดรีตกจากสวรรค์ลงไปนรกบนดินทั้งที่ยังหายใจ มันยังเปลี่ยนแปลงผู้ชายที่ร่าเริง อ่อนโยน ให้กลายเป็นใครอีกคนที่เธอไม่เคยรู้จัก นิคหัวเสียแค่กับเรื่องเล็กน้อย โกรธง่าย โมโหฉุนเฉียวตลอดเวลา พ่นคำหยาบง่ายดายเหมือนหายใจ แรกนั้นเดียร์ดรีไม่รู้ว่ามันเป็นผลจากยาที่เข้าไปบั่นทอนความคิดทำลายสมอง หากเธอก็รักเขามากจนความโกรธ น้อยใจ ผิดหวัง ที่สุมรุมอยู่ในอก ไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียด และไม่อาจทำให้เธอทอดทิ้งนิคได้
ทำได้เพียงอ้อนวอนขอให้เขาเลิกมันเสีย
นิคขอให้เดียร์ดรีย้ายมาอยู่กับเขา คอยช่วยไม่ให้เขาออกนอกลู่นอกทางไปหายาเสพติดอีก อ้างว่าที่หันไปหายา เพราะเมื่อไหร่ที่ไม่ได้อยู่กับเธอ มันทำให้เขาเหงา เขาแค่ต้องการสิ่งที่ช่วยให้เขามีความสุขได้ในโมงยามนั้น เดียร์ดรียินยอมพร้อมทำตามที่เขาต้องการ หากมันช่วยให้นิคเลิกยุ่งกับยาเสพติดได้ จะเป็นอะไรเธอก็ยอมทุกอย่าง
ทว่ามันได้ผลแค่ในช่วงแรก ช่วงที่นิคยังสำเริงสำราญที่มีคนรักอยู่เคียงข้างตลอดเวลา แต่ขึ้นชื่อว่ายาเสพติด ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เลิกแล้วต่อกันได้ง่ายดายเหมือนปากว่า คืนนั้นเดียร์ดรีมีธุระต้องทำจนกลับดึก เธอจึงบังเอิญได้เห็นคนรักในห้องน้ำกับ—ยาไอซ์ เข็มฉีดยาปักคาอยู่ที่แขนเขาคาตาเธอ พวกเขาทะเลาะกันใหญ่โต และนับจากนั้น นิคก็ไม่เคยเกรงใจกับการขับรถออกไปในทุกเวลาที่ต้องการ ไม่ว่าจะเพื่อไปหายาเสพ หรือไปปาร์ตี้เพื่อเสพยา
ขณะที่นิคลอยล่องท่องไปในโลกอื่นตามแต่ยานรกพวกนี้จะนำพา และกลับมาพร้อมร่างกายที่เสียหายสึกหรอเร็วขึ้น มันก็แลกมาด้วยน้ำตาของคนที่รักหมดใจ เดียร์ดรีร้องไห้ทุกครั้งที่เขาไปอยู่กับยาพวกนั้น ร้องจนไม่เหลือน้ำตาจะเค้นออกมาได้อีก ร้องจนปวดหัวทรมานต้องพึ่งยาแก้ปวด กระทั่งต้องใช้ยานอนหลับเพื่อให้หลับได้ แม้หลังจากเขากลับมานอนบนเตียงข้างเธอแล้วก็ตาม หากเธอก็ไม่เคยนอน ตราบใดที่นิคไม่กลับมายืนยันความปลอดภัยด้วยตัวเขาเอง
มันเป็นคืนหนึ่งท่ามกลางหลายคืนที่มากจนเกินนับ คืนที่เดียร์ดรีไม่อาจเฝ้ารอด้วยใจกระวนกระวายได้อีก เธอตามหานิคจนเจอในห้องน้ำของคลับที่เขาไปปาร์ตี้ มันเป็นโลกที่เดียร์ดรีไม่เคยเหยียบย่าง เพราะรู้ดีว่าไม่ใช่โลกของตัวเอง แต่เธอก็ยอมย่างเท้าก้าวเข้าไปเพื่อคนที่รัก เดียร์ดรีร้องไห้อ้อนวอนนิคเหมือนจะบ้า เมื่อเห็นรอยเข็มมากมายหลายรอยบนท้องแขนซ้ายของเขา และบางจุดที่เขาคงแทงย้ำซ้ำไปมานับครั้งไม่ถ้วนจนบวมช้ำเป็นสีเขียวคล้ำ ตั้งแต่เธอเห็นเขากลับไปเสพยา นิคก็ใส่แต่เสื้อแขนยาว ไม่เคยเปิดเผยแขนของเขาให้ได้เห็นอีก ไม่แม้แต่ตอนที่เธอกับเขามีเซ็กซ์กัน เซ็กซ์ที่เป็นแค่เซ็กซ์ ไม่ใช่การร่วมรักด้วยความรักเหมือนที่เคยเป็นมา มีแค่ร่างกายที่ใกล้ชิดแนบแน่น แต่หัวใจไกลห่างเหมือนอยู่คนละโลก
“ทำไมนายต้องทำร้ายตัวเองอย่างนี้? ฉันไม่มีค่าพอจะให้นายรักตัวเองเพื่ออยู่ด้วยกันไปจนแก่เหรอ?” เดียร์ดรีเอ่ยคำถามที่ไม่หวังว่าเขาจะตอบด้วยความเจ็บปวด หากถ้อยคำต่อมาก็ทิ่มแทงนิคให้เจ็บปวดมากกว่าทุกแผลที่เขาเคยได้รับ “งั้นก็จบกันก่อนที่เราจะไปถึงจุดที่ย้อนกลับไม่ได้เถอะ ไปทางใครทางมัน”
นิคโผเข้าไปกอดคนรักแน่น กลายเป็นฝ่ายร้องไห้ อ้อนวอนขอให้เธออย่าทิ้งเขาไป
“ฉันจะเลิกยาให้ได้”
เพื่อจะพบว่ามันก็แค่ลมปาก...อีกครั้งคราว
“เธอมาได้ยังไง?” นิคถามกลั้วเสียงหัวเราะคิกคัก เมื่อเงยหน้าขึ้นจากช้อนที่เขาง่วนเผามันกับไฟแช็คจนผงขาวผสมน้ำบนนั้นกลายเป็นผลึก แล้วเห็นคนรักยืนอยู่ตรงหน้า
“ฉันเดินมา” เดียร์ดรีตอบด้วยใบหน้านิ่งเฉย น้ำเสียงราบเรียบ ผิดกับนิคที่หัวเราะไม่หยุดเพราะคำตอบตรงไปตรงมาของเธอ เขาลุกออกมาจากโต๊ะ บอกลาทุกคนด้วยคำว่า “กลับก่อนนะ แม่มาตามแล้ว” รวนร่าไปพร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมโต๊ะที่ตามติดมาด้วย
เมื่อมาถึงที่จอดรถ นิคก็บอกให้เธอขึ้นรถที่เขาจะขับกลับ แต่เดียร์ดรีฉวยกุญแจรถไปจากมือ พูดด้วยเสียงห้วนกระชากไม่ต่างกับกิริยาว่า
“ฉันไม่ยอมนั่งรถกลับกับนายที่เมายาเพื่อไปตายหรอก”
พวกเขาจึงมาอยู่ที่โมเทลราคาถูกในละแวกนั้น ที่เดินเท้าไปเจอตามคำของเดียร์ดรี
“ทำไมชุดเธอเปื้อนเหมือนไปตีกับใครมา หัวก็กระเซิงอย่างกับรังนก”
คนที่นั่งแกว่งเท้าไปมาอยู่ปลายเตียงพูดหยอกคนรักที่ยังคงยืนหันหลังให้ แม้เธอจะปิดประตูห้องสนิทเรียบร้อยดีแล้วก็ตาม เดียร์ดรีพยายามสงบใจของตัวเองไม่ให้ใช้อารมณ์กับเขาด้วยรู้ว่าเป็นเพราะยา ทว่าคำถามนี้เหมือนเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ทำให้อารมณ์ของเธอคุกรุ่น พร้อมลุกโพลงได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง เธอหมุนตัวกลับไป ตอบเขาโดยพยายามกลั้นอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุอยู่ในใจว่า
“ฉันเกือบถูกข่มขืนตอนที่ออกตามหานาย”
เป็นคำตอบที่ทำให้นิคสร่างจากฤทธิ์ยาได้แทบจะในพริบตา ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามเรื่องราวเมื่อเดียร์ดรีพูดต่อว่า
“นายก็รู้ว่าฉันขับรถไม่เป็น แล้วฉันก็ไม่มีเงินมากพอจะขึ้นแท็กซีวนรอบเมืองตามหานาย ฉันเดินตามหานายจนทั่ว มีพวกคนติดยาพยายามจะข่มขืนฉัน แต่มีคนมาเห็นพอดี ฉันเลยหนีออกมาได้ แต่ฉันก็ไม่หยุดตามหานาย...จนเจอ”
ริมฝีปากของนิคอ้าค้าง หากก็ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา เพราะความตกใจที่ซัดเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“นายคิดว่ามันจะเป็นครั้งแรก หรือเป็นครั้งสุดท้าย ที่ฉันจะทำแบบนี้เหรอ” เสียงของเดียร์ดรีสั่นด้วยความพยายามที่เริ่มถดถอยหมดลงเมื่อสบตานิ่งนานกับคนรักของเธอ “ถ้านายหายไปอีก ฉันก็จะกระวนกระวายออกตามหานายอีก...ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน และสักวันหนึ่ง เรื่องแบบนี้ก็อาจเกิดขึ้นอีก คราวหน้ามันอาจจบอีกแบบ...” จนที่สุด น้ำตาของเดียร์ดรีก็ไหลออกมา
“แต่ถ้าฉันต้องถูกข่มขืน แลกกับการที่เห็นว่านายยังอยู่ดี ยังไม่ตายเพราะยา ฉันก็ยอม รู้มั้ยว่าทำไม...”
นิคโผนลุกจากเตียงไปหา สองมือประคองแก้มเธอ แล้วจูบลงที่ริมฝีปากก่อนมันจะได้พูดอะไรต่อจากนั้น ไม่ได้มีแค่เดียร์ดรีที่ตัวสั่นจากแรงสะอื้น ทั้งมือและริมฝีปากของนิคก็สั่นไม่ต่างกัน เขาหยุดจูบเธอแล้ว แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือ ก่อนแตะหน้าผากชื้นเหงื่อเข้ากับหน้าผากระผมหน้าม้ายุ่งเหยิง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาเศร้าคู่นั้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน
“เดียร์ดรี ฉันก็รักเธอ” เพราะรู้คำตอบของคำถามนั้นดี จึงชิงพูดมันขึ้นมาก่อนเอง “เพราะฉะนั้น อย่าพูดแบบนั้น ฉันจะไม่มีวันยอมให้เธอถูกข่มขืน แล้วฉันก็จะไม่ตายเพราะยาด้วย”
“งั้นก็สัญญาสิว่านายจะเลิกมันให้ได้”
ทว่าเขาไม่ยอมให้คำมั่น ทั้งยังหลบตาเพื่อซ่อนแววตา หากเดียร์ดรีก็ไม่ยอมหยุดความตั้งใจของตัวเองเช่นกันแม้น้ำตาจะยังไหลไม่หยุด คราวนี้เป็นเธอที่ยกสองมือขึ้นจับแก้มผอมตอบให้มองหน้าสบตา ดวงตาสีเขียวของเขาเคยเป็นประกายมากกว่านี้ แก้มของเขาเคยอิ่มมากกว่านี้ เขาเคยเป็นเด็กหนุ่มที่มีดีมากมายกว่านี้ ก่อนที่เขาจะรู้จักยานรกพวกนั้น เดียร์ดรีอยากพบกับนิคคนเดิม อยากให้เขาคนนั้นกลับมา...อีกครั้ง
“อย่างน้อย...อย่างน้อยสัญญาว่านายจะพยายามก็ได้...นะ...นิค...ได้มั้ย?”
นิคร้องไห้ออกมากับคำขอครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ของคนรัก เขาพยักหน้า บอกเธอว่า
“ฉันจะพยายาม”
และคว้าตัวเดียร์ดรีเข้ามากอดแน่น
การเลิกกับเดียร์ดรีไม่เคยอยู่ในหัวของเขา ทว่า...การเลิกยาก็เช่นกัน
นิคเคยพยายามมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ทำไม่เคยได้ นับประสาอะไรกับครั้งต่อไปที่จะมาถึงอีกนับครั้งไม่ถ้วน
มันก็แค่อีกคำโกหกเพื่อรั้งคนที่รักเอาไว้ แม้จะรู้ว่าเดียร์ดรีต้องเสียใจมากแค่ไหน ยามได้รับรู้ว่ามันก็แค่คำโกหกอีกครั้งคราว เขากำลังฆ่าเธอด้วยคำโกหก ทั้งที่ความจริง เธอก็ยังต้องอาลัยคนที่อยู่ก็เหมือนตายอย่างเขาไม่เปลี่ยน
แต่หากต้องเลิกยา เขาเองก็ต้องตายทั้งเป็น
“เดียร์ดรี...อย่าทิ้งฉัน...อย่าเกลียดฉันเลยนะ...”—ที่เป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างนี้
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น