bombombom
@bombombom
ตอนนี้ยังไม่มีคำขอเป็นเพื่อน
มีเพื่อนๆ เล่น My.iD อีกเยอะเลย ลองไปดูกันเถอะ
dummyaliasname
@dummyusername
dummymsg
ตอนนี้ยังไม่มีข้อความลับ
ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งเตือน
เล่าเรื่องราวของคุณหรือสิ่งที่สนใจผ่านการตั้งกระทู้ ถ้ามีเพื่อนๆ มาตอบจะได้รับการแจ้งเตือนด้วยนะ
เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ เพื่อรับแจ้งเตือนบทความมาใหม่ในหมวดที่คุณสนใจ
ตอนนี้ได้ติดตามบทความเรียบร้อย
เมื่อบทความที่ติดตามอัปเดตจะแจ้งเตือนทันที ขอให้สนุกกับการอ่านบทความนะครับ
คุณยังไม่ได้ตั้งรหัสผ่านในบัญชีของคุณ
ตั้งรหัสผ่านตอนนี้เพื่อให้สามารถเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านได้
ค่าเริ่มต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“มันเป็นเมืองที่ทุกสิ่งเป็นไปได้ ขึ้นอยู่กับว่าระหว่างนั้นคุณพร้อมจะเสียสละตัวเองมากแค่ไหน”– แกรนด์ เตฟท์ ออโต้ IV
| JUL13N_w0lf3_&ND_J3SSe_d4y-lew1s.ogg |
เป็นอีกคืนที่จูเลียน วูล์ฟ มาซ่อนตัวอยู่ที่มุมอับบนดาดฟ้าอาคารใจกลางแมนแฮตตันในนิวยอร์กซิตีนี้ ตึกสูงที่เธอก็ยังจำไม่ได้ว่ามีสามสิบสี่หรือสามสิบห้าชั้น แม้จะเข้ามาทำงานในอัพฮิลล์ พิคเชอร์ส สาขาอีสต์โคสต์ได้กว่าสามเดือนแล้วก็ตาม ซึ่งก็เป็นเวลาเท่ากับที่เธอได้รู้จักเจสซี่ เดย์-ลูอิส ผู้จัดการอาวุโสแผนกการตลาดที่แวะมาคุยกับเอเวอร์มอร์ หัวหน้าแผนกโฆษณาของเธอ เจสซี่ดูหนุ่มมากเมื่อเทียบกับหน้าที่การงานในระดับนี้ หญิงสาวกะด้วยสายตาว่าอายุของเขาไม่น่าจะเกินสามสิบห้า แต่เรื่องหนึ่งที่เธอรู้แน่คือเขามีภรรยาแล้วตั้งแต่เขายื่นมือซ้ายออกมาให้จับตอนแนะนำตัว
ดังนั้นมันก็ย่อมเป็นเรื่องที่ทุกคนในบริษัทรู้ รวมถึงดรี เลนนอกซ์ พนักงานฝ่ายการตลาดที่กำลังจูบกับหัวหน้าของหล่อนอยู่บนดาดฟ้าอาคารในเวลานี้...ทุกคืนวันศุกร์ มันเริ่มขึ้นในศุกร์หนึ่งที่จูเลียนต้องอยู่ทำงานต่อจนดึก เพราะงานด่วนที่เอเวอร์มอร์บอกว่าเธอต้องทำเสร็จทันให้เขาเอาไปประชุมในบ่ายวันพรุ่งนี้ คืนนั้นแผนกโฆษณาเหลือเพียงเธอกับงานที่ยังไม่เสร็จบนชั้นสิบห้า หนทางยังอีกยาวไกล จูเลียนจึงพักด้วยการขึ้นไปรับลมบนดาดฟ้า อากาศปลอดโปร่งกับวิวโล่งโปร่งอาจช่วยให้เธอคิดงานออกได้
หญิงสาวขึ้นไปบนดาดฟ้าพร้อมกาแฟร้อนที่กดมาจากห้องอาหาร แต่ขณะกำลังจะเดินพ้นหัวมุมเพื่อไปยังพื้นที่ใจกลาง รองเท้าส้นสูงสีดำก็หยุดกึกเมื่อเห็นว่าบนนี้หาได้มีแค่เธอกับความวิเวกในยามวิกาล แต่เธอกั้นกาแฟไว้ไม่ทัน มันจึงกระฉอกจากแก้วพลาสติกจนพร่องไปเกือบหมด หากจูเลียนก็ไวว่องพอจะยกมือขึ้นปิดปากกันไม่ให้เสียงพร่องหลุดไปได้ แต่เธอคิดว่าต่อให้มันเล็ดลอดออกไปก็ไม่เกิดผลอันใดกับคนสองคนที่กำลังทำอะไรกันอยู่ดี
อะไรอย่างมีเซ็กซ์กันในท่ายืนทั้งที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบถ้วน จูเลียนมองเห็นใบหน้าของผู้หญิงที่หันออกมาได้ชัดเจน ผมสีน้ำตาลเข้มของดรี เลนนอกซ์ดูยุ่งเหยิงไม่เหมือนกับตอนที่หล่อนรวบตึงมาทำงานเมื่อเช้า ผู้ชมที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเธอควรรีบกลับลงไปและทำเหมือนไม่ได้ขึ้นมาบนนี้ เป็นแค่พนักงานที่อยู่ทำโอทีในแผนกจนดึกดื่น ไม่ได้รู้เห็นอะไรทั้งนั้น แต่จูเลียนเป็นคนสอดรู้สอดเห็น และการได้มารู้เห็นความลับสกปรกก็ยิ่งทำให้เธอตื่นเต้น ใช่จะไม่รู้ว่าการถ้ำมองเป็นเรื่องน่ารังเกียจ อาจยิ่งกว่าการที่พวกเขาขึ้นมามีอะไรกันในที่ปลอดคนด้วยซ้ำไป แต่เธอไม่อาจต้านทานความต้องการที่จะแอบมองพวกเขาเหมือนโรคจิตได้
จังหวะของผู้ชายคนนั้นขณะทำกิจกรรมเข้าจังหวะ จูเลียนคิดว่าคงเรียกเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากร็อก...ฮาร์ดร็อก เธอถึงกับระบุชื่อเพลงที่แวบขึ้นมาในหัวได้ด้วยว่าเป็น ‘โคลสเซอร์’ ของ ‘ไนน์ อินช์ เนลส์’ ซึ่งก็ไม่ใช่เพลงโปรดของเธอ วงโปรดของเธอ หรือแม้แต่แนวเพลงโปรดของเธอ แต่มันเป็นเพลงที่เพื่อนคนโปรดของเธอชอบ เขาชอบเปิดฟังบนรถเธอจนดนตรีเพลงนี้ติดหูไม่ต่างอะไรกับเนื้อเพลงท่อนฮุกที่ร้องว่า ‘ฉันอยากอึ๊บกับเธอเหมือนสัตว์’ โดยเฉพาะท่วงท่าและการส่งเสียงในตอนที่ชายคนนั้นถึงจุดสุดยอดซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ป่า
และพระเจ้า มันคือแง่มุมที่เธอไม่เคยได้เห็นของเจสซี่ เดย์-ลูอิส ขณะกำลังเล่นชู้กับผู้หญิงคนอื่น!
มันเป็นครั้งแรก ทว่านับจากคืนนั้นจูเลียนก็คาดหวังว่าจะได้เห็นอย่างที่เห็นอีก เธอหาข้ออ้างขึ้นไปบนดาดฟ้าในทุกค่ำคืนที่แมนแฮตตันตอนกลางสว่างไสวด้วยไฟสังเคราะห์จากอาคารนับร้อย แม้จะก่นด่าตัวเองอยู่ทุกครั้งเพราะรู้อยู่แก่ใจว่ากำลังทำเรื่องทุเรศสิ้นดี เธอเฝ้ารออยู่นานหกวัน (นับรวมวันเสาร์ในสัปดาห์นั้นที่ต้องมาทำโอทีด้วย) กระทั่งความพยายามจะเป็นผลในวันศุกร์ที่เวียนมาถึง ผ่านสายตาของจูเลียนในมุมอับที่เป็นมุมบอดเพราะมีกำแพงกั้นไว้และมีกระถางต้นไม้ช่วยบัง ไม่เคยมีใครสนใจว่าจะมีอะไรอยู่ด้านหลังนั้น
หญิงถ้ำมองพบว่าแค่การแอบดูพวกเขามีเซ็กซ์กันยังไม่เพียงพอ เธอหาซื้อเครื่องอัดเสียงพกพาขนาดเล็ก ซ่อนมันในกระถางต้นไม้หนึ่งบนหญ้าพรมประดิษฐ์ ออกไปเก็บมันหลังจากคนทั้งคู่ไปแล้ว ย้ายไฟล์จากในนั้นลงแล็ปท็อป เอาลงมือถือไปเปิดฟังก่อนนอน เสียงของเจสซี่ดังชัดเหมือนอยู่ข้างหูเธอ ทุกเสียงพูด หอบหายใจ หรือกระทั่งเสียงร้องตอนถึงจุดสุดยอด ฟังเหมือนคนที่เอากับเขาคือเธอ ไม่ใช่ดรี เลนนอกซ์
จูเลียนละอายทุกครั้งที่เธอบังเอิญได้เจอเจสซี่ เขาจะยิ้มให้เธอ ทักทายเธอ หรือพูดประโยคเช่นว่า “ตั้งใจทำงานนะครับ คุณวูล์ฟ หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกัน” และเธอก็ควรเลิกทำเรื่องน่ารังเกียจพรรค์นี้สักที ไม่สายเกินไปที่จะหยุดก่อนจะถลำลึกไปมากกว่านี้ไม่ว่าจะในความหมายใดก็ตาม แต่ก็เหมือนการตกลงไปในโพรงกระต่าย มันยากที่จะหาทางขึ้นมาหากเจ้าตัวไม่มีความตั้งใจ
จูเลียนปฏิเสธไม่ไปสังสรรค์กับเพื่อนร่วมแผนกด้วยข้ออ้างว่ามีงานที่ต้องสะสางให้เสร็จ แต่เหตุผลแท้จริงก็คืองานที่เธอทำในทุกคืนวันศุกร์...งานประจำของพวกเขาทั้งสาม จูเลียนซุ่มซ่อนตัวอย่างเงียบเชียบขณะที่พวกเขานอนลงมีอะไรกัน และในตอนหนึ่งระหว่างนั้นเอง หญิงทั้งสองก็ได้พบกับเรื่องราวที่ไม่เคยแม้แต่จะคิด ถึงทุกครั้งที่ผ่านมา จูเลียนจะได้เห็นความเร่าร้อนดุเดือดขนาดที่ทำให้เลือดพล่านของเจสซี่ตอนมีเซ็กซ์ได้ แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำอะไรอย่าง...การใช้ความรุนแรง เมื่อมือหนาของเขาเลื่อนไปกอบกุมอยู่ที่ลำคอเรียว ในทีแรกหญิงคู่ขาก็มองเป็นความตื่นเต้น จูเลียนมองเป็นความระทึกตื่นใจ ก่อนพวกเธอจะได้ยินเจสซี่พูดว่า
“เราจะเลิกกัน”
และน้ำหนักที่ถ่ายลงไปบนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเล่นอีกต่อไป หญิงสาวพยายามปัดป่ายตบตีร่างคนบนตัว หากก็แน่นอนว่าย่อมสู้แรงชายไม่ไหว จูเลียนนั่งนิ่งไม่ไหวติงจนแทบหยุดหายใจ ความคิดว่าเธอควรเข้าไปขวางผุดขึ้นมา แต่ความคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องของเธอก็ตามติดมา เธอไม่ได้รู้จักมักคุ้นอันใดกับดรี อาจถึงกับไม่ชอบหน้าด้วยไม่ชอบใจความจุกจิกน่ารำคาญของหล่อนที่ข้ามมาไกลถึงแผนกเธอ ยอมรับว่าเจือความอิจฉาที่หล่อนได้นอนกับเจสซี่ด้วย แต่ความคิดอยากให้หล่อนตายไม่เคยอยู่ในหัว
กระทั่งความคิดที่ยังขัดแย้งสับสนจะหลุดไปได้ในพริบตา ทันทีที่ดวงตาสีเข้มได้เห็นรอยยิ้มพึงพอใจของชายผู้นั้นในตอนที่กดบีบคอหล่อนรุนแรงมากขึ้น
เจสซี่อาจยุติความสัมพันธ์กับชู้รักของเขาในค่ำคืนนี้ เลิกกัน แต่ในขณะเดียวกันก็ราวกับมีบางอย่างในตัวจูเลียนถูกทลายไปด้วยเช่นกัน
ร่างกายของเธอสั่นสะท้าน ท้องที่ว่างเปล่าเพราะมีแค่กาแฟร้อนตกถึงกระเพาะเมื่อเย็นยิ่งโหวงหวิว สองมือยกขึ้นไขว้ก่อนแตะไปที่ลำคอเปราะบางโดยไม่สนผมสีทองของตนที่ปลิวไสว ตอนนั้นเองที่จูเลียนได้รู้ในสิ่งที่ตนไม่เคยนึกคิดมาก่อน ทว่าบัดนี้เธอเข้าใจแล้วว่าสิ่งใดที่ใจปรารถนา เธอต้องการ...ต้องได้...ความรู้สึกของการตกเป็นเบี้ยล่างใครสักคนในตอนที่มีสัมพันธ์กัน
-------------------------------------
| T4TSUY4_fuk4zaw4.mp4 |
ทัตสึยะ ฟุคาซาวะ ย้ายจากลอนดอน ประเทศอังกฤษ มาอยู่ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาได้กว่าหกเดือนแล้ว เจาะจงตามหน้าปฏิทินที่เขาขีดฆ่าทุกวันก็คือหนึ่งร้อยเก้าสิบเอ็ดวัน เกือบเท่ากับจำนวนวันที่เขาได้เข้ามาทำงานในแผนกการตลาดของอัพฮิลล์ พิคเชอร์ส สาขานิวยอร์ก หักลบออกไปเจ็ดวันแรกที่เขาบินมาทำความคุ้นเคยกับเมืองใหม่ก่อนเริ่มงาน ชายหนุ่มเป็นพนักงานดีเด่นแผนกการตลาดของอัพฮิลล์ พิคเชอร์สประเทศอังกฤษ ผลงานดีเยี่ยมจนได้รับเลือกให้มาประจำการที่สาขาใหญ่ในอเมริกา
แค่วันแรกที่มาถึง ทัตสึยะก็ตกหลุมรักนิวยอร์กเข้าอย่างจัง อาจตั้งแต่แรกพบ มหานครที่ยิ่งใหญ่ รายรอบด้วยตึกสูงเสียดฟ้า ผู้คนรีบเร่งมากมาย ทุกอย่างอึกทึกละลานตา เมืองที่ทุกสิ่งไม่เคยหลับใหลจนทำให้เขาหวั่นไหว แม้จะรักลอนดอนที่อาศัยอยู่มาทั้งชีวิต หากเมื่อได้มาอยู่ในประเทศเสรีแห่งนี้ ทัตสึยะถึงได้พบว่าเขารักมันยิ่งกว่าเมืองเกิด เขาเป็นพวกตกหลุมรักได้ง่าย เมื่อรักแล้วก็ยากจะถอน แต่หากพบสิ่งที่ดีกว่าก็เลิกรักได้ไม่ยาก ทัตสึยะคิดว่าเขาจะใช้ทั้งชีวิตจากนี้ในนิวยอร์ก ทำงานตำแหน่งใหญ่ในบริษัทหนังยักษ์ใหญ่ คบกับสาวสวยสักคน ย้ายไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรูสักแห่งที่มองเห็นความโรแมนติคของเมืองได้จากมุมสูง แม้ในความเป็นจริงแล้วเขาจะเช่าอพาร์ตเมนต์ที่ไม่ได้โรแมนติคมากนัก กระทั่งสามเดือนก่อน ทัตสึยะก็ต้องยอมย้ายจากอพาร์ตเมนต์ริมน้ำมาเป็นอีกแห่งที่ย่อมเยากว่านั้น...มาก ในย่านไชนาทาวน์อันไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่าโรแมนติค
การทำงานในบริษัทเก่าแต่สถานที่ใหม่หาได้สวยงามอย่างที่หนุ่มญี่ปุ่น-อังกฤษวาดฝัน เขาเคยเป็นพนักงานคนเก่ง อายุน้อย มากความสามารถ อนาคตไกล และทัตสึยะก็คิดว่าชีวิตใหม่ในนิวยอร์กของเขาจะราบรื่นด้วยดี เว้นแต่วิมานภาพฝันของเขาจะพังครืน หนุ่มต่างชาติเข้าใจหากชาวนิวยอร์กจะไม่เป็นมิตรมากนัก แต่ไม่คิดว่ามันจะหมายรวมถึงเพื่อนร่วมงานของเขาด้วย พวกเขาคือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้การเงินของทัตสึยะรัดตัวจนต้องรัดเข็มขัด ภาษีสังคมมีค่าใช้จ่ายแพงระยับ (ทัตสึยะอยากใช้คำว่าระยำอย่างบัดซบ) จริงอยู่ว่าเขาได้เงินเดือนดีสมกับหน้าที่การงานชั้นดีในบริษัทระดับโลก แต่แวดวงสังคมก็พลอยทำให้เขาต้องฟุ้งเฟ้อตามไปด้วย อย่างการทำให้ตัวเองดูดีด้วยแบรนด์เนมก็เป็นส่วนหนึ่ง ดังนั้นการย้ายมาอยู่ไชนาทาวน์ก็เป็นการประหยัดเงินทางหนึ่ง เปลือกนอกของเขายามออกไปพบปะผู้คนต้องดูดี แต่เปลือกที่คุ้มหัวนอนจะเป็นยังไงก็ช่าง ทัตสึยะคิดอย่างนั้น
เพื่อนข้างห้องของเขาเป็นเฒ่าขี้เมาจากเมืองบ้านนอกอย่างเคนทักกีที่ทำให้ทัตสึยะติดการพูดนั้นมาด้วย มันย่อมง่ายโดยเฉพาะทุกครั้งที่ชายหนุ่มได้คุยกับตาแก่คือตอนดวดด้วยกัน แต่พอทัตสึยะติดสำเนียงนั้นไปพูดในที่ทำงาน ทุกคนก็หัวเราะเยาะเขาเหมือนเพิ่งได้ฟังเรื่องตลกสุดขำ และเขาคือตลกเดี่ยวไมค์บนเวทีในบาร์ทุกคืนวันศุกร์ เว้นแต่เขาจะไม่ได้ตั้งใจเล่นมุก และมุกของเขาก็โคตรเห่ย แต่ทัตสึยะคิดว่ามันก็ยังดีกว่าถูกทอดทิ้งให้เป็นคนนอก แม้จะหมายถึงการต้องรับบทบาทเป็นตัวตลกก็ตาม
ความตกต่ำของชีวิตเขาหาได้ยุติแค่นั้น เพราะกระทั่งความสัมพันธ์เรื่องผู้หญิงก็ติดลบไปด้วย ทัตสึยะเคยมีคนรักสามคน ใครหลายคนในลอนดอนต่างก็บอกว่าเขาเป็นหนุ่มที่น่าคบหาจนถึงกับน่าค้นหา ทว่านิวยอร์กพลิกชีวิตของเขาให้กลับตาลปัตรไปโดยสิ้นเชิง ไม่มีสาวไหนมาตกหลุมรักเขา และความมั่นใจที่เริ่มลดลงตั้งแต่มาอยู่นิวยอร์กก็ทำให้เขาไม่กล้าเข้าหาสาวคนไหน โดยเฉพาะสาวแผนกเดียวกันอย่างดรี เลนนอกซ์ ที่เขาได้แต่เก็บภาพของสาวสวยผมสีน้ำตาลเข้มในฝันมาฝันเอาเองคนเดียว
ที่จริงเขาก็มีสาวอยู่หนึ่งคน แชนแทลล์ คนขายยาที่อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ชั้นบนห้องของเขา และชีวิตที่เริ่มดิ่งลงเหวก็ทำให้ทัตสึยะต้องพึ่ง...ต้องการ...มัน เขาเคยเล่นยาตอนยังหนุ่มกว่านี้ก่อนเลิกไป แต่นิวยอร์กทำให้เขาต้องหวนกลับมาหามันอีกครั้ง ในคืนหนึ่งที่เขาขึ้นไปซื้อยา หญิงค้ายาก็ชวนให้เขาอยู่เล่นยามอลลีด้วยกัน เขาอาจเมาหรือไม่ก็มึนจนตอบตกลง ทว่ามันไม่ได้จบที่พวกเขาเมาใครเมามัน แต่พวกเขามอมเมากันและกันบนเตียงโกโรโกโสที่มีกลิ่นเหม็นอับของกัญชา มันไม่ได้จบแค่ครั้งเดียว แต่ยังมีอีกหลายครั้งหลายหน และมันก็น่าจะเป็นเรื่องดี แต่ทัตสึยะไม่คิดอย่างนั้น
แชนแทลล์ไม่ใช่คนสวย ใครที่ไหนก็ดูออกตั้งแต่หัวจรดเท้าว่าเธอเป็นพวกขี้ยา แถมยังปากร้าย ขวานผ่าซาก ไม่มีมารยาท ไม่ใช่สาวแบบที่ทัตสึยะคนก่อนเคยคิดแม้จะเฉียดใกล้ ทั้งยังเอาแต่ใจ ชอบออกคำสั่งและควบคุมทุกอย่างเบ็ดเสร็จ แม้กระทั่งในตอนที่พวกเขามีเซ็กซ์กัน เธอไม่เคยให้เขาอยู่ข้างบน ฟังดูเป็นเรื่องดีเพราะเขาแทบไม่ต้องออกแรง แต่มันคงดีกว่าถ้าไม่ใช่ทุกครั้ง เธอถึงกับห้ามไม่ให้เขาเสร็จก่อนถ้าเธอยังไม่เสร็จ และทัตสึยะก็ปอดเกินกว่าจะตอบโต้กับผู้หญิงที่เขาเถียงไม่เคยทัน ใช่จะไม่เคยนึกถึงการซื้อบริการจากคุณตัวที่เห็นอยู่ประปรายในไชนาทาวน์ หากเขาก็ขี้อายเกินกว่าจะดุ่มเดินเข้าไปขอซื้อพวกเธอมานอนด้วย ไหนจะเกรงใจกลัวแชนแทลล์จะมาเห็น ทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นอะไรกันมากไปกว่าคนค้ายากับลูกค้า คู่นอนตอนเมายา หรืออะไรก็ตามแต่ที่ไม่มีวันมีความรู้สึกทางใจมาข้องเกี่ยว
เบียร์เข้าปากทัตสึยะไปแล้วสองขวดตอนเขาออกจากผับไอริชในมิดทาวน์ที่แวะดื่มหลังเลิกงาน ไม่รู้วันนี้หัวหน้าเดย์-ลูอิสไปกินรังแตนที่ไหนมาถึงได้ฉุนเฉียวกับลูกน้องในแผนกนัก ทัตสึยะต้องจับรถไฟใต้ดินเที่ยวสุดท้ายให้ทัน ไม่อย่างนั้นก็คงต้องนอนในสถานีเหมือนคนไร้บ้านระหว่างรอให้รถไฟทำการอีกครั้งในตอนเช้า เขาเคยประสบพบเจอมาแล้ว และมันแย่จนเขาไม่อยากนึกถึงอีก
ท่ามกลางผู้คนที่เดินขวักไขว่บนบาทวิถีในคืนวันศุกร์ ทัตสึยะผู้รีบเร่งก็พลัดชนกับใครคนหนึ่งเข้าให้ อาจเพราะเขาเร็วและแรงมากเกินไป หรือไม่เธอก็บอบบางและอ่อนแอมากเกินไป เมื่อร่างนั้นเซถลันและคงล้มลงไปแล้วถ้าชายที่มาด้วยประคองเธอไว้ไม่ทัน เร็วกว่าทัตสึยะที่สติสัมปชัญญะถดถอยเมื่อแอลกอฮอล์ครอบงำความนึกคิด หากก็รีบเอ่ยขอโทษแทบจะทันทีที่รู้ตัว หญิงสาวส่ายหน้าจนเรือนผมสีอ่อนสะบัดตามไปด้วย แล้วริมฝีปากคู่เดียวกันกับที่บอกเขาว่าไม่เป็นไรก็ยิ้มให้ก่อนเดินจากไปพร้อมกับคนของเธอ ทิ้งทัตสึยะให้มองตามจนพวกเขาเลี้ยวหายลับหัวมุมไป
ผู้หญิงหน้าตาดี สูงยาวเข่าดี ในชุดสูท รองเท้าส้นสูง และกระโปรงทรงแคบอย่างสาวทำงาน ดูดีมีระดับตั้งแต่หัวจรดเท้า กับผู้ชายที่ดูธรรมดาในเสื้อฮู้ด กางเกงยีนส์ กับรองเท้าผ้าใบที่แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นของราคาถูก ไหนจะผิวหนังตรงคอซ้ายที่ทัตสึยะทันได้สังเกตว่ามันพุพองย่นยู่ ร่องรอยของการถูกไฟไหม้
น่าสมเพชฉิบหาย! ชีวิตของเขาแม่งโคตรเฮงซวย! ทัตสึยะได้แต่ก่นด่าตัวเองในใจไปตลอดทาง ขนาดผู้ชายที่ดูไม่มีอะไรเทียบเขาได้ รูปลักษณ์ภายนอกก็อัปลักษณ์ แต่กลับได้ควงกับสาวสวยที่หาได้มีทีท่ารังเกียจ คนที่ควรได้ควงคู่ไปกับเขาในเสื้อเชิร์ตราคาแพงของอาร์มานี ทว่าหญิงที่เขาได้ใกล้ชิดก็มีแค่ขี้ยาอย่างแชนแทลล์ เพราะเขาอ่อนแอ แต่เขาไม่อยากอ่อนแอ เขาอยากเหนือกว่า อยากมีอำนาจเหมือนอย่างเดย์-ลูอิส มันอาจทำให้เขาได้นอนกับดรีหรือได้คบควงกับหญิงสาวที่เพิ่งเดินชนไป
ทัตสึยะยังคงจมอยู่กับความคิดเพ้อฝันลมๆแล้งๆว่าสักวันเขาก็จะไปถึงจุดนั้นได้ จุดที่เขาได้ควบคุมทุกอย่าง เป็นผู้มีอำนาจแท้จริง...แค่ในความสัมพันธ์บนเตียงก็ยังดี
| HOKUT0_m4tsumura_2_SE1A_and0.tp |
ชีวิตในดินแดนเสรีภาพของโฮคุโตะ มัตสึมูระ ไม่เคยใช่เสรีภาพอย่างที่พ่อแม่พร่ำพูดกรอกหูตั้งแต่พาเขาขึ้นเรือข้ามน้ำข้ามทะเลจากญี่ปุ่นมาถึงสหรัฐฯ หญิงชายทั้งคู่ได้งานเป็นกรรมกร ทำงานหนักจนสายตัวแทบขาด อาศัยอยู่ในบ้านเช่าซอมซ่อที่พอแค่ให้คุ้มกะลาหัว แม้ลำบากก็เฝ้าฝันว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ได้ในวันหนึ่ง นับว่ายังโชคดีที่ลูกชายของพวกเขาได้เรียนหนังสือ โฮคุโตะเป็นเด็กฉลาด หัวไว แต่การที่เด็กชายแปลกแยกจากคนอื่น ทั้งหน้าตาที่ประหลาด ชนชาติที่แตกต่าง ทำให้เขาตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ทว่าโฮคุโตะก็อดทนผ่านพ้นมาได้เพราะครูสอนคอมพิวเตอร์คนหนึ่ง คนที่ทำให้เขาได้รู้จักโลกที่เรียกว่าการแฮ็ก โลกของโค้ดที่เขาได้เขียนเองและควบคุมกำกับด้วยมือตัวเอง เป็นผู้บงการคนอื่น ได้มีอำนาจเหนือใคร
ห้าปีผ่านไปกระทั่งโฮคุโตะอายุได้สิบเก้า เด็กหนุ่มกลับถึงบ้านตอนเย็นย่ำเพื่อจะพบว่ามันอึกทึกด้วยเสียงโหวกเหวกโวยวาย ผู้คนมุงกันอยู่เต็มพร้อมรถดับเพลิง รถตำรวจ และอะไรอีกก็ช่างที่โฮคุโตะไม่ได้สนใจ เมื่อสิ่งเดียวที่เขาสนใจเหมือนทุกคนในที่นั้นก็คือบ้านที่ไฟสีส้มลุกโพลงเต้นเร่า โฮคุโตะสะบัดตัวหลุดจากผู้คนที่พยายามจับเขาไว้ วิ่งฝ่าเข้าไปในเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ ทว่านอกจากจะไม่สามารถช่วยพ่อแม่หรือใครในนั้นได้ ร่างกายท่อนบนซีกซ้ายของเขาก็ยังหลงเหลือรอยแผลเป็นที่ไม่มีวันลบทิ้งได้
แต่อย่างกับโฮคุโตะจะแคร์อะไรอีก ถึงเขาจะอัปลักษณ์ลงไปแล้วยังไง มันต่างกันตรงไหนกับชีวิตที่เขาพบเจอนับตั้งแต่เหยียบย่างลงบนประเทศนี้ เขาไม่อายที่จะไปไหนมาไหนกับร่างกายที่มีรอยแผลเป็น อยู่เพียงเพื่อทำงาน หาเงิน และแก้แค้นประเทศเฮงซวยนี้ด้วยการแฮ็ก ชีวิตอาจไม่เรียกได้ว่าดี หากก็ใช่ว่าโฮคุโตะจะคาดหวังถึงสิ่งที่ดี ทุกอย่างจากไปพร้อมกับกองเพลิงในวันนั้นแล้ว แต่ในช่วงหลังมานี้ ดูเหมือนความคิดแง่ร้ายที่เขากักกดไว้จะเริ่มทลาย ความคิดของเขาเริ่มไม่คงที่ ยากจะปะติดปะต่อ และเมื่อเขาพังคอมพิวเตอร์นับสิบเครื่องในที่ทำงานโดยไม่รู้ตัว ศาลก็มีคำสั่งให้เขาต้องเข้ารับการบำบัดอาการโกรธ
และตอนนั้นเองที่เธอได้เข้ามาอยู่ในหน่วยความจำของโฮคุโตะเป็นครั้งแรก
ใช่ว่าโฮคุโตะจะไม่เคยรักใคร แต่มันยากที่จะมีใครรักเขากลับ และยากยิ่งกว่าเมื่อร่างกายของเขาไม่สมบูรณ์อย่างนี้ หากก็ใช่ว่าเขาจะไม่เคยหลับนอนกับใครตราบใดที่เขาซื้อบริการได้ พวกเธออาจพูดถึงหรือกระทั่งเวทนาแผลเป็นน่าเกลียดน่ากลัวของเขา แต่เขาก็ไม่เคยสนใจ จริงอยู่ว่าเรื่องพรรค์นี้จำเป็นกับโฮคุโตะซึ่งก็เป็นผู้ชายที่ยังมีความใคร่ แต่เรื่องความรักไม่ได้จำเป็นกับเขา แม้เมื่อเขาจะได้เห็นเซย์อะ อันโด นั่งอยู่หน้าห้องของจิตแพทย์มิอะ อันโด ที่เป็นทั้งน้าและหัวหน้าของเธอ ขณะรอเข้าไปบำบัดตามเวลาที่หล่อนนัดไว้ ผู้หญิงที่เหมือนอยู่คนละโลกกับเขาไม่ได้อยู่ในสายตาของเขามานานมากแล้ว
มันดำเนินอย่างนี้เรื่อยไป เป็นแบบแผนที่ถูกต้อง กระทั่งมาถึงการนัดพบครั้งที่ห้าในเย็นวันศุกร์หนึ่ง ตอนที่โฮคุโตะออกมาจากห้องของมิอะ เลขาสาวก็กำลังทำหน้ายุ่งอยู่หลังไอแมค แต่เพราะรู้ว่าไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเขา โฮคุโตะจึงเดินออกไปตามแบบแผนที่ถูกต้อง ทว่าในตอนนั้นเองที่แบบแผนของเขาเปลี่ยนแปลงเมื่อทันใดเธอก็ร้องทักขึ้นมา
“ขอโทษนะคะ คุณมัตสึมูระ” แม้จะด้วยประโยคเดิมที่เธอเคยพูดทุกครั้งที่มิอะยังไม่พร้อมให้เขาเข้าพบ เขาหยุดฝีเท้าในรองเท้าผ้าใบก่อนหันไปหาเธอ
“ดูเหมือนคอมพิวเตอร์จะมีปัญหา คุณพอจะช่วยได้มั้ยคะ”
ราวกับเรื่องบังเอิญที่ช่างเหมาะเจาะ โฮคุโตะแน่ใจว่าอาชีพเก่าของเขาในใบส่งตัวจะถูกเขียนว่า ‘พนักงานไอที’ และเขาก็สามารถปฏิเสธได้ ตอบไปว่าไม่ เขาช่วยไม่ได้ เพราะเขาไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับใครทั้งนั้นหากไม่จำเป็น และในกรณีนี้ก็คงบอกได้ว่าไม่จำเป็น เซย์อะ อันโดไม่มีความจำเป็นต้องข้องเกี่ยวกับชีวิตของเขามากไปกว่าที่เป็นอยู่ เมื่อไหร่ที่มิอะประเมินว่าเขาดีขึ้นจนยุติการบำบัดได้ เขากับเลขาของหล่อนก็จะเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่คงไม่มีวันได้บรรจบพบพานกันอีก แต่ที่โฮคุโตะรู้คือในไม่กี่อึดใจถัดมา เขาก็นั่งอยู่หน้าจอไอแมคของเธอ รับฟังเธอพร่ำคำขอบคุณด้วยความโล่งใจอย่างที่สุด
คอมพิวเตอร์ทำงานของเธอยุ่งเหยิงอย่างกับมีใครบ้าพอจะเอาไวรัสมากระหน่ำใส่เครื่อง การแก้ไขไม่ได้ยากแต่การกำจัดพวกมันต่างหากที่กินเวลาเอาการ แม้จนมิอะกลับบ้านแล้วและเหลือเพียงเขากับหญิงสาวในตึกนี้ หลังจากนิ่งเงียบกันมาพักใหญ่ คนที่เอาเก้าอี้อีกตัวมานั่งข้างเขาก็โพล่งขึ้นมาว่า
“รู้มั้ยคะว่ามันคือข้ออ้าง”
โฮคุโตะหันมองหน้าหญิงสาวด้วยไม่เข้าใจในคำถามที่ยากต่อการประมวลนั้น
“คอมพิวเตอร์ ไฟล์งาน ไวรัส ทั้งหมดเลยที่คุณเพิ่งแก้มันไป”
“ผมไม่เข้า...”
ทว่าทุกคำพูดของเขากลืนหายไปโดยความจริงหาใช่อุปมาจากริมฝีปากสีชมพูที่โผนเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว กระทั่งดวงตาก็ยังเบิกกว้างไม่ปิดหลับอย่างที่ควรเป็น ครู่แรกเขาตื่นตะลึง ครู่ถัดมาเขาเคลิบเคลิ้มไปกับริมฝีปากนั้น แต่ทันใดอารมณ์ที่เริ่มพลุ่งพล่านของเขาก็พลันขาดช่วงเมื่อเธอผละจาก
“ฉันชอบคุณตั้งแต่แรกพบ”
เป็นประโยคที่ฟังไม่น่าเชื่อแม้แต่นิดเดียว โฮคุโตะถึงกับคิดว่าเป็นการแกล้งอำเขาที่เรียกได้ว่าไร้รสนิยมด้วยซ้ำไป แต่สีหน้าของเธอแน่วนิ่ง แววตาแน่วแน่ ดั่งต้องการยืนยันคำพูดที่เพิ่งออกจากปากแน่นหนัก โฮคุโตะจำไม่ได้เลยว่าเขาได้พูดอะไรออกไปหรือเปล่า แต่ที่จดจำได้คือช่วงเวลาหลังจากนั้นที่เขาดึงรั้งไหล่เธอเข้ามาเพื่อประทับบดคลึงริมฝีปากแนบแน่น...อย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน ไม่เคยมีใครปลุกเร้าเขาอย่างนี้ได้ อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงต้องการเขาก่อน ความรู้สึกยามเธอสนองรับอย่างดูดดื่มร้อนเร่าจนทำให้โฮคุโตะเกือบพังทลายในตอนนั้นยังหลงเหลือร่องรอยเข้มข้นทิ้งไว้ ก่อนพวกเขาจะได้ขึ้นเตียงกันในคืนถัดมาที่อพาร์ตเมนต์ริมน้ำของเธอในเมอร์รีย์ฮิลล์
แต่ในคืนหลังจากจูบพิศวงนั้น โฮคุโตะก็ทำเรื่องที่เขาถนัดคุ้นเคยดีอย่างการแฮ็กโซเชียลมีเดียของเธอ เซย์อะ อันโด มีแอคเคานท์ทั้งไอจี เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ แต่ไม่ได้เล่นเป็นจริงเป็นจัง กล่องข้อความในอีเมลส่วนตัวของเธอเต็มไปด้วยการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เพิ่งเมื่อวานนี้เองที่เธอซื้อตั๋วคอนเสิร์ตวง ‘ดาฟท์ พังค์’ ที่จะมาเล่นในคลับนิวยอร์กเดือนหน้า กับแผ่นบลูเรย์หนังเรื่อง ‘เพอร์เฟคท์ บลู’ จากแอมะซอน บัญชีรับชมช่องเอชบีโอ แม็กซ์ กับแอมะซอน ไพรม์ของเธอเพิ่งต่ออายุเมื่อห้าวันก่อน ไม่มีวี่แววว่าเธอคบหาหรือพูดคุยในแง่ชู้สาวกับผู้ชายคนไหน โฮคุโตะคิดว่ามันประหลาด และการที่ผู้หญิงอย่างเธอบอกว่าชอบเขาก็ประหลาด แต่พิจารณาจากการที่เธอยอมปล่อยไวรัสลงคอมพิวเตอร์เพียงเพื่อจะได้มีข้ออ้างคุยกับผู้ชายอย่างเขา โฮคุโตะก็แน่ใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่าประหลาดจนถึงกับพิเศษ กระทั่งในความนึกคิดของคนประหลาดอย่างเขา
“ทำไมเป็นผม”
โฮคุโตะถามเธอหลังจากฉากรักนานเนิ่นที่เพิ่งผ่านพ้นไป มันอาจเป็นเพียงเรื่องงี่เง่าในคืนหนึ่งที่เข้ามาเล่นตลกกับชีวิตโง่เง่าของเขา อีกไม่กี่อึดใจถัดมา เซย์อะอาจน็อกเขาจนหน้าหงายด้วยการไล่เขากลับบ้าน เฉลยว่าอย่าคิดจริงจังหรือหลงตัวเองมากไปหากคิดว่ามันจะเกิดขึ้นอีก แต่เซ็กซ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปก็ดูจริงจังเกินกว่าจะเป็นแค่เรื่องเล่น มันเปี่ยมด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นและทำให้พวกเขาทะลักทลาย ร้อนแรงจนแม้แต่เครื่องปรับอากาศก็ยังไม่ทำให้เหงื่อกาฬหยุดผุดพรายได้ หญิงสาวไม่ได้เอ่ยปากพูดถึงแผลเป็นทั่วร่างกายซีกซ้ายท่อนบนของเขาแม้แต่คำเดียว เธอพร่างพรมจูบลงไปบนนั้นอย่างไม่รังเกียจราวกับจะให้มันถ่ายทอดความรู้สึกแทนคำพูด โฮคุโตะเคยนอนกับผู้หญิงมาหลายคนเพื่อดับความใคร่ แต่เป็นครั้งแรกที่เขานอนกับใครแล้วรู้สึกว่าความกระหายไม่ได้มอดดับ กระทั่งในตอนนี้ที่เขาปัดป่ายผมออกจากใบหน้าชื้นเหงื่อให้เธอ หัวใจของเขาก็ยังเต้นแรงไม่หยุด จนพลันเจ็บขึ้นมาเมื่อคิดว่ามันอาจไม่จีรัง
“ฉันชอบ...นี่”
เธอตอบพร้อมกับวางมือบนอกซ้ายของเขา ผิวหนังที่รอยแผลเป็นจากไฟไหม้จะไม่มีวันลบเลือนเหมือนเป็นเครื่องเตือนใจเขาในทุกวันที่ยังหายใจ ความรู้สึกที่ถ่ายทอดผ่านมือคู่นั้นคือสิ่งที่เขาไม่เคยได้รับมาก่อนตั้งแต่ย่างเท้าเข้ามาในประเทศนี้ ดินแดนที่เสรีภาพแท้จริงของเขาไม่ได้อยู่บนท้องถนนกับใคร แต่เป็นหลังจอคอมพิวเตอร์กับตัวเองคนเดียว
“คุณหมายถึง...ความไม่ปกติ” โฮคุโตะเอ่ยถามออกไป หาได้ต้องการประชดเธอมากไปกว่าตัวเขาเอง หากเซย์อะก็รับรู้เข้าใจความรู้สึกของเขาได้ เธอไม่ได้เป็นเลขาของจิตแพทย์โดยไม่ได้อะไรกลับมา
“เพราะอย่างนั้นคุณถึงได้พิเศษ”
เป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกากลายเป็นดินแดนเสรีภาพของเขาโดยแท้จริงอย่างที่พ่อกับแม่ได้เคยพร่ำพูดไว้
เซย์อะหลับใหลอยู่บนเตียงของเขายังห้องเช่าโกโรโกโสในบรอดเวย์ตะวันออกที่ไม่มีอะไรเทียบเคียงได้กับอพาร์ตเมนต์เดือนละห้าพันเหรียญของเธอ เจ้าของห้องนั่งบนพื้นพิงผนังมุมหนึ่งพร้อมกับแล็ปท็อปที่วางบนตัก กระเป๋าสตางค์ใบหนึ่งถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อฮู้ด ไม่ใช่ของเขาหรือของเซย์อะ แต่เป็นของ...สกอตต์ ทอมป์สัน โฮคุโตะอ่านชื่อในใจเมื่อเปิดเจอใบขับขี่ในนั้น ผู้ชายที่เดินชนเขาก่อน แต่โทษเขา หาเรื่องเขา และยังก้อร่อก้อติกกับคนรักของเขา โฮคุโตะพิมพ์ชื่อที่เขาจะไม่จดจำลงในเฟซบุ๊ก เจาะเข้าแอคเคานท์ของทอมป์สันเพื่อแฮ็กเข้าอีเมลต่อ เมื่อค้นเจอข้อความจากธนาคารในกล่องข้อความขาเข้าก็ล็อกอินเข้าบัญชีธนาคาร มีเงินติดบัญชีแค่ห้าพันทั้งที่เป็นถึงนายธนาคาร แต่จะเท่าไหร่ก็ช่าง โฮคุโตะกดโอนเงินทุกดอลลาร์เข้าบัญชีลับที่จะไม่มีวันสาวมาถึงตัวเขาได้ เรียบร้อยก็พับปิดแล็ปท็อปจนห้องกลับมามืดสนิทอีกครั้ง
ถึงจะผ่านมาเกือบสิบปีแล้ว โฮคุโตะก็ยังคงไม่อภัยให้อเมริกาที่ฆ่าพ่อแม่ของเขา ทำลายความสุขของเขา เหยียบย่ำชีวิตของเขา และการเอาคืนจากคนในประเทศที่พรากทุกอย่างจากเขาไปก็เป็นทางแก้แค้นหนึ่ง เหมือนที่มันก็เป็นทางต่อชีวิตของเขาไปอีกวันเพื่ออยู่รอดูความพินาศของเมืองนี้ด้วยทางใดก็ทางหนึ่ง
แม้ท่ามกลางความอัปลักษณ์ของนิวยอร์ก...รวมถึงตัวเขา ความงดงามของเซย์อะก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
file-01_g4M3_sEt_M4Tch.rar
‘ไม่มีใครมาลดทอนคุณค่าของเราได้’
เสียงราบเรียบโทนเดียวของผู้หญิงดังอยู่ในหูฟังไอโฟนที่สอดเข้ากับหูของชายซึ่งกำลังเดินไปตามถนนที่ผู้คนพลุกพล่านของไทม์สแควร์ในเวลาเจ็ดโมงครึ่ง ขณะพึมพำออกมาตามประโยคที่เว้นช่วงเป็นระยะเพื่อให้คนฟังได้พูดตามประหนึ่งแรงกระตุ้นทางจิตวิทยา
“ไม่มีใครมาลดทอนคุณค่าของเราได้”
อันเป็นกิจวัตรของทัตสึยะกับการฟังคำพูดปลุกใจพวกนี้ทุกเช้าก่อนไปทำงาน เขาต้องการแรงกระตุ้น...แม้น้อยนิดก็จำเป็น...ในเมืองนิวยอร์กที่ลดทอนคุณค่าของเขาลงไป อย่างน้อยก็เริ่มที่ตัวเขา หากเราเชื่อมั่นว่าจะทำได้ สักวันสิ่งที่ดีก็จะเกิดขึ้นได้เอง ตามทฤษฎีแรงดึงดูดที่ทัตสึยะเพิ่งอ่านเจอมาในนิตยสารเดอะ นิวยอร์กเกอร์
วันเริ่มงานวันแรกของสัปดาห์นี้เองที่ทัตสึยะได้เพื่อนนั่งข้างคอกทำงานคนใหม่ เป็นหญิงสาวที่มีชื่อว่า “จูเลียนค่ะ จูเลียน วูล์ฟ” เธอแนะนำตัวหลังจากเขาช่วยเธอเข้ารหัสคอมพิวเตอร์ที่รู้ได้เฉพาะคนในแผนก ผมสีน้ำตาลเข้มของเธอเป็นเฉดเดียวกันไม่มีผิดเพี้ยนกับดรี เลนนอกซ์ ผู้หญิงที่เคยนั่งอยู่ตรงนี้ก่อนจะย้ายไปไหนทัตสึยะก็ไม่อาจรู้ได้ เขาไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับหล่อนแม้ใจจะหวัง และเพื่อนคนอื่นในแผนกก็ไม่มีใครรู้เหตุผลแท้จริงที่หล่อนจากไป ถึงจะมีคนโทรไปถามไถ่แต่ดรีก็ตอบเพียงว่าหล่อน “ย้ายไปทำงานที่ใหม่แล้ว”
มันน่าเศร้าเมื่อผู้หญิงที่เขาชอบหน้าและเป็นแรงกระตุ้นหนึ่งของเขาจะย้ายออกไป แต่ในวินาทีที่จูเลียน วูล์ฟยิ้มให้พร้อมคำขอบคุณ ทัตสึยะก็พบว่าแรงกระตุ้นเร้าไม่เห็นจำเป็นต้องมีแค่คนเดียว
ทุกคนต่างหัวเราะสำเนียงของทัตสึยะที่หลุดออกมาโดยไม่รู้ตัวขณะอยู่ด้วยกันในห้องพักของแผนก แม้มันจะเกิดขึ้นจนเป็นปกติที่เขาน่าจะชาชินหรือทำใจได้แล้ว แต่มันก็ยังเป็นเรื่องยากเย็นสำหรับทัตสึยะอยู่ดี มันเหมือนเขาถูกลดค่า ทำให้ขายหน้า เขาไม่เคยเป็นตัวตลกตอนอยู่ลอนดอน ใครต่อใครต่างก็มองเขาด้วยความชื่นชม แต่นิวยอร์กบั่นทอนเขาแทบจะโดยสิ้นเชิง
ทว่าในตอนนั้นเอง ทัตสึยะที่ได้แต่ยิ้มแหยก็มองผ่านเลยฝูงเพื่อนร่วมงานจอมทึ้งไปเป็นสาวร่วมแผนกคนใหม่ที่ยืนพิงกับกำแพงห้อง เธออาจซ่อนริมฝีปากไว้ใต้แก้วกาแฟ หากทัตสึยะก็แน่ใจว่าเธอไม่ได้หัวเราะหรือแม้แค่ยิ้ม แต่สีหน้าของเธอเหมือนกับไม่พอใจ...กระทั่งขุ่นเคืองใจ ถึงเขากับเธอจะเพิ่งรู้จักกันแค่เพราะคอกทำงานอยู่ข้างกัน แต่ทัตสึยะก็อยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าอย่างน้อยตัวตนของเขาในสายตาของจูเลียน วูล์ฟก็จะดูดี และบางทีเธอก็อาจมีใจให้เขาได้ เมื่อหญิงสาวสบตากับเขา เธอก็ลดแก้วลง แล้วริมฝีปากสีแดงก็ขยับเพื่อพูดกับเขาโดยไม่ออกเสียง ทัตสึยะเพ่งมองและอ่านออกมาได้ว่า
‘ไป-ข้าง-นอก-กัน’
เธอพยักเพยิดไปทางประตูก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินออกไปทันทีจากนั้น ขณะที่ทัตสึยะผู้รู้สึกตัวช้าไปหน่อยเพราะเพิ่งหลุดจากภวังค์ก็รีบเดินตามไปด้วยความเร็วเท่าที่จะเร็วได้ ไม่สนใจต่อคำถามของเพื่อนร่วมงานคนอื่นที่ยังจับกลุ่มพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ เพื่อจะออกไปหาหญิงคนชวนที่ยืนรออยู่ข้างนอก
“ไปหาอะไรกินข้างนอกด้วยกันมั้ย”
“ค...ครับ?”
“เผื่อฉันจะได้รู้เรื่องของแผนกโฆษณามากขึ้น หรือถ้ามันน่าเบื่อมาก เราก็แค่กินกันไปคุยกันไปก็ได้ค่ะ คุณฟุคาซาวะ”
“ร...เรียกผมว่าทัตสึยะ” เขารีบท้วงอย่างตะกุกตะกักเพราะความประหม่า ทั้งยังตกใจจนมันหลุดออกมาเป็นสำเนียงบ้านนอกอีกครั้ง หาใช่สำเนียงผู้ดีที่เคยพูดมาทั้งชีวิต ชายหนุ่มได้เพียงก่นด่าตัวเองในใจว่าเหตุใดเขาถึงได้ชอบทำเสียเรื่องนัก แต่หญิงสาวก็ยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มอื่นที่ไม่ใช่เพราะความขันขณะบอกว่า “เรียกฉันว่าจูเลียน” ก่อนจะพยักเพยิดให้เขาเดินไปยังลิฟต์ด้วยกัน
‘วันนี้ฉันจะได้เจอกับเรื่องที่ดี’
คำพูดปลุกใจที่ทัตสึยะฟังทุกเช้าก่อนมาทำงานเป็นจริงได้ในที่สุด ในวันนี้ ในวินาทีนี้เองที่ทัตสึยะรับรู้มั่นใจว่าจูเลียน วูล์ฟจะเป็นเรื่องที่ดีของเขาในนิวยอร์กได้ ทันใดเขาก็นึกถึงบทเพลง ‘จูลีเอน’ (จูเลียน) ของ ‘คาร์ลี เรย์ แจปเซน’ กับเนื้อเพลงที่ว่า ‘จูลีเอน มันเป็นยิ่งกว่าแฟนตาซี’ หรือ ‘ฉันจะกระซิบว่าจูลีเอน’ ทัตสึยะจำท่อนอื่นไม่ได้แล้ว แต่เย็นนี้เขาจะกลับไปฟังโดยนึกถึงเจ้าของชื่อเดียวกันกับบทเพลงนี้ พร้อมกับความคิดที่ว่าบางทีสิ่งที่เขาฝันไว้ในนิวยอร์กก็อาจเป็นจริงได้ เริ่มจากเรื่องแรกอย่าง...คบกับผู้หญิงสวยสักคน
เมื่อคนทั้งคู่เข้าไปในลิฟต์เพื่อจะลงไปยังชั้นล่างสุดด้วยกันก็ให้บังเอิญที่พบว่าเดย์-ลูอิสยืนอยู่ในลิฟต์ก่อนแล้ว จูเลียนกับทัตสึยะรีบเอ่ยทักทายชายที่ผงกศีรษะให้ลูกน้องทั้งคู่เป็นการตอบรับ หนุ่มสาวตำแหน่งน้อยกว่ายืนเกร็งอยู่ข้างกันตรงหน้าหัวหน้าที่ยืนก้มหน้าอ่านมือถือ ต่างก็ไม่มีใครพูดอะไรกัน กระทั่งลิฟต์เปิดออกในไม่ช้าเมื่อมาถึงชั้นสิบที่เป็นชั้นของห้องอาหารผู้บริหาร
“ผมชอบสีผมใหม่ของคุณนะ คุณวูล์ฟ”
ปุบปับเจสซี่ก็โพล่งขึ้นมาจนคนถูกชมสะดุ้งเฮือก จูเลียนหันไปมองและได้เพียงผงกศีรษะขอบคุณโดยอัตโนมัติเพราะเก้อเขินทั้งยังตกใจ เจสซี่ยิ้มให้ก่อนเดินผ่านพวกเขาออกจากลิฟต์ไป
ลิฟต์กลับมาปิดอีกครั้ง เหลือเพียงเธอกับทัตสึยะในพื้นที่แคบนี้อีกครั้ง ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ก้มมองหญิงที่ยังได้แต่มองเหม่อไปข้างหน้าแม้เจสซี่จะพ้นจากสายตาไปแล้ว ภาพในดวงตาของเธอเลือนลาง ความคิดจิตใจของเธอลอยล่อง ไม่ได้รับรู้ถึงสายตาของทัตสึยะที่มองมา ด้วยในหัววนเวียนนึกถึงแต่คำพูดของชายที่เพิ่งเดินออกไป คนที่ทำให้กระเพาะของเธอบิดมวนอย่างแรงและทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงมากจนน่ากลัวว่ามันจะหยุด ที่ผมสีบลอนด์ทองของเธอกลายเป็นสีน้ำตาลอย่างนี้ก็ไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่นใดเลย หากไม่ใช่เพราะเธออยากเหมือนอดีตชู้รักของเขา
วันนี้จูเลียนได้เจอกับเรื่องที่ดีแล้ว
ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด
อีบุ๊ก ดูทั้งหมด
ความคิดเห็น