คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Anemone
RELEASE DATE : DECEMBER 21, 2020
---------------------------------------------------------------------------------
ขโมยตัวละครมาจากฟิคศิลปะของพี่ยูเพราะกูแอบแต่ง ไม่กล้าขอมึงเยอะ อาย
- ดราฟท์แรกเหี้ยมากเหมือนเอาคำมาเรียงกัน 555 ถึงเรื่องนี้เราจะได้อิทธิพลการใช้คำในฉากอย่างนั้นมาจากนิยายของคุณอนาอิส นินเป็นส่วนใหญ่ แต่สุดท้ายเราก็เรียบเรียงให้ออกมาเป็นภาษาการบรรยายของตัวเองอยู่ดี บอกไว้เป็นของฝากนักก๊อปหน้าโง่แล้วกันว่าจะก๊อปก็ก๊อปให้ฉลาดอย่างกูหน่อยจ้า :3
- เจสซี่ไม่มีลุคที่นึกถึงเป็นพิเศษ แต่ความพรมันมาจากกูหยุดดูเพลงเทเลโฟนไม่ได้ T v T แต่ไทกะเหรอ กูหลงไปเจอตอนร้องเพลง YOU ง่ะพี่สาว แล้วโอ๊ยไม่ได้ว่ะ โฮคุโตะไว้ก่อน เอาไทกะเหอะนะกูอยากแต่ง T v T
- ได้ใช้เพลงลาร์คอีกแล้ววววววววววววววววววววววววว รักเพลงวงป๋ามากกกกกกกกกกกกก แต่กูไหว้ จองเพลง MY HEART DRAWS A DREAM แล้ว อย่าใช้นะคนับ T/\T
- ตอนแรกจะไม่ใช่ฝาแฝดหรอก แต่ได้แปล Legacies พอดี แล้วพล็อตแฝดมันฝังหัวเลยเอาหน่อยแล้วกันน่านะ
‘อาเนโมเน มีความหมายในภาษาดอกไม้หลายอย่าง
แต่ความหมายที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ การทรยศ’
— อันโนน, มิสติก แมสเซนเจอร์
“เจสซี่รู้มั้ยว่าเนื้อตัวใต้ร่มผ้าของจิโดริมีรอยช้ำเต็มไปหมดเลย”
เป็นบทสนทนาในค่ำวันหนึ่งที่ห้องนอนน่ารักของมิโดริคาวะ มามิ หญิงผู้ก็หาได้แปลกหน้าหรือจะมีใครครหากับคำชมเดียวกันนั้นได้ หลังจากที่เธอกับคนรักทำการบ้านวิชาภาษาญี่ปุ่นเรียบร้อยแล้ว และการบ้านของเจสซี่ ลูอิส ก็เปลี่ยนจากหน้ากระดาษมาเป็นเรือนร่างที่เขาคร่อมอยู่บนเตียง แกะกระดุมเสื้อนักเรียนของเธอที่ยังคงว่าต่อไปขณะที่เขาก็ลากไล้ไต่มือไปตามผิวหนังเกลี้ยงเกลาข้างใต้นั้นด้วย
“เพื่อนผู้หญิงทุกคนในห้องได้เห็นกันหมดตอนเปลี่ยนเสื้อผ้าในวิชาพละ รู้มั้ย มันเหมือนเธอถูกซ้อมเลย ทุกคนตกใจกันมากเพราะมันดูมากเกินกว่าจะเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่พอเราถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เธอก็เชิดหน้าคอแข็งใส่เรา บอกว่าไม่เกี่ยวอะไรกับคนนอก พวกเราช็อกกันไปหมดเลยล่ะ ทั้งเรื่องของเธอกับพฤติกรรมจองหองแบบนั้น”
ก่อนมามิจะค่อยใช้ศอกยันตัวขึ้น จากนั้นก็จับไหล่ดันร่างเจสซี่ออกจนริมฝีปากของเขาที่อยู่บนเนินอกของเธอหลุดตามไปด้วย เด็กสาวหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงครางในคอด้วยความเสียดายของคนรักขณะเงยมองเธอ พูดต่อโดยไม่สนใจกับปฏิกิริยาของเขาที่คว้าไหล่กดเธอให้กลับไปนอนอีกคราวอยู่ดี
“แต่ว่านะ มันเหมือน...ไม่รู้สิ เหมือนเธอชอบอย่างนั้นเลย ชอบให้คนทำร้าย เพราะดูเธอไม่ยินดียินร้ายกับมันเลยสักนิด ไม่ขอความช่วยเหลือจากใครหรือแค่จะให้ใครเห็นใจ ฉันไม่เคยเข้าใจความอวดดีของจิโดริเลย ทั้งที่เธอไม่อยู่ในฐานะที่จะทำแบบนั้นด้วยซ้ำไป น่าสมเพชเนอะ ผู้หญิงที่ได้แต่แอบรักนายข้างเดียว และไม่มีวันจะได้รับความรักจากผู้ชายที่อ่อนโยนที่สุดในโลกอย่างนายเหมือนฉัน”
มามิพร่าพรายคำพูดได้เพียงแค่นั้น เมื่อมันถูกยุติอย่างนิ่มนวลด้วยริมฝีปากของผู้ชายที่อ่อนโยนที่สุดในโลก
ผู้ดูเหมือนจะเป็นคนละคนกับชายที่กำข้อมือของมิชินะ จิโดริ ซึ่งไม่ทันรู้ตัว ตั้งตัว หรือเข้าใจอะไรทั้งนั้น เพราะปุบปับคนที่กำลังเดินไปเรื่อยเปื่อยตามชิบุยะในคืนหนึ่งหลังเลิกเรียนก็จะถูกเพื่อนร่วมห้องฉุดกระชาก เธอพูดออกมาได้เพียงว่า “ลูอิส” ขณะถูกเจ้าของนามสกุลลากเข้าไปยังตรอกมืดอับสายตาข้างร้านค้าที่ปิดทำการแล้ว เขาจับเธอโยนติดกำแพง เร่งรีบดึงชายเสื้อนักเรียนของเธอออกจากกระโปรงที่เหน็บไว้เพื่อจะยืนยันเรื่องที่มามิเคยเล่าให้ฟัง เรื่องราวจากปากคนรักที่ฝังแน่นอยู่ในความทรงจำของเขานับตั้งแต่นั้น ทว่าทุกการกระทำของเขาตลอดเวลานั้นไม่มีอะไรที่ใกล้เคียงกับคำว่าอ่อนโยนแม้แต่นิดเดียว
ด้วยไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงเจสซี่ ลูอิส มีจินตนาการรุนแรงเป็นสัญชาตญาณดิบซ่อนเร้นอยู่ภายใน เขาเคยปลดปล่อยมันครั้งหนึ่งกับผู้หญิงในอินเตอร์เน็ตคนหนึ่งเมื่อครึ่งปีก่อน การได้เป็นผู้เหนือกว่า ความรู้สึกตอนได้ครอบครองอำนาจเช่นนั้นยากจะหาสิ่งใดเทียบ แต่ความรุนแรงของเขาถูกปลดปล่อยมากเกินไปจนน่ากลัว หลังจากหลับนอนด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นก็ร้องไห้ออกมาหน่วงหนักพร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยช้ำ เธอกรีดคำสบถสาบานว่าจะไม่ขอพบเจอผู้ชายวิปริตอย่างเขาอีก และจากนั้นมาเจสซี่ก็ไม่เคยใช้กำลังบนเตียงกับผู้หญิงคนไหนอีกเลย จนกระทั่งความคิดว่าผู้หญิงที่ชอบเขาอาจนิยมชมชอบความรุนแรงทางใดทางหนึ่ง ก็มากพอจะทำให้ความกระหายที่เขาเฝ้ารอจะปลดปล่อยอีกครั้งมาตลอดหวนคืน เพียงนึกว่าจิโดริจะยอมให้เขากระทำสิ่งใดกับร่างกายเธอก็ได้ตามใจ ทำให้เขาสะท้านป่วนปั่นจนควบคุมแทบไม่อยู่ เจสซี่วางมือบนรอยช้ำสีเขียววงใหญ่มากที่ท้องซ้ายของเธอ ทันใดจากนั้นนิ้วของเขาก็กดบีบลงไปโดยไม่ออมแรง จิโดริมองเขาด้วยดวงตาระริกไหวอย่างไม่เข้าใจ ทว่าก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อจะหยุดยั้งการกระทำนั้น การสัมผัสแตะต้องตัวแม้แค่แผ่วผิวหรือโถมทุ่มก็เป็นเรื่องที่เธอยินดีทั้งนั้นหากมาจากคนที่รัก
“เธออดทนต่อความเจ็บปวดได้มากแค่ไหน”
มือที่ทั้งใหญ่ทั้งหนาของเจสซี่กดบีบย้ำซ้ำราวกับต้องการยืนยันคำถาม จิโดริเข้าใจว่าเขาหมายถึงความเจ็บปวดทางกาย แต่กับคนที่ต้องทนรับความเจ็บปวดจากมือเท้าของพ่อเลี้ยงมานับครั้งไม่ถ้วนนั้น ไม่มีความเจ็บปวดภายนอกอื่นใดที่จะโหดร้ายกับเธอได้อีก ไม่มีสิ่งใดจะทำให้เธอทรมานไปกว่าการต้องทนเห็นคนที่รักคบควงกับผู้หญิงที่เกลียดเธอ คำตอบจากริมฝีปากคู่นั้นลอยวนอยู่ในอากาศที่คั่นกลางระหว่างช่องว่างของเธอกับเขา ก่อนความปรารถนาในใจที่ถูกสะท้อนออกมาของคนทั้งคู่จะปิดทุกช่องว่างได้สนิท
“มากขนาดที่ฉันทนเห็นนายคบกับมามิได้ทั้งที่หัวใจเหมือนถูกฉีกกระชาก”
โมเต็ลราคาถูกแห่งหนึ่งในคาบุกิโจเปิดให้เด็กนักเรียนแอบเข้ามาใช้บริการได้โดยไม่หวั่นเกรงต่อกฎหมาย ไม่ต่างจากจิโดริกับเจสซี่ที่กระโจนไปบนหุบเหวอย่างไม่หวั่นกลัวทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่ากำลังทำเรื่องผิดบาปต่อผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ทันทีที่โยนร่างเธอไปบนเตียง เด็กหนุ่มก็ไม่รอช้าที่จะคร่อมร่างประทับฝากฝังจูบแรกกับเธอ—ของเธอ—ที่ร้อนเร่าจนทำให้ทั้งร่างของพวกเขารุมร้อน ขณะที่ริมฝีปากขบกัดเบิกทางให้ลิ้นได้เกี่ยวรัดสอนคนอ่อนหัดด้วยความเชี่ยวชำนาญ มือหนึ่งก็กดแนบลงไปบนท้องในจุดที่เขารู้ว่ามีรอยช้ำ มอบความเจ็บให้เธอผ่านเสื้อที่อีกไม่นานก็จะถูกถอดออก ขณะที่อีกข้างก็บีบต้นแขนเธอแน่นเหมือนคีมเหล็ก มือไม้ของเขาบนตัวเธอหาใช่การโลมไล้ แต่เป็นการฝากฝังกระทั่งตอกย้ำว่าเขาจะทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่ารอยเก่าพวกนั้น ร่างแบบบางที่สั่นเทิ้มอยู่ข้างใต้ไม่ต่างจากเชื้อเพลิงที่สุมไฟอำนาจให้เขา เจสซี่จับข้อมือผอมทั้งคู่ไปวางข้างใบหน้าที่ผมประบ่าสีทองแผ่สยายยุ่งเหยิงเคลียข้าง ใบหน้าของจิโดริแดงก่ำจนเห็นได้ชัดแม้จะเปิดเพียงไฟสีส้มที่โคมไฟบนโต๊ะข้างเตียง เธอช่างเปราะบางมากจนเขาอยากทำลาย เจสซี่รู้ดีว่าเขากำลังจะคลุ้มคลั่งได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งนี้เพียงคิดว่าจะได้ทำในสิ่งที่ใจอยาก
“ฉันจะทำให้เธอเจ็บมากนะ เธออาจแตกสลายไปเลยก็ได้”
ถ้อยคำที่เขาเอ่ยนั้นหาใช่ด้วยความห่วงกังวล ไม่ใช่แม้แค่คำเตือน แต่เป็นคำบอกเล่าจากคนที่ดวงตามีเพียงแววกระหายอยาก ราวกับย้ำว่าเธอจะปฏิเสธหรือหนีไปไหนไม่ได้ ทว่าคำตอบพวกนั้นก็ไม่ใช่ทางที่จิโดริจะเลือกอยู่ดี
“ถ้าเป็นนายฉันก็จะยอมแตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เพียงเท่านั้นก็ปลุกเร้าอารมณ์ของเขาได้จนทุกสติที่ยังครองอยู่ขาดผึงกระจัดกระจายไปในพริบตานั้น เจสซี่ไม่ถามไถ่หรือแม้แต่จะพูดอะไรต่อจากนั้นอีก ไม่ต้องรับฟังคำยินยอมจากปากที่ก็ไม่จำเป็นแม้แต่กับจิโดริที่ก็ไม่เคยมีเซ็กซ์กับใครมาก่อน เจสซี่เป็นผู้ชายตัวใหญ่แม้เมื่อเทียบกับเด็กหนุ่มคนญี่ปุ่นในโรงเรียนด้วยกัน เขาหุ่นดีมีร่างกายสมส่วนอย่างหนุ่มลูกครึ่ง ดังนั้นการทำร้ายร่างกายแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจก่อเกิดความรุนแรงมากกว่าปกติได้ โดยเฉพาะกับผู้หญิงผอมบางอย่างจิโดริที่ไม่ว่าจะเรื่องกีฬาหรือการเรียนก็รั้งท้ายเสมอ คนที่ไม่เคยได้รับสารอาหารในแต่ละวันครบทุกมื้อ แต่เธอก็ปล่อยตัวเองอยู่ใต้ร่างของเจสซี่ตรงนี้ พร้อมก้าวลงนรกขุมแห่งความเจ็บปวดทั้งที่รู้ว่าต้องเจ็บแทบตาย เพราะอย่างไรความเจ็บปวดทางกายก็ไม่อาจทำให้เธอถึงตายได้อีกหากมันไม่ได้หมายถึงการฆ่าเธอ ไม่จำเป็นเลยต่อให้แววตาของเขาจะว่างเปล่า ไม่เป็นไรเลยหากจะไม่มีความเห็นใจอยู่ในนั้น แม้เธอจะดูออกว่าเขาก็รู้ถึงความเจ็บปวดของเธอมากแค่ไหน ยามชำแรกเข้าไปในความชื้นแฉะของเธอที่แม้มากพอแต่ก็ยังไม่เพียงพอจะประโลมความเจ็บร้าวเหมือนจะตายได้ในยามที่เขาต้องการให้เธอรับตัวตนของเขาจนหมดในทีเดียว ร่างกายของจิโดริอาจกำลังแตกสลายอย่างที่เขาบอกไว้ก่อนหน้า แต่ความคิดจิตใจของเธอได้ปะติดปะต่อเป็นรูปเป็นร่างที่เชื่อมกันแนบแน่นที่สุด ทุกชิ้นส่วนที่เคยแตกกระจายขาดหายไปนับตั้งแต่การตายของโฮคุโตะ ได้หวนคืนมาทำให้ทุกอย่างสมบูรณ์ที่สุดในยามที่เธอแหลกสลายที่สุด
จิโดริไม่ได้มองเห็นจักรวาลสีขาวแตกกระจายเหมือนที่เคยอ่านเจอในนิตยสาร ไม่ได้มองเห็นสวรรค์ชั้นเจ็ดอยู่ตรงไหนสักแห่งเพราะดินแดนนั้นอยู่กับเธอในห้องที่มืดสลัวของโรงแรมกระจอกนี้ มือหนาหนักของเจสซี่บีบเน้นกดไปทั่วร่างเธอเพื่อจะฝากฝังร่องรอยช้ำบนเนื้อหนังจนไม่ให้เหลือช่องว่าง หรือจะเป็นตอนที่มันมากเกินไปและจิโดริรู้สึกว่าเธอรับไม่ไหวจนต้องร้องบอกให้เขาพอก่อน ไม่ว่าจะจากความรุนแรงหรือน้ำหนักตัวที่โถมทับอย่างไม่ผ่อนแรง แต่ก็ถูกเขาเอามือใหญ่มาปิดปากราวกับไม่อยากรับฟังคำใดจากปากเธอหากไม่ใช่เสียงครวญขอให้เขากระทำมากกว่านั้น เขาพร่างพรมจูบไปทั่วคอของเธอทั้งที่ก็ยังไม่หยุดการเคลื่อนไหวอย่างดุดันฉุนเฉียวเร่งเร้าจากด้านล่างเหมือนปีศาจร้ายที่ลงโทษเธอกับความผิดบาปนี้ ก่อนมือทั้งคู่จะกอบกุมที่คอของเธอแล้วถ่ายน้ำหนักลงไป ดวงตาของจิโดริเบิกกว้างทันใดในวินาทีนั้น ริมฝีปากอ้าค้างหากก็เพื่อจะหายใจรับอากาศที่ถูกปิดกั้นมากกว่าอื่นใด เธอมองสบตาเจสซี่พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลลงมา แต่มันไม่ใช่ด้วยความกลัว เป็นเพียงปฏิกิริยาของร่างกาย
“เธอเป็นของฉัน เธอจะไปเป็นของใครไม่ได้อีก จิโดริ ความอ่อนแอของเธอมีให้ฉันคนเดียว จะไม่มีใครให้เธอได้เหมือนฉันอีก”
เขาพึมพำถ้อยคำพวกนั้นซ้ำไปมาด้วยดวงตามืดมิดทว่าโชนประกายด้วยความปรารถนาที่ตอกตรึงทุกจิตวิญญาณของจิโดริไว้ เจสซี่มอบทั้งความสุขสมและความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตให้เธอในเวลาเดียวกัน จิโดริคิดว่าเธอเหมือนจะหมดสติแต่เธอก็รู้ว่าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้น ต่อให้เธอจะรับรู้ถึงทุกความเจ็บปวดได้ ต่อให้ต้องตายด้วยความหมายโดยแท้จริงเธอก็ต้องการซับซาบทุกวินาทีที่ได้ใช้กับเขา ร่างกายของเธอปวดร้าว ริมฝีปากของเธอเจ็บแสบและบวมช้ำ แต่เธอก็ยอมสยบให้กับอำนาจของเจสซี่โดยสิ้นเชิง ต่อความรุนแรงเจียนตายที่แฝงซ่อนอยู่ในความร้อนแรงเหมือนไฟผลาญ ความใคร่ของเขาระเบิดออกในตัวเธอ หากเขาก็ยังขยับร่ายท่วงทำนองต่อจากนั้นเพื่อให้เธอแตกกระจายตามไปได้ ความเจ็บปวดระคนกับความสุขสมนำพาจิโดริไปสู่ดินแดนที่เธอเพิ่งเคยเหยียบย่างเป็นครั้งแรก...และเธอหวังว่าจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
เจสซี่ช่วยเช็ดเลือดที่เลอะขาให้เธอขณะพร่ำขอโทษที่ทำให้เธอเจ็บ ช่วยเธอที่มือไม้ยังคงไม่หยุดสั่นเทาแต่งตัวจนเรียบร้อย ใช้มือที่เคยทำร้ายเธออย่างสาหัสมาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างนิ่มนวล พรมจูบเธออย่างอ่อนโยนที่สุดบนคอที่เกิดรอยช้ำยาวนานจากการกอบกุมมันจนถึงตอนเสร็จกิจ
เมื่อเธอกับเจสซี่บอกลากันก่อนเขาจะข้ามถนนไปจากคาบุกิโจ—ไปจากเธอ—ในค่ำคืนที่ไฟดวงใดในราตรีนี้ก็ไม่อาจทำให้มันสว่างไสวไปกว่านี้ได้อีก จิโดริก็หลบเข้าไปอยู่ในตรอกหนึ่งของคาบุกิโจที่เธอหมุนตัวกลับไป เธอพิงร่างกับกำแพง ทรุดตัวลงนั่งด้วยร่างที่ยังปวดไปทั้งสรรพางค์แต่ก็เป็นความเจ็บที่เธอยินดีรับ และขณะที่เธอร้องไห้ออกมาอย่างที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ หญิงสาวก็ไม่อาจหยุดเสียงหัวเราะที่ตามติดมาด้วยได้เลย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
“ผู้ชายอวดดีอย่างเคียวโมโตะ ไทกะ ไม่มีอะไรเหมือนกับมัตสึมูระ โฮคุโตะเลยสักนิด”
“เธอก็ไม่มีอะไรเหมือนจิโดริที่ลูกพี่ลูกน้องของฉันชอบเลยสักนิด มิโดริคาวะ มามิ”
เคียวโมโตะ ไทกะ ยอกย้อนทันควันขณะนั่งไขว่ห้างจิบน้ำอำพันที่มิโดริคาวะ มามิ ได้ยินเสียงน้ำแข็งกระทบแก้วดังกรุ๋งกริ๋ง เธอเบ้หน้าให้กับชายหนุ่มที่นั่งบนโซฟาตัวตรงข้ามในห้องรับแขกของโรงแรมหรูห้าดาวที่ก็เป็นบ้านของเขาด้วย ทั้งไม่ชอบใจกับคำพูดอวดดีของเขา ทั้งขุ่นเคืองใจที่เขาต้องโยงไปถึงชื่อของผู้หญิงคนนั้นทุกครั้ง หากเพราะกิริยาของเธอไม่เคยเล็ดลอดสายตาที่มองทุกอย่างขาดของไทกะได้ จึงทำให้เขาต้องหัวเราะขันออกมาด้วยความชอบใจระคนสมเพชแก่ใจ
“มีความสุขมากนักเหรอที่ใช้ชีวิตทุกวันอยู่กับความโกรธแค้นจิโดริอย่างนั้น เธอได้ดีกว่าเค้าทุกอย่าง ได้ครอบครองทุกอย่างที่เค้าก็ควรจะได้ ไม่เอาน่า เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิตเธอที่เป็นของเธอคนเดียว ไม่เหมือนโฮคุโตะที่ฉันแน่ใจนะว่าก่อนตายเขาชอบแค่น้องเธอคนเดียว เคยคิดมั้ยว่าถ้าเธอไม่เห็นแก่ตัว หรือขี้อิจฉา...”
“ชะโงกดูเงาตัวเองบ้างเถอะก่อนจะว่าคนอื่น!” เธอตะคอกกลับทั้งที่ไทกะยังพูดไม่ทันจบดี ทว่าก็หาได้ทำให้ไทกะสะทกสะเทือนหรือชะงักงันนอกจากหยุดไปครู่ เพื่อจะว่าต่อไปโดยไม่สนใจท่าทีฮึดฮัดหรือใบหน้าของเธอที่พยายามอดกลั้นจนบิดเบี้ยวแต่ก็คงยังดูน่ารักในสายตาของผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
“มากถึงขนาดไปแย่งผู้ชายที่จิโดริชอบมาได้ ทำให้เขามองน้องเธอเหมือนมดปลวกได้กับคำใส่ร้ายที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจเธออีกเหรอ มันไม่สาสมกับที่เธอคิดว่าตัวเองเสียโฮคุโตะไปทั้งที่เขาไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยงั้นเหรอ” เมื่อพูดถึงตรงนี้ไทกะก็พร่างหัวเราะออกมาราวกับยั้งไม่อยู่ “น้องสาวฝาแฝดของเธอถูกพ่อเลี้ยงตบตีไม่เว้น แม่ของน้องเธอก็ไม่ช่วยให้เค้าได้อยู่ดีกินดี ขณะที่เธอได้อยู่อย่างคุณหนู มาทานมื้อค่ำกับครอบครัวของฉันได้ทุกวันที่พ่อฉันว่างเพราะแม่ใหม่ของเธอสนิทกับพ่อของฉัน ทั้งที่ก็มีพื้นที่มากพอให้จิโดริมาร่วมด้วย แต่เธอก็กีดกันเค้า คอยทำร้ายหัวใจเค้าไม่หยุด ก่อนที่เธอจะไปคว้าเจสซี่มาเป็นของตัวเอง เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่าเค้าเองก็ชอบจิโด...”
“จะหุบปากได้มั้ย!”
ความโกรธที่ไม่อาจระงับได้อีก ทำให้มามิฉุนขาดจนต้องปิดปากเขาด้วยมือถือฝาพับที่มีตุ๊กตาขนนุ่มกับตัวการ์ตูนน่ารักห้อยเป็นพวง มันกระแทกเข้ากับใบหน้าขาวของไทกะได้เหมาะเหม็งราวจับวาง เลือดสีแดงไหลซึมออกมาเล็กน้อยจากมุมปากที่โดนเหลี่ยมมือถือเข้าอย่างจัง แต่ใบหน้าหล่อเหลาประหนึ่งเทวทูตก็เพียงหัวเราะออกมาดุจปีศาจร้าย เขาหยิบมือถือของเธอที่ตกลงไปบนตักขึ้นมาหย่อนลงในแก้วที่อยู่บนโต๊ะ ก่อนจะหยิบขวดเบียร์ทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมาบิดฝาเทของเหลวในนั้นลงไปในแก้ว ทุกขณะนั้นไทกะก็จับจ้องมองสบกับหญิงสาวไม่วางตา แม้ทุกส่วนบนใบหน้างดงามที่เก็บงำความร้ายกาจไว้ข้างในของมามิจะพยายามฝืนนิ่ง แต่ดวงตาสีเข้มของเธอไหวสั่นเมื่อมองดูอิริยาบถของคนตรงหน้า มันไม่ใช่มือถือเครื่องแรกของเธอที่ถูกไทกะทำแบบนี้...และมันก็จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
น้ำสีทองเหมือนสีผมของจิโดริที่เธอเกลียดนักหนาไหลรินลงมาจากแก้วใบนั้น ทั้งที่สีผมนั้นที่เธอเคยรักควรจะเป็นของเธอเพียงคนเดียว ไทกะยังคงไม่หยุดมือถึงมันจะล้นเอ่อแล้ว ไม่สนใจแม้เบียร์จะหกรดลงมาโดนรองเท้าหนังสีดำขึ้นเงาราคาแพงระยับ
“จะหยุดสักทีได้หรือยัง!”
“นึกว่าเมื่อกี้เธอบอกให้ฉันหุบปาก” เขายอกย้อนกลับไปหากก็ไม่หยุดการกระทำอยู่ดี “สมแล้วที่เป็นผู้หญิงกลับกลอกโลเลไปมา ไม่เห็นรักมั่นเหมือนกับจิโดริสักนิด”
“หยุดพูดชื่อของผู้หญิงคนนั้นสักที!”
“ทำไม” กล้ามเนื้อบนใบหน้าของไทกะดูจะสนุกที่ได้ขยับตามการหัวเราะของเขา “ได้เหยียบย่ำจิโดริตั้งขนาดนี้ยังมีความสุขไม่พออีกเหรอ ต้องกดเค้าให้จมดินไปถึงไหนเธอถึงจะพอใจ สนุกมากนักเหรอที่ได้ทำร้ายผู้หญิงที่เคยเป็นครึ่งหนึ่งของตัวเองจากความผิดที่เค้าไม่ได้ก่อ”
“หยุดเสแสร้งแกล้งทำเป็นพระเอกสักทีเถอะไทกะ! นายเองก็ไม่ได้ต่างจากฉันหรอก ทั้งที่รู้ว่ายัยนั่นต้องเจอเรื่องอะไรมาบ้าง นายก็ไม่เคยคิดจะยื่นมือเข้าไปช่วยสักครั้ง ถ้าคิดว่าคนอย่างฉันมันทุเรศนัก คนที่ไม่ทำอะไรทั้งที่เห็นคนทุกข์อยู่ตรงหน้าก็ทุเรศไม่ต่างกันหรอก ถ้าสงสารนักก็คบกับยัยนั่นซะสิ ได้คบกับผู้ชายชั้นสูงอย่างนายคงช่วยดึงยัยนั่นขึ้นมาจากขุมนรกได้บ้าง อย่ามัวแต่ปากเก่งปกป้องยัยนั่นแค่เฉพาะตอนอยู่กับฉันเลยดีกว่า”
ไทกะวางเบียร์ที่ถูกเทจนหมดขวดลงข้างแก้วคริสตัลที่มามิแน่ใจได้ว่ามือถือของเธอแน่นิ่งไปแล้ว เด็กหนุ่มยังพรูพร่างเสียงหัวเราะไม่หยุดกระทั่งยามลุกไปหาหญิงที่นั่งอยู่บนโซฟาเดี่ยวอีกตัว เขาบีบแก้มขาวของเธอ ลมหายใจร้อนจัดจากใบหน้าที่โน้มมาแทบชิดมีกลิ่นของแอลกอฮอล์
“นอกจากปากเก่ง ฉันยังจูบเก่งด้วยนะ จำไม่ได้หรือไง”
และไทกะก็ไม่รีรอที่จะฟื้นความทรงจำให้เธออย่างปากว่า ยากจะเรียกว่าแค่จูบจากกำลังแรงที่บดขยี้ลงมา ทว่าริมฝีปากของมามิก็ตอบสนองเขาจนถึงกับร้อนเร่าจากสิ่งที่เธอรอคอยให้เกิดขึ้นมาตลอด ทุกครั้งที่จูบหรือนอนกับเจสซี่ ทุกคราวที่ความคิดของเธออยู่ไกลห่างจากความสะใจที่ได้หลับนอนกับผู้ชายที่ผู้หญิงคนนั้นรัก ความรู้สึกของมามิก็จะแทนที่คนรัก—ที่เธอไม่ได้รัก—ด้วยชายที่กำลังจูบเธออยู่นี้เสมอ เธอปล่อยให้ไทกะครอบงำความคิดกลืนกินไปถึงจิตใจด้วยจูบที่พิเศษที่สุดในโลก มือของเขาลากผ่านเรือนร่างของเธอ ความร้อนแผดเผาตามไปในทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน ลำคอขาวถูกกดเพียงแผ่วแต่ก็มากพอจะเร้าเธอให้ตอบสนองลิ้นของเขาที่รุกรานเกี่ยวกระหวัดได้มากกว่าที่เป็น ยามเลื่อนมือลงมาเป็นหน้าอกที่กระตุ้นเร้าได้แม้จะบีบผ่านเสื้อนักเรียนก็ทำให้ไทกะได้ยินเสียงหอบครางจากริมฝีปากที่ยังไม่แยกจากเขาแม้แต่วินาทีเดียว หากเมื่อมันขยับมาเป็นกระโปรงลายสก็อตตัวสั้น ที่ต่อให้มามิจะปรารถนามากเพียงไหน อาจเป็นสิ่งเดียวบนโลกที่เธอต้องการไม่ว่าจะยามนี้หรือยามไหน แต่เพราะรู้ดีว่าเขาจะทำอะไร เธอจึงผลักเขาออก แม้สิ่งเดียวที่ผละออกได้จะมีเพียงจูบที่เธอก็ยินดีให้มันคงอยู่ตลอดกาล เพราะมือของไทกะยังคงไม่ผละจาก ซ้ำยังบีบแน่นกว่าเดิมที่ต้นขาใต้กระโปรง ขณะที่อีกข้างก็จับข้อมือของเธอที่พยายามจะดันเขาออกไว้
“ทำไมรีบนักล่ะ เรายังไปไม่ถึงจุดนั้นเลยนะ จุดที่เธอจะได้...” ไทกะยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างริมฝีปากของเธอ “ทรมานน่ะ”
มือข้างที่ยังว่างของมามิยกขึ้นตบหน้าเขาอย่างแรง ฝ่ามือของเธอทำให้ไทกะซวนเซไปได้ หากเมื่อแลบลิ้นเลียริมฝีปากและรู้สึกได้ถึงรสเลือดอีกครั้ง เขาก็หัวเราะออกมา
“ฉันชอบลืมทุกทีว่าเธอชอบความรุนแรง...มากกว่าแค่คำพูด”
พริบตาถัดมาไทกะก็ยกขาข้างหนึ่งขึ้นกดหน้าขาเธอไม่ให้ลุกไปไหนได้อย่างที่คิดว่าเธอกำลังจะทำ เขาปิดปากเธอด้วยจูบอีกครั้ง ก่อนจะสานต่อในสิ่งที่ถูกหยุดไปเมื่อครู่นี้ และมามิก็รู้ว่าไม่มีทางที่เธอจะฝืนได้อีกไม่ว่ากายหรือใจของเธอเอง เธอยอมจำนนให้กับผู้ชายคนนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในตอนที่มือของเขาสอดเข้าไปใต้ชั้นในที่เธอตั้งใจเลือกอย่างดีทุกครั้งที่มาทานมื้อค่ำกับครอบครัวของเขา ถึงไทกะจะไม่เคยมองดูมัน มีเพียงแค่มือของเขาที่จะล่วงล้ำเข้าไปจนถึงความเป็นหญิงของเธอที่เบ่งบานรับเขาด้วยหยาดน้ำค้าง รสสัมผัสที่เหมือนกระแสไฟฟ้าแล่นปราดเข้าไปในวินาทีที่ปลายนิ้วของเขาชำแรกแทรกซึม เธอบีบต้นแขนของไทกะผู้กำลังปฏิบัติต่อส่วนล่างของเธออย่างร้อนเร่าหน่วงหนัก หนึ่งนิ้ว...สองนิ้ว...สามนิ้วที่เคลื่อนไหวอย่างชำนิชำนาญในจุดที่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมี หัวใจที่เต้นแรงราวถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้าเหมือนจะระเบิด และสะเก็ดเศษซากที่แตกกระจายของมันก็อาจกระเด็นกลับมาโดนเธอ แต่เธอก็ยินดีต่อให้ดวงตาต้องมืดบอดไปตลอดกาล หญิงสาวพึมพำชื่อไทกะกับริมฝีปากของเขาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะไปถึงจุดนั้น เพียงเพื่อในวินาทีถัดมาเขาจะโยนเธอลงมาจากสวรรค์กระแทกกับพื้นเบื้องล่างแทบกระอัก ยามเธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในตำแหน่งที่เขาเพิ่งเติมมันจนเต็ม เพราะเขาจะหยุดทุกครั้งเมื่อรู้ว่าเธอจวนเจียนจะสุขสม ไทกะเผยอยิ้มมองเธอด้วยแววตาสนุกสนานระคนดูแคลน ขณะเช็ดน้ำของเธอที่เลอะนิ้วเขากับกระโปรงของเธอเหมือนมันเป็นแค่ทิชชูที่เขาจะใช้แล้วทิ้ง
“ทรมานมากใช่มั้ยเวลาถูกทิ้งไม่ให้เสร็จน่ะ”
น้ำตาของมามิไหลลงมาขณะมองหน้าสบตาไทกะด้วยความโกรธที่ตันอยู่เต็มอก ด้วยความป่วนปั่นที่แล่นพล่านวกวนอยู่ในหัว ด้วยความโหวงหวิวมากจนเจ็บร้าวที่อัดแน่นอยู่ในท้องกับส่วนนั้นเพราะไม่ได้รับการปลดปล่อย และใบหน้าที่งดงามที่สุดบนโลกก็ผุดพรายรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะเยี่ยงปีศาจร้ายผู้มาเพื่อลงทัณฑ์หญิงชั่วร้ายเช่นเธอ
“น้ำตาของเธอยังไม่เท่ากับที่จิโดริต้องเสียไปด้วยซ้ำ” ไทกะเย้ยหยันด้วยใบหน้าหยามเหยียด “รีบไปขอให้เจสซี่มันช่วยซะสิ หรือไม่ระหว่างที่เธอเดินไปตามถนนในชุดนักเรียนอย่างนี้ จะเอ่ยปากชวนใครสักคนไปนอนก็ได้ทั้งนั้น ง่ายดายออกจะตายกับผู้หญิงจอมปลอมอย่างเธอ”
เสียงหัวเราะรวนร่านั้นฟังเหมือนเขาบ้าไปแล้ว ไทกะสนุกกับการได้ทรมานเธอ กี่ครั้งกี่คราวแล้วที่เขาทำแบบนี้กับเธอ วินาทีหนึ่งเขาฉุดเธอขึ้นสวรรค์ วินาทีต่อมาเขาก็ผลักเธอตกลงมากระแทกพื้นโลก ทิ้งเธอให้อยู่กับความใคร่อยากที่ไม่อาจได้รับการเติมเต็ม—จากเขา ไทกะไม่เคยมีเซ็กซ์กับเธอแม้สักครั้งเดียว แต่ทั้งที่รู้อย่างนั้นทุกครั้งหลังมื้ออาหารร่วมกันในโรงแรมของคุณเคียวโมโตะกับคุณนายมิโดริคาวะ มามิก็ไม่เคยต้านทานคำชวนของลูกชายคนเดียวที่จะเป็นบ้านของเขาในโรงแรมได้เลย มันจะเริ่มต้นด้วยการหยามเหยียด ดูแคลน ด่าทอ ตามด้วยความเห็นอกเห็นใจฝาแฝดของเธอ ที่มามิคิดว่ามันก็แค่ลมปากของคนที่ไม่เคยก้าวออกไปช่วยสักครั้งทั้งที่ได้เห็นการกลั่นแกล้งต่อหน้าต่อตา หากก็มากพอจะปลุกความเกลียดชังของเธอให้ยิ่งลุกโพลงได้จากความเห็นใจพวกนั้น มือถือของเธอกี่เครื่องแล้วที่ถูกเขาทำพัง หลังจากความเกลียดชังที่สาดทอใส่กัน ไทกะก็จะจูบเธอ รุกล้ำเข้าไปในดินแดนต้องห้ามของเธอราวกับเขาก็เสน่หาในตัวเธอไม่ต่างกัน เพียงเพื่อจะหยุดก่อนที่เธอจะไปถึงฝั่ง
ไม่ว่าผู้ชายที่มามิกำลังจะออกจากห้องของไทกะไปหาในคืนนี้จะเป็นใคร แต่เธอก็รู้ว่าสิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดจิตใจจะมีเพียงชายผู้ปลุกเร้าทุกความปรารถนาแต่ไม่ยอมดับมันให้ คนที่เธอรักแต่ไม่มีวันได้ความรักจากเขากลับมา ทว่ามามิก็ไม่อาจปลดโซ่ตรวนที่พันธนาการฉุดรั้งเธอกับเขาไว้ได้เลย
- เจสซี่เคยชอบจิโดริจริง แต่พอมามิรู้ก็หาทางตีสนิทและใส่สีตีไข่เรื่องจิโดริไปเรื่อย จนเจสซี่รู้สึกว่าคบจิโดริไปก็คงอายคนเลยคบกับมามิดีกว่า แต่พอรู้ว่าจิโดริเป็นพวกชอบถูกทำร้ายเลยหันไปหาจิโดริอีก แต่ช่วงที่คบกับมามิก็ไม่ได้ชอบจิโดริแล้วจริง ตอนนี้ก็ไม่ได้ชอบ แค่หลอกใช้ (เห้อ ชอบ ขอแบบนี้อีกสักสิบพล็อตได้มั้ยพี่สาว)
- ไทกะเป็นลูกพี่ลูกน้องของโฮคุโตะ รู้ทุกเรื่องของทุกคน (สามคนบนรวมโฮคุโตะเรียนห้องเดียวกันหมด ส่วนไทกะเรียนอีกห้อง) แต่ไม่เคยสอดมือเข้าไปยุ่งกับใคร ที่มายุ่งกับมามิเพราะเกลียดความปากดีและนิสัยไม่ดี สงสารจิโดริจริงแต่ก็ไม่เคยคิดทำอะไรเพื่อช่วยอยู่ดี เนี้ย ดูไว้
ความคิดเห็น