คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : Feels So Good | Me Before You (2016)
INSPIRED BY : ME BEFORE YOU (2016) | Dir. Thea Sharrock
RE-RELEASE DATE : JULY 6, 2021
---------------------------------------------------------------------------------------
- เกิดจากเราไปดู The Quiet Place II ตั้งแต่เข้าโรงimaxวันแรกแล้วว้อยรอมาเป็นปี!! ดูไปก็โอ๊ยบทคิลเลียนดีมากเว่อร์จนอยากหาฟิคมาแปลงให้ แล้วก็รำลึกได้ว่าเคยมีเรื่องนี้อยู่ เป็นฟิคคริสต์มาสเก่าเก็บที่แต่งไว้นานมากตั้งแต่เพิ่งมาทางสายฝรั่ง เคยเอาพาร์ตที่มาทิลดาดูแลศัลยแพทย์เดินไม่ได้ลงแล้ว แต่ก็รำลึกได้ว่าเคยแต่งอีกพาร์ตไว้ได้เยอะอยู่ แต่ไม่เคยเอาลงเพราะคิดว่ามันขาดอะไรไม่รู้ แต่พอย้อนอ่านก็คิดว่าจะเก็บไว้ทำไมนะ มันก็พอใช้ได้อยู่นะ 555 นอกจากเอามาแก้ภาษา(นิดหน่อย)กับบุคลิกตัวละครก็ไม่ได้แก้หรือเพิ่มอะไรอีก เพราะมันไม่ได้ดีพอจะให้แก้ล่ะนะ T v T
- คงชื่อนางเอกทั้งคู่ตามฉบับแรกสุด (มาทิลดากับซิดนีย์) เมาท์หน่อยแล้วกัน คนทำเพลงเรื่องเดอะไควเอทเพลส2 คือคุณเบลทรามีที่ทำสกอร์ให้หนังเรื่อง Scream แล้วนางเอกเรื่องสครีมก็ชื่อซิดนีย์ :p / มาทิลดาเป็นชื่อละครเวทีที่ก็เล่นในบรอดเวย์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายของนักเขียนอังกฤษ :3 / ชื่อ LaKeith เอามาจากคุณ LaKeith Stanfield (ที่เคยตั้งให้จอร์จแล้วทีนึง) ตอนนั้นเราอ่านว่าเลคคีธจนดูออสการ์ปีนี้แล้วเค้าเรียกว่าลาคีธ (ตัวเคพิมพ์ใหญ่นี่หว่า) เลยรู้ว่าตัวเองอ่านผิด... / ส่วนแคสต์ลูกของเอมเมตต์ คือ Ruairi O'Connor ที่ตอนเราไปดูไควเอทเพลส2 แล้วได้ดูเทรเลอร์คอนเจอริ่ง3ในโรง พอได้ดูเทรเลอร์จอใหญ่แล้วก็คิดว่าทำไมคนเล่นเป็นอาร์นีหล่อจังว่ะ หล่อจริง หล่อมาก หล่อไม่ไหว ขอบคุณคุณยูที่เคยส่งมาในฟิคผีเสื้อ ตอนนี้กลับมาเห็นรูปที่บ้านก็ยังงงว่าหล่ออะไรอย่างนี้ / อิมเมจนางเอกมาจากฟิคมาเฟียเราที่ไม่ได้แต่ง... มาทิลดาคือวิตโตเรียที่ล่าสุดก็ตกใจเห็นไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้บุลการี!!! ปีที่แล้วเราได้ดูเรื่อง Relic ที่เบลล่าเล่นในโรงช่วงโรงหนังกลับมาเปิด ก็จัดว่าเป็นความทรงจำที่ดี แต่ตัวหนังก็ไม่เท่าไหร่เราไม่ค่อยชอบ แต่เบลล่าก็ยังดีมาก T_T
- เดิมพล็อตเรื่องนี้จะเป็น มาทิลดาไปบ้านฟิตซ์เจอรอลด์ (แต่งแล้ว) / ซิดนีย์ไปบ้านเดเลนีย์ (แต่งแล้ว) / มาทิลดากินมื้อค่ำวันคริสต์มาส (ไม่ได้แต่ง) / ซิดนีย์ไปงานแต่ง (ไม่ได้แต่ง) / มาทิลดาก่อนกลับบ้าน (แต่งแล้วกระจึ๋งนึง) / ซิดนีย์ไปกินข้าวที่บ้านเดเลนีย์ (ไม่ได้แต่ง) แล้ววันคริสต์มาสก็จะจบโดยสมบูรณ์ แต่มันก็สมบูรณ์แค่นี้แหละ...
วันนี้เป็นวันคริสต์มาส!
ทุกปี มาทิลดา เวสต์วู้ดจะเริ่มต้นวันอย่างสดใส ไข่ดาวสองฟอง เบคอนแปดชิ้น แฮมสองชิ้น ไส้กรอกสี่ชิ้น โค้กหนึ่งแก้ว! ดำเนินวันอย่างสดใส เดินเล่นทั่วแมนแฮตตัน! และจบวันอย่างสดใสที่สุด ดูหนังโปรดพร้อมไก่งวงอบจากร้านเด็ด! แม้หน้าที่การงานล่าสุดจะทำให้คริสต์มาสปีที่ยี่สิบหกของเธอผิดแผนตั้งแต่ต้น หากมาทิลดาก็บอกตัวเองว่า ‘ดีแล้ว ยัยมาทิลดา หัดออกจากจากคอมฟอร์ทโซนเสียบ้าง!’ แต่ที่จริงแล้ว ความคิดว่าจะได้ฉลองวันคริสต์มาสร่วมกับคนอื่นหลังต้องฉายเดี่ยวเป็นสิบปีตั้งแต่ย้ายจากลอนดอนมาเข้าไฮสกูลที่นิวยอร์กนั้น ทำให้มาทิลดายิ้มกับตัวเองได้ตลอดทั้งวัน ยิ่งหนึ่งนั้นคือพี่ชายเพื่อนสนิทที่กลายมาเป็นเพื่อนสนิทของเธอ จึงไม่เป็นไรเลยแม้อีกหนึ่งนั้นจะเป็นนายจ้างเอาแต่ใจที่คอยหาเรื่องมาติติงเธอได้เสมอ
ถ้าเพียงแต่...
“ฉันขอสั่งให้เธอมานั่งดูหนังกับฉัน ไม่ใช่ตกแต่งห้อง หรือทำอาหาร หรืออะไรก็ตามกับลาคีธ”
มาทิลดาเกือบได้หลุดเสียงกรีดดังลั่นถ้าลาคีธไม่รีบพุ่งตัวจากหลังรถเข็นของเบนมาปิดปากเธอเสียก่อน แต่เสียงแหลมเล็กที่เล็ดลอดออกมาได้นิดหน่อยนั้น เรียกให้เบนที่กำลังกดปุ่มเลื่อนรถเข็นกลับไปยังทางที่มาเหลียวมองเธออยู่ครู่แล้วยิ้มที่มุมปาก มาทิลดาสาบานต่อเคราเมอร์ลินว่าเธอได้ยินเสียง ‘หึ’ ออกมาจากริมฝีปากคู่นั้นด้วย! เมื่อนายจ้างของคนทั้งคู่หายเข้าไปในห้องนอนของตัวเองแล้ว ลาคีธจึงค่อยดึงมือที่ปิดริมฝีปากสีส้มสดของมาทิลดาไว้ออก หญิงสาวยังคงอุบอิบพึมพำสาปส่งไม่หยุด จนเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากคนข้างกายจึงหันใบหน้าบึ้งตึงมายังพ่อหนุ่มอารมณ์ดีแล้วยื่นถุงผ้าใบโตให้ลาคีธอย่างจำใจ มาทิลดาตื่นเต้นกับวันนี้มากจนของตกแต่งคริสต์มาส วัตถุดิบสำหรับมื้อค่ำในคืนเทศกาลนี้ และของขวัญให้ลาคีธกับเบนอัดแน่นอยู่เต็มถุงผ้าใบโต
“ไม่เป็นไร ไปอยู่กับเบนเถอะ ผมทำเองได้ สบายมาก เบนเค้าอยากอยู่กับคุณนะ” ลาคีธที่อ่านใจเธอออกเสมอตอบคำถามที่หญิงสาวไม่ได้เอ่ยอีกครั้ง และเป็นอีกคราวที่ลาคีธ มอนต์กอมเมอรีจะเข้าข้างผู้ชายใจร้าย(สำหรับเธอ)ที่เป็นทั้งเพื่อนและนายจ้างคนดี(ของเขา) ให้มาทิลดาต้องเบ้หน้าคัดค้านอยู่ครามครัน
“แต่ฉันไม่ได้อยากอยู่กับเบน โดยเฉพาะในเทศกาลโปรดของฉัน!” เธอส่งเสียงลอดไรฟัน แม้เน้นหนักที่ประโยคหลังหากก็ระมัดระวังไม่ให้มันดังจนคนในห้องได้ยิน แต่เบนเหมือนมีสัมผัสพิเศษเสมอ จังหวะของเขาแม่นยำเสียจนมาทิลดาสะพรึงอยู่บ่อยครั้ง จึงเป็นไปตามคาดเมื่อวินาทีถัดมาเสียงตะโกนทุ้มหนักก็ทะลุออกมาจากห้องนอนของเจ้าตัว
“เดี๋ยวนี้! คุณเวสต์วู้ด!”
“โอ้ พระเจ้าอวยพรค่ะ!” มาทิลดาใช้สองมือจับมือขวาของลาคีธมาบีบแน่น ชายหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “ครับ พระเจ้าอวยพร”
มาทิลดาได้งานดูแลอดีตศัลยแพทย์วัยสี่สิบเอ็ดที่พิการเดินไม่ได้ เบน ฟิตซ์เจอรอลด์ มากว่าสามเดือนแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก็ยังง่อนแง่น ไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่อยู่ดี
เธอเคยหลงดีใจจะแย่ในตอนแรกที่รู้ว่าเบนก็มาจากลอนดอนเหมือนเธอ แต่ลาคีธจากเมืองรีดดิ้งในเบิร์กเชียร์ยังทำดีกับเธอมากกว่าเขาเสียอีก! เบนเป็นตาลุง แน่ล่ะ ชายวัยสี่สิบคือตาลุงสำหรับสาววัยยี่สิบหกอย่างเธอ! ที่ยโส จองหอง ก้าวร้าว ปากร้าย เขาเหมือนกษัตริย์อาร์เธอร์เวอร์ชันบีบีซี (เธอติดตามดูทุกตอน) จอมอวดดีที่มีดีแค่หน้าตาและฐานะ แต่ก็ยังมีพ่อมดเมอร์ลินนามลาคีธคอยรับใช้ อ้อ ใช่ มอร์เดรดคือเธอเอง! แม้ลาคีธบอกว่าเธอทำให้เบนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก (เธอสวนว่า ‘แต่เบนทำให้ฉันเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลงมาก!’) และแม้มาทิลดาจะยังไม่เห็นเหมือนที่ลาคีธเห็น แต่เมื่อลองคิดทบทวน การได้เห็น ‘เบน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ฟิตซ์เจอรอลด์’ ก็ยังดีกว่า ‘เบน ร้ายเสมอ ฟิตซ์เจอรอลด์’ คนที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตาอยากลาออกทุกเมื่อเชื่อวันคนนั้น ใครจะรู้ ในเทศกาลสุขสันต์เช่นนี้ ซานตาคลอสอาจเสกให้เขากลายเป็นเอลฟ์ที่น่ารักใจดีก็ได้
เบน ฟิตซ์เจอรอลด์คือปีศาจร้ายทำลายคริสต์มาส!
เขาบังคับให้เธอดู ‘เดอะ ฮิลล์ส แฮฟ อายส์’ ฉบับดั้งเดิมเป็นรอบที่สี่ในวันคริสต์มาส! วันคริสต์มาส! เทศกาลแสนสุข! ปีที่แล้วเธอเลือก ‘แกรนด์ บูดาเปสท์ โฮเทล’ เป็นหนังฝันหวานส่งท้ายคืนคริสต์มาสนะ!
มาทิลดากับลาคีธเคยคุยสัพเพเหระจนมาถึงเรื่องภาพยนตร์ในเที่ยงวันหนึ่ง เธอบอกว่า พอกันที เดอะ ฮิลล์ส แฮฟ อายส์ และจำได้ว่าวันนั้นเบนหลับกลางวันหลังกลับมาจากโรงพยาบาล แต่เธอกล้าพนันด้วยลิปสติกทุกแท่งที่มีว่าการได้ดูหนังเรื่องนี้ในวันคริสต์มาสไม่ใช่เรื่องบังเอิญ! และพนันด้วยเสื้อผ้าทุกตัวที่มีว่าไม่มีเหตุผลที่ลาคีธจะหยิบยกหนังยี้ของเธอไปพูดกับเขา! ดังนั้นเบนต้องบังเอิญได้ยินแล้วจงใจคิดแผนกลั่นแกล้งเธออย่างแน่นอน! คุณพ่อซานต้าเป็นพยาน เธอรักทั้งผู้กำกับหนังชวนหัว ‘เวส แอนเดอร์สัน’ และผู้กำกับหนังสยองขวัญ ‘เวส เครเวน’ แต่ในวันคริสต์มาส เธอจะเลือกแอนเดอร์สัน เหมือนที่ในวันฮาโลวีน เธอจะเลือกเครเวน...และเบน ฟิตซ์เจอรอลด์!
“เหมาะกับวันคริสต์มาสดีนะ” เขาหันมาพูดกับเธอหลังเอนด์เครดิตขึ้นบนจอทีวี แอลจี เจ็ดสิบเก้านิ้ว บางเฉียบ คมชัดระดับเอชดี บลาบลาบลา มาทิลดากลอกตา เหมาะสมกันดีเหมือนพ่อแม่ผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เปิดเรื่อง ‘เดอะ แมสก์’ ให้เด็กห้าขวบดูโดยไม่รู้ว่าแกจะเก็บไอ้หน้ากากเขียวไปหลอนเป็นปี หรือเพื่อนสาวที่เกิดอยากดู ‘บีฟอร์ ซันไรส์’ ในห้องนอนเพื่อนรักโดยไม่รู้ว่าเมื่อคืนวานเจ้าของห้องเพิ่งเลิกกับแฟนหนุ่มที่หลงรักหนังเรื่องนี้เหมือนกัน เหมาะกันอย่างกับอะไรดี!
“ฉันขอออกไปดื่มน้ำหน่อยนะคะ คุณอยากได้อะไรมั้ย”
“ผมขอชาดาร์จีลิงร้อน”
“ได้ค่ะ สำหรับเบน ฟิตซ์เจอรอลด์ นายจ้างผู้แสนดี ได้เสมอ” มาทิลดาตอบแกมประชด พร้อมฉีกยิ้มหวานที่ดูยังไงก็รู้ว่าเสแสร้งส่งให้เบนขณะเดินผ่านเขาที่นอนอยู่บนเตียง ก่อนมันจะหุบลงที่หน้าประตูจากคำพูดประโยคถัดมาของเขา
“มันก็ควรต้องเป็นอย่างนั้น ตราบที่ผมจ่ายเงินให้คุณ”
ลาคีธกำลังยืนประดับไฟต้นคริสต์มาสที่ถูกยกเข้ามาประดับในห้องทานข้าวเมื่อสองวันก่อน คุณและคุณนายฟิตซ์เจอรอลด์ที่คงกำลังฉลองครบรอบวันแต่งงานปีที่สี่สิบห้าที่อังกฤษอย่างมีความสุขนั้น บอกว่ามันอยู่กับครอบครัวฟิตซ์เจอรอลด์มาตั้งแต่ลูกชายคนเดียวอายุหกขวบ ตายแล้ว! ต้นคริสต์มาสยังมีประวัติยาวนานกว่าเธออีก! เขาละมือจากงานที่กำลังทำอยู่มาทักทายมาทิลดาเมื่อได้ยินเสียงเปิดตู้เย็น
“หนังจบแล้วเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ! เดอะ ฮิลล์ส แฮฟ อายส์รอบที่สาม! ไม่อยากเชื่อว่าคุณฟิตซ์เจอรอลด์จะใจตรงกับฉัน อยากดูเรื่องนี้ในวันคริสต์มาสเหมือนกันเปี๊ยบ!” มาทิลดาตอบด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแฮปปี้สุดขีดอย่างไม่ปิดบังว่าเสแสร้ง ก่อนจะกลายเป็นเนือยสุดขีดหลังวางแก้วน้ำเปล่าที่ดื่มหมดแล้วลงกับโต๊ะ “เบนจงใจแกล้งฉัน”
“แปลว่าเขาชอบคุณมากนะ”
“ว้าว เหรอคะ!” มาทิลดายังคงประชดประชัน ไม่เชื่อคำพูดของลาคีธ เขามีวิธีการพูดที่ทำให้เธอรู้สึกดีแต่ก็เข้าข้างเบนในเวลาเดียวกันได้เสมอ ความคิดที่ว่าเบนชอบเธอนั้น คงไม่ต่างจากการทำให้เดวิด หนุ่มนักฟุตบอลสุดหล่อล่ำที่เป็นรักแรกสมัยไฮสกูล หันเหจากสาวสวยเชียร์ลีดเดอร์มาปิ๊งเธอแทนที่จะเลิกทักเธอว่า ‘หวัดดี ยัยเบ๊อะ!’
มาทิลดาเสียบปลั๊กกระติกต้มน้ำก่อนเดินไปหาลาคีธ “ให้ฉันช่วยนะ”
“เบนไม่ว่าเหรอ”
“เขาอยากได้ชาร้อน และฉันก็เสิร์ฟมันไม่ได้ถ้าน้ำไม่ร้อน ดังนั้น ระหว่างรอให้น้ำเดือด ฉันก็จะฆ่าเวลาด้วยการช่วยคุณ โอเคนะคะ” ถึงจะลงท้ายเป็นคำถามแต่มาทิลดาก็ไม่รั้งรอคำตอบ เธอนั่งลงท่ามกลางกองของตกแต่งระเกะระกะ ดูว่าจะใช้ชิ้นไหนตกแต่งตรงไหนได้บ้าง ลาคีธยิ้มให้เธอ แม้หญิงสาวจะเอาแต่หมกมุ่นกับของพวกนั้นจนไม่ได้หันมองเขาเลยก็ตามที มาทิลดาเพลินกับงานตกแต่งนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้ จนเมื่อได้ยินเสียงตะคอกเรียกชื่อตัวจากน้ำเสียงที่เธอหลอนจนถึงกับเคยเก็บไปฝัน หญิงสาวจึงสะดุ้งสุดตัว ปล่อยกล่องเปล่าที่เธอกำลังห่อด้วยกระดาษลายสก็อตสีเขียวเพื่อนำไปวางไว้ใต้ต้นคริสต์มาสหลุดมือ
“ผมนึกว่าคุณออกมาชงชาให้ผมซะอีก”
มาทิลดาลุกพรวดขึ้น เท้าเจ้ากรรมก็ยังเผลอเตะกล่องของขวัญไปอีกทาง เธอลนลานเหมือนคนทำความผิดแล้วถูกจับได้ พูดแก้ตัวรัวเร็วจนลิ้นพันกัน “เบนคะ ฉันออกมาชงชาให้คุณค่ะ แต่น้ำยังไม่ร้อน ฉันก็เลย..” หากยังไม่ทันจบประโยคดี เบนก็กดปุ่มเลื่อนรถเข็นไปตรงหน้ากระติกน้ำ ยิ้มแสยะที่มุมปากเขาทำเอามาทิลดาแทบล้มทั้งยืน เธอรู้ดีว่ามีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ในรอยยิ้มนั้น
“คงเพลินมากจนไม่รู้ว่าน้ำเดือดตอนไหนเลยสินะ ตอนแรกผมคิดว่าลอสต์ อิน ทรานสเลชันก็คงไม่เลว แต่ตอนนี้ผมคิดว่าเรคคือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม...ที่สุด”
แล้วลาคีธก็ต้องรีบพุ่งมาปิดปากที่กำลังจะหวีดของมาทิลดาอีกคราวจนได้!
------------------------------------------------------------------------------------------------
วันคริสต์มาสปีนี้เป็นวันแต่งงานของวีรา!
วีรา มารากับซิดนีย์ มอนต์กอมเมอรีเคยเป็นเพื่อนร่วมห้องกันสมัยเรียนไฮสกูลที่เมืองมอนต์กอมเมอรีในแอลาแบมา แต่เรื่องที่นามสกุลพ่อใหม่ของซิดนีย์ตรงกับชื่อเมืองนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ เราจึงจะวกกลับมาที่เรื่องของเด็กสาวสองคนกันต่อ เชื่อว่าทุกคนต้องเคยเป็นอย่างนั้น คุยกับเพื่อนร่วมห้องได้แต่ใช่จะสนิทกัน และใช่ ความสัมพันธ์ของซิดนีย์กับวีราเป็นอย่างนั้น กลุ่มเพื่อนของวีราประกอบไปด้วยสามสาวที่น่ารักมาก เรียนเก่งมาก และนิสัยดีมาก ส่วนซิดนีย์เหรอ เอ่อ ตอนนั้นเธอเป็นเด็กสาวผมสีฟ้าสดเหมือนบับเบิลกัม ผลการเรียนไม่เอาอ่าว และนิสัยเฟี้ยวฟ้าว ใครหลายคนคิดว่าเธอเป็นพวกต่อต้านสังคม (เปล่าสักหน่อย! ฉันแค่ต่อต้านคนโง่) แต่คนที่เธอไม่ต่อต้านเขาและเขาก็ไม่ต่อต้านเธอคือหนุ่มเนิร์ดฉลาดล้ำแถมยังหล่อลากดิน ทั้งคู่ตัวติดหนึบกันในช่วงสองปีสุดท้ายของไฮสกูล เป็นเพื่อนที่รู้ใจทั้งในโรงเรียนและบนเตียง
แต่ความสัมพันธ์เก่าก่อนของซิดนีย์กับหนุ่มเนิร์ดก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้อีกเช่นกัน ทำไมเรานอกเรื่องกันบ่อยจัง เอาเป็นว่า หลังจากซิดนีย์กับวีราไม่ได้พบกันอีกเลยตั้งแต่เรียนจบไปกว่าเจ็ดปี พวกเธอก็กลับมาพบกันอีกครั้งเมื่อครึ่งปีก่อนหน้าที่ ‘ทิฟฟานี แอนด์ โค’ ในฟิฟธ์ แอเวนิว หยุด! อย่าเพิ่งคิดว่ากองบรรณาธิการสาววัยยี่สิบหกที่มีรายรับเดือนละสามพันเหรียญอย่างเธอจะมีปัญญาซื้อเครื่องประดับราคาแพงลิ่วพวกนี้ และเธอก็ไม่ใช่ฮอลลี โกไลท์ลีใน ‘เบรกฟาสท์ แอท ทิฟฟานีส์'’ ที่ชอบไปดูเพชรพลอยที่ทิฟฟานีเหมือนเจ้าหล่อน (แม้ครั้งหนึ่งแฟนหนุ่มผู้ฝันอยากเป็นนักแสดงของเธอ จะสวมบทแม่สาวฮอลลี ลากพระเอกพอล วาร์จาคอย่างเธอเข้าทิฟฟานี แถมยังทำท่าว่าจะเล่นสนุกเหมือนในหนังจนซิดนีย์ต้องควักเนื้อซื้อกำไลข้อมือแก้เก้อ ซ้ำร้ายพ่อหนุ่มตัวดียังเห็นเป็นเรื่องตลก กว่าจะสำนึกก็ตอนต้องง้อแฟนสาวอยู่เป็นสัปดาห์)
เอาล่ะ สรุปว่าวันนั้นซิดนีย์ไปทิฟฟานี แอนด์ โคเพื่อทำงาน ส่วนวีรามาทิฟฟานี แอนด์ โคเพื่อช้อปปิ้ง แม้ซิดนีย์จะเปลี่ยนเป็นสาวสวยผมทอง ไม่เหลือคราบยัยพังค์สมัยเรียนแม้แต่นิด วีรากลับจำเพื่อนเก่าได้โดยไม่มีลังเลแม้แต่น้อย หล่อนถึงกับกรีดเสียงเมื่อได้เจอเพื่อนเก่าก่อนชวนซิดนีย์ไปทานมื้อเย็นด้วยกันหลังเลิกงาน และน่าแปลกที่พอได้จับเข่าคุยกันถึงเพิ่งรู้ว่าคุยถูกคอกัน รสนิยมหลายอย่างก็คล้ายคลึงกัน สุดท้ายก็แลกเบอร์กัน กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันในที่สุด
วีราเล่าว่าหลังเรียนจบมหาวิทยาลัยก็ได้งานบัญชีที่สำนักงานกฎหมายซัลลิแวนในเฮลล์ส คิตเช่น เฮลล์ส คิตเช่นนะ อยู่แค่มิดทาวน์ เวสต์นี้เอง! ทำไมพวกเธอถึงเพิ่งเคยเจอกัน! เรื่องราวความรักของวีรากับทนายความเจ้าของนามสกุลที่เป็นชื่อสำนักงานกฎหมายนั้นน่าอิจฉาเหลือใจแถมยังจบลงเหมือนเทพนิยาย ที่สุดความสัมพันธ์ที่บ่มเพาะมากว่าสามปีก็พัฒนาไปเป็นการแต่งงาน
ในวันเดียวกันของเมื่อหนึ่งเดือนก่อนที่วีราเอาการ์ดเชิญมาให้ซิดนีย์ถึงสำนักพิมพ์ที่หล่อนทำงานอยู่นั้น สองพ่อลูกเดเลนีย์ก็ได้รับการ์ดเชิญร่วมงานแต่งจากวิล ซัลลิแวนที่แวะมาหาถึงบ้านด้วยเช่นกัน เดเลนีย์คนพ่อ เอมเมตต์ เป็นจิตแพทย์ของวิล...และของซิดนีย์ด้วย (ยังก่อน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาพูดถึงต้นสายปลายเหตุที่เจ้านายยื่นข้อเสนอให้ซิดนีย์ไปหาจิตแพทย์) ส่วนเดเลนีย์คนลูก อาร์นี เป็นเพื่อนสนิทของวิล...และแฟนของซิดนีย์
ว้าว โลกกลมจนน่าอัศจรรย์!
จึงเป็นเหตุผลที่ซิดนีย์มาเคาะประตูบ้านเดเลนีย์ในย่านอัปเปอร์ อีสไซด์ ตอนเที่ยงของวันคริสต์มาสเพื่อจะไปร่วมงานแต่งด้วยกัน เอมเมตต์เป็นคนเปิดประตูต้อนรับพร้อมคำทักทายอย่าง “เธอสวยมากในชุดนั้น” เขาหมายถึงชุดเดรสผ้าแก้วแขนกุดตัวยาวสีชมพูอ่อนของชาเนล สวมทับด้วยแจ็คเกตผ้าทวีดสีม่วงดอกไลแลคเพื่อกันความหนาว
“อ่า ค่ะ เอ่อ ขอบคุณค่ะ” ซิดนีย์คิดว่าหน้าเธออาจกำลังขึ้นสี ไม่ใช่แค่เพราะอ่อนไหวกับคำชมที่ต้องบอกว่าเธอต้องการมันอย่างมาก และมันก็หายากมากจากอาร์นี ผู้มักจะเอาแต่พูดถึงเธอด้วยคำที่ไม่น่าฟังซึ่งบ่อยครั้งก็ทำให้เธออดหงุดหงิดไม่ได้ แต่ก็ยากมากที่เธอจะสวนกลับด้วยการวิพากย์หน้าตาและการแต่งตัวของชายผู้วันนาบีจะเป็นเจมส์ ดีนในแง่ลบได้เมื่อมันลงตัวไปเสียทุกอย่าง ทว่าอีกประการหนึ่งก็เพราะถ้อยคำพวกนั้นมาจากเอมเมตต์ เขาเป็นคนปากหวาน พูดจาสุภาพ น่าฟังไปเสียทุกอย่าง ไม่ใช่แค่จิตแพทย์ผู้คอยรับฟังที่ดี แต่เป็นผู้พูดที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า
และ...เอ่อ เขาเป็นคนซื้อเดรสกับแจ็คเกตราคาแพงลิ่วพวกนี้ให้เธอ
และ...อ้อ ใช่ เห็นริมฝีปากที่กำลังประกบกันตรงนี้มั้ย
นั่นคือความลับที่อาร์นีไม่รู้!
เอาล่ะ ได้เวลากลับมาพูดถึงต้นสายปลายเหตุที่เจ้านายของซิดนีย์ยื่นข้อเสนอให้เธอไปพบจิตแพทย์กันแล้ว แต่เราต้องสืบสาวราวเรื่องย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นหน่อย เป็นราวสามสัปดาห์ก่อนหน้าที่อาร์นีพาแฟนสาวไปบ้านเป็นครั้งแรก ตลอดเวลาที่คบกันมา อาร์นีไม่ค่อยเล่าเรื่องในครอบครัวให้เธอฟังมากนัก และซิดนีย์ก็คิดว่าเมื่อเขาไม่เล่าเธอก็ไม่อยากเซ้าซี้ จึงอดประหลาดใจไม่ได้เมื่อเขาพาเธอไปที่บ้าน และประหลาดใจยิ่งกว่าเมื่อเธอได้พบกับพ่อของเขาเป็นครั้งแรก ระหว่างมื้ออาหารในคืนนั้นที่เธอกับอาร์นีร่วมกันทำในครัวบ้านพ่อของเขาอย่างสนุกสนานนั้น อาร์นีก็เล่าเรื่องราวในครอบครัวเขาให้ฟัง เขาออกมาเช่าหออยู่ตั้งแต่เรียนจบมอปลาย พึ่งพาเงินจากพ่อที่เลี้ยงเขามาด้วยตัวคนเดียวบ้างเป็นระยะ แล้วตอนเข้ามหาวิทยาลัย เขาก็ค้นพบตัวเองครั้งแรกว่าอยากเป็นดารา อาร์นีจึงตะลอนออดิชันและได้รับบทเล็กบทน้อยในวงการบ้างเป็นระยะ หนทางของเขายังอีกไกลมาก แต่อาร์นีก็ไม่ย่อท้อ เขาทำงานพิเศษในร้านหนังสือเพื่อประทังชีวิตและนั่นล่ะคือที่ที่เขาได้พบและคบกับซิดนีย์
กระทั่งสามสัปดาห์หลังจากนั้น ซิดนีย์ก็เกิดสติหลุดจากการอาละวาดใส่เพื่อนร่วมงานจอมเรื่องมาก แม้ทุกคนจะรู้ว่าเธอไม่ผิดแต่การด่ากราดของเธอนั้นเหลือรับ ทว่าที่ทำงานก็ยังอยากให้โอกาสเพราะเด็กสาวทำงานได้ดีเยี่ยม จึงเสนอทางเลือกให้เข้าบำบัดกับจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือไม่ก็ต้องเขียนใบลาออก
บ่ายนั้นซิดนีย์ตรงไปยังคลินิกจิตเวชในแมนแฮตตันตามคำแนะนำของหัวหน้า เป็นเรื่องบังเอิญที่เอมเมตต์ก็ทำงานอยู่ที่นั่น หลายคนคงคิดว่าท่าจะอึดอัดน่าดูที่จิตแพทย์ของตัวเองคือพ่อของแฟน ซิดนีย์ก็คือหนึ่งในนั้น แต่ความคิดของเธอก็เปลี่ยนเมื่อได้เข้ารับการรักษากับเขา เอมเมตต์ชวนเธอคุยด้วยเรื่องธรรมดาสามัญ ไม่เร่งรัดให้ซิดนีย์ต้องอึดอัด หรือเร่งเร้าเธอด้วยการสอบประวัติลูกสะใภ้ในอนาคตอะไรเทือกนั้น อันที่จริง ซิดนีย์นึกแปลกใจด้วยซ้ำที่ตลอดหนึ่งชั่วโมง เธอคุยถูกคอกับเขามากกว่ากับอาร์นีที่คบกันมาครึ่งปีเสียอีก
ซิดนีย์ลืมสนิทว่าเธอต้องโทรบอกอาร์นี แต่พอลองคิดดู ทำไมเขาต้องรู้ล่ะ ไม่พ้นคงหัวร่องอหายที่เธอถูกส่งมาหาจิตแพทย์แหง!
นัดครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านพ้นไป ซิดนีย์กับเอมเมตต์พูดคุยแลกเปลี่ยนกันจนเริ่มไกลห่างจากการบำบัด ซิดนีย์บอกว่าเธอดีขึ้นมากในที่ทำงาน หัวเราะขณะบอกว่าคงเพราะการบำบัด ซึ่งก็ไม่ผิดเสียทีเดียวเพราะแค่ความคิดเฝ้ารอให้หนึ่งสัปดาห์ที่นัดกับเอมเมตต์มาถึงอย่างรวดเร็วนั้นก็ทำให้เธอมีความสุขแล้ว จนวันสุดท้ายที่เธอเข้ารับการบำบัด เอมเมตต์ก็ชวนเธอไปทานข้าวมื้อเย็น และคืนนั้นก็จบลงบนเตียง
คุณต้องไม่เชื่อแน่! แต่มันเป็นไปแล้ว และมันเกิดขึ้นจริง!
เราจะไม่โทษอาร์นีที่มัวห่วงอยากเป็นเจมส์ ดีนจนไม่ใส่ใจคนรักเท่าที่ควร จะไม่โทษซิดนีย์ที่เกิดมีใจให้พ่อแฟนมากกว่า และจะไม่โทษเอมเมตต์ที่ไม่ยับยั้งชั่งใจกับเด็กสาวรุ่นราวคราวลูก...เจาะจงให้ชัดก็คือแฟนของลูก แต่ที่เรารู้คือทุกอย่างเป็นไปแล้ว เราไม่มีทางย้อนเวลากลับไปทำสิ่งที่ถูกต้องได้
แต่รู้มั้ย ต่อให้ย้อนกลับไปได้ ซิดนีย์ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรอยู่ดี!
------------------------------------------------------------------------------------------------
มาทิลดารีบยกมือขึ้นปิดปากตอนแกะห่อของขวัญออกแล้วพบว่ามันคือลิปลิมิเต็ดของชาเนล! พระเจ้า ท่านต้องล้อมาทิลดาแน่ ที่เปลี่ยนเบนให้กลายเป็น ‘เลอง’ ในพริบตาอย่างนี้!
“ขอบคุณมากค่ะ เบน ฉัน...ฉัน...โอ๊ยตาย พูดไม่ออกเลย ขอบคุณมากค่ะ”
วินาทีถัดมา สิ่งมหัศจรรย์อีกอย่างก็บังเกิดขึ้น เบนหันมายิ้มให้เธอ! พระเจ้าช่วย ต้องเป็นเพราะวิสกี้แน่ที่พลิกหลังมือให้กลายเป็นหน้ามือได้อย่างนี้ เธออยากให้เขาดื่มวิสกี้แล้วเป็นคุณพ่อขายาวให้เธออย่างนี้ทุกวันจัง ครั้งหน้าเธออาจจะเสนอมันกับลาคีธ
“ขอฉันถามอะไรคุณหน่อยได้มั้ย”
“ว่ามา”
“คุณคิดถึงอะไรในวันคริสต์มาสที่ขาคุณ...เอ่อ ยังเป็นปกติ”
“เซ็กซ์” เขาตอบเร็วโดยไม่ต้องคิด
ตอนแรกมาทิลดาคิดว่าเขาแกล้งหยอกเธออย่างที่ชอบทำ แต่เมื่อมองเสี้ยวหน้าด้านข้างที่กำลังเหม่อมองออกไปข้างนอกก็รู้ว่าเขาพูดจริง เธอไม่รู้ควรจะพูดอะไรต่อไป มาทิลดาไม่อยากทำให้เบนรู้สึกแย่ไปกว่านี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรให้สถานการณ์มันดีขึ้น นั่นเป็นสิ่งที่คนอย่างมาทิลดาทำไม่เคยสำเร็จ
แต่แล้วก็พบว่ารถเข็นของเบนมาอยู่ตรงหน้า เขายกมือขวาขึ้นแตะแก้มซ้ายเธอ แล้วทันทีทันใด มาทิลดาก็นึกถึงสิ่งที่ลาคีธพูดกับเธอตอนเช็ดจานด้วยกัน
‘คุณรู้มั้ยว่าเบนหึงคุณกับผม’
‘อะไรนะคะ’ เธอหันมองหน้าลาคีธที่ทำหน้าจริงจังอยู่ครู่ แต่แล้วก็หลุดหัวเราะออกมา ‘ลาคีธ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ เขาหึงฉัน เพราะฉันเป็นคนดูแลเขาที่ควรติดหนึบกับเขามากกว่าติดหนึบกับหมอประจำตัวเขา’ ลาคีธอ้าปากเหมือนจะแย้งหากก็หุบลง มาทิลดามองหน้าเขาแล้วยิ้มให้
‘อย่าเลยค่ะ ลาคีธ เห็นอย่างนี้แต่ฉันก็มีประสบการณ์มากพอจะดูออกว่าใครชอบหรือไม่ชอบฉัน และเบน ต่อให้เขาไม่เกลียดฉัน เขาก็ไม่ใช่กลุ่มที่จะหลงรักฉันแน่นอน’
ลาคีธที่กำลังจะเดินเข้ามาพลันชะงักเมื่อเห็นภาพของสองคนตรงหน้า เขาเดินกลับออกมาในห้องรับแขกอย่างเงียบเชียบและเริ่มต้นเก็บของตกแต่งคริสต์มาส
มาทิลดานิ่งไปด้วยทำตัวไม่ถูก เธอปล่อยให้เขาไล้แก้มอยู่ครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาในที่สุดว่า “เอ่อ เบนคะ..” เมื่อนั้น เบนจึงเหมือนรู้ตัว เขาปล่อยมือลงก่อนเอ่ยบอกเธอ
“เมอร์รีคริสต์มาสนะ ราตรีสวัสดิ์”
“ค่ะ เมอร์รีคริสต์มาส เจอกันพรุ่งนี้”
เบนยิ้มออกมาอีกครั้ง ไม่ต่างอะไรจากมาทิลดา ผู้เฝ้ารอให้วันพรุ่งนี้มาถึงด้วยความยินดีที่จะได้พบหน้าเจ้านายเป็นครั้งแรก
- ลาคีธแอบชอบมาทิลดา เบนเองก็จะเริ่มชอบไปทีละน้อย แต่ตอนท้ายเบนไม่ได้ลงเอยกับมาทิลดาหรอก เพราะเราก๊อปมีบีฟอร์ยู แต่ของเราเบนผ่าตัดได้ ขากลับมาเดินได้แน่นอน แต่ต้องกายภาพนานมากแถมจะหายสนิทมั้ยก็ไม่รู้ เบนก็เลยจะบอกให้มาทิลดาที่ยังสาวอย่ามาเสียเวลากับตัวเอง แต่ไปใช้ชีวิตอิสระอย่างที่ควรได้มีเถอะ เพราะว่าตอนท้ายมาทิลดาก็จะชอบเบนจริง / ส่วนซิดนีย์ก็เลิกกับอาร์นีแน่นอน แต่จะมาได้กับคนพ่อแทนมั้ยก็ไม่ใช่ สุดท้ายก็แยกย้ายไปใช้ชีวิตของใครของมันในแบบที่ไม่ต้องทำร้ายใคร เห้อ พอมาพิมพ์ตอนจบอย่างนี้แล้วก็เศร้ายังไงไม่รู้ ไม่ได้ลงเอยกันสักคน T_T
ความคิดเห็น