คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : HELL in HEAVEN: I - The Beginning
RE-RELEASE DATE : DECEMBER 10, 2020
--------------------------------------------------------------------------------------------
- ค่ะ เรื่องนี้ดิฉันก็ขอมารับรางวัลดัดแปลงบทยอดเยี่ยมอีกนะคะ กูเพิ่มกูแปลงเก่งจังวะ งง จากเดิมเรื่องตรงนี้เป็นแค่ครึ่งเดียวของตอนที่หนึ่งเดิม แต่คนอย่างเราถ้าเอาเรื่องที่รักมาแปลงให้แกก็จัดเต็มเสมอ บวกไปได้อีกครึ่งนึงพอดีก็ราว2.5kคำ รับรองว่าเวอร์ชันนี้เราจะเฉลยที่มาที่ไปทั้งของนางเอกที่(อาจ)เป็นแม่มดและลูกซาตานอย่างไทกะคุง และเพิ่มเนื้อเรื่องจัดเต็มอีกมากมาย
-ขอบคุณคุณยูที่ช่วยหารายละเอียดเรื่องการมาเยือนของชาวอเมริกันในญี่ปุ่น เลยได้พล็อตได้ปูมหลังให้นางเอกเพิ่มขนาดนี้ สัญญาว่าจะเอาเรื่องพวกนั้นไปลงในตอนอื่นอีกแน่นอน ที่มึงหามาให้จะไม่เสียเปล่า เพราะก็ตั้งใจไว้แต่ต้นแล้วว่าจะต้องมีการเดินทางมาจากดินแดนตะวันตกเพื่อไสยเวทย์จะได้มาในญี่ปุ่น เพราะที่ญี่ปุ่นไม่มีแม่มด! ตอนก่อนแต่งกูเองก็หาเรื่องแม่มดเรื่องโบสถ์เรื่องคริสต์ในญี่ปุ่นอยู่นะ แต่ส่วนใหญ่ก็เจอแต่เรื่องลัทธิวะ
- หยิบฟิคเรื่องนี้มาเกลาในที่สุดเพราะที่แกเล่าว่าสโตนส์จะปล่อยเพลงตอนมีเลขหกแล้วแฮชแท็กก็666อะไรสักอย่าง กูเลยคิดว่ากรี๊ดไม่ได้ ต้องรีบมาลงบทลูกซาตานให้ไทกะที่ตั้งใจไว้แต่ต้นแล้วโว้ย!! ถึงโฮคุโตะจะเคยรับบทลูกซาตานไปก่อนแล้วก็เถอะนะ 555 ว่าแต่วงนี้เจสซี่ไม่บอกหน่อยเหรอวะว่า666มันเลขซาตาน
- ตอนกูแต่งไปอ่านไปก็คิดว่าได้ฟีลญี่ปุ่นอยู่นะ แต่ถ้ายังไม่ได้ฟีลญี่ปุ่นก็บอกนะ แต่กูก็ไม่ทำไมหรอก
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
‘ผู้ใดทำบาป ผู้นั้นคือปีศาจ
เพราะปีศาจกระทำบาปมาตั้งแต่ก่อกำเนิด’
- 1 ยอห์น 3:8-10
อามาคุสะ โคโตเนะติดอยู่ในนรก
หาใช่นรกในอกจากความทุกข์ทนในใจ หรือคำเปรียบเปรยว่าการมีชีวิตอยู่นั้นทรมานเหมือนตกนรก หากเป็นนรกแท้จริงตามตัวอักษร ที่ที่มนุษย์ชั่วร้ายผู้ทำบาปทำกรรมมหันต์ทุกผู้นามจะได้มาเยือนเมื่อลมหายใจมอดดับ และเรื่องนั้นก็ไม่ใช่การเปรียบเปรยอีกเช่นกัน
โคโตเนะตายด้วยน้ำมือของแม่ผู้ให้กำเนิด เพราะหล่อนว่าเธอเป็นเด็กต้องสาป...แม่มด
.
คำสาปหากจะเรียกแบบนั้น เริ่มต้นขึ้นในตอนที่โคโตเนะอายุสิบสามขวบ
แม่พาเธอที่อาศัยอยู่ในโตเกียวมาทั้งชีวิตไปเยี่ยมยายที่นางาซากิเป็นครั้งแรก หล่อนเองก็ไม่ได้กลับไปเหยียบบ้านตั้งแต่ท้องโคโตเนะได้แค่เดือนเดียวจนเพิ่งได้กลับมาคืนดีกับแม่ ใช้เวลาเกือบวันบนรถกระบะจึงมาถึงบ้านไม้กลางทุ่งไร่ขจีโพ้นตาที่บัดนี้หญ้าเขียวกลายเป็นสีส้มจากอาทิตย์อัสดง โคโตเนะกระโดดลงจากเบาะหลังรถที่พ่อเลี้ยงขับพามาถึงโดยสวัสดิภาพ จากนั้นก็สูดอากาศบริสุทธิ์ที่หอบกลิ่นหญ้าและดินมาด้วยเข้าไปจนเต็มปอด หาใช่กลิ่นอับเฉาทึบทึมน่าหดหู่ในละแวกบ้านแออัดใกล้กับชุมชนชาวสลัมในเมืองหลวงที่เธอต้องหายใจรับอยู่ทุกวัน เด็กหญิงยิ้มกว้าง ไม่แค่เพราะทิวทัศน์งดงามแปลกตา หากเพราะอดไม่ได้ที่จะทึกทักเอาเองประสาเด็กว่ายายที่เพิ่งเคยเจอจะใจดีกว่าผู้เป็นแม่ การได้อยู่ท่ามกลางอากาศปลอดโปร่งแบบนี้ สุขภาพจิตก็คงดีตามไปด้วย ไม่เหมือนแม่ที่ต้องรบรากับสภาพแวดล้อมสับปะรังเคในเมืองหลวงที่บ่อยครั้งก็จะมาลงกับเธอด้วยการด่าทอ และถึงขั้นลงไม้ลงมือหากหล่อนเหลืออดหรือความอดทนขาดผึงต่อให้สาเหตุจะไม่ได้มาจากเธอก็ตาม
โคโตเนะที่สะพายกระเป๋าใบโตเป็นข้าวของที่จะมาพักกับยายตลอดหนึ่งสัปดาห์ ก้มหน้าก้าวฝีเท้าเดินตามแม่ที่ยายกระวีกระวาดออกมาหาอย่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถจอดหน้าบ้าน หญิงแก่ร่างเล็กแต่งกายเรียบง่าย ผิวแดงบ่มแดด ผมสีดอกเลา แม้สังขารจะร่วงโรยไปตามวัยแต่ก็ยังดูกระฉับกระเฉงดี ขณะที่นางกำลังจะโผเข้ากอดลูกสาว แม่เฒ่าที่บังเอิญหันมาเห็นเด็กหญิงก็เบิกตากว้าง ผงะฝีเท้าถอยร่นออกจากลูกสาวนางโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็ชี้นิ้วกรีดเสียงร้องโหยหวนขณะเต้นเร่าใส่โคโตเนะเหมือนหญิงบ้า
“แก! ไม่!! พวกเราเผาแกไปแล้ว! ฉันจับแกตรึงไม้ ฉันจ่อไฟเผาแกเอง ฉันเห็นแกถูกเผากับตา! นังชั่ว! อีคนบาป! แกมันแม่มด! แกคือวิญญาณอัปรีย์ แกมันหายนะ แกมันตัวกาลกิณี! แกนำเภทภัยมาสู่หมู่บ้านเรา! แกใช่มั้ยที่ฆ่าคุณพ่อโคจิผู้คอยปกป้องเรา เพราะแกฆ่าเขาแกถึงได้กลับมาใช่มั้ย! อายาโกะ รีบจับมันเผา! เราจะต้องเผามันอีก! เผาจนไม้ไหม้เป็นเถ้าดำมะเมื่อม เผาจนร่างมันเหลือแต่ธุลีแล้วเอาน้ำมนต์ราดเถ้ามันให้หายไปจนสิ้นซาก จากเถ้าคืนสู่เถ้า! จากนรกคืนสู่นรก!!”
แม่เฒ่าร้องแรกแหกกระเชอไม่หยุดด้วยถ้อยความน่าหวาดกลัวแขยงหู โชคดีที่บ้านของนางอยู่ห่างจากบ้านหลังอื่น ผู้มาเยือนจึงไม่ต้องระแวงว่าความบ้าคลั่งของนางจะไปก่อความเดือดร้อนให้ใคร ขณะที่แม่หันไปพยักเพยิดให้ชายหนึ่งเดียวช่วยนำนางเข้าบ้าน หล่อนก็กระชากแขนดึงตัวลูกสาวเข้าไปในโรงนาเพื่อจะได้พ้นหน้านางแก้ขัด โคโตเนะอาจงงงวยแต่ถ้อยคำพิกลพวกนั้นหาใช่เรื่องไกลตัวสำหรับหญิงอีกคน แม่เฒ่าเชื่อและศรัทธาในพระเจ้าอย่างแรงกล้า แม้ลูกสาวคนเดียวที่ถูกนางบีบเข้าทางธรรมจะพยายามทำตนเป็นผู้ศรัทธาที่ดี ทว่ามันก็เป็นได้เพียงเปลือกนอกที่รอวันกะเทาะ กระทั่งปริแตกออกมาในรูปของชายต่างชาติผู้นำทางเธอไปพบกับโลกใบใหม่พร้อมมอบสิ่งหนึ่งให้หล่อนในรูปของโคโตเนะ เด็กหญิงที่หล่อนมองเห็นภาพซ้อนของอดีตคนรักได้ชัดเจนเพราะผมสีทองที่ได้มาจากชายคนนั้น ดั่งจะย้ำเตือนให้หล่อนมองเห็นตราบาปและความผิดพลาดเมื่อสิบสามปีก่อนของตนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะอย่างนั้นถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากอันเจือด้วยความแค้นเคืองจึงมีว่า
“ก็ควรอยู่หรอก แม่ของฉันคงมองเห็นลึกเข้าไปถึงวิญญาณโสมมของแกได้ ดูผมสีทองของแกสิ ดูสีตาอย่างกับฝรั่งชั้นต่ำของแกสิ ทุเรศสิ้นดี เด็กอัปลักษณ์อย่างแกไม่มีอะไรเหมือนฉันเลยด้วยซ้ำ เพราะเด็กน่าเกลียดไร้ประโยชน์อย่างแกมันเป็นลูกปีศาจ!”
“ถ้าหนูเป็นลูกปีศาจ งั้นพ่อของหนูก็เป็นปีศาจเหรอ”
โคโตเนะหาได้มีเจตนายอกย้อนเพราะมันคือสิ่งสุดท้ายที่เธอจะทำกับแม่มาตลอด แต่ที่ถามออกไปเช่นนั้นเพราะแค่ต้องการยืนยันคำพูดของแม่ ด้วยเด็กหญิงที่ไม่ฉลาดนักไม่คิดว่าลูกปีศาจจะถือกำเนิดมาจากมนุษย์ธรรมดาได้ ในเมื่อแม่เป็นมนุษย์ เช่นนั้นพ่อที่เธอไม่เคยพบหน้าหรือแม่ไม่ยอมพูดถึงบอกเล่าให้ฟังนอกจากพึมพำความโกรธเกลียดที่มีต่อเขาในยามตบตีเธอย่อมต้องเป็นปีศาจ ทว่าคำถามจากเธอไม่ได้ทำให้แม่คิดว่าเป็นเพียงคำถามพาซื่อของเด็กบริสุทธิ์ แต่เป็นเด็กเวรที่บังอาจย้อนศรคำพูดคำจาของคนเป็นแม่อย่างอวดดีไม่ไว้หน้า หญิงที่โตกว่าทั้งร่างกายและอำนาจปล่อยมือจากข้อมือเล็กก่อนใช้มือเดิมนั้นตบหน้าเด็กหญิงอย่างแรง ถึงจะผอมแต่แรงตบของผู้ใหญ่ก็มากพอจะทำให้เด็กที่แบกกระเป๋าหนักหงายผลึงล้มลงไปได้พร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บ แน่นอนว่ามันไม่เคยได้ผลหากจะหมายถึงความเห็นใจ แม่ย้ำซ้ำลงไปด้วยฝ่ามืออีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนแก้มขาวเป็นรอยปื้นแดงที่ไม่ช้าก็จะกลายเป็นเขียวคล้ำ เลือดไหลซึมจากการถูกตบอย่างไม่ออมแรงและเล็บยาวที่จิกโดน หล่อนกรีดเสียงประสานไปกับเสียงร่ำไห้ของโคโตเนะ แทบไม่ต่างจากที่แม่ของหล่อนเป็นเมื่อครู่นี้เลยสักนิด
“ไอ้เด็กนรก! อีลูกชั่ว! ไอ้เด็กปากดี! แกก็แค่ลูกปีศาจที่อาศัยท้องฉันมาเกิดเท่านั้นแหละ! ฉันไม่น่าทนอุ้มท้องแกมาตั้งเก้าเดือนเลย! ฉันน่าจะเชื่อแม่แล้วฆ่าแกทิ้งซะตั้งแต่แกยังอยู่ในท้องแล้ว! แกมันก็คนบาปไม่ต่างกับพ่อของแกหรอก! ฉันมันโง่ที่เคยไปรักพ่อของแก! ทุกครั้งที่มองแกฉันก็เห็นมัน ทุกวันฉันก็อยากให้แกหายไปจากชีวิตของฉันซะ! หายไปเหมือนที่พ่อของแกหายไป!!”
เป็นครั้งแรกที่โคโตเนะได้ยินเรื่องราวของพ่อจากปากแม่มากเท่านี้ หากก็ทำได้เพียงร้องไห้รับฟังคำก่นด่าจากปากผู้ให้กำเนิดโดยไม่มีการร้องขอหรือวิงวอนใดเพราะรู้ดีว่ามันจะไม่มีวันเกิดขึ้น แต่ท่ามกลางความเจ็บปวดนั้น เรื่องราวที่เวียนวนอยู่ในความคิดของโคโตเนะก็คือความคิดคำนึงถึงพ่อของเธอ ผู้เป็นดั่งปริศนาต่อเธอมาทั้งชีวิต เหมือนเช่นสีผม สีตา และความเกลียดชังที่แม่มีต่อเธอ
แค่คืนแรกที่พวกเธอมาเยี่ยมหา หญิงชราที่ร่างกายแข็งแรงไม่เคยต้องล้มป่วยมาตลอดหกสิบหกปี หรืออย่างน้อยก็ตลอดชีวิตก่อนช่วงสิบสามปีที่อามาคุสะ อายาโกะจะทะเลาะกับนางจนหนีไปโตเกียว ก็เป็นอันล้มหมอนนอนเสื่อโดยไม่อาจหาสาเหตุได้ แม่กับพ่อเลี้ยงเฝ้าดูนางด้วยความกังวลไม่ต่างอะไรกับโคโตเนะ ทว่าเด็กหญิงก็ทำได้เพียงยืนหลบอยู่ในมุมมืดเพราะยายไม่ปรารถนาจะเห็นหน้า หากแม่ก็ไม่ยินยอมให้เธอออกไปอยู่ห้องอื่น หญิงชราที่นอนติดเตียงเอาแต่พร่ำเพ้อพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์ บ้างบางครั้งมือไม้ของนางก็จะปาดป่ายไปเรื่อยราวกับต้องการปัดไล่กระทั่งไขว่คว้าบางอย่างที่ไม่มีใครรู้หรือมองเห็น นางเอาแต่มองจ้องไปบนเพดานที่ว่างเปล่า กระทั่งนางเบือนหน้าหันมายังทิศทางของเด็กหญิงที่ได้เพียงซ่อนร่างพรางตัวอยู่ในเงามืดเหมือนที่เป็นมาตลอด แต่ผมสีทองก็ยังสว่างจ้าแม้ในความมืดที่มีเพียงแสงสลัวมัวไหวจากเทียนไขที่ถูกจุดเพราะไฟฟ้าดับ ทว่าความกระจ่างนั้นอาจเป็นสิ่งที่มืดมนที่สุดในสายตาของหญิงเฒ่าสติพร่า
“แก! แกมันนรก! แกมันอัปมงคล! แกมันปีศาจ! แกมันแม่มด!! แกกลับมาเพื่อทำลายพวกเราอีกครั้ง! ในที่สุดแกก็กลับมา!! เพราะฉันเคยทำร้ายแก! ทำลายครอบครัวแก! อายาโกะ ฆ่ามัน รีบฆ่ามัน! แกจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนสิบสามปีก่อนอีก! เอามันไปเผา! เอาอีสายเลือดแม่มดจัญไรนี้ไปเผาก่อนมันจะฆ่าแก! แก! อีนังมาริอะ!”
เสียงแหบแห้งของนางร่ายออกมายืดยาว โคโตเนะกับพ่อเลี้ยงฟังรู้เรื่องทุกถ้อยคำแต่ไม่เข้าใจความหมายในถ้อยความของนางแม้แต่นิดเดียว แม่เฒ่าเว้นช่วงไปครู่เพื่อจะได้เพ้อพร่ำต่ออีกคราวกับเพดานห้อง แม้ทุกคนจะเข้าใจได้ว่านางกำลังพูดกับลูกสาวอยู่ก็ตาม
“พี่ชายของมันก็เป็นพ่อมด! มันใช้เวทมนตร์ล่อลวงแก! ไม่งั้นแกจะไปรักคนต่างชาติอย่างมันได้ลงเหรอ! อายาโกะ แกมันโง่! ฉันบอกแกแล้วไงว่าสักวันอีมาริอะมันจะต้องมาเอาคืนอย่างที่มันสาปแช่ง ตราบที่แกยังเก็บสายเลือดของมันไว้ สักวันพ่อของมันก็จะกลับมาหามัน!”
หากเมื่อหญิงชราเพ้อพร่ำมาถึงตรงนี้ อายาโกะที่นิ่งเงียบอยู่ข้างเตียงมานานก็ร้องถามขึ้นด้วยเสียงสั่นพร่าว่า
“อะไร! มันหมายความว่ายังไง! แม่หมายความว่ายังไง!”
หล่อนเขย่าร่างผอมของผู้เป็นแม่อย่างแรงด้วยต้องการคาดคั้นเอาคำตอบ แม่เฒ่าร่างไหวสั่นไปตามแรงสะเทือนหากก็หาได้ทำให้นางหยุดพูดพร่ำ นางยังว่าต่อไปราวกับแรงกระเทือนภายนอกไม่อาจเข้าไปถึงภายในได้
“มันไม่ได้ตายหรอก พ่อของมันไม่ได้ตายหรอก มันจะตายได้ยังไงในเมื่อเราหาศพมันไม่เจอ ศพของมันที่ฉันบอกแกว่าตกหน้าผาจมน้ำตายตอนหนีเรา เราตามหามาสิบสามปีก็ยังไม่เจอ!”
ห้องสงัดเงียบทันใดเมื่อนางพูดจบ ได้ยินเพียงเสียงปะทุจากไม้ในเตาผิงที่แตกเปรี๊ยะเป็นครั้งคราวเท่านั้น ใบหน้าของแม่ที่โคโตเนะหันมองจากที่เคยระริกเต้นเร่าก็พลันนิ่งเฉยจนน่าพรั่นหวั่น เด็กหญิงมองไม่เห็นสายตาของแม่เมื่อหล่อนก้มหน้าอยู่ ผิดกับยายที่หันมาทางเธออีกครั้ง ต้นไม้ใหญ่ด้านนอกที่ฉายเงาผ่านหน้าต่างมาทาบบนผนังห้องดูเหมือนปีศาจร่ายรำเมื่อมันวูบไหว หญิงชราเห็นมันเป็นเพียงเงาของต้นไม้ใหญ่ หรือมองเป็นเงาของปีศาจร้ายที่กรายย่างมาในรูปของหญิงที่นางเกลียดชังระคนหวั่นกลัว ไม่มีวันที่ใครจะได้รู้คำตอบนั้นเมื่อทันใดนางก็เบิกตาโพลงจนรอยย่นรอบดวงตาน้อยลงแต่ยามนี้นางกลับดูแก่กว่าที่ควรเป็นมาก กล้ามเนื้อบนใบหน้าเหี่ยวย่นบิดเบี้ยวประหนึ่งหวาดกลัวบางอย่างสุดขีด จากนั้นหญิงชราก็ส่งเสียงลากยาวในลำคอ ก่อนร่างจะกระตุกอย่างแรงหนึ่งครั้ง แน่นิ่งไปตลอดกาล
มีเพียงพ่อเลี้ยงที่รีบปรี่เข้าไปหาหญิงชราทว่าคนเป็นลูกสาวกลับเพียงนั่งเฉย ยามนี้โคโตเนะมองเห็นใบหน้าของแม่ได้ชัดเจนแล้ว มันเรียบนิ่งยิ่งกว่าเฉยชาแต่ประกายชิงชังที่อยู่ในแววตาทิ่มแทงจนน่าหวั่นใจ ราวกับความแค้นและเกลียดชังทั้งปวงนั้นจะก่อตัวเป็นรูปร่างได้ ริมฝีปากของหล่อนขมุบขมิบพึมพำบางอย่าง ถ้อยประโยคที่โคโตเนะจับใจความไม่ได้กระทั่งเดินเข้าไปยังเตียงเพื่อดูอาการของผู้เป็นยาย คนที่เดินเข้าไปใกล้พอก็ได้ยินคำพึมพำที่ฟังเหมือนบทสาปแช่งของแม่ชัดเจนว่า
“แกโกหกฉัน ฉันต้องหนีออกไปจากหมู่บ้านนี้ไม่เคยกลับมาเหยียบก็เพราะแก ถ้าแกไม่หลอกฉันว่าเขายังไม่ตาย ฉันก็คงยังมีความหวัง แกทำให้ฉันเกลียดเขาเพราะฉันนึกว่าเขาทิ้งฉันไป ฉันต้องเป็นอย่างนี้ก็เพราะแก แกผลักฉันตกนรกมาตลอดสิบสามปี เพราะแกกับไอ้บาทหลวงโคจิและพวกชาวบ้านหน้าโง่ที่ศรัทธามัน เพราะพวกแกหลงระแวงคิดว่าพวกเขาใช้เวทมนตร์ได้ ถ้าเป็นจริงก็ดีสิ พวกแกจะได้ตายตกตามมาริอะไปตั้งแต่ตอนนั้น แกจะได้ไม่ต้องอยู่พรากฉันไปจากเจสซี่”
โคโตเนะไม่รู้เลยว่าน้ำตาของแม่จากแววตาแข็งที่จ้องเธอเขม็งนั้นเป็นเพราะความเสียใจหรือแค้นเคือง แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้แน่คือชื่อประหลาดที่หลุดออกมาจากปากแม่นั้นฟังมีความหมายอย่างน่าประหลาด
อามาคุสะ ทสึเนมิคือรายแรก จากนั้นก็เป็นน้องสาวของนางกับสามีที่เดินทางจากคานางาวะมาร่วมงานศพ ตามด้วยลูกทั้งสามคนของหล่อน ตลอดหกปีจากนั้น ไม่ว่าใครที่มีสายเลือดเดียวกันหรือเกี่ยวพันในฐานะสามีภรรยากับคนในตระกูลอามาคุสะ ทุกคนล้วนต้องจบชีวิตหลังจากได้พบกับโคโตเนะ บ้างไหลตายจากไปอย่างสงบไม่เจ็บไม่ปวด บ้างก็ตายอย่างสยดสยองทุรนทรมานด้วยอุบัติเหตุหรือโรคร้ายที่คร่าชีวิตอย่างเหี้ยมโหด ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรตลอดงานศพนับไม่ถ้วนที่โคโตเนะกับครอบครัวเดินทางไปเคารพเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งที่กับบางคนเธอก็ไม่เคยแม้แต่จะได้เคารพพวกเขาตอนเป็นด้วยซ้ำไป
ไม่มีใครรู้เหมือนทสึเนมิ นอกจากอายากะที่ตระหนักเข้าใจคำพูดของแม่เฒ่ามาตลอดตั้งแต่ในคืนนั้น แต่เป็นความแค้นกระทั่งความสะใจส่วนตัวที่ซ่อนอยู่ของหล่อนผู้ปรารถนาจะแก้แค้นคนในตระกูลที่พรากหล่อนไปจากคนที่เคยรัก ไม่ไยดีแม้จะมีผู้โชคร้ายโดนลูกหลงรับเคราะห์ เหตุใดหล่อนต้องสนใจในเมื่อตอนนั้นก็ไม่เคยมีใครหน้าไหนมาปรานีเห็นใจ หากการมีความรักมันผิดนักหนาจนถึงขั้นต้องฆ่าแกง เช่นนั้นชีวิตแลกชีวิตก็เท่าเทียมดี
หากในทุกปีที่โคโตเนะเติบโตขึ้น ใบหน้าที่อายาโกะเคยคิดว่าลืมเลือนไปแล้วมาตลอดสิบสามปีทว่าแท้จริงฝังแน่นอยู่ในใจไม่เคยจางหาย ปรากฏอยู่บนใบหน้าของลูกสาวที่แทบจะถอดแบบมาจากน้องสาวของคนเป็นพ่อ ความแค้นเคืองโกรธต่อโชคชะตาเฮงซวยของอายาโกะเต้นเร่าลุกโพลง การทำร้ายด่าทอโคโตเนะไม่เพียงทำให้ร่างกายอ่อนล้าแต่ยังบั่นทอนทำร้ายจิตใจสีดำของหล่อนลงไปทุกวัน อายาโกะมาถึงจุดที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปเมื่อเด็กสาวอายุเท่ากับมาริอะก่อนที่เพื่อนเก่าของหล่อนจะถูกจับเผา
ถ้าเด็กคนนี้ยังอยู่กับเธอต่อไป สิ่งเดียวที่อายาโกะจะมองเห็นก็มีแต่ความผิดบาปราวชนักปักหลังที่หล่อนเป็นผู้รับเคราะห์...ซึ่งร่วมก่อ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
‘เขาถูกจับขังในกรงที่มีตะขอเกี่ยว และถูกนำตัวไปหากษัตริย์แห่งบาบิโลน
พวกนั้นเอาเขาไปไว้ในป้อมปราการ จะได้ไม่มีผู้ใดยินเสียงของเขาบนเทือกเขาอิสราเอลอีก’
- เอเสเคียล 19:9
‘คุสึชิกิบาระ โนะ เซย์โบะ’ เป็นโรงเรียนประจำสำหรับสตรีที่ตั้งอยู่กลางป่ารกชัฏในหมู่บ้านที่อายาโกะจากมา โรงเรียนที่อ้างว่าตั้งมั่นถือมั่นยึดมั่นตามบัญญัติของพระเป็นเจ้า ดำเนินการโดยเหล่าแม่ชีชุดดำที่จิตใจมืดดำไม่ต่างจากชุด โรงเรียนที่บาทหลวงโคจิก่อตั้งขึ้นด้วยความเห็นชอบจากชาวบ้านผู้ศรัทธาเขาเหมือนเด็กเขลาในนิทานเรื่องฮาเมรุน ทุกเช้าถึงบ่าย โคโตเนะจะต้องเรียนรู้เรื่องราวคำสอนในไบเบิลเล่มโต สวดภาวนาขอหนทางหลุดพ้นกับพระเจ้าที่เธอหรือใครก็ไม่เคยเห็นหน้าค่าตานอกจากในเรื่องเล่าปรัมปรา ไม่มีการเล่าเรียนวิชาอื่นใดอีกทั้งในนอกตำรา หลังจบมื้ออาหารเย็นที่ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเหลวเละแหยะแฉะและเหม็นหืน นางชีก็จะจับนักเรียนที่มีแนวโน้มว่าจะไม่รักดีจากปากคำของผู้ปกครองที่ส่งพวกเธอมาไปไว้ในห้องที่เหล่าเด็กแอบเรียกลับหลังว่า ‘คุก’
คุกหรือก็คือห้องสี่เหลี่ยมสีเทาโล่งแคบฉาบขึ้นจากปูนคุณภาพต่ำ หากไม่นับปูนเปลือยที่บางองศาดูเหมือนใบหน้าคนก็ไม่มีการตกแต่งอื่นใดอีกนอกจากหน้าต่างติดเหล็กดัดที่กว้างแค่พอให้ดวงตามองส่องได้ ทว่าเจตนาแท้จริงของมันก็เพื่อให้ลมเย็นจากป่าภายนอกโพยพัดเข้าห้องที่หนาวเยือกมาทรมานนักโทษในชุดนอนสีขาวเนื้อบางราวกระดาษชำระ กลางห้องมีเก้าอี้เหล็กตั้งอยู่เป็นเครื่องเรือนเพียงหนึ่งเดียว เด็กหญิงจะถูกนำตัวไปมัดติดกับเก้าอี้เย็นๆด้วยเชือกฟางหนาๆแข็งๆที่จะบาดผิวหนังจนเจ็บระคาย
นางชีที่ทำหน้าที่เป็นผู้คุมจะเฆี่ยนตีนักโทษผู้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนผิดอะไรขณะท่องเนื้อความจากคัมภีร์ไบเบิลไปด้วย สำหรับโคโตเนะก็มักจะเป็นน้ำมือของซิสเตอร์คิริมิยะผู้มีอำนาจที่สุดของโรงเรียน นางบอกว่าเป็นพิธีกรรมเพื่อขับไล่ปีศาจร้ายในตัว เพราะปีศาจนำบาปมาให้พวกเธอ ชักพาพวกเธอไปสู่ทางบาป แต่กับโคโตเนะนั้นยิ่งกว่ามาก ปีศาจฝังลึกกลืนกินชอนไชอยู่ในร่างเธอ บาปจากพ่อฝรั่งที่เป็นปีศาจในรูปพ่อมดหล่อหลอมออกมาเป็นเธอ ผมสีทองของเธอจะถูกจับย้อมด้วยน้ำยาสีดำที่จะกลับคืนเป็นสีเดิมทุกเช้าวันใหม่ เด็กหญิงจะถูกชำระโทษหนักยิ่งกว่าเดิมเพราะซิสเตอร์คิริมิยะบอกว่ามันคือไสยเวทย์ กระทั่งหนังหัวของเธอแสบและแดงเถือกจากน้ำยาที่กัดอยู่ทุกคืนค่ำ
บทสวดที่โคโตเนะเล่าเรียนไปในตอนเช้าหาได้มีประโยชน์เมื่อรัตติกาลมาเยือน เพราะผู้รับใช้พระเจ้าเองที่ทำร้ายเธอไปถึงดวงจิต สิ่งเดียวที่เธอได้เรียนรู้จนถ่องแท้ถึงจิตวิญญาณข้างในคือความอดทนเมื่อถูกทารุณ
.
อาทิตย์อัสดงในเย็นวันเสาร์นั้นทอแสงแดงฉานราวกับเป็นวันสิ้นโลก ทุกคนต่างพากันพูดถึงท้องฟ้าสีเลือดไม่ขาดปากขณะชี้ชวนกันมองดูมัน หลังจากทิ้งลูกสาวไว้หกเดือนในโรงเรียนประจำโดยไม่เคยโผล่หน้ามาเยี่ยมหรือแค่โทรศัพท์หา โคโตเนะก็ได้เจอพ่อเลี้ยงกับแม่ในที่สุด ทว่าหล่อนก็เพียงเหลือบตาแลมองและผ่านเลยเธอไปหาซิสเตอร์คิริมิยะในห้องทำงานของนาง โคโตเนะไม่รู้หรอกว่าพวกเขาจะคุยกันเรื่องอะไรต่อให้รู้ว่าอย่างไรก็เป็นเรื่องของเธอ คงดีหากจะเป็นเรื่องการรับเธอกลับไปอยู่ที่บ้านแม้บ้านจะไม่เคยใช่วิมาน อย่างน้อยการหนีออกจากบ้านก็คงง่ายกว่าโรงเรียนประจำที่มีการคุ้มกันแน่นหนาทุกทาง เพราะมันคือคุกโดยแท้จริง
ครึ่งชั่วโมงจากนั้น แม่กับพ่อเลี้ยงก็บอกลาซิสเตอร์คิริมิยะก่อนเดินลงบันไดหน้าห้องทำงานของนาง โคโตเนะนั่งรอพวกเขาอยู่ที่โถงข้างล่าง ทั้งหมดที่เธอทำมีแค่นั้น ใช่ว่าเธอเป็นคนผลักพ่อเลี้ยงลงมาจากบันไดสูงสิบสามขั้น—เธอนับมันทุกวันและมั่นใจว่านับไม่ผิด—จนเลือดไหลออกมาจากหลังศีรษะและเจิ่งนองไปบนพื้น ทุกคนในที่นั้นต่างหันมองด้วยความตกใจ พ่อเลี้ยงของเธอไม่ได้สิ้นสติในทันที แม้แขนขาจะบิดเบี้ยวหงิกงอ หายใจดังคร่อกเหมือนมีนกหวีดติดในคอ เลือดทะลักออกจากปากเมื่อสำลัก หากเขาก็ยังดิ้นทุรนทุรายเหมือนปลาถูกทุบหัวได้ ไม่กี่วินาทีจากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นจากหญิงที่เดินเคียงคู่กับเขาจนถึงก่อนหน้านั้น หล่อนชี้นิ้วกรีดมาทางโคโตเนะที่ได้แต่ยืนงันริมฝีปากสั่น ขณะที่ปากสีแดงก็แผดเสียงตะโกนว่า
“มัน! มันเป็นคนทำ! นังแม่มดเป็นคนทำ! มันเป็นเด็กต้องสาป! มันเป็นปีศาจ! มันฆ่าทุกคน!! จับมัน! รีบจับมันก่อนที่มันจะก่อหายนะให้ทุกคนมากไปกว่านี้!”
นางชีชุดดำกรูกันเข้ามาจับตัวเธอเมื่อซิสเตอร์คิริมิยะประกาศกร้าวให้พวกนางทำตามเจตนารมณ์ของแม่เธอ
“เอาตัวนังแม่มดไปชำระ!”
โคโตเนะถูกนำตัวไปมัดติดกับเก้าอี้เหล็กในคุกด้วยเชือกที่ทบกันแน่นหนามากชั้นกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ตลอดเวลานั้นเธอก็ได้แต่กรีดร้องขอความยุติธรรมว่า ไม่! หนูไม่ได้ทำ! หนูไม่ใช่แม่มด! ปล่อยหนู! นางชีทุกคนได้ยินชัดเต็มสองหูหากก็หาได้มีผู้ใดรับฟัง พวกนางล้อมรอบเด็กสาวราวกับกำลังทำพิธีกรรมและเธอคือเหยื่อที่ถูกนำมาสังเวย ถ้าโคโตเนะมีนิมิตมองเห็นภาพเหตุการณ์ในอดีตได้ คงเห็นว่ามันแทบจะเป็นภาพทับซ้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องสาวของพ่อชาวต่างชาติในวันสุดท้ายของชีวิต เด็กสาวกับความผิดที่ไม่ได้ก่อแต่ต้องเป็นผู้รับเคราะห์ ประหนึ่งเรื่องราวเวียนวนกลับมาเป็นวัฏจักรอีกครั้ง
ไม่นานจากนั้นซิสเตอร์คิริมิยะก็ปราดเข้ามาในห้อง ก้าวฝ่านางชีคนอื่นมายืนตระหง่านตรงหน้านักโทษด้วยใบหน้าดุดันขมึงทึง กำไม้ไผ่ไว้ในมือหนึ่ง อีกมือเป็นไบเบิลเล่มหนา จากนั้นก็ทำเหมือนทุกครั้งที่แล้วมาคือเปิดไบเบิลท่องขณะเอาไม้ไผ่ตีเพราะอ้างว่ามันจะช่วยขับไล่ปีศาจในตัวเธอได้ ยิ่งฟาดแรงเท่าไหร่ มากครั้งเพียงไหน ความชั่วร้ายก็จะลดน้อยถอยไปได้เท่านั้น ปีศาจร้ายยังมีฤทธานุภาพอยู่ในร่างเธอตราบที่ผมของเธอกลับมาเป็นสีทองทุกครั้งในเช้าวันใหม่ ไม้ไผ่จะกระทบผ่านผ้าเนื้อโปร่งบางไปถึงเนื้อหนังข้างใต้นั้น เลือดจะไหลซึมย้อมเสื้อสีขาวเป็นด่างดวงที่ถึงซักแล้วก็ยังเหลือคราบสีน้ำตาลอ่อนจางเหมือนกาแฟหกแต่ขมปร่ากว่ากาแฟขมจัดมากนัก บางคราวนางชีจะทิ้งเธอไว้ในคุกทั้งคืนจนเนื้อผ้าติดกับแผลที่แห้งกรัง มันจะทำให้เธอเจ็บตอนถอดชุดออก ปวดแสบตอนที่เพื่อนช่วยทายาทำแผลให้
โคโตเนะทุกข์ทนทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่รู้จะวอนขอความยุติธรรมต่อสิ่งใด พระผู้เป็นเจ้าจะช่วยเธอได้อย่างไรเมื่อสาวกของพระองค์เป็นผู้ทำร้ายเธอเอง เธออาจไม่ศรัทธาในพระเจ้า แต่การได้อยู่ในโรงเรียนประจำกับศาสนาคริสต์ ได้คุกเข่าสวดมนตร์ต่อหน้ารูปปั้นของพระเยซูกับพระแม่มารีอาที่บ้างบางครั้งก็ช่วยสงบจิตใจของเธอได้ก็พอทำให้ศรัทธาก่อเกิดขึ้นได้ กระนั้นแม้ในโมงยามที่มืดมิดที่สุด โคโตเนะก็ไม่คิดจะก้าวสู่เส้นทางที่มืดดำยิ่งกว่านางชีคนใดในที่นี้เพื่อร้องขอความเมตตาต่อปีศาจตนไหน ซาตานตนใด หรือแม่มดหากมีจริง
เธอเพียงต้องการแสงที่จะนำพาเธอไปสู่ทางสว่าง แค่เพียงสักครั้งและเธอสัญญาว่าจะยอมอุทิศตนเพื่อเขา—หากสิ่งนั้นมีสรรพนามเช่นนั้น—ตลอดไป
ซิสเตอร์คิริมิยะระดมฟาดไม้ใส่โคโตเนะไม่หยุดจนเกิดรอยช้ำจ้ำแดงและเลือดไหลซิบทั่วตัว ซ้ำความรุนแรงยังเพิ่มพูนเป็นเท่าทวีเมื่อนางไม่อ่านคัมภีร์แล้ว ยามนี้นางพร่ำพูดให้เธอสำนึกตนโดยมีเสียงประสานอ่านคัมภีร์หมู่ของนางชีที่ฟังเหมือนบทสวดของปีศาจร้ายเป็นดนตรีประกอบ มันฟังแสลงหู น่าหวาดกลัว ทุกบทนั้นต่างบอกเล่าถึงซาตานหรือปีศาจร้ายที่พวกนางโยนบทบาทนี้มาให้คนธรรมดาอย่างเธอ แต่เธอจะเป็นปีศาจร้ายได้อย่างไร หากเป็นจริงเธอก็คงเผาโรงเรียนนี้จนเหี้ยนเตียนไม่เหลือแม้เถ้าธุลีไปนานแล้ว
แต่มันอาจเป็นแสงสว่างที่เธอต้องการ เปลวเพลิงย่อมชำระทุกสิ่งได้
โคโตเนะได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออกอีกครั้งจึงพยายามเปิดเปลือกตาที่บวมช้ำจนแทบลืมไม่ขึ้นเพราะไม้ที่ฟาดลงมาโดยไม่สนว่าจะเป็นใบหน้าหรือไม่ เด็กสาวมองเห็นแสงวูบวาบไหวอยู่ในดวงตาสีอ่อน มันคือแสงสำหรับเธอแต่หาใช่แสงที่เธอต้องการ แม่ของเธอถือคบเพลิงไว้ในมือหนึ่ง อีกมือเป็นถังน้ำมัน แม้จะแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงหายใจเพราะการออกแรงแค่เพียงน้อยนิดก็เป็นเรื่องยากเย็น หากเมื่อเห็นอย่างนั้น เธอก็รวบรวมแรงใจออกมาเป็นแรงกายเพื่อตะโกนห้ามแม่ไม่ให้ทำในสิ่งที่หล่อนกำลังจะทำ
“อย่านะคะแม่! ไม่นะคะ! หนูไม่ใช่ปีศาจ! หนูไม่ใช่แม่มดหรืออะไรทั้งนั้น! แม่ก็รู้! หนูเป็นลูกของแม่! แม่อย่าทำอะไรหนูเลย!!”
แต่ดวงตาสีเข้มของแม่ที่มองมานั้นมืดมิดยิ่งกว่าอันธการใดที่โคโตเนะได้เคยพบ ใบหน้างดงามบัดนี้ฉาบไว้เพียงความเกลียดชังปราศจากความปราณีที่เคยมีให้เธออีก แม้จะน้อยนิดหากก็เคยมี ทว่าไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว
“แกมันอัปมงคล! แกคือปีศาจอย่างที่แม่ของฉันว่า! ฉันน่าจะเชื่อแม่ ฉันน่าจะฆ่าแกไปตั้งนานแล้ว! ฉันไม่น่าปล่อยให้แกอยู่มาถึงทุกวันนี้เลย แกทำให้พ่อของแกต้องหายไป! แกทำให้ฉันต้องแยกจากเขาเพราะฉันมีแกไง! ฉันเกลียดแม่! ฉันเกลียดแก! ฉันเกลียดมาริอะ! ฉันเกลียดทุกคนที่แยกเจสซี่ไปจากฉัน สิบเก้าปี! สิบเก้าปีที่ฉันไม่เคยได้เจอเขาอีก!! ฉันต้องการเขาไม่ใช่แก! ฉันไม่เคยต้องการแก!! แกไม่ควรได้เกิดมาบนโลกนี้! แกมันคือตัวหายนะตั้งแต่ยังไม่เกิดแล้ว! ทุกคนต้องตายก็เพราะแก!”
หล่อนตะเบ็งกรีดเสียงด้วยถ้อยประโยคเย็นเยียบที่บาดแทงกรีดลึกเข้าไปก่อแผลร้าวรานในใจของคนเป็นลูก หากดวงตาที่หรี่ลงก็คิดว่าเห็นประกายหยดน้ำที่ขอบตาคู่นั้น ทว่าทันใดแม่ก็ยื่นคบไฟให้นางชีคนหนึ่งช่วยถือ เพื่อหล่อนจะได้บิดฝาถังน้ำมันออกเทราดรดตัวเธอ โคโตเนะอ้อนวอนร้องขอชีวิตจนสำลักน้ำมันที่ไหลทะลักเข้าปากเข้าจมูก กลิ่นกับรสของมันใกล้เคียงกับความตายที่สุดตลอดชีวิตสิบเก้าปีของเธอ บัดนี้ตัวของโคโตเนะชุ่มโชกหนักอึ้ง น้ำตาผสมไปกับน้ำมันจนแยกจากกันไม่ได้อีก
“กลับไปนรกที่แกมาซะ”
แม่รับคบไฟคืนจากนางชีมาจ่อที่ตักของโคโตเนะ ไฟร้อนเผาชุดกระโปรงของเธอจนทะลุไปถึงเนื้อได้พร้อมกันในพริบตานั้น เด็กสาวแผดเสียงร้องลั่นขณะความตายเปล่งแสงสีส้มเริงระบำไปทั่วห้อง
มันคือแสงสว่างที่จะนำพาเธอไปสู่นรกภูมิ แต่หากต้องตกนรก เธอจะได้พบกับพ่อของเธอหรือเปล่า ผู้ชายที่ชื่อเจสซี่คนนั้น
ในช่วงนาทีสุดท้ายก่อนวิญญาณจะหลุดลอยออกไปจากร่างที่กำลังจะเป็นเพียงซากหงิกงอ สิ่งที่ทำให้โคโตเนะพึงพอใจได้ก็คือเสียงกรีดร้องของทุกคนขณะที่เปลวไฟลามเลียแลบไปทั่วร่างของแม่กับซิสเตอร์คิริมิยะที่หล่อนคว้าจับเพราะต้องการหลักยึด นางชีที่เหลือต่างวิ่งหนีตายออกไปเพื่อรักษาชีวิต ไบเบิลที่หลุดร่วงจากมือพวกนางเปรียบดั่งเชื้อเพลิงชั้นดี สิ่งที่ดึงโคโตเนะเข้าสู่บาปแรกอันไม่บริสุทธิ์ได้คือวินาทีนี้ที่เธอยินดีกับความพินาศย่อยยับของผู้อื่น ไม่ใช่แค่ซิสเตอร์คิริมิยะ โรงเรียนประจำชั่วช้าแห่งนี้ แต่ยังรวมถึงแม่ผู้ให้กำเนิดที่ไม่เคยมอบความรักให้เธอ
คุกแห่งนี้ขังเธอไม่ได้อีกต่อไป
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
- คิดไว้ตั้งแต่ตอนแรกสุดที่จะเอามาแปลงเป็นญี่ปุ่นแล้วว่าพ่อนางเอกต้องเป็นฝรั่ง ถึงได้ขอนางเอกหัวทอง แต่ทีนี้มึงฟัง เดิมจะมีฉากที่ได้กลับไปเยือนบ้านเก่าของลูกซาตาน และกูจะให้เจสซี่เป็นพ่อไทกะเว้ย! เพราะอย่างนั้นไทกะก็เลยผมทองด้วยไง เป็นลูกฝรั่ง 555 แต่ตอนแต่งไปแล้วเพิ่มที่มาให้นางเอกก็เอาวะ เดี๋ยวไปหาพ่อใหม่ให้ไทกะก่อน (โฮคุโตะแหละกูว่า) แต่สรุปเจสซี่ก็ยังได้รับบทเป็นพ่อเหมือนเดิมอยู่ดีล่ะนะ ฮ่าๆ และเราก็จะแต่งฉากที่มาที่ไปของเจสซี่กับเรื่องราวแต่หนหลังด้วยแน่นอน เนี้ย ฉบับเดิมแต่งจบได้ในสองพาร์ท พอเอามาแปลงกูก็หั่นไว้เป็นห้าพาร์ท แต่ตอนนี้ก็พอเดาได้จากการเพิ่มฉากนั้นนี้แล้วว่าน่าจะหกพาร์ทอย่างต่ำจนกว่าโลกจะแตกล่ะนะ ฮ่าๆๆ เราจับโคจิจังมาเป็นบาทหลวงด้วยนะ เพราะเห็นเค้าในฟิคแมงมุมของแกยังไงล่ะ!
- อันนี้สารภาพ ไม่นานมานี้ดู And Then There Were None ฉบับญี่ปุ่นแล้วฝังใจกับคุณ Daichi Mao มาก สวยมาก สวยฉิบหาย ตอนแต่งบทแม่ของโคโตเนะ ในหัวก็นึกภาพเป็นคุณมาโอะตลอด ชื่ออายาโกะก็มาจากเรื่องนี้ แต่พอรู้ว่าอายุหกสิบกว่า กูช็อคมาก น้ำตาไหล และพอเราเพิ่มบทบาทให้พ่อของโคโตเนะด้วยแล้ว คุณมาโอะก็จะเป็นเพียงภาพจำในใจกูตลอดไป T_T
- ชื่อเรื่องเอามาจากเพลงของTwice ไม่ใช่เพลงที่ชอบด้วย แต่ชื่อเพลงมันติดในหัวมาตั้งแต่แรกเห็นแล้วก็ไม่ไปไหนเลยว่ะ Orz
ความคิดเห็น