คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : SAVAGE GOOD BOY | The Killing Of A Sacred Deer (2017)
BASED ON CHARACTERS FROM : The Killing Of A Sacred Deer (2017) | Dir. Yorgos Lanthimos
RE-RELEASE DATE : MAY 29, 2021
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
- ต้นฉบับเรื่องนี้ก็คือโรมันในเฮมล็อกโกรฟ แต่เราไฮป์สุดกับbarry keoghanในเทรเลอร์เรื่อง Eternals แล้วก็คิดว่าไม่ไหวแล้วว่ะ ไฮป์มาตั้งแต่เทรเลอร์กรีนไนท์ แต่อันนี้คือเกินเรื่องเกินราวมาก เราเอาเค้ามาเป็นพระเอกเรื่องนี้ได้ด้วยการยืมตัวละครมาจากหนังเรื่อง Killing of A Sacred Deer ที่เค้าแสดงแล้วเรารักมากฉิบหายแล้วกัน (คนแรกของไทยป่าวคะ 555 เราก็เคยเป็นคนแรกตั้งหลายอย่าง ควรเคลมบ้างดีมั้ย :3) แต่บทนางเอกกับอันยาเราเอามาจากฟิคเรื่อง Perfectly Out Of Place ของเราเอง เพราะแบร์รีเคยได้เป็นหนึ่งในพระเอกเรื่องนั้นของเราโว้ย (ชื่อมาร์ตินด้วย) เรารักและพอใจของเรา ฟิคนี้ต้นฉบับเราค่อนไปทางไม่ชอบ เรียกว่าเกือบห่วยด้วย แต่พอเอามาแปลงแล้วก็รู้สึกว่าชอบมากด้วยบรรยากาศด้วยอะไรหลายอย่าง เอามาเกลาบรรยายแล้วด้วย ก็จัดว่าดีขึ้น 555
- ก็...มันเป็นเรื่องเมื่อนานมากมาแล้วตั้งแต่เพิ่งลงเรื่องนี้เลยมั้ง แต่มีอีบางตัวก๊อปฉากก๊อปคำพูดอะไรของพระเอกในเรื่องไป (ที่ก็ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเทียบโรมันเค้าได้ล่ะนะ) แต่เราก็บอกได้แค่ว่า ทุกอย่างที่เราโดนก๊อป เราให้ค่าเป็นแค่ขยะ เหมือนหนังโรงที่จะมีค่ายหนังเกรดบีเอาไปก๊อปออกแผ่นอีกต่อ อย่าง Edge of Tomorrow ที่ค่ายหนังเกรดบีเอาไปทำเป็น Age of Tomorrow เป็นต้น เรายกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพเลยนะ เพราะพวกไม่ได้สนใจเรื่องหนังจริงนอกจากวัลลาบีก็คงไม่รู้ :p
- เดิมเรื่องนี้มีชื่อว่า A Place To Fall จากชื่อตอนในเฮมล็อก แต่ไม่ค่อยชอบก็เลยตั้งใหม่จากเพลงของวง Japanese Breakfast ที่ก็ไม่ได้ชอบไปกว่ากันเท่าไหร่ แต่ก็เอาวะ / เพลงประกอบเก่าคือเพลง Dreary Moon ของ Big Black Delta ที่เคยประกอบในเฮมล็อก แต่เราเอาเพลงของ HAIM แทน เพราะรู้จักวงนี้จากเพลงประกอบหนังเรื่องเลดี้เบิร์ด แล้วเราก็แต่งเรื่องนี้โดยอยากให้มีบรรยากาศเหมือนอยู่ในเมืองเล็กอย่างนั้น เราไม่ค่อยชอบเรื่องเลดี้เบิร์ดแต่รักบรรยากาศเรื่องเลดี้เบิร์ดมาก T w T
ปล. ปกรณัมเรื่อง Iphigeniaฯ เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจให้กับหนังเรื่อง The Killing of A Sacred Deer (ที่จริงก็ไม่เชิง แต่ตอนเค้าเขียนบทเสร็จแล้วเห็นว่ามันคล้องกับเรื่องนี้ เลยจับมาใส่ด้วยเลย) เป็นเรื่องของกษัตริย์ที่ไปยิงกวางของเทพีอาร์เทมิส เทพีโกรธมากเลยทำให้กษัตริย์ตีกรุงทรอยแตกไม่ได้ โหรเลยบอกกษัตริย์ว่าต้องสังเวยลูกสาว แต่เทพีอาร์เทมิสเห็นใจเลยให้ลูกสาวได้เป็นแม่ชีในวิหารแทน แก่นหลักก็มีอย่างนี้ (ที่ในหนัง tragedy กว่านี้อีก กำ...) แต่ว่าไป เราก็ยังคิดจะแต่งฟิคที่ได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่องนี้อยู่นะ ดูมาหลายรอบแล้ว แต่ไอเดียก็ยังค้างอยู่ในหัวไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างสักทีเพราะคิดตอนจบไม่ได้ยังไงล่ะ ๕๕๕
ไลรา ไซโต้ คิดว่าจะเป็นเพื่อนกับมาร์ติน แลงก์ ได้
เธอหมายถึงลูกชายคนโตของครอบครัวแลงก์ที่ทรงอำนาจ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลที่สุดในซิลเวอร์สโตนที่รัฐซินซินแนตินี้ ควบด้วยฉายาไอ้เด็กจองหอง ไอ้คนอวดดี ไอ้เวรนิสัยเสีย เด็กรวยเสียคน หรืออะไรก็ตามแต่อีกมากไอ้ที่ผู้คนจะสรรหามาสรรเสริญเขาลับหลังได้ ซิลเวอร์สโตนเป็นเมืองเล็กประชากรน้อยนิดที่มีโรงเรียนมัธยมเพียงแห่งเดียว ไลราที่เพิ่งย้ายมาอยู่เมืองนี้เพราะการงานของแม่ได้สามเดือนจึงได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับเขาโดยปริยาย เธอไม่ได้มองโลกแค่ในแง่ดีหากก็ไม่คิดว่ามาร์ตินจะเลวร้ายอย่างที่ได้ยินใครต่อใครแอบนิยาม ถึงบางเรื่องของเขาจะไม่น่าชื่นชมเท่าไหร่อย่างการที่ไลราเห็นเขากับเพื่อนหญิงคนหนึ่งออกมาจากห้องน้ำหญิงด้วยกันหลังจากได้ยินเสียงที่เธอค่อนข้างอายในการจะพูดออกมา แต่เธอมั่นใจว่าเสียงร้องตอนขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดของหล่อนคงดังไปถึงป่านอกเมืองได้ กระนั้นธรรมชาติของมนุษย์แม้จะผิดที่ผิดทางไปหน่อยก็ไม่ได้ทำให้ไลราคิดว่ามาร์ตินเป็นคนเลวร้ายอย่างที่ใครเขาว่า
อย่างน้อยอันยา เคลลี หมอดูไพ่ยิปซีที่กลายมาเป็นเพื่อนซี้คนใหม่ก็เปิดหน้าไพ่อ่านว่าเธอดูคนได้ถูกต้องแล้ว แม้ในตอนที่หล่อนอ่านไพ่ให้จะไม่รู้ว่าคนที่ไลราคิดอยู่ในใจคือมาร์ติน ไม่อย่างนั้นเธอมั่นใจเลยว่าคนที่เพิ่งบ่นด่ามาร์ตินไปเป็นชุดเพราะโดนเขาแซงคิวในร้านสะดวกซื้อจะต้องกุมขมับหรืออาจถึงกับรื้อตำราไพ่ขึ้นดูใหม่ว่ามันพลาดตรงไหน
ไลรารู้จัก(ถึงขั้นมักจี่กับ)บ็อบ แลงก์ น้องชายอายุสิบสามของมาร์ติน เขาเป็นเด็กตัวเล็ก ดูแหย ไม่สู้คน ชอบก้มหน้ามากกว่าเชิดหน้าจ้องให้คนหลบตาอย่างพี่ชาย เพราะอย่างนั้นคนที่แค้นเคืองหรือไม่ชอบหน้ามาร์ตินก็เลยมักจะไปลงกับน้องชายที่ไม่เคยมีปากมีเสียงหรือเอาไปฟ้องพี่ แต่ไลราก็จะคอยช่วยบ็อบทุกครั้งที่เห็นเพราะเธอชอบเขาที่ได้เจอหน้ากันบ่อยครั้งในห้องสมุด บางคราวที่พวกนั้นเอาเธอเป็นเป้า เธอก็ไม่ให้ค่าหรือเห็นว่าต้องสนใจเพราะก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับคนนิสัยอันธพาลอยู่แล้ว ทว่าในบางครั้งที่พวกโง่พลาดแกล้งบ็อบให้มาร์ตินเห็น การได้เห็นเขาปกป้องน้องชายก็ทำให้เธอประทับใจ
หรือจะเป็นตอนที่เขาอยู่กับคิม เมอร์ฟี เพื่อนสนิทคนเดียวของเขา ญาติของเขา เพื่อนร่วมชั้นของเขา หล่อนเป็นคนน่ารัก ร่าเริง นิสัยดี ร้องเพลงเพราะ ไลราชอบเวลาที่เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันเพราะมันเหมือนกับความสดใสและอ่อนโยนของหล่อนส่งต่อมาถึงเขา คนทั้งคู่เป็นจุดสนใจแทบจะของทุกคนในโรงเรียนเมื่ออยู่ด้วยกันโดยที่ไม่มีเรื่องชู้สาวเข้ามาข้องเกี่ยว แต่ไลราแน่ใจว่าทุกคนก็คิดเหมือนเธอคือมาร์ตินดูผ่อนคลายอย่างมากจนทำให้พวกเธอผ่อนคลายไปด้วยอย่างน่าอัศจรรย์ ถึงขนาดทำให้เธอรู้สึกดีตามติดมาด้วยได้
เพราะอย่างนั้นในวันหนึ่ง ไลราถึงได้อาจหาญเข้าไปชวนมาร์ตินจับคู่ทำงานในวิชาวรรณกรรม งานวิเคราะห์วรรณกรรมเป็นงานถนัดของเธอที่เข้าไปตะบี้ตะบันอ่านมันในห้องสมุดจนปรุ แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่มาร์ตินที่แปลกใจแต่คนทั้งห้องก็มองเธอเหมือนเธอกินเห็ดเมาหรืออาจเมายาค้างมาจากเมื่อคืน (ที่ไลรานั่งยันนอนยันเลยว่าเธอไม่เคยแม้แต่จะสูบบารากุที่อันยาคะยั้นคะยออยู่ทุกวี่วัน) จนทำให้เธอเป็นบ้าสมองกลับที่คิดจะผูกมิตรกับผู้ชายอย่างมาร์ติน แลงก์ แต่ระหว่างที่ไลรารอฟังคำตอบของเขาที่มองจ้องหน้านิ่งจนเธอถึงกับต้องกลั้นหายใจ มาร์ตินก็ยิ้มให้เธอเป็นครั้งแรกขณะตอบรับคำชวนของเธอ รอยยิ้มที่ไม่ใช่เพราะความเย่อหยิ่ง ดูถูก อวดดี หรือเกลียดชัง แต่เป็นยิ้มอย่างที่เขามีเมื่ออยู่กับคิม
มาร์ตินนัดไลราไปทำงานที่บ้านของเขาในวันถัดมา เด็กสาวพบว่าบ้านที่ใครต่อใครพร้อมใจกันเรียกว่าคฤหาสน์ของครอบครัวแลงก์ที่ได้มาเห็นกับตา ทำให้เธอถึงกับตะลึงเมื่อเทียบกับทาวน์เฮาส์ที่แม่เช่าอยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เธอขาแข็งโดยไม่ใช่เพียงการเปรียบเปรยก็คือแอนนา แลงก์ แม่ของเขา หล่อนสวยมากอย่างที่ไลราแน่ใจเลยว่าไม่มีใครในเมืองนี้จะสวยเท่าอีก ดูสง่าน่าเกรงขามจนไลราไม่แปลกใจเลยว่ามาร์ตินได้บุคลิกเย่อหยิ่งมาจากใคร (เป็นไปได้ว่าบ็อบจะเหมือนพ่อ) ยิ่งเมื่อหล่อนใช้ดวงตาสีเขียวมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าก็ทำให้ไลรารู้สึกว่าตัวลีบเล็กลงไปอีก ครั้นบอกว่ามีนัดทำงานกับลูกชายของหล่อน ชื่อแรกที่คุณนายแลงก์เอ่ยขึ้นก็คือบ็อบ แต่พอตอบว่ามาร์ติน หล่อนก็หรี่ตาคมกริบราวประเมินอีกครั้งก่อนตอบด้วยเสียงแข็งว่ามาร์ตินออกไปทำธุระข้างนอก ไลราไม่กล้าพูดอะไรกลับไปถึงจะเห็นเมอร์เซดีสสีเขียวที่เขาใช้ขับไปไหนมาไหนเป็นประจำจอดอยู่ทนโท่ เธอไม่คิดว่าคำว่า “แล้วฉันจะบอกมาร์ตินให้” จากปากคุณนายแลงก์จะเป็นคำที่เชื่อถือได้ในเมื่อหล่อนไม่แม้แต่จะถามชื่อเธอด้วยซ้ำไป เด็กสาวทำได้เพียงบอกลาด้วยความรู้สึกมึนงงที่ค้างอยู่เต็มหัว แต่ไม่ทันที่คุณนายแลงก์จะได้ปิดประตูตอกหน้า หญิงทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมา
“แม่คงไม่อยากให้ผมสอบตกเพราะไม่ได้ทำงานส่งใช่มั้ย”
แล้วมาร์ตินก็เดินเบียดแม่ของเขาเพื่อมาดึงแขนเธอพาเดินเข้าบ้านไป หากคิดว่าคุณนายแลงก์เป็นแม่ใจร้าย ไลราก็อาจคิดเข้าข้างตัวเองได้ว่าเธอเป็นซินเดอเรลลา แต่เธอคงหลงตัวเองมากเกินไปถ้าจะคิดเพ้อเจ้ออะไรแบบนั้น แม้ว่ามาร์ตินในตอนนี้จะเหมือนเจ้าชายผู้แสนดีมากแค่ไหนก็ตาม
ไลราไม่ได้คิดมากที่เขาแทบไม่ได้ช่วยงานของเธอ เพราะดูเหมือนมาร์ตินจะไม่เข้าใจสักนิดว่าวรรรณกรรมกรีกเรื่อง ‘ไอฟิเกเนีย อิน ออลิส’ ของยูริพิเดส ที่กางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าพวกเขาคืออะไร กระนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่เธอจะทำงานให้สำเร็จได้ เมื่อมาร์ตินเอาแต่จับจ้องมองเธอเหมือนไม่มีอะไรในห้องนอนกว้างที่มีทุกอย่างนี้น่าจับจ้องมากไปกว่าเธอ ไลราไม่ได้หน้าตาแย่ หากก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นผู้หญิงหน้าตาแบบที่มาร์ตินจะอยากจ้องมองไม่หยุด เธอพยายามแยกสมาธิออกจากกันและเร่งมือเพื่อทำงานให้เสร็จ
มืดค่ำแล้วตอนที่ไลราทำงานเสร็จ มาร์ตินบอกว่าจะไปส่งที่บ้านแม้เธอจะบอกปฏิเสธอย่างเกรงใจเพราะไม่อยากรบกวนเขา แต่ใครที่ไหนเล่าจะขัดใจมาร์ติน แลงก์ ได้ในเมื่อแม่ของเขาก็ยังทำไม่ได้ เขาเลี้ยวรถเข้าร้านเพื่อกินมื้อค่ำโดยไม่ถามไถ่นอกจากบอกว่าหิวมาก ทั้งยังรูดบัตรเลี้ยงอาหารโดยไม่ยอมให้ไลราได้แม้แต่จะถามว่าเท่าไหร่ เขาขับพาเธอไปส่งถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ ยิ้มอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่มีให้คิมขณะบอกราตรีสวัสดิ์กับเธอ
ไลรา ไซโต้ คิดว่าเธอจะเป็นเพื่อนกับมาร์ติน แลงก์ ได้
แต่มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นหลังจากวันนั้น ทุกคนได้รับข่าวร้ายว่าคิม เมอร์ฟี ตายแล้ว ขนาดไลราที่ไม่ได้สนิทสนมกับหล่อนนอกจากเคยคุยกันแค่ไม่กี่ครั้งก็ยังเศร้าไปด้วย เมื่อหันไปมองมาร์ตินที่นั่งอยู่หลังห้อง เขาก็คว้ากระเป๋านักเรียนและเดินออกไป ด้วยแน่นอนว่าย่อมทำใจรับไม่ได้กับการจากไปของเพื่อนรัก เพื่อที่วันถัดมาทุกคนจะได้รู้ข่าวการตายของแอนนา แลงก์ ด้วยอุบัติเหตุ พร้อมกับการจากไปของบ็อบ แลงก์ เมื่อพ่อมารับลูกชายคนเล็กไปอยู่ด้วยในเมือง มาร์ตินกำลังโดดเดี่ยวทั้งที่เขาอยู่ในช่วงเวลาที่ควรจะมีใครสักคนเคียงข้างที่สุด เธอควรเป็นคนนั้นหรือเปล่า แค่ได้ทำงานกับเขาครั้งเดียว ได้มองเห็นเขาในแง่มุมที่เคยมีให้แต่กับคิมก็ทำให้เธอควรได้รับตำแหน่งนั้นแล้วอย่างงั้นหรือ ไลราคิดจะหวังพึ่งไพ่ของอันยาให้ช่วยตอบคำถามนั้น แต่สุดท้ายก็คิดว่าชีวิตของเธอควรเป็นของเธอ และการตัดสินใจก็ควรเป็นของเธอเอง ไม่ใช่ให้สิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติมานำทาง
ไลราจึงมาอยู่ที่หน้าคฤหาสน์แลงก์ในคืนวันเดียวกันนี้ ประตูหน้าบ้านเปิดอ้าแต่เธอก็มีมารยาทพอจะตะโกนถามก่อนเดินเข้าไปว่า “มาร์ติน นายอยู่บ้านมั้ย!” ไม่มีเสียงตอบ แต่บางอย่างในตัวเธอฟ้องว่าเขาอยู่ข้างในเหมือนที่มันฟ้องว่าเขาอยู่ที่ห้องใต้หลังคา อาจเป็นญาณที่ไลราไม่รู้มาก่อนว่ามีเพราะเธอเจอเขาบนนั้นจริง ไลรากวาดสายตามองโดยพึ่งแสงจันทร์ที่ส่องลอดหน้าต่างบานเดียวในห้องที่มืดสนิท องค์ประกอบของมันบอกเธอว่าคือห้องของบ็อบ มาร์ตินนั่งเหม่อกอดเข่าพิงกำแพงอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ไม่หันมองทั้งที่ได้ยินเสียงฝีเท้าบนพื้นไม้หรือแม้ไลราจะส่งเสียงทักทายออกไปอย่างมีมารยาทที่สุดแล้วก็ตาม
“นายโอเคมั้ย” ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าเขาเพื่อเอ่ยถาม แต่มาร์ตินก็เพียงพูดโดยไม่แม้จะหันมองว่า “ออกไป” ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ให้ฉันอยู่ด้วยนะ” แต่ไลราก็เลือกจะมองข้ามเพราะรู้ว่าเขากำลังเจ็บปวด การต้องสูญเสียคนที่รักไปจนหมดในทีเดียวนั้นโหดร้าย “ต้องการอะไรมั้ย บอกฉันได้นะ”
คราวนี้สายตาของมาร์ตินเปลี่ยนจากห้องมืดที่ว่างเปล่ามาเป็นเธอในที่สุด แต่ดวงตาที่เคยมองเธอด้วยความอ่อนโยนกลับจ้องเธออย่างแข็งกร้าว ก่อนจะตะโกนใส่เธอว่า “คิม! บ็อบ! เธอเอาพวกเขากลับมาให้ฉันได้มั้ยล่ะ! พาพวกเขากลับมาหาฉันได้มั้ย! ให้พวกเขามาอยู่กับฉันตอนนี้ได้มั้ย! ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ!”
ไลราชะงักไปกับความเกรี้ยวกราดของเขาที่แผดใส่ราวกับเธอคือคนผิด ราวกับเธอคือคนที่ฆ่าคิม ราวกับเธอคือคนที่พรากบ็อบไป แต่อย่างกับมาร์ตินกลัวเธอจะอึ้งงันไม่พอถึงได้ตะคอกอีกว่า “ออกไปจากห้องของบ็อบ! ออกไปจากบ้านของฉันซะ! ออกไปให้พ้นหน้าฉัน! เธอไม่ใช่เพื่อนฉันด้วยซ้ำ!”
ไลราอาจไม่คิดว่ามาร์ตินจะเป็นผู้ชายอ่อนโยน เธอไม่คาดหวังว่าเขาจะตอบรับความห่วงใยอย่างยินดี แต่เธอคิดว่าอย่างน้อยก็จะเป็นเพื่อนให้เขาในยามที่เขาคงต้องการใครสักคนได้ ในเมื่อก่อนหน้านั้นก็ดูเหมือนเขาจะเริ่มเปิดใจให้กับเธอแล้ว แต่ไลราไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดจาทำร้ายจิตใจกับความหวังดีของเธออย่างใจร้ายแบบนี้ได้
“คนที่ไม่เคยสูญเสียคนที่รักมากมายอย่างเธอจะไปเข้าใจอะไร!”
มาร์ตินทำให้เธอต้องร้องไห้ขณะหมุนตัวเดินจากไป ต่อให้เขาจะไม่นับเธอเป็นเพื่อน เธอก็ไม่อยากเป็นเพื่อนกับเขาอีก
เธอได้เข้าใจแล้วว่ามาร์ติน แลงก์ เป็นคนใจร้ายอย่างที่ทุกคนว่าจริงๆ
“เขาต้องการเธอนะ”
คำพูดของอันยาเรียกให้คนที่กำลังนั่งดูทีวีละความสนใจจากมันมาเป็นหมอดูสาวที่นั่งหลังโต๊ะซึ่งวางไพ่ทำนายเรียงรายไว้บนนั้น นับตั้งแต่เห็นเพื่อนรักมีท่าทีซังกะตายเวลามาเยี่ยมหา อันยาที่ดูออกว่าเธอต้องกำลังมีปัญหาในใจจึงบอกว่าจะช่วยอ่านไพ่ให้เผื่อเจอวิธีแก้ โดยที่ไลราไม่มีแก่จิตแก่ใจจะตอบปฏิเสธหรือบอกว่าอย่าเสียเวลากับอะไรที่เธอก็รู้ต้นตอกับทางแก้ดีอยู่แล้วเลย
“เขารู้สึกผิดกับเธอแต่เขาก็มีทิฐิมากเกินจะขอโทษเธอ ที่จริงเขาอยากให้เธออยู่เคียงข้างนะ”
“พูดอะไรของเธอ หมายถึงใคร” ไลราขมวดคิ้วทำหน้างงในทีแรก หากแค่อึดใจถัดมาเธอก็เห็นคำตอบในหัวชัดเจนกระทั่งปรากฏเป็นรูปเป็นร่าง
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ไพ่ไม่ได้บอกชื่อมาสักหน่อย” อันยาตอบพลางลุกจากเก้าอี้มานั่งข้างกันบนโซฟา หล่อนมองหน้าเพื่อนรักอย่างใคร่รู้ระคนตื่นเต้น หยิบกระป๋องเบียร์ที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมา ถามเธอก่อนดื่มมันลงคออึกใหญ่ว่า “เธอแหละตอบฉันมาว่าแอบไปทำให้หนุ่มที่ไหนเขาโหยหาขนาดนี้”
“มาร์ติน แลงก์”
และเบียร์ที่อยู่ในปากของอันยาก็ไหลทะลักเข้าไปในคอกับคำตอบที่ไม่คาดคิดจนหล่อนสำลักออกมาอย่างแรง มันควรเป็นภาพที่ทำให้ไลราขำ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยเมื่อในหัวของเธอได้แต่ครุ่นคิดกับคำพูดก่อนหน้าของเพื่อนสนิท
ไลราจึงมาอยู่ที่หน้าคฤหาสน์ของครอบครัวแลงก์อีกครั้งในคืนวันเดียวกันนั้น เพราะเธอไม่ชอบทิ้งเวลาให้เปลืองเปล่าโดยเฉพาะเมื่อมีอะไรค้างคาและอยากให้มันคลี่คลาย ประตูหน้าบ้านปิดสนิท แต่การที่รถของเขายังจอดอยู่ก็ทำให้เธอรู้ว่ามาร์ตินไม่ได้ไปไหน เธอเคาะประตู ตะโกนเรียกชื่อเขา ทว่าก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากคนข้างใน กระนั้นเธอก็ยังคงยืนรออย่างใจเย็น ไลราสามารถยืนรอเขาได้ทั้งคืน มันจะหนักหนาตรงไหนเมื่อเทียบกับสิ่งที่มาร์ตินเผชิญอยู่ เธอจะเปรียบเทียบมันเพราะมันจะทำให้เธอรู้สึกว่าการรอคอยเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย เพราะเธอเชื่อในสิ่งที่ไพ่ของอันยาบอก เพราะเธออยากเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองว่าดูคนไม่ผิด
แต่มาร์ตินไม่ทำให้เธอต้องรอนานขนาดนั้น แค่ไม่กี่นาทีที่เธอจมกับความคิดเรื่อยเปื่อย ประตูหน้าบ้านก็เปิดออก เขายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าขาวซีด โหนกแก้มดูชัดกว่าครั้งสุดท้ายที่เธอจำได้ทั้งที่ผ่านมาแค่หนึ่งสัปดาห์ ใต้ตาที่คล้ายจะแดงทำให้ไลราคิดว่าเขาเพิ่งร้องไห้มาและมันก็ทำให้ความกล้าของเธอเพิ่มขึ้นเมื่อได้เห็นความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ภายใต้ฉากหน้าของคนที่จะแสดงให้ทุกคนเห็นแต่ความเข้มแข็งมาตลอด
“จริงอยู่ ฉันไม่เคยต้องสูญเสียมากมายเหมือนนาย” ไลราพูดมันออกมากับคนที่ยังมองจ้องหน้าเธอนิ่ง หากก็ไม่สามารถอ่านความหมายจากสีหน้าและสายตาของเขาได้ “ฉันไม่เคยต้องเจ็บปวดมากเท่านาย และฉันก็อาจช่วยแบ่งเบาความเสียใจของนายไม่ได้ เพราะมันคงเป็นเรื่องโกหกถ้าจะบอกว่าฉันเข้าใจนาย แต่ฉันยินดีรับฟังถ้านายอยากบอกเล่าให้ฉันเข้าใจ ถ้านายต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้าง ฉันก็อยากจะเป็นคนนั้นให้ อย่างน้อยฉันก็อยากคิดว่าเราเป็นเพื่อนกัน”
ไลราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อพูดจบ มันอาจแทบไม่ใช้แรงกายแต่ต้องใช้แรงใจมากมายมหาศาลในการพูดออกมา มาร์ตินยังได้แต่จ้องหน้าสบตาเธอโดยไม่ได้ว่าอะไร แม้ดวงตาของเขาจะวูบไหว แม้ใบหน้าของเขาจะกระตุกราวกับอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็มีเพียงความเงียบงัน เขาอาจไม่ตอบรับความหวังดีของเธอในวันนี้แต่ก็ใช่ว่ามันต้องได้รับการตอบรับทันทีสักหน่อย เธอได้พูดในสิ่งที่คิดแล้ว มาร์ตินรับรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ลำพังแล้ว หากเขาต้องการใครสักคน เขาก็จะมีเธอ ไลราแน่ใจว่าเธอทำให้เขาเชื่ออย่างนั้นได้แล้ว เธอยิ้มให้เขาก่อนหมุนตัวเพื่อเดินจากไป แต่แล้วในฝีก้าวที่เดินไป ร่างของเธอก็จะถูกดึงเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเย็นเฉียบที่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่มากกว่านั้นนับจากนี้
“คืนนี้เธออยู่กับฉันได้มั้ย”
ไลรายิ้มเมื่อได้ฟังคำพูดจากเสียงแหบแห้งของเขา ตอบเขาด้วยมือที่จับแขนคู่นั้นเข้ามาโอบกระชับให้ยิ่งแน่นกว่าเดิม
เพราะไลรา ไซโต้ เข้าใจถูกต้องมาตลอดว่าเธอเป็นเพื่อนกับมาร์ติน แลงก์ ได้จริงๆ
ความคิดเห็น