คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : LOST HEAVEN: The Beginning
RE-RELEASE DATE : NOVEMBER 17, 2020
---------------------------------------------------------------
ดัดแปลงมาจากเรื่อง Paradise Lost ที่เคยแต่ง ตัดใจเปลี่ยนชื่อเรื่องเพื่อเป็นการอุทิศแด่วงลาร์คที่รักมากเสมอมาและตลอดไป ด้วยความหมายที่ก็คงเดิมกับชื่อเดิมอย่างไม่น่าเชื่อ
- เปลี่ยนเพลงเป็นลาร์คด้วยนะ อิอิ (เพลงเจร็อคแม่งเหมาะกับแนวศาสนาจริงว่ะ) แต่ก็คิดว่าเรื่องนี้ยังไม่ญี่ปุ่นเท่าไหร่ เหมือนแค่เปลี่ยนฉากมาเป็นญี่ปุ่นบะดาย แต่อดใจรอเรื่อง Highway to Hell ที่กูต้องแปลงนานหน่อยเพราะอยากให้มันออกมาสมบูรณ์และดีที่สุด แต่เราเชื่อว่ามันจะออกมาในโทนญี่ปุ่นได้ดีงาม ไทกะจะเป็นลูกซาตานที่เพอร์เฟคท์มากเพราะกูก็อวยเองด้วย (โฮคุโตะเรื่องนี้ก็ลูกซาตานจ้า แต่เรื่องนี้ไม่ต้องเพอร์เฟคท์มากก็ได้ไง เอ๊ะ มันด่าหรือมันชมวะ) เราเป็นเจ้าของฟิคและแนวคิดทุกอย่างในเรื่องนั้น ดังนั้นเราสามารถเอาไปเพิ่มเสริมเติมแต่งให้มันดีและเราพอใจที่สุดได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องก๊อปใครจ้า
- เสียใจด้วยนะคะ ที่จริงก็อยากแต่งพี่น้องด้วยค่ะ ชอบค่ะ เป็นแฟนตาซีค่ะ แยกแยะเป็นค่ะ ชีวิตจริงไม่เคยชิปพี่น้องคู่ไหนให้ได้กันแต่อย่างใดค่ะ แต่เรื่องนี้ก็ไม่มีอยู่ดีค่ะ มีแต่พี่ตบตีน้องค่ะ สวัสดี สวีดัด T/\T
“แพระไดส์ ลอสต์ (สวรรค์ลา) บทกวีมหากาพย์ที่แต่งขึ้นโดยนักกวีจอห์น มิลตัน
ว่าด้วยเรื่องราวของอาดัมกับอีฟที่ถูกซาตานล่อลวงให้กระทำความผิด จนถูกเนรเทศออกจากสวนสวรรค์อีเดน”
ที่มา : วิกิพีเดีย (สารานุกรมเสรี)
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ไมอาเริ่มกังขาในศาสนาอันถูกเสี้ยมสอนว่าจงอย่าเคลือบแคลง
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่บทสวดถึงพระเจ้าหรือกระทั่งบทเพลงกอสเปลกลายเป็นสิ่งแสลงที่ฟังระคายหู
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เรื่องราวปาฏิหาริย์ในไบเบิลดูเหมือนนิทานหลอกเด็กประเภทอภินิหารตลกขบขัน
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การเข้าโบสถ์ไม่ต่างอะไรกับการต้องไปโรงเรียนที่ไมอาเคยเกลียดนักหนา
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คำว่าพระเจ้า...เยซู...ฟังเหมือนชื่อเพื่อนบ้านที่หวังพึ่งพาอะไรไม่ได้
จวบจนไมอาได้เข้าใจว่าพวกนั้นหาใช่สิ่งที่เธอต้องการ คริสต์ศาสนาที่ครอบครัวยัดเยียดให้เธอมากว่าสามปีตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่ชานเมืองชิซึโอกะ ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากอยู่ร่วมกับมันมากไปกว่านี้ เธอจะต้องการมันไปทำไมทั้งที่มันไม่เคยให้อะไรกับเธอ เด็กสาวเกลียดนักกับคำกล่าวจากลมปากของพวกเขาจำพวกว่า
‘ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลของมัน’
‘จงรักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง’
‘พระเจ้าจะช่วยเหลือผู้ที่ช่วยตนเองก่อน’
งี่เง่า บ้าบอ ไร้สาระ มันก็แค่วลีสวยหรู คมคาย กลวงเปล่า เพื่อหลอกให้ผู้คนมาศรัทธาและจมปลักอยู่กับความหวังลมๆแล้งๆต่ออำนาจเบื้องบน พระเจ้าไม่เคยช่วยเธอไม่ว่าเธอจะวิงวอนต่อเขามากเพียงไหน ทั้งที่เธอก็ไม่ได้วอนขออะไรมากมายเลย แค่เพียงชีวิตที่เป็นของเธอเอง ชีวิตแท้จริงที่ไม่ต้องมีใครในครอบครัวมาบงการ ไม่ว่าพ่อ แม่ หรือพี่ชาย ทว่ามันก็ไม่เคยสัมฤทธิ์แม้แค่กระผีก
เช่นนั้นสิ่งใดกันแน่ที่ไมอาควรศรัทธา
การชุมนุมวันอาทิตย์ในโบสถ์ชินโคชินประจำชุมชนที่ครอบครัวของไมอาเข้าร่วมจบลงด้วยดีเหมือนทุกสัปดาห์ จากนั้นก็จะต่อด้วยมื้ออาหารกลางวันที่ผู้ศรัทธาเผื่อแผ่ผลัดกันจัดเตรียมให้ทุกคนที่เข้าร่วม แต่พักหลังนี้การต้องไปโบสถ์ทำให้กระเพาะอาหารของไมอาแทบไม่ย่อย
เด็กสาวจะตื่นนอนทุกหกโมงเช้าวันอาทิตย์ด้วยเสียงนาฬิกาปลุกพร้อมศีรษะที่หนักอึ้ง ไมอาเคยบอกเรื่องนี้กับครอบครัว แต่ไม่เคยมีใครยอมให้เธอได้หยุดอยู่บ้านเพื่อนอนพัก สิ่งที่พ่อให้เธอคือคำด่าทอจนเธอแสบหู สิ่งที่เจสซี่พี่ชายให้เธอคือความรุนแรงจากอะไรก็ตามแต่ที่เขาจะหยิบมาฟาดเธอได้ สิ่งปราณีที่สุดมาจากแม่เธอหากก็เป็นเพียงยาแก้ปวดซึ่งแทบไม่ช่วยอะไร และยาก็จะทำให้ความคิดของเด็กสาวล่องลอยไม่คงที่ เสียงสวดมนตร์ที่ดังก้องไปทั่วห้องกว้างนำโดยพี่ชายของเธอผู้เป็นสาธุคุณหนึ่งเดียวของโบสถ์ในปัจจุบัน ก็ราวกับเสียงกรีดแหลมบาดหูของไวโอลิน ทิ่มแทงทะลุไปถึงสมองที่เต้นตุบไม่หยุด นัยน์ตาของไมอาจะกึ่งเบลอกึ่งพร่าเหมือนถูกไฟจ้าแยงตาและงุนงงเมื่อกะพริบตา คำพูดหรือสีหน้าท่าทางก็ดั่งมีคนมาควบคุมร่างเธอที่ถูกใช้เป็นภาชนะ และการกินขนมปังปลุกเสกกับไวน์แดงตอนรับศีลมหาสนิทก็ทำให้เธออยากอาเจียน
จึงเป็นอีกหนึ่งวันอาทิตย์ที่ไมอาดื่มเพียงน้ำชาก่อนขอตัวออกไปเดินเล่นรอบโบสถ์ ครอบครัวลูอิสของเธอไม่เคยรีบร้อนกลับบ้านในวันอาทิตย์จนกว่าตะวันจะตกดิน พวกเขาดูจะมีกิจธุระมากมายที่โบสถ์ เต็มอกเต็มใจทำสาธารณะประโยชน์ให้โบสถ์กับผู้คนด้วยศรัทธาที่เปี่ยมล้น แล้วพวกปากว่าตาขยิบอย่างพ่อกับแม่ของเธอได้อะไรกลับมางั้นหรือ คำสรรเสริญยกย่องยินดีอันเสแสร้งจากผู้ศรัทธาพี่ชายเธอที่เป็นผู้รับใช้พระเจ้าอย่างนั้นหรือ เหล่านั้นใช่ไหมคือสิ่งที่บิดาเบื้องบนมอบให้กับผู้ที่อุทิศตนให้แก่เขา พวกเขลาคิดว่ามันคุ้มค่าแล้วใช่ไหม
ไมอาออกมาจากโบสถ์สีขาวหลังเล็ก มองดูทัศนียภาพรอบด้านที่ไม่มีอะไรน่ามองหรือดึงดูดสายตามาเนิ่นนานจนคร้านจะนับ ครอบครัวของเธอเคยอาศัยอยู่ในโตเกียว แค่ออกมานอกประตูบ้านก็ถูกล้อมรอบด้วยอาคารตึกสูงหรูหราทันสมัยละลานตา หาใช่ย่านชานเมืองของชิซึโอกะที่ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับความทันสมัย มันน่าเบื่อ จืดชืด เป็นสีเขียวที่แห้งกรอบ ตายซาก แห้งแล้ง ประหนึ่งเส้นทางสีเขียวล้อมรอบนรกสีขาวที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลาง ประมุขผู้ครองนั่งไขว่ห้างเท้าคางอยู่บนบัลลังก์ ไม่ทำอะไรนอกจากรับฟังคำวอนขอนับล้านจากผู้ยากไร้โหยหิวผ่านหู ผู้หมดหนทางซึ่งหวังว่าจะได้มาอยู่แทบเท้าเขาเมื่อต้องจากลาโลกที่ดำรงอยู่ หรือก็แค่ผู้สูญสิ้นความหวังที่ปรารถนาเพียงทางออกจากชีวิตแสนเศร้า
ใช่ เขาอาจเคยประทานมันให้ผู้อื่นจริง จากที่ไมอาได้ยินเรื่องเล่าอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มากมายของผู้ศรัทธาที่มาบอกเล่าเก้าสิบด้วยความซาบซึ้ง ยินดีที่ได้หลุดพ้นจากทางมืดมิด แม้บ่อยครั้งเธอจะอดคิดไม่ได้ว่าปาฏิหาริย์อัศจรรย์ถึงขนาดนั้นเหล่านั้นก็อาจเป็นเพียงเรื่องเพ้อพกไปเอง
แต่ไม่ อย่างไรไมอาก็ไม่เคยได้รับมัน ไม่เหมือนเจสซี่ที่ปวารณาตัวเข้ารับใช้เขาหลังออกจากคุกในข้อหาฆ่าคนตาย
‘พระเยซูประทานแสงสว่างให้ผม ท่านส่งสาธุคุณจอห์นสันมาชี้ทางสว่างให้ผม ผมสัญญากับบุตรของท่านว่าจากนี้จะรับใช้พระองค์’
พี่ชายของไมอาป่าวประกาศเช่นนั้นกลางมื้ออาหารค่ำในวันที่เขาออกจากคุก พ่อกับแม่น้ำตาอาบนองไปทั่วหน้าด้วยความตื้นตันใจเหลือคณา เอ่ยขอบคุณพระเป็นเจ้าไม่หยุดหย่อนที่เปลี่ยนพี่ชายผู้เกกมะเหรกของเธอให้กลายเป็นผู้เป็นคน บังคับให้ไมอาที่ยังแคลงใจเข้าเป็นคริสตศาสนิกชนโดยไม่แม้แต่จะถามไถ่ การขอความเห็นจากเธอไม่เคยใช่สิ่งที่ครอบครัวของเธอจะทำ บทบาทของลูกสาวคนเล็กก็มีแค่เป็นหุ่นกระบอกให้พวกเขาแบกไปไหนมาไหนด้วยเท่านั้น ไม่นานหลังจากนั้น เจสซี่ที่ยังคงไปมาหาสู่กับสาธุคุณจอห์นสันแม้หลังออกจากคุกแล้วก็ได้ข่าวว่าท่านจะไปประจำการที่ชนบทในชิซึโอกะ และยินดีอย่างยิ่งหากสานุศิษย์อันดับหนึ่งอย่างเขาจะไปด้วย แน่นอนว่าพี่ชายของเธอตอบรับด้วยความปลาบปลื้มและเต็มอกเต็มใจเหลือจะกล่าว แต่ไม่ใช่เพียงเขาที่ไปหากรวมถึงทั้งครอบครัวด้วย นับจากนั้นไมอาก็ต้องโบกมือลาโตเกียวที่เธอรักและอาศัยอยู่มาทั้งชีวิต
ชีวิตในชานเมืองแตกต่างจากชีวิตในเมืองกรุงลิบลับ แม้จะไม่ได้อยู่ในบ้านคับแคบเหมือนเก่าแต่เป็นบ้านหลังกว้างสองชั้น กระนั้นไมอาก็รักโตเกียวมากกว่าอย่างเทียบกันไม่ติด โดยเฉพาะเมื่อการอยู่ที่ชิซึโอกะหมายถึงการต้องอยู่กับบทสวดทุกเช้าค่ำ การเล่าเรียนแต่เพียงที่บ้านเฉพาะจากตำราไบเบิล และการถูกดุด่าว่ากล่าวจากคนในครอบครัว ทว่ากับเจสซี่อาจรวมถึงข้าวของหรือฝ่ามือที่จะตบหัวกับทุบหลังเธอหากไม่พอใจ เหล่านั้นไม่ใช่ชีวิตที่ไมอาปรารถนาเลยสักนิด
แต่เธอจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อเธอไม่เคยทำอะไรได้
“คุณไม่หิวเหรอ”
เป็นครั้งแรกที่มีคนมาทักทายไมอาในมื้อกลางวันของโบสถ์กับอาหารรสเลิศที่ผู้คนจะรุมทึ้งจนเกลี้ยงโต๊ะ เมื่อหันไปก็พบกับชายหนุ่มคนหนึ่ง และเธอไม่รู้จักเขาหรือกระทั่งแน่ใจว่าเคยเห็นเขามาก่อน เพราะหากมีใครที่มาโบสถ์หรือแม้แต่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ที่หน้าตาดีขนาดนี้ เธอก็ย่อมจำได้ ผมของเขาเป็นสีดำสนิทแต่กลับเป็นสิ่งเดียวในที่นี้ที่มีชีวิตชีวา มันเป็นประกายเมื่อต้องกับแดดเสียยิ่งกว่าผมสีแดงของไมอากับเจสซี่ที่คนทั้งคู่ได้มาแต่กำเนิดจากผู้เป็นตา ผมของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลมอ่อน ล้อมอยู่รอบใบหน้างดงามกว่าผู้ใดที่เธอได้เคยพบ
“ไม่ค่ะ เอ่อ ฉันไม่คิดว่าเคยเห็นหน้าคุณมาก่อน”
เด็กสาวถามออกไปทันทีโดยไม่เสียเวลาเกริ่น เขายิ้มอย่างเขินอาย และชั่วขณะหนึ่งที่เธอคิดว่ารอยยิ้มของเขาเป็นสีทองอร่ามจนทำให้ตาเธอพร่าไปครู่
“ผมเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เมืองนี้ครับ แล้วก็...เพิ่งเคยมาเข้าโบสถ์”
ไมอาเองก็ยิ้มเมื่อได้ฟังคำตอบของเขา หาใช่เพราะเขินอายหรือยินดี ทว่าเย้ยเยาะ ใช่ว่าเธอเยาะหยันเขา เธอแค่อยากเยาะเย้ยพระเจ้าที่ดึงผู้ศรัทธาเข้ามาเพิ่มได้ มาดูกันว่าในอนาคตศรัทธาของเขาจะเป็นเช่นไร ชายแปลกหน้าดูจะยิ่งประหม่ากว่าเดิมเมื่อเห็นรอยยิ้มที่ไม่ค่อยเป็นมิตรของคนตรงหน้า ไมอาดูออกจึงรีบเปลี่ยนอารมณ์ด้วยการยื่นมือออกไปแนะนำตัว เขารีบยื่นมือมาจับพร้อมแนะนำตัวกลับอย่างกระตือรือร้น
“ผมโฮคุโตะครับ มัตสึมูระ โฮคุโตะ”
เป็นครั้งแรกในช่วงหลายปีมานี้ที่วันอาทิตย์ขมปร่าอันจืดชืดของไมอากลับมีสีสันขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่าผมของชายหนุ่มผู้นี้จะเป็นสีดำสนิท หรือเขาจะแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายสีเข้ม ทว่าเขาเป็นดั่งสีเหลืองทองที่อาบย้อมด้วยประกายแห่งชีวิต ชโลมทั้งร่างกายเธอให้มีชีวิตได้อีกครั้งหลังจากมันตายซากมานานเนิ่น
โฮคุโตะอาจไม่ใช่สิ่งที่เด็กสาวเฝ้าเพียรภาวนาวอนขอ ทว่าในโมงยามนั้นเองที่ไมอาเชื่อด้วยหมดทั้งใจว่าเขาคือสิ่งที่พระเจ้า ‘เบื้องบน’ ประทานมาให้
นับตั้งแต่นั้นอาการปวดหัวในทุกวันอาทิตย์ของไมอาก็หายเป็นปลิดทิ้ง เธอจะตื่นนอนด้วยความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ดวงตากระจ่างชัดแจ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทุกคำพูดและการเคลื่อนไหวกลับมาเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว หาใช่การควบคุมของผู้ใดอย่างที่เคยเป็น อย่างที่ทุกย่างก้าวถูกบงการชักใยให้อยู่ใต้เงาของใครสักคน สักคนที่ครอบครัวเธออาจเรียกว่าพระเจ้า
แต่บัดนี้ไมอากลับมามีชีวิตแท้จริงได้อีกครั้ง
เพราะโฮคุโตะ เพื่อนใหม่ในวันอาทิตย์ของเธอ คนที่ทำให้การมาโบสถ์ไม่ใช่การลงทัณฑ์อีกต่อไป
กระนั้นการกินอาหารในโบสถ์ก็ยังเป็นสิ่งที่กระเพาะของไมอาไม่สามารถปรับตัวได้ หลายสัปดาห์ที่โฮคุโตะเห็นเธอเป็นแบบนั้น และเธอก็รู้ว่าเขากังวลหรือกระทั่งเป็นห่วงแม้เธอจะพร่ำบอกว่าไม่เป็นไรก็ตาม มันก็แค่วันเดียวใช่ว่าเธออดอาหารเสียที่ไหน
จนอาจเป็นอาทิตย์ที่เขาไม่อยากเห็นเธออดอีกต่อไป ดังนั้นขณะที่ออกมาเดินเล่นด้วยกันในช่วงเวลาอาหารเหมือนอย่างเคย โฮคุโตะก็หยิบแอปเปิลออกมาจากกระเป๋ากางเกง
“ผมสังเกตดูแล้วว่ามันไม่เคยเป็นอาหารขึ้นโต๊ะของโบสถ์ คุณอาจจะกินได้”
ไมอาอดหัวเราะออกมาไม่ได้ หากก็เป็นไปด้วยเจตนาเดียวคือเธอประทับใจกับความจริงใจและใส่ใจของเขา ไม่เพียงแค่เรื่องของเธอแต่ยังรวมถึงความช่างสังเกตสังกาเรื่องราวรอบตัว เด็กสาวรับมันมาก่อนที่โฮคุโตะจะเข้าใจเสียงหัวเราะของเธอผิดเป็นอื่นและกัดมันกินทันที
แอปเปิลสีแดงสดรสชาติหวานล้ำ เนื้อกรอบฉ่ำน้ำ แม้จะไม่ได้กินแอปเปิลมานานมากแล้วแต่ไมอาก็แน่ใจว่าไม่เคยกินแอปเปิลผลใดที่วิเศษเลิศล้ำได้ถึงเพียงนี้ ถึงกับมั่นใจว่ามันคือผลไม้ลูกโอชะที่สุดที่ได้เคยลิ้มรสในชีวิตนี้ เป็นรสชาติชวนกระหายที่เรียกร้องให้กัดกินได้ไม่รู้เบื่อ แต่เธอก็อิ่มได้พอดีเมื่อเหลือแค่แกนที่โยนทิ้งไปบนพื้น
โฮคุโตะยื่นมือมาเช็ดคราบน้ำจากแอปเปิลที่เลอะมุมปากสีชมพูให้ ไมอาพึมพำคำขอบคุณด้วยความรู้สึกแปลกที่เริ่มก่อตัวขึ้นในความคิดกระทั่งซ่านซึมเข้าในจิตใจ เมื่อเขาเอานิ้วโป้งนั้นไปวางบนริมฝีปากของตนแล้วแลบลิ้นสีชมพูออกมาลิ้มเลียมัน ไมอากลืนน้ำลายลงคอพร้อมกับความรู้สึกป่วนมวนในท้อง อยากเบือนหลบดวงตาสีดำคู่นั้นที่มองจ้องเธอไม่วางตา แต่ภาพตรงหน้าก็มีเสน่ห์ยวนเย้าเกินจะละสายตาไปไหนได้ดั่งถูกร่ายมนตร์สะกด
ไมอาคิดว่าเธอกำลังมองดูมัตสึมูระ โฮคุโตะที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อนใหม่วันอาทิตย์ที่รูปหล่อและแสนดี แต่เป็น ‘ชายหนุ่ม’ เป็นเพศตรงข้าม คนที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบระเบิดเหมือนเลือดทุกทางในร่างกายอัดกระหน่ำเข้าไปสูบฉีด หญิงสาวไม่รู้ว่ามันใช่สิ่งที่คนเราเรียกว่าตกหลุมรักหรือเปล่า ในเมื่อเธอไม่เคยประสบหรือรู้จักกับความรู้สึกนี้มาก่อน เธอไม่มีความรักให้กับใครในครอบครัวด้วยซ้ำไปแม้จะพยายามอย่างหนักแล้วก็ตาม ครั้งยังอยู่โตเกียว เธอสามารถทนฝืนมองข้ามเรื่องการด่าทอหรือทำร้ายร่างกายแต่เพียงเล็กน้อยได้ แต่เมื่อมาอยู่ชิซึโอกะ การต้องถูกบังคับบีบคั้นแทบไม่ว่างเว้นนั้นเกินทานทน
แต่สิ่งที่เธอรู้สึกต่อโฮคุโตะเรียกว่า ‘ความหลงใหล’ ได้ เรื่องนั้นเธอมั่นใจ
ความคิดของไมอาเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนไหน ตอนที่เขาทำท่าทางยั่วยวนเธอในแง่มุมที่ส่อไปในเรื่องทางเพศอย่างนี้หรือเปล่า เพศศึกษาที่ไม่เคยมีใครให้เธอเล่าเรียนโดยเฉพาะเจสซี่ที่คงตบหัวฟาดหลังเธอไม่ยั้งแค่เพียงเอ่ยถาม แต่แล้วทันใดเธอก็นึกถึงเนื้อเรื่องในพระคัมภีร์ที่ถูกเขาบังคับให้อ่านทุกวันแม้จะอ่านจบไปหลายรอบแล้วก็ตาม
แอปเปิล มันเริ่มจากแอปเปิล ผลไม้ต้องห้าม ผลไม้แห่งความรู้ผิดชอบชั่วดี ผลไม้ที่พระเจ้าห้ามไม่ให้อาดัมกับอีฟกิน เมื่อพวกเขาละเมิดจึงถูกขับไล่ออกจากแดนสวรรค์ ทว่าความคิดของไมอาก็หยุดแค่นั้น เมื่อนิ้วโป้งนั้นของโฮคุโตะมาอยู่บนริมฝีปากเธอ ไมอารู้สึกได้ว่ามันเปียกนิดหน่อย นิ้วชี้ของเขาวางอยู่ที่คางเธอ ยามนี้เขาไม่ใช่โฮคุโตะคนเดิมกับที่เธอรู้จักมาตลอดอีกต่อไปแล้ว ราวกับความคิดที่ถูกปิดกั้นของเธอได้ถูกเปิดออก หญิงสาวมองทุกอย่างได้แจ่มแจ้งชัดเจนเป็นครั้งแรก ไม่ใช่ด้วยตา แต่เป็นด้วยใจ
“พระเจ้านำพาผมมาเจอคุณ”
เหมือนที่ไมอาก็คิดมาตลอดเฉกเช่นเดียวกัน
และวินาทีถัดมานิ้วบนริมฝีปากก็ถูกแทนที่ด้วยริมฝีปากของชายตัวสูงที่โน้มลงมา ไมอาไม่ขัดขืนหรือข้องขัด เพียงหลับตาต้อนรับประสบการณ์แปลกใหม่ที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนด้วยความฉงนระคนยินดี ไม่ช้าความตื่นเต้นก็ถูกแทนที่ด้วยความนุ่มนวลที่ทำให้เธอหลอมละลายได้ ก่อนจูบของเขาจะกดลงมาอย่างหนักมากขึ้นพร้อมมือทั้งสองข้างที่จับคางเธอไม่ให้หลุดไปไหน จากนั้นก็ขบฟันลงไปที่กลีบปากล่างจนไมอาเผลอร้องออกมากับความเจ็บที่ไม่ทันตั้งตัว เพื่อเขาจะได้ฉวยโอกาสนั้นส่งสัมผัสแปลกใหม่อีกอย่างเข้าไปในปากให้เธอได้ลิ้มลอง แม้จะตกใจ ทว่าสิ่งเดียวที่ไมอาทำก็คือยกสองมือขึ้นจับบ่าชายหนุ่มเป็นที่ยึดเพื่อไม่ให้เข่าที่อ่อนระทวยพาร่างเธอทรุดลงไป
โฮคุโตะมอบผลไม้ต้องห้ามให้เธอ จากนั้นก็เชื้อเชิญเธอไปยังดินแดนที่เธอไม่เคยเหยียบย่าง ไมอาคิด...รู้...ว่าสิ่งที่เธอควรทำคือปฏิเสธ มันดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร ผิดทำนองคลองธรรม เป็นเรื่องผิดบาป แม้เธอจะไม่แน่ใจนักหรอกว่ามันผิดตรงไหน หรือที่จริงมันอาจไม่ผิดเลยก็ได้
แต่แล้วในช่วงเวลาที่งดงามเหมือนฝันที่สุดในชีวิต ไมอาก็ถูกกระชากออกจากฝันยามตื่นอย่างแรงจนมือหลุดจากชายที่เกาะเกี่ยว เมื่อลืมตาขึ้นก็ได้เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้เธอกับเขาถูกรายล้อมด้วยกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง พ่อแม่และเจสซี่จับตัวหญิงสาวไว้แน่นจนดิ้นหลุดไม่ได้ ส่วนโฮคุโตะถูกชายอีกกลุ่มหนึ่งล็อกไว้ เจสซี่ปล่อยมือจากน้องสาวเพื่อที่ไหล่ของเธอจะถูกยึดโดยหญิงร่างใหญ่คนหนึ่งแทน ก่อนจะไปยืนขวางหน้าระหว่างชายหญิงทั้งคู่
“ไอ้สารเลว!”
จบประโยค ชายในชุดนักบวชทรงศีลผู้สาบานตนกับศาสนาก็ปล่อยหมัดพุ่งไปยังใบหน้าของคนตรงหน้าด้วยความเดือดดาล ไมอากรีดร้องออกมาพร้อมกับใครหลายคนในที่นั้น เค้าหน้าที่งดงามกว่ามนุษย์ผู้ใดในแดนดินถิ่นนี้ของโฮคุโตะหันไปอีกทาง ร่างของเขาควรทรุดลงไปแล้วเมื่อดูจากแรงที่พี่เธอปล่อยออกไป แต่หลายมือที่จับไว้ก็ทำให้เขายังทรงตัวอยู่ได้ หากก็เพียงเพื่อใบหน้าของเขาจะได้รองรับหมัดของเจสซี่ไม่ยั้ง เหมือนที่ไมอาก็ร้องบอกไม่หยุดให้พี่ชายของเธอพอ ทว่าก็เสียแรงเปล่า
“ไอ้ชาติชั่ว! ไอ้นรก! แกทำบ้าอะไรกับน้องสาวของฉัน!”
“พี่! หยุดนะ! โฮคุโตะไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น! ฉันกับโฮคุโตะไม่ได้ทำอะไรผิด!”
“ไม่ได้ทำอะไรผิดเหรอ! แกกล้าพูดแบบนั้นได้ยังไง! แกยอมให้ผู้ชายไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าจูบนะ! ที่หน้าโบสถ์! โบสถ์อันศักดิ์สิทธิ์ของเรา! ของฉัน!” เจสซี่ตะเบ็งเสียงใส่
“แกแปดเปื้อนแล้ว” ตามมาด้วยเสียงรำพันของแม่ที่ข้างหูซ้ายของเธอ “โธ่เอ๊ย ปีศาจล่อลวงแกได้แล้ว”
“พูดบ้าอะไรของแม่! โฮคุโตะไม่ใช่ปีศาจนะ! เราแค่จูบกัน! แค่นั้นมันผิดมากหรือไง!”
หญิงแก่ซบหน้าร้องไห้กับบ่าเล็กของเธอหลังเธอพูดจบ แว่วเสียงรำพึงตัดพ้อในทำนองว่าลูกสาวคนเดียวของนางถูกล้างสมองจนความคิดบิดเบี้ยววิกลจริต กลายเป็นหญิงร่านใจง่ายที่พูดเรื่องน่าละอายออกมาได้อย่างหน้าไม่อาย
“พอได้แล้ว!” ไมอากรีดเสียงร้อง รู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมา “ปล่อยฉันกับโฮคุโตะได้แล้ว! พ่อ! พี่! แม่! ทุกคน! ปล่อยพวกเราไปเถอะ!”
“ไม่ยักรู้ว่าพระเจ้าสอนให้คุณใช้กำลังกับเพื่อนมนุษย์ด้วยนะ บาทหลวง”
เป็นโฮคุโตะที่อาจหาญพูดจาท้าทายเช่นนั้น เลือดสีแดงสดกบอยู่ที่ปากและไหลออกมาจากมันเมื่อยามขยับ ใบหน้าบวมช้ำจนเกิดเป็นวงสีเขียว เขาดูน่าสังเวชจนหัวใจไมอาเจ็บร้าว กล้ามเนื้อหัวใจถูกบีบแน่น กระทั่งกลั่นออกมาเป็นน้ำตาที่กลั้นไม่อยู่อีกต่อไป
เจสซี่หันมองคนเป็นน้องด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดทันทีที่ได้ยินเสียงสะอื้น เขาเคยเข้าคุกในข้อหาฆ่าคนตาย และใครจะรู้ว่ามันอาจเป็นแววตาที่เขาใช้ก่อนจะฆ่าใครคนนั้น ปากของไมอาสั่นริกขณะอ้อนวอนขอร้องให้เขาหยุด ขอให้ทุกคนในที่นั้นเห็นใจเธอกับโฮคุโตะที่ไม่ได้ทำอะไรผิดทั้งนั้น หากมันก็ไร้ผลเมื่อเจสซี่หันกลับไปเป็นคนตรงหน้าอีกครั้ง รองเท้าหนังสีดำก้าวเดินไปบนพื้นดินที่แตกร่วนอย่างมั่นคง ใบหน้าห่างกับโฮคุโตะแค่คืบ
“ที่นี่ ฉันคือตัวแทนของพระเจ้า”
และน้ำเสียงประกาศิตของเขาก็หนักแน่นดุจเดียวกัน
“ส่วนแกคืองูพิษที่ล่อลวงน้องสาวผู้บริสุทธิ์ของฉันให้กลายเป็นคนบาป และฉันขอขับไล่แกออกจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ตลอดกาล อย่าได้ริอ่านโผล่หน้ามาให้น้องของฉันหรือใครในครอบครัวของฉันเห็นอีก ไม่อย่างนั้น ฉันไม่รับประกันว่าวิญญาณโสมมของแกจะได้ขึ้นไปหาพระเจ้าหรือตกไปนรก”
แล้วเจสซี่ก็กระทำสิ่งน่ารังเกียจอีกครั้งด้วยการถ่มน้ำลายรดใบหน้าที่ไม่เหลือสภาพของโฮคุโตะ
“พอได้แล้ว!” ไมอากรีดเสียงร้อง น้ำตาไหลอาบแก้มที่ตอนนี้แดงก่ำไม่หยุด “ในเมื่อฉันแปดเปื้อนไปแล้วก็ปล่อยให้ฉันไปอยู่กับโฮคุโตะสิ! ทิ้งพวกเราไว้ด้วยกันก็ได้!”
แต่ทันทีที่จบประโยค หลังมือใหญ่ของพี่ชายก็ตวัดมาที่แก้มอย่างแรงจนเธอหน้าหัน คนเป็นแม่เผลอปล่อยมือออกด้วยความตกใจ คนอื่นในที่นั้นต่างร้องฮือฮา โฮคุโตะเบิกตากว้างอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าไมอาโดนคนที่เรียกว่าเป็น ‘พี่ชาย’ กระทำการใดใส่ต่อหน้าต่อตาเขา แม้สำหรับไมอามันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เจสซี่ทำร้ายร่างกายเธอ แต่เป็นครั้งแรกที่มันรุนแรงขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่มือของเขาแตะต้องตัวเธอด้วยกำลังแรงมากขนาดนี้
“แกจะไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น! เอามันขึ้นรถกลับบ้าน!”
ประโยคท้ายเขาออกคำสั่งกับคนอื่นที่อยู่ในอาณาบริเวณ ความตกใจที่ก่อเกิดในทีแรกเมื่อเห็นเด็กสาวถูกทำร้ายหายไปทันควันเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น เหล่าผู้ศรัทธารับคำสั่งของบาทหลวงอย่างว่าง่ายเหมือนที่เป็นมาตลอด และไมอาก็ไม่หยุดวิงวอนขอความเมตตาถึงมุมปากที่มีเลือดไหลซึมจะทำให้เธอเจ็บทุกคราวที่ขยับ หรือจะถูกหิ้วร่างถูลู่ถูกังพาไปขึ้นรถโดยไม่มีแม้โอกาสให้ได้ร่ำลาโฮคุโตะหากมันจะเป็นครั้งสุดท้าย
“พระเจ้าสอนให้แกทำร้ายน้องสาวแบบนั้นเหรอวะ!”
โฮคุโตะระเบิดเสียงตะโกนกราดเกรี้ยวเพียงเพื่อจะโดนเจสซี่หยุดปากด้วยหลังมือเหมือนที่ไมอาเพิ่งโดนไป
“อย่ามาปากดีกับฉัน! ฉันยังไม่หมดธุระกับแก! ไอ้สารเลว!”
หญิงสาวไม่มีทางรู้ได้เลยว่า ‘ธุระ’ ที่พี่เธอยังคั่งค้างกับโฮคุโตะคืออะไร ทุกอย่างพ้นจากสายตาที่มัวพร่าอาบน้ำตาร้อนจี๋ของเธอเมื่อรถกระบะของพ่อถูกขับออกไป
- ฉบับแปลงนี้หั่นเป็นสองพาร์ท เพราะพอย้อนอ่านแล้วรู้สึกว่าถ้าเอามาลงรวดเดียวมันยาวจังวะ แล้วก็กะจะเพิ่มฉากเอโระกับโฮคุโตะนิดหน่อยด้วยไงอิอิ ถ้าเพิ่มแล้วมันโอเคนะ แต่เดี๋ยวดูอีกที อาจเพิ่มแต่ฉากเจสซี่กระทืบ แค่นี้นะ กูไปละ
ความคิดเห็น