ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` Decadence Avenue .

    ลำดับตอนที่ #6 : A Little Night Music: Mad Max Fiction

    • อัปเดตล่าสุด 24 ก.ค. 64


    A Little Night Music
    RELEASE DATE :
    OCTOBER 23, 2020
    -----------------------------------------------------
    ดัดแปลงมาจากฟิคเกมเรื่อง A Little Night Music ของคุณยู

    - ดิฉันกรี๊ดมากตอนที่คอนเฟิร์มแล้วว่าอันยาเทย์เลอร์ได้เล่นเป็นฟิวริโอซ่าในMad Maxสปินออฟ เพราะอันยาคือนักแสดงหญิงที่เรารักที่สุด เหมือนที่พี่ทอมฮาร์ดี้คือนักแสดงชายคนโปรดอันดับหนึ่งของกูในตอนนี้และได้เล่นMax Max ว้อยยยยยยย ถึงจะเป็นMad Maxคนละภาค ถึงอันยาจะได้เล่นเป็นฟิวริโอซ่าตอนยังสาวก่อนจะได้เจอกับแม็กซ์ แต่ไม่เป็นไร เรากรี๊ดเองได้ กรี๊ดมากจนใจอยากได้ฟิคให้คู่นี้สักเรื่อง
    -
    แต่ยังไม่มีพล็อตอะไรในหัว (มาอยู่ที่นี่แทบไม่ได้แต่งอะไรใหม่เลยวะ) แต่จำได้ว่าชอบฟิคที่คุณยูเคยแต่งไว้ในชื่อ A Little Night Music มาก เลยหน้าด้านไปขอดีลลิขสิทธิ์มาอีก หลังจากดีลเรื่องนามิดะมาได้ 555 (แต่ก็มารยาทมั้ย ขอก่อนไม่ได้แอบขโมย เพราะปกติเราก็ไม่หน้าด้านก๊อปใครอยู่แล้วนะ เวลาเอาพล็อตมาจากหนังหรืออะไรก็ให้เครดิตตลอด) ถ้ารู้สึกว่าฉากไหนห่วยกว่าก็เพราะต้นฉบับมันดีอยู่แล้ว ถ้ามีฉากที่เพิ่มเติมมาแล้วคิดว่าดีก็เพราะกูเอามาเสริมเติมแต่งได้ แต่ต้นฉบับมันก็ดีอยู่แล้ว
    - บับดั้งเดิมเป็น city pop (แต่กูชอบเพราะเรื่องหมอดูต่างหากนะ T_T) แต่จะมาให้สองคนนี้เป็นซิตี้ป๊อปมันจะอีท่าไหนวะ คุณมักสึงี้ เลยให้เป็นอนาคตประมาณWestworld ss3แล้วกันคือไม่ล้ำเกินไป(เหรอ)และไม่ย้อนยุคมากไป เอ่อ เพิ่งนึกออกว่าอันยาก็เคยเป็นนางเอกฟิคเวสต์เวิร์ลด์ และเพลงประกอบที่เราเลือกมา ก็รู้จักเพราะประกอบในหนังเรื่องแบล็คแคลนส์แมนที่เป็นเรื่องในยุค70 ก็ผสมกลมกลืนกันไป งุงิ แต่ชอบเพลงนี้จังวะ เซ็ตโทนให้กับเรื่องได้ดีงามมาก แต่แปลงไปก็โอ๊ยชอบพี่แม็กซ์จังค่ะ หล่อมากเลยค่ะพี่แม็กซ์คะ
    -
    อันนี้นอกเรื่อง ชีโดก็คือcourtney eaton นางเอกเรื่องชิคาโกของกูเองค่ะพี่สาว ที่จริงบทชู้รักเก่าจะให้เป็นพี่chris hemsworthที่ได้เล่นแมดแม็กซ์สปินออฟ แต่ยังไม่รู้ชื่อในเรื่องก็เลยไม่ได้พิมพ์ชื่อ ถ้าสงสัยว่าทำไมไม่เอาผู้ชายในแมดแม็กซ์ภาคฟิวรีโร้ด ก็เพราะเหลือแต่คนที่ไม่น่ามาเล่นได้นะพี่นะ เอ่อ เห็นว่ากูเอาแต่ฟิคมาแปลงไรงี้ แต่ที่จริงมีเรื่องนึงแต่งตอนนึงจบแล้วแต่ขอเกลาก่อน ส่วนอันนี้เสริมแล้วเกลาแล้วลงได้

    https://i.imgur.com/ykQ0IOF.png

    Song : Too Late to Turn Back Now – Cornelius Brothers & Sister Rose | Insert Song From BlacKkKlansman

    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ฟิวริโอซ่ารู้จักร้านของนักซ์จากชีโดเพื่อนซี้ขี้เมาของเธอ พูดให้ถูกก็คือหล่อนไม่ได้ชอบดื่มเท่าไหร่แต่สถานการณ์มักจะพาไป ทั้งยังไม่ใช่คนชอบยั้ง(คิด) พอดื่มจนเพลินก็จะรวดเลยไปลงเอยที่โรงแรมหรูบ้างกระจอกบ้างกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ได้ตลอด คืนนั้นฟิวริโอซ่าบังเอิญเจอชีโดในบาร์โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งหลังคุยงานจบ จึงทันได้คว้าตัวเพื่อนมาจับเข่าก่อนจะมีหนุ่มไหนได้คว้าตัวหล่อนไปจับอย่างอื่น ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันพอหอมปากหอมคอของคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบเดือน ส่วนใหญ่ก็เพราะเธอที่กำลังยุ่งเนื่องจากเพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ และต้องเตรียมจัดงานเปิดตัวหุ่นยนต์ทำงานรุ่นใหม่ของบริษัทที่ทำงานอยู่จนแทบไม่ได้หายใจหายคอ ขณะที่ชีโดเป็นลูกมือร้านขายเสื้อผ้าวัยรุ่นไปตามเรื่อง

    ว่ากันแล้วก็มีอยู่บ่อยครั้งที่ฟิวริโอซ่านึกอิจฉาความเฉื่อยแฉะ(ที่เมื่อกาลก่อนก็รวมถึงความไร้เดียงสา)ของเพื่อนสนิท ด้วยทุกคนที่รู้จักชีโดตั้งแต่สมัยเรียน คงไม่มีใครนึกภาพเด็กสาวผู้ร่าเริงสดใสที่แค่ถูกแซวกับผู้ชายที่ชอบก็หน้าแดงก่ำ ว่าจะกลายเป็นหญิงสาวกร้านโลกที่ทั้งดื่มหนักและเทียวใช้บริการโรงแรม (หรือห้องน้ำคับแคบในบาร์ หรือตรอกซอกซอยร้างผู้คน หรือบนรถของผู้ชายคืนเดียวสักคน) เป็นว่าเล่นในวันนี้ออกแน่นอน

    ก็ใช่ว่าปุบปับชีโดจะกลายเป็นคนแบบนี้ขึ้นมาเหมือนถูกผีเข้า แต่หลังเรียนจบ คนที่มีผลการเรียนดีเด่นก็ถูกรับเข้าทำงานในบริษัทสื่อสารมวลชนยักษ์ใหญ่ของประเทศทันที ทว่าดูเหมือนหล่อนจะทนรับแรงกดดันที่มากเกินไปไม่ไหว ทั้งเรื่องงาน เพื่อนร่วมงาน การเข้าสังคม หรือกระทั่งเรื่องผู้ชาย พอความเครียดพุ่งถึงขีดสุดเลยลองทิ้งทุกอย่างแล้วใช้ชีวิตมันให้สะใจไปเลย ฟิวริโอซ่าไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามก้าวก่ายกับการตัดสินใจของชีโด ถึงคนนั้นคนนี้จะพยายามห้ามปรามไม่ให้หล่อนนำอารมณ์ชั่ววูบมาตัดสินอนาคตก็ตามที แต่แท้จริงอารมณ์ชั่ววูบของหล่อนก็ไม่ได้แย่อย่างที่ใครต่อใครพากันคิดหรอก

    ในตอนที่ลูกค้าเริ่มเยอะ ชีโดก็ชักชวนเธอออกจากร้าน บอกว่าจะพาไปร้านเด็ดที่เธอต้องชอบแน่ ถึงฟิวริโอซ่าจะไม่แน่ใจนักเมื่อถูกนำมายังละแวกของแหล่งอโคจรที่ไม่เคยแม้แต่จะสัญจรผ่าน อันเต็มไปด้วยเหล่าชายหญิงขายบริการและพนักงานบาร์ที่แห่แหนกันมาเรียกลูกค้า จนได้แต่ทำตัวลีบชนิดที่ว่าถ้าเข้าไปสิงเพื่อนได้ก็คงทำไปแล้ว ผิดกับชีโดที่ยังคงพูดคุยกับเธอไม่หยุด ไม่ได้ให้ค่าความสนใจกับบรรยากาศรอบข้างแม้แต่น้อยราวกับคุ้นชินเป็นอย่างดี

    ล่อนเล่าเรื่องกิจการตั้งโต๊ะของนักซ์หน้าอู่ซ่อมรถที่ให้จ่ายเงินหนึ่งดอลลาร์ เมื่อลูกค้าบอกว่า “ตอนนี้รู้สึกแบบนี้” “ตอนนี้สถานการณ์ในชีวิตเป็นแบบนี้” โดยไม่จำเป็นต้องขยายความ เขาก็จะเปิดเพลงท่อนหนึ่งให้ฟัง น่าฉงนที่เนื้อเพลงท่อนนั้นดูจะเข้ากับลูกค้าทุกคนอย่างประหลาด ให้ทั้งความรู้สึกและคำตอบที่แจ่มชัดกลับไปได้เสมอ ร้านแผงลอยของนักซ์ไม่ได้มีคนมารอเข้าคิวจนแน่นขนัดหรืออะไร แต่ก็มีลูกค้าผู้นิยมชมชอบความประหลาดแวะเวียนเข้ามาใช้บริการตลอดทั้งคืน

    “ไม่มีทางที่เขาจะเลือกเนื้อเพลงได้ตรงใจขนาดนั้นหรอก”

    “เขาอาจมีพลังจิตก็ได้ ใครจะรู้”

    นักซ์เป็นชายหนุ่มในวัยไล่เลี่ยกับพวกเธอ แต่เขาไม่ใช่คนปกติเหมือนพวกเธอแน่นอน ศีรษะของเขาล้านเลี่ยนไม่มีผมสักเส้นเดียว สวมกางเกงหนังขายาวสีดำแต่ไม่สวมเสื้อทั้งที่อากาศในยามค่ำคืนของเวสต์แลนด์หนาวจับใจ จึงเห็นรอยนูนบนแผงอกอุดมกล้ามเนื้อเป็นมัดได้ชัดเจน มันเป็นรอยจารึกรูปทรงประหลาด ที่แค่มองด้วยตาฟิวริโอซ่าก็รู้ว่ามันต้องเจ็บเอาการกว่าจะออกมาเป็นอย่างนี้ได้ หุ่นเขาดีมากเหมือนผู้ชายที่เข้าฟิตเนสออกกำลังทุกวัน และใบหน้าของเขาแม้จะดูประหลาดเหมือนพวกเธอกำลังมองดูหัวกะโหลก จากเบ้าตาที่ทาสีดำให้ยิ่งลึกโหล ริมฝีปากที่ขีดสีแดงเป็นแนวตั้งเว้นระยะจนทั่วปาก หากฟิวริโอซ่าก็(แน่ใจว่าชีโดก็)ดูออกว่าเขาเป็นหนุ่มหน้าตาดีเอาการ ทุกอย่างในตัวเขาช่างดูเสริมรับกับคำที่ชีโดบอกว่าเขาอาจจะมีพลังจิตดี (แม้อีกนัยหนึ่งฟิวริโอซ่าจะคิดว่าเขาดูเหมาะจะเป็นช่างยนต์ในอู่ด้านหลังที่ปิดทำการประจำวันไปแล้ว มากกว่ามาหากินกับงานหลอกลวงพรรค์นี้เป็นไหน)

    ลังจากนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะคลุมผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มเรียบร้อยดีแล้ว ชีโดก็หยิบเหรียญเงินจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ออกมาวางบนโต๊ะ แล้วหันมาพูดกับเพื่อนของหล่อนว่า “เอาเลย ฟิวริโอซ่า มีเรื่องอะไรในใจก็พูดออกมาเลย

    ก็...” แม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่านักซ์ก็ให้บรรยากาศที่น่าเชื่อถืออย่างน่าพิศวง ถ้าเขาเป็นของจริงก็ดีไป แต่ถ้าไม่ใช่ก็คิดซะว่ามาเอาสนุกแล้วกัน ไม่นานจากนั้นฟิวริโอซ่าที่ครุ่นคิดอยู่ครู่ก็ตัดสินใจพูดออกไปว่า “ฉันกำลังคิดเรื่องความสัมพันธ์กับคนที่คบอยู่ค่ะ”

    “มีคนที่คบอยู่แล้วเหรอ! ทำไมไม่เห็นเคยเล่าให้ฉันฟังเลย”


    All alone in the glass house

    โดดเดี่ยวเดียวดายในบ้านเรือนกระจก

    Lie awake til the sun’s out

    ได้เพียงนอนลืมตาตื่นจนอาทิตย์ขึ้น

    Pink sky when you come down

    ท้องฟ้าเป็นสีแดงของยามเย็นย่ำตอนที่เธอมาหา

    Sometimes I wanna fcukin’ scream or run away, I dont know

    บางครั้งฉันก็อยากแหกปากหรือไม่ก็วิ่งหนีไป ฉันไม่รู้เลย


    ไม่ทันได้ตอบคำถามอย่างกระหายใคร่รู้ของเพื่อนรัก เนื้อเพลงท่อนหนึ่งก็ดังออกมาจากลำโพงแล็ปท็อปยี่ห้อบริษัทที่ฟิวริโอซ่าทำงานอยู่ หลังจากนักซ์ลากนิ้วไปบนจอทัชสกรีนเพื่อหาเพลงที่ตัดทิ้งไว้ในระยะเวลาเพียงครู่ขณะ บทเพลงดังขึ้นโดยไม่สนใจจังหวะระหว่างพวกเธอเลยสักนิดเดียว หากก็ไม่น่าเชื่อว่ามันจะกระทบเข้าไปทั้งในหัวและในอกของฟิวริโอซ่าเข้าอย่างจัง

    เมื่อบอกลาและพ้นจากร้านตั้งโต๊ะมาแล้ว คำพูดเจื้อยแจ้วของชีโดก็ดูจะเป็นเพียงเสียงหวึ่งหวี่ เมื่อเสียงที่ดังชัดเจนอยู่ขณะนี้ก็มีเพียงแต่ความคิดในหัวของตัวเอง ครั้นมันตกตะกอนดีแล้ว ฟิวริโอซ่าก็จะหยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความไปหาเขา เป็นความรู้สึกที่เหมือนยกภูเขาออกจากอกจนต้องฮัมเพลงท่อนที่เพิ่งได้รับฟังออกมาอย่างเบิกบาน ผิดกับจังหวะชวนเศร้าจากบทเพลง แกลส เฮาส์ ของแมชชีน กัน เคลลีกับเนโอมิ ไวลด์ที่เพิ่งเคยฟังโดยแท้ เธอเพิ่มมันเข้าไปในรายชื่อเพลงโปรดเรียบร้อยแล้วหลังจากขอชื่อเพลงกับนักซ์


    ฟิวริโอซ่าตัดใจบอกเลิกกับหัวหน้าแผนกการตลาดที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วอย่างเด็ดขาดในคืนนั้นเอง เธอชวนชีโดไปดูหนังแล้วหาอะไรกินที่ร้านอาหารจีนจนเกือบรุ่งสาง พอเช้าวันถัดมา เขาก็จะโทรมาหาเธอแต่เช้าตรู่ เธอเห็นมันแล้วตั้งแต่ตอนกลับถึงห้อง หากก็ไม่คิดจะรับสายเพราะง่วงงุนเต็มที ครั้นตื่นนอนเอาตอนบ่ายเกือบเย็นย่ำที่ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีแดง ถึงได้เห็นกล่องข้อความที่น่าจะพุ่งทะลุเกินร้อยไปแล้ว ในตอนที่กำลังจะเปิดอ่านเขาก็โทรเข้ามาพอดิบพอดี

    เธอกดตอบรับทันที แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยปาก เสียงฟูมฟายของเขาก็เริ่มต้นเปิดประโยคสนทนาเป็นอย่างแรก ดูเหมือนเขาจะดื่มไปหนักพอดูถึงได้ฟังแทบไม่รู้เรื่องเลย ฟิวริโอซ่าไม่อยากฟังด้วย รำคาญด้วย เลยตัดบทด้วยการยืนยันความต้องการของตนเองอย่างหนักแน่นแล้วตัดสายทิ้งไป ทว่าเขาก็ดูจะไม่ยอมรามือจากสายที่มาอีกไม่หยุดหย่อน กระทั่งเหลืออดเต็มทนจึงยอมรับสายแล้วโพล่งไปว่า

    “ถ้าอย่างนั้นก็เลิกกับคู่หมั้นแล้วมาคบกับฉันแทนได้มั้ยล่ะคะ!”

    พอพูดแบบนั้นปลายสายก็เงียบไปราวกับโทรทัศน์ที่มีใครมากดปิดก่อนแทนที่ด้วยเสียงสัญญาณ หลังจากโยนโทรศัพท์ทิ้งไปบนเตียงด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัวมากกว่าผิดหวัง ฟิวริโอซ่าก็คิดว่าดีแล้วที่ตาสว่างยอมเลิกกับคนพรรค์นี้ไปได้สักทีหลังจากโง่งมมานาน

    ครั้นเจอหน้ากันในที่ทำงาน เขาก็ทำเหมือนเธอเป็นยิ่งกว่าอากาศธาตุให้ได้รู้สึกเจ็บใจจนอยากเข้าไปตบหน้าให้หายเชิดสักทีสองที ทั้งที่เธอต่างหากควรเป็นฝ่ายได้ทำคอเชิดใส่เขา คอยดูเถอะ สักวันเธอจะหาผู้ชายที่ดีกว่าเขา หล่อกว่าเขา รวยกว่าเขามาควงตอกหน้าให้หน้าหงายไปเลย ว่าผู้หญิงอย่างเธอไม่ได้ยากไร้ขนาดที่จะหาผู้ชายเป็นของตัวเองไม่ได้!


    องสัปดาห์หลังจากนั้นพอดิบพอดี ฟิวริโอซ่าก็ได้รู้จักแม็กซ์ ร็อกแคแทนสกี เจ้าของห้างสรรพสินค้าที่มาร่วมงานเปิดตัวหุ่นยนต์ทำงานรุ่นใหม่ของบริษัทเธอในห้างของเขา สาวประชาสัมพันธ์มีวาสนาได้สนทนาพาทีกับเขาจากการแนะนำของหัวหน้าแผนก มาดของเขาดูดีมาก หน้าตาก็หล่อเหลามากจนรู้สึกเกร็งไปหมด เขาเป็นผู้ชายที่เธออยากให้คำนิยามว่าดีมาก หล่อมาก และรวยมาก จนเขี่ยชู้รักเก่าของเธอให้ตกกระป๋องไปได้ ทั้งยังทิ้งห่างนำลิ่วไม่เห็นฝุ่นนับแต่หัวข้อสนทนาอย่างเป็นทางการเริ่มเปลี่ยนไปเป็นเรื่องสัพเพเหระ อย่างดนตรีที่ชอบฟัง หนังสือที่ชอบอ่าน หรือร้านที่ชอบไป เขาเป็นทั้งผู้ฟังและผู้พูดที่ดีมากให้ฟิวริโอซ่าคลายกังวล เธอเพลิดเพลินกับแขกกิตติมศักดิ์รายนี้โดยไม่ได้สนใจเรื่องของชู้รักเก่าอีกเลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะนัยน์ตาที่เผลอปรายมอง และเห็นเขาที่ยืนอยู่ในมุมหนึ่งกำลังจ้องเขม็งมาทางเธออย่างจงใจ เมื่อนั้นฟิวริโอซ่าจึงสะบัดหน้าเชิดกลับไปอย่างจงใจด้วยเช่นเดียวกัน

    ถึงกระนั้นหลังจากการสนทนาที่ยอดเยี่ยมที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตกับผู้ชายที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่ง ฟิวริโอซ่าก็ไม่คิดว่าเขาจะโทรมาขอนัดพบกับเธอในอีกสามวันต่อมาที่บาร์หรูแถวละแวกบริษัท ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายเมื่อชู้รักเก่าก็มีนัดกับลูกค้ายังที่เดียวกันในเวลาเดียวกัน ฟิวริโอซ่าสาบานว่าเธอหัวร่อต่อกระซิกกับคู่นัด...ที่คุณร็อกแคแทนสกีบอกว่าเป็นเดต...อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด โดยไม่มีความคิดยั่วยุให้ชู้รักเก่าหึงหวงหรืออะไรทำนองนั้นอย่างที่เคยคิดว่าอยากทำเลย เพราะสิ่งที่เธอสนใจจดจ่อในยามนี้ก็มีเพียงแค่ชายตรงหน้าเท่านั้น

    แต่คนที่หน้ามืดตามัวคงจะตีความผิดไปด้วยความแค้นที่สุมอยู่ในตา เพราะตอนที่เธอกับแม็กซ์(เขาให้เธอเรียกอย่างนั้น)ออกจากโรงแรมมาได้ไม่ทันไร ชู้รักเก่าก็จะตามมากระชากท่อนแขนของคนที่ไม่ทันได้รู้ตัวจนเกือบตกส้นรองเท้าสูง ฟิวริโอซ่าคิดว่าให้เธอร่วงลงไปบนพื้นยังดีซะกว่าพลัดไปอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายคนนี้เป็นไหน เธอหวีดเสียงและพยายามขืนตัวให้หลุดพ้นคนที่เธอไม่ได้แค่โกรธแล้วแต่รังเกียจด้วย ทว่าเขาก็ไม่ยอมผ่อนแรงเลย ทั้งยังตะคอกใส่หน้าคู่เดตของเธอที่ดูจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่น้อยด้วยว่า

    “อย่ายุ่งกับเธอ! เธอเป็นผู้หญิงของฉัน!”

    “คุณต่างหากเลิกยุ่งกับฉันสักที! มีคู่หมั้นแล้วยังจะมายุ่งกับฉันอีกทำไม!

    “เธอเองก็รู้ว่าฉันมีคู่หมั้นแล้ว แล้วยังจะมาอ้าขาให้ฉันเอาทุกครั้งที่ฉันโทรหาเหมือนอีตัวราคาถูกทำไม!

    ด้วยคำพูดไม่ไว้หน้าจากคนที่คงจะเมามากและแค้นมาก ทั้งที่ฟิวริโอซ่ามากกว่าควรต้องรู้สึกอย่างนั้น หากก็ทำให้เธอเหมือนจะน้ำตาตกในได้พอคิดว่าเขาพูดต่อหน้าผู้ชายที่เธอชอบมากอย่างแม็กซ์ ทว่าทันใดก็ได้เห็นกำปั้นพุ่งเข้าใส่ใบหน้าที่เธอเคยหลงใหลของชู้รักเสียเต็มแรง เขาล้มลงไปเพราะแรงและสติที่ครองไม่อยู่จากวอดก้าที่ดื่มเข้าไปเหมือนน้ำเปล่าทั้งที่ก็ไม่ใช่คนรัสเซีย ก่อนมือของเธอจะถูกมือที่แข็งแกร่งของแม็กซ์คว้า พาวิ่งไปบนท้องถนนกับสายลมที่พัดต้องในยามค่ำคืนของเวสต์แลนด์ ทั้งที่ก็ไม่ได้เป็นสถานการณ์โรแมนติกชวนฝันอะไร แต่ฟิวริโอซ่ากลับคิดว่ามันพาฝันที่สุดนับตั้งแต่เกิดมาตลอดยี่สิบเจ็ดปี ความเหนื่อยหอบทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำและจังหวะหัวใจเต้นแรงอย่างกับอะดรีนาลีนสูบฉีด มือแข็งแรงที่กอบกุมเธอไว้กระทั่งกลายเป็นประสานกันเมื่อผ่านไปได้สักพัก ทำให้ฟิวริโอซ่าแน่ใจว่าเธอกำลังมีความรัก

    เขาหยุดหน้าร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ปิดทำการแล้ว บนถนนย่านการค้าที่เงียบสงัดในตอนกลางคืนแต่คึกคักในยามกลางวัน แม็กซ์ปล่อยมือจากเธอและเอามันมาวางบนสองเข่าจากการออกกำลังโดยไม่ตั้งใจ ขณะที่ฟิวริโอซ่าเอามือวางทาบอกที่หัวใจเคลื่อนไหวรัวเร็วเหมือนถูกฉีดยากระตุ้น แต่พอมองหน้ากันก็พากันหัวเราะออกมา ภาพของชายในชุดสูทกับหญิงสาวในเดรสตัวสวยที่วิ่งจับมือกันเหมือนเป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่ต้องรักษามาด คงเป็นภาพที่ประหลาดน่าดูในสายตาของผู้คนที่เธอกับเขาผ่านมา

    เขาจะตามคุณไปถึงบ้านหรือเปล่า คืนนี้คุณจะเป็นไรมั้ย

    เขาไม่เคยรู้จักบ้านของฉันค่ะ” ฟิวริโอซ่าตอบ พลันก็นึกว่าโชคดีที่เธอกับชู้รักเก่าต้องลักลอบพบกันจึงเลือกใช้โรงแรมนอกตัวเมืองเสมอ อีกทั้งเมื่ออยู่ในบริษัทก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่นานทีปีหนจะได้พบหน้าหรือติดต่อกันข้ามแผนกสักทีหนึ่ง จึงไม่มีใครระแคะระคายถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่เริ่มต้นจากการพบกันในห้องพักของบริษัทแม้แต่น้อย

    “น่าเสียดายจังนะ”

    “คะ?”

    “นึกว่าจะหาข้ออ้างให้คืนนี้คุณมาพักที่บ้านผมได้ซะอีก”

    ฟิวริโอซ่ากัดริมฝีปากสีแดงที่ตั้งใจทามา เหมือนชุดที่ตั้งใจเฟ้นหา ผมที่ตั้งใจทำมา ทุกอย่างในคืนนี้เธอตั้งใจบรรจงเพื่อให้เหมาะควรกับตัวเองและคู่ควรกับเขาที่สุด แต่ในเมื่อความรักที่เป็นความลับถูกเปิดเผยจากปากของเจ้าตัวชู้รักอย่างที่เธอไม่มีทางโต้แย้ง ฟิวริโอซ่าก็ไม่มีความตั้งใจที่จะปิดบังมันอีกต่อไป เธออยากเป็นคนที่คู่ควรกับแม็กซ์...อย่างน้อยก็นับจากนี้ แต่ไม่รู้เลยว่าอดีตที่ผ่านมาจะทำให้เขามองเธอเป็นเช่นไร และไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะยอมรับผลจากการกระทำอันไม่ยั้งคิดของตัวเอง

    “เอ่อ คุณก็ได้ยินที่เขาพูดเมื่อกี้แล้ว ฉันกับเขาเราเคย...”

    ทว่าคำพูดต่อจากนั้นก็ถูกกลืนหายลงคอไปหมด เมื่อริมฝีปากสีแดงที่แม็กซ์ชื่นชมตอนดื่มด้วยกัน จะถูกปิดปากด้วยจูบของเขาที่ทาบทับลงมาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

    และยามที่ไม่ได้มีเพียงริมฝีปากที่ประทับกันอีก ขณะที่เครื่องเล่นเพลงในห้องรับแขกของบ้านแม็กซ์เล่นเพลง ทู เลท ทู เทิร์น แบค นาว (สายไปแล้วที่จะย้อนกลับไป) ของคอร์นีเลียส บราเตอร์ส แอนด์ ซิสเตอร์ โรส ฟิวริโอซ่าก็พลันคิดขึ้นมาว่าถ้าเป็นนักซ์ เขาจะเปิดเนื้อเพลงท่อนไหนให้เธอกับแม็กซ์ในตอนนี้...หรืออาจรวมถึงอนาคตจากนี้กันนะ


    นักซ์เขาไม่ได้หยุดหรือว่าพักหรอก แต่เขาหนีหายย้ายไปแล้วต่างหาก คนที่อู่บอกว่าเขาหนีพวกจับลิขสิทธิ์ แค่เปิดเพลงท่อนเดียวแล้วได้เงินหนึ่งเหรียญก็ไม่แปลกหรอกที่จะไปขัดหูขัดตาใครเข้า ต่อให้จะแม่นเหมือนตาเห็นยังไงก็เถอะ แต่สงสัยจะลืมดูดวงให้ตัวเอง” ชีโดพูดจบก็ดื่มเบียร์ที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วดังเอื๊อกจนหมดในคราวเดียว หล่อนปาดเบียร์ที่เลอะขอบปากออกด้วยหลังมือก่อนพูดต่อว่า “ไม่รู้ป่านนี้เขาจะไปอยู่ไหนแล้ว น่าเสียดาย พูดตามตรงเลยนะฟิวริโอซ่า ฉันว่าฉันเหมือนจะตกหลุมรักเขาเข้าให้ด้วย อย่างน้อยขอสักครั้งก็ยังดี เธอดูกล้ามเขาสิ ฟังเสียงทุ้มลึกของเขาสิ โอ๊ย แค่คิดก็จะบ้าตายแล้ว” พอตัดพ้อให้ฟิวริโอซ่าต้องคิ้วขมวดร่นผูกเป็นโบว์ให้คนพูดได้ขบขันแล้ว ก็เย้าแหย่เพื่อนสาวที่นั่งจิ้มสลัดด้วยรอยยิ้มขันซึ่งยังไม่จางหายไปว่า

    เคยไปแค่ครั้งเดียวก็ติดใจนักซ์กับการทำนายทายใจของเขาเข้าแล้วสิท่า

    ทว่าคนถูกเย้าส่ายหัว ยกนิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือข้างที่ไม่ได้ถือส้อมขึ้น “สองต่างหาก”

    ต๊าย! แอบไปเมื่อไหร่ทำไมไม่บอก! คงแอบไปถามเรื่องคุณแม็กซ์ ร็อกแคแทนสกีรูปหล่อพ่อรวยมาใช่ไหม บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่านักซ์เปิดเพลงอะไรให้เธอกับเขา! บอกมา!”

    ฟิวริโอซ่าเพียงหัวเราะหากก็ไม่ได้พูดอะไรต่อแม้ว่าอีกฝ่ายจะเซ้าซี้น่าดู ถึงขนาดเขย่าเธอจนตัวโคลงให้เวียนหัวขึ้นมาได้ เธอกำลังคิดถึงเนื้อเพลงท่อนนั้นที่นักซ์เปิดให้อยู่ในใจ สลับกับเสียงทุ้มไพเราะของแม็กซ์ที่ร้องเพลงนี้ข้างหูเธอ คลอไปกับเสียงจากเครื่องเล่นในคืนแรกของเธอกับเขา


    It’s too late to turn back now

    มันสายไปแล้วที่จะย้อนกลับไป

    I believe, I believe, I believe I’m falling in love

    ฉันเชื่อ ฉันมั่นใจ ฉันศรัทธาว่าฉันกำลังมีความรัก


    ขณะตั้งตารอคอยงานแต่งงานที่จะมาถึงในฤดูร้อนปีหน้าอย่างใจจดใจจ่อ

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×