คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : J WALKERS: EP1 - Arrival
RE-RELEASE DATE : OCTOBER 13, 2020
---------------------------------------------------------
- ต้นฉบับมีเรื่องในงานเทศกาลดนตรีด้วย และส่วนตัวก็ชอบบรรยากาศมาก ช่วงนั้นโคตรอินกับหนังเรื่อง Song to Song แต่มาย้อนอ่านอีกทีแล้วไม่ชอบเนื้อเรื่องตรงนั้นเลย และถึงจะอยากเอาฉากพระเอกอีกคนเป็นดีเจบนเวทีมาลงแค่ไหน (เอามาจากหนังเรื่อง We Are Your Friends เลยนะเฮ้ย T_T) แต่มันห่วยมากจนยอมตัดใจตัดทิ้งไป แต่พอตัดไปมันก็สั้นฉิบหายจนน่าจะเอาตอนที่สองมาควบรวม แต่เรื่องนี้ตั้งชื่อตอนตามตัวอักษรมาจากชื่อหนัง ถ้าเอามารวมมันก็หายไปหนึ่งตอนสิฟะ เลยแค่นี้ก็แค่นี้วะ!
- พระเอกเรื่องนี้ยังไงก็ต้องหนุ่มชิคาโก หานานมากจนคิดว่าเอาจอห์นนีเหมือนเดิมก็ได้วะ แต่ก็รำลึกได้ว่าเฮ้ย Joe Keery เด็กชิคาโกนี่หว่า! เคยเล่นชิคาโกFireด้วย เคยอยู่วงดนตรีที่ตั้งในชิคาโกด้วย (วงPost Animal) มันก็ต้องเค้าแล้วสิฟะ! และขอบคุณดีต้าคนน่ารักสำหรับบทนางเอกใหม่ที่ก็น่ารักเหมียนเดิม :3
- ไม่เคยได้บอก แต่จะบอกตรงนี้ว่าชื่อ J Walkers มาจากคำว่า Jaywalking ที่แปลว่าคนเดินข้ามถนนอย่างผิดกฎหมาย (ไม่ข้ามทางม้าลาย) เพราะตัวละครหลักมีชื่อนำเป็นตัวเจด้วย แล้วก็อยากสื่อว่าแต่ละคนจะเลือกเดินทางผิดกันด้วย ฮั่นแน่ ไม่ได้ตั้งไปเรื่อยนะว้อย!
.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เจดกำลังนั่งเอนหลังราบไปกับพนักเก้าอี้ในท่าอากาศยานนานาชาติประจำมอนทรีออล เสียบหูฟังที่ต่อมาจากไอโฟนรุ่นเก่าไว้กับหู ในมือมีหนังสือ ‘ชิคาโก ซิตี ไกด์’ ที่เธอกำลังไล่สายตาอ่านอย่างตั้งใจ เพราะทันทีที่เครื่องบินออกจากแคนาดา เธอก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ในชิคาโกตามความตั้งใจของครอบครัวทั้งพ่อ แม่ และพี่สาว ที่ต่างก็ย้ายไปทำงานปักหลักอยู่ที่ประเทศข้างเคียงตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว คงเหลือแต่เจดที่ยังปักหลั่นอยู่ที่บ้านเกิดเพราะไม่อยากเผชิญความเปลี่ยนแปลงอีก
กระทั่งแม่ที่แวะกลับมาเยี่ยมหาในวันหนึ่งจะแทบลมจับ เมื่อเห็นว่าแฟนของลูกสาวคนเล็กอ่อนวัยกว่าหล่อนที่เป็นแม่แค่ไม่กี่ปี ชนิดที่ว่าเดินไปไหนด้วยกันก็คงมีแต่คนเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อลูกกัน (แม่อย่าเวอร์! เขาไม่ได้หน้าแก่ขนาดนั้น!) เจดไม่สนใจคำพูดของแม่หรือเสียงนกเสียงกาที่ไหน นอกจากเสียงของเอริก ชายคนรักที่แก่กว่าเธอเกือบยี่สิบปี แต่เข้ากับเธอได้เป็นอย่างดีในทุกเรื่อง และทุกเรื่องของเจดก็หมายถึงทุกเรื่องตรงตัวตามนั้น จนมองไม่เห็นช่องว่างความต่างระหว่างวัยเลยสักนิด
ทว่าสิ่งที่เธอได้เห็นในที่สุดก็คือภาพของเขาที่กลับไปคืนดีกับภรรยาเก่าหลังจากหล่อนหย่ากับสามีใหม่ คนที่เขาเคยบอกว่า “เราเลิกกันเพราะเข้ากันไม่ค่อยได้” เจดหัวใจสลาย กินอะไรไม่ลง ได้แต่ร้องห่มร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ร้อนถึงแอลลีที่ต้องบินจากแอลเอมาดูแลน้องสาวถึงมอนทรีออลเพราะกลัวน้องจะคิดสั้น (ฉันหมายถึงกลัวเธอจะเอามีดไปเสียบท้องอีตาเอริกนั่นต่างหาก!) พ่อแม่เองก็สงสารลูก แต่อีกฟากหนึ่งก็ดีใจหายที่สองคนนี้เลิกกัน รีบประกาศขายบ้านในแคนาดาแล้วให้ลูกสาวย้ายมาอยู่ที่อเมริกา เลือกเอาระหว่างชิคาโกกับพ่อ เวสต์เวอร์จิเนียกับแม่ หรือลอสแองเจลิสกับพี่สาว
เจดคิดว่าแอลเอคือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด ดีไม่ดีอาจได้เป็นนางเอกหนังเรื่อง ‘ลา ลา แลนด์’ อย่างใครเขา ดูแฟนพี่ที่ทำงานในฮอลลีวูดสิ หน้าตาก็หล่อเป็นบ้า กำกับภาพในหนังจนได้รางวัลมาแล้วตั้งมากมายทั้งที่อายุก็ยังไม่มาก แต่พอแอลลีหาว่าเพ้อเจ้อก็เลยพาลโกรธพี่สาวเป็นฟืนเป็นไฟ ครั้นจะไปอยู่เวสต์เวอร์จิเนียก็คร้านจะทนความขี้บ่นจุกจิกของแม่ไม่ไหว แม้เธอจะชอบบรรยากาศของเมืองมากแค่ไหนก็ตาม เจดจึงตัดสินใจไปอยู่กับพ่อ...ในเมืองที่เธอไม่เคยสนใจมาก่อน
เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอก็เพิ่งได้ไปเยือนชิคาโกเป็นครั้งแรก พ่อลางานในบริษัทก่อสร้างมาช่วยหาห้องเช่า ขนของบางส่วนที่เจดขนมาจากแคนาดารวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาใหม่เข้าที่พัก ก่อนเจดจะบินกลับมาจัดการธุระปะปังที่ยังคั่งค้างในแคนาดาเป็นครั้งสุดท้าย (ไม่มีเรื่องของเอริกอยู่ในนั้น แม้เธอจะอยากให้มีเรื่องเล็กน้อย...อย่างอุบัติเหตุเล็กน้อยก็ตาม)
ประกาศจากสายการบินที่ดังก้องไปทั่วอาคาร เรียกให้เจดต้องถอดหูฟังที่กำลังเล่นเพลงบรรเลงจากอัลบั้มประกอบหนังเรื่อง ‘นอคเทอร์นอล แอนิมอลส์’ ออก แทร็กที่ชื่อ ‘รีเวนจ์’ ทำให้เธอเหม่อได้พักใหญ่เพราะมัวครุ่นคิดหาวิธีแก้แค้นเอริกที่ไม่มีทางได้ใช้อยู่สารพัน ประชาสัมพันธ์ประกาศว่าไฟลท์บินที่จะออกเดินทางจากมอนทรีออลไปชิคาโกดีเลย์ จะออกเดินทางได้อีกทีในวันพรุ่งนี้ตอนสิบโมงเช้า เสียงบ่นระงมของผู้โดยสารหลายคนดังไปทั่ว...แต่ไม่ใช่กับเจด
ใช่ว่าเธอจะอาลัยอาวรณ์แคนาดาอะไรขนาดนั้นเพราะชิคาโกก็ไม่ได้แย่เลยสำหรับการเริ่มต้นใหม่ แต่ก็อดใจหายไม่ได้เมื่อคิดว่าต้องลาจากบ้านที่อยู่มาตลอดสิบห้าปี จึงอยากใช้เวลาในเมืองที่จะกลายเป็นบ้านเก่าให้นานกว่านี้อีกนิด เจดตั้งใจว่าจะเดินเที่ยวโอลด์มอนทรีออลเป็นครั้งสุดท้าย แล้วค่อยกลับมาที่สนามบินในตอนเช้าก่อนถึงเวลาบอร์ดดิ้ง ขณะนี้มือถือบอกเวลาสี่โมงครึ่งในตอนเย็น เธอสอดหูฟังกลับเข้าหู ยัดหนังสือลงในกระเป๋าเป้ เตรียมจะแวะไปคุยรายละเอียดเรื่องไฟลท์บินในวันพรุ่งนี้กับภาคพื้นดินของสายการบินก่อนออกไป
เพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล
ลุกขึ้นกระชับกระเป๋าเป้ก่อนคว้ากระเป๋าล้อเลื่อนมาลาก หากเดินไปได้ไม่ทันไรก็รู้สึกว่ามีคนมาสะกิดไหล่จึงหยุดฝีเท้าหันไปมองด้านหลัง ชายหนุ่มในวัยไล่เลี่ยกันกำลังยิ้มให้เธอ ทว่าเจดก็เพียงยิ้มกระอักกระอ่วนกลับไปด้วยเพราะเขาเป็น ‘คนแปลกหน้า’ แต่เธอก็ถอดหูฟังออกข้างหนึ่ง เอ่ยถามว่า
“มีอะไรเหรอคะ”
“คุณก็บินไฟลท์นี้ใช่มั้ยครับ”
เขาโชว์ตั๋วที่สอดอยู่ในพาสปอร์ตสหรัฐฯให้เธอดู เจดมองเวลาที่ระบุอยู่บนนั้นแล้วก็พยักหน้าตอบรับ เขาถามเธอต่อเรื่องไปคุยกับสายการบินเกี่ยวกับไฟลท์ที่ดีเลย์ เจดที่ใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะรู้สึกประหม่าปนเขินอายขึ้นมาก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่าตอบอะไรไป แต่รู้ตัวอีกทีเธอกับเขาก็กำลังเดินไปด้วยกันแล้ว
“ไม่รู้คุณจำได้มั้ย แต่เราเคยขึ้นไฟลท์เดียวกันด้วย ไฟลท์จากชิคาโกเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน”
เจดประมวลความคิด เธอหันมองหน้าเขาแต่ก็ไม่คุ้นเลยสักนิด “ขอโทษค่ะ ฉันจำไม่ได้เลย” หญิงสาวส่ายหน้า น้ำเสียงและสีหน้าแสดงออกว่ารู้สึกผิดเต็มที่ เขาหัวเราะขณะบอกเธอว่า “ไม่เป็นไรครับ คนตั้งเยอะแยะจะจำไม่ได้ก็ไม่แปลก” กระนั้นมันก็ทำให้เจดผ่อนคลายขึ้นมากที่ได้รู้ว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน แม้ว่าเธอจะจำเขาไม่ได้ก็ตาม
“เอ่อ ฉันเจดค่ะ เจด มาโฮน คุณ...เอ่อ...ไจ?” ครั้นนึกออกก็รีบกระตือรือร้นแนะนำตัวกับเขา เหมือนจะจำชื่อเขาได้คลับคล้ายคลับคลาจากตั๋วที่เขาโชว์ให้เธอดูเมื่อกี้หากก็ไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าใช่ เขาก็มีชื่อเหมือนไจ คอร์ตนีย์ ดาราคนโปรดคนหนึ่งของเธอ
“ไจ สปริงฟิลด์ ครับ เรียกผมว่าไจก็ได้”
และเขาก็กำลังจะกลายเป็นไจคนโปรดอีกคนหนึ่งของเธอ
ความคิดเห็น