ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` Decadence Avenue .

    ลำดับตอนที่ #5 : J WALKERS: EP1 - Arrival

    • อัปเดตล่าสุด 2 ธ.ค. 63


    J WALKERS: EP1 - Arrival
    RE-RELEASE DATE :
    OCTOBER 13, 2020
    ---------------------------------------------------------
    ถ้าได้เอาตอนที่สองมาลง จะนำคำวิจารณ์ต้นฉบับดั้งเดิมจากคุณยูมาลง เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่คนแต่ง...ว่าอย่าแต่งอะไรแบบนั้นอีก!!!

    - คิดนานมากว่าจะแปลงไม่แปลงดี เพราะหาพระเอกยากมากไม่ถูกใจสักที แต่เนื่องในโอกาสที่มีบุญวาสนาได้แปลทั้งชิคาโกPDกับFire (เป็นบุญแล้วที่ไม่ได้แปลชิคาโกMedกับJusticeด้วย...) แล้วก็คิดว่าโอ้โห โชคชะตาบันดาลแล้วล่ะ เราต้องกลับมาประเดิมฟิคชิคาโกเรื่องแรกของเราแล้วล่ะ ถึงมันจะห่วยมากเมื่อย้อนกลับไปอ่านก็เถอะนะ 555 อ้อ ถ้าจำเรื่องนี้ต้นฉบับได้ จะมีตอนที่พูดถึงเพื่อนข้างห้องนางเอกที่ได้เล่นซีรีส์เกี่ยวกับคนในชิคาโก ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากซีรีส์เซ็ตชิคาโกพวกนี้แหละฮ่ะ
    - ต้นฉบับมีเรื่องในงานเทศกาลดนตรีด้วย และส่วนตัวก็ชอบบรรยากาศมาก ช่วงนั้นโคตรอินกับหนังเรื่อง Song to Song แต่มาย้อนอ่านอีกทีแล้วไม่ชอบเนื้อเรื่องตรงนั้นเลย และถึงจะอยากเอาฉากพระเอกอีกคนเป็นดีเจบนเวทีมาลงแค่ไหน (เอามาจากหนังเรื่อง We Are Your Friends เลยนะเฮ้ย T_T) แต่มันห่วยมากจนยอมตัดใจตัดทิ้งไป แต่พอตัดไปมันก็สั้นฉิบหายจนน่าจะเอาตอนที่สองมาควบรวม แต่เรื่องนี้ตั้งชื่อตอนตามตัวอักษรมาจากชื่อหนัง ถ้าเอามารวมมันก็หายไปหนึ่งตอนสิฟะ เลยแค่นี้ก็แค่นี้วะ!
    - พระเอกเรื่องนี้ยังไงก็ต้องหนุ่มชิคาโก หานานมากจนคิดว่าเอาจอห์นนีเหมือนเดิมก็ได้วะ แต่ก็รำลึกได้ว่าเฮ้ย Joe Keery เด็กชิคาโกนี่หว่า! เคยเล่นชิคาโกFireด้วย เคยอยู่วงดนตรีที่ตั้งในชิคาโกด้วย (วงPost Animal) มันก็ต้องเค้าแล้วสิฟะ! และขอบคุณดีต้าคนน่ารักสำหรับบทนางเอกใหม่ที่ก็น่ารักเหมียนเดิม :3
    - ไม่เคยได้บอก แต่จะบอกตรงนี้ว่าชื่อ J Walkers มาจากคำว่า Jaywalking ที่แปลว่าคนเดินข้ามถนนอย่างผิดกฎหมาย (ไม่ข้ามทางม้าลาย) เพราะตัวละครหลักมีชื่อนำเป็นตัวเจด้วย แล้วก็อยากสื่อว่าแต่ละคนจะเลือกเดินทางผิดกันด้วย ฮั่นแน่ ไม่ได้ตั้งไปเรื่อยนะว้อย!
    .
    .https://i.imgur.com/s8n4waQ.png

    Song : I Don’t Know You – The Marias

    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เจดกำลังนั่งเอนหลังราบไปกับพนักเก้าอี้ในท่าอากาศยานนานาชาติประจำมอนทรีออล เสียบหูฟังที่ต่อมาจากไอโฟนรุ่นเก่าไว้กับหู ในมือมีหนังสือ ชิคาโก ซิตี ไกด์ ที่เธอกำลังไล่สายตาอ่านอย่างตั้งใจ เพราะทันทีที่เครื่องบินออกจากแคนาดา เธอก็ต้องใช้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ในชิคาโกตามความตั้งใจของครอบครัวทั้งพ่อ แม่ และพี่สาว ที่ต่างก็ย้ายไปทำงานปักหลักอยู่ที่ประเทศข้างเคียงตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว คงเหลือแต่เจดที่ยังปักหลั่นอยู่ที่บ้านเกิดเพราะไม่อยากเผชิญความเปลี่ยนแปลงอีก

    กระทั่งแม่ที่แวะกลับมาเยี่ยมหาในวันหนึ่งจะแทบลมจับ เมื่อเห็นว่าแฟนของลูกสาวคนเล็กอ่อนวัยกว่าหล่อนที่เป็นแม่แค่ไม่กี่ปี ชนิดที่ว่าเดินไปไหนด้วยกันก็คงมีแต่คนเข้าใจผิดว่าเป็นพ่อลูกกัน (แม่อย่าเวอร์! เขาไม่ได้หน้าแก่ขนาดนั้น!) เจดไม่สนใจคำพูดของแม่หรือเสียงนกเสียงกาที่ไหน นอกจากเสียงของเอริก ชายคนรักที่แก่กว่าเธอเกือบยี่สิบปี แต่เข้ากับเธอได้เป็นอย่างดีในทุกเรื่อง และทุกเรื่องของเจดก็หมายถึงทุกเรื่องตรงตัวตามนั้น จนมองไม่เห็นช่องว่างความต่างระหว่างวัยเลยสักนิด

    ว่าสิ่งที่เธอได้เห็นในที่สุดก็คือภาพของเขาที่กลับไปคืนดีกับภรรยาเก่าหลังจากหล่อนหย่ากับสามีใหม่ คนที่เขาเคยบอกว่า เราเลิกกันเพราะเข้ากันไม่ค่อยได้” เจดหัวใจสลาย กินอะไรไม่ลง ได้แต่ร้องห่มร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ร้อนถึงแอลลีที่ต้องบินจากแอลเอมาดูแลน้องสาวถึงมอนทรีออลเพราะกลัวน้องจะคิดสั้น (ฉันหมายถึงกลัวเธอจะเอามีดไปเสียบท้องอีตาเอริกนั่นต่างหาก!) พ่อแม่เองก็สงสารลูก แต่อีกฟากหนึ่งก็ดีใจหายที่สองคนนี้เลิกกัน รีบประกาศขายบ้านในแคนาดาแล้วให้ลูกสาวย้ายมาอยู่ที่อเมริกา เลือกเอาระหว่างชิคาโกกับพ่อ เวสต์เวอร์จิเนียกับแม่ หรือลอสแองเจลิสกับพี่สาว

    เจดคิดว่าแอลเอคือตัวเลือกที่น่าสนใจที่สุด ดีไม่ดีอาจได้เป็นนางเอกหนังเรื่อง ลา ลา แลนด์ อย่างใครเขา ดูแฟนพี่ที่ทำงานในฮอลลีวูดสิ หน้าตาก็หล่อเป็นบ้า กำกับภาพในหนังจนได้รางวัลมาแล้วตั้งมากมายทั้งที่อายุก็ยังไม่มาก แต่พอแอลลีหาว่าเพ้อเจ้อก็เลยพาลโกรธพี่สาวเป็นฟืนเป็นไฟ ครั้นจะไปอยู่เวสต์เวอร์จิเนียก็คร้านจะทนความขี้บ่นจุกจิกของแม่ไม่ไหว แม้เธอจะชอบบรรยากาศของเมืองมากแค่ไหนก็ตาม เจดจึงตัดสินใจไปอยู่กับพ่อ...ในเมืองที่เธอไม่เคยสนใจมาก่อน

    เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอก็เพิ่งได้ไปเยือนชิคาโกเป็นครั้งแรก พ่อลางานในบริษัทก่อสร้างมาช่วยหาห้องเช่า ขนของบางส่วนที่เจดขนมาจากแคนาดารวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อมาใหม่เข้าที่พัก ก่อนเจดจะบินกลับมาจัดการธุระปะปังที่ยังคั่งค้างในแคนาดาเป็นครั้งสุดท้าย (ไม่มีเรื่องของเอริกอยู่ในนั้น แม้เธอจะอยากให้มีเรื่องเล็กน้อย...อย่างอุบัติเหตุเล็กน้อยก็ตาม)


    ประกาศจากสายการบินที่ดังก้องไปทั่วอาคาร เรียกให้เจดต้องถอดหูฟังที่กำลังเล่นเพลงบรรเลงจากอัลบั้มประกอบหนังเรื่อง นอคเทอร์นอล แอนิมอลส์ออก แทร็กที่ชื่อ รีเวนจ์ทำให้เธอเหม่อได้พักใหญ่เพราะมัวครุ่นคิดหาวิธีแก้แค้นเอริกที่ไม่มีทางได้ใช้อยู่สารพัน ประชาสัมพันธ์ประกาศว่าไฟลท์บินที่จะออกเดินทางจากมอนทรีออลไปชิคาโกดีเลย์ จะออกเดินทางได้อีกทีในวันพรุ่งนี้ตอนสิบโมงเช้า เสียงบ่นระงมของผู้โดยสารหลายคนดังไปทั่ว...แต่ไม่ใช่กับเจด

    ใช่ว่าเธอจะอาลัยอาวรณ์แคนาดาอะไรขนาดนั้นเพราะชิคาโกก็ไม่ได้แย่เลยสำหรับการเริ่มต้นใหม่ แต่ก็อดใจหายไม่ได้เมื่อคิดว่าต้องลาจากบ้านที่อยู่มาตลอดสิบห้าปี จึงอยากใช้เวลาในเมืองที่จะกลายเป็นบ้านเก่าให้นานกว่านี้อีกนิด เจดตั้งใจว่าจะเดินเที่ยวโอลด์มอนทรีออลเป็นครั้งสุดท้าย แล้วค่อยกลับมาที่สนามบินในตอนเช้าก่อนถึงเวลาบอร์ดดิ้ง ขณะนี้มือถือบอกเวลาสี่โมงครึ่งในตอนเย็น เธอสอดหูฟังกลับเข้าหู ยัดหนังสือลงในกระเป๋าเป้ เตรียมจะแวะไปคุยรายละเอียดเรื่องไฟลท์บินในวันพรุ่งนี้กับภาคพื้นดินของสายการบินก่อนออกไป

    เพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล

    ลุกขึ้นกระชับกระเป๋าเป้ก่อนคว้ากระเป๋าล้อเลื่อนมาลาก หากเดินไปได้ไม่ทันไรก็รู้สึกว่ามีคนมาสะกิดไหล่จึงหยุดฝีเท้าหันไปมองด้านหลัง ชายหนุ่มในวัยไล่เลี่ยกันกำลังยิ้มให้เธอ ทว่าเจดก็เพียงยิ้มกระอักกระอ่วนกลับไปด้วยเพราะเขาเป็น คนแปลกหน้า แต่เธอก็ถอดหูฟังออกข้างหนึ่ง เอ่ยถามว่า

    “มีอะไรเหรอคะ”

    คุณก็บินไฟลท์นี้ใช่มั้ยครับ”

    เขาโชว์ตั๋วที่สอดอยู่ในพาสปอร์ตสหรัฐฯให้เธอดู เจดมองเวลาที่ระบุอยู่บนนั้นแล้วก็พยักหน้าตอบรับ เขาถามเธอต่อเรื่องไปคุยกับสายการบินเกี่ยวกับไฟลท์ที่ดีเลย์ เจดที่ใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะรู้สึกประหม่าปนเขินอายขึ้นมาก็จำไม่ค่อยได้แล้วว่าตอบอะไรไป แต่รู้ตัวอีกทีเธอกับเขาก็กำลังเดินไปด้วยกันแล้ว

    ไม่รู้คุณจำได้มั้ย แต่เราเคยขึ้นไฟลท์เดียวกันด้วย ไฟลท์จากชิคาโกเมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน”

    เจดประมวลความคิด เธอหันมองหน้าเขาแต่ก็ไม่คุ้นเลยสักนิด “ขอโทษค่ะ ฉันจำไม่ได้เลย” หญิงสาวส่ายหน้า น้ำเสียงและสีหน้าแสดงออกว่ารู้สึกผิดเต็มที่ เขาหัวเราะขณะบอกเธอว่า “ไม่เป็นไรครับ คนตั้งเยอะแยะจะจำไม่ได้ก็ไม่แปลก” กระนั้นมันก็ทำให้เจดผ่อนคลายขึ้นมากที่ได้รู้ว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน แม้ว่าเธอจะจำเขาไม่ได้ก็ตาม

    เอ่อ ฉันเจดค่ะ เจด มาโฮน คุณ...เอ่อ...ไจ?” ครั้นนึกออกก็รีบกระตือรือร้นแนะนำตัวกับเขา เหมือนจะจำชื่อเขาได้คลับคล้ายคลับคลาจากตั๋วที่เขาโชว์ให้เธอดูเมื่อกี้หากก็ไม่แน่ใจนัก แต่ถ้าใช่ เขาก็มีชื่อเหมือนไจ คอร์ตนีย์ ดาราคนโปรดคนหนึ่งของเธอ

    ไจ สปริงฟิลด์ ครับ เรียกผมว่าไจก็ได้”

    และเขาก็กำลังจะกลายเป็นไจคนโปรดอีกคนหนึ่งของเธอ

    SNAP
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×