ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` Perfectly Out of Place .

    ลำดับตอนที่ #2 : American Honey

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 63


    https://i.imgur.com/9a5f1ny.png
    Lover Surreal - Video Age
    .
    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

      

    - สิบแปดเดือนก่อน -

    เพราะเที่ยวบินที่จะออกเดินทางจากสนามบินโอแฮร์ไปเจเอฟเคคืนนี้เกิดดีเลย์ด้วยเหตุขัดข้องบางประการ ทำให้ไลรานึกหงุดหงิดขึ้นมาครามครันว่าพวกเขาน่าจะบอกให้เร็วกว่านี้ (ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกหรอกว่าเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เธอก็แค่อยากหาแพะรับบาป) คนที่ต้องอยู่สะสางงานด่วนให้เสร็จกระทั่งเพิ่งได้เก็บกระเป๋าเอาในนาทีสุดท้ายจะได้ไม่ต้องรีบร้อน จนลืมหยิบนิยายที่ค้างไว้ติดมือมาอ่านระหว่างเดินทางไปทำธุระเรื่องงาน แต่เธอก็คงได้ใช้เวลาเอ้อระเหยนี้ไปหาซื้อหนังสือใหม่สักเล่มที่ร้านขายหนังสือแถวนี้ หญิงสาวถอนหายใจพลางลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากกลุ่มคนที่ยืนออแหงนมองป้ายบอกเที่ยวบิน เพียงเพื่อเพื่อนร่วมไฟลท์ของเธอจะเห็นคำว่าดีเลย์ปรากฏโดยไม่รู้กำหนดออกหรืออื่นใดอีก

    เป็นเรื่องช่วยไม่ได้ที่เที่ยวบินกลับนิวยอร์กคืนนี้เกิดดีเลย์ขึ้นมา ไนเจลคิดขณะลากกระเป๋าเดินทางฝ่าฝูงชนออกมาเพื่อจะไปหาที่นั่งระหว่างรอประกาศต่อไป แต่เพราะผู้คนผลัดกันเดินเข้าออกไม่หยุดหย่อนจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะมีใครเบียดชนร่างของเขา ไนเจลขอใช้คำว่ากระแทกจนเขาถลันไปชนคนที่เดินอยู่ด้านหน้าให้ต้องเซถลาไปด้วย หญิงสาวในส้นสูงที่เกือบล้มหัวทิ่มหันขวับไปด้านหลังทันทีที่ตั้งหลักได้ พร้อมส่งสายตาขุ่นเขียวด้วยความขุ่นเคืองบนใบหน้าบูดบึ้งไปหา

    ไลราที่ยิ่งอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แถมยังมาโดนชนอีกก็หมายจะหันไปหาเหยื่อเพื่อระบายอารมณ์สักหน่อย หากก็ใจอ่อนลงได้แค่ได้ยินคำขอโทษ เหมือนที่ฉับพลันสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นประหลาดใจเมื่อเห็นว่าผู้ชายตรงหน้าคือใคร ถึงเขาจะไม่ได้สวมแว่นตาอย่างแรกเจอเมื่อสองวันก่อน

    “คุณที่เจอกันในงานเกม”

    และไนเจลยิ้มออกมาเพราะเขาก็จำเธอได้เช่นกัน แม้ที่จริงการใช้คำว่ายากจะลืมนั้นจะถูกต้องมากกว่าก็ตาม

    “คุณที่มาเล่นเกมในบูธของผม”


    “คุณดูแปลกไปนิดหน่อยเพราะไม่ได้ใส่แว่น”

    ตอนนี้ไลรากับไนเจลมานั่งด้วยกันที่เคาน์เตอร์ในร้านอาหารเปิดโล่ง ตรงข้ามกับเกทที่เที่ยวบินของพวกเขาควรได้ออกในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ไม่ใช่เก้าอี้นั่งรอที่เขาคิดว่าจะไม่มีเพื่อนร่วมทาง หรือร้านหนังสือที่ไลราตั้งใจว่าจะไปหาซื้ออะไรมาอ่าน ทุกอย่างผิดที่ผิดทางมาตั้งแต่เช้าสำหรับเธอ ทั้งงานที่ดันมาเปลี่ยนแผนกะทันหัน ทั้งการที่ต้องเก็บกระเป๋าแข่งกับเวลาอย่างฉุกละหุก ทั้งการที่เที่ยวบินล่าช้า รวมถึงการที่เธอได้บังเอิญเจอกับไนเจลด้วย แต่มันจะเป็นการผิดแผนที่ถูกได้ ไลราเชื่อว่าเธอทำให้มันเป็นอย่างนั้นได้

    วันนี้ผมใส่คอนแทกเลนส์ครับ” เขาอธิบาย “ว่าแต่คุณจะไปทำอะไรที่นิวยอร์กเหรอครับ”

    “ฉันทำงานที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ค่ะ หัวหน้าเห็นงานของศิลปินนิวยอร์กคนหนึ่งในอินเตอร์เน็ตแล้วคิดว่าน่าสนใจ เลยให้ฉันไปดูเผื่อจะเอางานของเธอมาจัดแสดงได้” ไลราตอบด้วยการบอกเล่าเรื่องงานอย่างง่าย ก่อนย้อนไปเป็นงานของเขาที่เธอไปค้นที่อยู่ของบริษัทเขาหลังจากงานเกมวันนั้น แม้ผลลัพธ์จะทำให้เธอห่อเหี่ยวไปได้พักใหญ่ก็ตาม

    “บริษัทเกมของคุณก็อยู่ที่นิวยอร์กใช่มั้ยคะ”

    “ครับ ผมอยู่ในบริษัทย่อยที่นิวยอร์ก แต่ที่จริงสาขาใหญ่อยู่ที่ชิคาโกนะครับ”

    ไลราพยักหน้ารับรู้ขณะก้มไปดูดน้ำโค้กจากหลอด เธออยากให้เขาทำงานที่ชิคาโกแทนที่จะเป็นนิวยอร์ก จะได้มีเวลากับเขามากกว่านี้ ได้ทำความรู้จักเขามากกว่านี้ ได้นัดพบเขาเมื่อไหร่ก็ได้ที่อยากเจอ หรือพูดจากใจจริงของไลราก็คืออาจได้เป็นคนรักกับเขา มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าเธอถูกชะตากับไนเจลตั้งแต่วันนั้นแล้ว เขามีหน้าตาและบุคลิกในแบบที่เธอชอบ ทำงานในแบบที่เธอชอบ และตอนนี้เธอก็แน่ใจแล้วว่าชอบเขามาก ไลราดูไม่ออกเลยว่าเขารู้ตัวมั้ย คิดไปคิดมาก็กระวนกระวายใจเข้าจนได้

    “ความจริงผมต้องกลับตั้งแต่เมื่อวานแล้วครับ” เขาว่าต่อโดยไม่ได้รู้ถึงความว้าวุ่นที่แฝงอยู่ใต้ท่าทีเรียบเฉยนั้น “แต่ได้มาทั้งทีก็เลยอยู่เที่ยวกับเพื่อนที่ชิคาโกต่อสักวัน”

    หัวใจพลันโลดแล่นขึ้นมาเมื่อได้ยินว่าเขาก็มีเพื่อนที่เมืองนี้จนเกือบหลุดถามออกไปว่าเพื่อนชายหรือหญิง ขอบคุณพระเจ้าที่มันถูกขัดจังหวะเสียก่อนด้วยคำถามจากเขาว่า “ขอโทษนะครับ แต่ดูจากหน้าตาของคุณ...คนเอเชียใช่มั้ยครับ”

    ใช่ค่ะ” ไลราตอบรับ “พ่อแม่ฉันเป็นคนญี่ปุ่น แต่พอพ่อแต่งงานใหม่เมื่อสิบห้าปีก่อนก็เลยย้ายมาอยู่ที่อเมริกา คุณเองก็ไม่ใช่อเมริกันใช่มั้ยคะ ฟังจากสำเนียง”

    “อ๋อ ครับ ใช่” เขาตอบรับพร้อมเสียงหัวเราะที่ไลราคิดว่ามันน่าฟังเป็นบ้า เขาน่ารักเป็นบ้า และเขาทำเธอเหมือนจะบ้า!

    ผมเป็นคนไอริชครับ ที่จริงผมเคยมาเรียนต่อที่อเมริกาหลายปีแล้ว แต่พอเรียนจบก็กลับไปทำงานบริษัทเกมที่ไอริช ไม่กี่ปีจากนั้นค่ายเกมของผมก็ถูกค่ายเกมเซอร์เรียลมาซื้อไป พวกค่ายเกมอินดี้อยู่ในนิวยอร์ก แต่พวกเกมยักษ์ในค่ายใหญ่จะอยู่ที่ชิคาโกครับ” จากนั้นเขาก็เริ่มร่ายชื่อเกมดังของค่ายด้วยความชื่นชม ขณะที่ไลราก็ชื่นชมความกระตือรือร้นนั้นและเขาไปด้วยในเวลาเดียวกัน

    เธอไม่ใช่คนที่ตกหลุมรักใครง่าย แต่อย่างกับความรักเป็นเรื่องที่ควบคุมได้ บทจะมาก็มา บทจะไปก็ไป เธอได้เรียนรู้มาหลายครั้ง และกับคนนี้ไลราก็ไม่อยากควบคุมมัน เธออยากระเบิดมันออกมาเลยด้วยซ้ำถ้าทำได้ หากเธอส่งสัญญาณไปให้ เขาจะหยุดควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ด้วยหรือเปล่านะ อาจเพราะเธอใจลอยทั้งที่ก็ยังมองหน้าเขา คงเพราะการตอบรับเริ่มขาดช่วง ไนเจลจึงขัดประโยคของตัวเองด้วยใบหน้าที่เจื่อนลงไปว่า

    ขอโทษนะครับ ผมคงพูดมากเกินไป ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกเบื่อ”

    “ไม่ค่ะ! ไม่!” ไลรารีบดึงปากออกจากหลอดที่เธอเผลอกัดมันไปด้วย “ฉันไม่ได้เบื่อค่ะ ฉันแค่เหม่อ แต่ฉันก็ยินดีจะใช้ทุกเวลาบนโลกนี้ไปกับการรับฟังคุณพูดนะคะ”

    ทันใดหญิงสาวก็เพิ่งรู้ตัวว่าปากไวพูดอะไรออกไป เธอเขินและอาย แต่ก็ไม่เสียใจกับคำพูดโพล่งนั้นเลยเมื่อเห็นทีท่าของคู่สนทนาหลังจากได้ฟัง เขาดูจะอึ้งไป อาจเพราะเข้าใจความหมายในคำพูดของเธอได้ กระทั่งเข้าใจเจตนาของเธอในที่สุด ไนเจลคิดว่าหน้าเขาคงเริ่มแดงจนต้องรีบยกแก้ววอดก้าโทนิคขึ้นมาจรดขอบปาก แม้มันจะปกปิดรอยยิ้มกับเสียงหัวเราะเขินที่หลุดออกไปแล้วไม่ได้ก็ตาม

    ขาไม่ได้อยากคิดไปเอง ที่จริงเขาก็นึกชอบเธอตั้งแต่ในงานเกม ขนาดที่ถึงกับขอบคุณโชคชะตาที่บันดาลให้ได้พบเธออีกครั้ง แม้จะไม่ได้หวังอะไรมากไปกว่าแค่ได้เห็นหน้าเธอก็ตาม ไนเจลคิดว่าเธอน่าจะอายุราวยี่สิบตอนกลาง เพราะรู้ว่าคนเอเชียมักจะดูอ่อนกว่าวัย ส่วนเขาอายุสามสิบห้า แท้จริงอาจแก่กว่าเธอแค่ไม่กี่ปี แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองมีเสน่ห์มากพอจะดึงดูดผู้หญิงที่ยังสาวและเต็มเปี่ยมด้วยเสน่ห์อย่างนี้ได้ ทว่าพอเห็นท่าทีของคนตรงหน้าที่ทำเป็นก้มไปดูดน้ำที่หมดแก้วแล้ว กระทั่งคนที่ไม่ชอบคิดเข้าข้างตัวเองอย่างไนเจลก็ยังแน่ใจว่าเขาดูไม่ผิด

    ชคดีที่ความกระอักกระอ่วนระหว่างพวกเขาคงอยู่แค่เพียงไม่นาน เมื่อได้ยินเสียงประกาศออกไมโครโฟนดังขึ้นมาว่า

    “ผู้โดยสารที่จะเดินทางไปนิวยอร์กด้วยเที่ยวบินดีเลย์คืนนี้ เครื่องของท่านจะพร้อมออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ตอนสิบเอ็ดโมงเช้า ต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยค่ะ หากผู้โดยสารท่านใดต้องการออกเดินทางเร่งด่วนในเวลาตีห้า สามารถมาติดต่อได้ที่เคาน์เตอร์ค่ะ”

    ตามติดมาด้วยปฏิกิริยาตอบรับจากผู้โดยสารเที่ยวบินเดียวกันที่รอความเคลื่อนไหวอยู่แถวนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นไปด้วยความไม่พอใจเพราะมันยุ่งยาก วุ่นวาย เสียเวลา และน่าเบื่อมาก แน่นอนว่ามันก็จะเป็นแบบนั้นสำหรับไลราถ้าเธอไม่ได้เจอไนเจล เขาเปลี่ยนช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันให้ไม่น่าเบื่อ การรอคอยดูมีความหมายเมื่อได้ใช้มันร่วมกับคนที่ใช่ จริงอยู่ว่าไลราไม่คิดจะชอบใครมาได้สักพักใหญ่แล้ว ไม่ใช่ด้วยเหตุผลตื้นเขินอย่างผิดหวังกับความรักจนหมดศรัทธาหรืออะไรทำนองนั้น เธอก็แค่มีความสุขกับชีวิตอิสระอย่างทุกวันนี้ดี ไม่คิดจะแบ่งปันมันกับใคร...อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ดังนั้นการที่ใครคนหนึ่งทำให้เธอรู้สึกเช่นนั้นได้ก็ย่อมมีค่า มากถึงกับพิเศษ

    และมันคงดีหากไนเจลก็จะรู้สึกเหมือนเธอ แม้ไลราจะขอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาก็ดูจะมีใจให้เธอเช่นกันหลังจากได้รับสัญญาณของเธอ เธอดูคนเก่งและมั่นใจว่าดูเขาไม่ผิด แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่มั่นอกมั่นใจมากขนาดนั้นเมื่ออยู่กับคนแปลกหน้า ดังนั้นคำพูดเชิญชวนทางตรงอย่าง คืนนี้อยู่ต่อกับฉันได้มั้ยคะ จึงไม่ได้หลุดออกจากปากแทนที่คำว่า

    “เที่ยวบินเลื่อนแบบนี้ คุณจะรีบเดินทางหรือว่าอยู่ชิคาโกต่ออีกหน่อยเหมือนฉันคะ”

    ฟังเหมือนเธอแค่สงสัย แต่หากมองอีกนัยจะเห็นว่ามันมีความหมายทางอ้อมให้เขาใช้เวลาที่เมืองนี้อีกหน่อย...กับเธอ ไลราขอให้ไนเจลอ่านออกและหวังว่าเขาจะตอบรับ

    วอดก้าโทนิคหมดแก้วแล้ว และไนเจลก็ยังหุบยิ้มไม่ได้แม้หญิงสาวจะมองหน้าเขาอยู่ เขาเขินแต่ก็มีความสุขมาก เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นเลยที่ช่วงเวลาแห่งความสุขจะต้องจบเร็ว เมื่อพวกเขาสามารถยืดมันออกไปให้นานกว่านี้ได้ คืนนี้เพิ่งเริ่ม...และมันอาจเป็นเพียงการเริ่มต้นของตอนจบอันแสนสุข

    “ผมคิดว่าอยากอยู่ชิคาโกต่ออีกสักหน่อย...กับคุณ”


    รึ่งชั่วโมงจากนั้น คนทั้งคู่ก็มาอยู่ที่ “ฉันรู้จักอาร์เคดแถวสนามบินค่ะ มันเปิดถึงตีสาม” และการที่ไลรากับไนเจลจะไปสนุกกันในอาร์เคดที่เหมาะกับคอเกมอย่างพวกเขาก็เป็นความคิดที่เข้าท่า การได้ใช้เวลาร่วมกันเพื่อทลายกำแพงคนแปลกหน้าและเชื่อมสัมพันธ์ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดี เพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล

    าร์เคดเปิดไฟสลัวตามแบบฉบับร้านเกมตู้ที่ไนเจลและไลราต่างก็เคยเป็นลูกค้าประจำในบ้านเกิดมาแต่เด็ก ผู้คนตอนเกือบเที่ยงคืนน้อยนิดจนนับด้วยมือเดียวได้ ร้านอาจไม่กว้างมากแต่ก็มีเกมให้เลือกเล่นไม่น้อย แพคแมนไม่เคยใช่เกมโปรดของไลราเลยไม่ว่าก่อนโน้นหรือปัจจุบันนี้ แต่พอพวกเขาเดินผ่านตู้เกมแพคแมนจอยักษ์และไนเจลบอกว่าแพคแมนคือเกมแรกที่เขาเคยเล่นในอาร์เคด ไลราก็บอกว่าเขาน่าจะเล่นดูและเธอก็ปฏิเสธเขาที่ชวนเล่นด้วยกันไม่ได้ สำหรับไลราที่เล่นเกมนี้ได้ไม่เก่งนักก็ทึ่งมากที่เขาเล่นมันได้เก่งมาก จนชื่อ ไลรา ปรากฏอยู่เป็นอันดับห้าในหน้าไฮสกอร์ที่เธอรีบปรามตอนเห็นเขาพิมพ์เป็นชื่อเธอ แต่ไนเจลก็แย้งทั้งที่มือยังกดเลื่อนตัวอักษรเป็นระวิงว่า

    เพราะคุณบอกให้ผมเล่น” เขาพิมพ์เสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อหันมาเป็นเธอ “ผมอยากให้มันเป็นของขวัญกับคุณ”

    ไลราทำได้เพียงแผ่วหัวเราะขณะเอ่ยขอบคุณ มันจะเป็นหนึ่งในของขวัญที่ดีที่สุดที่เธอเคยได้รับอย่างแน่นอน จากนั้นเขาก็ให้เธอเลือกเกมที่อยากเล่นบ้าง หญิงสาวผู้กลายเป็นเด็กจึงไปหยุดที่หน้าตู้เกมเอเลียนส์อย่างตื่นเต้น บอกว่ามันเป็นหนังแฟรนไชส์โปรดของเธอ ไนเจลไม่ขัดข้องเมื่อเธอชวนเขาจับปืนออกยิงด้วยกัน และไลราก็คิดไว้ไม่ผิดว่าเขาจะเล่นได้ดีกว่าเธอที่ต้องคอยหยอดชิปอยู่บ่อยครั้ง หากก็ถ่อมตัวด้วยการบอกว่ามีเพื่อนที่เล่นเก่งกว่านี้มาก แต่ต่อให้เพื่อนของเขาจะเป็นแชมป์ตู้เกมเอเลียนส์จากดาวแอลวี-426 ไลราก็ไม่คิดว่าเธอจะชื่นชมใครคนนั้นมากไปกว่าคนข้างตัวที่ถึงจะพิชิตเอเลียนในเกมไม่ได้ แต่เขาก็พิชิตใจเธอได้แล้ว มันอาจเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่น่าชมนัก แต่ไลราคิดว่าไนเจลก็ไม่ต่างจากตัวเอเลียนที่มาเกาะหน้าเธอ ไม่นานจากนั้นเขาก็จะทำให้บางอย่างทะลวงออกมาจากอกเธอ เชื่อเถอะว่าเขาทำให้เธอเป็นอย่างนั้นได้ในไม่ช้าถ้าหัวใจเธอยังเต้นแรงอย่างนี้

    หลังจบเกมเอเลียนส์ ไนเจลก็ชวนเธอเล่นกีตาร์ฮีโร่ที่ไลราผู้ไม่ถนัดทั้งยังไม่นิยมต้องขอปฏิเสธอย่างหนักแน่น แต่เธอยินดีจะรับชมเขาเล่น เพลง ซิตีส์ ออน เฟลม วิท ร็อก แอนด์ โรล ของวงบลูออยสเตอร์คัลท์ที่เขากำลังดีดในระดับเอ็กซ์เปิร์ตอย่างตั้งใจหากก็ดูออกว่าเขาสนุกกับมันมาก ทำให้ไลราเข้าใจได้ในที่สุดว่าเขากำลังทำให้ชิคาโกของเธอร้อนเป็นไฟแม้อากาศจะหนาว ไฟกำลังลุกท่วมและเธอต้องถูกเผาไปด้วยแน่ถ้ามันยังไม่ถูกดับโดยเขาเอง คนที่เล่นเกมกีตาร์จบไปหนึ่งตาด้วยคะแนนดีเยี่ยม หันมาหาเธอด้วยสีหน้าท่าทางของคนที่ไม่ได้รู้อะไรว่า

    ผมเคยเล่นดนตรีสมัยเรียน”

    แต่เสียงหัวเราะที่ฟังออกว่าไลราพยายามแค่นออกมา เหมือนแก้มสีชมพูอ่อนที่เขาเห็นจากไฟจ้าในสนามบิน ทว่าตอนนี้เป็นสีแดงจัดจนเห็นชัดได้แค่จากไฟสลัวและแสงสว่างจากตู้เกม หรือมือขวาของเธอที่ทาบอยู่บนอกซ้ายเหมือนต้องการควบคุมบางอย่างใต้นั้น ก็ทำให้ไนเจลรู้ได้ในวินาทีนั้นว่าเขาไม่จำเป็นต้องควบคุมอะไรอีก ไม่มีใครอยู่แถวนี้ เขาไม่ต้องทนฝืนกับสิ่งที่อยากทำมาตลอด ไนเจลเสียบกีตาร์คืนเครื่องทั้งที่เกมก็ยังเล่นต่อได้ แต่มันไม่สำคัญกับเขาอีกต่อไป เมื่อเขาเดินเข้าไปหาไลรา ใช้สองมือจับสองแก้มแดงก่ำของเธอ และเริ่มต้น...จูบเธอ หญิงสาวไม่ผงะหรือแม้แต่ชะงัก ตรงกันข้ามมันเหมือนกับเธอกำลังรอคอยให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะเธอยกมือขึ้นจับท้ายทอยของเขาให้ยิ่งชิดใกล้ ตอบรับจูบของเขา ริมฝีปากเปิดรับเขา แม้วอดก้าโทนิคจะยังติดอยู่กับเขา แต่ไม่ช้าความหวานจากจูบก็กลบรสขมปร่านั้นได้ชะงัด

    อนนี้เอเลียนกำลังทะลวงอกของไลราออกมา เพราะเธอรู้สึกแสบร้อนที่อกจนกำลังจะตายได้ในวินาทีใดวินาทีหนึ่งจากจูบฝรั่งเศสที่ร้อนเหมือนไฟนี้

    หมือนที่ตอนนี้ไนเจลก็ได้รับรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง และไม่มีสิ่งใดสำคัญกับพวกเขาเท่ากับความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้าอีกต่อไป


    ากเที่ยวบินเกิดผิดพลาด ไลราก็มีแผนจะไปเปิดโรงแรมแถวสนามบินแทนที่จะนั่งแท็กซี่กลับเอดจ์วอเตอร์ แต่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนคือการที่เธอจะมีเพื่อนร่วมห้องด้วย เธอกับเขาแทบไม่ได้พูดอะไรกันอีกหลังจากจูบนั้น แต่พอถึงห้อง ไนเจลก็แทบไม่รอให้ประตูปิดสนิทดีด้วยซ้ำ เมื่อเขาคว้าตัวเธอที่เดินนำไปก่อนมาพิงกับบานประตูแล้วก็จูบเธอทันทีทันใด หนักแน่นจนไม่มีช่องว่าง ร้อนเร่ากว่าครั้งแรกจนทำให้ความหนาวเหน็บเป็นสิ่งที่น่ากังวลน้อยที่สุดในโลก เกิดเปลวเพลิงลุกโหมได้แค่จากประกายไฟ เหมือนต้องการย้ำว่าเขาจะไม่ปล่อยให้เธอไปไหน และไลราก็ตอบรับแทนคำสัญญาว่าเธอไม่มีทางจะไปไหนเช่นกัน ไนเจลรู้ว่าเขาจะไม่แยกจากเธออีกเลยตลอดคืนนี้ เหมือนที่ไลราก็รู้ว่าเธอไม่อยากแยกจากเขาอีกแม้คืนนี้จะผ่านพ้นไป

    ป็นคืนที่อัศจรรย์ทั้งยังน่าเหลือเชื่อสำหรับเธอกับเขา ราวกับเป็นเมตามอเดิร์นนิตี อาร์เคดทำให้พวกเขาได้ย้อนกลับไปเป็นเด็ก ก่อนหันเหไขว้เขวจากเกมแล้วเริ่มต้นจูบกันด้วยความรู้สึกอยากเติบโตเป็นวัยรุ่น จากนั้นก็พัฒนาไปสู่เซ็กซ์ที่จะทำให้พวกเขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ความสัมพันธ์ทางกายในคืนหนึ่งที่ไนเจลทำให้ไลราได้รับรู้ว่าเขาปรารถนาเธอมากเพียงไหน อันนำไปสู่ความสัมพันธ์ต่อจากนี้ที่ไลราก็ทำให้ไนเจลได้รับรู้ว่าเธอรักเขามากแค่ไหน

    ทุกอย่างนั้นเป็นความรู้สึกที่เหนือจริงสำหรับไลราจนคำว่า

    นายทรยศความรู้สึกของฉัน! จำไว้เลยนะว่านายไม่มีทางหาผู้หญิงที่ดีเท่าฉันเจออีกหรอก! ต่อให้คนนั้นจะเป็นเมียเก่านายก็ช่าง!

    ฟังเหนือจริงสำหรับไนเจลในอีกหกเดือนต่อมาที่เขาบอกเลิกกับเธอเช่นกัน



    - ปัจจุบัน -

    เพราะได้รับสายเมื่อราวสามชั่วโมงก่อนว่า “หนึ่งทุ่มมาเจอกันได้มั้ย” อันยาจึงพับปิดแล็ปท็อปที่เจ้าตัวก็กำลังเบื่อจากงาน ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว กดเข้าแอพฯเรียกรถมารับ และไปถึงที่หมายในอีกครึ่งชั่วโมงก่อนถึงเวลานัดยังบาร์ในเวสต์ลูปอันเป็นร้านประจำของเธอกับเขา หนึ่งเพราะมันอยู่ใกล้บ้านกับที่ทำงานของเขา สองเพราะอันยาไม่ยอมให้เขาขับมอเตอร์ไซค์ไปมาเพียงเพื่อจะมาดื่มแถวอพาร์ตเมนต์ของเธอในเอดจ์วอเตอร์ สำหรับเธอที่มีเวลาว่างเหลือเฟือกว่าเขา ก็ไม่คิดว่าเขาควรต้องมาเสียเวลาบนท้องถนนไปกับการจราจรพลุกพล่านดูดชีวิตอีก

    นั่งอ่านหนังสือรอได้ราวสิบห้านาที คนนัดก็ปรากฏตัวตรงตามเวลาเหมือนทุกครั้ง ไม่จำเป็นต้องสอดส่ายสายตาแต่ก้าวฝีเท้ามายังโต๊ะด้านในอันเป็นที่นั่งประจำทันที ยิ้มกลับไปให้คู่นัดที่พับปิดหนังสือและทักทายเขาอย่างสดใส เพียงเท่านั้นอีมส์ มาโลนีย์ ก็สลัดความเครียดจากงานออกไปได้ ความเหน็ดเหนื่อยตลอดสัปดาห์ก็ถูกยกออกไปด้วย อันยาทำให้เขารู้สึกดีได้เสมอ คงเพราะอย่างนั้นที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอยังคงดำเนินต่อไป

    ความสัมพันธ์ที่เป็นพิษทั้งกับเธอ...เขา...และภรรยาของเขา


    มันควรเป็นแค่คืนธรรมดาคืนหนึ่งในวันที่อากาศเริ่มเย็น อันยาไม่ได้เบื่อหรือหน่ายที่ไลราเพื่อนร่วมอพาร์ตเมนต์จะพามาร์ตินมาพลอดรักเป็นครั้งคราว ผนังห้องไม่ได้บาง มาร์ตินก็เป็นคนดี คนทั้งคู่ไม่เคยทำอะไรให้เธอต้องหงุดหงิด แล้วก็ใช่ว่าคนอย่างอันยาจะเหงาเมื่อไม่ได้มีคนรักหรืออะไรทำนองนั้น แต่บางครั้งความคิดอย่างนั้นก็ผุดขึ้นมา และนานครั้งมันก็ชัดเจนเข้มข้นจนแทบเป็นรูปเป็นร่างได้เหมือนที่เธอกำลังรู้สึกอยู่นี้ อันยาจึงกดเข้าแอพฯเรียกรถไปยังแมรีบาร์เทลมีพาร์คในเวสต์ลูปที่เห็นในข่าวทางทีวีพอดิบพอดี หนึ่งเพราะเธอไม่เคยไปและมันก็ดูน่าไป อีกประการหนึ่งคือถ้าขืนเธอยังจับเจ่าอยู่ที่ห้องต่อไป เธออาจระเบิดตัวเองขึ้นมาก็ได้

    แมรีบาร์เทลมีพาร์คสวยเหมือนที่อันยาเห็นในทีวี ผู้คนในยามนี้บางตา เธอนั่งเหม่อพร้อมกับความคิดที่ลอยล่องไปตามบทเพลงที่กำลังเล่นผ่านหูฟัง ตอนนี้เป็นเพลง เดอะ ไนท์ วี เม็ท และอันยาก็คิดว่าคงดีหากคืนนี้เธอจะได้เจอกับใครสักคน ผู้ชายที่จะทำให้เธอมองย้อนกลับไปในคืนที่เราพบกันครั้งแรกได้ จะด้วยความสุขสมหรือขื่นขมก็ไม่เป็นไร กระทั่งความคิดเรื่อยเปื่อยจะถูกขัดด้วยเงาร่างที่มานั่งบนม้านั่งข้างเธอ ช่วยไม่ได้ที่อันยาจะหันไปมองเขาโดยอัตโนมัติ เขายิ้มให้เธอเหมือนรอคอยอยู่แล้ว

    ผู้ชายแปลกหน้าคนนี้อายุมากกว่าเธอ ตัวใหญ่มากจนดูน่ากลัวนิดหน่อยแต่ก็ไม่เหมือนคนที่มีพิษภัย แม้จะรู้ว่าเราตัดสินใครแต่ภายนอกไม่ได้ ทว่าเขาก็ดูจะเป็นคนดีอย่างที่ตาเธอเห็นและความคิดเธอรู้สึก อันที่จริงในยามที่อันยากำลังนึกถึงความรักอย่างนี้ เธอก็คิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูดี...อย่างมาก หากเมื่อริมฝีปากใต้หนวดของเขาเริ่มขยับ เธอก็รีบถอดหูฟังออกแล้วถามว่า

    “ขอโทษนะคะ คุณว่าอะไรนะคะ”

    เขาหัวเราะจนอันยาหัวเราะตามด้วยแก้มที่รู้สึกว่าร้อนผ่าวและอาจกำลังขึ้นสี นึกจั๊กจี้กับเสียงหัวเราะทุ้มของเขาขึ้นมาตงิด แม้จะรู้ว่าเธอตื่นเต้นกับปฏิกิริยาจากเขามากเกินปกติเพราะความคิดบ้าบอของตัวเองต่างหาก

    “มานั่งทำอะไรคนเดียวตอนสวนใกล้ปิดเหรอครับ”

    “ใกล้ปิดแล้วเหรอคะ” เธอตกใจกับคำบอกจนไม่ได้ตอบคำแต่รีบกดมือถือดูเวลาบนจอ สี่ทุ่มสี่สิบแปดนาที “สวนปิดห้าทุ่มครับ” เขาตอบ

    เช่นนั้นอันยาที่ยังไม่อยากกลับห้องก็ต้องไปหาที่อื่นอยู่ บางทีเธออาจไปดูหนังรอบดึกฆ่าเวลายันเช้า แต่ตอนนี้เธอก็ไม่ได้มีอารมณ์อยากดูหนังอยู่ดี เธอคงจะหาที่เดินเล่นหรือร้านให้นั่ง อันยาลุกขึ้นขณะคิดสะระตะไปเรื่อยเปื่อยหลังบอกขอบคุณเขา หากเมื่อหันมองคนที่ลุกตาม หญิงสาวก็พลันคิดขึ้นมาว่าอยากให้เขาเป็นเรื่องราวตลอดคืนนี้ของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้มีความกล้ามากพอจะเริ่มจีบหรือให้ท่าผู้ชายแปลกหน้าก่อนอยู่ดี มากสุดที่เธอกล้าพอจะทำในตอนนั้นก็คือ

    “เดินออกไปด้วยกันมั้ยคะ”

    และมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะในช่วงเวลาอันสั้นระหว่างเธอกับคนที่แนะนำตัวว่าชื่ออีมส์เดินไปด้วยกัน เขาก็ขอเดินเล่นกับเธอต่อหลังได้รู้ว่าเธอไม่มีอะไรทำ พวกเขาพูดคุยกันด้วยเรื่องธรรมดาทั่วไปที่สุดอย่างดินฟ้าอากาศ ที่พักของเธอกับเพื่อนในเอดจ์วอเตอร์ ที่ที่น่าไปในชิคาโกสำหรับอันยาที่เพิ่งย้ายมาอยู่ได้แค่ไม่กี่เดือน กระทั่งไพล่มาถึงเรื่องคนรัก หญิงสาวก็บอกเล่าความรู้สึกของเธอในคืนนี้ออกไปโดยไม่มีเจตนาเคลือบแฝง เขาแค่ถาม เธอที่กำลังติดลมก็ตอบ ทว่ามันก็เป็นจังหวะเหมาะให้ทุกอย่างเป็นใจ

    แม้มันจะไม่ถูกต้องในตอนที่เขาบอกว่า “ขอโทษที่เพิ่งบอก ผมมีภรรยาแล้ว แต่เธอทำงานอยู่ที่นิวยอร์ก มันก็เหมือนกับพวกเราแยกกันอยู่”

    เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวมากของอีมส์ที่เพิ่งมาบอกตอนที่เธอขึ้นห้องของเขามาแล้ว ตอนที่เธอถูกจุดติดจนใกล้จะระเบิดได้แล้ว และอันยาควรโกรธเขา หยุดมันไว้แค่นี้ แต่เธอก็เห็นแก่ตัวไม่ต่างกับเขา หากจะแก้ตัวอย่างหน้าไม่อายก็คงเพราะเธอไม่ได้นอนกับใครมาเป็นปี เพราะสิ่งที่อีมส์ทำคือเอากันไม่ใช่ร่วมรัก มันไม่ได้ละเอียดอ่อน ไม่ได้อ่อนโยน เหมือนต้องการจะบอกว่ามันไม่ใช่อะไรที่มากกว่านี้ ไม่มีความรู้สึกมาข้องเกี่ยว อันยากอดรัดเขา โอบรับทุกอย่างนั้นด้วยความยินดี เพราะเธอรู้สึกผิดที่รู้สึกดีตอนนอนกับคนรักของคนอื่น เพราะมันสาสมแล้วกับสิ่งที่เธอทำ หรือเพราะเธอชอบความเจ็บปวด แต่พวกเขาก็ไม่ถลำลึกมากไปกว่าเรื่องทางกายแม้ความสัมพันธ์จะยังดำเนินต่อไปหลังจากคืนนั้น

    อันยารู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด หากก็หวังว่าสักวันตัวเองจะทำในสิ่งที่ถูกได้...เพียงแต่วันนั้นยังไม่มาถึง


    อีมส์เริ่มบ่นเรื่องงานให้ฟังนิดหน่อยหลังจากได้ดื่มเบียร์ เพราะเกมใหม่ใกล้เปิดตัวก็เลยยิ่งยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพัก จากนั้นก็เป็นเรื่องราวสัพเพเหระในช่วงสัปดาห์ที่เธอกับเขาไม่ได้พบกัน ตามด้วยเรื่องราวทั่วไปที่เธอกับเขาจะหยิบยกมาคุยกันได้ แม้อายุจะห่างกันแปดปีก็ไม่ได้มีสิ่งที่เรียกว่าความเข้ากันไม่ได้ระหว่างเธอกับเขา สำหรับอันยา ช่วงวัยที่แตกต่างไม่เคยใช่ปัญหาสำหรับเธอ ความชอบที่ต่างกันต่างหากคือเรื่องใหญ่ และเธอชอบการได้พูดคุยกับอีมส์ ชอบการได้ขึ้นเตียงกับเขา ชอบการที่ไม่ต้องปรับตัวเพื่อเป็นในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็น ทว่าสิ่งที่หยุดยั้งเธอไม่ให้ไปไกลกว่านี้ได้ก็คือการที่เขามีภรรยาอยู่แล้ว อาจเป็นมโนธรรมเล็กน้อยที่เธอยังพอมี

    วันนี้ไปที่ห้องผมได้มั้ย” เป็นคำชวนของอีมส์ในอีกสามชั่วโมงต่อมาหลังออกจากบาร์ ร้านอยู่ในระยะที่เขาจะเดินกลับอพาร์ตเมนต์ของตัวเองได้ เพราะอย่างนั้นต่อให้ดื่มจนเมาก็ไม่ต้องกังวลกับปัญหาเมาแล้วขับ

    “ไม่ได้ค่ะ ฉันมีงานที่ต้องส่งพรุ่งนี้เช้า ถ้าไม่รีบกลับไปทำก็คงทำไม่ทันแน่”

    “งั้นอยู่กับผมแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้”

    “พูดอย่างกับคุณจะทำได้”

    ก็จริง” อีมส์ตอบรับเสียงอ่อนอ่อย ก่อนพากันหยุดฝีเท้าเมื่อมาถึงหน้าอพาร์ตเมนต์ที่เขาอยากให้เป็นจุดหมายของเธอในคืนนี้

    “ขอโทษนะคะ แต่ถ้าพรุ่งนี้อยากเจอก็โทรมานะ”

    เธอว่าด้วยคำพูดและรอยยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกดีได้ทุกครั้ง ดีมากเสียจนอีมส์ทนไม่ไหวต้องคว้าตัวเธอเข้าไปหลบสายตาผู้คนในมุมอับข้างตึกเพื่อจูบเธอ


    อันยาสะดุ้งตื่นแล้วรู้สึกว่าคอแห้งจึงออกมาดื่มน้ำ ดับกระหายได้แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่ห้องรับแขกในอพาร์ตเมนต์ของอีมส์ ลงท้ายเธอก็ขึ้นห้องมากับเขาหลังจูบที่เขาก็รู้ว่าจุดติดให้เธอได้เสมอ หรี่ตาเพ่งมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนังก็เห็นว่าเป็นเวลาตีห้าแล้ว เธอเสียเวลาทำงานเพื่อมาหลับนอนกับคนที่ก็ไม่ใช่คนรักของตัวเอง และเธอก็ต้องหาข้ออ้างมาแก้ตัวให้กับหัวหน้าว่าทำไมงานถึงยังไม่เสร็จ อันยาไม่ได้อยากเป็นคนเหลาะแหละหลักลอย ไม่จริงจังกับอะไรแม้แต่เรื่องงาน คิดถึงแต่ปัจจุบันโดยไม่มองถึงอนาคต เพียงแต่มันยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองในเมื่อเธอก็พอใจกับชีวิตทุกวันนี้ดี

    น่นอนว่ารวมถึงเรื่องของอีมส์ที่ต่างก็บอกใครไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าเป็นอะไรกัน แม้เขาจะเป็นผู้ชายที่ทำให้เธอหวนย้อนไปถึงคืนที่เราเจอกันได้ เพราะเมื่อไหร่ที่ได้จูบกับเขา หญิงสาวก็จดจ่อกับสิ่งเดียวนั้นในช่วงเวลานั้นกับคู่นอนที่จับต้องได้ทว่าไม่มีอยู่จริง เป็นความสุขที่หวานขม แต่อย่างไรทุกอย่างระหว่างเธอกับเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่จริงตั้งแต่ต้น และมันก็ไม่มีทางเป็นจริงกว่านี้ไปได้

    พราะฉะนั้น สิ่งเดียวที่อันยายึดเหนี่ยวไว้ระหว่างความไม่จริงก็คือความสัมพันธ์ทางกายกับเขาที่จริง จนกว่าเธอจะได้พบกับคนรักที่เป็นจริง


    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    Re-Release Date : AUGUST 27, 2020

    - เอาลงวันนี้เพราะจะได้ดูเทเน็ทวันนี้แล้วว้อย! ฮ่าๆๆๆ
    - รูปพี่ทอม ฮาร์ดี้บนโปสหล่อว่ะ

    - ถ้าไม่เพราะต้องเปลี่ยนนางเอกจนมู้ดหายไปช่วงหนึ่งก็คงแต่งตอนตัวBจบไปแล้ว แต่เดือนหน้าจะกลับมาแน่นอนจ้า อิอิ
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


    First Release Date : JULY 24, 2020
    LV-426 คือดาวในหนังเรื่อง Alien

    - ตอนแต่งตอนที่หนึ่งนี้ก็ฟังเพลง Metamodernity ของ Vansire คู่ไปด้วย ดังนั้นห้ามใช้เพลงนี้จนกว่าเราจะได้ใช้นะโว้ย! จองไปในเรื่องแล้วว้อย! T v T)/ และต้องขอบคุณเพลง Lover Surreal ที่เราเลือกมาประกอบในตอนนี้ ที่มาจุดประเด็นจริง-ไม่จริงให้กับตอนนี้ด้วย
    - ยากให้เห็นดราฟท์แรกของไลรากับไนเจลมาก สั้นฉิบหายจนนึกว่าพิมพ์เรื่องย่อให้อ่าน 555 ส่วนของทอมัสกับอันยาหั่นออกไปเยอะมากเพราะพิมพ์อะไรไปก็ไม่รู้... โลกรู้(ไม่รู้ก็เรื่องเอ็ง)ว่าเราเป็นบ้าเป็นบอกับฉากเจอกันในสนามบินมาก และแน่นอนว่าแรงบันดาลใจในตอนนี้มาจากเรื่องเร้ดอาย (คารวะปู่เวสเสมอมาค่ะ สู่สุคติ) ที่จริงเริ่มแต่งมาตั้งแต่ต้นเดือนที่กูเปิดเร้ดอายดูแล้วมึงก็ได้ดูด้วยง่ะ ก็คือกูดูแค่เพราะจะมาเอาพล็อตในสนามบิน เนี้ย มึงก็หวาดระแวงว่ากูจะชอบผู้ชายมึงอยู่ได้ เห็นกูเป็นคนยังไง อิ_อิ
    - สารภาพว่าตอนแต่งทีแรก ในหัวก็นึกถึงไนเจลแต่แนวกีค จนไม่ได้ว่ะ ต้องเปลี่ยนให้ตอนนี้เค้ามาใส่คอนแทกเลนส์แทน ไม่งั้นบทจะเนิร์ดและเฉิ่มมาก Orz ฉากในอาร์เคดตอนแรกก็รู้สึกว่ายากมาก แต่พอเกลาไปเกลามามันสนุกจังวะ (ขอโทษด้วยนะเพื่อนที่ต้องให้เค้าเล่นกีตาร์ฮีโร่ 55555)
    - เพิ่มบทให้พี่ทอม ฮาร์ดี้ในวินาทีสุดท้ายก่อนจะแต่งตอนที่หนึ่ง จนแม่งไม่เหลือบทพระเอกพระรองเผื่อแผ่ให้คนอื่นเลยว้อย พี่เป็นใครมาจากไหนคะถึงได้ขึ้นโปสเตอร์ด้วย 555 แต่ก็แต่งเรื่องนี้เพื่อสนองนี้ดตัวเองอยู่แล้ว จะเปลี่ยนบทใครยังไงก็ได้ตามแต่อารมณ์จะพาไป อยากแต่งอะไรก็จะแต่ง โห คนจริง ยกสองนิ้วให้ไปเล้ย d(T v T)b
    - American Honey ไม่ใช่หนังโปรดเราเลย กูซื้อแผ่นมาในราคาเต็ม แถมโกรธด้วยเพราะดูไปแล้วไม่ชอบ แผ่นมันแพง 555 แต่ก็คิดว่าจะหาโอกาสดูอีกครั้งเผื่อจะมองเรื่องนี้ในมุมใหม่ (บังเอิญมั้ยล่ะที่มึงเคยเกลาบทพากย์ให้หนังเรื่องนี้ด้วย เนี้ย ฟิคเพื่อกูกับมึงจริงแล้วมั้ย T_T) แต่ใจก็อยากใช้ชื่อตอนเป็นชื่อนี้มานานมากแล้ว เป็นหนังที่เราอาจไม่ได้ชอบมากมายก็จริง แต่รักชื่อเรื่องมากจริง

    ปล. พู
    ดจริง เราไม่คาดหวังว่าหลังจากเจวอล์คเกอร์จะมีเรื่องอะไรที่ทำให้เราสนุกกับการแต่งชิคาโกเท่านั้นได้อีก ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง (เพราะเรื่องนั้นมันเห่ยมากจริง T v T แต่ก็เป็นฟิคในความทรงจำเรื่องหนึ่งจริง) แต่เกี่ยวกับบรรยากาศในเรื่อง เราเคยพยายามจะกลับมาแต่งฟิครักในชิคาโกหลายครั้งมากแต่ก็ล่มไปหมดเพราะไม่สนุก แต่งยังไงก็ไม่ชอบ จนได้มาแต่งเรื่องนี้ที่เราโคตรชอบโทนเรื่องและเอนจอยกับการแต่งมาก เราโคตรรักชิคาโกเพราะจอห์นนีบอกว่าดาร์คไนท์ถ่ายที่เมืองนี้ เป็นไงล่ะ พอมาเปิดฟิคนี้เพราะได้ดูดาร์คไนท์ไทรโลจีในIMAXก็ได้ฟิคที่เราโคตรภูมิใจเรื่องนี้มา ศาสดาโนแลนที่นับถือมาเป็นสิบปีศักดิ์สิทธิ์จริง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วว่ะ T_T
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×