คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : I : Last Man Standing
RELEASE DATE : FEBRUARY 1, 2020
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
✚
“พรุ่งนี้ที่ต้องไปรบ ผมคงจะคิดถึงคุณ”
ชายหนุ่มพึมพำราวกับแค่เปรย แต่หญิงสาวในวัยเดียวกันที่นอนซุกอยู่กับอกของเขา ศีรษะหนุนบนท่อนแขนแข็งแรงที่ลูบผมนุ่มหอมของเธออยู่ก็งึมงำกลับไปว่า
“ฉันไม่อยากให้คุณไปเลย”
“คุณก็รู้ว่ามันเป็นหน้าที่ที่ผมขัดไม่ได้ และอีกอย่าง ผมก็ภูมิใจที่ได้ทำเพื่อประเทศชาติ เพื่อครอบครัว เพื่อคุณ”
เธอลุกขึ้นมาอยู่ในท่านั่ง ริ้วแห่งความกังวลผุดขึ้นบนใบหน้าที่มองสบกับชายหนุ่มซึ่งเอาสองมือไปสอดวางไว้ใต้ศีรษะเพื่อหนุนเองแล้ว
“ฉันรู้ค่ะ แต่ยังไงมันก็คือสงคราม ฉันกลัว”
“ผมจะไม่เป็นไร สามีคุณยังกลับมาอย่างปลอดภัยได้ทุกครั้งที่ไปรบเลย”
“แต่เรย์มอนด์เป็นผู้พันนะคะ! มันจะเหมือนกับสิบตรีอย่างคุณได้ยังไง วิลเลียม!”
เธอถอนใจแรงด้วยความรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ออกมา แต่กลายเป็นว่าน้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาอย่างไม่ทันรู้ตัวด้วย หากเมื่อรู้ก็ไม่คิดจะปาดเช็ด ป่วยการเปล่า อีกทั้งหากปล่อยให้มันรินไหล ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ข้างในก็อาจไหลพรูตามไปได้
น้ำตาของเธอบังเกิดขึ้นจากความขุ่นเคืองและผิดหวังต่อพระเป็นเจ้า ต่อโชคชะตา ต่อทุกสิ่งอันก่อให้เกิดสงครามโลกที่ยืดเยื้อมายาวนานกว่าสามปี ไม่มีใครรู้เลยว่ามันจะจบลงเมื่อไหร่...ที่ตรงไหน ผู้คนสูญเสียและล้มตายนับล้าน ที่ยังอยู่ก็บ้างอดอยาก ผืนดินที่เคยอุดมกลับแร้นแค้น แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่ความสุขสันต์ บ้านของเธอก็หาใช่วิมานเปี่ยมสุข แต่การที่คนบริสุทธิ์ต้องทุกข์ทนเจ็บตายเป็นเบือเพื่อสงครามที่พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง มันคือคนละเรื่องกัน มันไม่มีวันจะเทียบกันได้
กระทั่งเคืองโกรธที่ผู้รับเคราะห์กรรมก็คือผู้ชายคนนี้ในที่สุด—วิลเลียม เชลตัน
ผู้เป็น ‘ชู้รัก’ ของเธอตลอดห้าเดือนมานี้
.
ย้อนกลับไปยังวันนั้น วันที่ผู้พันเรย์มอนด์ แมนน์ ก่นด่าภรรยาของเขา—เจนแอนน์ แมนน์ บนโต๊ะอาหารเย็น ขนมปังแข็งอย่างกับหิน ซุปเห็ดข้นคลั่กเหมือนอ้วก ไก่อบจืดชืดไร้รสชาติ หรือกาแฟที่เขาเอาสาดหน้าเธอเพราะนึกว่าเป็นน้ำล้างเท้า ทุกอย่างที่เจนแอนน์ตั้งใจทำให้สามีอย่างสุดฝีมือนั้นไม่ดีพอ...มันไม่เคยดีพอ
เมื่อเรย์มอนด์ได้หวนคืนถิ่นหลังว่างเว้นจากสมรภูมิ เขาก็มักจะพร่ำพูดให้เธอฟังว่าอาหารกระป๋องในสนามรบรสชาติแย่แค่ไหน ผิดกับอาหารร้อนกรุ่นฝีมือภรรยาที่รสชาติเยี่ยมเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ และหลังจากมื้อเย็นเขาก็จะขึ้นสวรรค์ด้วยร่างกายของเธอ ซึ่งหากโชคดีพอ เขาก็จะพาเธอขึ้นสวรรค์ด้วย มันเกิดขึ้นได้ในช่วงแรกที่เขากลับมา แต่เมื่อใกล้จะต้องกลับไปรบอีกครั้ง เขาก็จะหงุดหงิดงุ่นง่าน เป็นชายวัยกลางคนผู้โมโหร้ายยิ่งกว่าเดิม เพราะอย่างนั้นจึงนับว่าอับโชคที่เธอขึ้นสวรรค์ได้ไม่บ่อย
เธอจะสุขสมได้อย่างไร หากจิตใจและร่างกายบอบช้ำด้วยน้ำมือของคนที่กำลังร่วมรักกับตนเอง
ขณะที่วิลเลียม เชลตัน วิ่งรอกทำงานเป็นคนสวนให้กับบ้านคนมีเงินในละแวก แต่ไม่นับรวมบ้านของสามีภรรยาแมนน์ เพราะเจนแอนน์มีเวลาว่างมากมายเหลือเฟือที่จะทำทุกอย่างนั้นด้วยตัวคนเดียวได้ งานทำสวนอาจหนักอยู่บ้างสำหรับสตรีร่างบอบบาง แต่ไม่ใช่งานที่ลำบาก เธอปลูกดอกไม้ไว้ในสวน พุ่มดอกกุหลาบหลากสีก่อร่างสร้างอาณาจักรอยู่ริมรั้วบ้าน ส่งกลิ่นหอมดึงดูดผู้คนได้ทุกคราวที่เดินผ่าน
ก็เหมือนกับตัวเจนแอนน์เอง—ไม่เพียงเป็นที่รักใคร่ของใครหลายคนที่รู้จักเธอ หากยังเป็นที่ลุ่มหลงปองหมายของชายน้อยใหญ่ถึงพวกเขาจะไม่ได้ผูกมิตรสมัครสมาน เธอดูสูงส่งดั่งดอกฟ้าเกินกว่าที่ชายใดจะกล้าอาจเอื้อมแม้เพียงจำนรรจา ต่อให้รู้ว่าไม่มีวันจะได้ครอบครอง
รวมถึงชายหนุ่มชาวสวนผู้ต่ำต้อยด้วย
แต่คืนนั้นภรรยาสาวไม่อาจทานทนกับการทารุณได้อีกต่อไป แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องเป็นสนามรองรับอารมณ์ผู้เป็นสามีก็ตาม เรย์มอนด์ไม่ได้อยู่ในสนามรบ ไม่ได้อยู่ในสนามเพลาะที่มีกับดักซ่อนอยู่จนต้องคอยระแวดระวังทุกฝีก้าว แต่ลอนดอนก็ยังดูจะเป็นอย่างนั้นสำหรับเขา เขาทำเหมือนกับว่าภรรยาที่อ่อนแอและบิ่นร้าวรอวันแตกเป็นทหารฝั่งตรงข้าม คนที่เขาจะด่าทอสาปแช่งหรือทรมานด้วยความรุนแรงจนสาแก่ใจ
และเธอก็รู้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย มันจะเป็นวัฏจักรที่วนเวียนไปไม่หยุดหย่อน ตราบที่สงครามยังไม่จบ หรือไม่...มันก็อาจไม่มีวันจบสิ้น
พอเรย์มอนด์เข้านอนไปแล้วโดยไม่สนใจน้ำตาที่พรูพร่างของเธอ เจนแอนน์ก็เดินออกมาหน้าบ้าน จันทร์เสี้ยวส่องสว่างให้กับค่ำคืนที่มืดมิด แต่ไม่มากพอจะส่องทางให้กับนัยน์ตาที่มืดบอดได้ หญิงสาวเดินตรงไปยังกอกุหลาบ จากนั้นก็ดึงทึ้งพวกมันด้วยความโกรธขึ้งที่บดบังสตินึกคิด บ้างแค่ดอก บ้างทั้งก้านจนดินกระจุย ไม่สนแม้จะถูกหนามแหลมคมบาดแทงนิ้วเรียวสวยซึ่งเธอเฝ้าถนอม ไม่ต่างกับดอกไม้งามที่เธอเฝ้าดูแลตั้งแต่ยังเป็นแค่เมล็ดพันธุ์ กอบดินมากลบด้วยมือตัวเอง คอยพรวนดิน รดน้ำ ตัดแต่งกิ่งใบจนเติบโตเป็นพืชพันธุ์ที่งดงาม
แต่มันก็ไม่มีประโยชน์ ความสวยไม่มีประโยชน์ เป็นแค่สิ่งลวงตา ทุกอย่างไม่จีรัง จะความงามหรือความสุขก็เป็นเพียงภาพลวง
‘ความโหดร้าย’ ต่างหากที่เป็นความจริงบนโลกที่เหี้ยมโหดนี้—เป็นจริงมาตลอด
กระทั่งมือที่ปัดป่ายไปทั่วพุ่มดอกไม้งามซึ่งบัดนี้แปรสภาพเป็นกองขยะไร้ค่าจะถูกมือหนึ่งมากุมข้อมือไว้ หยุดการกระทำของหญิงบ้าไร้สติต่อดอกไม้ที่น่าสงสารได้ชะงัด และเมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เจนแอนน์ก็เห็นว่าใครที่ยืนอยู่อีกฝั่งของรั้วเตี้ยหน้าบ้านเธอ
“พอเถอะครับ ดอกไม้พวกนั้นไม่ได้ผิดอะไร และมือของคุณที่คอยดูแลมันก็ไม่ควรต้องมีแผล” วิลเลียม เชลตัน...พูดกับเธออย่างนั้น
เลือดสีแดงหยดจากฝ่ามือของเธอลงไปบนพื้น มันคือเลือดหยาดแรกที่หลั่งรินให้กับสงครามนี้
สงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น...สงครามที่เธอไม่มีวันชนะ
“ให้ผมทำแผลให้นะ”
—ตราบที่เธอต้องสู้คนเดียว
.
“ผมรู้สึกผิด แต่ผมก็ดีใจที่เห็นคุณร้องไห้ให้กับผมนะ เจนแอนน์”
ชายหนุ่มลุกขึ้นมานั่งเหมือนเธอแล้ว เธอรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากเสียงที่เรียกชื่อเธออย่างอ่อนโยน เพราะมันคือสิ่งที่เจนแอนน์ได้รับจากเขามาตลอดนับตั้งแต่คืนนั้น
เป็นความอบอุ่นที่ซ่านซึมเข้ามาในใจที่เย็นเยือกจากความเย็นชาของผู้เป็นสามี หลังจากดวงใจที่ให้ไปถูกย่ำเหยียบอย่างไม่ไยดี ไม่ต่างอะไรกับกอกุหลาบที่เธอปลูกมันเองกับมือ—และทำลายมันเองกับมือ
แต่เจนแอนน์ไม่รู้สึกผิด...ไม่อีกต่อไป หากมันหมายถึงการนอกใจสามีใจร้ายของเธอ
เรย์มอนด์เป็นคนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น...เป็นเขาไม่ใช่ใครเลย เขาเองที่จุดไม้ขีดกับกลัก แต่ที่เขาไม่รู้ หรืออาจแค่ทะนงตนจนไม่ยอมมองดู คือเขาทิ้งมันไว้ข้างกองฟาง อาจดูไร้พิษสง ไม่มีภยันตราย แต่หากไฟลามไปถึงมัน ทุกอย่างที่อยู่ใกล้ก็จะมอดจนเหลือเพียงเถ้า ทิ้งไว้เพียงคราบสีดำต่างหน้าเพื่อฟ้องว่าครั้งหนึ่งเคยเกิดอะไรขึ้น
หรือไม่...ก็อาจไม่มีอะไรหลงเหลือแม้เศษเสี้ยว
“เพราะฉันรักคุณ”
เจนแอนน์โผเข้าหาร่างตรงหน้า สองมือกอดเกี่ยวรอบคอของเขา ใบหน้ายังเว้นระยะห่าง หากก็ใกล้มากพอจะรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่เป็นดั่งไฟต่อชีวิตให้เธอ
“คุณคือคนเดียวที่ฉันรัก และเป็นคนเดียวที่ฉันจะคิดถึง”
“ได้โปรดอย่าพูดแบบนั้น” วิลเลียมยื่นใบหน้าซีดเข้าไปชิดใกล้ ริมฝีปากคลอเคลียวนเวียนอยู่ที่พวงแก้มสุกปลั่งสีชมพูเรื่อ “อย่าพูดเรื่องหลอกลวงที่ทำให้ผมดีใจ ไม่เป็นไรเลยถ้าคุณจะนึกถึงเรย์มอนด์ด้วย ระหว่างที่ผม...เรา...ไม่อยู่กับคุณ”
“ไม่ค่ะ”
น้ำตาของเจนแอนน์รินไหลหนักกว่าเดิมจนวิลเลียมต้องรีบจูบซับและกอดร่างที่สั่นเพราะแรงสะอื้นไว้ แม้จะเคยเล่าเรื่องไม่ดีของสามีให้ฟัง หากก็ไม่ใช่ทุกเรื่อง โดยเฉพาะการถูกใช้กำลังจนเจ็บร้าวไปถึงกระดูกดำ แม้ชายหนุ่มจะเห็นรอยช้ำ เจนแอนน์ก็เฉไฉให้พ้นตัวได้เสมอ
เพราะการที่เขามาตกหลุมรักกระทั่งเลยเถิดไปมีสัมพันธ์กับคนรักของชายผู้มีอำนาจ เท่านั้นก็โหดร้ายเกินพอแล้ว เจนแอนน์อาจต้องการทางเยียวยาจากความบอบช้ำที่ตนเองเผชิญ แต่เธอไม่ได้ต้องการให้เขาแบกรับภาระในการเป็นทางเยียวยาของเธอ วิลเลียมควรจะมีความสุขยามได้อยู่กับเธอ—แค่เพียงเท่านั้นที่เขาควรได้รับ
“คุณคือคนเดียวที่ฉันจะนึกถึงด้วยความรักทั้งใจของฉัน”
“ผมรักคุณ ผมจะกลับมาหาคุณ”
ฝ่ามือที่ไม่หลงเหลือรอยแผลเป็นจากหนามกุหลาบแล้วยกขึ้นมาวางบนแก้มของเขา...บนใบหน้าที่เธอจะจดจำไปทั้งชีวิต
“สัญญาสิ สัญญาว่าคุณจะกลับมาหาฉัน”
“ผมสัญญา”
ด้วยประโยคเดียวที่เขาพูดอย่างหนักแน่นและเชื่อมั่น ก็ทำให้เจนแอนน์วางใจเหมือนภาระหนักอึ้งได้ถูกปลดปล่อย เป็นโอสถอาบชโลมดวงใจอันบอบช้ำ
วิลเลียมไม่เคยโกหก เขารักษาสัญญาเสมอ...และเธอรู้ว่าเขาจะทำได้
ริมฝีปากสีแดงกดแนบกับริมฝีปากอีกคู่ที่รอคอยให้ช่วงเวลานี้มาถึงอยู่เนิ่นนาน—อาจตั้งแต่แรกพบหน้าเธอ เขาครอบครองมันอย่างโหยกระหายจนไม่เหลือแม้ช่องว่าง ดั่งปรารถนาจะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ราวกับจะไม่มีวันพรุ่งนี้ หากเพราะวันพรุ่งนี้จะมาถึง สิ่งเดียวที่เธอกับเขาทำได้ก็คือประทับตัวตนของกันให้สลักฝังลึกลงไป หวังให้มันดำรงอยู่จนถึงช่วงเวลาที่ต้องลาจาก ก่อนจะกลับมาพบกันอีกครั้ง
ร่างของเจนแอนน์ถูกกดลงไปบนเตียงอีกครั้งอย่างนุ่มนวล ห้องนอนใหญ่นี้...เตียงนอนตัวนี้ เคยเป็นรังรักของเธอกับเรย์มอนด์ ก่อนจะกลายเป็นกรงขังที่ทรมานเธอ ทว่าทุกสิ่งนั้นได้เลือนหายไปจากความทรงจำของเจนแอนน์ในยามนี้จนสิ้น เมื่อสิ่งที่เธอรับรู้ก็มีแค่ความนุ่มนวล อ่อนโยน และความรักจากชายอีกคนผู้มาแปรเปลี่ยนมัน
บัดนี้กองฟางติดไฟได้ไหม้ลุกลามไปทั่วจนมอด ไม่เหลือร่องรอยหรือแม้เยื่อใยในที่ที่เคยเป็นของเขาอีกต่อไป
แล้ววันหนึ่ง เจนแอนน์กับวิลเลียมก็จะได้เป็นอิสระจากกรงขังและทุกพันธะ โบยบินจากไปท่ามกลางไฟสงคราม
✚
เจนแอนน์ก็เหมือนกับใครอีกหลายคนในจัตุรัสทราฟัลการ์ ซึ่งกำลังชะเง้อชะแง้มองหาคนที่ตนรักในหมู่ทหารที่ได้พักรบคืนถิ่น ก่อนเรย์มอนด์ในชุดเครื่องแบบเต็มยศที่มองเห็นเธอจะเข้ามากอดเธอ จูบเธอ หญิงสาวแสร้งทำเป็นยินดี ฉีกยิ้มกว้างบนใบหน้าขาวที่แต่งแต้มอย่างสวยสด แต่แล้วหญิงหน้าขาวซีดที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม ก็เดินฝ่าเหล่าทหารคนอื่นเข้ามาหาสามีเธอด้วยท่าทีกระวนกระวาย โดยไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่ามันก็ไม่ต่างอะไรกับเธอตรงนี้—ผู้เป็นชู้รักในความลับของลูกชายนาง
“ลูกชายของฉันล่ะคะ ผู้พันจำลูกชายฉันได้มั้ยคะ วิลเลียม เชลตัน” นางเอ่ยถามด้วยเสียงเครือสั่น
เรย์มอนด์ถอดหมวกทหารแนบกับอก รอยยิ้มวับหายไปบนสีหน้าที่แปรเปลี่ยนเป็นความเห็นอกเห็นใจ ขณะตอบนางทั้งที่ยังโอบร่างของภรรยาไว้
“ไม่ใช่ทุกคนที่ได้กลับมาจากสนามรบครับ ผมเกรงว่าสิบตรีเชลตันจะเป็นหนึ่งในนั้น ร่างของเขาก็ยังไม่ถูกพบ”
ทันทีที่ได้รับฟังข่าวร้ายมหันต์ที่ทำให้ดวงใจของมารดาทุกคนแตกสลายได้ นางก็ระเบิดน้ำตาออกมา ซบหน้ากับอกของเรย์มอนด์ที่ให้ยืมรองรับ
ขณะที่เจนแอนน์ได้เพียงนิ่งงัน วิมานที่เฝ้าวาดฝัน...โลกทั้งใบ...พังราบลงมาพร้อมกับคำพูดนั้น ตลอดห้าเดือนที่ผ่านมา เธอไม่อาจเอ่ยปากขอให้หัวหน้าของเขาที่เป็นสามีของเธอช่วยดูแลเขาในสนามรบได้ ไม่อาจอ้อนวอนอะไรเขาหรือใครได้ ทำได้เพียงสวดภาวนากับพระเป็นเจ้า ฝากความหวังทั้งมวลไว้กับคำสัญญาของวิลเลียมที่บอกว่าจะกลับมา
ทว่าเขาไม่กลับมา เขาจะ ‘ไม่มีวัน’ กลับมา
และเจนแอนน์ไม่อาจร้องไห้ให้เขาต่อหน้าใครได้ด้วยซ้ำ เธอทำอะไรเพื่อวิลเลียม เชลตันไม่ได้เลย...เหมือนอย่างที่เป็นมาตลอด
.
“ฉันว่าพรุ่งนี้คุณน่าจะไปเยี่ยมคุณนายเชลตันหน่อยนะคะ คุณเป็นหัวหน้าหน่วยของกองพันที่ลูกชายเธอสังกัดอยู่ คุณอาจช่วยปลอบใจเธอได้”
เจนแอนน์เอ่ยปากชวนสามีคุยราวกับกำลังพูดเรื่องธรรมดาสามัญ มือวิ่งวุ่นเป็นระวิงกับเข็มนิตติ้งที่ถักทอไหมพรมให้เป็นผ้าพันคอ ขณะที่เรย์มอนด์นั่งอ่านหนังสือนิยายอยู่ตรงข้ามเธอบนโต๊ะกลมในห้องรับแขก เจนแอนน์พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติที่สุด เธอกับเรย์มอนด์จะหัวเราะกัน เย้าแหย่กัน เหมือนทุกครั้งในยามที่เขาสงบ เรย์มอนด์เงยหน้าขึ้นจากกระดาษเหลืองกรอบมาเป็นเธอและพูดว่า
“ฉันนึกว่าคนที่ฉันควรปลอบใจมากกว่าจะเป็นเธอ”
“จะปลอบใจฉันทำไมกันคะ” เธอเอ่ยถามกลั้วเสียงหัวเราะทั้งที่ไม่ได้ละสายตาจากไหมพรมสีน้ำตาลเข้ม
“พูดแบบนี้ ชู้รักของเธอคงเสียใจแย่ที่เธอไม่ต้องการคนปลอบตอนมันตาย”
ไม้ถักนิตติ้งกระทบกันดังแกร๊ง มือที่ถักมันอย่างไวว่องจนถึงเมื่อครู่ชะงักค้าง เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาที่มองจ้องและยกมุมปากทั้งสองข้างเป็นรอยยิ้มหยันอย่างรู้ทัน เจนแอนน์เข้าใจได้ในวินาทีนั้นเองว่ามันสายไปแล้วที่จะกระทำเหมือนเขาแค่เข้าใจผิด
“ฉันรู้ว่าเธอกับมันเป็นอะไรกัน ไปกกกันที่ไหนบ้าง และฉันรู้ว่าเธอเอากับมันบนเตียงของเราในวันสุดท้ายก่อนเราจะไปรบ ตอนที่ฉันออกไปสังสรรค์กับเพื่อนจนถึงดึก เธอก็อยู่กับมันจนถึงเย็น ใช่ ฉันรู้ทุกอย่าง”
เรย์มอนด์พับปิดหนังสือก่อนกระแทกมันกับโต๊ะไม้ เจนแอนน์อดฉงนไม่ได้ว่าเหตุใดหนังสือเล่มบางถึงทำเสียงดังอย่างนี้ได้ เขาลุกขึ้นจากที่ ไม่กี่ก้าวก็มาหยุดยืนตรงหน้า มือหนึ่งจับคางเธอให้เชิดมองเขา ใบหน้าที่มองเห็นความงดงามได้แม้อยู่กลางไฟสลัว...ใบหน้าที่ชายคนใดก็เฝ้าปอง...สั่นริกเหมือนตุ๊กตากระเบื้องที่พร้อมตกแตกกระจายได้ทุกเมื่อ
“และเป็นฉันเอง ที่ส่งสิบตรีเชลตันไปเป็นแนวหน้าหน่วยแรก”
“อะไรนะคะ”—และตุ๊กตาตัวนั้นก็อยู่ในสถานะหมิ่นเหม่เต็มที
“ได้ออกไปตายในสนามรบมันมีเกียรติมีศักดิ์ศรีนะ ถึงจะเป็นศึกที่รู้ว่าตัวเองต้องแพ้อยู่แล้วก็เถอะ”
“เขาต้องไปเป็นแนวหน้า เพราะมันเป็นหน้าที่ใช่มั้ยคะ” เธอถามด้วยเสียงสั่นเครือ พลันตระหนักว่ามันไม่ต่างกับคุณนายเชลตันที่จัตุรัสเมื่อบ่ายนี้เลย
“มันต้องไปเป็นแนวหน้า เพราะมันนอนกับเมียของฉัน”
“คุณมันสารเลว!”
เจนแอนน์พรวดร่างขึ้นจากเก้าอี้ เข็มนิตติ้งกระทบกับพื้นหินอ่อนดังกริ๊ง หากแม้จะยืนตัวตรงก็ยังตัวเตี้ยกว่าชายตรงหน้าจนต้องแหงนมอง ดั่งฟ้องสถานะของเธอกับเขาว่า ‘ไม่มีวัน’ ที่เธอจะเทียบเคียงเขาได้
“นั่นเหรอการทำสงครามของคุณ! ใช้อำนาจเพื่อส่งคนที่ตัวเองเกลียดออกไปตาย!”
“แล้วการที่เธอนอกใจผัวไปมีชู้ นั่นก็คือการแสดงความรักของเธอเหรอ ก่อนจะด่าฉันว่าสารเลว มองดูตัวเองก่อนเถอะว่าใครกันแน่ที่ควรใช้คำนั้น”
เขาย้อนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบและสายตาเย็นชาที่ทำให้เจนแอนน์หวั่นกลัว
ความกลัวที่เขายัดเยียดให้เธอมาตลอด จนไม่กล้าจะยืนหยัดเพื่อตัวเอง—เพื่อสิ่งที่ต้องการ
“ฉันจะบอกอะไรสักอย่างให้นะเผื่อเธอจะภูมิใจกับตัวเองได้มากขึ้นอีก มันเอารูปเธอไปดูต่างหน้า รูปที่เพื่อนทหารของมันบอกว่ามันหยิบมาดูทุกคืน รูปผู้หญิงคนเดียวกับเมียของหัวหน้ามันน่ะ! ภูมิใจมากมั้ยที่มีผู้ชายคนอื่นรักนอกจากผัวของตัวเอง!”
“คุณกล้าพูดด้วยเหรอว่ารักฉัน แน่ใจเหรอว่ามันคือความรัก คุณกล้าใช้คำนั้นกับฉันเหรอ!”
“หยุด!” เรย์มอนด์ยกนิ้วชี้จ่อหน้าเธอ “อย่าได้บังอาจพูดว่าฉันไม่รักเธอ เธอมีอาหารดีๆกิน มีบ้านหรูๆให้ซุกหัวนอน มีเสื้อผ้าสวยๆให้ได้เชิดหน้าอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะใคร ถ้าไม่ใช่เพราะฉันเอาเธอออกมาจากโคลนตม!”
“ไม่! นั่นไม่ใช่ความรัก! คุณก็แค่ภูมิใจที่ได้จับตุ๊กตาซอมซ่อมาแต่งอาภรณ์สวยหรู เพื่อเอาไปอวดใครต่อใครว่านี่คือเมียคุณ! คือ ‘ของ’ ของคุณ! แต่คุณไม่เคยคิดจะดูแลมันด้วยซ้ำ คุณแค่ภูมิใจที่ได้ครอบครองมัน! คุณฉุดฉันออกจากโคลนเน่าๆ เพื่อจะพาฉันไปอยู่ในสนามรบโง่ๆ คุณทำเหมือนฉันเป็นพวกเยอรมันที่คุณพร้อมจะทำร้ายทุกครั้งที่มีโอกาส ความรักของคุณมันเป็นอย่างนั้นเหรอ!”
“ฉันไม่ได้บีบบังคับให้เธอมาแต่งงานด้วยนะ เธอตะเกียกตะกายอยากออกมาจากที่นั่น เธอฝันอยากมีชีวิตดีๆ เธอก็หลอกเอามันไปจากฉันได้แล้วไง”
“ไม่! เรย์มอนด์ คุณมันหูหนวกตาบอดจนดูไม่ออก ฉัน-รัก-คุณ” เธอเน้นย้ำที่สามคำนั้น “ฉันเคยรักคุณจริงๆ ฉันทำทุกอย่างที่คนเป็นเมียทำให้คุณด้วยความเต็มใจ ฉันปรนนิบัติคุณ ดูแลคุณ จงรักภักดีต่อคุณ เขียนจดหมายถึงคุณตอนอยู่ในสนามรบ สวดมนตร์ทุกคืนเพื่อขอให้คุณกลับมาอย่างปลอดภัย แม้คุณจะทำร้ายฉัน ฉันก็ยังหวังว่าคุณจะกลับมาเป็นคนเดิมกับที่ฉันเคยรัก ฉันทำทุกอย่างเพื่อคุณมาตลอด!”
“แต่เธอก็ทำมันจนตลอดรอดฝั่งไม่ได้!”
“เพราะสิ่งที่เรียกว่า ‘รัก’ ที่ฉันทำให้คุณ ทุกอย่างนั้นคือสิ่งที่วิลเลียมทำให้ฉัน นั่นคือความรักของเขาที่มีให้ฉัน ความรักของเราที่มีให้กัน มันเหมือนกัน”
“อย่าบังอาจพูดถึงมันแบบนั้น” น้ำเสียงแข็งกร้าว แต่ดวงตาที่วูบไหวฟ้องว่าความอดทนที่เขากดไว้ใกล้ปะทุเต็มที “อย่าพูดถึงมันโดยใช้คำว่ารัก”
“เหอะ” เธอแค่นหัวเราะ “เพิ่งมาเห็นค่าคำว่ารักก็ตอนที่คุณสูญเสียมันไปเหรอ เรย์มอนด์ คุณรักฉัน หรือคุณแค่กลัวจะสูญเสียฉันให้กับคนที่ฉันรักและเขาก็รักฉันกันแน่ คุณมันก็แค่ไอ้แก่ไร้สมรรถภาพ ไอ้จ้อนไม่เคยโด่ถ้าไม่กลับมาจากสงคราม มีเมียทั้งสาวทั้งสวยที่ทำให้ผู้ชายคนไหนแข็งก็ได้แม้แต่ผัวของคนอื่น ยกเว้นกับผัวของตัวเอง! ปีนึงเราเอากันกี่ครั้งฉันไม่ต้องเสียเวลานึกด้วยซ้ำ แต่ฉันเอากับวิลเลียมกี่ครั้งให้ฉันนับนิ้วก็ยังไม่พอ เราไม่เคยมีปัญหาเวลาจะนอนด้วยกัน เขาเก่งและดีกว่าคุณตั้ง...”
หากไม่ทันจบประโยคดี ใบหน้าบอบบางก็สะบัดจากฝ่ามือที่ฟาดลงมาเมื่อความอดทนของคนตรงหน้าหมดลง ไม่แค่แก้ม แต่ยังกระทบเข้ากกหูจนแก้วหูของเธออื้ออึง ร่างแบบบางถูกคว้าผลักไปกระแทกกับผนังอย่างไม่ปราณี
“พ่นเรื่องทุเรศกับชู้ตัวเองออกมาต่อหน้าผัวได้เหมือนเป็นอีตัวเลยนะ จะชุบตัวยังไง นังแพศยาอย่างเธอก็ล้างตัวตนเน่าเฟะข้างในไม่ได้หรอก เธอมันทรามไปจนถึงเนื้อในแล้ว ควรคิดซะว่าเป็นบุญของเธอด้วยซ้ำที่ฉันยังเอาเธอเป็นเมียอยู่!”
“งั้นก็หย่ากับฉันซะสิ! ฉันยอมให้คนมองว่าเป็นผู้หญิงต่ำทรามจนผัวตัวเองยังไม่เอา! ฉันยอมให้ทุกคนมองว่าฉันมีตราบาป มีมลทิน จะแปดเปื้อนยังไงก็ช่าง! หย่ากับฉันสิ!”
“ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ!”
“ไม่! ข้ามศพฉัน! ฆ่าฉันเลยสิ! ชีวิตที่ไม่มีวิลเลียมฉันจะทนอยู่ต่อทำไม ชีวิตที่ปราศจากผู้ชายคนเดียวที่ฉันรักแล้วฉันจะ...”
เป็นอีกครั้งที่ยังพูดไม่ทันจบ ใบหน้าที่เหมือนจะร้าวได้แค่ถูกแตะอย่างแผ่วเบาที่สุดก็เบือนไปตามแรงโน้มถ่วงอีกครั้ง เลือดซึมออกมาจากมุมปากที่แตกเมื่อถูกย้ำซ้ำ แก้มเนียนขึ้นปื้นเป็นจ้ำแดง
“เธอไม่มีวันได้ตาย ตราบใดที่ฉันยังอยู่ และเธอไม่มีวันได้เป็นม่าย เพราะฉันไม่มีวันหย่ากับเธอ ฉันไม่มีวันจะตายในสนามรบ ทิ้งเธอให้เชิดหน้าเป็นเมียผู้ชายหน้าไหนที่ไม่ใช่ฉัน! อย่างดีที่เธอจะได้สุขสมกับการเสพสุขก็คือเอาผู้ชายมากกเป็นชู้เท่านั้น และภาวนาซะว่าพวกชู้รักชั้นต่ำของเธอจะไม่ถูกฉันส่งไปตายในสนามรบ!”
“วิลเลียมคงไม่ได้เป็นแค่คนสวนหรอก ถ้าเขามีเงินพอจะได้เรียนมหาวิทยา...”
ใบหน้าของเธอชาจนไม่อาจรับรู้ถึงหยาดหยดน้ำตาที่ไหลรินลงมาได้อีกต่อไป
เป็นจริงอย่างที่เรย์มอนด์ว่า บนโลกที่ทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนเพื่อจะเป็นผู้ชนะ มันก็คือสัจธรรมที่ผู้อ่อนแอกว่า—ต่ำต้อยกว่า—ย่อมต้องแพ้พ่าย
ร่างซวนเซของเจนแอนน์ที่แทบทรงตัวไม่ไหว ถูกกระชากไปกระแทกกับโต๊ะไม้ที่เมื่อครู่ยังเป็นที่พักผ่อนของเธอกับเขา เรย์มอนด์กวาดของบนนั้นลงจากโต๊ะจนเกลี้ยง มีเพียงใบหน้าชุ่มน้ำตาที่แนบติดกับมันจนโต๊ะพลอยเปียกไปด้วย ร่างกายยังคงสั่นจากแรงสะอื้นที่ไม่มีทีท่าจะหยุดในเวลาอันใกล้...หรือกระทั่งอันไกล แม้หูจะอื้ออึง หากเพราะถูกกดแนบจึงทำให้เธอยังได้ยินเสียงเข็มขัดตกลงบนพื้น ได้ยินเสียงซิปกางเกงของเขาที่ถูกรูด และรับรู้ถึงกระโปรงตัวยาวที่ถูกปลดลง
เธอรับรู้ได้ทุกอย่าง...รู้สึกถึงทุกอย่าง ทุกความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้ามาในกาย—ลึกเข้าไปถึงจิตใจ เรย์มอนด์ต่างหากที่ไม่รับรู้
หรือไม่ เขาก็รับรู้...แต่แค่ปฏิเสธที่จะตอบรับมัน
ในสมรภูมิแห่งนี้...ป่าคอนกรีตของมนุษย์กับสัญชาตญาณดิบที่ถูกซุกซ่อนอยู่ในตัว ยากจะหาที่ปลดปล่อยได้เหมือนในสนามรบที่เขาจะลั่นไก จ้วงแทง หรือออกคำสั่งให้ใครไปตายก็ได้ ดังนั้นที่เขาทำได้คือมองหาผู้อ่อนแอมาเป็นเหยื่อ
และในเมืองนี้ เธอคือผู้แพ้ เหมือนที่ในสนามรบ วิลเลียมคือผู้แพ้
พ่ายแพ้ให้กับผู้ยิ่งใหญ่อย่างเรย์มอนด์—ที่จะ ‘ไม่มีวัน’ ปล่อยให้เหยื่อในกรงของเขาได้โบยบินไปหาอิสรภาพยังแห่งหนใด
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
- ที่จริงไม่นานมานี้ เราเพิ่งดูหนังเรื่อง Closer แล้วมีฉากที่พี่จู๊ดลอว์ตบหน้าแฟน ก็เลยเอาฉากนั้นแหละมากำหนดบทเรย์มอนด์ ส่วนฉากสุดท้ายบนโต๊ะ เราก็เพิ่งดูหนังเรื่อง The Gentlemen มา ไอเดียก็มาจากเรื่องนั้นล่ะ ชื่อเรย์มอนด์ก็มาจากเรื่องนี้ :p
- พล็อตแรกเลยนะ เราคิดว่าเรย์มอนด์จะร้ายสุดแค่ตบหน้าเมีย ส่วนวิลเลียมเป็นแค่ตัวประกอบด้วยซ้ำ แต่พอพิมพ์ไปตัวละครก็พาไปตามทิศทางนี้เอง เลยคิดว่ามาถึงจุดนี้แล้วก็น้ำเน่าให้สุดไปเลยโว้ย!! เราท้าเลย พวกหนังหรือนิยายที่มีฉากหลังเป็นยุคสงคราม นางเอกจะมีชู้ สามีแก่ หรือไม่ก็สามีไม่ดี ไปหาดูเลย 9ใน10แน่นอน 555
- สารภาพว่าตอนแรกคิดจะแต่งเป็นแค่เรื่องสั้น เพราะคิดว่าคงแต่งเป็นเรื่องยาวไม่ไหวหรอก แต่เราแต่งแล้วลื่นปรี๊ดมาก เหมือนเกิดมาเพื่อสิ่งนี้...เพื่อความน้ำเน่า!! (เราไปดู 1917 วันที่ 30 ม.ค. กลับมาแต่งมาเกลาจนจบได้ในสองวัน เฮ้ย มันผิดวิสัยเรามาก T v T) แล้วก็อยากแต่งพล็อตในยุคสงครามมาตลอด เป็นพล็อตนึงที่รักมาก เคยปณิธานไว้แล้วว่าจะต้องแต่งอีกให้ได้ ก็เลยเอาวะ 555 แม้จะดูเหมือนบอกเล่าพล็อตทั้งหมดไปตั้งแต่ตอนแรกแล้ว แต่เราเชื่อว่าสามารถขยายพล็อตและตัดไทม์ไลน์ย้อนไปมาได้ เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่ขยายได้ ทั้ง 'ความสัมพันธ์ของเจนแอนน์กับวิลเลียม' 'ความสัมพันธ์ของเจนแอนน์กับเรย์มอนด์' 'วิลเลียมกับเรย์มอนด์ในสนามรบ' รวมถึง 'เรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในตอนนี้' หึ ยังไม่ได้บอกเลยนะเฟ้ยว่าวิลเลียมตาย!
- Last Man Standing คือประโยคหนึ่งที่พี่เบเนดิกต์พูดกับพระเอกในเรื่อง 1917 แค่ประโยคนั้นแหละ ย่อหน้าสุดท้ายก็เลยไหลมาเทมา หึ คนอย่างดั๊น (อย่างไหน) -_,-
ปล. เราแค่อยากแต่งฟิคที่ได้ปลดปล่อยจินตนาการเท่านั้น คงไม่ได้ชี้นำ ส่งเสริม หรือให้อะไรกับสังคม ขอบคุณค่ะ สวัสดี
ความคิดเห็น