คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ
คังอินที่กำลังขับรถไปสถานีวิทยุที่เขาเป็นดีเจประจำรายการอยู่นั้นขับรถเรื่อยๆอย่างสบายใจเพราะยังไม่ถึงเวลาจัดรายการของเขา ขณะที่กำลังก้มหน้าเลือกเพลงในแผ่นซีดีที่ต้องการอยู่นั้น พอเงยหน้ามาอีกที ก็ชนโครมเข้ากับท้ายรถสปอร์ตบีเอ็มดับบริวสีขาวเข้าอย่างจัง
"โอ๊ย....ตายแน่คราวนี้ เป็นไรมากไหมเนี่ย"
คังอินสบถกับตัวเองหลังจากเงยหน้าขึ้นมาจากพวงมาลัยรถได้ สิ่งแรกที่ทำคือรีบสำรวจความเสียหายที่สามารถมองผ่านกระจกรถแลกซัสสีขาวของตน โชคดีที่ขับไม่เร็วเท่าไหร่ตัวเขาจึงไม่บาดเจ็บอะไรมากนัก เมื่อสติเริ่มกลับมาคังอินจึงเปิดประตูรถลงไปดูรถคู่กรณีเพื่อเจรจาเรื่องค่าเสียหาย
"เออโชคดีเฮะ รถนี่ก็แพงอยู่เจ้าของรถน่าจะมีประกันชั้นหนึ่งคงไม่ต้องเสียเวลามาก"
คังอินคาดว่าน่าจะให้ประกันภัยเคลียร์ปัญหาแทนตนได้ ไม่น่ามีปัญหา คงไปถึงสถานีก่อนเวลาจัดรายการแหละน่า จึงโทรเรียกประกันของตนมาที่เกิดเหตุ
“คุณครับๆลงมาคุยกันก่อนได้ไหมครับ”
คังอินเคาะกระจกเรียกเจ้าของรถสปอร์ตคันหรูที่ไม่ยอมลงจากรถสักที คังอินต้องใช้เวลาเคาะกระจกนานถึงห้านาทีกว่าเจ้าของรถจะยอมลดกระจกสีเข้มที่คนนอกรถมองแทบไม่เห็นในรถ
นั่นทำให้คนที่เคาะหน้าเริ่มไม่ค่อยสบอารมณ์ เพราะชอนกับการที่มีคนเรียกร้องมากกว่าที่จะต้องมาตามเรียกร้องให้ใครยอมคุยกับเขา ถึงแม่ตัวเขาจะเป็นคนผิดเองที่ขับรถมาชนก็เถอะ
“นี่คุณโทรเรียกประกันหรือยัง”
เงียบ..........ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่คังอินถาม
“คุณ....คุณ จะไม่พูดอะไรกับผมเลยเหรอ”
สิ่งที่ตอบกลับมาคือตาคมที่ค้อนเขาเข้าอย่างจังพร้อมกับประโยคภาษาอังกฤษล้วนๆสามสี่ประโยค ที่คนไม่เก่งภาษาอย่างคังอินแทบจะจับใจความไม่ได้เลย แต่ที่แน่ๆคือเริ่มรู้สึกว่าเขามีปัญหาแล้วเพรานี่เหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงที่เขาต้องไปจัดรายการวิทยุแล้ว
“โอ๊ยๆๆๆ ทำไมซวยอย่างนี้ว่ะเนี่ย” “เอ่อ....แคนยูสปีคโคเรียน?”
คังอินพยายามอย่างมากที่จะคุยกับเจ้าของรถ คาดหวังอย่างที่สุดว่าจะได้คำตอบว่าพูดได้ แต่สิ่งที่เขาเห็นคือเจ้าของรถยังคงเฉย และมันคงเป็นคำตอบที่บอกเขาไปในตัวอยู่แล้ว
“โอเค.....พลี๊สเวท มินิท...มินิท ยู โอเค”
นี่คือประโยคที่คังอินคิดว่าดีที่สุดแล้วที่จะทำได้เจ้าของรถพยักหน้ารับทราบนิดหนึ่ง และสิ่งทีคังอินภาวนาต่อไปคือตัวแทนประกันจะรีบมาให้ทันเวลาและหวังว่าเขาคงคุยกับเธอรู้เรื่อง แอะ!ใช่ทำไมเขาเพิ่งจะสังเกตนะว่าเจ้าของรถนะเป็นผู้หญิง คังอินใช้เวลาว่างขณะที่รอประกันแอบสำรวจเจ้าของรถคันหรูดูจากหน้าเรียวคม ตาโตสวยออกจะดุนิดๆรับกับจมูกโด่งสวยได้รูปที่ดูแล้วคงไม่ใช่การศัลกรรมน่นอน และผิวที่ออกจะเป็นสีน้ำผึ้งทำให้เขารู้ว่าเธอคงไม่ใช่คนเกาหลีแน่นอน ดูๆไปก็สวยเหมือนกันเหะ เจอสาวเกาหลีที่สวยๆมาก็อยากรู้จังว่าสาวสวยผู้เย่อหยิ่งคนนี้มาจากไหนกัน
“เอ็กคิวมี.... แวยูคัมฟรอม แคนยูเทลมี?”
“ไทยแลนด์”
คังอินได้คำตอบโดยที่คนตอบไม่ยอมมองหน้าเขาเช่นเคย แต่เขาไม่อยากถือสาหาความกับเธอมากนักเพราะรู้ดีว่าที่เธอเป็นแบบนี้คงเป็นเพราะนิสัยไม่ค่อยชอบผูกมิตรกับคนแปลกหน้าตามประสาคนรวยที่คิดว่าตัวเองเหนือคนอื่นอยู่เสมอ
“หยิ่งได้หยิ่งไปเถอะเชอะนึกว่าใครๆต้องสนใจเธอหมดหรือไง”
คังอินบ่นคนเดียวเพราะไหนๆเธอก็คงไม่รู้เรื่องก็พูดไม่ได้คงฟังไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเธอกำลังมองเขาด้วยสายตาที่เอาเรื่องอยู่นะ สงสัยจะโมโหที่รอนานมั้ง
คังอินต้องยืนพิงรถสปอร์ตคันหรูภายใต้รังสีอำมหิตของเจ้าของรถนานถิงสิบบห้านาทีกว่าตัวแทนประกันจะมาถึง และมันก็เลยเวลาจัดรายการของเขามาแล้วด้วย คังอินจึงฝากประกันช่วยจัดการแทนแล้วรีบบึ่งรถคู่ใจไปที่สถานีวิทยุทันที
“นี่นายไปไหนมาหะ! วันนี้นายต้องออนแอร์ทางอินเตอร์เนตด้วยนะ”
“ถ้ามาสายแบบนี้อีกชั้นจะเลี่ยนคนจัดรายการใหม่ นายรู้ใช่ไหม”
“ครับ ขอโทษครับๆ”
คังอินทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษทุกคนอย่างสำนึกผิด แล้วเข้าไปนั่งโต๊ะประจำที่เคยนั่งจัดรายการประจำ ทั้งๆที่อารมณ์ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่แต่คังอินก็ยังจัดรายการด้วยน้ำเสียงที่สดใสร่าเริงเหมือนทุกวัน เพราะนั่นคือหน้าที่ของเขาที่ต้องรับผิดชอบ
ความคิดเห็น