ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FanFic BTS] Finding Love ค้นหาสมบัติ..ตามหารักแท้

    ลำดับตอนที่ #5 : 5 Treasure 2

    • อัปเดตล่าสุด 29 มิ.ย. 57


    5  Treasure 2

     

    ผมคงต้องตายไปแล้วแน่เลย  ผมรู้สึกว่าตัวเองเบาราวกับปุยนุ่น แถมพื้นก็นุ่มเหมือนนอนอยู่บนเตียงหรูของโรงแรมห้าดาว       อ๊า~ รู้สึกสบายจริงๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดเลย  ว่าแต่เจโฮปหละ เขาอยู่ไหนกัน???

    “ อื้มมมมม”

    อื้มม งั้นหรอ  ผมค่อยๆปรือตาลุกขึ้นมา มองไปรอบๆ  ก่อนจะเจอเจโฮปนอนอยู่ข้างๆผม และเป็นคนร้องเสียงอื้มม ออกมา

    แต่นี่เราอยู่ไหนกัน?? เหมือนโรงแรม  บนสววรค์มีโรงแรมด้วยหรอ  โรงแรม!!  โรงแรมจริงๆหรอ??  แสดงว่า..

    “ เรายังไม่ตาย!! เรายังไม่ตาย!”  ผมจับเนื้อจับตัวของตัวเองยกใหญ่  เผื่อว่าจะทะลุผ่านตัวเองไปได้ แต่ปรากฏว่าผมจับตัวเองได้!!

    “ โฮซอกอ่า~ เรายังไม่ตาย! เรายังไม่ตาย”

    ผมเขย่าตัวเจโฮปอย่างดีใจ เขาลืมตามามองหน้า ผมอย่างงงๆ

    “ เรายังไม่ตาย เรายังไม่ตาย!

    “  อะไรนะ!  เรายังไม่ตาย?”  เจโฮปผุดลุกขึ้นทั้งๆที่ยังมึนๆ ถามอย่างงงๆ

    “ ช่ายยยย เรายังไม่ตาย”

    “ เรายังไม่ตาย!!

    “ ช่ายย  เรายัง อ๊ะ”

    ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆเจโฮปก็คว้าตัวผมเข้ามากอด  ผมก็กอดเขาตอบด้วยความดีใจ 

    เรายังไม่ตาย ฮะๆ  เรายังไม่ตาย

    “  เราอยู่ไหนอะฮยอง”  เจโฮปถามผมด้วยเสียงอู้อี้

    อ่า นั่นสิ เราอยู่ที่ไหน ดูเหมือนจะเป็นโรงแรม..

    “ โรงแรม.. ที่ไหน”   ผมพึมพำออกมา

    “ โรงแรม อ่า... ผมว่ามันดูคุ้นๆนะ เหมือนอยู่...”

    “ รูมเซอร์วิสครับ”  ภาษาที่เคยได้ยินแต่สำเนียงไม่ค่อยคุ้นเคยดังขึ้นหน้าประตู  ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าที่นื่คือโรงแรมจริงๆ

    ผมลุกไปเปิดประตูให้บริกร ทั้งๆที่มีคำถามมากมายอยู่ในหัว

    “ แต้งกิ้ว”

    ผมเอ่ยขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษ  แล้วลากรถเข้ามาที่เตียง

    “ โฮซอกอ่า กินข้าว”

    “ ข้าว เรามาอยู่นี่ได้ยังไงกัน?  ที่นี่ที่ไหน?”

    “  กินข้าวก่อนเถอะ แล้วค่อยคิด”  ผมบอกเขาก่อนจะยื่นจานข้าวให้  

    มันเป็นข้าวผัดธรรมดา  แต่พวกเราก็กินจนหมดเกลี้ยง คงเป็นเพราะอดอยากอยู่ในป่ามา  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนกับพึ่งตื่นจากความฝันแปลกประหลาดเลย

    “ ฮยอง... เสื้อผ้าของพวกเราอยู่ที่นี่ด้วยแหละ”  เจโฮปเดินลากกระเป๋าเดินทางสองใบเข้ามาจากที่ไหนซักแห่ง  ทำหน้างงๆ  ผมก็งงเหมือนกัน มันมาได้ยังไง

    “ นี่เราฝันไปรึเปล่า??”   ผมถามเขา นี่มันอะไรกันเนี่ย

    “ นั่นสิฮยอง ผมว่าเราฝันไปแน่ๆ”

     ครืดดดด  ครืดดดด

    เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น ผมกับเจโฮปต่างก็มองหาต้นเสียง  ที่แท้มันก็เป็นโทรศัพท์ของผมที่วางอยู่บนเตียงนี่เอง..
    แต่ เอ๊ะ
    !  มือถือผมมาอยู่นี่ได้ยังไง??

    จีมิน

    “ ฮัลโหล”

    ผมกรอกเสียงลงไปหลังจากที่กดรับเมื่อเห็นว่าจิมินเป็นคนโทรมา

    “  ฮยองงงง อยู่ไหนเนี่ย  ลงมาข้างล่างได้แล้ว  มัวแต่นอนกินบ้านกินเมืองอยู่นั่นแหละ บอกโฮปปี้ฮยองด้วยนะ”

    “ ห้ะ.. ”

      ติ๊ด

    จิมินวางสายทั้งๆที่ผมยังคงงงๆ หันไปมองหน้าเจโฮปที่มองมาทางผมด้วยความสงสัยเหมือนกัน

    “  จิมินโทรมาหรอฮยอง?? ”

    “  อื้อ มันบอกให้เรารีบลงไปข้างล่าง..”

     “ ข้างล่าง???  นี่เราฝันไปจริงๆใช่มั๊ย??  แต่ทำไมเราถึงฝันเหมือนกันหละ?”

    เจโฮปถามสิ่งที่เขาข้องใจ  ผมไม่ได้ตอบ แต่ผมเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อที่จะล้างหน้าแทน

    ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นไข้  มีอะไรไม่รู้อยู่ในหัวเต็มไปหมด แยกแยะไม่ออกว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนความฝัน

     

    “ โอ้โห่ย  ในที่สุดก็ลงมาได้ซักทีนะฮยอง   นึกว่าต้องขึ้นไปตามถึงห้องอีกรอบ”

    จิมินบ่นทันทีที่เราลงมาถึงชั้นล่าง   ทุกคนกำลังรอเราสองคน

    “ อีกรอบ?? ” เจโฮปถามอย่างสงสัย

    “ ช่ายยย ผมกับจิมิน แล้วก็จงกุกเข้าไปปลุกฮยอง ทั้งคู่ แต่ไม่มีใครตื่นเลย  นอนนิ่งอย่างกับคนตายแหนะ  เมื่อคืนทำอะไรกันถึงตื่นช้าขนาดนี้”

    “ ฮั่นแน่~”  สิ้นเสียงวี ทุกคนก็ร้องโห่แซว มาแซวอะไรกันหละ  ผมเองยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

    “ เมื่อคืน....เราทำอะกันหรอ??” ผมทวนคำถามด้วยความไม่แนใจ

    “ เอ้า ก็เมื่อคืนเรามีปาร์ตี้กันไง แต่ฮยองสองคนขอตัวกลับห้องก่อน  พวกเราก็นึกว่า.....”

    “ นึกว่าบ้าบออะไรกันหละ จองกุก!

    “ เอาหละๆ สายแล้วๆ  ไปขึ้นรถ”  เมเนเจอร์ฮยองไล่พวกเราขึ้นรถในขณะที่ผมกำลังแหวจองกุกที่กำลังจะพูดอะไรไม่เข้าท่า

    “  เราจะไปไหนกัน”   เจโฮปที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นหลังจากที่เรานั่งอยู่ในรถตู้

    “  เอ้าๆ   นอกจากจะตื่นสายแล้วยังจำอะไรไม่ได้อีก”  จินฮยองพูดขำๆ

    “ เราจะไปถ่ายรูปโฟโต้บุคไงเล่า โธ่ โฮปปี้ฮยองก็  ทำลืมไปได้  ชูก้าฮยองไม่บอกเลยหรอไง”

    “ ห้ะ  อะ  เอ่อ”

      แรพมอนส์ที่นั่งเบาะหน้าข้างๆคนขับหันมาตอบเจโฮป แถมยังพาดพิงถึงผม

    “ ผมว่าชูก้าฮยองก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ คิคิ”

    ป๊าบ

    “ โอ๊ย! เจ็บนะฮยอง”  ผมตีแขนจิมินที่นั่งข้างๆด้วยความหมั่นไส้ รู้มากนักนะ

    “  ฮยอง ผมรู้แล้วหละว่าเราจะพิสูจน์ยังไงว่านี่เรื่องจริงหรือความฝัน”  เจโฮปที่นั่งข้างหลังผมโน้มมากระซิบที่ข้างหูผม

     

    นี่เขารู้แล้วจริงๆหรอ......

    “ หือ ทำยังงะ  อุ๊”  ผมที่กำลังหันกลับไปถามเขาแต่กลายเป็นว่าแก้มผมกับปากเขาไปซะงั้น  เป็นเพราะเขายื่นหน้ามาอยู่ใกล้หน้าผมมากเกินไป

    “ โฮปปี้ฮยองหอมแก้มชูก้าฮยองแหละทุกคน! ” ปาร์ค  จิมิน!!  หอมแก้มอะไรกันเล่า

    “  ว้าวๆๆ  ให้มันน้อยๆหน่อยนะ สองคนนี้”  จินฮยองที่นั่งข้างเจโฮปพูดแซว

    โป๊ก

    เจโฮปเอื้อมมือมาเขกหัวจิมิน ที่พูดมาก

     

     

    เรามีงานถ่ายโฟโต้บุค แล้วตอนนี้เราอยู่ประเทศไทยตามที่แรพมอนส์ได้บอกผม  ผมไม่เข้าใจว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อวันนั้นผมยังอยู่ที่เกาหลี ตอนที่มีพายุพัดมา เรากำลังถ่ายนิตยาสารอยู่นี่นา

     

    สถานที่ถ่ายทำแรกที่เราจะมาถ่ายรูปเพื่อใส่ในโฟโต้บุคของเราคือตลาดที่ขายของทั่วไปตามแบบของชาวไทย

    ผมก้าวลงจากรถไปหาสตาฟฟ์เตรียมตัวพร้อมถ่ายรูป แต่ก็ต้องถอยกลับอย่างรุนแรง

    “ อุ๊บ”

    ผมลอยกลับมากระแทกเข้ากับแผงอกของเจโฮป ที่รับผมไว้ได้พอดี 

    “ นาย! 

    ใช่แล้ว เราไม่ได้ฝันไป   คำสาปยังอยู่   ผมหันไปสบตาเจโฮป  เหมือนเราจะสื่อสารกันทางสายตา ว่าเรื่องมันยังไม่จบแค่นี้แน่ จนกว่าเราจะตามหาสมบัติทั้งหมดเจอ

    “ ความเสียสละ ...”

    Mission done  first  Sacrifice  ความเสียสละ

    ใช่แล้ว สมบัติที่ได้มามันไม่ใช่สิ่งของ  เราไม่รู้เลยว่าต่อไปจะเป็นอะไร   เจโฮปยื่นมือมาให้ผม  ผมจำเป็นต้องจับมือเขาไว้ เพื่อไม่ให้เผลอเดินห่างกันเกินห้าก้าวอีก  ถึงตอนนี้มีแต่คนมองเราแปลกๆก็เถอะ

    “  ดูเหมือนคู่รักจะห่างกันไม่ได้เลยเนอะ”

    “  ป่าวนะ ฮยอง =3=  ผมปฏิเสธ จินฮยอง ขณะเดินไปตามทางตลาด  ข้างๆผมมีเจโฮปที่กำลังจับมือผมอยู่

     

    ปั๊ก !

    “ โอ๊ะ  ซอรี่”

    ผมเดินไปชนไหล่ผู้ชายคนนึง ผมก้มหัวกล่าวขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ   ก่อนจะเดินไป  เจโฮปกลัวผมจะเดินชนใครอีกเขาเลยให้ผมเดินข้างในข้างๆจินฮยองแทน

    “ เดี๋ยว...”

    ภาษาที่ไม่เข้าใจพร้อมมือที่รั้งไหล่ผมไว้ทำให้ผมต้องหยุด หันไปมอง  ชายคนที่ผมเดินชนเมื่อกี้ เดินมาพร้อมกับมีไม้พาดไหล่และพวกอีกสี่ห้าคน

    นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!  ก็ขอโทษไปแล้วนี่นา

    “  มีอะ..... วิ่ง!!

    เจโฮปกำลังจะเอ่ยถาม แต่ก็ฉุดผมที่กำลังตกตะลึงอยู่ให้วิ่งไปกับเขา 

    ตอนนี้พวกเรากระจายไปคนละทิศ  ไม่มีใครรู้ว่าทำไมต้องวิ่ง  แค่เห็นพวกนักเลงหัวไม้เราก็วิ่งเผ่นแนบไปก่อนแล้วว

    “  แฮ่กๆ    เรา จะไปไหนเนี่ย....  ฉันเหนื่อยแล้วนะ “  ผมถามอย่างหอบๆ  เมื่อเห็นว่าเราวิ่งออกมาไกลแล้ว    แล้วนี่เราจะหาทางกลับยังไงหละเนี่ย

    “ เราอยู่ไหนกันหละเนี่ย”

    เจโฮปถามผม

    ฉันก็สงสัยเหมือนกันนั่นแหละ  = =  นี่วิ่งออกจากตลาดมาไกลแค่ไหนก็ไม่รู้   นายเป็นคนลากฉันให้วิ่งมานี่นา

    “  ฉันว่าเราหลงทางอีกแล้วหละ หลงทาง อีกแล้ว  คนอื่นไปไหนกันหละเนี่ย TT

    “ ลองโทรหาดีมั๊ยฮยอง?? “ 

    ใช่แล้ว เรามีโทรศัพท์อยู่นี่นา   โทรศัพท์ โทรศัพท์

    เอ๋~ อยู่ไหนนะ

    “ โฮซอก สงสัยฉันไม่ได้หยิบออกมา”  ผมบอกเจโฮปอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่

    แต่ผมว่าผมเอามาแล้วนะ ผมหยิบออกมากับมือ  สงสัยจะหล่นมั้ง

    “  งั้นเอาของผม...เอ่อ...”  เจโฮปบอกก่อนจะล้วงหามือถือเขาในกระเป๋ากางเกงและเสื้อ แต่ดูเหมือนว่าเขาก็หาไม่เจอเหมือนกัน

    “  ไม่เจองั้นหรอ?”

    ผมเริ่มตะขวิดตะขวงใจ เริ่มรู้สึกว่ามันแปลกว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราสองคนหาโทรศัพท์ไม่เจอ

    “ ฉันว่ามันแปลกๆนะโฮซอกอ่า”

    “  ผมว่าเราโดนปล่อยเกาะอีกแล้วแน่เลย”

    ปล่อยเกาะ! อีกแล้ว!

    “ ที่นี่เป็นเกาะงั้นหรอ!?”

    มันเป็นเกาะหรอกหรอที่นี่  ดูเหมือนจะไม่ใช่เกาะเลยนะ 

    “ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นฮยอง   ผมหมายถึงว่าเราโดนทิ้งให้ตามหาสมบัติแล้วหละ =3=

    “  แบบคราวที่แล้วไม่เอาอีกแล้วนะ  นายอย่าพยายามเสียสละอีกเด็ดขาด เข้าใจมั๊ย?”  

    ผมห้ามเขาเด็ดขาด ครั้งที่แล้วผมแทบจะบ้าตายเลยนะนั่น   ผมไม่ชอบให้ใครต้องมาเจ็บตัว หรือเสียสละอะไรให้ผม

    “ ตอนนั้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยหรอกน่า”

    “ สุดวิสัยบ้าบออะไรกัน   ช่างมันเถอะ เราเดินตามถนนไปเรื่อยๆ แล้วลองถามทางกลับโรงแรมดีกว่า ”  

      เฮอะๆ  มันไม่สุดวิสัยหรอกมั้ง

    ผมเดินจูงมือเขาไปตามถนน  ที่ตอนนี้เริ่มมีบ้านคนประปรายมาบ้างแล้ว 

    “  เราเดินจูงมือกันแบบนี้เหมือนเดินเล่นกับแฟนเลยเนอะ”

    “ ห้ะ? อะไรนะ!

    พูดบ้าอะไรกัน !   หมอนี่เพ้อเจ้อจริงๆ  แฟนเฟินอะไร

    “  จริงๆนะฮยองดูสิ”

    ไม่พูดเปล่า เจโฮปชูมือข้างที่เราจับกันอยู่ขึ้นมา  ก่อนจะปล่อยมือผม เปลี่ยนมาโอบไหล่แทน

    หมอนี่ชักจะมากเกินไปแล้วนะ

    “ ย๊า เอาแขนลงไปเลยนะ!” 

    ผมดึงแขนเจโฮปลงมา แต่เขากลับโอบไหล่ผมแน่นกว่าดิมอีก

    “  แหมจะเป็นอะไรไปกันเล่าฮยอง ฮยองจะได้ไม่ต้องไปชนใครเข้าอีกไงเล่า”

    ผมถึงกับพูดไม่ออก  เออ!  ก็ได้ฟะ  ยอมก็ได้    ผมไม่อยากเป็นตัวปัญหาหรอกนะ     แต่ตอนนี้ต้องตามหาอะไรอีกหละเนี่ย

    “  พูดมากน่า!  เข้าไปถามป้าคนนั้นไป๊”  ผมพยักเพยิดหน้า ไปทางป้าคนนึงที่กำลังนั่งอยู่หน้าบ้านของเธอ

    “  เอ่อ...ฮัลโหล ดูยูโนว์....XX  โฮเทล?”

    “ อะไรนะ?  ไอ่ป๊อด เอ็งมาฟังมันพูดทีดิ๊”  

    ป้าเขาทำหน้างงใส่เจโฮป ก่อนจะตะโกนเรียกใครซักคนให้ออกมามั้ง  เขาฟังไม่รู้เรื่องสินะ

    “ อะไรแม่  อ่อ..”  วัยรุ่นผู้ชายหน้าตาค่อนข้างดีเดินออกมาจากข้างในบ้าน

    “ เอ่อ .... ดูยูโนว์ XX โฮเทล?”  เจโฮปถามอีกครั้ง   แต่หมอนั่นเอาแต่มองหน้าผม 

    เอ่อ...  หน้าผมมันแปลกหรอ??

    “ เอ่อ...  ดูยูโนว์ XX โฮเทล?” 

    เมื่อหมอนั่นไม่ตอบเจโฮป  ผมเลยถามคำถามเดียวกัน  

    “ เยส สส   ไอ พา  ยู  โก ทูเกทเตอร์  โก วิท มี!”  ไอ่หมอนั่นตอบผมแทบจะทันที แล้วยังจับมือผมขึ้นมาก่อนจะพูดด้วยสายตาหยาดเยิ้ม 

    หมอนี่....คิดอะไรกับผมรึเปล่าฟะ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×