คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 5 Treasure 2
5 Treasure 2
ผมคงต้องตายไปแล้วแน่เลย ผมรู้สึกว่าตัวเองเบาราวกับปุยนุ่น แถมพื้นก็นุ่มเหมือนนอนอยู่บนเตียงหรูของโรงแรมห้าดาว อ๊า~ รู้สึกสบายจริงๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอย่างที่คิดเลย ว่าแต่เจโฮปหละ เขาอยู่ไหนกัน???
“ อื้มมมมม”
อื้มม งั้นหรอ ผมค่อยๆปรือตาลุกขึ้นมา มองไปรอบๆ ก่อนจะเจอเจโฮปนอนอยู่ข้างๆผม และเป็นคนร้องเสียงอื้มม ออกมา
แต่นี่เราอยู่ไหนกัน?? เหมือนโรงแรม บนสววรค์มีโรงแรมด้วยหรอ โรงแรม!! โรงแรมจริงๆหรอ?? แสดงว่า..
“ เรายังไม่ตาย!! เรายังไม่ตาย!” ผมจับเนื้อจับตัวของตัวเองยกใหญ่ เผื่อว่าจะทะลุผ่านตัวเองไปได้ แต่ปรากฏว่าผมจับตัวเองได้!!
“ โฮซอกอ่า~ เรายังไม่ตาย! เรายังไม่ตาย”
ผมเขย่าตัวเจโฮปอย่างดีใจ เขาลืมตามามองหน้า ผมอย่างงงๆ
“ เรายังไม่ตาย เรายังไม่ตาย!”
“ อะไรนะ! เรายังไม่ตาย?” เจโฮปผุดลุกขึ้นทั้งๆที่ยังมึนๆ ถามอย่างงงๆ
“ ช่ายยยย เรายังไม่ตาย”
“ เรายังไม่ตาย!!”
“ ช่ายย เรายัง อ๊ะ”
ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆเจโฮปก็คว้าตัวผมเข้ามากอด ผมก็กอดเขาตอบด้วยความดีใจ
เรายังไม่ตาย ฮะๆ เรายังไม่ตาย
“ เราอยู่ไหนอะฮยอง” เจโฮปถามผมด้วยเสียงอู้อี้
อ่า นั่นสิ เราอยู่ที่ไหน ดูเหมือนจะเป็นโรงแรม..
“ โรงแรม.. ที่ไหน” ผมพึมพำออกมา
“ โรงแรม อ่า... ผมว่ามันดูคุ้นๆนะ เหมือนอยู่...”
“ รูมเซอร์วิสครับ” ภาษาที่เคยได้ยินแต่สำเนียงไม่ค่อยคุ้นเคยดังขึ้นหน้าประตู ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าที่นื่คือโรงแรมจริงๆ
ผมลุกไปเปิดประตูให้บริกร ทั้งๆที่มีคำถามมากมายอยู่ในหัว
“ แต้งกิ้ว”
ผมเอ่ยขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษ แล้วลากรถเข้ามาที่เตียง
“ โฮซอกอ่า กินข้าว”
“ ข้าว เรามาอยู่นี่ได้ยังไงกัน? ที่นี่ที่ไหน?”
“ กินข้าวก่อนเถอะ แล้วค่อยคิด” ผมบอกเขาก่อนจะยื่นจานข้าวให้
มันเป็นข้าวผัดธรรมดา แต่พวกเราก็กินจนหมดเกลี้ยง คงเป็นเพราะอดอยากอยู่ในป่ามา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนกับพึ่งตื่นจากความฝันแปลกประหลาดเลย
“ ฮยอง... เสื้อผ้าของพวกเราอยู่ที่นี่ด้วยแหละ” เจโฮปเดินลากกระเป๋าเดินทางสองใบเข้ามาจากที่ไหนซักแห่ง ทำหน้างงๆ ผมก็งงเหมือนกัน มันมาได้ยังไง
“ นี่เราฝันไปรึเปล่า??” ผมถามเขา นี่มันอะไรกันเนี่ย
“ นั่นสิฮยอง ผมว่าเราฝันไปแน่ๆ”
ครืดดดด ครืดดดด
เสียงสั่นสะเทือนดังขึ้น ผมกับเจโฮปต่างก็มองหาต้นเสียง ที่แท้มันก็เป็นโทรศัพท์ของผมที่วางอยู่บนเตียงนี่เอง..
แต่ เอ๊ะ! มือถือผมมาอยู่นี่ได้ยังไง??
‘ จีมิน ’
“ ฮัลโหล”
ผมกรอกเสียงลงไปหลังจากที่กดรับเมื่อเห็นว่าจิมินเป็นคนโทรมา
“ ฮยองงงง อยู่ไหนเนี่ย ลงมาข้างล่างได้แล้ว มัวแต่นอนกินบ้านกินเมืองอยู่นั่นแหละ บอกโฮปปี้ฮยองด้วยนะ”
“ ห้ะ.. ”
ติ๊ด
จิมินวางสายทั้งๆที่ผมยังคงงงๆ หันไปมองหน้าเจโฮปที่มองมาทางผมด้วยความสงสัยเหมือนกัน
“ จิมินโทรมาหรอฮยอง?? ”
“ อื้อ มันบอกให้เรารีบลงไปข้างล่าง..”
“ ข้างล่าง??? นี่เราฝันไปจริงๆใช่มั๊ย?? แต่ทำไมเราถึงฝันเหมือนกันหละ?”
เจโฮปถามสิ่งที่เขาข้องใจ ผมไม่ได้ตอบ แต่ผมเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อที่จะล้างหน้าแทน
ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นไข้ มีอะไรไม่รู้อยู่ในหัวเต็มไปหมด แยกแยะไม่ออกว่าอันไหนเรื่องจริงอันไหนความฝัน
“ โอ้โห่ย ในที่สุดก็ลงมาได้ซักทีนะฮยอง นึกว่าต้องขึ้นไปตามถึงห้องอีกรอบ”
จิมินบ่นทันทีที่เราลงมาถึงชั้นล่าง ทุกคนกำลังรอเราสองคน
“ อีกรอบ?? ” เจโฮปถามอย่างสงสัย
“ ช่ายยย ผมกับจิมิน แล้วก็จงกุกเข้าไปปลุกฮยอง ทั้งคู่ แต่ไม่มีใครตื่นเลย นอนนิ่งอย่างกับคนตายแหนะ เมื่อคืนทำอะไรกันถึงตื่นช้าขนาดนี้”
“ ฮั่นแน่~” สิ้นเสียงวี ทุกคนก็ร้องโห่แซว มาแซวอะไรกันหละ ผมเองยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“ เมื่อคืน....เราทำอะกันหรอ??” ผมทวนคำถามด้วยความไม่แนใจ
“ เอ้า ก็เมื่อคืนเรามีปาร์ตี้กันไง แต่ฮยองสองคนขอตัวกลับห้องก่อน พวกเราก็นึกว่า.....”
“ นึกว่าบ้าบออะไรกันหละ จองกุก!”
“ เอาหละๆ สายแล้วๆ ไปขึ้นรถ” เมเนเจอร์ฮยองไล่พวกเราขึ้นรถในขณะที่ผมกำลังแหวจองกุกที่กำลังจะพูดอะไรไม่เข้าท่า
“ เราจะไปไหนกัน” เจโฮปที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นหลังจากที่เรานั่งอยู่ในรถตู้
“ เอ้าๆ นอกจากจะตื่นสายแล้วยังจำอะไรไม่ได้อีก” จินฮยองพูดขำๆ
“ เราจะไปถ่ายรูปโฟโต้บุคไงเล่า โธ่ โฮปปี้ฮยองก็ ทำลืมไปได้ ชูก้าฮยองไม่บอกเลยหรอไง”
“ ห้ะ อะ เอ่อ”
แรพมอนส์ที่นั่งเบาะหน้าข้างๆคนขับหันมาตอบเจโฮป แถมยังพาดพิงถึงผม
“ ผมว่าชูก้าฮยองก็ไม่รู้เหมือนกันแหละ คิคิ”
ป๊าบ
“ โอ๊ย! เจ็บนะฮยอง” ผมตีแขนจิมินที่นั่งข้างๆด้วยความหมั่นไส้ รู้มากนักนะ
“ ฮยอง ผมรู้แล้วหละว่าเราจะพิสูจน์ยังไงว่านี่เรื่องจริงหรือความฝัน” เจโฮปที่นั่งข้างหลังผมโน้มมากระซิบที่ข้างหูผม
นี่เขารู้แล้วจริงๆหรอ......
“ หือ ทำยังงะ อุ๊” ผมที่กำลังหันกลับไปถามเขาแต่กลายเป็นว่าแก้มผมกับปากเขาไปซะงั้น เป็นเพราะเขายื่นหน้ามาอยู่ใกล้หน้าผมมากเกินไป
“ โฮปปี้ฮยองหอมแก้มชูก้าฮยองแหละทุกคน! ” ปาร์ค จิมิน!! หอมแก้มอะไรกันเล่า
“ ว้าวๆๆ ให้มันน้อยๆหน่อยนะ สองคนนี้” จินฮยองที่นั่งข้างเจโฮปพูดแซว
โป๊ก
เจโฮปเอื้อมมือมาเขกหัวจิมิน ที่พูดมาก
เรามีงานถ่ายโฟโต้บุค แล้วตอนนี้เราอยู่ประเทศไทยตามที่แรพมอนส์ได้บอกผม ผมไม่เข้าใจว่าผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อวันนั้นผมยังอยู่ที่เกาหลี ตอนที่มีพายุพัดมา เรากำลังถ่ายนิตยาสารอยู่นี่นา
สถานที่ถ่ายทำแรกที่เราจะมาถ่ายรูปเพื่อใส่ในโฟโต้บุคของเราคือตลาดที่ขายของทั่วไปตามแบบของชาวไทย
ผมก้าวลงจากรถไปหาสตาฟฟ์เตรียมตัวพร้อมถ่ายรูป แต่ก็ต้องถอยกลับอย่างรุนแรง
“ อุ๊บ”
ผมลอยกลับมากระแทกเข้ากับแผงอกของเจโฮป ที่รับผมไว้ได้พอดี
“ นาย!”
ใช่แล้ว เราไม่ได้ฝันไป คำสาปยังอยู่ ผมหันไปสบตาเจโฮป เหมือนเราจะสื่อสารกันทางสายตา ว่าเรื่องมันยังไม่จบแค่นี้แน่ จนกว่าเราจะตามหาสมบัติทั้งหมดเจอ
“ ความเสียสละ ...”
‘ Mission done first Sacrifice ความเสียสละ ’
ใช่แล้ว สมบัติที่ได้มามันไม่ใช่สิ่งของ เราไม่รู้เลยว่าต่อไปจะเป็นอะไร เจโฮปยื่นมือมาให้ผม ผมจำเป็นต้องจับมือเขาไว้ เพื่อไม่ให้เผลอเดินห่างกันเกินห้าก้าวอีก ถึงตอนนี้มีแต่คนมองเราแปลกๆก็เถอะ
“ ดูเหมือนคู่รักจะห่างกันไม่ได้เลยเนอะ”
“ ป่าวนะ ฮยอง =3=” ผมปฏิเสธ จินฮยอง ขณะเดินไปตามทางตลาด ข้างๆผมมีเจโฮปที่กำลังจับมือผมอยู่
ปั๊ก !
“ โอ๊ะ ซอรี่”
ผมเดินไปชนไหล่ผู้ชายคนนึง ผมก้มหัวกล่าวขอโทษเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนจะเดินไป เจโฮปกลัวผมจะเดินชนใครอีกเขาเลยให้ผมเดินข้างในข้างๆจินฮยองแทน
“ เดี๋ยว...”
ภาษาที่ไม่เข้าใจพร้อมมือที่รั้งไหล่ผมไว้ทำให้ผมต้องหยุด หันไปมอง ชายคนที่ผมเดินชนเมื่อกี้ เดินมาพร้อมกับมีไม้พาดไหล่และพวกอีกสี่ห้าคน
นี่มันอะไรกันเนี่ย!!! ก็ขอโทษไปแล้วนี่นา
“ มีอะ..... วิ่ง!!”
เจโฮปกำลังจะเอ่ยถาม แต่ก็ฉุดผมที่กำลังตกตะลึงอยู่ให้วิ่งไปกับเขา
ตอนนี้พวกเรากระจายไปคนละทิศ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมต้องวิ่ง แค่เห็นพวกนักเลงหัวไม้เราก็วิ่งเผ่นแนบไปก่อนแล้วว
“ แฮ่กๆ เรา จะไปไหนเนี่ย.... ฉันเหนื่อยแล้วนะ “ ผมถามอย่างหอบๆ เมื่อเห็นว่าเราวิ่งออกมาไกลแล้ว แล้วนี่เราจะหาทางกลับยังไงหละเนี่ย
“ เราอยู่ไหนกันหละเนี่ย”
เจโฮปถามผม
ฉันก็สงสัยเหมือนกันนั่นแหละ = = นี่วิ่งออกจากตลาดมาไกลแค่ไหนก็ไม่รู้ นายเป็นคนลากฉันให้วิ่งมานี่นา
“ ฉันว่าเราหลงทางอีกแล้วหละ หลงทาง อีกแล้ว คนอื่นไปไหนกันหละเนี่ย TT ”
“ ลองโทรหาดีมั๊ยฮยอง?? “
ใช่แล้ว เรามีโทรศัพท์อยู่นี่นา โทรศัพท์ โทรศัพท์
เอ๋~ อยู่ไหนนะ
“ โฮซอก สงสัยฉันไม่ได้หยิบออกมา” ผมบอกเจโฮปอย่างไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่
แต่ผมว่าผมเอามาแล้วนะ ผมหยิบออกมากับมือ สงสัยจะหล่นมั้ง
“ งั้นเอาของผม...เอ่อ...” เจโฮปบอกก่อนจะล้วงหามือถือเขาในกระเป๋ากางเกงและเสื้อ แต่ดูเหมือนว่าเขาก็หาไม่เจอเหมือนกัน
“ ไม่เจองั้นหรอ?”
ผมเริ่มตะขวิดตะขวงใจ เริ่มรู้สึกว่ามันแปลกว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เราสองคนหาโทรศัพท์ไม่เจอ
“ ฉันว่ามันแปลกๆนะโฮซอกอ่า”
“ ผมว่าเราโดนปล่อยเกาะอีกแล้วแน่เลย”
ปล่อยเกาะ! อีกแล้ว!
“ ที่นี่เป็นเกาะงั้นหรอ!?”
มันเป็นเกาะหรอกหรอที่นี่ ดูเหมือนจะไม่ใช่เกาะเลยนะ
“ ผมไม่ได้หมายความแบบนั้นฮยอง ผมหมายถึงว่าเราโดนทิ้งให้ตามหาสมบัติแล้วหละ =3=”
“ แบบคราวที่แล้วไม่เอาอีกแล้วนะ นายอย่าพยายามเสียสละอีกเด็ดขาด เข้าใจมั๊ย?”
ผมห้ามเขาเด็ดขาด ครั้งที่แล้วผมแทบจะบ้าตายเลยนะนั่น ผมไม่ชอบให้ใครต้องมาเจ็บตัว หรือเสียสละอะไรให้ผม
“ ตอนนั้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยหรอกน่า”
“ สุดวิสัยบ้าบออะไรกัน ช่างมันเถอะ เราเดินตามถนนไปเรื่อยๆ แล้วลองถามทางกลับโรงแรมดีกว่า ”
เฮอะๆ มันไม่สุดวิสัยหรอกมั้ง
ผมเดินจูงมือเขาไปตามถนน ที่ตอนนี้เริ่มมีบ้านคนประปรายมาบ้างแล้ว
“ เราเดินจูงมือกันแบบนี้เหมือนเดินเล่นกับแฟนเลยเนอะ”
“ ห้ะ? อะไรนะ!”
พูดบ้าอะไรกัน ! หมอนี่เพ้อเจ้อจริงๆ แฟนเฟินอะไร
“ จริงๆนะฮยองดูสิ”
ไม่พูดเปล่า เจโฮปชูมือข้างที่เราจับกันอยู่ขึ้นมา ก่อนจะปล่อยมือผม เปลี่ยนมาโอบไหล่แทน
หมอนี่ชักจะมากเกินไปแล้วนะ
“ ย๊า เอาแขนลงไปเลยนะ!”
ผมดึงแขนเจโฮปลงมา แต่เขากลับโอบไหล่ผมแน่นกว่าดิมอีก
“ แหมจะเป็นอะไรไปกันเล่าฮยอง ฮยองจะได้ไม่ต้องไปชนใครเข้าอีกไงเล่า”
ผมถึงกับพูดไม่ออก เออ! ก็ได้ฟะ ยอมก็ได้ ผมไม่อยากเป็นตัวปัญหาหรอกนะ แต่ตอนนี้ต้องตามหาอะไรอีกหละเนี่ย
“ พูดมากน่า! เข้าไปถามป้าคนนั้นไป๊” ผมพยักเพยิดหน้า ไปทางป้าคนนึงที่กำลังนั่งอยู่หน้าบ้านของเธอ
“ เอ่อ...ฮัลโหล ดูยูโนว์....XX โฮเทล?”
“ อะไรนะ? ไอ่ป๊อด เอ็งมาฟังมันพูดทีดิ๊”
ป้าเขาทำหน้างงใส่เจโฮป ก่อนจะตะโกนเรียกใครซักคนให้ออกมามั้ง เขาฟังไม่รู้เรื่องสินะ
“ อะไรแม่ อ่อ..” วัยรุ่นผู้ชายหน้าตาค่อนข้างดีเดินออกมาจากข้างในบ้าน
“ เอ่อ .... ดูยูโนว์ XX โฮเทล?” เจโฮปถามอีกครั้ง แต่หมอนั่นเอาแต่มองหน้าผม
เอ่อ... หน้าผมมันแปลกหรอ??
“ เอ่อ... ดูยูโนว์ XX โฮเทล?”
เมื่อหมอนั่นไม่ตอบเจโฮป ผมเลยถามคำถามเดียวกัน
“ เยส สส ไอ พา ยู โก ทูเกทเตอร์ โก วิท มี!” ไอ่หมอนั่นตอบผมแทบจะทันที แล้วยังจับมือผมขึ้นมาก่อนจะพูดด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
หมอนี่....คิดอะไรกับผมรึเปล่าฟะ
ความคิดเห็น