[SF] Show white Boy
เมื่อสโนว์ไวท์ ไม่ใช่ผู้หญิงดั่งที่เจ้าชายฝัน แล้วเรื่องทั้งหมดจะลงเอยยังไงกันนะ??
ผู้เข้าชมรวม
335
ผู้เข้าชมเดือนนี้
4
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว อะแค่กๆ มีชายหนุ่มรูปงามนามชูก้า ใช่! ได้ยินไม่ผิดหรอก ผมนี่แหละชายหนุ่มรูปงาม ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในวังใหญ่ แต่จู่ๆวันหนึ่ง ผมกลับโดนเนรเทศออกจากวัง ในคำกล่าวหาที่ว่าหน้าตาดีเกินไป จะทำให้เป็นกาลกิณีบ้านเมือง นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย!!
ส่วนไอ่คนที่มันทำให้ผมโดนเนรเทศออกมาหนะหรอ ก็ไอ่พ่อมดมืดนั่น! ทำให้แม่และพี่สาวผมหลงจนหน้ามืดตามัว อย่าให้ฉันกลับไปได้เถอะ แก๊ !!
เอาเถอะ ไหนๆก็ออกจากวังมาอยู่ในป่าแล้ว ผมก็คงต้องลองให้ชีวิตแบบคนป่าดูก็แล้วกัน อะคึ แต่คนป่าที่ไหนมันจะหล่อเท่าผมหละนี่
โชคดีผมสามารถปรับตัวเข้ากับป่าได้ดี ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหาร ผมเดินลึกเข้ามาเรื่อยๆ มองสองข้างทางหวังว่าจะมีที่พักดีๆให้เจ้าชายรูปงาม
โอ๊ะ ! นั่นอะไรเป็นเงาตะคุ่มๆอยู่หลังพุ่มไม้ อย่าบอกนะว่า....
“ กระท่อม!!”
เยสสส สววรค์มีตาฟ้ามีใจ สงสารคนหล่ออย่างผม ที่ต้องรอนแรมกลางป่า เลยดลบันดาลกระท่อมมาให้ แต่...
“ กระท่อมบ้าอะไรวะไม่มีประตู!”
มีกระท่อมแต่ไม่มีประตู แล้วจะให้เข้าทางไหน!
ผมค่อยๆเดินเข้าไปอย่างไม่ไว้วางใจ กระท่อมไม่มีประตูทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย เมื่อผมก้าวเข้าไปชิดตัวกระท่อมกำลังจะยกมือเคาะดู
“เหวออออออ”
จู่ๆ พื้นข้างล่างก็ยุบลงเป็นท่อขนาดใหญ่ดูดผมลงไป
ขุ่นพระ นี่มันอะไรกันนี่ ทางเข้ากระท่อมแบบใหม่หรอ =[]=
“ ฮัลโหล มีครายอยู่ม้อยยย”
ผมส่งเสียงเรียกก่อนจะหันไปมองรอบๆ
ว้าววว นี่มันโอเคเลยนะเนี่ย อย่างกับอยู่ในวังแหนะ ของทุกชิ้นเป็นทองทั้งนั้นเลย ถ้าดูภายนอกนึกว่ากระท่อมร้างธรรมดา แต่ข้างในนี้กว้างมากๆ
“ โอ๊ะ มีบันไดด้วย”
ผมเดินสำรวจข้างล่าง มีห้องน้ำ ห้องครัว ห้องหนังสือ น่าสงสัยว่าไม่มีคนอยู่เลยหรอ?? หลังจากที่เดินดูข้างล่างแล้วผมก็ขึ้นบันไดไปดูข้างบน มีห้องอยู่ 3 ห้อง เป็นห้องนอนทั้งหมด ผมเดินเข้าไปในห้องหนึ่งที่ดูใกล้เคียงกับห้องผมที่วังก่อนจะล้มตัวลงนอนอย่างสบายใจ และเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อย
..................................
“ นับต่อแต่นี้ บ้านเมืองท่านก็ไม่มีกาลกิณีอีกแล้ว ฝ่าบาท หึๆ ” พ่อมดมืดกระซิบข้างหูพระราชา ก่อนจะร่ายมนตร์บทใหญ่ เมฆหมอกเข้าปกคลุมฉับพลันก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็ว
“ ลูกรักของแม่ เจ้าช่างหล่อเหลายิ่งนัก โอ้” พระราชินีรีบตรงมาที่พ่อมดมืดทันที ชื่นชมความงดงามของเขา อีกทั้งคนทั้งเมืองถูกมนตร์ และเข้าใจว่าเขาคือเจ้าชายรูปงาม เขาจะทำแบบนี้ทำไมกัน ถ้าไม่ใช่เพื่อบัลลังก์อันยิ่งใหญ่
.........
เสียงควบม้าดังก้องไปทั่วผืนป่า ฝูงนกแตกรังบินออกเพื่อหากิน เจ้าชายรูปงามที่อยู่บนหลังม้า มองซ้ายขวาเพื่อหาทางออกจากป่า
ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่
จู่ๆ ม้าคู่ใจเกิดพยศขึ้นมา มันวิ่งเปะปะอย่างความคุมไม่อยู่
“ นี่แกเป็นอะไรนี่ หา! หยุดเดี๋ยวนี้นะ” เจ้าชายตวาดม้า แต่ม้าไม่สนใจมันยังคงวิ่งต่อไป
“ ย๊า ไอ่ม้าบ้า บอกให้หยุดไงฟะ โอ๊ย!” เจ้าชายสบถเสียงดังเมื่อจู่ๆ เจ้าม้าตัวดีก็หยุดวิ่งเสียดื้อๆ ทำให้เขาเสียหลักเกือบพุ่งไปข้างหน้า โชคดีที่มือยังกุมบังเหียนไว้อยู่
“ ถ้าแกเป็นแบบนี้อีกฉันจะ.....” เสียงของเขาขาดหายไป เมื่อจู่ๆก็พบบ้านหลังโตตั้งอยู่กลางป่า
บ้านใครกันมาตั้งกลางป่าแบบนี้กันนะ
เขาคิด ก่อนจะลงจากหลังม้า โดยไม่ลืมผูกมันไว้กับต้นไม้ ก่อนที่มันเกิดบ้าหนีไป
เจ้าชายเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง อาจจะเป็นกับดัก หรือภาพลวงตา เขาลองเปิดประตูบ้านดู ปรากฏว่าไม่ได้ล็อกไว้ เขาเข้าไปในบ้าน ก่อนจะอ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง
“ นี่ มันทองทั้งนั้น” เครื่องเรือนทั้งหมดเป็นทอง ใช่แล้ว บ้านหลังนี้เป็นบ้านหลังเดียวกับกระท่อมที่ชูก้า เจอ และ....
“ ขอขึ้นไปดูชั้นบนหน่อยเถอะ” เจ้าชายว่าแล้วก็เดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เปิดดูห้องนอน จนพบห้องที่น่านอนห้องนึง
จู่ๆ ความง่วงก็เข้าครอบงำสติ เจ้าชายล้มตัวลงนอนโดยที่ไม่รู้ว่ามีคนนอนอยู่แล้ว ถ้าเกิดทั้งสองตื่นขึ้นมาเจอกันมันจะเป็นยังไงกันนะ
..........
“ งึมๆ ”
“ อื้มมม”
ผมงัวเงียก่อนจะลืมตาขึ้น นี่มันเช้าแล้วหรอ? คงจะเช้าแล้วสินะงึมๆ
สองแขนยันตัวลุกขึ้น นั่งบิดขี้เกียจ
สวบบบ
“ อะไรวะ!” ผมร้องอย่างตกใจ ก็อยู่ดีๆผมกำลังจะลุกขึ้นยืนก็กลับลงมานั่งเหมือนเดิม แถมยังรู้สึกแน่นที่ท้องอีกต่างหาก
เอ๊ะ หรือเมื่อวานกินเยอะไป ท้องเลยอืด?
“ อื้มมม งึมๆ ”
ดะ เดี๋ยวก่อนนะ รู้สึกเหมือนมีคนมาเกาพุงผม ผมหันซ้ายขวา ก่อนจะก้มลงมองใต้ผ้าห่ม มีหัวโผล่ออกมาเล็กน้อย
พรึบ
“ เหวออออออออ”
ผมเปิดผ้าห่ม ก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจ ให้ตายเถอะ ผมนอนกับผู้ชาย !!!!
“ อย่าเสียงดังสิ คนกำลังนอน”
“ แกกล้าดียังไงมานอนกอดฉ้านนนนน” ผมไม่สนใจเสียงบ่นของมัน ก่อนจะตะโกนใส่หูมันอย่างลูกผู้ชาย
ร่างที่นอนอยู่ค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา คิ้วขมวดอย่างไม่ค่อยพอใจ ผมสบตามันทำให้รู้ว่าสายตามันเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเห็นหน้าผม
ผมรีบลุกขึ้นห่างมัน แต่มนกลับเดินตรงมาที่ผม ผมเดินถอยหลัง จ้องมองมันอย่างไม่ให้คลาดสายตา
ปึก
ซวยแล้วว ดูแต่ข้างหน้าเสือกลืมดูข้างหลังว่าตัวเองถอยมาชนกำแพง โง่จริงๆ
ดูสายตาที่มันมองผมสิ อย่างกับจะฉีกผมเป็นชิ้นๆ เกิดมาคนหล่อไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย
พรึบ
ช่วงที่ผมเหม่อ คนตรงหน้าดึงตัวผมเข้าไปกอดแน่ นี่มันจะฆ่าผมด้วยการรัดจนขาดใจเรอะ
“ อย่าหนีไปไหนอีกนะ สโนว์ไวท์ เจ้าหญิงของพี่”
จะ เจ้าหญิงเรอะ!! มันใช้อะไรมองฟะ!
“ นี่ แกปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ อะ แค่กๆ ” ผมบอกมันก่อนที่ตัวเองจะสำลักน้ำลาย = =
“ ขอโทษที พอดีพี่คิดถึงน้องหญิงมากเกินไป แล้วเหตุไฉน ทำไมเจ้ามาอยู่ในบ้านหลังโตแบบนี้ ”
“ ไอ่โง่! แหกตาดูสิว่าฉันใช่เจ้าหญิง สโนว์ไวท์ของแกม้ายยฉันเป็นเจ้าชายโว้ยย ดูชุดสิ ” ผมตะโกนใส่เจ้าชายโง่อย่างอารมณ์เสีย มันเป็นเจ้าชายหรือคนบ้ากันแน่
“ ทำไมเจ้าหญิงถึงตะคอกใส่พี่โฮซอกแบบนี้ เสียใจนะ”
“ โฮซอก? นั่นชื่อแกหรอ? “
เจ้าชายโฮซอก ไอ่หมอนี่เป็นเจ้าชายจริงๆหนะหรอ? หรือว่ามันโดนเนรเทศออกมาเหมือนผม เพราะมันบ้า?? โฮะๆ ใช่แน่เลย
“ เอาหละ เราลงมาคุยกันหน่อยนะเจ้าชายโฮซอก” ผมพูดก่อนจะเดินนำลงมาที่ชั้นล่าง เขาเดินตามลงมาโดยไม่ได้บ่นอะไร
ผมนั่งลงที่ม้านั่ง ส่วนเขายืนอยู่ตรงข้ามผม
“ เธอมีอะไรจะคุยกับพี่หรอเจ้าหญิง” หมอนั่นเอ่ยด้วยเสียงหวานเลี่ยน
“ โอเค ฉันจะบอกให้นะว่า หนึ่ง ฉันไม่ใช่เจ้าหญิง สองฉันไม่ใช่สโนไวท์คนรักของนาย และข้อสุดท้ายที่สำคัญที่สุด ฉันเป็นผู้ชายโว้ยย” ผมตะโกนอย่างเหลืออด เหลืออดจริงๆ ผมหนะผู้ชายทั้งตัว มันเอาสมองส่วนไหนมาคิดว่าผมเป็นเจ้าหญิงอะไรนั่น
“ โอเค พี่คงเข้าใจว่าเธออาจจะได้รับความกระทบกระเทือนระหว่างที่เธอได้หายตัวออกจากวังมา ทำให้เธอความจำเสื่อมคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายนะสโนไวท์ แต่ยังไงพี่จะทำให้เธอหายเองนะเจ้าหญิงของพี่ ^0^”
โธ่เว้ย ไอ่เจ้าชายบ้านี่พูดไม่รู้เรื่อง คนหล่อเซ็ง
ผมทนไม่ไหวเดินออกจากกระท่อมหลังโต โดยประตูหน้า ผมไม่ยักจะรู้ว่ามีประตูตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แต่เรื่องนี้ช่างมันเถอะ ผมขอออกจากสถานการณ์บ้าๆนี่ก่อน
“ เธอจะไปไหน รอพี่ด้วย” ไอ่เจ้าชายบ้าตะโกนไล่หลังผมมา ผมไม่สนใจรีบไปที่ม้าที่มีคนผูกไว้กับต้นไม้ ผมคงเดาว่าเป็นของเจ้าชายนั่นแหละ ผมควบม้าไปโดยไม่ลังเล
“ เจ้าหญิง สโนไวท์ จะหนีพี่ไปไหน โอ๊ย! ” ผมหันไปมองเจ้าชายที่จู่ๆก็ล้มลง มันเป็นอะไรของมัน สำออยหรือว่าเจ็บจริง??
เฮ้ยยย นั่นมันเลือดนี่!
ผมรีบบังคับม้าให้กลับไป เลือดมาจากไหนกัน มีคนลอบทำร้ายงั้นหรอ??
“ นี่เจ้าชาย! เห้ย สลบหรอ อย่าพึ่งตายนะเว้ย ฉันไม่อยากเอาศพไปฝัง” ผมบ่นอุบกับตัวเอง ก่อนจะเห็น ลูกธนูตกอยู่ที่พื้นพร้อมกับแอปเปิ้ลที่แหว่งหนึ่งลูก มันมาจากไหน??
อย่าพึ่งสนใจ ผมบอกกับตัวเองก่อนจะลากเจ้าชายเข้าไปในกระท่อม หาอะไรมาทำแผลให้ หวังว่าหมอนี่จะไม่ตายไปก่อนนะ เกิดมันตายแล้วมาคอยเรียกผมว่าเจ้าหญิงอะไรนั่นหละ บรึ๋ยยย แค่คิดก็หลอนจิตแล้วว
ดูท่าแล้วคงไม่เป็นอะไรมาลูกธนูแค่เฉียด ส่วนแอปเปิ้ลผมยังไม่รู้ว่ามันมาได้ยังไง คงมีต้นแอปเปิ้ลอยู่แถวนั้น แล้วลูกมันคงตกลงมา แล้วหมอนั่นหิวก็เลยเก็บกิน แล้วจู่ๆก็มีลูกธนูพุ่งมาทำให้ตกใจจนเป็นลมหละมั้ง
กลายเป็นว่าผมต้องมานั่งเฝ้าหมอนี่จนกว่าจะฟื้นงั้นหรอ? นี่มันซวยอะไรกันนี่ ผมเข้าครัวไปหาอะไรกินแก้หิว ก่อนจะกลับมานั่งเฝ้าเจ้าชายโฮซอกบ้าบอคอแตก
นี่มันนานเกินไปแล้ว ทำไมหมอนี่ไม่ยอมฟื้น! นี่มันผ่านไปหลายวันแล้วนะเฟ้ย! หรือว่าหมอนี่จะตายไปแล้ว? ไม่หรอกหัวใจยังเต้นอยู่เลย
“ นี่นาย นี่ตื่นมาซักที ถ้าไม่ตื่นฉันจะปล่อยนายไว้ในนี้ให้ตายเลยนะเว้ย ”
เหมือนว่าคำพูดของผมจะมีผลต่อเขา จู่ๆ เขาก็ลืมตาขึ้นมาจนผมตกใจแทบจะตกเก้าอี้
“ ไอ่บ้าเอ๊ย จะลืมตาก็สงเสียงบ้าง นึกว่าตายไปแล้ว ฉันต้องมานั่งดูแลนายตั้งหลายวัน สำนึกบุญคุณไว้ซะบ้าง แล้วลุกขึ้นมากินข้าวกินปลาได้แล้ว นอนไปตั้งนานไม่หิวหรือไง ถึงฉันจะหยอดน้ำให้แล้วก็เถอะ”
ผมบ่นเขาทันทีที่เห็นเขาทำหน้ารับรู้ แต่หมอนี่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร ได้มองผมอยู่อย่างนั้น
“ นอนนานจนลืมวิธีพูดหรอ?? “ ผมอดไม่ได้ที่จะเหน็บเขา ก็มันทำให้ผมลำบากนี่ เกิดมายังไม่เคยมาทำอะไรแบบนี้ ผมต้องเช็ดตัวมัน แถมยังต้องหยอดน้ำให้มัน ทำแผลให้อีกต่างหาก
เจ้าชายบ้ายังคงเงียบ สายตาดูเหม่อลอยยามทอดมาที่ผม เป็นอะไรอีกหละเนี่ย อย่าบอกนะว่าเป็นเจ้าชายนิทรา!? คนหล่อจะเป็นลม หนีไปตอนนี้ทันมั๊ย??
‘หนีไปเลยสิ เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมันนี่นา’ เสียงหนึ่งดังก้องในหัวผม
แวบ
‘ไม่ได้นะ ยังไงเขาก็เป็นเพื่อนร่วมโลก เราต้องช่วยเขาสิ’ อีกเสียงเถียง
‘อย่ามาทำเป็นคนดีหน่อยเลย ตัวเองลำบากจะตาย ยังต้องมาดูแลคนป่วยอีกหรอ’
ก็จริงของมัน เจ้าชายบ้าจะรอดมั๊ยก็ไม่รู้
‘ไม่ได้ ยังไงก็ทิ้งเจ้าชายไม่ได้ ลองคิดดูสิ ’
โอ๊ย พอ ปวดหัว ไม่ไปไหนก็ได้ จะบอกให้ นอกจากผมจะหล่อ ยังเป็นคนดีอีกต่างหาก
ผมหันมามองเจ้าชายบ้า ที่นอนหมดสภาพ จะว่าไปหมอนี่ก็น่าสงสารเหมือนกันนะ เป็นบ้าโดนแฟนทิ้งแล้วยังต้องมาเป็นเจ้าชายนิทราอีกต่างหาก อันที่จริงหมอนี่ก็เป็นคนที่ดูดีอยู่นะ จมูกโด่งๆ หน้าหล่อๆ แถมปากได้รูป ทำไมยัยสโนว์ไวท์ถึงทิ้งกันนะ ถ้าผมเป็นยัยนั่นนะ ผม...... ก็ไม่รู้สินะ
ผมใช้เวลาในแต่ละวันหมดไปกับการหาของป่าเพื่อมาทำกับข้าว ถึงผมจะเป็นเจ้าชาย แต่ผมก็ทำอาหารเป็นนะ ผมไม่ได้เป็นง่อยนี่นา ผู้ชายหล่อ ทำอาหารเก่ง เก๋ดีออก อุอิ
“ นี่ ฉันทำอาหารมาให้แล้ว กินดีๆอย่าดื้อหละ เข้าใจ๊? กินอาหารแล้วจะได้เช็ดตัวให้ นายก็รีบๆลุกขึ้นมาทำเองบ้างได้แล้วนะ ฮึ่ย”
วันๆผมก็ได้แต่บ่นๆไปแบบนั้น ผมรู้ดีว่าหมอนี่ไม่มีทางจะลุกขึ้นมาทำเองได้ง่ายๆหรอก ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ผมคงต้องหาหมอมารักษาซะแล้วหละ จะให้ผมดูแลหมอนั่นไปจนตายก็ไม่ไหวนะ ผมไม่ใช่เมียมันนะเว้ย
หลังจากที่ผมป้อนข้าวป้อนน้ำ เช็ดตัวอะไรให้เจ้าชายนิทราเสร็จแล้ว ผมก็นั่งอ่านหนังสือเรื่อยเปื่อยระหว่างเฝ้าหมอนั่นที่นอนแบ๊บอยู่บนเตียงที่ผมเอาลงมาจากชั้นบนอย่างยากลำบาก
ผมอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนหนังตาเริ่มหนักอึ้ง ก่อนจะเข้าสู่ห้วงนิทราแบบไม่รู้ตัว
.......................
ร่างสูงบนเตียงขยับตัวไปมาก่อนจะลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจ เขาก้มมองร่างบางที่หลับไม่รู้ตัวอยู่ข้างๆเตียงเขา
“ ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะ” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะลุกออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อสูดอากาศข้างนอก หลังจากที่เขาอุดอู้อยู่ในบ้านมาหลายวันแล้ว
เขารู้นานแล้วหละว่าคนที่อยู่ในบ้านไม่ใช่เจ้าหญิงที่เขาตามหา แล้วเขาก็ไม่ได้เป็นเจ้าชายนิทราด้วย เขาแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง บางอย่างที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
วันแล้ววันเล่าที่เขายังคงนอนอยู่บนเตียงในตอนกลางวันและออกเดินเล่นในตอนกลางคืน โดยที่ไม่ให้ชูก้ารู้ วันนี้เขาตัดสินใจแล้วที่จะจบ เขาทนเห็นร่างบางทำทุกอย่างเพื่อเขาต่อไปอีกไม่ได้ ทุกวันๆ เขาเห็นชูก้าคอยดูแลเขา ถึงเจ้าตัวจะบ่นไม่ขาดปากแต่ก็ยงไม่หนีเขาไปไหน
มือเอื้อมไปลูบผมร่างบางที่นอนหลับไม่รู้เรื่องก่อนจะจุมพิตแผ่วเบาบนหน้าผาก ก่อนจะขึ้นเตียงไปนอนลงตามเดิม
“ ฮ้าวววว เช้าแล้วหรอเนี่ย คงต้องออกไปหาของป่ามาทำกับข้าวก่อนที่เจ้าชายบ้าจะหิว อยู่บ้านทำตัวดีๆหละเจ้าชาย อย่าออกไปเที่ยวไหนหละ คิคิ ออกไปได้ก็แปลก เดี๋ยวมานะ” ชูก้าเอื้อมมือมาปัดผมหน้าที่ปรกตาของเจ้าชายออกก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ปล่อยให้คนที่นอนอยู่บนเตียง มองตามด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจ
เวลาผ่านไปไม่นานชูก้าก็กลับเข้ามาพร้อมกับเนื้อกระต่ายและผลไม้ป่า แต่ไม่ทันที่จะได้เดินเข้าไปในห้องครัว ก็เหลือบไปเห็นแอปเปิ้ลลูกหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะอาหาร ซึ่งเขามั่นใจมากว่าไม่ได้วางไว้แน่นอน
เขาเดินเข้าไปหยิบแอปเปิ้ลลูกนั้นขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่าไม่ได้มีแค่แอปเปิ้ลที่วางอยู่ มีหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่
‘สโนว์ไวท์’
สโนว์ไวท์งั้นหรอ? เขามองอย่างสนใจก่อนจะเปิดอ่านข้างใน โดยลืมไปว่าตัวเองต้องทำอาหารให้คนป่วย
“ เจ้าชายมอบจุมพิตให้สโนว์ไวท์ ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยรัก ทำให้สโนไวท์ตื่นจากเจ้าหญิงนิทรา และทั่งคู่ก็ครองรักกันอยากมีความสุข”
“ จุมพิตงั้นหรอ...”
สโนว์ไวท์ถูกแม่มดใจร้ายหลอกให้กินแอปเปิ้ลเคลือบยาพิษ ใช่แล้ว! วันนั้นเจ้าชายโฮซอกกินแอปเปิ้ล แต่..เขาไม่ใช่ สโนว์ไวท์หรอกหรอ? ก็เจ้าชายเป็นคนเรียกเขาแบบนั้น
ตอนนี้หัวเขาแทบจะระเบิด จะให้เขาจูบกับผู้ชายเนี่ยนะ! ด้วยหัวใจเปี่ยมด้วยรักอย่างงั้นเรอะ! เหอะๆ เจ้าชายชูก้าคนนี้อยากจะหัวเราะให้หล่อ บ้าไปแล้วถึงเขาจะดูแลหมอนั่นมาใช่ว่าเขาจะมีใจให้ แค่แอบใจเต้นนิดนึง นิดนึงแค่นั้นแหละ ก็ตอนที่ต้องเช็ดตัวอยู่ทุกวันแล้วหุ่นของเจ้าชายบ้านั่นก็.. ////
พอๆ ตะเลิดไปไกลแล้ว นี่เขาจะต้องจูบกับหมอนั่นจริงหรอ !
ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากจูบ แต่สองเท้าดันก้าวเข้ามาใกล้เจ้าชายโฮซอกที่แกล้งนอนหลับโดยไม่รู้ตัว
“ ฉันแค่ต้องการช่วยชีวิตนาย” ชูก้าพึมพำเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงแนบริมฝีปากบางกับเจ้าชายนิทรา
ชูก้าเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อคนที่เขาคิดว่าเป็นเจ้าชายนิทรานั้นลืมตาขึ้นไม่พอให้มือรั้งท้ายทอยเขาไว้ ส่วนแขนอีกข้างเกี่ยวรัดเอวเข้าไว้แนบตัว
กลีบปากละเลียดอยู่บนริมฝีปากบาง ลิ้นร้อนเริ่มรุกล้ำเข้าไปในโพรงปากหวาน ชูก้าเริ่มหายใจหอบถี่ มือสองข้างที่ตอนแรกคอยทุบอกร่างหนา ตอนนี้กลับขย้ำเสื้อคนตรงหน้าเพื่อหาที่เกาะ หัวใจดันเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างกายรู้สึกร้อนรุ่มเหมือนกำลังโดนไฟเผา
เฮือกก
เขาคิดว่าตัวเองคงต้องขาดอากาศหายใจตาย ถ้าคนตรงหน้าไม่ถอนริมฝีปากออกมาซะก่อน
เจ้าชายยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ยังไม่ปล่อยแขนจากเอวคนตัวเล็กตรงหน้า
“ นาย! เป็นบ้าอะไรเนี่ย ปล่อยนะ!” ชูก้าเริ่มโววายทันทีที่ได้สติ จะไม่ให้โวยวายได้ยังไงเมื่อคนตรงหน้าจูบเขา!
“ แค่พิสูจน์อะไรบางอย่าง” เขาบอกร่างบางหน้าแดงจัด ไม่รู้ว่าโกรธหรือเขินกันแน่
“ พิสูจน์อะไร!!” ชูก้าถามเสียงดังทั้งๆที่ไม่จำเป็น
“ ก็แค่พิสูจน์ว่าจะมีใครแถวนี้ใจเต้นแรงบ้างมั๊ย” เจ้าชายโฮซอกตอบเสียงยียวน แต่กลับทำให้ชูก้าใจเต้นระส่ำ
“ ใครใจเต้นแรง ไม่มี๊ มะ มั่วแล้ว!” ชูก้าปฏิเสธแล้วรีบเบือนหน้าหนี
“ ฮะๆ แค่อยากรู้ว่าใจจะเต้นแรงเหมือนของฉันรึเปล่า แค่นั้นเอง” โฮซอกไม่พูดเปล่า จับมือของชูก้ามาแนบอกตัวเอง เพื่อให้รู้ว่าหัวใจเขาก็เต้นแรงไม่แพ้กัน
“ ปละ ปล่อยนะไอ่บ้า ใครใจเต้นแรง ฉันไม่รักนายหรอก!” ถึงเขาจะพูดไปแบบนั้น แต่ตอนนี้หัวใจเขาแทบระเบิด ไม่อยากยอมรับว่ารู้สึกดีที่เห็นเจ้าชายบ้าฟื้นขึ้นมาได้
“ โอ๊ะ ฉันยังไม่ได้บอกเลยนี่นาว่ารัก แต่....ฉันรักนายนะ จุ๊บ” โฮซอกยิ้มกริ่ม ชิงบอกรักชูก้า ก่อนจะจุ๊บเข้าที่ปาก คนโดนขโมยจุ๊บถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“ ไม่รงไม่รักทั้งนั้นแหละโว้ย ปล่อยได้แล้ว อึดอัด” ชูก้าดันตัวออกจากอ้อมกอดของโฮซอก ซึ่งยอมปล่อยง่ายๆ
“ ไม่รักจริงหรอ ไม่อยากรู้หรอว่าฟื้นมาได้ยังไง” จะบอกว่าไม่อยากรู้ก็คงเป็นไปไม่ได้ ไอ่บ้านี่ดันรู้จุดออกเขาซะงั้น ชูก้าคิด
“ อยากรู้แล้วนายจะเล่าให้ฉันฟังหรือไงกัน!” ชูก้าถามกลับอย่างไม่แน่ใจ ดูท่าแล้วไอ่เจ้าชายบ้าคงไม่เล่าฟรีๆแน่
“ บอกรักฉันก่อนเดี๋ยวเล่าให้ฟัง หึๆ”
นั่นไง เขาว่าแล้วเชียว ต้องเปลี่ยนจากเจ้าชายบ้า เป็นเจ้าชายโรคจิตแทนแล้ว ใครจะยอมบอกรักหมอนี่กัน ไม่ได้รักซะหน่อย =3=
“ ฝันไปเถอะใครจะรักคนบ้าอย่างนายกัน”
“ งั้นถ้าไม่บอกรักขอจูบแทนละกัน” โฮซอกบอกเสียงเรียบขัดกับหน้าตา สายตากรุ่มกริ่มมองที่บางชูก้าอยากเปิดเผย
“ ไอ่บ้า ปล่อย เออๆ รักก็ได้ฟะ!”
ชูก้าบอกรักคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ไม่งั้นเขาคงโดนจูบแน่ ก็ดูมือมันสิ รั้งเอวเขาไปซะชิดตัวเชียว =3=
“ ฉันก็รักนายนะ ถึงนายจะไม่ใช่เจ้าหญิงที่ฉันตามหาฉันก็รักนายนะสโนไวท์บอยของฉัน”
เจ้าชายโฮซอกกระซิบที่ข้างหูชูก้า ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมาชิมความหวานของคนตรงหน้าอีกครั้ง
ไอ่เจ้าชายหื่นกาม หลอกให้เขาหลงอีกแล้ว เดี๋ยวเจอดีแน่ แต่ตอนนี้ แอร๊ยย ชูก้าคนนี้หัวใจจะวายแล้วโว้ยย =////=
ผลงานอื่นๆ ของ Jeliment ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Jeliment
ความคิดเห็น