คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1
- 1 –
ผู้ชายกับกล้องฟิล์ม
[หายเงียบไปเลยนะแก! / เที่ยวสนุกมั้ยยย 'ลูพิณ'] พอฉันกดรับสายจากยัยเพื่อนตัวป่วนสองคนก็มีเสียงที่แสนจะแสบแก้วหูเรียกชื่อฉันเสียงดังเข้ามาเลยเลยล่ะเยี่ยมจริงๆ =_= เหมือนจะลืมแนะนำตัวไปเลยว่าฉันชื่อว่าลูพิณ อืมตอนนี้ฉันอายุ 17 แล้วล่ะ ฉันมีเพื่อนเยอะนะแต่ที่สนิทและสำคัญจริงๆ ก็ยัยสองคนนี้แหละ
“พวกแกจะตะโกนเข้ามาทำไมยะ!”
[เปล่าตะโกนซะหน่อยย นี่แกกรีบกลับมาได้แล้วฉันกับยัยเตี้ยคิดถึงง] คนที่พูดสายกับฉันอยู่ชื่อว่า 'อิงฟ้า' หรือ 'อิ๊ง' ส่วนยัยเตี้ยที่พูดถึงชื่อว่า 'ปุยเมฆ'
“ไม่มีทาง ที่นี่มันเหมือนสวรรค์เลยล่ะอยากให้พวกแกมาด้วยจัง” ฉันพูดโทรศัพท์ไปพลางเดินออกไปตรงระเบียงข้างนอกทอดสายตามองหาดทรายสีขาวและน้ำทะเลสีฟ้าสดใสซึ่งกำลังส่องแสงระยิบระยับเลยล่ะ
[แล้วตอนนี้แกอยู่ที่ไหน? แต่ฉันเดาว่าต้องเป็นทะเลแน่ๆ] ยัยเพื่อนพวกนี้รู้จักฉันดีจริงๆ แฮะ
“อยู่กระบี่”
[จริงดิแก! ลูกพี่ลูกน้องฉันก็อยู่นั่นเหมือนกันอยากจะบอกว่าหล่อมากด้วยนะ] เสียงของยัยปุยเมฆแทรกเข้ามา
“ฉันไม่สนหรอกย่ะ..” เพราะว่าตอนนี้ฉันเจอเนื้อคู่ (ที่เห็นเพียงแค่ตา) ของฉันแล้ว กรี๊ดดดดด “แค่นี้นะฉันจะไปถ่ายรูปในบรรยากาศตอนเช้าๆ แบบนี้แล้ว บาย” แล้วฉันก็รีบกดตัดสายก่อนจะเดินเข้าไปในห้องหยิบย่ามสีขาวทีฉลุเป็นลูกไม้ซึ่งในกระเป๋ามีแต่ของที่เรียกว่าเป็นชีวิตของฉันเลยล่ะกล้องถ่ายรูป,สมุดสเก็ต,ที่คาดผม และบลาๆๆ
แชะ! เสียงกดชัตเตอร์ดังมาจากกล้องฟิล์มเป็นฝีมือของชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเจ็ดเซนติเมตร ที่มีดวงตาคู่คมสีดำสนิทซึ่งสามารถสะกดผู้หญิงหลายคนได้ จมูกโด่งเป็นสันรวมไปถึงริมฝีปากที่รับกับใบหน้าอันหล่อเหลา เขาคือชายหนุ่มผู้รักอิสระ ชอบในการถ่ายรูปและวาดรูปต่างๆ มากมาย ในเวลาตอนเช้าแบบนี้แทบจะไม่มีผู้คนอยู่บนชายหาดจึงเป็นเวลาที่เหมาะกับการเก็บบรรยากาศผ่านกล้องฟิล์มคู่ใจของ เขาเลือกที่จะมองภาพเหล่านั้นผ่านเลนส์ของกล้องจนไปหยุดค้างอยู่ที่…
...ผู้หญิงคนนึง เธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอ่อนๆ และใส่มันเข้าไปในกระโปรงสีครีมพร้อมกับสร้อยคอที่เขาเรียกกันว่าเครื่องดักจับฝันร้ายบ่งบอกให้รู้ว่าเธอเป็นคนที่ชอบอะไรคลาสสิกและวินเทจสุดๆ ชายหนุ่มเห็นใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นไม่ชัดเจนนักเห็นเพียงแค่ว่าเธอมีผมสีน้ำตาลทองประกายและกำลังพริ้วสยายราวกับ..
'ดอกไม้' ใน 'สายลม' ชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจจนเห็นลักยิ้มอันทรงเสน่ห์ที่สองข้างแก้มของเขา แน่นอนว่าเขาไม่ลังเลที่จะกดชัตเตอร์นั้น
เขาเลื่อนกล้องฟิล์มลงให้พ้นจากสายตา แต่ทว่าผู้หญิงคนนั้นได้เดินหายไปแล้ว..
ฉันเดินลงมาที่ชายหาดด้วยเท้าเปล่าและหยิบกล้องโปรฯ ของตัวเองขึ้นมาก่อนจะถ่ายปลาดาวที่ถูกน้ำทะเลพัดมาอยู่บนทรายสีขาวนี้พอถ่ายเสร็จก็พามันกลับลงสู่น้ำทะเลเช่นเดิม
ฉันเดินเตะทรายเล่นไปอย่างเพลิดเพลิน เป็นครั้งแรกเลยล่ะที่รู้สึกสบายใจได้ขนาดนี้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับเรื่องมากมายแต่มันก็ชั่วคราวเท่านั้นแหละนะเพราะยังไงฉันก็ต้องกลับไปเผชิญหน้ากับมันอยู่ดี แถมยังต้องเรียนติวนู่นนี่อีก แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว :( ระหว่างที่ฉันกำลังเดินไปเตร่ไปเรื่อยๆ ไม่รู้อะไรให้ฉันดลใจหันไปมองข้างหลัง
...ผู้ชายคนนึงกับกล้องฟิล์มตัวเล็กนั่น แปลกแฮะอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกคุ้นเขาเหลือเกินเหมือนกับว่าเคยเจอเขามาที่ไหนสักแห่ง
[จริงดิ แกเจอเนื้อคู่ของแกแล้วจริงเหรอ!] เสียงของยัยเพื่อนเตี้ยรู้สึกจะดี๊ด๊าเป็นพิเศษ
“ใช่ ฉันเจอเขาเมื่อวานแต่ว่าวันนี้เหมือนจะเจออีก โอ้ยย แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่ะแก” ตอนนี้ฉันกำลัง facetime คุยกับปุยเมฆอยู่
[ถ้าเกิดว่าใช่คนเดียวกันขึ้นมาทำยังไงแก!!] ปุยเมฆพูดด้วยน้ำเสียงที่โคตรตื่นเต้นเลยล่ะ ยัยนี่น่ะมักจะตื่นเต้นดีใจกับเรื่องของคนอื่นไปเสมอๆ =_= [แต่แกอย่าไปทำตัวเซ่อซ่าสะดุดล้มต่อหน้าเค้าขึ้นมาล่ะ] ปุยเมฆพูดเหมือนรู้ทันล่วงหน้า มันเป็นความจริงที่ว่าฉันเดินสะดุดบ่อยมากไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม
“ก็แปลว่าเค้าเป็นเนื้อคู่ของฉันไง กรี๊ดดด” พอคิดแล้วฉันก็เขินจนต้องนอนดิ้นไปดิ้นมาบนเตียงคนเดียว แอร๊ยยย เขินนน >_<
[เพ้อเจ้อ!]
“อ้าว! เมื่อกี๊แกพึ่งดีใจกับฉันไปเองนะ ฉันไม่คุยกับแกแล้วดีกว่า เชอะ บาย”
[นี่ เดี๊ยวว] ฉันไม่ได้สนใจเสียงของปุยเมฆและรีบกดปิดอย่างรวดเร็ว เพราะตอนนี้ฉันมีสิ่งที่ต้องทำและพิเศษกว่าคือการตามหาผู้ชายกล้องฟิล์มคนนั้น! ฉันก้มมองนาฬิกาข้อมือตัวเองตอนนี้ก็สองทุ่มกว่าๆ แล้ว ฉันตั้งใจว่าจะเดินไปที่ร้านอาหารริมทะเลซึ่งบรรยากาศมันดีมากๆ เลยล่ะ มีดนตรีแนว acoustic ฟังแล้วมันสไตล์ฉันสุดๆ
จะว่าไปบรรยากาศทะเลตอนกลางคืนมันก็ดีไปอีกแบบนะ ทุกอย่างมันดูเงียบสงบไปหมดมีเพียงแค่เสียงของคลื่น แสงสีอ่อนๆ ที่มาจากไฟบนต้นไม้
“ว้าย!” ฉันกรี๊ดลั่นออกมาทันทีเมื่อมีใครบางคนมากระชากแขนฉัน “โอ้ยย” และฉันก็ต้องร้องขึ้นมาอีกครั้งเมื่อฉันถูกชกเข้าให้ที่ท้องน้อย มันเจ็บจนขยับแทบไม่ได้เลยล่ะ บ้าเอ้ย!
“ไม่เคยมีใครบอกเหรอจ้ะน้องว่าอย่ามาเดินเปลี่ยวๆ คนเดียวที่นี่”
“ไอบ้าเอ้ย! เอามือของแกออกไปจากฉันเดี๋ยวนี้!! ช่วยด้วยค่ะ!!” ฉันตะโกนลั่นสุดเสียงแต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อถูกพวกมันปิดปากเอาไว้
“อย่าดิ้นน่าน้องสาวว เฮ้ย!” แล้วมันก็ร้องออกมาเมื่อมีใครบางคนไปกระชากตัวมันออกจากฉัน ก่อนที่จะตามไปด้วยเสียงหมัดหนักๆ และลูกเตะจากพลเมืองดีคนนึง
“มึงจะเข้ามาเจ๋อเรื่องคนอื่นทำไมวะ!” ไอโจรที่ตอนนี้สภาพสะบักสะบอมชี้หน้าผู้ช่วยชีวิตของฉัน T_T พร้อมกับชูมีดขึ้นมา กรี๊ด เดี๋ยวนะมีดเหรอออออ!
“จะไปยืนตรงนั้นทำไมล่ะครับ”
“ว้าย!” แล้วฉันก็ถูกคุณผู้ชายลากตัวมาไว้ข้างหลัง แต่กรี๊ดเดี๋ยวนะเสียงของเขาหล่อมากก โฮรวว แถมพอยืนข้างหลังเขาแล้วเขาสูงมากเลยล่ะ พระเจ้าาา นี่ขนาดยังไม่เห็นหน้าเขาก็เป็นพระเอกนิยายสำหรับฉันเลย เอ๊ะ เดี๋ยวนะ! มันไม่ใช่เวลานี่หว่า
ระหว่างที่ฉันกำลังพร่ำเพ้ออยู่ไอโจรนั่นก็เละกลายเป็นถุงพลาสติกเหี่ยวๆ เลยล่ะ สมน้ำหน้า!
แปะๆๆ ฉันตบมือให้เขา เอ๊ะ(อีกรอบ) แล้วฉันจะตบมือทำไม =_=
“อารมณ์ต่างจากเมื่อกี๊เลยนะ” แล้วเขาก็หันมาทางฉัน
O M G... นั่นคือเสียงในใจฉันที่ครวญครางออกมา ให้ตายเถอะคุณพระคุณเจ้าทำไม๊ ทำไมม! ขนาดฉันเห็นหน้าเขาไม่ชัดเจนที่เป็นผลมาจากความมืดแต่แค่นั้นเขาก็หล่อเอาซะมากๆ ด้วย ฮืออออ จะเป็นลม T_T ไอการปวดท้องหลังจากโดนต่อยเมื่อกี๊หายเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ แต่แล้วความพร่ำเพ้อของฉันก็หมดไปเมื่อเขาใส่ฮู้ดปกปิดตัวเอง ลึกลับจริงๆ สินะ =_=;
อยู่ๆ สายตาฉันก็ไปสะดุดเข้าไปอะไรบางอย่างที่เขาห้อยคออยู่มันคือกล้องฟิล์ม
คุ้นๆ แฮะ (' ')
“เอ่อ..”
“ไปนั่งเล่นกันหน่อยมั้ย”
“ฮะ”
“ตรงไหนดี”
“อ่า..” มาอีกแล้วไออาการแบบนี้ ฉันล่ะเซ็งตัวเองจริงๆ =_=
“พักที่โรงแรมไหน?”
“อ้อ นู่นค่ะ”
“เดินมาไกลเหมือนกันนะ” เขามองตามมือที่ฉันชี้ ซึ่งตอนนี้ฉันก็กำลังแอบมองเขาอยู่ ขนาดมีฮู้ดมาปิดหน้าดั้งเขามันก็โผล่ออกมาเป็นสันเลยง่ะ (หล่อ T_T) ฉันอยากจะเสียมารยาทไปดึงฮู้ดออกจากหน้าเขาจริงๆ “มาที่นี่คนเดียวเหรอ” เขาเอ่ยถามขึ้นมาขณะที่เรากำลังเดินกลับไปที่โรงแรม
“ใช่ค่ะ แล้ว..” ฉันจะแทนว่าอะไรดีนะ นาย? ไม่ๆ มันไม่เหมาะ หรือคุณ? มันก็ดูทางการไปแฮะ
“มาคนเดียวเหมือนกัน”
“ออ...งี้นี่เอง ว้ายย!” ฉันอุทานออกมาเมื่อเดินและสะดุดขาตัวเองก่อนที่หน้าจะทิ่มเขาก็คว้าแขนฉันไว้ก่อน น่าอายหน้าชะมัด กรี๊ดดด
“ฮ่าๆ” เขาหัวเราะออกมา ถ้าเป็นคนอื่นล่ะฉันจะทุบให้จริงๆ แน่ =_= “เธอนี่ซุ่มซ่ามชะมัด”
“ถ้าคุณเป็นเพื่อนฉันล่ะก็คุณต้องเจอเหตุการณ์นี้จนชินเลยล่ะ”
“คุณ? ทำไมดูทางการจัง ไม่ชินเลยแฮะ” เขาพูดพร้อมกับเกาท้ายทอยตัวเอง
“ก็ไม่รู้จะว่ายังไงนี่”
“ท่าทางเธอจะเด็กกว่าฉันนะแทนว่าพี่ก็ได้”
“โอเคค่ะ พี่ก็พี่”
“แล้ว..”
“อ๋อ ชื่อลูพิณค่ะ” ฮะ อะไร เดี๋ยวนะกรี๊ดด! พี่เขายังไม่ได้ถามชื่อเลยนี่หว่าแล้วฉันจะ(เสนอหน้า)ไปบอกทำไม.. อยากจะทิ้งหัวตัวเองจริงๆ ให้ตาย ;_;
“พี่ยังไม่ได้ถามเลยนะ ฮ่าๆ”
“อย่าแกล้งกันสิคะ” ฉันเบะปากทำหน้าจะร้องไห้ ฉันไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ นะ ทำไมต้องมารนทำตัวเซ่อซ่าต่อหน้าเขาด้วย
“โอ๋ๆ ล้อเล่นเอง” แล้วพี่เขาก็หยุดเดินก่อนจะหันหน้ามาทางฉัน แล้วก็มีบางอย่างที่ดลใจให้ฉันเขย่งตัวเอื้อมมือปัดฮู้ดของเขาลง มันเหมือนว่าฉันค้างอยู่กลางอากาศเลยล่ะทันทีที่สบกับนัยน์ตาสีดำเข้มของเขา “ที่มองค้างขนาดนี้เพราะหล่อใช่ปะ?” แล้วเขาก็ยักคิ้วให้ทีนึงก่อนจะสวมฮู้ดกลับเข้าใส่เหมือนเดิม
“จะใส่ฮู้ดทำไมก็ไม่รู้ดึกป่านนี้แล้วน่ากลัวชะมัด” บ่นอุบอิบออกมาแล้วรีบหันหน้าหนี หน้าฉันต้องแดงมากๆ แน่ๆ T///T
“ชื่อลูพิณ อืมมม ดอกไม้?” เขาไม่ได้ฟังที่ฉันบ่นเลยแฮะเยี่ยมจริงๆ =_=
“ใช่แล้ววว ว่าแต่พี่ชื่ออะไรเหรอคะ”
“ไม่บอก” แล้วก็ยักไหล่กวนๆ
“ได้ไง! หนูยังบอกชื่อพี่เลยนะ”
“ไว้เจอคราวหน้าแล้วจะบอกก็แล้วกันนะครับ”
“เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ พี่ชอบถ่ายรูปเหรอคะ(‘ ‘)”
“เรียกว่ามันเป็นชีวิตดีกว่า” พอพวกเราเริ่มบทสนทนาเกี่ยวกับการถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ฉันแอบสังเกตใบหน้าของเขาด้วยนะว่าเขากำลังยิ้มออกมา
“เกือบลืมไปเลยอ้ะ เรื่องเมื่อกี๊ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ช่วยไม่งั้นหนูแย่แน่ๆ T_T”
“พระเอกป้ะละ”
“ค่าๆ~ แล้วพี่เจ็บตรงไหนมั้ยคะ”
“ก็ต้องมีสิคนนะครับน้องไม่ใช่ซุปเปอร์แมน” เมื่อกี๊เขาพึ่งบอกว่าตัวเองเป็นพระเอกอยู่เลยนะ =_= “ล้อเล่น” พอเขาเห็นหน้าฉันเริ่มจ๋อยๆ ก็เลยใช้ประโยคเดิมที่ว่าล้อเล่น เยี่ยมค่ะ! “แค่นี้สบายมาก”
“ยังไงหนูก็ขอบคุณพี่จริงๆ นะคะ T_T” คราวนี้เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเป็นคำพูด แต่ตอบมันกลับด้วยรอยยิ้ม…รอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่นนั้น…
จนเขาเดินมาส่งฉันที่หน้าโรงแรม “ตกลงพี่ชื่ออะไรกันแน่คะเนี่ย”
“ก็บอกแล้วไงว่าเจอกันคราวหน้าแล้วเดี๋ยวจะบอก” แล้วเขาก็ยิ่นมือมายีผมฉัน
“จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้”
“ก็ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ไปเลยเป็นไง” แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้งเลยทำให้ฉันอดจะยิ้มตามไม่ได้
“งั้นก็ได้ค่ะ หนูเข้าไปข้างในแล้วนะคะ”
“ครับผม”
“พี่ก็เดินกลับดีๆนะคะ”
“เราเองก็เหมือนกันอย่าออกไปข้างนอกคนเดียวอีก”
“ค่าาาา”
“แล้วก็..” เขาเว้นจังหวะไว้ก่อนที่จะเอาฮู้ดที่สวมหัวออกด้วยตัวเอง “ฝันดีนะครับ” เขาเดินถอยหลังและโบกมือบ้ายบายให้กับฉัน แน่นอนว่าฉันก็บ้ายบายเขาเช่นกัน
ฉันยืนมองเขาจนกระทั่งเขาลัยสายตา.. และทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นของเขา
ผ่านมาสามวันแล้วฉันก็มายืนอยู่ที่หน้าโรงแรมเช่นเคยฉันทำแบบนี้ตั้งแต่คืนนั้น แต่จนถึงวันนี้ฉันก็ไม่ได้เห็นเขาแม้กระทั่งเงาเลยล่ะ
Rrrrrrrr~
“ค่ะแม่” ฉันรับโทรศัพท์จากแม่ฉันที่โทรเข้ามา
[จะกลับรึยังลูก]
“กำลังจะกลับแล้วค่า ไม่ต้องเป็นห่วง”
[ดีมากจ้ะขับรถดีๆ นะลูพิณ]
“ค่ะแม่แล้วเจอกันค่ะ” พอฉันวางสายแม่ไปก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
เวลาที่คนเรามีความสุขนี่ผ่านไปเร็วชะมัดเลยแฮะ “จะไม่มาจริงๆ เหรอเนี่ย..” ฉันพูดกับตัวเองแต่แล้วก็เพียงแค่ความเงียบกลับมาเท่านั้น ก็อย่างว่านั่นแหละฉันคิดไปเองทั้งนั้นว่าพี่เขาจะมา พี่เขาไม่ได้สัญญาอะไรสักหน่อย
3 เดือนต่อมา..
วันนี้ท้องฟ้าอากาศสดใสแดดไม่แรงจัดเหมาะกับการพักร้อนสุดๆ ในช่วงปิดเทอม >_< ตอนนี้พวกฉันสามคนอยู่บนรถสปอร์ตที่กำลังเปิดประทุนแล่นอยู่บนถนนในต่างจังหวัดมุ่งหน้าสู่กระบี่ รอบทางนั้นเป็นชายหาดที่ฉันไม่รู้ว่าที่ไหนมันเป็นความจริงที่ว่าฉันไม่เคยจำเส้นทาง T_T แต่เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ
“แกว่าฉันจะเจอพี่เขามั้ยปุยเมฆ ฮือออ” ฉันหันไปสะกิดไหล่ยัยเพื่อนเตี้ยที่กำลังมีสมาธิกับการขับรถอยู่ ส่วนอิ๊งนั่งอยู่ข้างหลังที่กำลังจดจ่ออยู่กับการถ่ายหน้าตัวเองแล้วอัพลงอินสตราแกรม ความจริงน่ะอิ๊งเป็นคนสวยคนนึงเลยนะแต่ก็ต้องเข้าใจนะว่าพออยู่กับฉันแล้วความสวยของยัยนั่นดรอปลงไป 500% นี่ฉันพูดจริงนะ กรี๊ด >_< “ถ้าแกไม่ตอบฉันจะให้แกลงจากรถแล้วฉันจะเป็นคนขับเองนั่งนิ่งๆ มันน่าเบื่อนะยะ”
“ก็แกพึ่งตื่นไง แล้วอีกอย่างถ้าแกขับรถนะพวกฉันสองคนจะลงจากรถเดี๋ยวนี้ยอมเดินไปดีกว่า” อิ๊งพูดออกมา ฉันไม่เข้าใจจริงๆ นะว่าทำไมเพื่อนฉันถึงไม่ไว้ใจฝีมือการขับรถของฉัน ฮือออ แต่ฉันก็พึ่งตื่นจริงๆ นั่นแหละและก็เป็นความจริงอีกที่ว่าทุกครั้งที่ฉันขึ้นรถฉันต้องหลับเหมือนเป็นพวกโดนแอร์ไม่ได้มั้งหลับตลอด U_U
“ตกลงแกว่ายังไงง่ะฉันจะเจอมั้ยย” ฉันถามปุยเมฆอีกครั้ง เหตุผลที่ฉันถามปุยเมฆน่ะเพราะยัยนี่เป็นคนที่เดาอะไรแม่นมากๆ ต่างจากฉันที่เดาอะไรก็ผิดหมด
“ตอบไปเถอะว่าเจอน่ะไม่งั้นก็คงถามจนกลับกรุงเทพฯ” อิ๊งพูดกับปุยเมฆ เยี่ยมค่า! เหมือนกับฉันไม่ได้นั่งอยู่ตรงนี้
“เออๆ เจอก็เจอ” ถึงรู้ว่าปุยเมฆจะหลอกหรือประชดอะไรก็ตามเถอะแค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้ววว
จนถึงวันที่พวกฉันสามคนกำลังจะกลับกรุงเทพฯ
“ไหนแกบอกว่าจะเจอไงงงปุยเมฆฆฆฆ!” ฉันนอนดิ้นไปดิ้นมาบนเตียงแล้วก็คร่ำครวญอยู่ในผ้าห่ม ฮืออออ ฉันพยายามไปทุกๆ ที่ๆ คิดว่าพี่คนนั้นจะมาแต่ว่าไม่เลย! ไม่มีแม้แต่เงา
“อิ๊งบอกต่างหากไม่ใช่ฉัน”
“ฮื้ออออ T_T”
“หยุดโวยวายแล้วไปเก็บของๆ แกเดี๋ยวนี้!”
“ไม่!”
“งั้นฉันจะทิ้งแกไว้ที่นี่” อิ๊งพูด
“เอออออ ทิ้งไปเลยจะได้รู้ว่าพวกแกทิ้งฉัน”
“งั้นฉันจะขอให้แกไม่ได้เจอพี่คนนั้นอีก”
“...”
“ตกลงจะกลับมั้ย”
“กลับก็ได้!” ฉันจำต้องเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอนแล้วไปเก็บของ
หลายเดือนผ่านไป..
“เลิกเพ้อฝันซะมีเถอะแกแล้วอ่านหนังสือเดี๋ยวเน้!” อิ๊งที่กำลังตั้งหน้าตั้งใจอ่านหนังสือหันมาดุใส่ฉันที่กำลังนอนเพ้อดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียง วันนี้พวกฉันนัดกันมาอ่านหนังสือที่บ้านของปุยเมฆเตรียมเอนท์เข้ามหา'ลัย
“ฮือออออ แง๊งงง”
“ผ่านไปนานแล้วผู้ชายกับกล้องฟิล์มอะไรของแกคงลืมแกไปแล้วล่ะ” ยิ่งปุยเมฆพูดแบบนี้ฉันก็อยากจะร้องไห้ออกมา ฮื้ออออ
“ไม่จริงง่ะะ ;_;”
“อย่าเลยไอลูพิณขนาดแกยังจำหน้าพี่เขาไม่ได้เลย” ปุยเมฆพูด
“ก็..”
“แล้วก็ไม่ต้องมาบอกว่ามันมืดมองเห็นหน้าพี่เขาไม่ชัดบลาๆ” และอิ๊งพูด โอเคเยี่ยมจริงๆ ยัยเพื่อนพวกนี้ทำให้ฉันดูมีความหวังมากค่า แต่มันก็เป็นความจริงอยู่ดี T_T
Rrrrrrr~
“ว่าไงคะแม่”
[ติวหนังสือเสร็จรึยังลูก]
“เสร็จแล้วค่ะ ให้หนูลงไปเลยมั้ย”
[งั้นลงมาเลยจ้ะ] แล้วแม่ฉันก็วางสายไป
“แกกก แม่มารับแล้วกลับก่อนนะเว้ย”
“เออบาย”
“แค่เนี่ย!”
“ใช่แค่นี้แหละ”
“แต่ฉันไม่อยากกลับเลยอะ ไม่อยากไปเรียนศิลปะ”
“ไปสิเผื่อได้เจอคนหล่อๆ ติสท์ๆ สไตล์แกไง” พออิ๊งพูดมาเท่านั้นแหละฉันอยากไปขึ้นมา 80%
“จริงด้วยย ฉันจะไปเรียนด้วยนี้แหละ เขินน”
“ทีแบบนี้อะรีบเชียวว!”
“เอ๊ยย แต่ฉันจะไม่มีทางนอกใจสุดหล่อกล้องฟิลม์ของฉันแน่ๆ ไม่มีวันๆ”
“ให้จริงเถอะ ไปได้แล้วแกแม่รออยู่” ปุยเมฆพูด
“โอเคๆ เจอกันพรุ่งนี้นะยะะ” แล้วฉันก็คว้ากระเป๋าของตัวเองแล้วเดินออกจากห้องของปุยเมฆ
ฉันก้าวลงจากรถแม่ด้วยความงงๆ (เพิ่งตื่น) ฉันยืนอยู่หน้าศูนย์การค้าชื่อดังที่ๆ เรียนพิเศษของฉันอยู่ที่นี่ ในใจตอนนี้ฉันรู้สึกตื่นเต้นแฮะกับเรียนพิเศษในที่ใหม่ๆ ระหว่างเดินไปที่เรียนนั้นฉันก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตลอดทาง
'A&P ART' พอฉันมายืนอยู่ที่ข้างหน้าแล้วก็ยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิมอีก จะว่ายังไงดีล่ะฉันเป็นพวกเข้ากับคนยากนะเห็นแบบนี้
“....” แต่แล้วฉันก็ต้องยืนอึ้งเมื่อมีผู้ชายคนนึงเดินเปิดประตูออกมาจากที่เรียนพิเศษ เขาหล่อและมีเสน่ห์มากถึงมากที่สุด T_T ไม่ได้ๆ ฉันจะนอกใจสุดหล่อกล้องฟิล์มของฉันไม่ได้เด็ดขาด
ไม่ได้ๆๆ!!
“น้องมาติดต่ออะไรรึเปล่าครับ?” ผู้ชายคนนั้นมายืนหยุดที่หน้าฉันแล้วเอามือโบกข้างหน้าเชิงเรียกสติ
“...” เป็นครั้งแรกที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าผู้ชายแบบชัดๆ ตั้งแต่เรือนผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ ดวงตาคู่คมของเขา..ฉันมั่นใจนะว่าฉันเจอผู้ชายคนนี้ครั้งแรกแต่กลับคุ้นเคยดวงตาคู่นี้อย่างบอกไม่ถูกราวกับว่าถูกเขาสะกดเอาไว้เพียงแค่ฉันมองลึกเข้าไปในเสน่ห์แห่งความลึกลับนั้น
ไม่ได้ๆ ฉันจะนอกใจ..
“ฮาโหลลล~” เขาก้มตัวและโน้มใบหน้ามาใกล้ฉันมันเหมือนกับการจู่โจมโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งตัว
ฉันจะนอกใจ... ผ่าง!
“อ๋อคือหนูมาเรียนพิเศษค่าา” เสียงผ่างที่ว่านั่นคือความอดทนของฉันหมดลงนั่นแหละ ฮ่าาาาา
“เรียนพิเศษ? เด็กใหม่แน่ๆ พี่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” เขายกมือขึ้นเกาคางตัวเองอย่างครุ่นคริดและเอ่อ..มันดูน่ารักมากให้ตายเถอะ T-T พอเขายืดตัวจนเต็มความสูง ฉันมั่นใจว่าฉันสูงนะก็ประมาณเกือบหนึ่งร้อยเจ็บสิบเซนติเมตรแต่พออยู่กับเขาแล้วเอ่อฉันดูเตี้ยไปเลย ถ้าปุยเมฆมายืนนี่คงแบบเสาไฟฟ้ากับหลักกิโลแน่ๆ ฮ่าๆๆ “ถามก็ไม่ตอบนะครับคนเรา มองแบบนี้นินทาอะไรพี่ในใจหรือเปล่า”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ หนูเป็นเด็กใหม่ค่ะก็แบบว่าเรียนครั้งแรกเอ่อมันก็เลย..” ฉันรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะพูดติดอ่างแล้วล่ะยิ่งเวลาที่ฉันพูดไปมองหน้าเขาไป ตั้งสติสักครู่นะคะ U_U “ไม่ชินกับสถานที่ซะเท่าไหร่ ( ' ')”
“ฮ่าๆ งั้นเข้ามาดิ” แล้วพี่เขาก็เปิดประตูให้กับฉันเข้าไปข้างใน
“อ่าวนี่เด็กใหม่เหรอ แปลกว่ะเป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ไอลมเทคแคร์ขนาดนี้”
พอฉันเข้าไปพี่ที่เคาน์เตอร์ก็ทักเข้ามา เทคแคร์เหรอ? แอร๊ /)_(\////
“สวัสดีค่ะ” ฉันยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะทั้งๆ ที่ปกติไม่เป็น แต่ก็คงเฉพาะอยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้มั้งง ฮืออออ ดูไม่เป็นตัวเองเอาซะเลย
“สมัครไว้แล้วใช่มั้ยคะ”
“ค่า คุณแม่มาสมัครไว้ให้แล้วชื่อลูพิณค่ะ”
“อ๋อ นี่อุปกรณ์ค่ะพี่ชื่อฝนนะส่วนคนที่จะสอนน้องเนี่ยก็ไม่แน่นอนแต่รับรองค่ะ ลมพาน้องไปเรียนหน่อย” แล้วพี่เขาก็เดินนำหน้าไป ทางเดินไปห้องเรียนมันก็ไม่ได้ไกลนะแต่ฉันรู้สึกว่าค่อนข้างเป็นกิโลเมตรเลย U_U
“พี่ชื่อสายลมนะ” พี่เขาหันมาบอกชื่อกับฉัน
“(' ')” และฉันก็เอ๋อรับประทานอีกครั้ง =_=
“โอเคปะเนี่ย” พี่สายลมถามฉันด้วยน้ำเสียงทะเล้นๆ กวนๆ
“โอเคค่ะ ( ._.)”
“เรานี่ตลกดีว่ะฮ่าๆ” พอพี่สายลมพูดเขาก็หัวเราะออกมา ไอท่าทางเอ๋อๆ ของฉันนี่มันน่าขำมากรึไงยะ!
“พี่เป็นคนสอนหนูเหรอคะ”
“เปล่าๆ พี่ก็เรียนที่นี่นั่นแหละแต่ก็สอนได้นะแล้วแต่อารมณ์กับดูด้วยว่าน้องที่มาเรียนเป็นใคร”
“หนูว่าอย่างพี่สายลมเนี่ย..” ฉันลากเสียงยาวแล้วถือโอกาสจากเดินตามหลังไปเป็นเดินข้างๆ เขา “ต้องเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักๆ เท่านั้นแน่ๆ (' ')”
“เฮ้ย! เรานี่รู้ทันพี่ว่ะ” แล้วพี่สายลมก็หัวเราะออกมา “บอกเลยว่าถ้าพี่เลือกสอนแบบนั้นน้องไม่ได้เรียนแน่ๆ ครับ”
จึก! จบประโยคนั้นหน้าฉันนี่หงิกขึ้นมาเลยล่ะให้ตายเห็นหล่อๆ ดูมีเสน่ห์แบบนี้แต่แซวทีนี่แรงนะคะ U_U
“ล้อเล่นนะโอ๋เอ๋ๆ ห้องนี่แหละเข้าไปเลย” แล้วพี่เขาก็เปิดประตูห้องที่ข้างหน้าเขียนว่า 'ติวสถาปัตฯ'
“เอ่อ..ไม่เข้ามาด้วยกันเหรอคะ (' ')” และฉันก็อยากจะตบปากตัวเองอีกรอบ ทำไมฉันต้องถามแบบนั้นด้วยนะกรี๊ดดด มันใช่เรื่องมั้ยยะ!
“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวสาวๆ ในห้องจะไม่มีสมาธิเรียนกัน”
“ค่ะ =_=“ ฉันแกล้งทำหน้าเซ็งๆ ใส่พี่สายลม
เวลาตอนนี้มันก็ผ่านมาเกือบสองชั่วโมงแล้วล่ะ ซึ่งฉันก็ง่วงมากกกกถึงมากที่สุดถ้าทำได้จะนอนหัวทิ่มลงไปบนสมุดสเก็ตแล้ว ฉันเริ่มเรียนใหม่ตั้งแต่พื้นฐานการลากเส้นแบบสถาปัตย์ วาดคน วาดต้นไม้ ซึ่งฉันก็ผ่านพวกนี้มาเกือบหมดแล้วล่ะจากแม่ของฉันเลย T_T แต่ที่ฉันต้องมาเรียนเพิ่มคือทำให้พื้นฐานแน่นกว่าเดิม
“น้องมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” พี่ ‘จอมทัพ’ ที่สอนฉันวันนี้ยืนอยู่ตรงมุมห้องซึ่งมีนักเรียนคนอื่นๆ อยู่เงยหน้าจากโทรศัพท์แล้วถามฉัน
“เปล่าค่ะไม่มีอะไร” จะว่าไปแล้วที่เรียนพิเศษที่นี่คัดเลือกคนสอนจากหน้าตารึเปล่านะดูอย่างพี่สายลมกับพี่จอมทัพสิ โอมายก็อต T_T ฉันมองพี่จอมทัพที่กำลังเดินมาหาฉันเขาหล่อออกแนวลูกครึ่งหน่อยๆ คล้ายกับพระเอกในการ์ตูนญี่ปุ่นที่มีเสน่ห์อย่างมากถึงมากที่สุด แต่ก็แปลกแฮะทำไมฉันถึงไม่ใจเต้นเหมือนตอนอยู่ใกล้พี่สายลม (._. )
“ไหนดูดิ๊เราวาดได้ถึงไหนแล้ว”
“ก็เยอะอยู่นะ (' ')” แล้วฉันก็ยื่นสมุดสเก็ตให้กับพี่จอมทัพ ฉันได้ยินพี่เขาคุยกับคนอื่นแหละ (หูดี) ว่าพี่จอมทัพอยู่วิศวะแต่ดันมาเรียนสถาปัตย์แล้วก็รู้มา(อีก)ว่าพี่สายลมน่ะเก่งที่สุดแล้วในรุ่น แอร๊ยยย
“เห้ย ใช้ได้ๆ มีพื้นฐานมาก่อนเหรอ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ”
“เฮ้ยจะว่าไปน้องปิน”
“พิณค่ะพี่ =_=“
“เออโทษทีว่ะฮ่าๆ” บุคคลิกพี่จอมทัพนี่จะว่าไปก็หนุ่มวิศวะชัดๆ เลยล่ะกวนๆ ดูท่าจะปากร้ายใช่เล่นด้วย “ลายเส้นน้องเหมือนไอลมมันเลย รู้จักปะ?”
“อ๋อพี่ลม..” ฉันต้องแกล้งทำตัวอินโนเซ้นส์ซะหน่อยว่าจำไม่ได้ “คนไหนนะคะเหมือนคุ้นๆ”
“ก็ที่เดินมาส่งน้องไง”
“อ๋ออออ พี่สายลม”
“เออนั่นแหละ ลายเส้นคล้ายๆ กันจริงๆ นะนี่ถ้าไม่รู้จักกับไอลมมาหลายปีคงสับสนแน่ๆ”
“นินทาไรวะไอจอมทัพ” เสียงประตูเปิดดังขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงขรึมๆ ของพี่สายลม
“เปล่าครับเพื่อน มานี่ดิไอลมมีไรให้ดู” แล้วพี่สายลมก็เดินมาหาพี่จอมทัพซึ่งนั่งอยู่ข้างหน้าฉัน กรี๊ดดดดด แต่ฉันก็ต้องรู้สึกหงุดหงิดมากถึงมากที่สุดเมื่อผู้หญิงเกือบทุกคนในห้องเอาแต่จดจ้องที่พี่สายลม เอ๊ะ แต่ทำไมเวลานี้เท่าที่ฉันรู้สึกได้คือพี่สายลมดูขรึมๆ วางท่ายังไงบอกไม่ถูกแฮะดูเงียบๆ ไม่เหมือนตอนที่อยู่กับฉันตอนนั้นหรือไปโกรธใครมาหว่า “น้องๆ ผู้หญิงครับก้มหน้าลงไปทำงานต่อครับ” ฉันรู้สึกซาบซึ้งพี่จอมทัพสุดๆ เท่แล้วยังรู้ใจฉันอีก คิดไปคิดมาหล่อแบบนี้ฉันติดต่อให้อิ๊งดีมะ ก็น่าจะดีนะ (คิดเองตอบเอง) แถมอยู่วิศวะแน่ๆ รู้อะไรมั้ยอย่าหาว่านินทาเพื่อนตัวเองเลยนะ ยัยนี่ยังชวนฉันกับปุยเมฆไปสะดุดลานเกียร์อีก เยี่ยมค่า
“มีไรวะ” แล้วพี่สายลมกับพี่จอมทัพก็นั่งลงตรงข้างหน้าโต๊ะฉันที่เป็นโต๊ะเตี้ยๆ
“ลายเส้นเหมือนมึงเลยว่ะลม” แล้วพี่สายลมก็หยิบสมุดของฉันไปดู ถ้าฉันไม่ตาฝาดหรือคิดเข้าข้างตัวเองจนมากเกินไปพี่สายลมแอบกระตุกยิ้มด้วยนะ!
“เออก็เหมือนอยู่แต่แค่นี้มันวัดไม่ได้หรอกว่ะพึ่งครั้งแรกเองอีกอย่างนะเว้ยถ้าไม่เทพเหมือนสายลมจริงจะวาดเหมือนได้ไง”
“นี่พี่สายลมว่าหนูอยู่รึเปล่าคะเนี่ย” แล้วฉันก็โพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงงอนๆ อย่างลืมตัวตามด้วยหน้าหงิกเป็นปลาทูตามสไตล์ฉัน
“ให้พี่ต่อยมันให้ปะ” พี่จอมทัพพูดออกมาอย่างขำๆ
“...” ฉันกำลังจะพูดขึ้นมาแต่พี่สายลมก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“ครั้งแรกได้ขนาดนี้ก็สุดยอดแล้วว่ะที่หนึ่งของรุ่นแหง”
“จริงเหรอคะ” พอได้ยินแบบนั้นตาฉันก็ลุกวาวขึ้นมาทันทีเลยล่ะ
“จริง แต่ว่าก็ต้องได้คนสอนดีๆ ถ้าได้ไอจอมทัพเนี่ยน้องก็คง...”
“อ่าวไอเชี่ยลมมาด่ากูอีก”
“ช่วยไม่ได้ว่ะ” แล้วพี่ลมก็ยักไหล่ชนิดที่ว่ากวนเบื้องล่างสุดๆ
“อย่าให้ต้องแฉบ้างนะเว้ยไอลมเอ้ยยย จัดให้เลยเดี๋ยวนี้เอาปะ” พี่จอมทัพพูดพร้อมกับมองหน้าฉัน มองทำไม (' ') แต่ว่าพี่สายลมกลับเงียบแล้วก็มองหน้าฉันนิ่งๆ ก่อนจะกลับหันกลับไปจ้องพี่จอมทัพ “เออกูไปก็ได้เว้ยย ไม่ต้องไล่” แล้วพี่จอมทัพก็ลุกขึ้นไปดูคนอื่นๆ
“พี่กับพี่จอมทัพนี่ตลกจังเลยนะคะ” ฉันแอบหัวเราะออกมา แต่ก็ตลกจริงๆ แหละนะนี่ถ้าความเป็นสาววายของฉันมันเยอะล่ะก็ฉันจิ้นคู่นี้แน่ๆ “ว่าแต่หนูขอสมุดสเก็ตหนูคืนได้มั้ยคะ”
“อ้อ ลืมคืนโทษทีๆ”
“ไม่เป็นไรค่าา” พี่สายลมคืนสมุดสเก็ตมาให้กับฉันและก้มหน้าก้มตาวาดต่อ
ฉันรู้สึกว่าเวลาก็ผ่านไปพอสมควรแต่ว่าพี่สายลม...ยังคงนั่งมองฉันอยู่
“พี่สายลมได้ที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเลยเหรอคะ”
“ใช่ เก่งป้ะล่ะ”
“เก่งค่า หนูอยากเก่งแบบพี่บ้างถ้าจะยากแฮะ T_T”
“ให้พี่คอยสอนให้มั้ยล่ะ”
ฉันรู้สึกใจมันเต้นแรงขึ้นมากว่าเดิม ทั้งๆ ที่ฉันพึ่งจะเจอพี่เขาครั้งแรกแต่ฉันกลับใจเต้นแรงได้ขนาดนี้
“จริงเหรอคะ เย่! >_<“ ฉันต้องทำเป็นตื่นเต้นดีใจกลบเกลื่อนความรู้สึกลึกๆ ในใจของฉัน
“ล้อเล่น”
“เอ้า!” จากที่ฉันกำลังยิ้มอย่างเริงร่าตอนนี้กลายเป็นว่าทำหน้าหงิกเลยล่ะ
“ดูทำหน้าเข้าดิ ตลกว่ะฮ่าๆ” พี่สายลมขำออกมาก่อนที่จะลุกขึ้น “งั้นพี่ไปก่อนนะ”
“โอเคค่า” อย่าอยู่นานเลยค่าาา รู้สึกว่าหนูไม่เป็นตัวของตัวเองซะเลย T///T
“พี่สายลมบ้ายบายค่าาา~” ดูเหมือนนักเรียนหญิงในห้องหญิงแท้หญิงเทียมต่างพร้อมใจกันพูดขึ้นมา ไม่มีทางหรอกย่ะพี่สายลมเขาไม่มีทางมาพูดบ้ายบายอะไรแน่ๆ ตอนเข้ามายังทำท่าขรึมอยู่เลย
“บายครับ”
อ่าวเฮ้ย! ผิดคลาดอะกลายเป็นว่าพี่เขาโบกมือให้กับทุกคนแถมยิ้มจนเห็นลักยิ้มอีก โหยย! ที่แท้ก็เป็นแบบนี้สินะ ไอเราก็หวังว่าพี่เขาจะเป็นแบบนี้แค่กับเราคนเดียว เยี่ยมจริงๆ ;_;
ฝากคอมเม้นให้กำลังกันด้วยนะคะ
ความคิดเห็น