คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทนำ
ที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่งในป่าที่เงียบสงบ รอบข้างเต็มไปด้วยสีเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้านานาพันธุ์ที่ขึ้นอยู่ในป่าแห่งนี้ ชายวัยกลางคนร่างเล็กกำลังนั่งสเก็ตรูปภาพธรรมชาติที่แสนสวยงามตรงริมแม่น้ำอย่างสบายอารมณ์ สายลมกำลังพัดผ่านเย็นสบายและปราศจากผู้คนพลุกพล่านเป็นสถานที่ที่น่าหลงใหลสำหรับคนที่รักธรรมชาติ
“ช่างเป็นสถานที่ที่ดีจริงๆ”
ชายร่างเล็กละสายตาจากภาพสเก็ตของเขาก่อนจะเอ่ยขึ้นกับตัวเองพลางมองไปรอบๆข้างที่มีแต่ป่าไม้ มันเป็นภาพที่เขาไม่ได้เห็นมานานแล้ว ภาพของต้นไม้สีเขียวไม่ใช่ต้นไม้ที่เหลือแต่ตอน้ำตาลๆให้เห็นและน้ำสีใสที่ไม่มีขยะลอยอยู่เกลื่อนกับกลิ่นเหม็นเน่าจากขยะที่ถูกทิ้งลงไปในแม่น้ำ เขารู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิดจริงๆที่หนีสภาพอากาศที่เต็มไปด้วยมลพิษในเมืองกรุงเทพฯมาที่นี่
“ใช่ไหมล่ะๆ พ่อย้ายมาอยู่ที่นี่กับอาดีกว่าไปอยู่ในเมืองอีกตั้งเยอะตั้งแยะ”
เสียงใสๆของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น เธออายุประมาณสิบห้าถึงห้าหกปี ผมสีน้ำตาลยาวหยักศก ยืนยิ้มให้ผู้เป็นพ่อเมื่อได้ยินเขาเอ่ยชมธรรมชาติของที่นี่และไม่ลืมที่จะชวนให้พ่อของเธอย้ายจากกรุงเทพฯมาอยู่ที่นี่กับอาด้วย เธอรู้ดีว่าพ่อของเธอคงจะปฏิเสธแต่ก็อยากจะชวนให้มาอยู่ด้วยกันที่นี่
“ไว้พ่อจะคิดดูแล้วกันนะ แล้วมาทำอะไรที่นี่ล่ะ?”
ผู้เป็นพ่อยิ้มน้อยๆให้ลูกสาวที่ชวนเขาให้มาอยู่ด้วยกัน ความจริงแล้วตัวเขาเองก็อยากจะย้ายมาอยู่ที่นี่แต่เพราะงานที่กรุงเทพฯและรวมถึงปัญหาจุกจิกอีกมากมาย เขาจึงไม่สามารถทำแบบนั้นได้ แต่ก็ไม่อยากบอกไปตรงๆเพราะกลัวว่าลูกสาวจะผิดหวังจากคำตอบของเขา เขาจึงเปลี่ยนเรื่องคุยอย่างรวดเร็ว
“มาเดินเล่นค่ะ พ่อล่ะสเก็ตภาพอยู่เหรอคะ?” หญิงสาวตอบเสียงฉะฉาน
“ใช่ พ่ออยากได้ภาพสวยๆติดมือก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯน่ะ” ชายร่างเล็กตอบ
“จริงสิ เมื่อกี้ตอนหนูเดินเล่นเจอของเต็มไปหมดเลยล่ะค่ะ นี่ไงๆ”
หญิงสาวเหมือนนึกอะไรได้ เธอจึงล้วงหาอะไรบางอย่างในกระเป๋ากางเกงของเธอและหยิบออกมาให้พ่อของเธอดู มันคือของต่างๆอย่างเหรียญเงิน พวงกุญแจ แหวน กำไล อยู่ในถุงพลาสติกสีขาว ซึ่งของพวกนี้มักมีคนเอามาทิ้งหรือลืมทิ้งไว้เป็นประจำ หญิงสาวพูดยิ้มๆอย่างดีใจกับของที่เอามาอวดถึงจะไม่มีค่ามากมายอะไรก็ตาม แต่ว่าหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอเหมือนกับเธอเจอขุมทรัพย์ระหว่างเดินเล่นก็ไม่ปาน ผู้เป็นพ่อเองเมื่อเห็นท่าทีดีใจนั้นของลูกสาวก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
“แสดงว่ามาหาแถวนี้บ่อยล่ะสิ ว่าแต่ที่นี่ไม่ค่อยมีคนเลยนะ” ชายร่างเล็กพูดขึ้น
“ค่ะ นานๆทีจะเห็นคนเดินมาซักที” หญิงสาวตอบด้วยหน้าตาที่มีความสุข
แต่พูดยังไม่ทันไรก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาจากทางที่หญิงสาวเพิ่งผ่านมาก่อนมาเจอพ่อของเธอที่นั่งสเก็ตภาพอยู่ตรงนี้ เขาก้มหน้าลงมองทางตลอดแทนที่จะมองวิวทิวทัศน์ทำท่าทำทางเหมือนมองหาอะไรซักอย่างแต่เหมือนว่าแค่มองผ่านๆไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่นั้นก็สร้างความงุนงงไม่น้อยให้สองพ่อลูกที่มองดูอยู่ตั้งแต่เขาเพิ่งเดินมาจนตอนนี้จะเดินชนหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอยู่แล้ว แต่จู่ๆเด็กหนุ่มคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองมายังทั้งสองคนที่มองเขา
“มองอะไรกัน” เด็กหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นสองพ่อลูกที่เอาแต่มองเขาตลอดตั้งแต่เขาเดินมา แถมสีหน้าของพวกเขาก็ดูจะสงสัยกับการกระทำของเขาไม่ใช่น้อยเหมือนกัน “ไม่มีอะไรให้มองแล้วรึไง”
เมื่อไม่มีใครตอบคำถามของเขา เขาจึงเลิกใส่ใจสองคนนั้นแล้วก็เดินผ่านไปเหมือนกับว่าไม่มีอะไร หญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่นานเดินตามเด็กหนุ่มไป ก่อนจะทักเด็กหนุ่มที่ไม่คิดสนใจเธอเอาแต่มองหาอะไรบนพื้น
“นี่นายหาอะไรอยู่เหรอ? ฉันช่วยหาไหม?”
หญิงสาวถามด้วยความหวังดีเพราะเธอเห็นว่าเขามองหาอะไรซักอย่างมาตั้งแต่แวบแรกที่เธอเห็นเขาแล้ว ถึงแม้จะดูไม่ค่อยตั้งใจหาซักเท่าไหร่แต่การที่ลงทุนมองหาตามทางแบบนี้แทนที่จะตัดใจเหมือนคนอื่นๆที่ทิ้งของไว้ที่นี่ แสดงว่าของอันนั้นจะต้องมีความสำคัญกับเขาคนนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไม่จำเป็น” เด็กหนุ่มตอบโดยที่ไม่แม้แต่จะหันมามอง
“อะไรกันคนอุส่าห์จะช่วยหา หันมาคุยกันดีๆเลยนะนาย”
เมื่อเห็นท่าทีที่เหมือนไม่สนใจในความหวังดีจากเธอของเขา และเขาก็ไม่แม้แต่จะหันมาสบตาคุย ก็ทำให้เธอโมโหไม่น้อยจึงเดินไปจับไหล่ซึ่งสูงกว่าเธอเล็กน้อยให้หันหน้ามาคุยกัน แต่สีหน้าของเขากลับนิ่งเสียจนประหลาดเพราะถ้าเป็นคนอื่นคงจะตวาดใส่เธอไป แล้วจนเธอเริ่มสงสัยในตัวคนๆนี้
อะไรกันหมอนี่ นิ่ง...นิ่งเกินไปแล้วนะ
เขาคนนี้อายุน่าจะประมาณสิบห้าสิบหกเท่าเธอ ร่างกายสมส่วน ตัวสูง ผิวขาว หน้าตาถือได้ว่าหล่อเข้าขั้นเลยทีเดียว ผมสีดำยาวถึงต้นคอ ดวงตาสีเหลืองเป็นประกายคู่นั้นดูมีเสน่ห์แต่แฝงไปด้วยความลึกลับที่น่าค้นหา
“น่ารำคาญจริงๆเลย ก็บอกแล้วว่าไม่จำเป็น ถึงเธอจะยื้อฉันไว้ ฉันก็ไม่คิดจะให้คนไม่รู้จักอย่างเธอมาช่วยหาหรอกน่า น่ารำคาญจริงๆ” จู่ๆคนที่เธอไม่คิดว่าจะพูดอะไรมากก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าที่ดูเบื่อๆเซ็งๆ แปรเปลี่ยนความสงสัยกลายมาเป็นความโมโหอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีที่ดูกวนๆของเขา
“นะ...นาย” เด็กสาวกำหมัดแน่น
“ถ้าคิดจะมีเรื่องกับฉันล่ะก็...ไม่เอาด้วยหรอก ฉันไม่ชอบทำร้ายผู้หญิง ไม่มีอะไรแล้วสินะ” เขา พูดสรุปขึ้นเองก่อนจะหันหลังและเดินออกไป เธอมองตามเด็กหนุ่มนั้นจนเขาเดินไปไกลด้วยความรู้สึกไม่เข้าใจ ก่อนที่ความรู้สึกไม่พอใจจะเข้ามาแทนที่
หมอนั่นมันอะไรกัน จู่ๆก็เข้ามาเหมือนอยากหาเรื่องที่เราเผลอไปมอง พอจะมีเรื่องก็บอกไม่สู้กับผู้หญิง แถมยังท่าทีกวนประสาทนั่นอีก อย่าให้ฉันเจอนายอีกก็แล้วกัน
“นี่จะเย็นแล้วกลับบ้านกันเถอะลูก พรุ่งนี้เราจะกลับกรุงเทพฯแล้วด้วยถ้าไม่รีบนอนจะตื่นสายนะ”
เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้นทำให้เด็กสาวหลุดออกจากภวังค์ ยังไม่ทันไรพอมองดูท้องฟ้าอีกทีก็เริ่มจะมืดแล้ว หญิงสาวก็ไม่ได้ว่าอะไรพยักหน้าน้อยๆเห็นด้วยและช่วยพ่อของเธอเก็บอุปกรณ์สเก็ตภาพ และเดินออกจากตรงนั้นโดยนั่งรถของพ่อที่จอดอยู่ใกล้ๆนั้นขับกลับไปบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่
พรุ่งนี้ก็กลับกรุงเทพฯแล้วคงไม่ได้เจออีกแล้วล่ะ คนประหลาดอย่างหมอนั่นไม่เจออาจจะดีกว่าก็ได้
ระหว่างทางกลับบ้านเธอก็ยังอดคิดไม่ได้ เธอคงไม่ได้เจอคนแบบนี้อีกแล้วเพราะเธออยู่ที่กรุงเทพฯและกำลังจะกลับไปพรุ่งนี้ ถ้าเกิดว่าจะได้เจอจริงๆก็คงจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์เท่านั้น แต่ว่าเธอก็อดดีใจไม่ได้ที่จะได้แก้แค้นที่เด็กหนุ่มทำเป็นไม่สนใจและทำท่ากวนประสาทใส่เธอในครั้งนี้ถ้าเกิดเจอกันใหม่ และมั่นใจว่าเธอจะเอาคืนให้อย่างสาสมแน่นอน
ความคิดเห็น