คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สัญญาของคุณตา
สัญญาของคุณตา
เสียงไวโอลินของคุณตายังดังก้องอยู่ในหู แต่บัดนี้มันค่อย ๆ กลายเป็นเสียงสวดมนต์แสนจะวังเวงที่คล้ายจะบอกเป็นนัย ๆ ให้คุณตาไปสู่สุคติ
โบว์ นำดอกไม้จันทน์ขึ้นไปวาง แล้วค่อย ๆ เดินลงมาจากเมรุ แล้วหันหลังไปมองโลงศพของคุณตาเป็นครั้งสุดท้าย
“คุณตาคะ...แล้วใครจะสอนโบว์เล่นไวโอลินล่ะคะ”
โบว์ถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่มือใหญ่ ๆ จะมาโอบไหล่เล็ก ๆ ที่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัส
“ขอบคุณโบว์มาก ที่มาช่วยงานศพของคุณตาพี่ทุกวัน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แล้วพี่วุฒิจะเริ่มขนย้ายวันไหนคะ”
“ก็คงประมาณสัปดาห์หน้าจ้ะ”
“แล้วบ้านหลังนั้นล่ะคะ”
“คุณพ่อว่าจะขาย ติดประกาศไปแล้วด้วย”
โบว์ใจหายวาบเมื่อได้รับรู้ว่า สิ่งที่จะระลึกถึงคุณตาคงไม่มีอีกแล้วในโลกนี้
****************************************************************
ขากลับ โบว์ยังมายืนด้อม ๆ มอง ๆ ข้าง ๆ บ้านของเธอ...มันเป็นบ้านของคุณตาผู้ล่วงลับของพี่วุฒิ บรรยากาศภายนอกบ้าน แม้จะมืดและเงียบ แต่โบว์ก็ยังได้ยินเสียงไวโอลินที่คุณตาเคยเล่นให้ฟัง ดังก้องอยู่ในหูเสมอ
“เพลงนี้เพราะจังเลยค่ะ คุณตา”
โบว์รำพึงกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงห้าว ๆ ใหญ่ ๆ ตะโกนเรียกดังมาจากบ้านข้าง ๆ
“ยัยโบว์ เข้าบ้านได้แล้ว มัวแต่ยืนทอดอาลัยอยู่ได้...เข้ามา”
“ค่ะ พี่บิ๊ก”
เท่านั้นแหละ โบว์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และปรายตามองบ้านหลังนั้นอีกครั้ง ก่อนจะตัดใจเดินเข้าบ้านไปเงียบ ๆ ตามเสียงเรียกของพี่ชาย
****************************************************************
สัปดาห์ต่อมา โบว์งัวเงียตื่นขึ้น หลังจากได้ยินเสียงกุกกัก โครมครามที่ดังมาจากบ้านข้าง ๆ โบว์แย้มม่านในห้องนอนดู แล้วก็รีบลุกพรวดวิ่งออกไปทางหน้าบ้าน ตรงไปหาบ้านข้าง ๆ ที่กำลังขนย้ายข้าวของกันอย่างขะมักเขม้น
“พี่วุฒิคะ พี่วุฒิจะไปแล้วเหรอคะ”
“จ้ะ พี่คงต้องย้ายไปอยู่บ้านใหม่เสียที อ้อ...นี่จ้ะ ไวโอลินของคุณตา พี่ยกให้โบว์แล้วกัน คุณตาคงดีใจที่มันมาอยู่กับโบว์นะจ๊ะ”
“พี่วุฒิไม่ย้ายไม่ได้หรือคะ”
“ไม่ได้หรอกจ้ะ คุณพ่อพี่จะไปทำงานอยู่เมืองนอก พี่ก็ต้องย้ายตามคุณพ่อไป คงไม่ได้เจอโบว์อีกนานเลย”
วุฒิหยิบกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ขึ้นมาเขียนอะไรขยุกขยิกก่อนจะส่งให้เด็กหญิง
“นี่เป็นที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านใหม่ของพี่ โบว์มีอะไรให้ช่วยก็โทร.หาพี่แล้วกันนะจ๊ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
โบว์รับกระดาษมาอ่านดู ก่อนจะโบกมือลาให้วุฒิ ที่ก้าวขึ้นรถไปช้า ๆ แล้วขับออกตัวไป โบว์ยืนมองรถคันนั้นจนลับตาที่หน้าบ้านของพี่วุฒิ...บ้านของคุณตา
ฉับพลัน โบว์เหมือนแว่วได้ยินเสียงไวโอลินที่คุ้นเคย เพลงประจำที่คุณตาชอบเล่น เสียงเหมือนดังมาจากในบ้าน...บ้านของคุณตา ซึ่งตอนนี้ว่างเปล่า โล่งแจ้ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใด ๆเหลืออยู่ ไม่ได้ล็อกกลอนประตูด้วยซ้ำ
ทีแรก โบว์คิดว่าตัวเองหูฝาด สะบัดศีรษะไปมา พร้อมก้มมองไวโอลินในมือ
สงสัย...โบว์จะคิดถึงคุณตามากไป
แต่แล้วเมื่อโบว์เงยหน้ามอง โบว์ก็เห็นคุณตานั่งอยู่ในบ้าน กวักมือเรียกให้โบว์เข้าไปหา
“โบว์...เข้ามาสิจ๊ะ ตาจะสอนโบว์เล่นไวโอลินไง”
โบว์กระพริบตาถี่ ๆ จนแน่ใจ แต่ก็ยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง
คุณตา...คุณตาจริง ๆ
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสาวน้อย ก่อนจะวิ่งถลาเข้าไปในบ้าน และตรงเข้าสู่อ้อมกอดของคุณตาที่รัก
“คุณตา...โบว์คิดถึงคุณตามากเลยค่ะ”
“ตาก็คิดถึงโบว์เหมือนกัน มา...ตาจะสอนไวโอลินให้โบว์ เราเรียนถึงเพลงไหนแล้ว”
โบว์บอกชื่อเพลง แล้วสองตาหลานก็เพลิดเพลินกับไวโอลินตัวนั้นกันอยู่สองคน
****************************************************************
“โบว์เล่นไวโอลินเก่งขึ้นมากเลยนี่ ไปหัดมาจากไหนล่ะ”
บิ๊กเอ่ยขึ้นในวันหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับ อร แฟนสาวของเขาที่เพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน
“คุณตาสอนโบว์ค่ะ”
“คุณตา...คุณตาไหน”
“ก็คุณตาของพี่วุฒิไงคะ ที่อยู่ข้างบ้านเรา”
คำตอบนั้น ทำให้สองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันถึงกับขนหัวลุก หลังจากที่โบว์เดินหายเข้าไปในห้อง อรก็แอบกระซิบถามกับสามี
“คุณตาข้างบ้านแกตายไปสองปีกว่าแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
“นั่นสิ ยัยโบว์ไม่รู้เอาอะไรมาพูด สงสัยจะมาพูดหยอกเราล่ะมั้ง อรอย่าใส่ใจเลย”
แม้จะปลอบใจภรรยาอย่างนั้น แต่บิ๊กเองอดขนลุกไม่ได้ เขาชำเลืองมองไปทางบ้านข้าง ๆ ที่บัดนี้ก็ยังไม่มีใครมาอยู่เสียที
น่าแปลกจริง ๆ...หรือจะเป็นเพราะคุณตาไม่อยากขายบ้านหลังนี้ ถึงไม่มีใครมาซื้อเสียที
****************************************************************
หลายวันต่อมา ครอบครัวเล็ก ๆ ที่ตั้งใจจะย้ายมาอยู่แทนที่ครอบครัวของวุฒิก็ต้องยุติการขนย้ายลงเนื่องจากถูกขัดขวางโดยสาวน้อยอายุสิบแปดคนหนึ่งที่อ้างว่า บ้านนี้เป็นบ้านของคุณตาที่สอนเธอเล่นไวโอลินเป็นประจำ เธอยืนกรานไม่ให้ใครย้ายเข้าไปในบ้านหลังนี้เด็ดขาด เรื่องถึงหูบิ๊กกับอร ในฐานะผู้ปกครอง บิ๊กจึงเรียกโบว์มาอบรมทันที
“ยัยโบว์ บ้านหลังนั้นไม่ใช่ของเรานะ เธอมีสิทธิอะไรไปขัดขวางเขา”
“ถ้าเขาเข้าไปอยู่ แล้วคุณตาจะไปอยู่ไหนล่ะคะ”
“คุณตาน่ะ ตายไปสองปีกว่าแล้ว เธอเลิกเพ้อเจ้อสักทีเถอะ”
“ไม่ คุณตายังอยู่กับโบว์ โบว์ไม่ยอมให้ใครมาอยู่บ้านคุณตาหรอก”
บทสนทนานั้น บังเอิญว่า สุโภค หัวหน้าครอบครัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งย้ายมาใหม่นั้น บังเอิญได้ยินเข้าและนำไปปรึกษากับภรรยา และในที่สุด ทั้งสองก็ตัดสินใจที่จะหาบ้านใหม่ที่น่าอยู่มากกว่านี้ และน่ากลัวน้อยกว่านี้
****************************************************************
สามเดือนผ่านไป โบว์ยังคงไปมาหาสู่กับคุณตาในบ้านร้างหลังนั้น ชาวบ้านแถวนั้นเดินผ่านไปมาบ้างก็มองบ้างก็ซุบซิบกัน แม้จะเห็นเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ แต่ก็ยังอดนินทากันให้สนุกปากไม่ได้ แม้จะได้รับคำห้ามปรามจากพี่ชายและพี่สะใภ้ แต่โบว์ก็ยังคงเชื่อมั่นและตั้งใจเรียนไวโอลินที่คุณตาพร่ำสอนเป็นอย่างดี จนคุณตาแนะนำให้โบว์เข้าประกวดการแข่งขันเล่นดนตรีเวทีหนึ่ง ซึ่งคุณตาเคยได้รางวัลชนะเลิศเมื่อหลายปีมาแล้ว โบว์ตัดสินใจสมัครประกวดและบุกบ่าผ่าด่านกับนักดนตรีมากมายจนผ่านเข้ารอบสุดท้าย โบว์ได้เรียนรู้เทคนิค วิธีการ พรสวรรค์และพรแสวงต่าง ๆ จากเพื่อนนักดนตรีต่างวัย ซึ่งช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ให้โบว์มากขึ้น
วันแข่งขันรอบตัดสิน โบว์เล่นเพลงที่คุณตาบอกว่าเป็นเพลงโปรดของคุณตาเพื่อแข่งขัน กรรมการหลายคนมองสบตากัน และรู้สึกว่าเทคนิคการเล่นคล้าย ๆ กับนักดนตรีบางคนที่เขาเคยรู้จักมานาน เมื่อโบว์เล่นจบเพลง กรรมการตัดสินให้โบว์ได้รับรางวัลชนะเลิศและติกต่อให้โบว์ไปเป็นนักดนตรีอาชีพ โบว์ดีใจที่ความฝันเป็นจริง และนึกถึงคำสัญญาของคุณตาที่เคยบอกว่า จะสอนโบว์ให้เป็นนักดนตรีอาชีพให้ได้
****************************************************************
หลังจากที่โบว์ได้รับรางวัลและได้เป็นนักดนตรีสมใจ โบว์ก็ตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงคุณตา
ถึง คุณตาที่รักของโบว์
ความฝันของโบว์เป็นจริงแล้วค่ะ คุณตา โบว์ได้เป็นนักดนตรี ได้เป็นนักเดี่ยวไวโอลิน ทีมงานกองประกวดเขาจะส่งโบว์ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ พร้อม ๆ กับโชว์เดี่ยวไวโอลินไปด้วย โบว์ดีใจมากเลย แม้ว่าจะต้องจากกับคุณตาก็ตาม ความจริงโบว์ไม่ค่อยอยากอยู่ที่นี่นักหรอกค่ะ คุณตาทราบไหมคะว่าใคร ๆ เขาคิดโบว์ว่ายังไง
“น่าสงสารพี่ชายกับพี่สะใภ้เนอะ รู้รึเปล่าว่าน้องสาวไม่ค่อยเต็มบาท”
“อีหนูนี่ ท่าจะบ้าจริง ๆ นะเนี่ย ยืนเล่นไวโอลินหน้าบ้านร้างอยู่ได้”
“ก็น้องโบว์เขาบอกว่า เขาเห็นคุณตาอยู่ในบ้าน คุณตาเป็นคนสอนเขาเล่นไวโอลิน แต่คุณตาจริง ๆ ตายไปตั้งหลายปีแล้ว ฉันยังไปงานศพมาด้วยเลย”
“ว่าไม่ได้นะเธอ เห็นบ้า ๆ แบบนี้ ไปประกวดได้ที่หนึ่งมาเชียวนะยะ” ฯลฯ
เขาว่ากันต่าง ๆ นานา จนทุกวันนี้โบว์กลายเป็นอีบ้า สำหรับคนพวกนี้ไปซะแล้ว
แต่...ช่างเถอะนะคะ คุณตา โบว์ไม่สนใจหรอก ว่าใครจะมองโบว์ว่ายังไง วันนี้คุณตาคงดีใจที่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับโบว์สำเร็จสักที โบว์ขอขอบพระคุณคุณตามากนะคะ ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้โบว์เสมอมา แม้คุณตาจะไม่ได้อยู่กับโบว์จริง ๆ แต่โบว์ก็มองเห็นคุณตาอยู่ข้าง ๆ โบว์เสมอ ถึงไม่ได้เห็นด้วยตา แต่โบว์ก็เห็นด้วยใจค่ะ คุณตาคะ คุณตาคงมีความสุขถ้าได้รับรู้ว่า ลูกศิษย์ของคุณตาคนนี้ประสบความสำเร็จแล้ว โบว์จะจำคุณตาไว้ในความทรงจำของโบว์ตลอดไปค่ะ
ป.ล. ถ้าไม่มีคุณตา โบว์คงหาบ้านเงียบ ๆ ซ้อมไวโอลินไม่ได้สักที ขอโทษที่ต้องอ้างชื่อคุณตามาใช้ เพื่อยืมบ้านไว้ซ้อมไวโอลินชั่วคราว แต่หลังจากนี้ โบว์จะยอมให้มีคนย้ายมาอยู่แล้วนะคะ
โบว์พับจดหมายใส่ซอง แล้วเดินไปหน้าบ้านคุณตา และวางซองจดหมายซองนั้นไว้ในเตาถ่าน ก่อนจะจุดไฟจนกระดาษค่อย ๆ มอดไหม้หมดไป ก่อนจะมองขึ้นไปบนฟ้าดังจะให้ข้อความที่เขียนในจดหมายนั้นส่งขึ้นไปหาคุณตาที่รักบนสวงสวรรค์...
ความคิดเห็น