ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องเล่าสยองขวัญ

    ลำดับตอนที่ #5 : สัญญาของคุณตา

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 49


    สัญญาของคุณตา

    เสียงไวโอลินของคุณตายังดังก้องอยู่ในหู แต่บัดนี้มันค่อย ๆ กลายเป็นเสียงสวดมนต์แสนจะวังเวงที่คล้ายจะบอกเป็นนัย ๆ ให้คุณตาไปสู่สุคติ
    โบว์ นำดอกไม้จันทน์ขึ้นไปวาง แล้วค่อย ๆ เดินลงมาจากเมรุ แล้วหันหลังไปมองโลงศพของคุณตาเป็นครั้งสุดท้าย
    “คุณตาคะ...แล้วใครจะสอนโบว์เล่นไวโอลินล่ะคะ”
    โบว์ถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่มือใหญ่ ๆ จะมาโอบไหล่เล็ก ๆ ที่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกสัมผัส
    “ขอบคุณโบว์มาก ที่มาช่วยงานศพของคุณตาพี่ทุกวัน”
    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แล้วพี่วุฒิจะเริ่มขนย้ายวันไหนคะ”
    “ก็คงประมาณสัปดาห์หน้าจ้ะ”
    “แล้วบ้านหลังนั้นล่ะคะ”
    “คุณพ่อว่าจะขาย ติดประกาศไปแล้วด้วย”
    โบว์ใจหายวาบเมื่อได้รับรู้ว่า สิ่งที่จะระลึกถึงคุณตาคงไม่มีอีกแล้วในโลกนี้
    ****************************************************************
    ขากลับ โบว์ยังมายืนด้อม ๆ มอง ๆ ข้าง ๆ บ้านของเธอ...มันเป็นบ้านของคุณตาผู้ล่วงลับของพี่วุฒิ บรรยากาศภายนอกบ้าน แม้จะมืดและเงียบ แต่โบว์ก็ยังได้ยินเสียงไวโอลินที่คุณตาเคยเล่นให้ฟัง ดังก้องอยู่ในหูเสมอ
    “เพลงนี้เพราะจังเลยค่ะ คุณตา”
    โบว์รำพึงกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงห้าว ๆ ใหญ่ ๆ ตะโกนเรียกดังมาจากบ้านข้าง ๆ
    “ยัยโบว์ เข้าบ้านได้แล้ว มัวแต่ยืนทอดอาลัยอยู่ได้...เข้ามา”
    “ค่ะ พี่บิ๊ก”
    เท่านั้นแหละ โบว์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ และปรายตามองบ้านหลังนั้นอีกครั้ง ก่อนจะตัดใจเดินเข้าบ้านไปเงียบ ๆ ตามเสียงเรียกของพี่ชาย
    ****************************************************************
    สัปดาห์ต่อมา โบว์งัวเงียตื่นขึ้น หลังจากได้ยินเสียงกุกกัก โครมครามที่ดังมาจากบ้านข้าง ๆ โบว์แย้มม่านในห้องนอนดู แล้วก็รีบลุกพรวดวิ่งออกไปทางหน้าบ้าน ตรงไปหาบ้านข้าง ๆ ที่กำลังขนย้ายข้าวของกันอย่างขะมักเขม้น
    “พี่วุฒิคะ พี่วุฒิจะไปแล้วเหรอคะ”
    “จ้ะ พี่คงต้องย้ายไปอยู่บ้านใหม่เสียที อ้อ...นี่จ้ะ ไวโอลินของคุณตา พี่ยกให้โบว์แล้วกัน คุณตาคงดีใจที่มันมาอยู่กับโบว์นะจ๊ะ”
    “พี่วุฒิไม่ย้ายไม่ได้หรือคะ”
    “ไม่ได้หรอกจ้ะ คุณพ่อพี่จะไปทำงานอยู่เมืองนอก พี่ก็ต้องย้ายตามคุณพ่อไป คงไม่ได้เจอโบว์อีกนานเลย”
    วุฒิหยิบกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ขึ้นมาเขียนอะไรขยุกขยิกก่อนจะส่งให้เด็กหญิง
    “นี่เป็นที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ที่บ้านใหม่ของพี่ โบว์มีอะไรให้ช่วยก็โทร.หาพี่แล้วกันนะจ๊ะ”
    “ขอบคุณค่ะ”
    โบว์รับกระดาษมาอ่านดู ก่อนจะโบกมือลาให้วุฒิ ที่ก้าวขึ้นรถไปช้า ๆ แล้วขับออกตัวไป โบว์ยืนมองรถคันนั้นจนลับตาที่หน้าบ้านของพี่วุฒิ...บ้านของคุณตา
    ฉับพลัน โบว์เหมือนแว่วได้ยินเสียงไวโอลินที่คุ้นเคย เพลงประจำที่คุณตาชอบเล่น เสียงเหมือนดังมาจากในบ้าน...บ้านของคุณตา ซึ่งตอนนี้ว่างเปล่า โล่งแจ้ง ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ใด ๆเหลืออยู่ ไม่ได้ล็อกกลอนประตูด้วยซ้ำ
    ทีแรก โบว์คิดว่าตัวเองหูฝาด สะบัดศีรษะไปมา พร้อมก้มมองไวโอลินในมือ
    สงสัย...โบว์จะคิดถึงคุณตามากไป
    แต่แล้วเมื่อโบว์เงยหน้ามอง โบว์ก็เห็นคุณตานั่งอยู่ในบ้าน กวักมือเรียกให้โบว์เข้าไปหา
    “โบว์...เข้ามาสิจ๊ะ ตาจะสอนโบว์เล่นไวโอลินไง”
    โบว์กระพริบตาถี่ ๆ จนแน่ใจ แต่ก็ยังไม่เชื่อสายตาตัวเอง
    คุณตา...คุณตาจริง ๆ
    รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสาวน้อย ก่อนจะวิ่งถลาเข้าไปในบ้าน และตรงเข้าสู่อ้อมกอดของคุณตาที่รัก
    “คุณตา...โบว์คิดถึงคุณตามากเลยค่ะ”
    “ตาก็คิดถึงโบว์เหมือนกัน มา...ตาจะสอนไวโอลินให้โบว์ เราเรียนถึงเพลงไหนแล้ว”
    โบว์บอกชื่อเพลง แล้วสองตาหลานก็เพลิดเพลินกับไวโอลินตัวนั้นกันอยู่สองคน
    ****************************************************************
    “โบว์เล่นไวโอลินเก่งขึ้นมากเลยนี่ ไปหัดมาจากไหนล่ะ”
    บิ๊กเอ่ยขึ้นในวันหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับ อร แฟนสาวของเขาที่เพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นาน
    “คุณตาสอนโบว์ค่ะ”
    “คุณตา...คุณตาไหน”
    “ก็คุณตาของพี่วุฒิไงคะ ที่อยู่ข้างบ้านเรา”
    คำตอบนั้น ทำให้สองสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันถึงกับขนหัวลุก หลังจากที่โบว์เดินหายเข้าไปในห้อง อรก็แอบกระซิบถามกับสามี
    “คุณตาข้างบ้านแกตายไปสองปีกว่าแล้วไม่ใช่เหรอคะ”
    “นั่นสิ ยัยโบว์ไม่รู้เอาอะไรมาพูด สงสัยจะมาพูดหยอกเราล่ะมั้ง อรอย่าใส่ใจเลย”
    แม้จะปลอบใจภรรยาอย่างนั้น แต่บิ๊กเองอดขนลุกไม่ได้ เขาชำเลืองมองไปทางบ้านข้าง ๆ ที่บัดนี้ก็ยังไม่มีใครมาอยู่เสียที
    น่าแปลกจริง ๆ...หรือจะเป็นเพราะคุณตาไม่อยากขายบ้านหลังนี้ ถึงไม่มีใครมาซื้อเสียที
    ****************************************************************
    หลายวันต่อมา ครอบครัวเล็ก ๆ ที่ตั้งใจจะย้ายมาอยู่แทนที่ครอบครัวของวุฒิก็ต้องยุติการขนย้ายลงเนื่องจากถูกขัดขวางโดยสาวน้อยอายุสิบแปดคนหนึ่งที่อ้างว่า บ้านนี้เป็นบ้านของคุณตาที่สอนเธอเล่นไวโอลินเป็นประจำ เธอยืนกรานไม่ให้ใครย้ายเข้าไปในบ้านหลังนี้เด็ดขาด เรื่องถึงหูบิ๊กกับอร ในฐานะผู้ปกครอง บิ๊กจึงเรียกโบว์มาอบรมทันที
    “ยัยโบว์ บ้านหลังนั้นไม่ใช่ของเรานะ เธอมีสิทธิอะไรไปขัดขวางเขา”
    “ถ้าเขาเข้าไปอยู่ แล้วคุณตาจะไปอยู่ไหนล่ะคะ”
    “คุณตาน่ะ ตายไปสองปีกว่าแล้ว เธอเลิกเพ้อเจ้อสักทีเถอะ”
    “ไม่ คุณตายังอยู่กับโบว์ โบว์ไม่ยอมให้ใครมาอยู่บ้านคุณตาหรอก”
    บทสนทนานั้น บังเอิญว่า สุโภค หัวหน้าครอบครัวเล็ก ๆ ที่เพิ่งย้ายมาใหม่นั้น บังเอิญได้ยินเข้าและนำไปปรึกษากับภรรยา และในที่สุด ทั้งสองก็ตัดสินใจที่จะหาบ้านใหม่ที่น่าอยู่มากกว่านี้ และน่ากลัวน้อยกว่านี้
    ****************************************************************
    สามเดือนผ่านไป โบว์ยังคงไปมาหาสู่กับคุณตาในบ้านร้างหลังนั้น ชาวบ้านแถวนั้นเดินผ่านไปมาบ้างก็มองบ้างก็ซุบซิบกัน แม้จะเห็นเหตุการณ์แบบนี้บ่อย ๆ แต่ก็ยังอดนินทากันให้สนุกปากไม่ได้ แม้จะได้รับคำห้ามปรามจากพี่ชายและพี่สะใภ้ แต่โบว์ก็ยังคงเชื่อมั่นและตั้งใจเรียนไวโอลินที่คุณตาพร่ำสอนเป็นอย่างดี จนคุณตาแนะนำให้โบว์เข้าประกวดการแข่งขันเล่นดนตรีเวทีหนึ่ง ซึ่งคุณตาเคยได้รางวัลชนะเลิศเมื่อหลายปีมาแล้ว โบว์ตัดสินใจสมัครประกวดและบุกบ่าผ่าด่านกับนักดนตรีมากมายจนผ่านเข้ารอบสุดท้าย โบว์ได้เรียนรู้เทคนิค วิธีการ พรสวรรค์และพรแสวงต่าง ๆ จากเพื่อนนักดนตรีต่างวัย ซึ่งช่วยเพิ่มพูนประสบการณ์ให้โบว์มากขึ้น
    วันแข่งขันรอบตัดสิน โบว์เล่นเพลงที่คุณตาบอกว่าเป็นเพลงโปรดของคุณตาเพื่อแข่งขัน กรรมการหลายคนมองสบตากัน และรู้สึกว่าเทคนิคการเล่นคล้าย ๆ กับนักดนตรีบางคนที่เขาเคยรู้จักมานาน เมื่อโบว์เล่นจบเพลง กรรมการตัดสินให้โบว์ได้รับรางวัลชนะเลิศและติกต่อให้โบว์ไปเป็นนักดนตรีอาชีพ โบว์ดีใจที่ความฝันเป็นจริง และนึกถึงคำสัญญาของคุณตาที่เคยบอกว่า จะสอนโบว์ให้เป็นนักดนตรีอาชีพให้ได้
    ****************************************************************
    หลังจากที่โบว์ได้รับรางวัลและได้เป็นนักดนตรีสมใจ โบว์ก็ตัดสินใจเขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงคุณตา
    ถึง คุณตาที่รักของโบว์
    ความฝันของโบว์เป็นจริงแล้วค่ะ คุณตา โบว์ได้เป็นนักดนตรี ได้เป็นนักเดี่ยวไวโอลิน ทีมงานกองประกวดเขาจะส่งโบว์ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ พร้อม ๆ กับโชว์เดี่ยวไวโอลินไปด้วย โบว์ดีใจมากเลย แม้ว่าจะต้องจากกับคุณตาก็ตาม ความจริงโบว์ไม่ค่อยอยากอยู่ที่นี่นักหรอกค่ะ คุณตาทราบไหมคะว่าใคร ๆ เขาคิดโบว์ว่ายังไง
    “น่าสงสารพี่ชายกับพี่สะใภ้เนอะ รู้รึเปล่าว่าน้องสาวไม่ค่อยเต็มบาท”
    “อีหนูนี่ ท่าจะบ้าจริง ๆ นะเนี่ย ยืนเล่นไวโอลินหน้าบ้านร้างอยู่ได้”
    “ก็น้องโบว์เขาบอกว่า เขาเห็นคุณตาอยู่ในบ้าน คุณตาเป็นคนสอนเขาเล่นไวโอลิน แต่คุณตาจริง ๆ ตายไปตั้งหลายปีแล้ว ฉันยังไปงานศพมาด้วยเลย”
    “ว่าไม่ได้นะเธอ เห็นบ้า ๆ แบบนี้ ไปประกวดได้ที่หนึ่งมาเชียวนะยะ” ฯลฯ
    เขาว่ากันต่าง ๆ นานา จนทุกวันนี้โบว์กลายเป็นอีบ้า สำหรับคนพวกนี้ไปซะแล้ว
    แต่...ช่างเถอะนะคะ คุณตา โบว์ไม่สนใจหรอก ว่าใครจะมองโบว์ว่ายังไง วันนี้คุณตาคงดีใจที่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับโบว์สำเร็จสักที โบว์ขอขอบพระคุณคุณตามากนะคะ ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้โบว์เสมอมา แม้คุณตาจะไม่ได้อยู่กับโบว์จริง ๆ แต่โบว์ก็มองเห็นคุณตาอยู่ข้าง ๆ โบว์เสมอ ถึงไม่ได้เห็นด้วยตา แต่โบว์ก็เห็นด้วยใจค่ะ คุณตาคะ คุณตาคงมีความสุขถ้าได้รับรู้ว่า ลูกศิษย์ของคุณตาคนนี้ประสบความสำเร็จแล้ว โบว์จะจำคุณตาไว้ในความทรงจำของโบว์ตลอดไปค่ะ
    ป.ล. ถ้าไม่มีคุณตา โบว์คงหาบ้านเงียบ ๆ ซ้อมไวโอลินไม่ได้สักที ขอโทษที่ต้องอ้างชื่อคุณตามาใช้ เพื่อยืมบ้านไว้ซ้อมไวโอลินชั่วคราว แต่หลังจากนี้ โบว์จะยอมให้มีคนย้ายมาอยู่แล้วนะคะ
    โบว์พับจดหมายใส่ซอง แล้วเดินไปหน้าบ้านคุณตา และวางซองจดหมายซองนั้นไว้ในเตาถ่าน ก่อนจะจุดไฟจนกระดาษค่อย ๆ มอดไหม้หมดไป ก่อนจะมองขึ้นไปบนฟ้าดังจะให้ข้อความที่เขียนในจดหมายนั้นส่งขึ้นไปหาคุณตาที่รักบนสวงสวรรค์...




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×